ข้อความจากต่างมิติ - ประสบการณ์แห่งความตาย และชีวิตหลังความตาย

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 14 กรกฎาคม 2014.

  1. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    a.jpg
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


    โอ..ผมก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
    เพราะว่า..ตัวผมเองอ่านแล้วก็อึ้งกิมกี่ไปเหมือนกัน
    ก็เลยเอาเป็นว่า ขอให้ทุกๆท่าน
    ใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข้อมูลกันเอาเองก็แล้วกันนะครับ

    และได้โปรดมีสติรับรู้เอาไว้ตลอดเวลาด้วยว่า
    ท่านกำลังอ่านข้อความจากต่างมิติอยู่
    ไม่ใช่ข้อมูลในคำสอนของศาสนาที่ท่านนับถืออยู่แต่อย่างใดเลย

    และเพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าท่านพบว่ามันมีข้อมูลส่วนใด
    ที่อาจจะไม่ตรง หรือ แม้กระทั่งขัดแย้งกับความเชื่อของท่าน
    ก็ขอให้ท่านรู้ตัวเองอยู่เสมอว่า
    ท่านกำลังอ่านข้อความจากต่างมิติอยู่นะครับ

    แต่ถ้าท่านอ่านแล้วรู้สึกว่ารับไม่ได้จริงๆ
    ผมก็ขอแนะนำว่า ขอให้ท่านเลิกอ่านมันซะเถอะนะครับ
    เพราะว่ามันยังจะดีเสียกว่าการที่ท่านจะต้อง
    มามีอารมณ์ความรู้สึกด้านลบเกิดขึ้น

    .........................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Die0.jpg
      Die0.jpg
      ขนาดไฟล์:
      12.7 KB
      เปิดดู:
      6,802
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2022
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
    เรื่อง: การตาย และชีวิตหลังความตาย
    (The Death Experience & After Life Realms)

    ผู้รับสาส์น: นาย James Tyberonn
    วันที่: 11 มิถุนายน 2014

    ที่มา: The Death Experience & After-Life Realm > Earth Keeper


    ตอนที่ : 1

    สัวสดีท่านคุรุทั้งหลาย ฉันคือเมตาตรอน เทพเจ้าแห่งแสงสว่าง
    และพวกเราก็ขอต้อนรับพวกคุณทุกๆคน เข้ามาสู่กระแสแห่งความรักแบบไม่มีเงื่อนไข
    วันนี้พวกเราจะมาพูดกันถึงเรื่องที่น่าหลงไหลมากๆเรื่องหนึ่ง

    มนุษย์โลกที่รัก ชีวิตไม่เคยจบสิ้นลงเลย!

    มันไม่มีความตายในแบบที่พวกคุณคิดกันหรอกนะ
    เพราะว่าจิตสำนึก/ความตระหนักรู้เป็นของนิรันดร์

    พวกคุณหลายคนกลัวความตายมากกว่าที่พวกคุณจะกล้ายอมรับซะอีก
    ซึ่งไม่ว่าพวกคุณจะใช้เวลาเพื่อพิจารณาถึงเรื่องโลกหลังความตายมากหรือน้อยแค่ไหนก็ตาม
    ในชีวิตของพวกคุณทุกๆคน ก็จะมีช่วงใดช่วงหนึ่งหละ ที่จะมีคำถามว่า
    จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อพวกคุณตายไปแล้ว และจะมีอะไรรอคอยอยู่ที่อีกฟากฝั่งโน้นของม่านพรางบ้าง
    และที่น่าขำก็คือ แม้แต่ผู้ที่เชื่ออย่างหนักแน่นว่า จะไม่มีอะไรเหลืออยู่เลยหลังจากตายไปแล้วก็ตาม
    ก็ยังพากันคิดถึงมันอย่างมากมายอยู่เลย

    เพราะฉะนั้น พวกเราจึงจะมาพูดถึงเรื่องประสบการณ์แห่งการตายกัน
    และท่านคุรุทั้งหลาย ในขณะที่พวกคุณกำลังอ่านข้อความสื่อสารชุดนี้อยู่
    พวกคุณก็จะได้รับ “ตัวกระตุ้นเพื่อการหยั่งรู้ในระดับลึก” ไปพร้อมๆกันด้วย
    ซึ่งมันก็คือรหัสต่างๆที่อยู่ในรูปแบบของคลื่นความถี่ ที่จะมาพร้อมกับข้อความชุดนี้
    ซึ่งมันถูกออกแบบมาเพื่อให้ไปช่วยกระตุ้นความสามารถในการหยั่งรู้ของพวกคุณ
    ให้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น

    ศาสนาต่างๆที่พวกคุณนับถือสืบทอดต่อๆกันมานั้น

    บอกพวกคุณว่าหลังจากตายไปแล้ว
    พวกคุณจะได้พบกับนรกหรือสวรรค์อย่างใดอย่างหนึ่ง
    แต่พวกเราอยากจะบอกข้อมูลที่แตกต่างออกไปกับพวกคุณว่า
    ที่รักทั้งหลาย มันไม่มีหรอกนะปลายทางที่เป็นชะตาลิขิตแบบนั้นหนะ
    มันไม่มีหรอกนะการพิพากษาครั้งสุดท้าย
    ที่จะนำไปสู่การลงโทษชั่วกัปชั่วกัลป์
    หรือการให้รางวัลชั่วกัลปวสานหนะ

    ซึ่งอันที่จริงแล้ว มันไม่มี “จุดสิ้นสุด” ของชีวิตด้วยซ้ำไป
    เพราะว่าชีวิตจะยังคงขยายตัวต่อไปอยู่ตลอดเวลา

    ความตายไม่ใช่ประสบการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวแต่อย่างใดเลย

    เพราะว่าสิ่งที่พวกคุณเรียกกันว่า “ความตาย” นั้น
    เป็นแต่เพียง “การเกิดใหม่” เพื่อไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง
    ที่ยิ่งใหญ่กว่าของพวกคุณเองเท่านั้นเอง
    ซึ่งในหลายๆกรณีมันก็จะเป็นการ “ตื่นขึ้นมา”
    อย่างสวยสดงดงามและยอดเยี่ยมซะด้วยซ้ำไป

    เพราะว่าในความเป็นจริงแล้ว การเกิดมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพนี้
    จะมีความเจ็บปวดและทรมานมากกว่าการกลับไปสู่ “อาณาจักรแห่งทวยเทพ”
    (angelic realm) เป็นไหนๆ ดังนั้นอันที่จริงแล้ว การตายจากร่างกายเนื้อทางกายภาพนี้
    จึงควรที่จะเรียกว่า “การกลับบ้านเก่า” ซะมากกว่า จึงจะเหมาะสมกว่า
    เพราะว่ามันจะมีการขยายตัวของความเป็นจริงบางอย่าง ของรูปธรรมชีวิตนั้นๆ
    ที่พิเศษไม่ธรรมดาเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งก็จะส่งผลให้รูปธรรมชีวิตนั้นๆ
    มีความเข้าใจและมีความไวต่อความรู้สึก มากขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก

    ............................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2022
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
    เรื่อง: การตาย และชีวิตหลังความตาย
    (The Death Experience & After Life Realms)

    ผู้รับสาส์น: นาย James Tyberonn
    วันที่: 11 มิถุนายน 2014

    ที่มา: The Death Experience & After-Life Realm > Earth Keeper


    ตอนที่ : 2

    ในชั่วขณะที่พวกคุณกำลังจะตายนั้น แก่นแท้ด้านจิตวิญญาณของพวกคุณ
    ก็จะออกจากร่างกายเนื้อของพวกคุณไป แล้วจะเข้าไปอยู่ในกายทิพย์ของพวกคุณเอง
    แล้วหลังจากนั้น ในบางกรณี พวกคุณก็จะลอยอยู่เหนือร่างกายเนื้อของตัวเองจริงๆ
    และก็จะมองเห็นภายในห้องที่ตัวเองกำลังลอยตัวอยู่นั้นด้วย
    ซึ่งพวกคุณทุกๆคนต่างก็เคยประสบกับความตายมาแล้ว มากครั้งกว่าที่พวกคุณจะรู้ได้ซะอีก

    จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ (consciousness) ของพวกคุณ
    จะออกจากร่างกายเนื้อของพวกคุณไปด้วยวิธีการที่หลากหลาย
    ขึ้นอยู่กับสภาวะแห่งการเปลี่ยนสภาพ (หรือการตาย – ผู้แปล)
    ที่มีอยู่อย่างมากมายหลากหลายด้วยเช่นเดียวกัน
    เช่น ตายเพราะโรคภัยไข้เจ็บ, หรือตายเพราะโรคชรา
    หรือตายอย่างกระทันหันเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ เป็นต้น

    ซึ่งถ้าเป็นกรณีที่ตายเพราะโรคชรา หรือเพราะอาการโคม่าขั้นรุนแรง
    หรือเพราะโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer) แล้ว จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณ
    ก็อาจจะข้ามไปอยู่ในโลกหลังความตายจนหมดแล้วก็ได้
    แม้ว่าร่างกายเนื้อของพวกคุณจะยังคงมีชีวิตอยู่ก็ตาม

    กระบวนการแห่งการตายของร่างกายเนื้อ ยังสามารถที่จะเกิดขึ้นอย่างช้าๆได้อีกด้วย
    เช่น สำหรับผู้ที่ตายเพราะโรคภัยไข้เจ็บในระยะสุดท้าย กระบวนการตาย
    ก็มักจะเกิดขึ้นแบบหมดอายุขัยไปเป็นพักๆ, แบบขาดไปเป็นช่วงๆ,
    แบบที่จิตสำนึก/ความตระหนักรู้จะค่อยๆถูกส่งออกไปเป็นระยะๆ,
    แบบที่จะตายจากร่างกายเนื้อไปแล้ว แล้วกลับเข้ามาใหม่อีกเป็นระยะๆ
    แล้วจากนั้นอีกไม่กี่วัน การตายครั้งสุดท้ายก็จะเกิดขึ้นตามมา

    ซึ่งในกระบวนการตายแบบค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้
    จะทำให้บุคคลผู้นั้นอยู่ในสภาวะที่มีความตระหนักรู้สูงกว่าปกติ
    และก็มักจะทำให้พวกเขาสามารถมองเห็นทวยเทพ, ผู้นำทาง,
    และบุคคลอันเป็นที่รักทั้งหลายของพวกเขา ที่ได้ตายจากไปก่อนหน้านี้แล้วได้

    ซึ่งกระบวนการตายแบบนี้ ก็มักจะถูกเลือกเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว
    เพื่อที่จะขจัด “ความกลัวตาย” ทิ้งไป หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ
    กระบวนการตายแบบนี้ จะทำให้ผู้ตายได้มีโอกาสเข้าไปลาดตระเวณสำรวจ
    ในโลกหลังความตายล่วงหน้าก่อนแล้ว ด้วยการมีประสบการณ์ตายแล้วฟื้นๆ
    ในระยะเวลาสั้นๆหลายๆครั้ง เพื่อที่จะทำให้พวกเขาไม่มีความสะพรึงกลัวต่อการตายอีกต่อไป
    และเพื่อที่จะทำให้พวกเขาได้รู้ว่ามันไม่มีอะไรที่จะต้องไปกลัวเลย

    ซึ่งผู้ที่เคยมีประสบการณ์ตายแล้วฟื้นมาแล้วทั้งหลาย

    ปกติแล้วก็มักจะพบว่า มันเป็นประสบการณ์ที่
    ไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดความสงบอย่างมากเท่านั้น
    แต่มันยังเต็มไปด้วยแสงสว่างและความปิติสุขอย่างเหลือล้นอีกด้วย
    จนทำให้พวกเขาไม่เต็มใจที่จะกลับมา
    อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพนี้อีกเลยด้วยซ้ำไป


    เมื่อใดที่เส้นแบ่งนั้นได้ถูกข้ามไปแล้ว การตายก็จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
    และบุคคลผู้นั้นก็จะเลื่อนขึ้นไปสู่สถานะที่สูงกว่าในทันที
    ซึ่งสถานะที่สูงกว่าที่ว่านี้ก็จะมีอยู่หลายระดับชั้นด้วยกัน
    ซึ่งแต่ละระดับชั้นก็จะเทียบเท่ากับสนามพลังงานของแต่ละมิตินั่นเอง
    และมิติหลังความตายเหล่านี้ โดยแก่นแท้ของพวกมันแล้ว
    ก็คือกำแพงของคลื่นความถี่ต่างๆนั่นเอง
    ซึ่งบางทีอาจจะเข้าใจได้ง่ายกว่าถ้าจะเรียกพวกมันว่า
    “ระดับความถี่ของการสั่นสะเทือนของจิตใจ”

    ......................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2022
  4. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
    เรื่อง: การตาย และชีวิตหลังความตาย
    (The Death Experience & After Life Realms)

    ผู้รับสาส์น: นาย James Tyberonn
    วันที่: 11 มิถุนายน 2014

    ที่มา: The Death Experience & After-Life Realm > Earth Keeper


    ตอนที่ : 3

    ในทันทีที่ตายลงไป พวกคุณส่วนใหญ่ก็จะรู้ตัวว่าตัวเองได้ตายไปแล้ว
    และพวกคุณก็ค่อนข้างที่จะมีความสุขด้วย ที่ได้รู้ว่าตัวเองยังคงมีความตระหนักรู้อยู่
    แม้ว่าจะได้ตายลงไปแล้วก็ตาม

    พวกคุณหลายคนจะลิงโลดใจเป็นอย่างมากที่ได้เข้าใจแล้วว่า
    ตัวเองยังคงเป็นตัวเองอยู่เหมือนเดิม เพราะว่าพวกคุณจะพบว่า “ผู้บรรยายจากภายใน”
    และ “ผู้สังเกตการณ์จากภายใน” ของตัวเอง ก็ยังคงเป็นคนๆเดียวกันกับ
    ผู้ที่พวกคุณเคยมี ตอนที่ยังเดินทางอยู่ในโลกทางกายภาพ ที่เพิ่งจบสิ้นลงไปแล้วนี้

    พวกคุณจะยังคงมีความทรงจำเกี่ยวกับภพชาติที่เพิ่งผ่านมานี้ของตัวเองอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
    และความทรงจำเหล่านี้ก็จะยังคงมีความสำคัญต่อพวกคุณมาก
    และก็จะยังสามารถเข้าถึงได้ในทันทีทันใดอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่งด้วย
    พวกคุณจะสามารถติดต่อสื่อสารกับบุคคลอื่นๆที่เคยมีความสำคัญกับพวกคุณ
    ในภพชาติที่เพิ่งจบสิ้นลงไปแล้วนี้ได้ด้วย

    และแน่นอนว่า พวกคุณจะรู้ตัวว่าพวกคุณไม่ได้อยู่ในร่างกายเนื้อของตัวเองอีกต่อไปแล้ว
    เพราะว่าพวกคุณจะพบว่าตัวเองกำลังอยู่ในรูปกายอื่นอยู่ ซึ่งก็จะเป็นรูปกายที่ดูเหมือนกับว่า
    มันคือกายเนื้อเดิมของพวกคุณเองนั่นแหละ แต่ว่าพวกคุณก็จะเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
    ว่าพวกคุณไม่สามารถที่จะปฏิบัติการใดๆได้เลย ในระบบทางกายภาพนี้
    เหมือนอย่างที่เคยทำได้มาก่อนในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่

    เพราะว่าความแตกต่างระหว่างร่างกายใหม่นี้ กับร่างกายเนื้อทางกายภาพเดิมของพวกคุณ
    จะเป็นที่ประจักษ์ชัดต่อพวกคุณ เพราะว่าคนที่ยังมีชีวิตอยู่ จะไม่สามารถมองเห็นพวกคุณได้
    และพวกคุณก็จะสามารถทะลุผ่านสสารทางกายภาพได้ด้วย

