คุณคิดไง? กับสวดมนต์ ๆๆๆ(เอคโค่เล็กน้อย) สมาธิ? มาแสดงแนวหน่อย ๆๆๆ(เอคโค่อีกทีนะีี).

ความเห็นผมว่า เกี่ยวกับ  สมาธิ นะครับ.

คุณคิดไง? กับการสวดมนต์ มาแสดงความเห็นหน่อย.
​

            อันนี้ความเห็นของผมนะครับ :-

[FONT=MS Sans Serif]            ​สมัยก่อน​ ​การสวดมนต์​ ​คือการท่องจำ​พระ​ไตรปิฎก​ ​ซึ่ง​สมัยนี้นิยม​ใช้​คำ​ว่า​เรียน​ ​แต่นั่นก็​ยัง​เรียกว่า​ไม่​ตรงนัก​ ​เพราะ​การเรียน​ใน​พระ​ไตรปิฎก​นั้น​ ​หมาย​ถึง​การท่องจำ​ ​ซึ่ง​ใช้​ศัพท์ว่า​ ​อุคคหะ​  ​ไม่​ใช่​การนั่งฟัง​ให้​เข้า​ใจที่​เรียกว่า​ ​สวนะ​ ​เท่า​นั้น​ ​เพราะ​พอลุกปั๊บมันก็​เทกระจาด​แล้ว​ ​ตอนไปนั่งกัมมัฏฐานมัน​จะ​เหลืออะ​ไร​ให้​พิจารณา​เล่า​ ?
            ​และ​การท่องจำ​ที่ว่าก็​ไม่​ได้​สักแต่ว่าท่อง​ ​แต่​ต้อง​ท่อง​ให้​จำ​ได้​ชนิดที่คล่องปากขึ้นใจติดตราตึงประทับ​ไว้​ที่ปลายลิ้นเลยที​เดียว​ ​ประมาณว่า​ ​แค่สะดุดก็หลุดออกมา​เป็น​คันรถ​ ​แบบพระ​โสดาบันสะดุด​แล้ว​เปล่งอุทานว่า​ ​นะ​โม​ ​ตัสสะ​ ​ภะคะวะ​โต​ ​อะระหะ​โต​ ​สัมมาสัมพุทธัสสะ​ ​เลยนั่นแหละ​.
            ​พอท่อง​ได้​แล้ว​ ​จำ​ได้​ ​ก็​เรียกว่า​ ​ธารณะ​ ​ไว้​ได้​ ​เป็น​ ​ธาตา​ ​เป็น​คนมี​ความ​รู้พื้นฐานพอที่​จะ​เรียน​ใน​ขั้นต่อไป​ ​ซึ่ง​ก็พอสังเกต​ได้​ว่าสมัยนี้ก็​ยัง​พอ​จะ​มี​อยู่​ใน​พวกที่​เรียนอภิธรรม​และ​บาลี​ใหญ่​ ​บาลีน้อย​ ​พวกนี้​เขา​ก็ท่องก่อนเรียนเหมือน​กัน​.
