ขออนุญาต ประกาศ สัก 2 3 วัน

เรื่องมีอยู่ว่า ....จะมีการขนย้ายพระพุทธรูป จากจังหวัดเชียงใหม่ ไปถวายวัดที่ วังสะพุง พระมีมูลค่า 25000 บาท รวมค่าขนส่ง อีกประมาณ 5000 ประมาณนี้.......
พระองค์นี้ เป็นองค์เดียวและองค์สุดท้าย ที่จะกระทำพีธีเบิกเนตร....โดยพระอรหันต์และพระพุทธะ....แสดงถึง การมีตาที่ลืม มองเห็น และ หมายถึงการมองเห็นธรรม......

ดังนั้นผมเลยขอโอกาส แจ้งข่าวแก่ผู้ที่ต้องการสละทานเพื่อการนี้ครับ ...ใครที่ต้องการร่วม สละทาน ในครั้งนี้ ให้ .....ร่วมได้ที่
หมายเลขบัญชีผม 401 581 6709 นายขจรศักดิ์ ธรรมภัทรปัญโญ...ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเทสโก้โลตัส สกลนคร
เมื่อท่านสละทานแล้ว กรุณาโทรแจ้ง ยอดมาที่ผม นะครับ เบอร์ 0857557759 หรือ 0878772459 ครับ
...........
ผู้ที่ต้องการร่วมสละทานในครั้งนี้ กรุณา งดจิตอธิฐานใดใดนะครับ ไม่ต้องขอสิ่งใด เพราะ ถ้าท่านไม่มีเงื่อนไข....การช่วยเหลือกลับ มันถึง ถึงช่วยได้ทุกเรื่อง ครับ
...........
ถ้าใครไม่ต้องการร่วมสละทานก็ ผ่านเลยนะครับ ไม่ต้องคิดมากครับ และ ถ้า ท่านแจ้งข่าวนี้กับใคร หรือเชิญชวนใครให้ร่วม สละทานด้วยนั้น ก็บอกเขาด้วยว่า ไม่ต้องขอ ไม่ต้องอธิฐานใดๆ แล้วปาฏิหาริย์จะเกิดครับ

ท่านต้องการร่วมมากแค่ไหน ก็ร่วมได้เลยนะครับ เพราะ ยอดทานทั้งหมดที่ได้ จะร่วมถวาย ในงานครั้งนี้ หมดเลยครับ

ตอนนี้ ยอดอยู่ที่ ..3000 บาทแล้วครับ จะมีอีก ครับ เพราะมีคน ต้องการสละทานเหมือนกัน

ทำตามที่ใจต้องการนะครับ ไม่ต้องคิดมาก

ปิดรับ การร่วมสละทาน วันพุธ หน้า เป็นวันสุดท้ายครับ

 

ทำเพราะความทุกข์ อย่าทำนะครับ
ทำเพราะ อยากได้อยากดีก็อย่าทำนะครับ
จงทำเพราะ ความสุขกาย สุขใจ
ทำเพราะเชื่อใน สัมผัสแห่งหัวใจครับ
อิอิ

 

อนุโมทนาครับ...ผมได้ร่วมบุญใหญ่ในครั้งนี้แล้วรู้สึกอิ่มเอิบใจ...สวัสดีครับท่านขจรศักดิ์...ธรรมะที่ท่านแสดงมา..ลึกซึ้ง..และหาฟังยากครับ...สนทนาธรรมกับท่านแล้วผมเบิกบานใจ...คงจะได้มีโอกาสได้คุยกันอีกน๊ะครับ...

 

คิดเห็นเช่นเดียวกัน... ขออนุโมทนาบุญใหญ่ในครั้งนี้ด้วยคน สาธุ

 

และถือว่า เป็นข่าวดีเพิ่มเติมครับ.......ถ้าหากใคร ร่วมสละทานในครั้งนี้
ทางองค์พุทธะท่าน ให้โอกาส แก่ผู้ร่วมสละทาน ได้ ถามคำถาม ทางธรรมะ ได้ คนละ 1 คำถามครับ เอาที่คิดว่า เป็นคำถามที่ตนเอง อยากรู้ ที่สุดนั่นแหล่ะครับ มาถาม
ซึ่งผมถือว่าเป็น โอกาสดียิ่งที่ท่านกรุณา ให้ ถามได้ คนละ 1 คำถาม
...
ผมหวังว่า โอกาสนี้ คงจะเป็นจุดเริ่มต้น ของการ คบหากัลยาณมิตร นะครับ
สำหรับผม โทรมาคุยกัน สนุกสนาน ได้ครับ.....ผมมีแต่ความสุขให้ทุกท่านครับ
ถือว่าเป็นพี่เป็นน้อง เป็นเพื่อนกันครับ

 