    ดังนั้น พวกคุณจึงอาจจำเป็นจะต้องกลับไปเรียนรู้กฎแห่งการปฏิบัติตัวบางข้อใหม่อีกครั้งหนึ่งด้วย

    เพราะว่าภายใต้สภาวะแวดล้อมใหม่นี้

    พวกคุณอาจจะยังไม่รู้ตัวในทันทีว่า
    ตัวเองมีศักยภาพในการสร้างสรรค์
    และมีความสามารถในการเคลื่อนที่
    โดยใช้ความคิดและอารมณ์ความรู้สึกอยู่

    พวกคุณอาจจะประหลาดใจเมื่อได้พบว่า
    ตัวเองไปอยู่ใน 5 สถานที่ในเวลาเดียวกันได้อย่างไร
    เพราะว่าในช่วงแรกๆนั้น
    พวกคุณจะยังไม่รู้ถึงสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังของมันเลย

    ในช่วงแรกๆ การเคลื่อนที่ของพวกคุณ อาจจะเป็นแบบไม่เป็นลำดับต่อเนื่องกันเลย
    จนทำให้พวกคุณรู้สึกราวกับว่าถูกโยนจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
    โดยไม่มีจังหวะจะโคน หรือไม่มีเหตุผลอะไรเลยก็ได้
    หรืออาจจะเปลี่ยนจากประสบการณ์หนึ่งไปสู่อีกประสบการณ์หนึ่งอย่างทันทีทันใดก็ได้

    ในช่วงแรกๆพวกคุณอาจจะยังไม่รู้ว่าความคิดของพวกคุณคือตัวขับเคลื่อนพวกคุณ
    ให้ไปอยู่ในที่นั้นๆ เร็วพอๆกับที่พวกคุณคิดถึงพวกมันนั้นเลยที่เดียว
    ดังนั้น ในทันทีที่ตายไปแล้ว มันจึงจะมีช่วงระยะเวลาสำหรับการเรียนรู้ใหม่
    เกี่ยวกับเรื่องของการเดินทางอยู่ช่วงหนึ่ง และก็เพื่อที่จะเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับ
    กฎของ “ฟิสิกส์ทางจิต” ชุดใหม่นี้ให้ได้ซะก่อนด้วย

    แล้วหลังจากนั้น มันก็จะมีช่วงระยะเวลาหนึ่ง

    สำหรับการทบทวนโครงสร้างทั้งหมด
    ของประสบการณ์ชีวิตของตัวเอง
    ในภพชาติทางกายภาพที่พวกคุณเพิ่งผ่านมานี้
    อย่างจดจ่อและอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่อีกด้วย

    แต่อย่างไรก็ตามภายหลังจากการทบทวนนี้แล้ว
    พวกคุณก็จะพบว่ามันจะมีการขยายตัวตามธรรมชาติเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
    ซึ่งมันจะเป็นการค่อยๆผสานรวมจิตวิญญาณเข้าด้วยกัน
    จนทำให้พวกคุณผสานรวมเข้ากับภพชาติอื่นๆของตัวเองทุกๆภพชาติ
    และผสานรวมเข้ากับ “เหลี่ยมมุม” อื่นๆของตัวตนของพวกคุณเอง
    ซึ่งไม่ใชเฉพาะเหลี่ยมมุมที่มาเกิดบนโลกมนุษย์นี้เท่านั้น
    แต่หมายรวมถึงเหลี่ยมมุมที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงอื่นๆอีกด้วย

    ซึ่งเมื่อใดที่การขยายตัวนี้บังเกิดขึ้นแล้ว
    อัตลักษณ์หรือบุคลิกภาพของจิตวิญญาณของพวกคุณ
    ก็จะแผ่ขยายมากขึ้นไปอีกโดยปริยาย
    และกายทิพย์ของพวกคุณก็จะเปลี่ยนไป

    ซึ่งเมื่อถึงจุดนั้นแล้ว พวกคุณก็อาจจะเลือกลักษณะปรากฎของตัวเอง
    ให้เหมือนกับรูปกายในภพชาติใดภพชาติหนึ่งของตัวเองก็ได้
    หรือจะเลือกใช้ “กาย” ของจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นโครงสร้าง
    ที่ได้ผนวกรวมเอาทุกๆประสบการณ์ของตัวพวกคุณเองเอาไว้ในนั้นทั้งหมดแล้วก็ได้

    .........................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2022
  5. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
    เรื่อง: การตาย และชีวิตหลังความตาย
    (The Death Experience & After Life Realms)

    ผู้รับสาส์น: นาย James Tyberonn
    วันที่: 11 มิถุนายน 2014

    ที่มา: The Death Experience & After-Life Realm > Earth Keeper


    ตอนที่ : 4

    เหตุการณ์ไม่ปกติ (Anomalies)


    แต่คราวนี้ มันก็จะมีอยู่บางกรณีที่จะเกิดขึ้นน้อยมากๆ ที่ผู้ตายอาจจะตายอย่างฉับพลัน
    และไม่คาดคิดมาก่อน เช่น ตายเพราะอุบัติเหตุอะไรบางอย่างที่ทำให้ต้องตายอย่างฉับพลัน
    จนทำให้เกิดความสับสนขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่ว่ากรณีแบบนี้ ก็จะไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก

    และโดยปกติแล้วก็จะเกิดขึ้นเฉพาะกรณีที่บุคคลผู้นั้น

    มีความยึดติดอยู่กับชีวิตทางกายภาพของตัวเองมากจนเกินไป
    และไม่สามารถที่จะปล่อยวางได้เท่านั้น

    และโดยปกติแล้วกรณีแบบนี้
    ก็จะเกิดขึ้นกับจิตวิญญาณที่มีพัฒนาการต่ำๆ
    ที่รู้สึกว่าตนเองยังไม่ได้บรรลุเป้าหมายของตัวเองเท่านั้น
    หรือจะเกิดขึ้นกับจิตวิญญาณที่มีความยึดติดอยู่กับ
    ชีวิตในภพชาตินั้นๆของตัวเองมากจนเกินไปเท่านั้นเอง
    ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตามแต่ จนทำให้พวกเขา
    ไม่สามารถที่จะยอมรับการตายนั้นๆได้

    และในกรณีที่น้อยๆมากเช่นนี้ หลังจากที่ตายไปแล้ว
    ผู้ตายก็อาจจะปฏิเสธที่จะยอมรับการตายนั้นๆอย่างแข็งขัน
    และก็พยายามที่จะทุ่มเทพลังงานอารมณ์ความรู้สึกของตนเองอย่างเต็มที่
    เพื่อที่จะกลับเข้าไปอยู่ในร่างเดิมนั้นให้ได้อีกครั้งหนึ่ง

    ในกรณีอื่นๆที่คล้ายๆกันนี้ ผู้ตายที่ถูกครอบงำโดยเป้าหมายหรือโปรเจกอะไรบางอย่าง
    ที่กำลังทำอยู่แต่ยังทำไม่เสร็จ ก็อาจจะพยายามทำต่อไปอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง
    เพื่อที่จะให้มันเสร็จสิ้นลง ก่อนที่พวกเขาจะยอมรับได้ว่า
    การเดินทางบนโลกใบนี้ของพวกเขาได้สิ้นสุดลงแล้ว

    ดังนั้น แม้ว่าจะเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นก็ตาม

    แต่พวกเขาก็จะสามารถแยกแยะได้อย่างค่อนข้างชัดเจนในท้ายที่สุด
    ดังนั้น การทำสมาธิเพื่อชี้นำทางให้กับพวกเขา
    จึงเป็นการแทรกแซงสิ่งที่สามารถทำได้ เมื่อมีความจำเป็น
    เพื่อช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมที่สับสนของพวกเขา

    และท่านคุรุทั้งหลาย จงรับรู้ไว้ด้วยว่า มี “ผู้นำทาง” (guides) จำนวนมากมาย
    ที่คอยให้ความช่วยเหลือพวกคุณแต่ละคนอยู่ เพื่อให้พวกคุณมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้
    เกี่ยวกับสถานะของตัวเองในการตายครั้งนั้นๆ

    พวกคุณส่วนใหญ่จะเข้าสู่ความตายด้วยความรู้ชัด
    ซึ่งถ้าพวกคุณคนใดที่เข้าสู่ความตายโดยปราศจากความสับสนงุนงงแล้ว
    ก็มักจะได้รับการต้อนรับจากญาติพี่น้องเพื่อนฝูงที่ตายไปก่อนหน้านี้แล้ว
    มันจะมีความรู้สึกสะดวกสบาย และมีการรับรองอย่างปิติสุขของดินแดนแห่งนี้
    จนทำให้ความรู้สึกอยู่ดีมีสุขเอิบอาบไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
    พวกคุณจะสามารถพักผ่อนได้ ถ้าการพักผ่อนคือสิ่งที่พวกคุณต้องการ
    หรือคือสิ่งที่จำเป็นจะต้องทำ

    ซึ่งในระยะพักนี้ ก็จะเป็นระยะที่มีการขยายตัวครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง

    เพราะว่ามันจะมีบรรยากาศแห่งความสุขอันเหลือล้นเกิดขึ้น
    ซึ่งบ่อยครั้งก็มักจะเป็นความรู้สึกที่ลอยๆ
    ในสนามพลังงานของแสงสว่างสีขาวที่สว่างไสวเจิดจ้า
    และมีสีสันสวยสดงดงาม

    ในระยะนี้พวกคุณจะอยู่ในสภาวะแห่งความปิติสุขอย่างมาก
    และจะสามารถเข้าใจเรื่องของการแบ่งแยกที่เพิ่งเกิดขึ้นไปนี้ได้อย่างง่ายดายมากขึ้น
    แต่พวกคุณก็ยังจะสามารถจดจ่อความคิดไปที่โลกได้อยู่เหมือนเดิม
    พวกคุณจะได้พบว่า ความคิดของพวกคุณ จะนำพาพวกคุณไปยังบุคคล
    หรือสถานที่ใดๆก็ตามที่พวกคุณจดจ่อไปถึง ได้อย่างรวดเร็ว

    พวกคุณอาจจะไปเยี่ยมเพื่อนฝูงหรือญาติพี่น้องก็ได้

    หรือจะกลับไปเยี่ยมอดีตของตัวเองก็ได้ด้วย
    เช่นไปทักทายเพื่อนๆเมื่อตอนที่พวกคุณยังเป็นเด็กอยู่
    หรือจะเดินทางข้ามช่องว่างและกาลเวลา
    ไปไหนต่อไหนแบบไม่มีสะดุดก็ได้ด้วย

    หรือพวกคุณอาจจะกลับไปเยี่ยมตัวเองตอนที่ยังเป็นเด็กอยู่ก็ได้
    ซึ่งพวกคุณก็อาจจะมองเห็นตัวเองตอนที่ยังเป็นเด็กอยู่
    ที่กำลังถูกห้อมล้อมด้วยสมาชิกในครอบครัวในเทศกาลคริสต์มาส
    หรือที่กำลังเดินอยู่ในห้องโถงภายในโรงเรียนมัธยมปลายเมื่อ 60 ปีที่แล้วก็ได้

    และพวกคุณก็จะได้พบว่า ทันทีที่ความคิดใดๆเริ่มผุดขึ้นมานั้น

    มันก็จะถูกเนรมิตให้ปรากฎออกมา
    สู่โลกแห่งความเป็นจริงในทันทีทันใดด้วยเช่นเดียวกัน
    โดยไม่มีช่วงเวลาหยุดรอใดๆอยู่เลย เหมือนอย่างที่มันเคยมี
    ในตอนที่พวกคุณยังมีชีวิตอยู่ในโลกทางกายภาพ

    พวกคุณจะเพลิดเพลินกับการสำรวจปรากฎการณ์อันมหัศจรรย์ที่เหมือนความฝัน
    แต่เป็นความจริง และชัดเจนแจ่มแจ้งเหล่านี้

    มันมีวิธีการที่จะทำให้พวกคุณคุ้นเคยกับโลกแห่งความเป็นจริงหลังความตาย
    และคุ้นเคยกับมิติหลังความตายเหล่านี้อยู่มากมายหลายวิธี
    ในขณะที่พวกคุณยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ ซึ่งเดี๋ยวพวกเราจะมาพูดถึงกันในภายหลัง
    แบบคร่าวๆ ภายในข้อความชุดนี้

    แต่ว่าในตอนนี้ มันเป็นสิ่งสำคัญมากที่พวกคุณจะต้องเข้าใจเอาไว้ว่า

    ไม่มีใครเลยที่จะตาย โดยที่ตัวเขาเองไม่ได้เป็นผู้เลือกเอาไว้ก่อนแล้ว
    เพราะว่าตัวตนที่สูงส่งกว่าของพวกเขาจะเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องนี้เสมอ
    เพราะฉะนั้นแล้ว จึงไม่มีใครที่ “ตายก่อนเวลาอันสมควร” เลย

    แต่ว่ามันก็อาจจะทำให้พวกคุณรู้สึกว่าตัวเอง “ยังมีอะไรคั่งค้างอยู่” ก็ได้ด้วย
    เมื่อ “บทเรียนชีวิต” ของพวกคุณ ที่พวกคุณได้เลือกมาแล้วนั้น
    ไม่สามารถที่จะทำให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ลงได้ ด้วยสาเหตุใดก็ตาม

    .........................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2022
  6. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
    เรื่อง: การตาย และชีวิตหลังความตาย
    (The Death Experience & After Life Realms)

    ผู้รับสาส์น: นาย James Tyberonn
    วันที่: 11 มิถุนายน 2014

    ที่มา: The Death Experience & After-Life Realm > Earth Keeper


    ตอนที่ : 5

    วิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง (Continual Growth)


    ที่รักทั้งหลาย รายละเอียดของ “ประสบการณ์หลังความตาย”
    (after-death experience) ของแต่ละคนนั้น ก็จะมีความแตกต่างกันไป
    ขึ้นอยู่กับระบบความเชื่อและปริมาณแสงสว่างของคนๆนั้นด้วย

    ซึ่งสิ่งเหล่านี้ดูเหมือนว่ามันจะยิ่งมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น

    ถ้าพวกคุณคุ้นเคยอยู่แต่กับความเชื่อทางศาสนา
    ที่สอนให้เชื่อเรื่องสรวงสวรรค์อันเป็นนิรันดร์,
    หรือเชื่อเรื่องนรก และสวรรค์ หรือเชื่อเรื่องการหยุดพักผ่อนชั่วนิจนิรันดร์

    เพราะว่าในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่มีความเชื่ออย่างฝังใจ
    ในคำสอนทางศาสนาเหล่านี้ ในช่วงที่ตายใหม่ๆ
    ก็มักจะพากันสร้างภาพนิมิตรของนักบุญ
    หรือแสงสว่างสีขาวขึ้นมาอย่างฉับพลันทันที
    ซึ่งสอดคล้องกับความเชื่อด้านจิตวิญญาณของพวกเขาเอง

    และก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ที่ภาพนิมิตรเหล่านี้
    สามารถที่จะทำให้การตายของพวกเขา
    ดำเนินไปได้อย่างราบรื่นมากขึ้นได้จริงๆ
    เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้สร้างภาพนิมิตรเหล่านี้ขึ้นมา
    เช่น บรรดาผู้ที่ไม่เชื่อในเรื่องชีวิตหลังความตายเป็นต้น

