ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย break_my_fall_4448, 17 พฤษภาคม 2012.

  1. break_my_fall_4448

    break_my_fall_4448 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +21
    คือ เรื่องมีอยู่ว่า จะมีเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งดิฉันจะรู้สึกแพ้ทางมาก กับใครก็ไม่เป็นค่ะ รู้สึกเหมือนกับว่าที่เราคบกันเป็นเพื่อน เค้าต้องการเราแค่ผลประโยชน์ และความช่วยเหลือเท่านั้นเอง ตลอดเวลาที่ติดต่อกัน เค้าจะติดต่อเรามา เวลา ต้องการให้เราทำนี่นั่น หรือ ช่วยเหลือ ถ้าไม่มีเหตุที่วานให้ดิฉันทำ คือจะไม่ติดต่อมาเลย แล้วตัวดิฉันเองก็ต้องช่วยตลอด และ รู้สึกอยากจะช่วยเหลือทุกครั้ง ไม่รู้เป็นอะไร แต่พอบ่อย ๆ เข้าดิฉันก็เริ่มคิด แต่พยายามไม่คิดค่ะ แต่ก็นั้นแหละค่ะ บ่อยเข้าก็เริ่มเบื่อ แต่กับคนนี้ดิฉันรู้สึกแคร์เค้ามาก แต่พอคิดว่าอืม เค้าคบเราแค่ผลประโยชน์เท่านั้นแหละ เลยรู้สึกเจ็บๆ เลยพยายามห่าง ๆ ไม่ค่อยติดต่อ และพอเค้าต้องการความช่วยเหลือ ดิฉันก็พยายามหลบ อ้างว่ายุ่ง หรือ อะไรประมาณนี้ ประมาณว่าไม่อยากช่วย แต่ปฏิเสธแบบไม่น่าเกลียด แล้วเค้าก็กลายทำเป็นไม่สนใจเรา ยิ่งทำให้ดิฉันมั่นใจว่าเค้าคบเราเพื่อผลประโยชน์จริงๆ รู้สึกเจ็บค่ะ กับคนอื่น ก็ไม่เป็นค่ะ เป็นแต่กับเพื่อนคนนี้คนเดียว เลยทำให้คิดว่า ต้องเรื่องกรรมตัวเองแน่ แต่ให้กลับไปติดต่อด้วย ก็ไม่อยากเป็นแบบเดิมละ แต่พอเค้าไม่ติดต่อมา รู้สึกเจ็บค่ะ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี อันนี้ ถ้าทุกครั้งที่สวดมนต์เสร็จ หรือ ทำบุญเสร็จ แผ่เมตตาให้เค้าสมำเสมอ จะช่วยได้หรือไม่คะ หรือควรจะกลับไปเป็นแบบเดิม คือช่วยเหลือเค้าทุกครั้งที่เค้าต้องการ เพื่อใช้หนี้กรรม ที่ตัวเองเคยทำไว้กับเค้าหรือป่าว ยังไงก็คิดว่ากรรมแน่ค่ะ เพราะ รู้สึกแพ้ทางกับเพื่อนคนนี้เหลือเกิน เพราะกับใครก็ไม่ได้รู้สึกแบบนี้ ดิฉันควรทำอย่างไรดี
     
  2. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    ง่ายๆครับ คุณแพ้ทาง ปล่อยเตาตัวนึง ไม่ก็ไปทำบุญกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามศาลเจ้า
    ขอพรว่าขอให้พ้นจากอำนาจนี้ แต่ที่จริงเรื่องนี้ถ้าคิดใจเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งพอก็สามารถตัดขาดไม่สนใจก็ได้ เค้าใช้ความใจดีของคุณสินะ:cool:
     
