ของเก่าปกปิดความจริง

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 13 มีนาคม 2010.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    ...การพิจารณาก็ต้องน้อมเข้ามาสู่ภายใน พิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริง เมื่อรู้แจ้งเห็นจริงแล้วมันก็วางเอง คูบาญาปู่มั่นท่านว่า “เหตุของเก่านี้แหละแต่ไม่รู้ของเก่า” ของเก่านี้แหละมันบังของจริงอยู่นี่ มันจึงไม่รู้ ถ้ารู้ของเก่ามันก็ไม่ต้องไปคุบ มีแต่ของเก่า ตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็ของเก่านี้แหละ ขา แขน ตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็ของเก่านี่ เวลามาปฏิบัติภาวนาก็พิจารณาอันนี้แหละ ให้มันรู้แจ้งเห็นจริง

    ให้มันรู้แจ้งออกมาจากภายใน มันจึงไปนิพพานได้ นิพพานมันหมักอยู่ในของสกปรกนี่ มันจึงไม่เห็น พลิกของสกปรกออกดูให้เห้นแจ้ง นักปราชญ์ท่านไม่ละความเพียรเอาอยู่อย่างนั้นแหละ เอาคนรู้แจ้งเห็นจริง ทีนี้มันไม่มาเล่นกับก้อนสกปรกนี้อีก พิจารณาไปพิจารณาเอาให้นิพพานใสอยู่ในภายในนี่ ให้มันอ้อนี้เอง ถ้ามันไม่แจ้งมันไม่อ้อหนา เอาให้มันถึงอ้อจึงใช้ได้

    ครั้นถึงอ้อแล้วสติก็ดี ถ้ามันยังไม่ถึงแล้ว เต็มทีสังขารตัวนี้ พิจารณาให้มันรู้แจ้งเห็นจริง ในของสกปรกเหล่านี้แหละ ครั้นรู้แจ้งเข้า รู้แจ้งเข้ามันก็เป็นผู้รู้พระนิพพานเท่านั้น ที่มันหมักอยู่กับของสกปรกนี่หนา...จะไปเอาที่ไหนก็เอามันมีอยู่นี่แหละ ตา ๑ หู ๑ ตาดูรูป เป็นหญิงก็ดีชายก็ดีหรือเป็นรูปต่างๆก็ดี พอมันเกิดขึ้นเกิดมาแต่ที่ไหน คนนั้นว่าอย่างนั้นคนนี้ว่าอย่างนี้ ว่าอย่างไรก็ตามมันก็อันเดียวกันนี่แหละ จำไว้ดีๆ ถ้าไม่จำไว้ดีๆ มันก็คุบของเก่า อดีตอนาคตนี่แหละมันสำคัญ อดีตา ธัมมา อนาคตา ธัมมา อดีตอนาคตป็นตัวเหตุ เอาเข้ามา มันก็หอบเอาๆแหละ ไม่รู้เท่ามัน

    หลวงปู่มั่น ท่านว่า เอาที่นี่หนาจะไปเอาที่ไหนมากมายเก็บเอาหอบเอาไม่ได้หนา ประเดี๋ยวไฟนรกไหม้ คุบไปคุบมามันก็ของเก่านั่นแหละ เอาแต่มันให้รู้แจ้งเห็นจริงในพระธรรมอันเป็นพระนิพพาน มันจึงเป็น มันจึงถึงพระนิพพาน จึงเป็นผู้เบื่อหน่ายต่อโลกทั้งหลายคือกิเลสนั่นแหละ ผู้ที่คุบของเก่าก็คุบอยู่นั่นแหละ มันก็เป็นของเก่าอยู่นั่นแหละ ตั้งจิตให้ถึงพระนิพพาน มันก็ของเก่านั่นแหละ... พิจารณาให้แน่หนานักปฏิบัติแท้ๆ ก็ยังไปคุบเอาของเก่าหนาว่าอย่างไร มันก็ไม่ยอมละ มันเคยยึดมานานแล้ว

    แยกแยะออกไปให้มันเห็นเป็นของสกปรก อย่างนั้นหรือ ?