    แต่ว่า เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
    พวกคุณจะต้องรู้ไว้ด้วยว่าการตายไม่ใช่การสิ้นสุด
    ที่พวกคุณจะได้ไปพักผ่อนชั่วนิจนิรันดร์แต่อย่างใดเลย
    และมันก็ไม่มีสวรรค์ที่ถนนทำด้วยทองคำอยู่อีกด้วย
    และมันก็ไม่มีทะเลเพลิงที่ทารุนโหดร้ายอยู่อีกด้วย
    และมันก็ไม่มีความว่างเปล่าที่ไร้ขอบเขต (infinite void) อยู่อีกด้วย
    แม้ว่าพวกคุณอาจจะได้ประสบกับภาพลวงตา
    ของสิ่งที่พวกคุณเชื่ออย่างฝังใจเหล่านี้
    ในช่วงระยะเวลาสั้นๆอยู่ก็ตาม
    แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ภาพลวงตาเหล่านี้ก็จะหายไป
    ภายในระยะเวลาอันสั้น

    และก็อย่างที่พวกเราได้บอกไปแล้วว่า มันจะมีผู้นำทาง และผู้พิทักษ์
    ซึ่งอาจจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ทีมงานแนะแนวทาง” (Orientation team) อยู่อีกด้วย
    เพื่อคอยให้คำแนะนำและช่วยเหลือผู้ที่จำเป็นจะต้องได้รับคำแนะนำและช่วยเหลืออยู่
    เพื่อให้พวกเขาสามารถปรับตัวให้เข้ากับชีวิตหลังความตายได้

    ซึ่งทีมงานแนะแนวทางที่ว่านี้ ก็คือเหล่าจิตวิญญาณผู้ที่มีวิวัฒนาการสูงแล้ว
    ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ และที่ได้ตายไปแล้ว ซึ่งถ้าเป็นผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็จะถอดกายทิพย์ออกไป
    เพื่อไปทำหน้าที่นี้ ในขณะที่ร่างกายเนื้อกำลังหลับอยู่ เพราะว่าพวกเขาคือผู้เชี่ยวชาญ
    ทางด้านการส่งผ่านจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของตัวเองข้ามมิติไปมา

    เหล่าผู้นำทางที่ยังคงมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ จะสามารถให้ความช่วยเหลือได้มากเป็นพิเศษ
    เพราะว่าพวกเขาจะสามารถเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของผู้ตาย ในช่วงกาลเวลา
    และในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นๆ ได้รวดเร็วมากกว่า ซึ่งบรรดาผู้นำทางเหล่านี้
    อาจจะจดจำงานที่พวกเขาทำลงไปในช่วงเวลากลางคืนได้หรือไม่ก็ได้

    ผู้นำทางเหล่านี้จะเข้าใจความรู้สึกของผู้ตายได้ดี
    และพวกเขาก็จะสามารถช่วยแนะแนวทางให้กับผู้ตาย
    ที่ยังรู้สึกสับสนในช่วงระยะแรกๆที่ตายไปแล้วได้

    และโดยทั่วไปแล้ว “จิตวิญญาณเก่าแก่” (ตามศัพท์ที่พวกคุณใช้เรียกกัน)
    ก็คือผู้ที่ได้รับการฝึกฝนมาในหลากหลายระดับจิตสำนึก/ความตระหนักรู้มากกว่า
    และมีประสบการณ์ในการเวียนว่ายตายเกิดบนโลกใบนี้มามากกว่าด้วย
    บุคคลเหล่านี้ จะไม่รู้สึกสับสน หรือเสียศูนย์ในระหว่างการเปลี่ยนสภาวะ
    จากโลกทางกายภาพ ไปสู่โลกที่ไม่ใช่ทางกายภาพเลย

    .............................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2022
  7. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
    เรื่อง: การตาย และชีวิตหลังความตาย
    (The Death Experience & After Life Realms)

    ผู้รับสาส์น: นาย James Tyberonn
    วันที่: 11 มิถุนายน 2014

    ที่มา: The Death Experience & After-Life Realm > Earth Keeper


    ตอนที่ : 6

    วิธีฝึกเพื่อเตรียมตัวก่อนตาย


    มันมีวิธีการอยู่มากมาย ที่พวกคุณสามารถที่จะนำมาใช้เพื่อฝึกฝนได้
    เพื่อเตรียมตัวเองให้พร้อมก่อนตาย เพื่อการผ่านไปสู่โลกหลังความตาย

    ด้วยเหตุนี้ พวกคุณคนใดก็ตาม ที่ในระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่
    ได้พากเพียรพยายามเรียนรู้และฝึกฝนวิธีการฝึกจิตแบบต่างๆ
    เพื่อให้สามารถรับรู้นอกกายเนื้อได้มาแล้ว เช่นโดยการเข้าสมาธิในระดับลึก
    หรือโดยการอดอาหาร หรือโดยการปลีกวิเวกไปอยู่ในป่าตามลำพัง
    หรือโดยการฝันอย่างมีสติ หรือโดยการฝึกลมหายใจแบบโยคะ
    หรือโดยการท่องเที่ยวไปแบบชามานก็ตาม
    ก็จะมีความคุ้นเคยกับสภาวะแวดล้อมของโลกหลังความตายมากกว่า

    ซึ่งประสบการณ์แห่งการขยายจิตสำนึก/ความตระหนักรู้เข้าไปสู่ดินแดนหลากมิติเหล่านี้
    ก็จะช่วยเตรียมความพร้อมก่อนตายให้ได้ เพราะว่าวิธีการฝึกเหล่านี้
    จะช่วยให้พวกคุณทุกๆคน ที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกทางกายภาพนี้
    สามารถที่จะเรียนรู้การท่องเข้าไปในระบบหลากมิติได้อย่างมีสติสัมปชัญญะ
    และสามารถที่จะเรียนรู้รายละเอียดปลีกย่อยต่างๆของชีวิตหลังความตายได้ด้วย
    ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับการเตรียมตัวก่อนตาย

    พวกคุณจะได้รู้ก่อนว่าจะได้เจอกับอะไรบ้าง
    เพราะว่าพวกคุณจะมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับสภาวะที่ไร้กาลเวลา
    และเกี่ยวกับการเดินทางด้วยความคิด

    และด้วยการใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
    พวกคุณแต่ละคนก็จะสามารถใช้เวลาเพื่อ “ตั้งโปรแกรมให้กับตัวเอง”
    (self-programing) เพื่อให้ฝันแบบคมชัดลึกได้ (lucid dream)

    ซึ่งคำว่า “ตั้งโปรแกรมให้กับตัวเอง” (self-programing) นี้
    พวกเราก็หมายความตามนั้นจริงๆ ซึ่งก็คือการตั้งเจตนารมณ์ขึ้นมาว่า
    จะจดจำความฝันของตัวเองให้ได้นั่นเอง

    ก่อนที่พวกคุณจะหลับ ให้ตั้งใจแน่วแน่เอาไว้ล่วงหน้าเลยว่า

    พวกคุณจะจดจำความฝันของตัวเองให้ได้
    โดยการใส่ความตั้งใจและความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่เข้าไปให้กับตัวเอง
    ว่าจะต้องจดจำความฝันของตัวเองให้จงได้
    แล้วพวกคุณก็จะประหลาดใจกับผลลัพธ์ของมัน

    พวกคุณคนใดที่สามารถได้มาซึ่งเมอร์คาน่า (Mer-Ka-Na)
    ของกายแห่งแสงสว่าง (Light Body) แล้ว ก็คงจะได้เจอกับมิติเหล่านี้แล้ว
    และเมื่อตายลงไปแล้ว กระบวนการหลังความตายของพวกคุณ
    ก็จะเป็นกระบวนการเดียวกันนี้ด้วย
    แต่ก็จะขึ้นอยู่กับระดับแสงสว่างของพวกคุณแต่ละคนด้วย
    ซึ่งเรื่องนี้ได้มีสอนเอาไว้แล้วใน the Metatronic Keys

    ในความเป็นจริงแล้วมิติต่างๆหรือโลกแห่งความเป็นจริงต่างๆ
    ที่จะถูกเข้าถึงโดย Mer-Ka-Na นั้น ก็คือมิติหลังความตายนั่นเอง
    ซึ่งพวกคุณก็เข้าไปในมิติหรือโลกแห่งความเป็นจริงเหล่านี้บ่อยๆอยู่แล้ว
    ในเวลาที่พวกคุณหลับฝัน เพียงแต่ว่าพวกคุณจดจำพวกมันไม่ค่อยได้เท่านั้นเอง
    หลังจากตื่นขึ้นมาแล้ว

    คราวนี้ เมื่อหลุดออกมาจากกายเนื้อแล้ว อย่างที่พวกเราได้พูดไปแล้วนั้น
    พวกคุณแต่ละคนก็จะได้เจอกับอะไรที่แตกต่างกันออกไป
    แต่ว่าสิ่งที่พวกคุณทุกๆคนจะต้องได้เจอเหมือนๆกันก็คือ
    พวกคุณจะมีความสามารถมากขึ้น และมีอิสระภาพมากขึ้น
    จนทำให้มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้มากขึ้น เกี่ยวกับโลกแห่งความเป็นจริงของตัวเอง
    และมีความสามารถและมีอิสระภาพมากขึ้น ในการพัฒนาสมรรถภาพด้านต่างๆของตัวเอง
    ให้สูงขึ้นกว่าเดิม และมีความสามารถที่จะรู้สึกได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้นกว่าเดิม
    และแน่นอนว่าพวกคุณจะมีความสามารถในการเข้าใจธรรมชาติของความเป็นตัวตนหลากมิติของตัวเอง
    ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่เป็นอยู่ (the All That Is)
    ได้อย่างกระจ่างชัดมากขึ้นกว่าเดิมด้วย

    ...............................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2022
  8. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
    เรื่อง: การตาย และชีวิตหลังความตาย
    (The Death Experience & After Life Realms)

    ผู้รับสาส์น: นาย James Tyberonn
    วันที่: 11 มิถุนายน 2014

    ที่มา: The Death Experience & After-Life Realm > Earth Keeper


    ตอนที่ : 7

    ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างการตาย


    คราวนี้ พวกเราจะมาพูดถึงจุดที่สำคัญๆบางจุดในแบบที่ละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม
    ซึ่งบางส่วนของมัน พวกเราก็ได้พูดถึงไปแล้วในตอนต้นของข้อความสื่อสารชุดนี้
    แต่ว่ามันก็คุ้มค่าที่จะนำมากล่าวถึงซ้ำอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่ามันค่อนข้างที่จะสำคัญ
    และพวกคุณก็ควรที่จะต้องเข้าใจมันด้วย

    ท่านคุรุทั้งหลาย ณ.จุดแห่งการตายของพวกคุณนั้น พวกคุณก็จะออกจากร่างกายเนื้อไป
    และก็อย่างที่พวกเราได้บอกไปแล้วตั้งแต่ตอนต้นว่า พวกคุณจะพบว่าตัวเอง
    อยู่ในอีก “ร่าง” หนึ่งโดยทันทีทันใดเลย พวกคุณจะพบว่าตัวเองอยู่ในกายทิพย์รูปแบบหนึ่ง
    ซึ่งเป็นกายทิพย์ชนิดเดียวกันกับที่พวกคุณใช้ท่องเที่ยวไปในขณะฝัน
    และก็เป็นชนิดเดียวกันกับที่พวกคุณใช้ในขณะถอดกายทิพย์ (out-of-body projection)

    มันจะรู้สึกค่อนข้างสบายและคุ้นเคยอย่างมากสำหรับพวกคุณ เพราะว่าในความเป็นจริงแล้ว
    พวกคุณทุกๆคน ก็ออกจากร่างกายเนื้อไปทุกๆคืนอยู่แล้วในขณะที่หลับฝัน
    กายๆนี้อาจจะดูเหมือนว่ามันเป็นกายเนื้อ เพียงแต่ว่าพวกคุณจะได้ประจักษ์ชัดอย่างรวดเร็วว่า
    กายใหม่หลังความตายอันนี้ สามารถที่จะทำอะไรได้มากมายกว่าในสภาวะแวดล้อมใหม่ของมัน

    ในระยะแรกๆ พวกคุณส่วนใหญ่จะเลือกที่จะมีรูปร่างลักษณะเหมือนกับกายเนื้อของตัวเอง ในสมัยตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
    เพียงแต่ว่าจะเลือกให้มันดูกำยำล่ำสัน หรือดูมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์มากกว่าเท่านั้นเอง
    ดังนั้น พวกคุณส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะมีรูปร่างลักษณะเหมือนตอนช่วงอายุ
    ที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงมากที่สุดในชีวิตของตนเอง

    พวกคุณจะสามารถท่องเที่ยวไปในทุกๆที่แบบไร้กาลเวลา ได้ในบัดดล เพียงแค่คิดเท่านั้นเอง
    ตัวอย่างเช่น ถ้าพวกคุณคิดถึงบุคคลอันเป็นที่รักคนใดคนหนึ่งของพวกคุณ ที่อยู่เวอร์จีเนียขึ้นมา
    พวกคุณก็จะไปปรากฎตัวอยู่ ณ.ที่ๆคนๆนั้นอยู่ในบัดดล พวกคุณจะสามารถติดต่อสื่อสารกับพวกเขาได้ผ่านทางโทรจิต
    แต่ว่าโดยส่วนใหญ่แล้ว พวกเขาจะไม่สามารถมองเห็นพวกคุณได้ หรือไม่สามารถได้ยินเสียงของพวกคุณจริงๆได้
    พวกเขาจะเพียงรับรู้การสื่อสารจากพวกคุณได้ผ่านทางจิตใต้สำนึกเท่านั้นเอง
    และอาจจะรู้ หรือไม่รู้ว่า แหล่งที่มาของความคิดนั้นมาจากไหนก็ได้

    ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ จะไม่สามารถมองเห็นพวกคุณได้ แต่ว่าหลังจากที่ตายไปแล้ว
    ถ้าพวกคุณเพ่งความตระหนักรู้ของตัวเองมาที่มิติทางกายภาพนี้ โดยการคิดแล้วหละก็
    พวกคุณก็จะมาปรากฎอยู่ในโลกทางกายภาพนี้ทันที ในรูปแบบของกายทิพย์ หรือผี อย่างที่พวกคุณเรียกกัน

    แต่ว่าพวกเราก็อยากจะบอกเรื่องที่น่าสนใจให้พวกคุณรู้อีกสักหน่อยว่า สมาชิกในอาณาจักรสัตว์หลายชนิด
    ซึ่งรวมถึงสัตว์เลี้ยงของพวกคุณด้วย จะสามารถมองเห็นพวกคุณได้อย่างค่อนข้างชัดเจน
    ดังนั้น พวกคุณจึงอาจจะได้รับการต้อนรับอย่างกระตือรือร้นมากๆจากสุนัขและแมวของพวกคุณเองจริงๆก็ได้
    ในตอนที่พวกคุณเข้ามาในบ้านของตัวเอง ที่มีสัตว์เลี้ยงและสมาชิกในครอบครัวอยู่ ในมิติทางกายภาพนี้

    ดังนั้น กล่าวโดยทั่วไปแล้ว ระยะนี้คือระยะที่พวกคุณจะได้กลับไปค้นพบความสามารถใหม่ๆ
    อันน่าทึ่งของร่างกายใหม่ของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง และรวมถึงจะได้กลับไปค้นพบความสามารถในการ
    “เคลื่อนที่โดยใช้ความคิด” ใหม่อีกครั้งหนึ่งด้วย พวกคุณจะเพลิดเพลินอยู่กับการค้นพบว่า
    พวกคุณสามารถที่จะทำอะไรก็ได้โดยใช้เพียงความคิดเท่านั้นเอง
    พวกคุณจะสามารถบินได้ในแบบเดียวกับที่พวกคุณบินในเวลาฝัน
    พวกคุณจะสามารถทะลุผ่านวัตถุสิ่งของที่เป็นของแข็งได้อย่างง่ายดาย
    ไม่ว่าจะเป็นกำแพง, อาคารบ้านเรือน, หรือภูเขาก็ตาม พวกคุณจะสามารถเดินทางไปไหนต่อไหน
    หรือไปหาใครต่อใครได้ในทันที ดังใจปราถนา เพียงแค่คิดเท่านั้น