  3. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    คุณดูเป็นคนที่คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์นะครับ ไม่ใช่ทุกคนหรอก
    ครับที่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ ถ้าเขาคนนั้นไม่ใช่คนที่คิดมากคุณอาจ
    จะกำลังคิดไปเองฝ่ายเดียวอยู่ก็ได้นะครับ บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้
    ระหว่างคุณกับเพื่อนคนนั้น ลองเปลี่ยนความคิดใหม่ดูสิครับว่ามันไม่มีอะไรเลย
    การปฏิเสธคนอื่นเป็นเรื่องที่ปกติมากๆ ใครก็ทำกัน ทำไมคุณถึงคิดว่ามีแต่คุณ
    คนเดียวที่ปฏิเสธคนอื่นไม่ได้ บางทีคุณอาจจะคิดว่าเขาคาดหวังกับคุณมากเกิน
    ไปจนคุณไม่กล้าที่จะปฏิเสธเขา แต่ความจริงคนเราคาดหวังกับคนอื่นได้ไม่มาก
    หรอกครับ คนเราไม่สามารถคาดหวังที่จะได้รับมากกว่าที่ตัวเองจะให้ได้หรอก
    คุณลองขอความช่วยเหลือเขาดูสิ เขาช่วยคุณได้แค่ไหนเขาก็คาดหวังกับคุณแค่
    นั้นแหละ ไม่มีทางมากไปกว่านั้นหรอก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2012
  4. barking dog

    barking dog เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2012
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +152
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->เมื่อเพื่อนท่านนี้มาขอความช่วยเหลือ
    คุณ break_my_fall_4448 ลองเว้นจังหวะ
    ก่อนตอบรับ หรือปฏิเสธ เพื่อนท่านนี้ดูนะคะ
    จังหวะที่ให้เว้น มีไว้ให้พิจารณาความรู้สึกของตนเอง
    ว่าต้องการช่วยเขาจริงๆหรือเปล่า
    และตนพร้อมจะทำตามความต้องการหรือเปล่า
    หากต้องการช่วยเขาจริงๆ และตนพร้อม ก็ช่วยไปเลย
    ช่วยทิ้ง ช่วยขว้าง ช่วยแล้วลืมไปเลย
    ไม่ต้องกังวลถึงปฏิกิริยาตอบรับของเขา นะจ๊ะ

    "ให้กลับไปติดต่อด้วย ก็ไม่อยากเป็นแบบเดิมละ แต่พอเค้าไม่ติดต่อมา รู้สึกเจ็บค่ะ"
    โลกนี้ ไม่มีสิ่งใด เป็นดังใจเรา ตลอดเวลา นะลูก
    เลือกทางใด ล้วนมีตำหนิ
    เลือกทางใด จึงไม่ต่างกัน
    ยอมรับตำหนิ ของทางที่ตนเลือก ทำให้สบายใจขึ้น นะจ๊ะ
     
  5. break_my_fall_4448

    break_my_fall_4448 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +21
    ต่างคนก็ต่างมุมมอง แต่ว่าได้ข้อคิดขึ้นอีกเยอะค่ะ รู้สึกดีขึ้นมาก ๆ เลย ขอบคุณทุกท่านมากค่ะ สบายใจเลยตอนนี้
     