    ไม่ต้องไปแยกมันหรอก มันก็สกปรกอยู่นั่นแหละ อย่างเราถ่ายออกมามันก็เหม็นอยู่นั่น มันรู้แจ้งแล้วมันก็วางหมด ให้มันรู้แจ้งเห็นจริง รู้จริงเห็นจริง มันก็มีเท่านี้แหละ หลวงปู่มั่นท่านว่า มันจะไปหาเอาที่ไหน จะไปหาบไปหามเอาที่ไหน ตา ๑ หู ๑ จมูก ๑ ลิ้น กาย นี้ ใจ นี่ จำเอาของเก่านี่ หลงของเก่านี่ หลวงปู่มั่นท่านดุเอาเอ็ดเลย จำหลักให้มันแน่วแน่ว่าอย่างไรมันก็ของเก่า มันไม่รู้ของเก่ามาแต่นานแว อดีตอนาคต ไม่ต้องว่ามาก เอามันอยู่ปัจจุบันนี้แหละจะไปที่ไหน จะไปหอบไปหาบเอาที่ไหน มันมีเท่านี้หนา ตานี้ ตาก็รักษาให้ดี ตา เห็นรูปเกิดความพอใจไม่พอใจ มันก็เกิดอยู่นี้แหละ ความพอใจไม่พอใจก็ดี เอาตรงนี้จะไปเอาที่ไหนล่ะ

    ผม ขน เล็บ เล็บมือ เล็บเท้า เป็นมรรคย่นเข้าๆมันเป็นไฟลุกไหม้อยู่นี่ ผู้ปฏิบัติต้องเอาหลักอันนี้ อันนี้ก็รูป อันนั้นก็รูป มันมาจากไหน เต็มแผ่นดินมันมากับพวกนี้แหละ เราสมมติมันต่างหาก จำหลักอันนี้ให้แม่นๆเพียรก็พิจารณาอยู่ในหลักอันนี้แหละ จะไปคุบเอาอย่างอื่นมาไม่ได้แหละ

    นักปฏิบัติต้องย่นเข้ามาหาหลักมัน มันไม่ได้มาแต่ที่ไหน มันก็มาจากอดีตของเรานั่นแหละ

    ทำไปๆ มันคอยจะง่วงมันคอยจะหลับเรื่อยครับ ?

    ..จำหลักให้มันแม่นๆ..มันไม่ไปที่ไหนหละ พระนิพพานครั้นเห็นนิพพานได้แล้วมันจึงเบื่อโลก เวลาทำก็เอาอยู่นี่แหละ ใครจะว่าไปที่ไหนก็ตามเขา ละอันนี้แหละ ทำความเบื่อหน่ายกับอันนี้แหละ ทั้งก้อนนี้หละ นักปฏิบัติต้องพิจารณาอยู่นี้แหละชี้เข้าไปที่ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ ให้พิจารณากายพิจารณาใจ ให้เห็นให้เกิดความเบื่อหน่าย...

    ญาปู่ครูอาจารย์มั่น ย้ำจริงๆ ผู้เฒ่า จะไปเอาที่ไหนจะออกจากกายจากใจไปที่ไหน เอาขนาดนั้นมันก็ยังไม่ค่อยจะเอาหนาจิตนี่...ความหลงไม่ใช่น้อยหนา จำจริงๆเอาอยู่อย่างนั้น เอาเข้าๆมันมีหลายตัวหนา กิเลส กิเลสความพอใจความไม่พอใจ ทุกสิ่งทุกอย่างนั่นแหละ ทั้ง ๒ หู ๒ ตา ๒ แขน ๒ ขา ลิ้น กาย ของดีมันอยู่นี่แหละ

    ผู้ปฏิบัติต้องน้อมเข้าหาสมมติให้เกิดเป็นวิมุตติ พิจารณาให้รู้แจ้งสมมติ ให้เกิดวิมุตติของนั่นแหละ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม เทศนาโปรดพุทธเวไนยสัตว์ พระองค์ก็ตรัสรู้อันนี้แหละ พระองค์จะตรัสรู้พระสัพพัญญูเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อโปรดพุทธเวไนยสัตว์ทั้งหลาย ก็มีเพียงเท่านี้แหละ...