วันพุธ ที่ 15 ถือเป็นวันสุดท้ายในการ รับ การร่วมสละทานนะครับ

แล้ว คำถาม ของแต่ละท่าน นั้น บอกมาทางผมโดยตรงครับ หรือ จะเขียนลงถามเอาไว้ก็ได้นะครับ แต่เวลาตอบ ผมอยากตอบทางโทรศัพท์ครับ ถ้าเป็นไปได้ แต่ก็แล้วแต่ทาง เจ้าของคำถามก็แล้วกันครับ เพราะ บางทีคำตอบ มันก็ เป็นคำตอบของเจ้าของคำถามคนเดียวครับ
ไม่อยากให้คนอื่น อ่านแล้วเกิดความไม่เข้าใจ ขึ้นมาได้

 

ผมยินดี สนทนา ทุกเวลาที่ตื่นครับ ....เราคือกัลยาณมิตร ที่ดีต่อกันตลอดไป ในอนาคต พวกเรา อาจจะได้ อยู่ร่วม รวมกลุ่มกัน ก็เป็นได้ครับ ถ้าหาก สิ่งที่ผม จะทำนั้น มันได้ทำ ได้เริ่ม...พวกเรานี่แหล่ะ เป็นผู้เริ่มต้น เมล็ดพันธุ์แห่งความดี ความรัก ความสุข ความเมตตา.....เริ่มที่เรา เพื่อรุ่นลูกรุ่นหลาน...จะได้ไม่ต้องมาเริ่ม มาทุกข์เหมือนพวกเรา

ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่ไหน.....(นั่น)
ความพยามยามอยู่ที่เรา ความสำเร็จอยู่ที่เรา.....นี่เอง

 

เอ...สำหรับคุณมุมใบ.....บอกว่าเป็นบุญใหญ่ ...ยังไง ก็ เอาให้เต็มที่นะครับ
อย่าคิดลงทุน 10 บาท เพื่อ แลก 1 ร้อยล้านล่ะครับ

โอกาสครั้งเดียวครับ ถือว่า ผม เป็นผู้รับใช้พุทธองค์ ผมเลยต้อง รับงานเอง ส่วนองค์พระ เป็นปูน องค์ ใหญ่มากครับ...ปางสมาธิ ครับ ลืมตา เบิกเนตร เปรียบเสมือนมีดวงตาเห็นธรรมครับ...องค์เดียวองค์สุดท้าย ที่พระพุทธะท่าน จะกระทำ ร่วมกันกับ พระอรหันต์ ตัวจริง ...แบบพุทธกาล..ครับ

และมีผมอนุพุทธะตัวน้อยๆ เป็นผู้ แจ้งประกาศ....อิอิ

และมีท่านทั้งหลาย ผู้ ปรารถนา มีดวงตาเห็นธรรม...เป็นผู้รู้ตนเองครับ

สัมผัสที่ใจครับ ...อย่าบังคับอย่าฝืนใจตนเองครับ

แต่โอกาสนี้ เปิดแล้วสำหรับทุกท่านครับ

 

ท่านอื่นมีอะไร จะคุยครับ สอบถามได้เลยทุกเรื่องครับ ไม่มียกเว้น

ในอนาคต พวกท่านจะ รู้ เองครับ ...ว่าพระอรหันต์ตัวจริง เสียงจริง แบบ พุทธกาล นั้นเป็นอย่างไร

จงมีศรัทธา เชื่อในศรัทธา นั้นเถิด....

 

ร่วมทำบุญด้วย๔๐๐บาทครับ

 

โอนเข้าบัญชีได้เลยครับ แล้วโทรบอกผมว่าโอนแล้ว และ เตรียมคำถาม สุดยอดของท่านเอาไว้ด้วยก็แล้วกันนะครับ......จะได้ ตอบกับท่านเอง....ทันใจดี

 

ทุกท่านไม่ต้อง ประกาศว่าท่านทำแค่ไหน อย่างไรหรอกครับ

แค่โอนเงินเท่าไหร่ก็บอกผมมาเท่านั้นครับ โทรบอกกับผมก็พอครับ.....กลัวบางคนอาย ที่คิดว่าตนเอง ทำน้อย

อย่าคิดมากนะครับ ทำตาม จิตศรัทธาครับ....อย่าต้องให้ตัวเองเป็นทุกข์นะครับ

จงทำด้วยความสุข ทำด้วยอารมณ์สุขครับ

ส่วยยอด ร่วมสละทาน ทั้งหมด ผมจะแจ้งยอดทั้งหมด อีกที หลังวันพุธ ครับ

 

ตอนนี้ ยอดสละทาน อยู่ที่ 4300 บาทครับ

 