  6. ทะเล้น

    ทะเล้น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +208
    - เจ็บ ปวด ทุกข์ เพราะใจคุณยินดีที่จะเจ็บแบบนั้น พอใจอยู่ที่จะคิดว่าโดนใฃ้ประโยชน์ พอใจที่จะทำให้ด้วยความยินดี แม้รู้ว่าสุดท้ายก็จะกลับมาคิดให้ตนเองปวดใจ
    - ลองคิดย้อนดูนะครับ เพราะคุณติดข้องใจจากการกระทำนั้นๆของเพื่อคุณหรือคนที่คุณให้ความยินดี พอติดข้องใจเสร็จ ก็สืบต่อเสพเสวยอารมณ์เป็นความพอใจยินดี และ ไม่พอใจยินดี สุดท้ายเมื่อคิดด้วยความขุ่นข้องใจใดๆ คุณก็เกิดตั้งเป็นตัวตนที่คุณได้กระทำให้เขาจนเกิดเป็นทุกข์ ทุกข์เพราะไม่อยากให้เขาแสดงการตอบรับกับคุณแบบนี้ ทุกข์เพราะที่คุณพอใจยินดีที่จะให้เขาเอาใจ ดูแล สนิทสนม ให้เกียรติ ให้ความรักแก่คุณ เหมือนที่คุณให้เขา นี่ล่ะเหตุปัจจัยที่ทำให้คุณทุกข์
    - ความเมตตานั้น ไม่ใช่ว่าเราสวดมนต์แผ่เมตตาให้เขาเพราะอยากให้เขาทำดีกับเรา สภาพจิตที่เป็นเมตตาจริงๆนั้น จะเป็นความปารถนาและกระทำให้ผู้อื่นมีความสุข ในสิ่งที่ดี งาม จะไม่คิดย้อนขอผลตอบแทนใดๆจากเขากลับคืน ซึ่งเมื่อเมตตาจิตเกิด กรุณาจิตก็จะัสืบต่อกันมาทันทีนั่นคือ ความเอื้ออารย์ อนุเคราะห์ แบ่งปันให้ผู้อื่นได้พ้นจากทุกข์ เมื่อมีเมตตาจิตและกรุณาจิตแล้ว สภาพจิตคุณย่อมเป็น ทาน คือ การให้ ให้เพื่อต้องการให้ผู้รับได้ใช้ประโยชน์สุขจากการให้นั้นของคุณ ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆจากเขาคืนมา ให้แล้วไม่มาคิดเสียดายหรือเสียใจในภายหลัง และ เมื่อมีทาน ย่อมมีมุทิตาจิตที่มีความปิติยินดีเมื่อเขามีความสุขพ้นจากความทุกข์โดยไม่มีความขุ่นข้อง ขัดเคืองใจใดๆ
    - เมตตา กรุณา ทาน มุทิตา เป็นกุศลจิตที่จะเกิดขึ้นโดยปราศจากความขุ่นมัวติดข้องใจใดๆของเรา
    - เมตตานั้น พระพุทธเจ้าท่านเปรียบดั่งแม่ผู้มีบุตรเพียงคนเดียว เป็นที่รักยิ่งแห่งตน แม่ย่อมให้ลูกทุกอย่างเพื่อให้ลูกได้อยู่ ได้กิน ได้มีความสุข มีความสำเร็จ ทำให้โดยความไม่ติดข้องใจใดๆ และ ไม่หวังสิ่งใดๆจากลูกตอบกลับคืนมา ขอแค่ลูกเป็นสุข มีชีวิตที่ดีก็พอ นั่นคือความเมตตาจริงๆ หากคุณจะเมตตาแก่เพื่อนคุณ คุณต้องมีสภาพจิตเช่นเดียวกับแม่ที่ให้ลูก
    - ละความติดข้องใจใดๆนั้นไปเสีย เพราะติดข้องใจไปก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆกับเราทั้งสิ่งที่เรามีความพอใจยินดีและไม่พอใจยินดี จะมีให้ก็แต่ทุกข์ที่คุณเป็นอยู่ในตอนนี้เท่านั้น พึงระลึกรู้อยู่เสมอไว้ว่าไม่มีสิ่งใดเป็นไปตามความปารถนาใคร่ได้ของเราไปทุกอย่าง เราต้องพบเจอสิ่งอันไม่เป็นที่รักที่พอใจอยู่เป็นจริงในชีวิตประจำวัน เมื่อไม่ติดข้องใจ และ มีเมตตาจิตเกิด มีกรุณาจิตเกิด ทานจิตเกิด มุทิตาจิตเกิด คุณย่อมไม่มีความทุกข์ใดๆอีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 พฤษภาคม 2012
  7. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ตรงนี้เป็น ตัณหา คือความติดข้องชอบใจในสัตว์หรืิอบุคคลอันเป็นที่มาของความยินดีแก่ตน จะด้วยเพราะเขาดูดีหรือมีสิ่งอื่นๆที่เราปรารถนาในตัวเขา อย่างใดอย่างหนึ่งหรือมากอย่างก็ตาม เมื่อชอบใจติดใจในเขาก็สร้าง"เยื่อใยแห่งตัณหา"ในใจขึ้น จึงมีจิตยินดีใคร่จะเกี่ยวข้องด้วยอาการ ต่างๆ มีการให้ความช่วยเหลือเป็นต้น ดังนั้น จึงไม่ใช่เหตุเพราะเวรกรรมอะไรๆดังที่เข้าใจอยู่ แต่เป็นเพราะอำนาจแห่งตัณหาที่เกิดขึ้นนั่นเอง..ลองทบทวนในใจตนเงียบๆดู ไม่ต้องนำมากล่าวให้ใครทราบก็ได้ ว่าจริงหรือไม่..เพราะโดยปกติแล้ว ที่เราจะทุกข์ร้อนทุรนทุรายก็เพราะเรื่องราวที่เราติดข้องชอบใจทั้งนั้น เมื่อสิ่งที่ติดข้องนั้นไม่เป็นไปตามครรลองที่เรา"คาดหมาย"หรือปรารถนา เราก็เข้าถึงความเดือดร้อนเพราะ"ผิดหวัง"เท่านั้น..

