ขอคำแนะนำด้วยครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เดินทาง, 5 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. เดินทาง

    เดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +38
    ดูกายแล้วมันแยกตัวดูไปอยู่ข้างบนเหมือน กายความรู้สึกกับตัวดูมันอยู่กันห่างๆนะครับ พอตอนกลางคืนทำสมาธิ ตัวดูกับสิ่งที่เราดูมันห่างกันแปลกๆนะครับไม่เหมือนเดิม เลยทำให้แนบทำสมถะ มันไม่ยอมแนบเหมือนมันรู้ เลยทำไม่ได้ครับ พอวันถัดมาฟุ้งกระจายเลยครับ อีกวันถัดมาทำแล้วกลายเป็นเครียดไปทั้งวัน พอตอนกลางคืนคิดว่าช่างมันเถอะ ความเครียดหายไปหมด งงครับ จากนั้นก็ดูแบบเผลอแล้วรู้ ปล่อยมันแทนครับ
    ผมทำผิดใช่มัยครับที่ดึงให้แนบ ดูอย่างไรนะครับว่าตัวที่รู้เริ่มไม่เอาสมถะนะครับ
    ขอคำแนะนำด้วยครับ
     
  2. พระวัดหัวเขา

    พระวัดหัวเขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    2,562
    ค่าพลัง:
    +4,805
    <> ความรู้มีน้อย.. การปฏิบัติมาก็นัอย... แต่ก็จะขอบอกเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง อาจจะเป็นแบบเดียวกันก๊ได้... แต่บอกไ้ว้ก่อนว่า ทุกเรื่องไม่จำเป็นต้องจำ... ทุกเรื่องไม่จำเป็นต้องรู้ แต่ต้องรู้ในสิ่งที่เป็น ในปัจจุบันเฉพาะ รู้ในความรู้ รู้ในความคิด.... ยิ่งปล่อย ยิ่งได้....

    <> ขอเข้าในเรื่องดีกว่า.. ตามอาการที่เล่ามานั้น ดูเหมือนว่าเราทำความรู้ในกาย โดยอาศัยลมเป็นเรื่องรู้ลมก็เป็นรูป กายก็เป็นรูป เมื่อเราจับความรู้อยู่แบบนี้ เมื่อใจเป็นหนึ่ง ก็เกิดความรู้ถึงกายที่แยกออกนั้น จัดเป็นอาการของจิตที่เกิดการแยกระหว่าง กาย จิต หรือเรียกว่าอารมณ์ก็ได้ หรือตัวที่ถูกรู้ก็ได้...

    ระหว่างที่เราดูกายอยู่จิตเป็นสมาธิโดยมีกายเป็นอารมณ์ เมื่อจิตละเอียด จิตก็ปล่อยกาย กายที่เป็นอารมณ์ก็แยกออก หรือที่เรียกว่าจิตปล่อยอารมณ์หรือจิตวางอารมณ์...

    ดังนั้น เราควรจับที่จิตหรือที่เรืยกว่า"ตัวรู้" แล้วปล่อยอารมณ์นั้นเสีย... แล้วอารมณ์ที่เป็นรูปกายก็จะหายไป...จะเหลือก็เพียงจิตล้วนๆ... จิตเบา..กายเบา...

    <> หรืออีกอย่าง ถ้าเราจะเล่นในสิ่งที่เห็นก็ได้.. เช่น เมื่อกายแยกออกก็ปล่อยไปแล้ว ตามดูให้ถึงที่สุด หรือจับกายที่เห็นที่แยกออกเอามาพิจารณาให้เป็นอสุภะ หรือพิจารณาให้เป็นธาตุสี่ ให้เห็นเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ให้เห็นเป็นมา ไม่จีรัง ตาย เกิด ตาย เกิดอยู่ร่ำไป... ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน แบบนี้เรียกว่า..เอาประโยชน์จากภาพนิมิต... หรือเราจะกล้บมาดูกรรมฐานทั้งห้าก็ได้ โดยไม่ไปดูกายที่แยกออก..

    กล้บมาดูกายที่นั่งอยู่แล้วทำความรู้ในผม ขน เล็บ ฟัน หน้งโดยอุโลม..ปฏิโลม คือกล้บไปกล้บมาแล้วกายก็จะกล้บตืนมา... แบบนี้เรียกว่าวางความหยาบ มาจ้บความหยาบ หรือวางอารมณ์ที่เป็นภายนอก แล้วกลับมาจับอารมณ์ที่เป็นภายใน.. เมื่อการรู้อารมณ์ที่อยู่ภายนอกกลับมาแล้ว กายก็เบา จิตก็เบา..เกิดกายสบาย จิตสบาย...

    <>อีกอย่างที่ว่า เมื่อไม่สนใจม้นก็เลยสบายไม่ฟุ่งซ่านนั้น เพราะเราปล่อยอารมณ์แล้ว กลับมาจัดตัวรู้ที่จิต... อารมณ์ที่เกิดเหล่านั้นก็หายไป.... ที่ว่าผิดหรือถูกนั้น มัมไม่ผิด ไม่ถูกเพียง แต่เราวางอารมณ์นั้นแล้วมาจ้บอารมณ์ใหม่ เท่านั้นเอง...