    ดังนั้น ในระยะแรกๆนี้ พวกคุณจึงอาจจะเลือกที่จะเดินทางไปสำรวจโลกด้วยซ้ำไป
    ไม่ว่าจะเป็นบนพื้นผิวโลก หรือภายในลูกโลกเองก็ตาม!
    และพวกคุณก็จะสามารถมองเห็นสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่อยู่ในระนาบทิพย์ของดาวเคราะห์โลกใบนี้ได้
    เช่น สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในอาณาจักรเทวะ และอาณาจักรแร่ธาตุ เป็นต้น

    (หมายเหตุ: อาณาจักรเทวะ หรือ Devic Kingdom เช่น Elementals
    ซึ่งก็คือจิตวิญญาณของธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ , ส่วน อาณาจักรแร่ธาตุ หรือ Mineral Kingdom
    ก็เช่น แร่ธาตุต่างๆ รวมถึงพวกคริสตัลต่างๆด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่มีชีวิต – ผู้แปล)

    ในระยะแรกๆของกระบวนการนี้ มันจึงค่อนข้างที่จะมีลักษณะ “เหมือนความฝัน”
    ดังนั้น โดยส่วนมากแล้ว ผู้ที่ตายไปแล้วจึงมักจะเลือกที่จะวนเวียนอยู่ใกล้ๆ
    กับระนาบทางกายภาพของโลกใบนี้ซะเป็นส่วนใหญ่ เป็นเวลานาน 2 – 3 สัปดาห์หลังจากที่ตายไปแล้ว
    ก่อนที่จะเลื่อนระดับขึ้นไปสู่มิติที่สูงกว่าต่อไป

    ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ พวกคุณก็จะสามารถติดต่อสื่อสารกับบุคคลที่เคยมีความสำคัญต่อชีวิตของพวกคุณ
    ในภพชาตินั้นๆ ที่พวกคุณเลือกที่จะติดต่อสื่อสารด้วย ได้อย่างครบถ้วนแล้ว
    แต่จงอย่าลืมว่า “กาลเวลา” ที่พวกคุณรู้จักนั้น มันไม่มีอยู่จริงในมิติที่ไม่ใช่มิติทางกายภาพแบบนี้
    ดังนั้น พวกคุณจึงจะไม่รับรู้ถึงการล่วงเลยไปของกาลเวลาเลยหลังจากที่ตายไปแล้ว

    ดังนั้น ตลอดระยะเวลาของการไปเกี่ยวข้องสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด
    หรือไปติดต่อโดยตรงกับผู้ที่ยังอยู่ในโลกทางกายภาพของพวกคุณนั้น
    ซึ่งอาจจะกินเวลายาวนาน 4 – 6 สัปดาห์ตามกาลเวลาของโลก นับตั้งแต่ทันทีที่ตายลงไปก็ตาม
    แต่กาลเวลาของพวกคุณก็จะอยู่ใน “ปัจจุบันขณะ” อยู่ตลอดเวลา
    และพวกคุณก็จะไม่รับรู้ถึงการล่วงเลยไปของกาลเวลาตามเข็มนาฬิกาเลยโดยสิ้นเชิง

    หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ในมิติที่ไร้กาลเวลานี้

    พวกคุณจะรู้สึกราวกับว่ามันเป็นช่วงเวลาที่สั้นมากๆเท่านั้นเอง
    เพียงแค่อึดใจเดียวของความคิดและช่องว่างเท่านั้นเอง
    ด้วยเหตุนี้ มันจึงเป็นไปได้ว่าผู้ที่ตายไปแล้วบางคน
    อาจจะอยู่ในระยะนี้ไปอีกนานหลายเดือน หรือแม้แต่หลายปีก็ได้
    ขึ้นอยู่กับความต้องการที่จะติดต่อสื่อสารของพวกเขา
    และขึ้นอยู่กับสิ่งที่พวกเขาต้องการที่จะทำให้มันเสร็จสิ้นสมบูรณ์ลง
    แต่อย่างไรก็ตาม กรณีเช่นนี้ ก็จะไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก

    มันคงจะไม่ทำให้พวกคุณแปลกใจใช่ไหม๊
    ถ้าหากได้รู้ว่า พวกคุณส่วนใหญ่จะไปร่วมในงานศพ
    และงานฌาปณกิจศพของตัวเอง ด้วยกายทิพย์

    มีผู้ที่เคยมีประสบการณ์ตายแล้วฟื้นจำนวนมากมาย ที่พูดถึงว่าเรื่องราวในชีวิตของพวกเขาทั้งชีวิต
    ได้มาปรากฎให้พวกเขาเห็นภายในระยะเวลาเพียงแค่แว๊บเดียวเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้มันเป็นการเข้าใจผิด
    เพราะว่าสมองส่วนหน้าของอีโก้ของพวกคุณ แปลความหมายสภาวะฝันของจิตใต้สำนึกผิดไป
    เพราะถ้าจะให้อธิบายอย่างถูกต้องจริงๆแล้วหละก็ ก็จะพูดได้ว่า เมื่อพวกคุณอยู่ ณ.ฟากฝั่งโน้นของม่านพรางแล้ว
    พวกคุณก็จะสามารถสังเกตการณ์ดูเรื่องราวความเป็นไปของชีวิตในภพชาติทางกายภาพของตัวเองได้จริงๆ
    ตั้งแต่เกิดจนแก่ชราเลย แต่ว่ามันก็จะต้องใช้การทบทวนและศึกษาอย่างละเอียดรอบคอบแบบค่อยเป็นค่อยไปด้วย
    ไม่ใช่ในแบบที่เกิดขึ้นอย่างปุบปับ เพราะว่ามันเป็นกระบวนการเลือกที่จะทบทวนดูชีวิตของตัวเอง
    ซึ่งโดยปกติแล้วก็จะต้องมี “ผู้นำทาง” (guides) คอยให้ความช่วยเหลืออยู่ด้วย
    และจะเกิดขึ้นในระนาบที่สูงกว่าขึ้นไปอีก ซึ่งเป็นระนาบแรกที่ผู้ตายได้เข้าไปอยู่ หลังจากที่ได้ตายไปแล้ว

    พวกคุณทุกๆคนจะต้องได้ทำแบบนี้กันทั้งนั้น

    แต่ว่าพวกคุณจะสามารถเลือกได้ด้วยว่า
    สำหรับประสบการณ์ชีวิตใดๆที่มีความสำคัญมากๆในชีวิตของพวกคุณ
    พวกคุณอาจจะไม่เพียงแต่ดูและศึกษามันอย่างเดียวเท่านั้น
    แต่พวกคุณจะขอเลือกที่จะหวนกลับไปมีประสบการณ์นั้นใหม่อีกครั้งหนึ่งก็ได้
    ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพวกคุณแต่ละคนเอง

    ซึ่งในหลายๆกรณีผู้ตายอาจจะเลือกเอาบางช่วงของชีวิต
    ที่ตัวเองได้เคยทำผิดพลาดเอาไว้มามีประสบการณ์ใหม่อีกครั้งหนึ่งก็ได้
    ซึ่งในกรณีเช่นนี้พวกคุณก็จะถูกพาเข้าไปสู่เหตุการณ์นั้นๆใหม่อีกครั้งหนึ่ง
    แต่โดยใช้วิธีการอื่นๆในการตอบสนองต่อเหตุการณ์นั้นๆแทน
    เพื่อดูว่าถ้าเลือกทางเลือกอื่นๆแล้ว ผลลัพธ์ของมันจะออกมาเป็นเช่นไร
    และมันจะดีขึ้นกว่าเดิมไหม๊

    ในกระบวนการนี้จะทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งขึ้น
    และนี่แหละคือสิ่งที่คัมภีร์ทางศาสนาของพวกคุณ
    เรียกว่า “การพิพากษา” (the Judgment) หละ

    แต่อย่างไรก็ตาม ในระยะนี้ มันจะไม่มีอารมณ์ความรู้สึกของการรู้สึกผิดหรือทุกข์ทรมานอยู่เลย
    เพราะว่าในระดับนี้ พวกคุณอยู่เหนือความเป็นอัตตาตัวตนที่ตัวเองเคยรู้จักแล้ว
    ดังนั้น พวกคุณจึงกำลังทบทวนดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ ด้วยตัวตนที่อยู่ในสภาวะที่สูงกว่าของตัวเอง
    ซึ่งเป็นสภาวะที่อาจจะเรียกได้ว่า “วางอุเบกขา” อย่างเดียวเลย
    หรือเกือบจะทำตัวเป็นแค่ผู้สังเกตการณ์ดูความเป็นไปของมิติที่ 3 เท่านั้นเอง

    กระบวนการนี้จะเกิดขึ้นในที่ๆอาจจะเรียกได้ว่า เป็น “ศูนย์ฝึกอบรม” (training center) ก็ว่าได้
    แต่ก็จะต้องเข้าใจไว้ด้วยนะว่า มันเป็นมิติหรือสภาวะทางจิตอย่างหนึ่งเท่านั้น
    ไม่ใช่สถานที่จริงๆในแบบที่พวกคุณรู้จักกันในมิติทางกายภาพนี้หรอก

    ............................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2022
  9. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
    เรื่อง: การตาย และชีวิตหลังความตาย
    (The Death Experience & After Life Realms)

    ผู้รับสาส์น: นาย James Tyberonn
    วันที่: 11 มิถุนายน 2014

    ที่มา: The Death Experience & After-Life Realm > Earth Keeper


    ตอนที่ : 8

    ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างการตาย (ต่อ)


    และเมื่อใดที่พวกคุณผ่านพ้นระยะนี้ไปได้แล้ว
    พวกคุณก็จะมีทางเลือกอีกว่าจะกลับมาเกิดอีกครั้งหรือไม่
    ซึ่งถ้าไม่ มันก็ยังจะมีทางเลือกอื่นๆให้พวกคุณได้เลือกอยู่อีก
    เพราะว่ามันยังมีจักรวาลอื่นๆและกาแล็กซี่อื่นๆอยู่อีกมากมายมหาศาล
    ที่พวกคุณจะสามารถใช้เป็นสถานที่เพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตอันเยี่ยมยอดได้

    ซึ่งประสบการณ์ที่พวกคุณจะได้พบในกาแล็กซี่อื่นๆและในจักรวาลอื่นๆนั้น
    ส่วนใหญ่แล้วก็จะแตกต่างไปจากที่พวกคุณเคยประสบพบมา
    บนดาวเคราะห์โลกที่อยู่ในระบบสุริยะของพวกคุณดวงนี้ค่อนข้างมาก

    และในสถานที่เหล่านี้ ก็มีน้อยมากๆ

    ที่จะเป็นโลกแห่งความเป็นจริงที่อยู่ในมิติทางกายภาพ
    เหมือนดาวเคราะห์โลกของพวกคุณ

    พวกคุณคนใดที่มีวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณสูงมากแล้ว
    ก็อาจเลือกที่จะไปเชื่อมต่อเข้ากับโลกแห่งความเป็นจริงอื่นๆก็ได้
    เช่นกับชาวอาร์คทูเรียน, ชาวกลุ่มดาวลูกไก่ และชาวกลุ่มดาวซีรีอุสทั้งสองกลุ่ม เป็นต้น

    อันที่จริงแล้วเอกภพแห่งนี้คับคั่งดาดาษไปด้วยสิ่งมีชีวิตจำนวนมากมาย แต่ที่ยกตัวอย่างมาแค่ 3 กลุ่มนั้น
    ก็เพราะว่า ทั้ง 3 กลุ่มนี้เป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันดีสำหรับพวกคุณค่อนข้างมากนั่นเอง
    และพวกเขาก็มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพวกคุณมาโดยตลอด นับตั้งแต่สมัยอาณาจักรมู (Mu)
    และอาณาจักรแอตแลนติสโน่นแล้ว

    และในตอนนี้พวกคุณหลายคน ก็กำลังดำรงอยู่

    ในทั้ง 2 สถานที่ ในขณะเดียวกันอยู่แล้วด้วย
    (คือดำรงอยู่ทั้งบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ และบนกลุ่มดาวเหล่านั้น – ผู้แปล)
    โดยอยู่ในรูปแบบของแสงสว่างที่มีสภาวะสูงกว่า
    หรือก็คืออยู่ในรูปแบบของสิ่งมีชีวิต
    ที่ประกอบขึ้นมาจากอนุภาคโฟตอนนั่นเอง

    แล้วหลังจากนั้นพวกคุณก็จะตัดสินใจว่า พวกคุณได้ทำกิจในระบบทวิภาวะนี้เสร็จสิ้นลงไปหรือยัง
    ถ้ายังไม่เสร็จ พวกคุณก็จะพากันเริ่มต้นเตรียมการเพื่อกลับลงมาเกิดใหม่อีกครั้งหนึ่ง

    จิตวิญญาณส่วนใหญ่จะมีระยะห่างระหว่างภพชาติที่จะลงมาเกิดอยู่
    ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับรอบของการลงมาเกิดของผู้ที่พวกเขาเคยมีสัมพันธภาพด้วย เมื่อในอดีต
    หรือถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ พวกเขาจะทิ้งระยะห่างเอาไว้ประมาณ 20 – 40 ปี
    ก่อนที่จะตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะลงมาเกิดใหม่อีกครั้งหนึ่ง
    แต่พวกเราก็จะต้องเคลียร์กันให้เข้าใจอีกครั้งหนึ่งก่อนนะว่า
    กาลเวลา หรือสภาวะที่ไร้กาลเวลาของฟากฝั่งโน้นของม่านพรางนั้น
    มันเป็นสิ่งที่พวกคุณซึ่งคุ้นเคยอยู่แต่กับกาลเวลาที่เป็นแบบเส้นตรงแบบนี้ ยากจะเข้าใจได้

    ดังนั้น ช่วงเวลาที่พวกคุณจะลงมาเกิดใหม่อีกครั้งหนึ่งนั้น จึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเลือก
    ของผู้ที่พวกคุณต้องการที่จะมีปฏิสัมพันธ์ด้วย บนระนาบแห่งโลกใบนี้ เป็นอย่างมากด้วย
    ว่าจะลงมาเกิดใหม่อีกครั้งหนึ่งหรือไม่
    ดังนั้นในกระบวนการนี้จึงมีการติดต่อสื่อสารแบบหลากหลายช่องทางเกิดขึ้น
    เพื่อจัดทำแผนการอันสลับซับซ้อน และจัดทำพันธะสัญญาทางจิตวิญญาณร่วมกันขึ้นมา

    ซึ่งในกระบวนการนี้มันก็จะมีการเลือกเอาจิตวิญญาณหรือกลุ่มของจิตวิญญาณต่างๆ
    เข้ามาเพื่อมามีส่วนร่วมในโลกแห่งความเป็นทวิภาวะนี้ด้วย ซึ่งบุคคลเหล่านั้นก็คือ
    บุคคลที่พวกคุณต้องการที่จะทำให้สัมพันธภาพกับพวกเขาเสร็จสิ้นลง
    หรือทำให้เข้าสู่ความสมดุลนั่นเอง (เช่นหมดเวรหมดกรรมต่อกัน เป็นต้น - ผู้แปล)

