ขอบคุณความทุกข์

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย เลิฟริว, 9 มิถุนายน 2013.

  1. เลิฟริว

    เลิฟริว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +207
    เรื่องมีอยุ่ว่าวันหนึ่งเราไปซื้อยำปูที่หน้าปากซอย เราให้เงินเค้าไป 500 บาท

    เราเห็นแม่ค้าหยิบเงินจะมาทอนจากกระเป๋าผ้ากันเปื้อนเค้าออกมามีประมาณ

    สองพันกว่าๆได้ ไอ้เราก้อ โอ้ววววแม่เจ้า แค่มาขายตอนเย็นก้อได้ขนาดนี้แล้ว

    หรอ ส่วนเราส่งลูกเสร็จมาเปิดร้านประมาณ 9 โมง ปิดประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ ยัง

    ได้แค่พันกว่าๆ บางวันได้ไม่ถึงพัน อย่างเมื่อวานล่าสุดได้ 400 วันไหนได้ถึง

    2000 ก้อสุดยอดแล้ว รายจ่ายเรามีอยุ่แล้ววันล่ะ 1000 ซึ่งไม่รวมค่ากินค่าอยู่

    คือเราเล่นแชร์กับแม่เราเป็นท้าวเอง เราเลยกล้าเล่น ไม่เล่นไม่ได้ เพราะเดี๋ยว

    ไม่มีเงินหมุนในร้าน ไหนจะค่ากิน 4 ชีวิต (ลูก 2 สามี1) วันหนึ่งก้อ 3-4 ร้อย

    แล้ว สามีทำงานประจำแต่เงินเดือนก้อไม่ค่อยเยอะเท่าไร ค่าใช้จ่ายส่วนตัว กับ

    ภาระทางบ้านเค้าก้อจะหมดแล้ว อันนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเรา เพราะเราเข้าใจ

    เค้า อยู่ด้วยกันมา 14 ปี เข้าใจเค้าตลอด สิ้นเดือนเราต้องมีรายจ่ายตายตัวไว้

    แล้วประมาณ 30000 เราก้อหมุนทางโน้นมาทางนี้ ทางนี้ไปทางนั้น อย่างสิ้น

    เดือนที่ผ่านมา เราหมุนเงิน 3-4 หมื่นมาได้อย่างหวุดหวิดมาก หมุนโดยไม่มี

    เงินติดตัวเลย แค่มีกินไปวันๆ เคยดูดวงมีแต่คนทักว่าเรามีสิ่งศักดิ์คุ้มครองอยู่

    บางทีทุกข์หนักๆก้อน้อยใจสิ่งศักดิ์เหมือนกัน แต่พอได้สติ ก้อได้แต่นึกขอโทษ

    ท่าน สติสำคัญที่สุด เพราะสติหลุดเมื่อไร อาจทำให้เราพลาดไปได้ ทีนี้เรา

    เปลี่ยนความคิดว่า บางทีเราอาจจะแย่กว่านี้ก้อได้ แค่ท่านช่วยเราไม่อดอยาก

    แค่นั้นก้อดีมากมายเท่าไรแล้ว ชีวิตเราที่ผ่านไม่เคยเห็นธรรมะ อย่างคำที่ว่า

    “ไม่เห็นทุกข์ ไม่เห็นธรรม”ใช้กับตัวเราได้เลย เข้าวัดนับครั้งได้ แล้วครั้งที่นับ

    ได้ ก้อจำไม่ได้ด้วยว่าไปครั้งสุดท้ายที่ไหน ด้วยความที่ว่าไม่เคยเข้าวัดเลย ไม่

    เคยทำบุญ ประกอบกับแฟนเราเป็นอิสลามด้วย เลยไม่มีใครชวนใครไปทำบุญ

    เข้าวัด ช่วงนั้นเราเที่ยวกันหัวลาน้ำ จนกระทั่งมามีลูกคนแรกเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ถึง