    การทำสิ่งใดที่คิดว่าเป็นประโยชน์ไม่มีโทษตามมา ด้วยการใคร่คนวญใหดีเสียก่อน ย่อมเป็นวิสัยของบัณฑิต..หากใคร่ครวญแล้วเห็นว่า ทำไปแล้วต้องมานึกเสียใจน้อยใจในภายหลัง ก็ระงับการกระทำนั้นเสีย เพราะนำมาแต่อกุศลวิตก หาความแช่มชื่นใจอันใดมิได้ หากตายลงในเวลานึกเสียใจเศร้าใจนั้น น่าจะไปสู่ที่ไม่ดีแน่ๆ..เรื่องเช่นนี้ พึงระมัดระวังให้มาก..

    หากจะพลิกกลับเอาความน้อยใจให้คืนมาเป็นความปลื้มใจด้วยความแยบคาย พึงคิดไว้ว่า...


    "อันกรรมดีคือการขวนขวายช่วยเหลือผู้อื่นนั้นเป็นบุญยกิริยา ข้อหนึ่งคือ บุญสำเร็จได้ด้วยการขวนขวายในกิจการที่ชอบ (เวยยาวัจจมัย) เมื่อเรามีเจตนาดีเช่นนี้ ผลอันยอดเยี่ยมย่อมเป็นที่หวังได้ เพราะกรรมใดๆที่ทำแล้วย่อมมีผลตามมาเสมอ...เราได้ทำอุปการะแก่ตนไว้ดีเเล้วหนอ..."

    แล้วยังโสมนัสให้แล่นไปเนืองๆ เท่านี้จิตย่อมมีกุศลประกอบโดยไม่ยาก

    ส่วนการเข้าใจผิดว่าเป็นเวรกรรมติดพันกันมานั้น ไม่มีมูลเหตุผลที่สมควรจะเป็นได้ การยุติความกี่ยวข้องกับบุคคลที่ตนติดข้องย่อมเป็นเรื่องที่เราเองสามารถทำได้โดยทันที ยกเว้นแต่ว่าตัณหาของตนไม่ยอมปล่อยตนให้เป็นอิสระเท่านั้น ถ้าว่าเป็นเวรกรรม ก็จะเป็นเรื่องที่แม้จะพยายามหลีกเลี่ยงแล้วก็ไม่อาจทำได้เพียงด้วยการการตัดสินใจหรือพาตัวออกห่างโดยประการทั้งปวง เพราะผลกรรมนั้นย่อมสามารถตามมาส่งให้ได้เสวยแม้ตนจะปลีกตนหลบไปอยู่นอกโลกหรือใต้สมุทร นะครับ..
     

แชร์หน้านี้

Loading...