คนใกล้ตัวฝึกสมาธิแล้วกลายเป็นคนสติฟั่นเฟือง

สวัสดีครับ ผมมีเรื่องร้อนใจอยากขอคำแนะนำ/ความช่วยเหลือหน่อยครับ

พอดีคนใกล้ตัวผมฝึกสมาธิแล้วกลายเป็นคนสติฟั่นเฟือง ตอนแรกแกก็นั่งสมาธิเพราะคิดว่ามันดีต่อจิตใจ/สุขภาพ (นั่งเอง ไม่ได้มีครูหรือใครคอยสอน) แต่ไปๆมาๆเหมือนแกได้ยินเสียงหรือเห็นอะไรที่มันไม่จริง แล้วหลงไปกับมัน เห็นบางทีแกเล่าว่าแกคุยกับจิตวิญญาณอย่างงั้นอย่างงี้

สภาพตอนนี้คือหนักพอควรเลยครับ เหมือนกับว่าแกเห็นตัวเองเป็นผู้วิเศษณ์ เห็นคนอื่นๆเป็นมาร แกเคยพูดว่าโลกใบนี้กำลังแย่อะไรประมาณนั้นครับ เหมือนแกฟังและเชื่อในสิ่งที่จิตวิญญาณบอก แต่แกก็ยังอยู่ได้โดยที่ไม่ได้รบกวนคนอื่นมาก เพราะอาศัยว่าแกอยู่แบบเงียบๆ ไม่ได้ติดต่อใครเท่าไหร่ วันๆนึงแกก็จะนั่งสมาธิคุยกับจิตวิญญาณ แล้วก็ใช้ชีวิตตามปกติอยู่แต่ในบ้าน

สิ่งที่น่าหนักใจอย่างหนึ่งคือพอแกเป็นแบบนี้แล้วแกไม่ค่อยดูแลตัวเอง ทั้งด้านสุขภาพ ความสะอาด คือวันๆนึงแกกินน้ำหวานเยอะ ไม่ค่อยอาบน้ำ ไม่ค่อยดูแลสุขภาพช่องปาก ทำให้แกดูโทรมลงมาก เห็นแล้วรู้สึกแย่มากเลยครับ

ใครพอมีแนวทางแก้ไขบ้างมั้ยครับ หรือผมควรพาแกไปหาจิตแพทย์ดี (ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดยังไงให้แกยอมไป)

รบกวนผู้รู้ช่วยแนะนำทีครับ ขอบคุณครับ

 

แก้ยากมากครับ แบบนี้ ต้องพาไปหาพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบด้วย

แนะนำ พระอาจารย์นะดี ครับ วัดเนินสาธารณ์ อุทัยทานี

 

บอกเขาไปว่า "หลักธรรมในศาสนาพุทธ" ประกอบด้วย สติ (สติปัฏฐาน ,อานาปานสติ) แล้วทำไมถึงฝึกสมาธิโดยไม่มีสติ (อาการขณะฝึกสมาธิจะไม่รับรู้อะไรเลยนอกจากสิ่งที่จดจ่ออันนี้แหละเรียกไม่มีสติ)

ให้ลองถามเพื่อนคุณดูหากใช่ให้บอกไปว่า กำลังทำสวนทางกับพุทธศาสนาหรือเปล่า ? เพราะถ้าคนไม่มีสติ สังคมเรียกว่า "คนบ้า" ใช่หรือไม่?

และลองเปิดคำพูดของพระท่านที่เคยกล่าวไว้ "สิ่งที่เห็นนั้นจริง แต่สิ่งที่เห็นไม่จริง"(เห็นภาพจริงๆแต่ภาพที่เห็นไม่จริงเพราะขาดสติ)

แต่หากกรณีเห็นจริงๆ(ด้วยตาปกติ)อันนี้ต้องนิมนต์เอกโซซิสท์มาปราบนะครับ

 

ถามแกเลยว่าไม่ว่าอะไรที่แกเห็นว่าแย่นั้น แกพอมีวิธีแก้ไหม ถ้าแกทราบและบอกได้แสดงว่าไม่บ้า แต่ถ้าบอกว่าทำอะไรไม่ได้ ก็ไม่แน่

 

ฟังหูไว้หูนะครับ
จะบอกว่า ควรทำใจไว้ก่อน
หรือไม่ก็หัดอุเบกขารับไว้ครับ

กรณีแบบนี้ เป็นกรณีที่เดิมมีศรัทธาความเชื่อ ในเรื่องนามธรรม
แต่ขาดเรื่องสติในการควบคุม
เลยยึดนามธรรม และน้อมรับเข้ามาเอง
จนกลายเป็นการสกดจิตตนเอง
จะไม่ต่างอะไรกับตำหนักทรงบางแห่งครับ
เรียกว่าตอนนี้ ความคิดที่มี
แทบจะไม่ได้มาจากตนเอง
เหมือนถูกควบคุม
ยิ่งถ้าเข้าใจว่าตนเองเป็น Avenger
แล้วหละก็ แสดงว่ามีวิบากด้านพลังงาน
(คือใช้จิตไปในทางอกุศล)
ในอดีตร่วมด้วยแบบเต็มๆครับ

พาไปพบจิตแพทย์ก็ได้
ปัญหาคือจะพาไปอย่างไร?
ส่วนตัวมองว่า มีเจ้าหน้าที่ดูแล
ส่วนนี้อยู่ครับ


หรือไม่ก็ต้องพาไปวัดที่มีพระเกจิเก่งๆ
ให้ท่านช่วยครับ และส่วนมาก
ถ้าไม่ป่วยชนิดที่
รักษาด้วยทางการแพทย์ไม่หาย
หรือไม่พบว่าตนเองทรมานจากโรคนี้
ก็ไม่คิดจะเข้าหาพระเกจิด้วยนะครับ
บางทีจะไปปรามาสท่านอีก


และก็ไม่ใช่ว่าจะแก้ได้เลย
แม้เจอท่านที่รักษาได้
บางทีต้องอาศัยวิบากคลายก่อน
คือต้องทิ้งไปซักระยะ
หรือไม่ก็ต้องสร้างบุญใหม่มาหนุน
(ตรงนี้จะยากมาก)

คุยกับเค้าไปเท่านั้นหละครับ
เพราะแทบไม่มีความคิดอะไร
ที่มาจากตัวตนจริงๆ
ของตัวเองแล้วครับ

และต้องดูเวลาที่เค้าเป็นอาการนี้
ด้วยนะครับ ส่วนนี้เล่าให้ฟังเล่นๆ
ถ้า ไม่เกิน ๕ ปียังพอข่วยได้
ยากง่ายตามจำนวนปีที่เป็น
ถ้า ๑๐ ปีขึ้น ร่างกายภายในจะพัง
หมดแล้ว ใครก็ช่วยไม่ได้ครับ
ต้องไปรอลุ้นชาติหน้าอย่างเดียวครับ


และพวกที่ควบคุมความคิดอยู่
ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีกำลังนะครับ
เรียกว่าพอตัว กำลังพอๆ
กับระดับเจ้าที่ทั่วๆไปด้วยนะครับ

ปล. ย้ำว่าฟังหูไว้หู
เคสนี้ ควรต้องทำใจเผื่อนะครับ