    รวมถึงจะมีการเลือกสมาชิกในครอบครัว และเลือกบทเรียนชีวิตเพื่อการเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณอีกด้วย
    และพวกคุณก็จะเลือกรูปแบบทางโหราศาสตร์ที่จะลงมาเกิด
    ซึ่งก็จะเลือกเอาตำแหน่งของจักราศี ที่จะทำให้ตัวเองสามารถเจริญเติบโตด้านจิตวิญญาณได้มากที่สุด นั่นเอง
    (ไม่ใช่เลือกเอาที่ดีที่สุดนะครับ แต่เลือกเอาที่เหมาะสมกับบทเรียนชีวิต
    ที่ตัวเองต้องการจะมี ในภพชาตินั้นๆมากที่สุด- ผู้แปล)

    และเมื่อจิตวิญญาณดวงใดได้เลือกแล้วว่า

    จะกลับลงมาเกิดใหม่ในความเป็นทวิภาวะนี้อีก
    ก็จะต้อง “เข้ารับการฝึกอบรม” ซะก่อน
    ในมิติที่ไม่ใช่มิติทางกายภาพ
    บนดาวเคราะห์ดวงอื่นๆที่อยู่ภายในระบบสุริยะของพวกคุณนี้เอง

    เพราะว่าการมามีชีวิตอยู่บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ ถือเป็นการมาเข้า “ห้องสอบ” แล้ว
    หรือถือเป็นการมาเข้า “มหาวิทยาลัยแห่งความเป็นทวิภาวะ” แล้ว
    แต่ว่ามันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของการสำเร็จการศึกษาของจิตวิญญาณเท่านั้นเอง
    เพราะว่าพวกคุณแต่ละคน ยังจะต้องไปใช้เวลาเพื่อเรียนหลักสูตรอยู่บนดินแดนอื่นๆทั้งหมด
    ที่อยู่ภายในระบบสุริยะของพวกคุณอีกด้วย ซึ่งกระบวนการนี้ปกติแล้วจะเกิดขึ้นหลังการตาย
    ในขั้นตอนการเตรียมการเพื่อไปสู่ขั้นตอนถัดไป ซึ่งก็คือขั้นตอนการกลับมาเกิดใหม่นั่นเอง

    แต่อย่างไรก็ตาม บางส่วนของมัน ก็อาจจะเกิดขึ้นได้ในขณะที่พวกคุณยังมีชีวิตอยู่
    ในระหว่างที่นอนหลับอยู่ก็ได้ด้วย เพราะว่าในแต่ละคืน พวกคุณแต่ละคนจะออกจากร่างกายเนื้อของตัวเองไปจริงๆ
    ในระหว่างที่ยังนอนหลับขั้นลึกๆอยู่ โดยออกไปในรูปแบบของสิ่งที่อาจจะเรียกว่าสภาวะหลังความตายก็ได้
    แม้ว่าภายหลังจากตื่นขึ้นมาแล้ว จะมีพวกคุณจำนวนน้อยมากๆ
    ที่จะยังมีความทรงจำของการฝันแบบคมชัดลึกแบบนี้หลงเหลืออยู่ก็ตาม

    ............................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2022
  10. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
    เรื่อง: การตาย และชีวิตหลังความตาย
    (The Death Experience & After Life Realms)

    ผู้รับสาส์น: นาย James Tyberonn
    วันที่: 11 มิถุนายน 2014

    ที่มา: The Death Experience & After-Life Realm > Earth Keeper


    ตอนที่ : 9

    การเลือกรูปแบบของจิตวิญญาณ (Choosing the Soul Pattern)


    มนุษย์โลกที่รัก อย่าได้คิดว่าการไปศึกษาเรียนรู้อยู่บนดาวเคราะห์และดวงดาวต่างๆ
    หลังจากที่ตายไปแล้วนั้น เป็นเพียงนิทานพื้นบ้าน หรือเป็นเพียงเรื่องโกหกเท่านั้นนะ
    และอะไรก็ตามที่จิตวิญญาณได้เรียนรู้มาแล้วในแต่ละที่, ในแต่ละการเดินทาง
    ก็จะต้องถูกนำเอามาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะต้องถูกนำมาแสดงออกอย่างเหมาะสม
    ผ่านทางการกระทำในภพชาติต่างๆบนโลกใบนี้ด้วย

    และการเจริญเติบโตของจิตวิญญาณก็จะต้องส่อให้เห็นทั้งในความคิดและการกระทำ
    ที่เป็นไปเพื่อเนรมิตความปราถนาให้กลายเป็นผลสำเร็จออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพนี้ด้วย

    ดังนั้น จึงจำเป็นจะต้องเลือกแพทเทิร์นทางโหราศาสตร์อย่างระมัดระวัง เพื่อให้มีความถูกต้องและเหมาะสมมากที่สุด
    จากจำนวนรูปแบบการจัดเรียงตัวกันของดวงดาวและดาวเคราะห์ต่างๆจำนวนมากมายหลายรูปแบบจนนับไม่ถ้วน
    เพราะว่ามันก็จะกลายไปเป็น “แพทเทิร์นของจิตวิญญาณ” (soul pattern) ต่อไป

    จักรราศีมีอยู่ 12 ราศีหลักๆด้วยกัน ซึ่งจิตวิญญาณจะเลือกใช้เป็นเวลาที่จะลงมาเกิดยังโลกมนุษย์ในภพชาติใหม่ของตัวเอง
    จักรราศีเหล่านี้คือแพทเทิร์นที่จะบ่งบอกถึงนิสัยใจคอ, บุคคลิกภาพ, และความคิดความอ่านที่เหมาะสมที่สุด
    ต่อการเรียนรู้ของภพชาตินั้นๆ ส่วนเพศ, เชื้อชาติเผ่าพันธุ์ และร่างกายเนื้อนั้น ก็จะถูกเลือกด้วยเช่นเดียวกัน
    เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ก็คือสิ่งที่จะแสดงออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมของจิตวิญญาณ หรือก็คือภาพสะท้อนอย่างหนึ่ง
    ของ “ความเป็นบุคคลตัวตนของจิตวิญญาณ” ที่วิวัฒน์ไปอยู่ตลอดเวลา
    และกำลังจะถูกนำไปใช้ในประสบการณ์ทางโลกสำหรับแผนการหรือภพชาติถัดไปนี้

    สิ่งที่พวกเราบอกพวกคุณไปทั้งหมดนี้ เคยเป็นที่รู้จักกันดีในอารยธรรมที่ล้ำหน้าแล้วหลายแห่ง
    เช่น อาณาจักรมู, กลุ่ม the Law of One ของอาณาจักรแอตแลนติส, ชาวอียิปต์ และ ชาวกรีก เป็นต้น
    แต่ว่าภายหลังจากที่ศาสนาต่างๆที่สั่งสอนโดยใช้ความกลัวเป็นเครื่องมือของพวกคุณอุบัติขึ้น และเข้าครอบงำแล้ว
    คำสอนเหล่านี้ก็อาจจะเรียกได้ว่า หายสาบสูญลงไปอยู่ “ใต้ดิน” เลยก็ว่าได้
    ดังนั้น มันจึงมีสอนกันอยู่เฉพาะในดินแดนหรือในแวดวงเล็กๆที่เป็นความลับเท่านั้น

    ในประวัติศาสตร์ที่พวกคุณรู้จัก มันเคยถูกสอนโดยพลาโต้ (Plato) และพิธากอรัส (Pythagoras)
    และในประวัติศาสตร์เมื่อไม่นานมานี้มันก็เคยถูกสอนโดยเอ็ดก้าเคซี (Edgar Cayce)
    ผู้ซึ่งคือพิธากอรัสกลับชาติมาเกิดโดยแท้ และก็เป็นตัวตนภาคหนึ่งของแก่นแท้ของศาสดาองค์หนึ่งสมัยอียิปต์ที่ชื่อ Ra Ta ด้วย

    และก็อย่างที่พวกเราได้เคยบอกพวกคุณไปหลายครั้งแล้วว่า ระนาบแห่งดาวเคราะห์โลกดวงนี้
    คือมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นทวิภาวะแห่งหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามโลกก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของหลักสูตรนี้เท่านั้นเอง
    เพราะว่ามันยังมีที่อื่นๆอยู่อีกมากมาย ที่เป็นโลกหลังความตาย ที่เกี่ยวข้องกับระบบสุริยะของพวกคุณอยู่
    ที่ทำหน้าที่ส่งนักเรียนเข้ามาเรียนในระบบทวิภาวะ หรือระบบทางเลือกอิสระของมิติทางกายภาพนี้โดยตรง

    ดาวเคราะห์โลกแห่งความเป็นทวิภาวะแห่งนี้

    คือดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรีจริงๆ
    ที่มีความพิเศษเฉพาะไม่เหมือนใคร
    ซึ่งทางเลือกใดๆก็ตามที่ถูกเลือกโดยแต่ละบุคคลที่อยู่ที่นี่
    จะไปมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการเนรมิตให้ออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
    และจะไปมีบทบาทสำคัญอย่างมาก
    ต่อการทำหน้าที่เป็นผู้สร้างของผู้ที่อยู่ในดินแดนแห่งเหตุและผลแห่งนี้

    ในระบบสุริยะของพวกคุณ
    มีเพียงดาวเคราะห์โลกของพวกคุณเท่านั้นที่มีสิ่งมีชีวิตในมิติที่ 3 อยู่

    ในดินแดนหลังความตายเหล่านี้ เมื่อใครมีความก้าวหน้าขึ้นไปถึงระดับหนึ่งแล้ว มันก็จะมีผู้มาคอยให้คำแนะนำอยู่ตามสมควร
    ซึ่งผู้ที่จะมาคอยให้คำแนะนำที่ว่านี้ ก็อาจจะเป็นเหล่าคุรุทั้งหลาย ที่พวกคุณบางคนเรียกกันว่า
    “คุรุผู้รู้แจ้งแล้ว” (Ascended Master) และเหล่าทวยเทพนั่นเอง ซึ่งเรื่องนี้ก็จะเป็นไปโดยสมัครใจ
    หรือด้วย free will ของพวกคุณเองอีกเช่นเดียวกัน ซึ่งตัวตนภาคที่อยู่สูงกว่าของพวกคุณแต่ละคน
    ซึ่งก็คือ “จิตวิญญาณต้นธาตุ” (oversoul) ของพวกคุณเอง จะเป็นผู้เลือกให้ด้วยตัวเอง

    พวกคุณคนใด ที่เข้าใจไปว่าชีวิตหลังความตายจะไม่มีความท้าทายใดๆเหลืออยู่เลยนั้น
    ต้องคิดดูใหม่แล้วหละ เพราะว่าไม่ว่าที่ไหน มันก็จะต้องมีการใช้ความมานะพยายามอยู่เสมอนั่นแหละ
    แต่ว่ามันก็จะมีแรงกระตุ้นต่างๆที่อยู่ภายในจิตสำนึก/ความตระหนักรู้มาตั้งแต่กำเนิดโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
    ที่จะยินยอมให้วิวัฒนาการอันนี้เกิดขึ้นได้

    ดังนั้น ในความเป็นจริงแล้วพวกคุณก็จะรู้สึกถึงความปราถนาที่ทรงพลังอำนาจตามธรรมชาติของตัวเอง
    ซึ่งเป็นความรู้สึกโหยหาการเรียนรู้เหล่านี้อยู่ลึกๆภายใน จิตวิญญาณจะมีความต้องการลึกๆอยู่ข้างในที่จะเจริญเติบโตอยู่เสมอ
    และทุกๆจิตวิญญาณก็จะถูกผลักดันอย่างมาก หรือมีความอยากอย่างมากที่จะเจริญเติบโตด้วย
    มันเป็นธรรมชาติที่ฝังลึกอยู่ภายในอย่างหนึ่ง ของกระบวนการกลับคืนไปสู่ the All That Is
    เพื่อกลายไปเป็นผู้สร้างอย่างเต็มพิกัด ซึ่งตามนัยยะนี้ แรงขับเคลื่อนทั้งหมดทั้งมวลนี้
    ก็คือสิ่งที่ถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้อย่างหนึ่ง หรืออาจจะเรียกว่า DNA ของจิตวิญญาณก็ได้

    และพวกเราก็ยังอยากจะบอกอีกว่า การเรียนรู้และการมีประสบการณ์อย่างเต็มที่

    กับความสั่นสะเทือนของความสุข, ความสมดุล และความอยู่ดีมีสุขนั้น
    คือสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของการสำเร็จการศึกษาในวัฏสงสารของโลกใบนี้
    ซึ่งเรื่องนี้มีอยู่ในและถูกสั่งสอนอยู่ในระดับความสั่นสะเทือนของดาวศุกร์อยู่แล้ว
    ดังนั้น จงอย่าเข้าใจไปว่าวัฏสงสารบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้นั้น
    คือวัฏจักรที่จะต้อง “ทำงาน” เพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยไม่มีการ ”เล่นสนุก” เลยนะ

    เพราะว่าอันที่จริงแล้วการแสดงออกซึ่งความสุข-ความเบิกบาน

    และการรู้สึกถึงความสั่นสะเทือนของความรักอย่างลึกซึ้ง
    คือสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดเลยทีเดียว

    (หมายเหตุ: วัฏสงสารของโลกใบนี้ หรือ Earth-Cycle นั้น ตามความหมายของข้อความนี้
    หมายถึงวัฏจักรแห่งการมาเรียนรู้บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ ซึ่งจะต้องมีการวนเวียนไปฝึกฝนอบรม ณ.ศูนย์ฝึกอบรมอื่นๆ
    ซึ่งก็คือดาวเคราะห์และดวงดาวดวงอื่นๆ ภายในระบบสุริยะของเรานี้ด้วย โดยมีทางเข้า-ออกอยู่ที่ดาว Arcturus – ผู้แปล)

    ดังนั้น ประมาณ 1 ใน 4 ของภพชาติของพวกคุณ จึงถูกเลือกมาเพื่อให้เป็นภพชาติที่จะจดจ่ออยู่กับความรัก
    และโดยปกติแล้วภพชาติเหล่านี้ก็จะถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ
    เพื่อให้พวกคุณได้อยู่ท่ามกลางครอบครัวชาวจิตวิญญาณของพวกคุณเอง
    เพื่อจะได้อุทิศชีวิตให้แก่กันและกัน ซึ่งภพชาติเหล่านี้ก็จะถูกแทรกเอาไว้ระหว่างภพชาติที่ยากกว่าทั้งหลายอย่างสม่ำเสมอ
    ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อให้มีความท้าทายมากกว่า ดังนั้น ดาวอาร์คทูรัส และดาวศุกร์ จึงมักจะถูกเลือกโดยพวกคุณมากมาย
    เพื่อที่จะมาเกิดในภพชาติที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ เช่น ดนตรี, ศิลปกรรม และงานประพันธ์ เป็นต้น

    ................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2022
  11. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    พี่ชยุตรักษาสุขภาพด้วยนะคะ แฟนคลับเป็นห่วงค่ะ:p
     
  12. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
    เรื่อง: การตาย และชีวิตหลังความตาย
    (The Death Experience & After Life Realms)

    ผู้รับสาส์น: นาย James Tyberonn
    วันที่: 11 มิถุนายน 2014

    ที่มา: The Death Experience & After-Life Realm > Earth Keeper


    ตอนที่ : 10

    หลักสูตรการเรียนรู้ในวัฏสงสารบนดาวเคราะห์โลก (The Earth-Cycle Course)