เคยอ่านเรื่อง พระอาจารย์มั่น ท่านเอ่ยถึง การทำพิธีเบิกเนตรพระพุทธรูป มีเนื้อหาน่าสนใจว่า
" พระพุทธรูป ก็คือตัวแทนของพระพุทธเจ้า ท่านบริสุทธิ์ของท่านอยู่แล้ว ท่านเป็นอรหันต์อยู่แล้ว เหตุใดคนบางคน พระบางรูปถึงบังอาจไปเบิกเนตรท่าน การรู้เท่าไม่ถึงการณ์นี้ เป็นการลบหลู่พระพุทธเจ้าโดยไม่รู้ตัว และก็ทำกันมาเป็นประเพณีเนิ่นนาน ไม่แก้ไขอะไรเลย เป็นบาปของผู้กระทำ อย่างน่าสงสารยิ่ง"

เพื่อพิจารณาครับ

 

สำหรับ พระพุทธองค์ ใครจะทำอะไรกับท่าน สงสัยอะไรกับท่าน มีความคิดเห็นที่ไม่ถูกต้องกับท่าน ถือว่า เป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำ เพราะจะถือว่า เป็นการปรามาส และสร้างบาปให้แก่ ตนโดยไม่รู้ตัว

แต่มีข้อยกเว้น อยู่ ว่า ตนเองจะทำอะไรกับตนเอง นั้นไม่มีความผิด

และอย่างที่ท่านกำลังเข้าใจอยู่นี้ ก็ถือว่า ท่าน เข้าใจผิด มีมิจฉาทิฐิ ในตน...นะท่านเมรัย....เราแค่บอกให้ทราบ

และผมมี ตัวอย่าง ของคนผู้หนึ่ง ที่คิดว่าตนเองเก่ง ฉลาด รู้มาก แล้วเอาคำว่า พุทธะ มาตีความ ตีรหัส ว่า เป็น put แล้วแปลว่า วางทุกข์ วางของร้อนให้กับผู้อื่น.....อันนี้คือ ที่เขาเข้าใจ....แค่นี้แหล่ะ เป็นกรรม เป็นการปรามาส ที่เขา ไม่ได้ตั้งใจ.....แล้ว ท่านคิดว่า เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง ท่านเมรัยน่าจะ พิจารณาได้นะครับ

คำว่าพุทธะ ก็แปลอยู่แล้ว ว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน....ใครก็ตามที่รู้อะไรดีดี ก่อนแล้ว รู้ว่าอะไรดี รู้ว่าอะไรชั่ว....เช่น ถ้าหากเรา เดินไป เจอหนาม หรือแก้วแตกที่มีคม ในบริเวณบ้าน ของเรา แล้วเราทำเฉย ไม่สนว่าใครจะเหยียบก็ช่าง หรือ บางคน กลับโยนหนาม หรือแก้วนั้น ทิ้งออกไปนอกบ้าน โดยไม่สนใจว่าใครจะมาเหยียบหรือเปล่า....แบบนี้ไม่ไช่ พุทธะ....ผู้รู้ของพุทธะ เมื่อรู้ว่า สิ่งใดไม่ดี ก็ต้อง ทำลาย หรือ จัดการ กับสิ่งนั้น เพื่อที่ จะไม่สร้าง ความเดือดร้อนให้กับคนอื่นทีหลัง....ไม่แน่ อาจจะเป็น ลูกหลาน ญาติ เพื่อนบ้าน หรือคนอื่น หรืออาจเป็นตัวท่านเอง ก็เป็นได้ ....นั่นเพราะ ท่านเห็นหนาม เห็นแก้วแตกมีคม แต่ท่าน กลับ โยนมันทิ้ง ไปที่อื่น ...แค่เพื่อให้ พ้นจากตัวเอง

นี่แหล่ะ ท่าน ไม่ไช่พุทธะ ถ้าผู้รู้จริง ต้อง ไม่ทำให้ สิ่งไม่ดี มัน มีอยู่ ต้อง จัดการ เพื่อ ป้องกัน ทั้งตนเอง และผู้อื่น จะได้รับความเดือดร้อนนั้นครับ..แล้ว เมื่อสิ่งไม่ดีนั้นไม่มีแล้ว ต่อไปภายหน้าก็ไม่ต้องมาห่วงว่า มันจะ เกิดภัยแก่ผู้ใด อนาคตก็เลยเบิกบาน เพราะ ตื่นรู้ที่จะจัดการ กับ สิ่งที่อาจจะเป็นภัยกับตนเองและผู้อื่นได้ นั่นเองครับ
..
ขอท่านเมรัย จงพิจารณา

 