    การสวดมนต์ว่าไปก็ทำให้ใจสบาย ตาเห็นผ่านมาแล้วของเก่านั่นแหละ มันเก็บมาๆ จำให้แน่ๆ เอาอันมีอยู่นี้แหละมีอยู่เท่านี้ ที่อื่นมันก็มี แต่มันมีเรื่อง จำได้อยู่ก้า อดีตาธรรมเมา อนาคตาธรรมเมา อันี้แหละมันเมาอยู่นี่ ของเก่านั่นแหละ เอามันอยู่นี่แหละ จะไปหอบเอาอะไรที่ไหน เอาให้มันแน่ๆเวลาฟังมันก็แน่อยู่ จี้มันอยู่ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมทั้งหลายมันเกิดขึ้นจากนี้แหละ มันดับไปจากนี้แหละ

    นักปฏิบัติของเราต้องเอาให้หนักกว่าธรรมดา ทำใจของตนให้แน่วแน่ มันจะไปสงสัยที่ไหน สงสัยมันก็สงสัยอันนี้แหละ ของเก่านี้แหละ เอาเข้าๆกิเลสมันปรุงขึ้น โอ... ความพอใจไม่พอใจมันก็อยู่นี่แหละ มันเกิดขึ้นนี่แหละ มันเกิดมันดับอยู่นี่แหละไม่รู้เท่ามัน ถ้ารู้เท่ามันก็ดับไป เกิดขึ้นมาแล้วเกิดดีเกิดชั่ว เกิดผิดเกิดถูกก็ดับไป ถ้ารู้เท่าทันมัน ตา หู จมูก ลิ้น กาย แขน ขา มันก็อยู่นี่แหละ มันจะไปที่ไหน ปัจจุบัน จะมีอยู่กี่ตนนักปฏิบัติ ความหลง ความโลภ มันก็เกิดอยู่นี้แหละ ราคะ โมหะ มันก็เกิดอยู่นี่แหละ ความโกรธ ความหลง ความโลภ มันก็เกิดอยู่นี่ ถ้าจี้มันอยู่อย่างนี้ มันก็ค่อยได้กำลัง ของเก่านั่นแหละ คิดถึงคูบาญาปู่มั่น ท่านว่า มันอยู่นี่ จะไปหาที่ไหน จะไปหอบไปหาบเอาที่ไหน มันอยู่นี่อยู่ในตัวเรานี้ ร้องใส่อย่างนี้แล้ว ก็หวัวหนาผู้เฒ่า แต่ก่อนผู้เฒ่าปรารถนาพุทธภูมิ ผู้เฒ่าตัดออกหมด ได้บรรลุ มรรคผล นิพพาน ในภายใน รู้ภายนอกภายในหมดแล้วมันก็หยุดมันก็สบาย

    คิดถึงคูบาเฒ่าปู่มั่น ผู้เฒ่าร้องใส่ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ราคะ โทสะ โมหะ มันก็เกิดขึ้นนี่ ผู้เฒ่าร้องตะโกนใส่อย่างนี้แล้วหัวเราะหนาผู้เฒ่า



    www.dhammasavana.or.th
     
  2. Jasmin99999

    Jasmin99999 วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    971
    ค่าพลัง:
    +3,332
    Anumothana ka.
     
  3. ธัมมนัตา

    ธัมมนัตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +9,766
    สาธุ

    ส่วนใหญ่จิตคนเราจะฟุ้งไปในสัญญาแห่งอดีต




    อิมัส๎มิง สะติ อิทัง โหติ<O:p</O:p


    เมื่อสิ่งนี้ “มี” สิ่งนี้ ย่อมมี<O:p</O:p


    อิมัสสุปปาทา อิทัง อุปปัชชะติ<O:p</O:p


    เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น.<O:p</O:p


    อิมัส๎มิง อะสะติ อิทัง นะ โหติ<O:p</O:p


    เมื่อสิ่งนี้ “ไม่มี” สิ่งนี้ ย่อมไม่มี<O:p</O:p


    อิมัสสะ นิโรธา อิทัง นิรุชฌะติ<O:p</O:p


    เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป.<O:p</O:p

    มม. ๑๓๓๕๕๓๗๑, นิทาน. สํ. ๑๖๘๔๑๕๔
     

แชร์หน้านี้

Loading...