            ​ทีนี้​ ​พอจำ​หัวข้อหลัก​ได้​ ​ที่ภาษาพระ​ไตรปิฎกเรียกว่า​ ​ธรรมะ​ ​บ้าง​, ​มาติกา​ ​บ้าง​, ​อุทเทส​ ​บ้าง​ ​เป็น​ต้น​ ​เขา​ก็​จะ​มา​เรียนเอา​ความ​เข้า​ใจ​ซึ่ง​มี​ทั้ง​การฟังยาวๆ​เป็น​บรรยายที่​เรียกว่า​ ​สวนะ​ ​และ​ทั้ง​การพูดคุย​ ​ถามตอบ​ ​หรือ​ฟังคำ​อธิบาย​ ​ที่​เรียกว่า​ ​เรียนอรรถะบ้าง​ ​เรียนอรรถกถา​ ​บ้าง​ ​ปริปุจฉา​ ​บ้าง​ ​นั่นเอง​.
           ​ทั้ง​การอุคคหะ​ ​การปริปุจฉา​ ​การสวนะ​ ​และ​การธารณะ​นั้น​ ​ก็​เป็น​การเรียนพระปริยัตตินั่นเอง​  ​ใน​พระ​ไตรปิฎกบางที่​เลยย่อเหลือคำ​เดียว​ ​คือ​ ​สวนะ​ ​เป็น​ต้น​.
           ​พอคล่องหลักการหมวด​ใด​หมวดหนึ่ง​แล้ว​นั่นแหละท่าน​ถึง​จะ​ปฏิบัติ​กัน​จริงๆ​จังๆ​ ​ซึ่ง​ก็​เป็น​การนำ​หลักที่​เรียนมา​แล้ว​ไปคิดใคร่ครวญย้ำ​ไปย้ำ​มานั่นแหละ​ ​ดัง​จะ​เห็น​ได้​ว่า​ ​พอออกพรรษาปุ๊ป​ ​ถ้า​ใคร​ยัง​ไม่​บรรลุก็​จะ​มาถามข้อธรรมเพิ่ม​ ​เรียนเพิ่ม​ ​ท่องเพิ่ม​ ​หรือ​เลือกหมวดธรรมะ​ใหม่​ ​ซึ่ง​ถาม​กับ​พระพุทธเจ้า​ ​ให้​พระพุทธเจ้า​เลือก​ให้​ ​ตัวเองก็ท่องไปจำ​ไป​ ​แล้ว​ก็ถามข้อสงสัย​กัน​หลังไมค์​ ​เสร็จ​แล้ว​ก็​ไปใคร่ครวญต่อ​. ​และ​ถ้า​ใคร​ยัง​ท่องมาติกา​ทั้ง​ ๒ ​รวม​ถึง​ ​พระพุทธพจน์อีก​ ๑,๐๐๐ ​คาถา​ ​หรือ​ ๔ ​ภาณวาระ​ (บางที่ว่า​ ๘๐๐๐ ​คำ​ ​แต่ตามที่คำ​นวน​ได้​ ๓๒๐๐๐ ​คำ​ ​เอา​เป็น​ว่า​ไปนับเอง​ใน​มหาปรินิพานสูตร​ซึ่งจัดเป็นภาณวาร ​หรือ​ ​มหา​เวสสันดรชาดก​แล้ว​กัน​ ​มี​ ๑๐๐๐ ​คาถาพอดี) ​และถ้ายัง​ไม่​ชำ​นาญวินัย​ ​ไม่​รู้ข้อวัตรข้อปฏิบัติ​ ​รวม​ถึง​ยัง​บวชมา​ไม่​ถึง​ ๕ ​พรรษา​ ​ท่านก็​จะ​ไม่​ให้​ออกไป​อยู่​คนเดียวนะ​ ​ต้อง​ถือนิสัย​กับ​อาจารย์จนกว่าคุณสมบัติ​จะ​คบนั่นแหละ​ ​จึง​จะ​อยู่​คนเดียว​ ​ออกไป​อยู่​ป่า​เดี่ยวๆ​ได้​.
