คำสอนของสมเด็จพระญาณสังวร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย oatthidet, 12 มีนาคม 2012.

  1. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    จิต เป็นอย่างไร ก็ให้รู้ อย่างนั้น พยายาม ที่จะให้รู้ จิต ของตน อยู่ตลอดเวลา ความที่ พยายาม ที่จะให้รู้ จิต ของตน อยู่ดั่งนี้ เป็น หลักปฏิบัติ พุทธศาสนา ที่จะ ละกิเลส ได้ เพราะว่า เมื่อ พิจารณาดู แล้ว ก็จะพบ ว่า โดยมาก นั้น ไม่ได้ดู จิต ของตน ว่า เป็นอย่างไร แต่ว่าไป ดู ยึดถืออารมณ์ ที่ เข้ามา และ ก็ติด อยู่ใน ราคะ โทสะ โมหะ ใน โลภะ ใน ตัณหา ที่ บังเกิด ขึ้น ตั้งอยู่ ใน อารมณ์ นั้น ๆ แต่ไม่ได้ ดู เข้ามา ถึง ตัวจิต เมื่อเป็นดั่งนี้ จึงได้ถูก กิเลส และ อารมณ์ ครอบงำ อยู่ เป็นอันมาก เพราะไม่ได้ ดู เข้ามา แต่ ดู ออกไป ใน ภายนอก

    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
     
  2. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    "ผู้ทำความดี เหมือนผู้มีแสงสว่างอยู่กับตัว ไปถึงที่มืดคือที่คับขัน ย่อมสามารถดำรงตนอยู่ได้ด้วยดี พอสมควรกับความดีที่ทำอยู่
    ตรงกันข้ามกับผู้ไม่ได้ทำความดี<WBR> ซึ่งเหมือนกับผู้ไม่มีแสงสว่างอ<WBR>ยู่กับตัว ขณะที่ยังอยู่ในที่สว่างอยู่ ในความสว่าง ก็ไม่ได้รับความเดือดร้อน แต่เมื่อใดตกไปอยู่ในที่มืด คือที่คับขัน ย่อมไม่สามารถดำรงตนอยู่ได้อย่า<WBR>งสวัสดี ภัยอันตรายมาถึงก็ไม่รู้ไม่เห็น<WBR> ไม่อาจหลีกพ้น คนทำดีไว้เสมอ กับคนไม่ทำดี แตกต่างกันเช่นนี้."

    สมเด็จญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
     
  3. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    "การขอขมา ในพระพุทธศาสนา ท่านทำไปเพื่อ "การสำรวมระวังในกาลต่อไป" คือ เพื่อที่จะไม่กระทบกระทั่งกันอี<WBR>กในอนาคต และเพื่อไม่ให้ผูกใจเจ็บแค้นต่อ<WBR>กันในภายภาคหน้าเท่านั้น หาใช่เพื่อให้ตนพ้นจากอกุศลกรรม<WBR>วิบากในบาปกรรมที่ตนทำไปแล้ว"


    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
     

แชร์หน้านี้

Loading...