    ต่อไปให้พยายามรู้ว่าอะไรคืออารมณ์ อะไรคือจิตหรือผู้รู้ อารมณ์ พยายามดูจิตและดูปฏิกิริยาขอจิต... ในปัจจุบันให้มาก ขอโมทนาในธรรมปฏิบัติ...

    <> ก็บอกไปแล้วในความรู้ที่น้อยนิด ในการปฏิบัติมาก็น้อยนิดเช่นกัน ก็ต้องขอโทษถ้าเห็นว่าถูกก็นำไปใช้ แต่ถ้าเห็นว่าผิดก็ส่งคืน .....

    <> พระวัดหัวเขา...นาโพธิ์...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2009
  3. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +1,937
    มันเกิดอะไรขึ้นก็ให้รู้ครับ ตรงนี้เป็นความอยากดี อยากได้สภาวะดีๆ ไม่อยากได้สภาวะที่ไม่ดี

    อยากให้มันห่าง อยากให้มันแนบ อยากให้มันไม่แนบ ฯลฯ ก็ให้รู้ครับ

    เพราะถ้าไม่รู้ ก็จะไปหลงทำสภาวะบางอย่างขึ้นมา ตามแต่กิเลสจะบงการ

    ให้สภาวะมันเกิดขึ้นก่อนแล้วค่อยรู้ครับ และรู้ได้เท่าที่รู้
     
  4. เดินทาง

    เดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +38
    ขอบพระคุณครับ ขอบคุณทุกท่านนะครับ
     
  5. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ผมเองเคยฟุ้งๆทั้งวันข้ามคืนข้ามวัน แบบว่าจิตใจมันคิดเรื่องนี้เรื่องนู้น แต่แปลกตรงที่ว่า เราฝึกสังเกตุใจมาเรื่อย มันจะตามรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นขณะๆ การที่จิตมันคิดเองเออเอง หาคำตอบของมันเองโดยเราไม่เจตนาบ้างเจตนาบ้าง เรียกว่ามันเป็นเอง ช่วงนี้จะได้กำไรมากเหมือนกันหากหัดสังเกตตามเรื่อยๆ พอมันลงล๊อคปั๊ป เหมือนคลายล๊อคเลย ภูเขาออกจากอกเลย มีแต่แบบนิ่งๆเป็นเหมือนลูกกลมๆอยู่เป็นขณะๆ
    มันไม่ได้เรียกว่าฟุ้งซ่าน แต่วิตกวิจารมันไปเอง ด้วยเจตนาและไม่เจตนา บางคำถามที่เราเคยโดนคนอื่นถามตอนนั้นยังตอบไม่ได้ แต่จิตมันเอาไปคิดหาให้เองอีกพอมันตอบได้สติที่เราสังเกตุเนื่องๆมันจะโช๊ะ เช๊ะ ก็แปลกดีครับ ผมก็อาศัยการสวดมนต์บทยาวๆ เช่นสวด อิติปิโส 108 ช่วยได้เยอะเลยครับ สวดแบบแหกปากอ่ะ ยิ่งไปสวดในโบสกลางคืนเงียบๆคนเดียว ยิ่ง โช๊ะ เช๊ะ การสวดออกเสียง ช่วยให้ตั้งสมถะได้เร็ว จิตมีกำลังก็จะรบใหม่
    ไม่แน่นะครับ ....ออกพรรษาปีนี้ ท่านเดินทาง อาจได้ของขวัญนะครับ
     
  6. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ทำอย่างที่ท่านเดินทางทำอยู่นะครับ ...ผมก้ทำแบบท่านล่ะครับ
    สมถะที่ทำจากการสวดมนต์จะเห็นประโยชน์ชัด ก็ช่วงนี้ล่ะครับ
     
  7. เดินทาง

    เดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +38
    ขอบคุณครับ หลังๆไม่ค่อยได้ท่องสักพักแล้วครับ เดี๋ยวกลับมาท่องใหม่ครับ(ออกเสียงไม่ได้เกรงใจน้องชายนอนห้องข้างๆนะครับ) พอดีได้รับการแนะนำมาให้ลองสวดพระคาถามงกุฎพระพุทธเจ้าด้วยนะครับ
     
  8. ภาชนะเปล่า

    ภาชนะเปล่า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2009
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +25
    อย่าลืมองค์ภาวนาครับผม...ภาวนาอะไรอยู่ให้รวมเป็นหนึ่งกับองค์ภาวนานั้น

    อาการแบบนี้ คือ จิตไม่สงบ

    การภาวนา...ถ้าถูกทางมันแล้ว...จิตต้องสงบครับ
     
  9. พระวัดหัวเขา

    พระวัดหัวเขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    2,562
    ค่าพลัง:
    +4,805
    สาธุ
     
  10. พระวัดหัวเขา

    พระวัดหัวเขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    2,562
    ค่าพลัง:
    +4,805
    อยู่ในท่านอนสบายๆทำความรู้ในลมทั้งแต่หังจดปลายท้าวตามลมไปตลอดขึนลงๆไปตลอดอย่าใหขายหามีสติตามดูจ้า..
     

แชร์หน้านี้

Loading...