    มันเป็นสิ่งสำคัญมากที่พวกคุณจะต้องเข้าใจไว้ด้วยว่า
    กระบวนการเวียนว่ายตายเกิดนั้น จะเกี่ยวข้องกับศูนย์กลางการเรียนรู้หลักๆทั้ง 12 แห่ง
    ซึ่งพวกคุณทุกๆคนก็จะต้องผ่านทั้ง 12 ศูนย์นี้ไปให้ได้ซะก่อน
    จึงจะสามารถสำเร็จการศึกษาในวัฏสงสารบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ไปได้

    ที่พวกเราตั้งชื่อให้วัฏจักรนี้ว่า “วัฏสงสารบนดาวเคราะห์โลก” (Earth Cycle)
    ก็เพราะว่า อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่า ดาวเคราะห์โลกคือช่วงแห่งการทดสอบ
    ซึ่งเป็นที่ๆจะมีการทดสอบแบบเข้มข้นต่างๆมากมาย ดังนั้น ตามนัยยะนี้
    ดาวเคราะห์โลกจึงเป็นส่วนที่มีความสำคัญมากที่สุดของหลักสูตรนี้
    และก็เป็นส่วนที่จะต้องผ่านพ้นไปให้ได้ซะด้วย

    ลิสต์รายการต่อไปนี้เป็นลิสต์รายการโดยคร่าวๆ
    ของศูนย์กลางการเรียนรู้แบบเข้มข้นทั้ง 12 แห่งในวัฏสงสารบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้

    1.ดาวพุธ – จิตใจ – พัฒนาการทางด้านความคิดและจิตใจ – การสื่อสาร

    2.ดาวศุกร์ – ความรัก – อารมณ์ความรู้สึก – การแสดงออกทางด้านศิลปะ – การหล่อเลี้ยงบำรุง
    3.ดาวเคราะห์โลก – การสร้างสรรค์อย่างมีความรับผิดชอบ – สนามสอบ
    4.ดาวอังคาร – ลักษณะนิสัยใจคอ หรือการแสดงออกทางด้านอารมณ์ – พลัง
    5.ดาวพฤหัส – ความเข้มแข็ง – ความเป็นผู้นำ – ภูมิปัญญา – ความมั่นใจ
    6.ดาวเสาร์ – การชำระจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์ – เตาหลอม
    7.ดาวยูเรนัส – พลังจิต – พัฒนาการทางด้านจักระและต่อมต่างๆตามธรรมชาติ
    8.ดาวเนปจูน – การศึกษาศาสตร์ลี้ลับของความเป็นจริงของธรรมชาติ
    9.ดาวพลูโต – ความสามารถในการฝ่าฟันอุปสรรค
    10.ดวงจันทร์ – ความสมดุล, การขจัดความลังเลสงสัย – ความสมดุลของพลังงานเพศหญิง
    11.ดวงอาทิตย์ – การมีชีวิต, วิญญาณ – ความสมดุลของพลังงานแห่งเพศชาย
    12.ดาวอาร์คทูรัส – เป็นทางเข้า-ออก – พลังชีวิต, การแสดงออกอย่างสร้างสรรค์

    แต่ก็จะต้องรู้เอาไว้ด้วยว่าดวงจันทร์ของดาวเสาร์และของดาวพฤหัสทั้งหมด
    (รวมถึงดวงจันทร์ของโลกด้วย อย่างที่ได้แสดงเอาไว้ข้างบนแล้ว)
    ก็เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของคลื่นความถี่
    ของดาวเคราะห์ที่มันโคจรอยู่ด้วย ซึ่งมันจะมีอยู่ 7 ระดับในดาวพุธ,
    4 ระดับในดาวศุกร์ และ 5 ระดับในดาวพฤหัส

    ในความเป็นจริงแล้วดาวเคราะห์ และดวงดาวแต่ละดวง
    ต่างก็จะเกี่ยวพันอยู่ในหลากหลายระดับด้วยกัน
    ซึ่งอาจจะพิจารณาว่ามันเป็นดีกรีต่างๆก็ได้
    และดีกรีเหล่านี้ก็อาจจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความจำเป็นและความต้องการ
    เพื่อวิวัฒนาการของแต่ละจิตวิญญาณ

    ดาวเสาร์มีความสลับซับซ้อนอย่างมาก และมีความหลากหลายมากที่สุดด้วย

    หลักสูตรที่มีอยู่บนดาวเสาร์จะเกี่ยวข้องกับ

    การกำจัดแพทเทิร์นที่ไม่ถูกต้องออกไป
    หรือก็คือการชำระล้างความเชื่อและนิสัยที่ไม่ถูกต้องให้บริสุทธิ์
    ซึ่งก็รวมถึงความเชื่อและสันดานที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    ที่เป็นอุปสรรคร้ายแรง และที่ได้ก่อให้เกิดรูปแบบของ
    พฤติกรรมที่เลวร้ายและเหี้ยมโหดทั้งหลายด้วย
    ซึ่งพฤติกรรมที่เลวร้ายดังกล่าวนี้ ก็คือมายาการที่ถูกออกแบบมา
    เพื่อเป็นบททดสอบบนระนาบแห่งโลกใบนี้นั่นเอง

    ในบางกรณีที่จิตวิญญาณดวงนั้นๆมีอาการรุนแรงมากๆ
    จิตวิญญาณดวงนั้นก็จะได้รับการ reboot ใหม่
    ภายใน “เตาหลอม” (crucible) ของดาวเสาร์
    ซึ่งด้วยวิธีการนี้จิตวิญญาณทั้งหลาย
    ที่ได้เคยกระทำการอันโหดร้ายป่าเถื่อนขั้นมหันต์มาแล้ว
    ในระหว่างที่อยู่บนดาวเคราะห์โลก
    ก็จะได้รับโอกาสให้กลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง

    ซึ่งในกระบวนการนี้ และภายในสังสารวัฏบนโลกใบนี้
    วงแหวนของดาวเสาร์จะทำหน้าที่
    ช่วยบรรเทาความเข้มข้นรุนแรงของระดับพลังงาน
    ที่จำเป็นจะต้องใช้เพื่อการสร้างแม่แบบใหม่ดังกล่าวนี้ขึ้นมา
    ให้ลดน้อยลงไปอีก


    (หมายเหตุ: ถึงแม้ว่าท่านเมตารอนจะไม่ได้บอกรายละเอียดของการเข้าไป reboot จิตวิญญาณ

    อยู่ในเตาเผาของดาวเสาร์ก็ตาม แต่ตามความเข้าใจส่วนตัวของผม ผมคิดว่ามันน่าจะไม่ใช่การลงโทษอีกนั่นแหละ
    เพราะว่าผมเคยอ่านข้อความของชาวอาร์คทูเรี่ยนในเรื่องที่คล้ายๆกันนี้มาก่อน
    ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ การเข้าไปชำระล้างพลังงานของสิ่งไม่ถูกไม่ต้อง และไม่ดีไม่งามทั้งหลาย
    ให้ออกไปจากจิตวิญญาณ โดยการเข้าไปสู่ "เปลวเพลิงสีม่วงแห่งการเปลี่ยนรูปแบบ"
    ซึ่งอยู่ภายในวิหารสีม่วง บนดวงอาทิตย์ใจกลาง ที่ชื่อ Acyone ซึ่งอยู่ในกลุ่มดาวลูกไก่
    ซึ่งการเข้าไปในเปลวไฟสีม่วงนี้ ก็เป็นไปด้วยความสมัครใจ และก็จะมีผู้นำทางคอยชี้แนะอยู่ตลอด
    และมันก็ไม่มีอาการแผดร้อนแต่อย่างใดเลย เพราะว่ามันเป็นเปลวไฟทิพย์ - ผู้แปล)

    ดังนั้น จึงจะไม่มีจิตวิญญาณดวงไหนเลย

    ที่จะสูญสลายไปเพราะกระบวนการนี้
    แม้ว่าจะเป็นจิตวิญญาณดวงที่มีความเลวระยำต่ำช้าอย่างมหันต์เพียงใดก็ตาม
    (ซึ่งในกระบวนการสร้างแม่แบบใหม่ขึ้นมา
    ภายในเตาหลอมของดาวเสาร์นี้ ก็จะต้องใช้ระดับความเข้มข้นรุนแรง
    ของพลังงานสูงมากตามไปด้วย – ผู้แปล)
    และดังนั้นพวกเขาก็ยังจะสามารถพบทางกลับบ้านได้ด้วยเช่นเดียวกัน
    เพื่อกลับไปสู่ความสง่างามแห่งพระผู้เป็นเจ้า
    ที่ใสสะอาดไร้ตำหนิไร้มลทินใดๆทั้งสิ้นดังเดิม

    ภายหลังความตาย สถานที่ๆพวกคุณจะไปเข้ารับการฝึกอบรม
    จะเป็นส่วนที่ไม่ใช่คลื่นความถี่ทางกายภาพของดวงดาวและดาวเคราะห์ทั้งหลาย
    ที่อยู่ภายในระบบสุริยะของพวกคุณเอง และก็..อย่างที่พูดไปแล้วว่า
    ดาวอาร์คทูรัส คือส่วนควบทั้งหมดของกระบวนการนี้
    แม้ว่าในมิติทางกายภาพแล้วดาวอาร์คทุรัสจะไม่ได้อยู่ในระบบสุริยะของพวกคุณก็ตาม

    .............................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2022
  13. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
    เรื่อง: การตาย และชีวิตหลังความตาย
    (The Death Experience & After Life Realms)

    ผู้รับสาส์น: นาย James Tyberonn
    วันที่: 11 มิถุนายน 2014

    ที่มา: The Death Experience & After-Life Realm > Earth Keeper


    ตอนที่ : 11

    สมาคมผู้รู้แจ้ง และ นักท่องกาลเวลา


    มันมีกลุ่มหรือสมาคมของผู้นำทาง (guide) อยู่มากมาย
    ที่คอยให้ความช่วยเหลือโลกที่กำลังพัฒนาทั้งหลายอยู่
    ซึ่งก็รวมถึงดาวเคราะห์โลกของพวกคุณด้วย

    และมันก็มีจิตวิญญาณจำนวนมากมาย ซึ่งเป็นผู้ที่รู้แจ้งแล้วอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
    เพราะว่าพวกเขาได้จบกิจในวัฏสงสารบนโลกใบนี้ไปเรียบร้อยแล้ว
    ที่เลือกที่จะเนรมิตร่างกายของตัวเองขึ้นมาใช้ เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ
    เช่น เพื่อนำพาข้อมูลข่าวสารด้านวิทยาศาสตร์, ด้านการประดิษฐ์คิดค้น, ด้านปรัชญา,
    ด้านการเมืองการปกครอง, ด้านการประพันธ์, ด้านศิลปะ และด้านดนตรี เป็นต้น
    มาสู่สถานที่ๆสำคัญๆและในช่วงเวลาที่สำคัญๆ ของโลกที่กำลังพัฒนาทั้งหลาย
    อยู่เป็นระยะๆ ตามกาลเวลาแบบที่เป็นเส้นตรง

    จิตวิญญาณเหล่านี้คือผู้ที่มีวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณสูงมากๆแล้ว
    พวกเขาคือคุรุผู้เชี่ยวชาญพิเศษระดับสูง
    ที่สูงเกินกว่าคำว่า “อัจฉริยะ” ในความหมายของพวกคุณซะอีก
    ซึ่งก็รวมถึงจิตวิญญาณอย่างพิธากอรัส, เทสล่า, ไอน์สไตน์, โซเครติส, พลาโต้,
    ไอแซค นิวตั้น, และคนอื่นๆอีกมากมายด้วย

    พวกเขาอาจจะเข้ามาสู่ชีวิตทางกายภาพนี้

    ด้วยการลงมาเกิดเหมือนกับคนปกติทั่วไป
    และก็มาพร้อมกับ “ตัวกรอง” (filter) ทุกๆชนิดของร่างกายเนื้อ
    เช่นเดียวกับคนอื่นๆด้วย เพื่อที่จะทำให้พวกเขา
    ได้มีประสบการณ์กับ “ม่านบังตา” และปัญหาอุปสรรค์ต่างๆทุกๆชนิด
    ที่มีอยู่ในโลกทางกายภาพนี้เช่นเดียวกันด้วย

    แต่ก็มีกรณีพิเศษที่จะเกิดขึ้นน้อยมากๆ
    ที่พวกเขาอาจจะเข้ามาสู่โลกทางกายภาพนี้
    ด้วยวิธีการเนรมิตร่างกายเนื้อของตัวเองขึ้นมาโดยตรงเลย
    โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการเกิดแต่อย่างใดเลย

    และก็จะมีอีกกรณีหนึ่ง ที่พวกเขาจะเข้ามาสู่โลกทางกายภาพนี้
    ตามข้อตกลง ในรูปแบบของสิ่งที่พวกคุณเรียกกันว่า Walk-In
    (การเข้ามาสวมร่าง)

    a.jpg
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    (หมายเหตุ: Walk-Ins ก็คือ “วิญญาณต่างมิติ ผู้เข้ามาสวมร่าง”

    หมายถึง ผู้ที่มาจากมิติอื่น แล้วเข้ามาอยู่ในร่างของมนุษย์โลกคนใดคนหนึ่ง
    ที่ได้ทำพันธะสัญญาต่อกันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่ตอนที่ผู้เป็นร่างทรงยังไม่เกิด

    Walk-in จะใช้วิธีการนี้เพื่อลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อจะได้ทำภารกิจของตนเองได้ทันทีที่ลงมาถึง

    ภารกิจของพวกเขาทำให้พวกเขา มีความจำเป็นต้องข้ามขั้นตอนของการเกิด และการเจริญเติบโตแบบปกติไป
    พวกเขาจะลงมาในร่างของผู้ใหญ่เลยโดยตรง

    แต่นี่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นแบบนี้ทุกกรณีไป เพราะว่า Walk-in บางรูปธรรมก็จะเข้ามาในร่างของเด็กก็มี
    ซึ่งเกิดขึ้นเป็นกรณีพิเศษ เพราะว่า “วิญญาณ” ของผู้ที่ลงมานั้นจำเป็นต้องมีประสบการณ์ของการเป็นเด็ก
    และการเจริญเติบโตแบบชาวโลกก่อน เพื่อที่จะได้ใช้มันเป็นส่วนหนึ่งของการวางรากฐานภารกิจของตนเองต่อไป

    Walk-in ในวัยเด็กและวัยที่ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ ปกติแล้วพวกเขาจะยังไม่ตื่นขึ้น จนกว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว - ผู้แปล)


    แต่พวกคุณก็จะต้องรู้ไว้ด้วยว่า walk-in จริงๆนั้น
    มีอยู่น้อยมากๆ ดังนั้น ผู้คนมากมายที่เข้าใจว่าตัวเองเป็น walk-in นั้น
    ความจริงแล้วพวกเขาเพียงแต่ประสบกับการขยายตัวครั้งใหญ่
    ซึ่งเป็นการยกระดับขึ้นของสภาวะภายในของพวกเขา
    เพื่อไปสู่สภาวะที่สูงขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก และอย่างรวดเร็วเท่านั้นเอง
    โดยไม่มีการ “เปลี่ยนตัว” กับรูปธรรมชีวิตอื่นๆจริงๆแต่อย่างใดเลย

    ส่วนผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการเข้าแทรกแซงกระบวนการแห่งความเป็นไปของเหตุการณ์ต่างๆนั้น
    อาจจะเรียกว่า เป็น “ฑูตจากอนาคต” (Envoy from the Future) ก็ได้
    และอีกพวกหนึ่งก็คือ “ผู้เชี่ยวชาญการทางด้านการควบคุมช่องว่างและกาลเวลา”
    (Masters of Space -Time manipulation)

