"ครุกรรม" : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร

"ครุกรรม"

"ครุกรรม ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพานในปัจจุบันชาติที่เรียกว่าครุกรรมหนักอยู่นะลูก เธอจะมีบุญมากขนาดไหนก็ตามที่ทำมาถ้าเป็นครุกรรมตัวนี้ที่ประทุษร้ายพระอรหันต์ฆ่าพระอรหันต์ด้วยกายหนึ่ง ด้วยวาจา ด้วยใจ หมดโอกาสลูก ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพานในปัจจุบันชาติ จนกว่าจะสิ้นกรรมอีก ๑ พุทธันดร จึงจะมีโอกาสได้กลับมาขึ้นมารับใช้กรรมอีกหลายภพหลายชาติ เป็นเปรต เป็นอสูรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน ตามกรรมของตัวเอง ท่านเรียกว่าเป็นผู้เขลาเบาปัญญา ยากอยู่นะลูก แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่สามารถช่วยได้เพราะได้ทำกรรมหนักมาก

แม้แต่กินของสงฆ์ญาติของพระเจ้าพิมพิสารที่เป็นเปรตนับกลับไปจนถึง ๙๑ กัป ๙๑ มหากัป โลกเกิดดับ ๙๑ ครั้ง ทรมานอยู่อย่างนั้น ญาติของพระเจ้าพิมพิสารที่เป็นเปรตทุกข์ทรมานอยู่อย่างนั้น ตกนรกหมกไหม้อยู่อย่างนั้น เกิดมาก็ตกลงนรก เกิดมาก็ตกลงนรกอยู่อย่างนั้น จนมาถึงกัปนี้ที่มีพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ ไปกราบพระพุทธเจ้าองค์แรกเป็นเปรตเสื้อผ้าไม่มีใส่ หิวไม่ได้กินอะไรเลยตั้ง ๙๑ กัป
ลูกพิจารณาเอานี่กรรมที่เป็นครุกรรมที่ทำไว้กับสงฆ์ กับพระอริยบุคคลชั้นสูงสุด

ถ้าจะพูดถึงตามธรรมที่ได้รู้จากตำรับตำราพระอริยบุคคลชั้นสูงสุดคือพระอรหันต์องค์หนึ่งเทียบกับพระอริยบุคคล ๒๐ องค์ คือโสดาบันขึ้นไป สกิทาคา อนาคา คือพระอรหันต์องค์หนึ่งเทียบกับพระอริยบุคคล ๒๐ องค์เราได้กราบได้ไหว้พระสงฆ์เพียงองค์เดียวจึงเป็นคณะสงฆ์ที่สมบูรณ์ด้วยศีลที่บริสุทธิ์ถึง ๒๐ องค์ เพราะฉะนั้นเวลาที่เราทำกรรมหนักกับพระอริยบุคคลชั้นสูงสุดจึงปิดสุขคติภูมิ ทุกคติภูมิเปิดรับ อันตรายมากนะเพราะฉะนั้นปากไม่อยู่เป็นสุข ใจไม่อยู่เป็นสุขก็ช่วยกันไม่ได้ เพราะว่าเราเป็นผู้ประพฤติปฏิบัติเอง เราเป็นผู้ขวนขวายบาปอกุศลเข้าที่ใจของตัวเองสัตว์โลกมันเป็นอย่างนี้นะ ตัวใครตัวมันดีกว่า

สัตว์โลกต้องอยู่ตามกรรมต่างคนต่างเกิดต่างคนต่างตาย ในการเวียนว่ายตายเกิดเป็นญาติกันทั้งหมดก็ถูกต้องอยู่แต่ว่าต่างเกิดต่างคนต่างตาย บางชาติก็เป็นพี่กัน เป็นน้องกัน เป็นผัวเป็นเมีย เป็นเจ้ากรรมนายเวรกันเป็นสัตว์เดรัจฉานให้ฆ่าให้กินกัน หมุนเวียนเปลี่ยนไปอยู่แบบนี้ เพราะฉะนั้นพุทธศาสนาจึงอุบัติขึ้นเพื่อทำให้สัตว์โลกหูแจ้ง ตาใส ผู้ที่ไม่ทราบก็ทราบ ผู้ที่ทราบอยู่แล้วที่มีเชื้อมาตั้งแต่ในอดีตก็สามารถบรรลุอรรถบรรลุธรรมเป็นอริยบุคคลชั้นต้น ชั้นกลาง และชั้นสูงสุด"

โอวาทธรรม: องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร
วัดป่าห้วยริน ต.หัวนาคำ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น
๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๗