    หยุดเที่ยวกัน พอเริ่มหยุดเที่ยวการเงินก้อเริ่มดีขึ้น เงินเดือนเราร่วม 30000

    แล้วสักพักหนึ่ง ฐานะทางบ้านพ่อกับแม่ก้อเริ่มดีขึ้น แม่ให้เงินเรามาก้อนหนึ่ง

    แล้วก้อให้ฝากแม่ปล่อยกู้ เหมือนอัฐยายซื้อขนมยายนั่นล่ะ เราก้อมีดอกเบี้ยกิน

    วันล่ะ 1000 บาท เท่ากับว่าเดือนหนึ่งเรามีรายได้ครึ่งแสน แต่ก้อไม่เคยคิด

    เก็บ ไม่ใช่ไม่เคยคิดเก็บ แต่พอมีเงินแล้วหลงระเริงกับเงิน อ้อ เก็บได้ที่เห็น

    เป็นชิ้นใหญ่ๆก้อคือซื้อรถยนต์มือสองได้ ช่วงที่เราหลงระเริงกับเงิน อยากได้

    อะไรซื้อหมด ร้องเท้าจากเคยซื้อคู่ล่ะสามสี่พัน รองเท้าแตะอยุ่กับบ้านก้อต้องมี

    ยี่ห้อ แต่ตอนนี้ 199 ยังคิดแล้วคิดอีก คิดไปคิดมาไม่ซื้อของเก่ายังใส่อยุ่ได้

    กระเป๋าใบล่ะสี่พันกว่าก้อเคยกล้าซื้อ แต่ตอนนี้วันก่อนไปเจอกระเป๋าใบล่ะ สาม

    ร้อยกว่ายังต่อแล้วต่ออีก ของเล่นลูกสามสี่พันก้อซื้อให้ แล้วเป็นงัย คุณลูกเห่อ

    ได้ 2-3วันเลิกเล่น กินข้าวมื้อพันสองพันเฉยๆไม่คิดอะไร แต่ตอนนี้จะพาลูกไป

    กินห้าง 500 ยังคิดแล้วคิดอีก กินบ้านก้ออิ่มเหมือนกัน แต่ลูกเราดีอย่างว่า ไม่

    เคยรบเร้าให้พาไปห้าง ทั้งๆที่แต่ก่อนไปบ่อยมาก เราเป็นคนกินน้อย บางวัน

    กลางวันเราอาศัยกินมาม่าเอา เพราะเราคิดว่า ถ้าเรากินข้าวหรือก๋วยเตี๋ยว 35

    บาท เราก้อกินไม่หมดเหลือทิ้งเสียดายอีก ถ้ากินกับแฟนเรากินไม่หมดยังให้

    แฟนกินได้ อ้อเราเล่าข้ามไป เดี๋ยวเพื่อนๆจะงงว่าอยู่ดีๆเรามาไม่มีเงินได้

    อย่างไร คือเมื่อปลายปีที่แล้วเหมือนเป็นโชคชะตาพาไป เราตัดสินใจออกงาน

    มาเปิดร้าน ตอนนั้นเราอยากออกงานมากๆ เหมือนงานไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นให้เรา