    ซึ่งคุรุผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายเหล่านี้

    จะเข้ามาเพื่อช่วยชี้นำวิถีแห่งความเป็นไป
    ของสิ่งที่ “น่าจะเป็นไปได้”
    ให้มันถูกเนรมิตออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงจริงๆ
    ณ.ช่วงเวลาที่เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญๆของอารยธรรมนั้นๆ

    กาลเวลาบนดาวเคราะห์โลกของพวกคุณ มีลักษณะเป็นโปรแกรมสามมิติ
    หรือโฮโลแกรมอย่างหนึ่ง ดังนั้น มันจึงมีรูปธรรมชีวิตที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย
    ตามศัพท์ของพวกคุณ ที่ได้พัฒนาความสามารถของตนเองจนมีความชำนาญพิเศษ
    ในการเข้าและออกจากช่องว่างและกาลเวลาได้ ซึ่งก็จะใช้วิธีการที่เรียกว่า
    “การกระโดดแบบควอนตั้ม” (Quantum Leap) คล้ายๆกับที่ปรากฎอยู่ในภาพยนตร์
    หรือในละคร sci-fi ของพวกคุณนั่นแหละ ซึ่งเรื่องนี้พวกเราได้เคยพูดถึงกันไปแล้วในการสื่อสารครั้งก่อนๆ


    ..........................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Avatar-5.jpeg
      Avatar-5.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      65.3 KB
      เปิดดู:
      1,920
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2022
  14. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
    เรื่อง: การตาย และชีวิตหลังความตาย
    (The Death Experience & After Life Realms)

    ผู้รับสาส์น: นาย James Tyberonn
    วันที่: 11 มิถุนายน 2014

    ที่มา: The Death Experience & After-Life Realm > Earth Keeper


    ตอนที่ : 12

    ธรรมชาติของช่องว่างและกาลเวลา – สสารมืด และพลังงานล่องหน


    พวกคุณจะต้องเข้าใจไว้ด้วยว่า ในเอกภพแห่งนี้
    มิติทางกายภาพ คือมิติพิเศษ
    ไม่ใช่มิติหลักโดยทั่วไปแต่อย่างใดเลย

    และบรรดานักวิชาการของพวกคุณ ก็เริ่มที่จะรู้กันบ้างแล้วว่า
    “สสารมืด” (dark matter) และ “พลังงานมืด” (dark energy)
    (เรียกตามคำศัพท์ของพวกคุณ)
    คือส่วนประกอบหลัก 95% ของเอกภพแห่งนี้

    สสารคือสิ่งที่อยู่ในรูปแบบของสเป็กตรัม เช่นเดียวกับแสงสว่าง
    ดังนั้น มันจึงอาจจะเป็นการยากที่พวกคุณจะสามารถเข้าใจเรื่องนี้ได้
    และศูนย์กลางการเรียนรู้ทั้ง 12 ศูนย์นี้ ก็ไม่ต้องใช้เนื้อที่ในการดำรงอยู่แต่อย่างใดเลย
    ไม่ใช่ในแบบที่พวกคุณเข้าใจกันเลย ว่าช่องว่างก็คือสถานที่ใดสถานที่หนึ่งเท่านั้น
    แต่ว่าดาวเคราะห์ และดวงดาวทั้งหลาย ที่อยู่ในมิติทางกายภาพนี้
    จำเป็นจะต้องใช้เนื้อที่ในการดำรงอยู่ด้วย

    ดังนั้น เมื่อพวกคุณพัฒนายานอวกาศขึ้นมา และออกไปสำรวจดาวเคราะห์ต่างๆ
    ที่อยู่ในมิติทางกายภาพเหล่านี้แล้ว พวกคุณจึงจะไม่พบสิ่งมีชีวิตใดๆเลย
    และนี่ก็เป็นเพราะว่าพวกคุณแปลความหมายของธรรมชาติของโลกแห่งความเป็นจริง
    ที่มีลักษณะเป็นสเป็กตรัมผิดไปนั่นเอง

    ศูนย์การเรียนรู้เหล่านี้ ดำรงอยู่ท่ามกลางโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพของพวกคุณ
    อย่างที่พวกคุณรู้จัก แต่ว่าพวกคุณไม่สามารถที่จะมองเห็นและรับรู้ถึงพวกมันได้
    เพราะว่ากลไกในการรับรู้ของพวกคุณ ไม่สามารถที่จะปรับจูนให้ตรงกับช่วงคลื่นความถี่ของพวกมันได้

    และมันก็มีโลกแห่งความเป็นจริงอื่นๆอยู่อีกมากมายก่ายกอง

    ที่กำลังซ้อนทับกันอยู่กับโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพ
    ของพวกคุณอยู่ในขณะนี้ด้วย

    แต่หลังจากที่ตายไปแล้ว พวกคุณจะได้เข้าไปสู่ “อีกฟากฝั่งหนึ่งของม่านพราง”
    ซึ่งเป็นด้านที่ไม่ใช่มิติทางกายภาพของรูปทรงทอรัส (ทอรัส มีรูปทรงคล้ายๆกับขนมโดนัท – ผู้แปล)
    แล้วพวกคุณก็จะถูกปรับจูนให้เข้ากับสนามพลังงานอื่นๆโดยอัตโนมัติ
    และก็จะอยู่ภายใต้กฎทางฟิสิกส์ต่างๆของโลกแห่งความเป็นจริงในมิตินั้นๆโดยอัตโนมัติด้วย
    ซึ่งโลกแห่งความเป็นจริง หรือมิติที่ว่านี้ ก็ไม่สามารถที่จะรับรู้ได้
    ด้วยประสาทสัมผัสทางกายภาพที่มีข้อจำกัดมากๆนี้ของพวกคุณซะด้วย

    แต่อย่างไรก็ตาม ณ.ฟากฝั่งโน้นของม่านพราง
    พวกคุณจะสามารถรับรู้กลับมาที่โลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพนี้ได้ไม่มากก็น้อย
    แต่พวกคุณจะไม่ใช่ผู้ที่อยู่ในมิติทางกายภาพอีกต่อไปแล้ว

    และก็อย่างที่พวกเราได้พูดไปแล้วว่า

    ถ้าพวกคุณจะกลับเข้ามาสู่มิติทางกายภาพนี้อีกครั้งหนึ่ง
    พวกคุณก็จะมีระดับคลื่นความถี่ที่แตกต่างออกไปจากเดิมแล้ว
    ดังนั้นพวกคุณจึงอาจจะมีลักษณะเหมือน “ผี”
    ตามคำศัพท์ของพวกคุณก็ได้
    พวกคุณจะค่อนข้างไร้ตัวตน เพราะว่าไม่มีใครสามารถมองเห็นพวกคุณได้
    และพวกคุณก็จะไม่สามารถจับต้องวัตถุธาตุทางกายภาพใดๆได้อีกด้วย
    เพราะว่ามันจะมีสนามพลังงานและม่านพลังงานบางอย่าง
    ที่แบ่งแยกพวกคุณอยู่จริงๆ

    มันมีวิทยาศาสตร์เกี่ยวข้องอยู่กับเรื่องนี้ทั้งหมดนั่นแหละ
    มันไม่ใช่ปาฏิหาริย์แต่อย่างใดเลย!
    เพราะว่ามันเป็นฟิสิกส์ที่เกี่ยวข้องกับมิติ (dimensional physics)
    ซึ่งก็คือวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่ง ที่เป็นที่รู้จักและเข้าใจกันดี
    ในอารยธรรมต่างๆของพวกคุณเมื่อในอดีต
    แต่ว่ามันยังไม่เป็นที่เข้าใจของอารยธรรมของพวกคุณในยุคปัจจุบันนี้เลย

    ..........................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2022
  15. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
    เรื่อง: การตาย และชีวิตหลังความตาย
    (The Death Experience & After Life Realms)

    ผู้รับสาส์น: นาย James Tyberonn
    วันที่: 11 มิถุนายน 2014

    ที่มา: The Death Experience & After-Life Realm > Earth Keeper


    ตอนที่ : 13

    การจบกิจในวัฏสงสารบนโลก (Completing the Earth-Cycle)


    คราวนี้ พวกเราอยากจะขอให้ความกระจ่างว่า
    การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารบนโลกให้ครบถ้วนสมบูณ์
    (ไปให้ครบทุกๆศูนย์กลางการเรียนรู้ ?– ผู้แปล) นั้น
    เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการจบกิจในวัฏสงสารบนโลกอย่างมาก

    แต่มันก็ยังมีอีกทางเลือกอื่นอยู่อีก คือการออกจากวัฏสงสารนี้ไป
    แล้วไปสู่โลกธาตุอื่นๆที่รู้แจ้งแล้ว ที่อยู่นอกระบบของวัฏสงสารบนโลกนี้
    ซึ่งการจะเข้าและจะออกจากวัฏจักรเหล่านี้
    ก็จะต้องเข้าและออกผ่านทางดาวอาร์ทูรัสเท่านั้น

    ถ้าพวกคุณจบกิจในวัฏสงสารบนโลกใบนี้แล้ว
    และบรรลุความเป็นผู้รู้ผู้ตื่นเหนือความเป็นทวิภาวะได้แล้ว
    พวกคุณก็อาจจะเลือกที่จะอยู่ในระบบนี้ต่อไปอีกก็ได้
    ในฐานะคุรุ หรือ ผู้นำทาง

    หรือพวกคุณอาจจะเลือกที่จะเดินทางเข้าไป
    สู่ที่ๆมีระดับความเข้มข้นของพลังงานมากกว่านี้อีกก็ได้
    เพื่อไปเรียนรู้บทบาทของการเป็น “ผู้สร้าง”
    ในระดับสเกลที่ใหญ่กว่านี้มากๆต่อไป


    เมื่อใดที่เสร็จสิ้นภาระกิจในวัฏสงสารบนโลกใบนี้แล้ว ข้อมูลข่าวสาร, ประสบการณ์
    และความสามารถต่างๆทั้งหมดของพวกคุณ
    ที่พวกคุณได้พากันพากเพียรพยายามสั่งสมกันมาช้านานนั้น
    ก็จะสามารถเข้าถึงได้และนำเอามาใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมดเลย

    ด้วยเหตุนี้ คุณสมบัติต่างๆที่มีอยู่ในตัวพวกคุณ
    จึงมากมายหลากหลายกว่าผู้ที่ยังไม่สำเร็จการศึกษา
    และยังจะต้องเวียนว่ายตายเกิด
    อยู่ในวัฏสงสารบนโลกใบนี้ต่อไปอย่างมากมายมหาศาล


    ...........................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2022
  16. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
    เรื่อง: การตาย และชีวิตหลังความตาย
    (The Death Experience & After Life Realms)

    ผู้รับสาส์น: นาย James Tyberonn
    วันที่: 11 มิถุนายน 2014

    ที่มา: The Death Experience & After-Life Realm > Earth Keeper


    ตอนที่ : 14

    การรวมเป็นหนึ่งเดียวกับ the All That Is


    มันมีเป้าหมายและศักยภาพสูงสุดอยู่ว่า
    เพื่อกลับเข้าไปรวมเป็นหนึ่งเดียวกับ
    จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ที่ทรงมหิทธานุภาพสูงสุด
    ที่พวกคุณเรียกกันว่าพระเจ้านั่นเอง

    ซึ่งตามนัยยะนี้พวกคุณจะได้ผสานรวม
    เป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตสำนึก/ความตระหนักรู้จำนวนมากมาย
    ที่เรียกว่า the All That Is แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม
    คุณลักษณะของความเป็นเอกเทศน์, ความทรงจำ,
    ภพชาติและการเดินทางทั้งหลายของพวกคุณ
    ก็ยังจะถูกสงวนเอาไว้ในส่วนของพวกคุณเองอยู่
    และจะไม่มีอะไรที่สูญหายไปเลย

    คุณสมบัติส่วนตัวเหล่านั้น ก็ยังคงจะมีอยู่เหมือนเดิม
    แต่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของหน่วยความจำที่มีชีวิต
    และมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา
    ซึ่งเป็นส่วนที่แยกออกมาต่างหากอีกส่วนหนึ่ง
    คล้ายๆกับวิธีการที่คอมพิวเตอร์ของพวกคุณใช้เก็บข้อมูลนั่นแหละ

    ในระดับอวตารแล้ว (Avatar level) พวกคุณคือตัวตนรวม
    ที่ประกอบขึ้นมาจากทุกๆส่วนย่อย
    ที่อยู่ในทุกๆระดับชั้น ของตัวตนของพวกคุณเอง
    ซึ่งเมื่อใดที่พวกคุณบรรลุมาถึงขั้นสูงสุดนี้แล้ว
    มันก็จะมีโอกาส และมีช่องทางอยู่มากมาย
    ในอันที่จะปฏิบัติการอยู่ในระดับเอกภพ
    ในบทบาทของ "ผู้สร้าง" ได้


    และดังนั้น พวกคุณจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด ที่จะต้องมีความรู้และมีการฝึกอบรมด้วย
    เพื่อให้สามารถทำหน้าที่ Elohim ซึ่งก็คือ Avatar communicator ได้

    และมันก็เป็นหนึ่งในหลักสูตรการศึกษาขั้นสูงสุด
    ที่พวกคุณจะสามารถเลือกได้อีกด้วย


    กระบวนการของการเรียนรู้ข้อมูลข่าวสารพวกนั้น คือสิ่งจำเป็น
    เพื่อเพิ่มพัฒนาการและความสามารถ ของจิตวิญญาณดวงนั้นๆให้สูงขึ้น
    เพราะว่ามันจะต้องมีการจัดการกับพลังงานอย่างละเอียดอ่อนและยุ่งยากมากๆ
    และมันก้จะต้องมีการท่องไปในมิติต่างๆอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย

    และเมื่อใดที่พวกคุณตกลงใจเลือกทางเลือกนี้แล้ว การฝึกอบรมก็เริ่มต้นขึ้นในทันที
    ซึ่งปกติแล้วก็จะต้องอยู่ภายใต้การชี้นำทางของรูปธรรมชีวิตชั้นสูงกว่าขึ้นไปอีกเสมอ
    ซึ่งตามความเข้าใจของพวกคุณ รูปธรรมชีวิตชั้นสูงกว่าที่ว่านี้ก็อาจจะเป็น Elohim
    หรือ Archangel ก็ได้

    แต่ว่า อีกครั้งหนึ่ง การทำหน้าที่เป็นผู้สร้างในระดับเอกภพนั้น
    เป็นเรื่องที่มีความยุ่งยาก และสลับซับซ้อนอย่างมากมายมหาศาล
    และก็เป็นเรื่องที่มีระดับความเจริญก้าวหน้า
    สูงกว่าระดับวัฏสงสารบนโลกที่พวกคุณกำลังอยู่ในขณะนี้มากมายนัก

    นอกจากนี้มันก็ยังมีทางเลือกอื่นๆอยู่อีก
    ซึ่งก็คือการทำหน้าที่เป็นผู้ชี้นำทาง (guides)
    และเป็นคุรุ (teachers) อยู่ภายในระบบโลกของพวกคุณนี้เอง


    ซึ่งหน้าที่นี้ก็จะเกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณที่มีพัฒนาการสูงมากแล้วบางดวง
    ที่อยู่บนจุดสูงสุดของการศึกษาแล้ว หรือก็คืออยู่ในภพชาติสุดท้าย
    ของการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารบนโลกใบนี้ของพวกเขาแล้วนั่นเอง

    และแน่นอนว่าภายในระบบโลกของพวกคุณ
    ก็ยังมีรูปธรรมชีวิตอื่นๆอีกมากมาย
    ที่ได้สำเร็จการศึกษาในวัฏสงสารของโลกไปเรียบร้อยแล้ว
    แต่ก็ยังเลือกที่จะอยู่เพื่อคอยให้ความช่วยเหลือ
    แก่ผู้ที่ยังคงเวียนว่ายตายเกิดอยู่นี้อีกด้วย