พระพุทธเจ้า ท่านจะทำอย่างไร กับ ตัวเองก็ได้....ทุกกฏ ยกเว้น ตัวท่านเอง

ขอกรรมนี้ อย่าได้มีแก่ ท่านเมรัยเลย

และที่ท่านยกมานั้นก็เป็นคำกล่าวอ้างของพระอารย์มั่น....แล้วท่านรู้หรือไม่ว่าพระอาจารย์มั่นก็ยัง ต้อง กระทำตนเป็น พระโพธิสัตว์ ช่วยเหลือคนในโลกนี้อยู่ ไม่ได้ไปไหน นั่นเพราะ ถึงแม้ท่าน จะกล่าวอ้างว่าท่านขอลาพุทธภูมิ...แต่ความเป็นจริงก็คือ ...คำตั้งใจคำอธิฐานใดๆ ที่ท่านตั้งใจเอาไว้อย่างแรงกล้าแล้วนั้น จะเปลี่ยนใจ เพราะ ไปไม่ถึงจุดหมาย หรือจะเปลี่ยนใจเพราะ สนองความอยากของตนเองไม่ได้นั้น...มันจะเป็นสัญญาที่ยังค้างคาใจอยู่ดี.....จนกว่าจะได้คำตอบนั้นหรือ ถึงจุดหมายนั้นครับ

ดังนั้น ท่านจงเข้าใจใหม่เถิด ว่า พระอาจารย์ มั่น ท่านยังเคยมาสอน ผมเลยในจิต
ท่านยังอยู่ ท่านเข้าออกนิพพาน เพื่อช่วยคน....อยู่

 

แม้แต่หลวงปู่เทพโลกอุดร ก็ยังมาสอนผมอยู่....ท่านก็ทำตัวเหมือนพระโพธิสัตว์ นั่นแหล่ะ

ถ้าหากนิพพานจริง......ดับจริง แล้ว ยังจะมีดวงจิต มา สั่งสอน ผู้อื่นในโลกนี้ ทำไม

หลวงตามหาบัวก็อยู่ที่นิพพาน เหมือนกัน หลังจากที่ท่านมรณภาพแล้ว ท่านก็ เมตตา มาช่วยบางอย่างกับผมอยู่....เพราะถือว่า เป็น สาวก ของพุทธองค์เหมือนกัน

ดังนั้น ดวงจิตของผู้เข้านิพพานนั้น ล้วนแล้ว แต่ รอ.............พระศรีอาริย์

ขอท่านเมรัย อย่าได้ สร้างกรรมโดยไม่รู้อีกต่อไปครับ...ถึงท่านจะยกข้อความมา แต่ผมรู้ว่า มันก็มาจากความคิด หรือ มิจฉาทิฐิของท่านนั่นแหล่ะ

ท่านยังไม่หยุด ท่านยังไม่หยุด ท่านยังไม่หยุด

 

คนหลายคนที่ อยากเข้านิพพาน อยากเข้าเฝ้าพุทธองค์ที่นิพพาน นั้น....ถือว่า ท่านยังไม่ดับ นั่นเพราะ นิพพาน มีไว้ รองรับ คนที่อยาก เห็นพุทธองค์...สนองความอยากของคนพวกนี้ ถ้าไม่เห็นพุทธองค์ แล้ว ไม่ยินยอม

ทั้งที่พุทธองค์ก็สอนว่า.....ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต
นั่นหมายถึง เข้าถึงธรรมก็เข้าถึง พระพุทธองค์ ไม่จำเป็นต้องเห็นพุทธองค์ นั่นเพราะ พุทธองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปนานแล้ว

แต่ไม่เห็นมีใครอยากเห็นธรรมกันเลยสักคน..มีแต่อยากเห็นนิพพาน และอยากเห็นพุทธองค์

 

ผมจะไม่กล่าวโทษ เพ่งโทษ หรือ พูดความจริงให้มากกว่านี้หรอก กลัวท่านเมรัย จะรับความจริง ของกรรมที่ท่าน ได้หลงกระทำเพราะความไม่รู้นั้น....มีผลวิบากกรรม จริง
แล้วท่านจะท้อแท้ ในกรรมที่ท่านไม่ตั้งใจนี้

ผมว่า ท่าน หยุดได้จริงๆเมื่อไหร่ แล้ว มีสัมมาทิฐิ หันหน้า เข้าสู่ทางดี ได้...ก็คงพอช่วยท่าน ได้นะครับ.....

 

ถ้าคนบางคนที่บังอาจนั้น คือ ตัวพระพุทธะเอง และพระ รูปที่บังอาจนั้น คือ พระโมคคัลลา สาวกของท่านเอง......เป็นท่านทั้งสอง เป็นผู้บังอาจเอง

และที่กระทำก็เพื่อ เมตตาแก่ ผู้อื่น เพื่อ จะได้มีโอกาส ครั้งเดียวในชีวิต...นี่ถือว่า การทำดีครั้งนี้เป็นการบังอาจ...ผมว่า คนที่บังอาจ คือท่านมากกว่านะท่านเมรัย

ผม ไม่รู้ว่า จะ สงสารท่านหรือไม่อย่างไร