    ทำแล้ว แล้วเราก้อไปบอกกับแม่ว่าอยากเปิดร้านขายพวกทุกอย่าง 20

    ประจวบเหมาะกับว่าตึกตรงข้ามบ้านเราเค้าปล่อยเช่า เราเลยตัดสินใจออกงาน

    เลย เงินเก็บที่มีก้อเอามาลงร้านไปเกือบสองแสน ตอนนี้เราเปิดร้านมาได้

    ประมาณ 7-8 เดือนได้แล้ว ไม่เคยมีเงินเดือน ต้องเอาเงินเก็บมาสำรองไป

    ก่อนไปในแต่ล่ะเดือน ซึ่งตอนนี้มันหมดแล้ว ประจวบกับ เดือนที่แล้วก้อโดนค่า

    เทอมลูกสองคนไปเกือบแสน ก้อหมุนจากแชร์นี่ล่ะมาจ่าย ไม่พอแฟนก้อไปหา

    พี่ที่สนิทที่ทำงานเค้าก้อให้ยืมมา 20000 ตอนนี้จ่ายเค้าไปแล้ว 5000 เป็น

    หนี้เค้าอีก 15000 กิเลสอย่างเดียวที่เรายังตัดไม่ได้คือเรื่องลูก คือ

    เราส่งเค้าเรียน 2 ภาษามาตั้งแต่แรกแล้วคือตอนนั้นเรามีกำลังจ่ายสบายๆ แต่

    ตอนนี้เราแทบไม่มีแล้ว แต่เราก้อไม่ย้ายโรงเรียนลูก ก้อสู้กันต่อไป เดี๋ยวมาเล่า

    ต่อสาเหตุเรื่องอะไรให้เราเข้าถึงธรรมะได้ เราเข้าถึงธรรมะได้ก่อนที่จะประสบ

    ปัญหาเรื่องเงิน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2013
  2. เลิฟริว

    เลิฟริว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +207
    หนังสือเล่มนี้เป็นสิ่งแรกที่ทำให้เราเริ่มสนใจธรรมะ แล้วเริ่มศึกษา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • book.jpg
      book.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45.7 KB
      เปิดดู:
      112
  3. แม่เมย์

    แม่เมย์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +21
    คุณเลิฟริวเป็นผู้หญิงแกร่งดีนะคะ ดิฉันเป็นแม่บ้านมาตลอด ใช้ชีวิตหมดไปวันๆ
    รู้จักเข้าวัดเข้าหาธรรมะก็ตอนฟโดนสามีทิ้งนี่แหละค่ะ บางทีก็คิดนะคะว่าที่ดิฉันเจอทุกข์หนักก็เพราะเบื้องบนต้องการให้ดิฉันตาสว่างรู้จักธรรมะจะได้มีบุญติดตัวบ้างก่อนตาย
     
  4. เลิฟริว

    เลิฟริว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +207
    นี่ล่ะค่ะ เราถึงต้องขอบคุณความทุกข์ ถ้าไม่เจอความทุกข์เราจะไม่เห็นธรรมซึ่งจะนำพาให้เราไปเห็นถึงทางดับทุกข์
    ส่วนเรื่องสามีของคุณแม่เมย์ คุณอาจหมดเวรหมดกรรมกันเท่านี้คุณใช้หนี้เวรกรรมเค้าหมดแล้ว แต่ที่เค้าไปนั้นเค้าก้อไม่ได้ไปสบายน้ะค้ะ เค้าไปใช้หนี้เวรกรรมของเค้าต่อ ส่วนคุณเมย์ ถ้ามีเวลาลองไปนั่งปฎิบัติธรรมนุ่งขาวห่มขาวที่วัดดูสักคืนสองคีนดูน้ะค้ะ แล้วจิตใจคุณเมย์จะดีขึ้นมากเลยค่ะ
     
  5. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    อัฐยาย แปลว่า เงินของยาย
    อัดยาย แปลว่า ข่มเหงยายด้วยกำลังหรือวาจา
     
  6. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    555555 """....

    นี่กำลังอ่านกระทู้อย่างจริงจังนะเนี่ย มาเจอ "อัดยาย" เล่นเอาท้องแข็งเลย 55555..