    พวกคุณจะได้รับมอบโอกาสของการเป็นครู ถ้าพวกคุณมีความปรานาเช่นนั้น
    และถ้าปริมาณแสงสว่างของพวกคุณมีมากเพียงพอด้วย
    แต่ก็อย่างที่พวกเราได้บอกไปแล้วนั่นแหละว่า การสอนในระบบหลากมิตินั้น
    จะแตกต่างจากการสอนแบบที่พวกคุณรู้จักกันอยู่นี้ลิบลับเลย
    และมันก็จำเป็นจะต้องใช้การฝึกฝนอย่างเข้มงวดสุดๆอีกด้วย
    ซึ่งถ้าจะคิดคำนวณเป็นระยะเวลาของพวกคุณแล้ว
    มันก็จะต้องใช้เวลานานเป็นอสงไขยๆเลยทีเดียว

    และเส้นทางสายนี้ ก็จะนำพาพวกคุณให้เข้าไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงในดินแดนต่างๆ
    จำนวนมากมาย ที่มีความสลับซับซ้อนมากกว่าดินแดนหรือโลกธาตุทั้งหลาย
    ที่อยู่ภายในระบบวัฏสงสารของโลกใบนี้ ที่พวกคุณเพิ่งจะบรรลุผ่านพวกมันมาได้แล้วนี้ซะอีก
    ซึ่งตามคำศัพท์ในศาสนาร่วมสมัยบางศาสนาของพวกคุณ สิ่งนี้ก็อาจจะอธิบายได้ว่า
    คือการเป็นเพื่อนร่วมทางกับพระเจ้าผู้สร้างนั่นเอง (companioning with Creator God)

    การทำหน้าที่เป็นคุรุผู้สร้าง (the Master Creator) ซึ่งผสานเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้านั้น
    อาจจะเป็นหน้าที่อะไรบางอย่างที่พิเศษเฉพาะก็ได้ เช่น พวกเราบางส่วน
    ที่พวกคุณอาจจะเรียกว่า “ดินแดนเมตตาตรอนิก” (Metatronic realm)
    ก็จะทำหน้าที่สร้างสิ่งที่จะสามารถอธิบายอย่างง่ายๆได้ว่า คือ “กฎทางฟิสิกส์” ต่างๆนั่นเอง

    ซึ่งพวกเราก็จะทำหน้าที่ทั้งคอยให้กำเนิดมิติของโลกแห่งความเป็นจริงใหม่ๆ
    และคอยรักษาสภาวะการขยายตัวของสิ่งต่างๆที่อยู่ภายในมิติเก่าๆทั้งหลายด้วย
    โดยการใช้รูปทรงเลขาคณิตต่างๆ ซึ่งหมายถึงรูปทรงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
    (sacred geometry) เพื่อสร้างเป็นแมทตริกซ์รากฐานของโลกใหม่เหล่านั้นขึ้นมา
    และพวกเราก็จะมอบความรู้ออกไปในรูปแบบต่างๆให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
    ซึ่งคำว่ารูปแบบในที่นี้ ไม่ได้กำลังหมายถึงรูปแบบทางกายภาพแต่อย่างใดเลย

    และสิ่งที่พวกคุณเรียกกันว่า “กาลเวลา” (time) นั้น
    ก็คือสิ่งที่จะถูกนำมาใช้งานในแบบเดียวกับที่ศิลปินจะใช้สีเพื่อวาดรูปนั่นแหละ
    และสิ่งที่พวกคุณเรียกกันว่า “ช่องว่าง” (space) ก็คือสิ่งที่มารวมกันอยู่
    ในแบบที่พิเศษเฉพาะเหนือธรรดา

    .............................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2022
  17. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
    เรื่อง: การตาย และชีวิตหลังความตาย
    (The Death Experience & After Life Realms)

    ผู้รับสาส์น: นาย James Tyberonn
    วันที่: 11 มิถุนายน 2014

    ที่มา: The Death Experience & After-Life Realm > Earth Keeper


    ตอนที่ : 15

    บทส่งท้าย


    ที่รักทั้งหลาย เรื่องที่พวกเรานำมาบอกพวกคุณในวันนี้นั้น
    อาจจะฟังดูพิสดารและสลับซับซ้อนอยู่สักหน่อย
    หรืออาจจะฟังดูอึมครึมจนไม่เข้าใจเสียด้วยซ้ำไป
    แต่นั่นก็ไม่ใช่เจตนาของพวกเราเลย และพวกคุณก็อย่าเพิ่งมีปฏิกิริยา
    หรือมีบทสรุปไปในทางนั้นด้วย หลังจากที่ได้ฟังสิ่งที่พวกเราบอกพวกคุณไปแล้วนี้

    เพราะว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกคุณในขณะนี้นั้น มันเป็นสิ่งที่สวยงาม
    เกินกว่าที่พวกคุณจะจินตนาการได้ มันงดงามอลังการจนน่าพิศวง
    เพียงแต่ว่าคำพูดที่จะนำมาใช้เพื่ออธิบายถึง
    ดินแดนที่งดงามวิจิตรจนน่าพิศวงอย่างที่สุดแบบนั้น มันไม่เพียงพอเท่านั้นเอง

    ดังนั้น พวกเราจึงอยากจะขอให้พวกคุณเพลิดเพลินกับช่วงเวลานี้
    จงใช้ทุกๆชั่วขณะของชีวิตของพวกคุณให้คุ้มค่ามากที่สุด
    จงสนุกสนานไปกับตัวตนอันสวยสดงดงามของพวกคุณเองที่อยู่บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้
    เพราะว่าในความเป็นจริงแล้ว ระนาบแห่งโลกใบนี้
    มันมีความสวยสดงดงามอย่างเลอเลิศจนน่าพิศวงอยู่จริงๆ

    และเมื่อใดที่พวกคุณตายไปแล้ว พวกคุณก็รู้สึกได้ทันทีว่า

    ชีวิตบนโลกใบนี้นั้น มันช่างสวยสดงดงามจนน่าทึ่งซะจริงๆ
    พวกคุณจะรู้สึกขอบคุณสำหรับทุกๆลมหายใจอันเลอค่าของตัวเอง

    และถึงแม้ว่าชีวิตจะต้องพบเจอกับปัญหาอุปสรรคอยู่บ้าง
    แต่ในเวลาที่พวกคุณตายลงไปแล้วนั้น
    พวกคุณจะเอิบอาบและดำดิ่งอยู่ในความรู้สึกรู้คุณค่าและซาบซึ้งใจอย่างมาก


    พวกเราที่อยู่ในดินแดนแห่งทวยเทพทั้งหลาย อยู่ที่นี่เพื่อคอยให้ความช่วยเหลือพวกคุณ
    พวกเราคือสมาชิกในครอบครัวของพวกคุณ ที่กำลังยื่นมือออกไปเพื่อคอยช่วยเหลือพวกคุณอยู่

    แต่พวกเราไม่ได้มาที่นี่ เพื่อที่จะมาแก้ปัญหาให้กับพวกคุณ

    เพราะว่าถ้าทำเช่นนั้นแล้ว ก็เท่ากับว่า
    เป็นการบ่อนทำลายพัฒนาการของพวกคุณเท่านั้นเอง
    ที่กำลังอยู่บนเส้นทางแห่งการเป็นผู้รู้ผู้ตื่นอยู่นี้

    พวกเราอยากจะขอให้พวกคุณลองใช้เวลาสักครู่หนึ่ง
    เพื่อรู้สึกถึงพลังงานและแสงสว่างอันสวยสดงดงาม และอลังการ
    ของตัวตนของพวกคุณเอง อย่างแท้จริงดู

    และจงรู้ไว้ด้วยว่าการมีชีวิตอยู่และการตาย ต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเดียวกันนั่นเอง
    ทั้งสองอย่างนี้ ต่างก็เป็นเหลี่ยมมุมหนึ่งของความจริงเดียวกัน

    พวกคุณจะเวียนว่ายตายเกิดภพชาติแล้วภพชาติเล่า
    แต่ก็จะไม่มีภพชาติไหนเลยที่พวกคุณจะเกิดมาเป็นคนเดิมได้อีก
    อย่างที่พวกคุณกำลังเป็นอยู่ในขณะนี้
    แต่ว่าภพชาตินี้ของพวกคุณ ก็คือส่วนหนึ่งของตัวตนรวมของพวกคุณนั่นเอง
    ซึ่งตัวตนรวมที่ว่านี้ ก็หาที่สิ้นสุดไม่ได้ซะด้วย
    และดังนั้นพวกคุณจึงจะเป็นส่วนหนึ่งของมันอยู่เสมอ

    ดังนั้น จงอย่าลืมรักตัวเองด้วย และจงเอิบอาบอยู่ในความสุข
    เพราะว่าตอนนี้มันมีพร้อมสำหรับพวกคุณอยู่แล้ว
    เพราะว่าพวกคุณคือรูปธรรมชีวิตที่สวยสดงดงามและอลังการ
    พวกคุณคือเหลี่ยมมุมหนึ่งอันศักดิ์สิทธิ์ของ the All That Is

    ซึ่งหลังจากที่ตายไปแล้ว พวกคุณสามารถที่จะมองย้อนกลับมาดูชีวิตที่เวียนว่ายตายเกิดของตัวเองได้
    แต่ว่าชีวิตในภพชาติเหล่านี้ทั้งหมด ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของตัวตนที่ยิ่งใหญ่กว่าของตัวพวกคุณเอง
    ซึ่งก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของตัวตนที่ยิ่งใหญ่กว่าอีกทีหนึ่ง เท่านั้นเอง!

    ชีวิตบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ คือประกาศนียบัตรอย่างหนึ่ง

    คือหลักสูตรการเรียนการสอนอย่างหนึ่ง
    ที่พวกคุณได้เลือกกันมาแล้ว
    มันไม่ใช่การมารับโทษทัณฑ์แต่อย่างใดเลย
    และมันก็ไม่ใช่การร่วงหล่นลงมาจากความสง่างามอีกด้วย
    เพราะว่าแท้ที่จริงแล้ว มันคือมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
    ที่เหล่าจิตวิญญาณผู้กล้าทั้งหลาย ได้เลือกโดยสมัครใจ
    ที่จะมาสวมใส่ตัวกรองเพื่อเข้ามาเรียนกัน
    มันคือการมาเริ่มต้นจากความเสื่อมถอย
    แล้วมุ่งหน้าไปสู่วิวัฒนาการอันรุ่งโรจน์อย่างแท้จริง

    ซึ่งเมื่อใดที่พวกคุณออกจากระบบทางกายภาพนี้ไปแล้ว
    หลังจากที่ได้สำเร็จการศึกษาในวัฏสงสารบนโลกใบนี้ไปเรียบร้อยแล้ว
    และหลังจากได้จบกิจในการเวียนว่ายตายเกิดทางกายภาพนี้ไปแล้ว
    พวกคุณก็จะได้เรียนรู้บทเรียนอันนี้

    และเมื่อใดที่พวกคุณได้ไปถึงจุดนั้นแล้ว

    ก็อาจจะพูดได้ว่า พวกคุณจะไม่ใช่ “ชาวโลก”
    หรือไม่ใช่สมาชิกคนหนึ่งของ “เผ่าพันธุ์มนุษย์” อีกต่อไปแล้ว
    เพราะว่าพวกคุณได้สำเร็จการศึกษา
    จากมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นทวิภาวะนี้ไปเรียบร้อยแล้ว

    แต่ว่าจิตสำนึกที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษแล้วอันนี้ของพวกคุณ
    ก็ยังจะคงอยู่กับดาวเคราะห์โลกดวงนี้ต่อไป
    เช่นเดียวกันกับที่ส่วนอื่นๆของตัวตนของพวกคุณเอง
    กำลังดำรงอยู่ในระบบการฝึกอบรมระบบอื่นๆในขณะเดียวกันนี้นั่นแหละ

    ซึ่งในระบบที่มีความเจริญมากกว่านี้นั้น ความคิดและอารมณ์ความรู้สึก
    จะถูกแปรสภาพไปเป็นการกระทำโดยอัตโนมัติและโดยทันทีทันใด
    ไปเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับสสารที่มีอยู่ที่นั่น

    เพราะฉะนั้น บทเรียนต่างๆ และประสบการณ์ต่างๆ
    ก็ยังจะเป็นส่วนหนึ่งของพวกคุณอยู่ตลอดไป

    ท่านคุรุทั้งหลาย จงรู้ไว้ด้วยว่า ที่วิญญาณของพวกคุณ

    มาผสานรวมเข้ากับร่างกายที่เป็นเนื้อหนังอันนี้ได้
    ก็เพราะว่าพวกคุณเลือกมาเอง
    เพื่อที่จะมาบรรลุความหลุดพ้น
    บนดินแดนที่เป็นทวิภาวะอันน่าทึ่งแห่งนี้
    และก็เพื่อที่จะมาเรียนรู้บทบาทของการเป็นผู้สร้างด้วย

    และมันก็เป็นประกาศนียบัตรที่พิเศษไม่ธรรมดาเลย
    ที่ได้มีโอกาสมามีประสบการณ์ในโลกที่มั่งคั่ง
    และอุดมสมบูรณ์จนน่าทึ่งแบบนี้
    และที่ได้มีโอกาสมาช่วยสร้างโลกแห่งความเป็นจริง
    ที่เต็มไปด้วยสีสัน, เสียงดนตรี และ วัตถุธาตุทางกายภาพแบบนี้

    ที่วิญญาณของพวกคุณได้ลงมาเกิดในร่างกายเนื้อทางชีวภาพนี้
    ก็เพื่อที่จะมาลองมีและรับรู้ประสาทสัมผัสอันแสนวิเศษแบบนี้
    และเพื่อที่จะมารู้สึกถึงพลังงาน ที่ถูกปั้นแต่งขึ้นมาให้เป็นวัตถุธาตุทางกายภาพแบบนี้

    ที่พวกคุณมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อที่จะมาใช้, มาสนุกสนานเพลิดเพลิน

    และมาแสดงออกถึงความเป็นตัวตนของตัวเอง
    ผ่านทางร่างกายเนื้อ, จิตใจ และจิตวิญญาณของพวกคุณเองนี้
    ซึ่งทั้งสามสิ่งนี้คือระบบตรีเอกานุภาพอย่างหนึ่ง
    ที่จะต้องสอดประสานกลมกลืนกันเป็นหนึ่งเดียวให้ได้

    ดังนั้น พวกเราจึงอยากจะขอเป็นกำลังใจให้พวกคุณจงฉกฉวยวันเวลานี้เอาไว้
    จงค้นหาความสุข และจงค้นหาความอยู่ดีมีสุขให้เจอ และจงรู้ไว้ด้วยว่า
    ทุกๆทางเลือกที่พวกคุณเลือกนั้น จะเป็นตัวกำหนดวิถีชีวิตที่พวกคุณจะมีหละ


    ฉันคือเมตารอน และฉันขอแบ่งปันสัจธรรมนี้ให้แก่พวกคุณ

    And so it is...And it is so

    ...............................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2022
  18. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    พี่ชยุตแปลมากไปไหมครับเนี่ยย.?
    (สุดยอดจริงๆครับพี่ ผมล่ะอดทึ่งไม่ได้เลยอ่ะคับ:cool:)
     
  19. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    เมื่อไรผมจะได้ไปอยู่ดาวเสาร์น้อ??
     
  20. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    แปลได้เยี่ยมมากทุกข้อความเลยครับ อิอิอิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...