ความสว่างของอทิสมานกาย ธรรมโอวาทหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ชนะ สิริไพโรจน์, 4 ธันวาคม 2015.

  1. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    ความสว่างของอทิสมานกาย
    ธรรมโอวาทหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

    " การเป็นพระอรหันต์ พระสกิทาคามี พระอนาคามี เขาสังเกตแบบนี้
    ถ้าเป็น พระอรหันต์ ร่างกายใสเหมือนกับดวงดาวใหญ่สว่างจ้า
    หาตำหนิอะไรไม่ได้เลย

    ถ้าเป็น พระอรหัตมรรค ความสว่างคล้ายคลึงกัน แต่ว่า ยังมีริ้วรอย
    มีความสนิทไม่พอ นี่ถ้าเราไปเทียบกับพระอรหันต์ นะ

    ถ้าไปเทียบกับ พระอนาคามี.. พระอนาคามี ท่านก็สว่าง
    พระอนาคามีผลสว่างเต็มตัว แต่ไม่เท่าพระอรหันต์

    ถ้าเราเป็น พระอนาคามีมรรค มันก็ยังมีริ้วรอยหน่อย ๆ
    เหมือนแก้วที่มีรอย แต่ไม่มากนัก นี่เป็นเครื่องเปรียบเทียบกัน

    ที่พูดนี่ เพื่อให้บรรดาพุทธบริษัท เข้าใจว่า การที่เขาฝึกอภิญญากัน
    เขาฝึกทำไม แล้วเขาฝึก วิชาสาม กัน เขาฝึกทำไม เขาฝึก
    เพื่อความรวดเร็วในการเข้าพระนิพพาน นี่สมมุติว่า ท่านต้องการ
    และนิสัยของท่านมี นะ

    ถ้าหากว่า บรรดาท่านพุทธบริษัทที่ไม่ต้องการ วิชาสาม และ
    อภิญญา ท่านต้องการขั้น สุกขวิปัสสโก ตอนนี้ เราก็เหมือนกับ
    คนเอาผ้าผูกตาเดิน "ยังไงกูก็ไปนิพพานท่าเดียว" ใช่ไหม
    เราระวังศีล ๕ ให้มันครบ จิตนึกรักพระนิพพาน เป็นอารมณ์
    จิตใจคิดไว้เสมอว่า : "ถ้าตายคราวนี้ ไม่ต้องการเกิดอีกเราไม่
    ต้องการเป็นเทวดาหรือพรหม เราต้องการพระนิพพานอย่างเดียว"

    คิดมันเลย แล้วก็ภาวนา "นิพพานัง" หรือ "นิพพานะสุขขัง"
    ให้อารมณ์มันจับจิต ถ้าจิตมันคิดอย่างอื่น ถ้าเผลอแพล็บ
    เราจับว่า "นิพพานัง" หรือ "นิพพานะสุขัง" ก็ตาม ตามสบายใจ
    จิตรักพระนิพพาน เป็นอารมณ์ อย่างนี้ทุกคนไปนิพพานหมดเวลาตาย"

    จาก : หนังสือ ธัมมวิโมกข์ เล่มที่ ๓๙๒ หน้าที่ ๖๘
    ของวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
     

แชร์หน้านี้

Loading...