    ปล. แต่เป็นแบบนั้นจริงๆค่ะ
     
  7. tassumalee

    tassumalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    1,579
    ค่าพลัง:
    +8,825
    เข้มแข็งไว้นะคะ คุณเลิพริว ดิฉันขอส่งกำลังใจไปช่วยอีกแรงนึงนะคะ อย่าละทิ้งในการ

    ทำความดีและการปฏิบัติธรรมนะคะ ขอให้มุ่งมั่นทำต่อไป แม้วันนี้คุณยังมีเรื่องทุกข์ใจอยู่ สู้ๆค่ะ
     
  8. เลิฟริว

    เลิฟริว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +207
    อิอิ ขอโทษด้วยค่ะ ต้องเป็น อัฐยาย
     
  9. เลิฟริว

    เลิฟริว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +207
    ขอบคุณมากค่ะคุณtassumalee สำหรับกำลังใจ ยังงัยแอนก้อเป็นกำลังใจให้คุณtassumalee ด้วยอีกคนน้ะค้ะ สู้ๆด้วยกันค่ะ ^_^
     
  10. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    ก็คิดว่าอย่างนั้นแหละครับ
    อัดยายแล้วคงไม่ซื้อขนมยายหรอก แย่งเลย
     
  11. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,137
    ขอชื่นชมน้องแอนนะคะ..ที่เคยมีความทุกข์ใจที่สุดและวันนี้ได้ยกจิตของตนเองและนำเรื่องราวในชีวิตมาแชร์ให้เพื่อนๆพี่ๆได้อ่านแถมด้วยการให้กำลังใจสหายทุกข์ได้ผ่อนคลายลงได้ด้วย..:cool:

    ..ดังนั้นไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข ต่างก็เป็นเรื่องปกติที่่ยังเกิดขึ้นตลอดเวลาในชีวิตเช่นเดิม หากเราทุกคนยอมรับทุกข์ได้ เข้าใจสุขด้วย กล่าวคือสามารถชื่นชมในความเป็นปกติของชีวิตได้แล้ว เราก็จะมีชีวิตที่ไม่สุดโต่งจนเกินไป และความสุขก็คงไม่ใช่สิ่งที่ตามหายากเย็นนักใช่ไหมคะ..

    การยิ้มหรือร้องไห้ให้กับความทุกข์นั้น ..ก็ไม่แตกต่าง แม้กิริยาทั้งสองจะดูเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง และบางคนอาจมีความคิดว่าการยิ่้มอย่างเดียวโดยไม่ร้องไห้เลยนั้น น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่การมีชีวิตอยู่แบบไม่เคยจับต้องความเศร้าเสียใจเลยนั้นก็คงเป็นไปไม่ได้... และบางทีมันอาจไม่ใช่ "ชีวิต" แบบที่เรียกว่าชีวิตจริงๆ ก็ได้...

    ..แม้ว่าความสุข จะทำให้เราอยากมีชีวิตอยู่ แต่ความเสียใจ หรือความเจ็บปวด..ก็ทำให้เรารู้ว่าตัวเองยังมีลมหายใจเช่นกัน การมีชีวิตอยู่เพื่อเผชิญหน้ากับความทุกข์และความสุข จึงเป็นเรื่องท้าทาย เป็นเรื่องน่าค้นหา และบางครั้งก็เป็นอุปกรณ์สำคัญที่เราใช้ทดสอบ..เพื่อเข้าถึงสัจธรรมความจริง..ได้ดีที่สุด..

    ..เราทุกคนล้วนเคยผิดพลาด เคยมีอุบัติเหตุในชีวิตกันทุกคน บางครั้งเราก็อาจเคยทำเรื่องโง่ๆ คนละอย่างสองอย่างหรือมากมายหลายอย่าง บางที..บางคนก็ทำให้เราเป็นสุข..:d และบางคนก็ทำให้เราทุกข์จนต้องร้องไห้เสียน้ำตา :'(

    สรุปได้ว่าชีวิตเรานี้ก็คล้ายการแสดงละครเรื่องยาว มีทั้งบทเรียนสอนใจ มีทั้งสิ่งที่ชวนให้ตั้งคำถาม ให้คิดใคร่ครวญหาคำตอบ ให้ลองผิดลองถูก ให้เข้าใจ ให้ยอมรับ สุดท้าย...ผลผลิตที่เหลือเป็นรูปธรรม จึงย่อมไม่อาจหนีพ้นไปจากสองสิ่งนี้นั่นก็คือ...รอยยิ้ม (smile)และหยาดน้ำตา (cry)