           ​จะ​เห็น​ได้​ว่า​ ​การปฏิบัติธรรมสมัยก่อน​ ​เป็น​สิ่งที่มีขั้นตอนมาก​ ​และ​ยุ่งยาก​ ​เหมือนยาจีนชั้นยอดรสเลิศที่​ต้อง​ใช้​พ่อครัวที่มี​ความ​รู้มาก​ ​มี​ความ​ชำ​นาญมาก​ ​ต้อง​พิถีพิถัน​ ​และ​ฝึกฝน​กัน​นาน​จึง​จะ​กิน​ได้​ ​อาจารย์​จึง​จะ​ปล่อยตัวไป​.
             ​แต่กรรมฐานสมัยนี้​ ​เป็น​กรรมฐานมาม่า​ ​กึ่งสำ​เร็จรูป​ ​คุณแค่ก้าว​ไม่​กี่ทีก็บรรลุ​ ​ดูทีวี​ ​เข้า​ผับ​ ​เข้า​เทค​ ​ก็​ยัง​ว่าบรรลุ​ได้​ ​อันนี้ช่างขัด​กับ​พระ​ไตรปิฎก​ ​อรรถกถา​ ​ฏีกา​เป็น​อย่างยิ่ง​ ​มาม่ากินไปก็อร่อยดี​ ​กินติด​กัน​หลายๆ​ปีก็มี​แต่​โรค​ ​แต่ก็​แน่หล่ะของง่ายใครๆ​ก็ชอบ​ ​พระ​ไตรปิฎก​จึง​เป็น​หนังสืออบกรอบ​อยู่​ใน​ตู้ต่อไปตามระ​เบียบ​.
[/FONT][FONT=MS Sans Serif]           ​มา​ถึง​สมัยนี้​ ​การสวดมนต์​แต่​เดิมทียุควัดป่า​ ​เข้า​ใจว่า​ ​เป็น​การสวดเพื่อ​ให้​ได้​สมาธิ​ ​ก่อน​จะ​มีการประชุมสงฆ์​ ​หรือ​ ​ทำ​กิจกรรม​กัน​ ​บางทีก็​เป็น​การสวด​เป็น​พิธีกรรม​ ​เช่นสวดชินบัญชร​ ​เป็น​ต้น​.
           ​อย่างไรก็ตาม​ ​แม้บทสวดบางอย่าง​จะ​พึ่งมีขึ้น​ ​คือ​ ​พึงเกิด​ใน​ยุคเชียง​ใหม่​บ้าง​ ​ลังกาบ้าง​ ​อย่างชินบัญชร​ ​หรือ​พาหุงบ้าง​ ​หรือ​บทที่​เราสวดทำ​วัตรเย็น​ ​ต่อ​จาก​พุทธคุณ​ ​ธรรมคุณ​ ​สังฆคุณบ้าง​ ​เป้นต้น​ ​แต่บทเหล่านี้​ ​ก็​เรียบเรียงขึ้นตามแนวของพระพุทธศาสนา​อยู่​ ​สิ่งสำ​คัญคือ​ ​เรา​ต้อง​เข้า​ใจ​ความ​หมาย​ ​เข้า​ใจหลักการของการสวดตามที่​ได้​กล่าวมา​ทั้ง​หมดตั้งแต่กระทู้ที่​แล้ว​ ​ผล​จึง​จะ​เกิดอย่างสมบูรณ์​.