    ยิ้มแต่พอดี...ร้องไห้พอประมาณ คือหนึ่งในการยอมรับวิถีแห่งโลก เป็นการใช้ชีวิตที่สมดุลระหว่างความจริง กับอุดมคติ ถ้าเรามีความสุขแล้วไม่ประมาท มีความเศร้า..แล้วยังหายใจต่อได้ คุณก็จะสามารถเติบโตและเรียนรู้ อีกทั้งผ่อนคลายตัวเองและเบิกบานไปกับทุกประสบการณ์ของชีวิตที่ยังคงมีลมหายใจได้เสมอ เสมอ..
    สู้สู้นะคะที่นี่มีหญิงเหล็กเยอะดีค่ะ..พี่สีลชอบค่ะ ^^
     
  12. เลิฟริว

    เลิฟริว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +207
    ใครคิดว่าไม่มีเงินเป็นเรื่องทุกข์

    ก้อทุกข์น้ะ แต่พอทุกข์มากๆ

    ก้อปล่อยมันไป คอยดูความทุกข์มัน

    ว่ามันจะคลายได้มั้ย แต่การไม่มีเงิน

    มันสอนให้เราเรียนรู้การใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง

    ซึ่งมันก้อไม่ลำบากยากเย็นในการเรียนรู้

    ดีเสียอีก มีชีวิตอีกแบบหนึ่งมาให้ท้าท้าย

    ว่าเราจะผ่านไปได้มั้ย
     
  13. Kiai

    Kiai Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +36
    การไม่มีเงินสิ่งแรกที่เราจะเรียนรู้ได้ก็คิอ มิตรแท้ ครับ หลังจากนั้นเราก็จะทราบว่าปัญหาที่ทำให้เราไม่มีเงินหรือทำอะไรเท่าไหร่ก็ไม่มีเงินเกิดจากอะไร เคยเจอตายายสองคนไปถอนเงินที่เครื่องกดเงินอัตโนมัติ เราก็เห็นแกกดเลขสีี่ตัวนั่นแหละครับ พอแกกดเสร็จในนั้นมีเงินอยู่เกือบแสน แกสองคนเดินออกมาเลยเอาบัตรคาไว้ที่เอทีเอ็ม ตัวเองตอนนั้นต้องใช้เงินเยอะมาก และคิดว่าถ้าถอนเงินของตายายสองคนท่านั้นออกไปแม้สักครึ่งเราก็สบายไปหลายวันแถมไม่มีหนี้อีกต่่างหาก แถมคนแถวนั้นก็ไม่มีเลย แต่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นว่าจิตใฝ่ดีมีมากกว่า เลยเรียกท่านสองคนมาแล้วบอกว่าลืมบัตรกดเงินสดไว่้ที่เครื่อง ทั้งสองคนขอบคุณผมเป้นการใหญ่ สาเหตุก็เพราะว่าเราก็มีพ่อแม่้มีญาติพี่น้องที่แก่เฒ่าเช่นกัน ภาพที่ท่านเหล่านั้นดูแลเราติดตรึงใจมาตลอด เราก็เลยไม่คิดที่จะทำอะไรแย่ๆในตอนนั้นเพราะคิดถึงท่านเหล่านั้นนั่นแหละครับว่าเขาคงมีลูกมีหลานหรือมีคนที่ต้องพึ่งพารักใคร่ชอบพอเหมือนกับเราๆ ปัญหาส่วนตัวนั้นหากขจัดอะไรไม่ดีบางอย่างออกไปได้ตัวเองก็น่าจะกลับมาเป้นปกติ แม้ว่าจะช้าหรือยากลำบากก้ยังดีกว่าทำชั่วเหมือนบางคนที่ชอบเอาเปรียบคนอื่น
     

แชร์หน้านี้

Loading...