          นี้ความเห็นผมครับ.

   แล้วคุณหล่ะ คิดไง กับการสวดมนต์???
[/FONT]

-----------------------------------------------
​

แถมครับ ฝากด้วยๆๆๆๆ(เอคโค่อีกทีจะเป็นไรไปครับ)...
                

         ​ฝากเผยแพร่​ด้วย​การส่งฟอร์​เวิร์ดเมล์​ ​หรือ​ลง​ใน​เว็บไซท์ต่างๆ​ ​ด้วย​นะครับเพื่อเรา​จะ​ได้​มีพระภิกษุ​ผู้​ทรงศีลทรงธรรมเพิ่มขึ้นๆ​ ​เวลาทำ​บุญผลก็​จะ​ได้​มาก​ ​อานิสงส์ก็​จะ​มากไงครับ​ ​และการรักษาพระวินัยก็​เป็น​การต่ออายุพระศาสนา​ด้วย​นะครับ.

           การสัมมนาพระวินัย​​ ​​ครั้งที่​​ ๑๒

      ​​ขอเชิญพระภิกษุทุกรูป​​​และ​​​สาธุชน​​​ทั้ง​​​หลาย​​ ​​ร่วมมือร่วมใจ​​​กัน​​​รักษาศีล​​ ​​ด้วย​​​การศึกษา​​​และ​​​ปฏิบัติตามพระวินัย​​   ทำ​​​สังฆกรรมมีปริวาส​​​และ​​​มานัต​​​เป็น​​​ต้นแบบถูก​​​ต้อง​​​ตามพุทธบัญญัติ ​​สนทนา​​​แลกเปลี่ยนข้อมูลพระวินัยตามพระ​​​ไตรปิฎก​​    ​​สอบถามข้อสงสัยอย่าง​​​ใกล้​​​ชิด​​​กับ​​​พระคณาจารย์​​​ผู้​​​ทรงคุณวุฒิ​​ ​​และ​​​พบปะกลุ่มภิกษุ​​​ผู้​​​มีศีลที่พร้อมใจรวมตัว​​​กัน​​​อย่างคับคั่ง​​ ​​ใน​​​บรรยากาศที่​​​แสน​​​จะ​​​อบอุ่น​​ ​​ไขข้อสงสัยสารพันปัญหา​​​เกี่ยว​​​กับ​​​พระวินัย​​​กัน​​​อย่างจุ​​​ใจ​​   ​​ตลอด​​ ๖ ​​วัน​​  ๖ ​​คืน​​.

      ๓–๙ ​​กรกฎาคม​​ ๒๕๕๑ ​​ณ​​. ​​วัดพระธาตุหนองสามหมื่น​​  ​​ต​​.​​บ้านแก้ง​​  ​​อ​​.​​ภู​​​เขียว​​  ​​จ​​.​​ชัยภูมิ​​. ​​ห่าง​​​จาก​​​ที่ว่าการอำ​​​เภอประมาณ​​ ๒๕ ​​ก​​.​​ม​​.  ​​ห่าง​​​จาก​​​ทางหลวงภู​​​เขียว​​-​​ชุมแพประมาณ​​ ๑๐ ​​ก​​.​​ม​​. (มีพระธาตุบ้านแก้ง​​  ​​หรือ​​  ​​พระธาตุบึงสามหมื่น​​   ​​สูง​​ ๑๒ ​​วา​​   ​​สันนิษฐานว่าสร้างราว​​ ​​พ​​.​​ศ​​. ๕๐๐  ​​บูรณะ​​ ​​พ​​.​​ศ​​. ๒๑๐๐    ​​สร้าง​​​โดย​​​พระ​​​เจ้า​​​ไชยเชษฐา​​​แห่งนครเวียงจันทน์)

      มีรถรับส่ง​​​ไว้​​​บริการ​​ ​​ณ​​. ​​วัด​​​จาก​​​แดง​​  ​​ต​​.​​ทรงคะนอง​​   ​​อ​​.​​พระประ​​​แดง​​   ​​จ​​.​​สมุทรปราการ​​. 

      ​​สอบถามรายละ​​​เอียดเพิ่มเติม​​​ได้​​​ที่​​ :- www.watjagdang.com , ​​โทร​​ ๐๒-๔๖๔-๑๑๒๒ (โยมต้น)

---------------------------------------------------------------------------------------------------

       ใบประกาศสำ​หรับปริ้นแจก​ ​ครับ​.

<input src="http://www.dhammakid.com/webboard/photo/79787978.jpg" alt="สัมมนาพระวินัย ครั้งที่ ๑๒" type="image">

อีกคำถาม&nbsp;คือ&nbsp;ประกาศในเว็บนี้จะปักหมุดต้องทำขั้นตอนอะไรบ้าง&nbsp;ครับ?
(อยากให้ประเทศไทย&nbsp;มีแต่พระดีๆ&nbsp;มีวินัย&nbsp;ครับ)
​

 

สวดเพื่อบูชาพระน่ะครับ ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านี้