การเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป ในแบบของในหลวงรัชกาลที่ ๙

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 30 มกราคม 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,311
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,421
    ค่าพลัง:
    +26,249
    4C1492FF-1487-4747-986A-61F20585AF69.jpeg

    พระอาจารย์เล่าว่า "เห็นรูปในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงงาน ทำให้นึกถึงคราวที่พระองค์ท่านเสด็จไปดูต้นกาแฟต้นเดียว ช่วงแรก ๆ ที่พระองค์ท่านตั้งใจให้ชาวเขาเลิกปลูกฝิ่น แล้วแนะนำให้ปลูกพืชอื่น พระองค์ท่านเอาพันธุ์กาแฟเข้าไปให้ ปรากฏว่ากาแฟที่ชาวเขาปลูกตายหมด มีรอดอยู่ต้นเดียว

    หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ทูลเชิญเสด็จในหลวงไปดูต้นกาแฟ เดินข้ามเขาไปเป็นลูก ๆ เลย ไปเจอกาแฟต้นเดียว พลตำรวจเอกวสิษฐ เดชกุญชร ตอนนั้นน่าจะอยู่ระดับพันโทพันเอก โมโหไฟแลบเลย ให้ในหลวงเดินข้ามเขาไปตั้งกี่ลูก มาดูกาแฟแค่ต้นเดียว เลยไปโวยวายกับบรรดาข้าราชสำนักด้วยกัน

    ความไปทราบถึงพระองค์ท่าน ทรงตรัสว่า ที่ไปดูเพราะว่าเขาไม่เคยปลูกกาแฟมาก่อน ดูแลไม่เป็น ต้นกาแฟจึงตายหมด แต่ชาวเขาคนนั้นปลูกแล้วต้นกาแฟรอดได้ จึงพระราชทานพันธุ์ใหม่ไปให้ แล้วให้ชาวเขาคนนั้นไปแนะนำเพื่อน ๆ ว่าปลูกอย่างไรถึงจะรอด คุณวสิษฐถึงได้รู้ว่า วัตถุประสงค์ที่พระองค์ท่านไป ยิ่งกว่าการดูกาแฟต้นเดียว เพราะว่าปีถัดมาต้นกาแฟที่พระราชทานไปทั้งหมดรอด ไม่มีตายสักต้นหนึ่ง คนปลูกเป็นคนบอกเพื่อน เพื่อนทำตามก็รอด

    หลังจากนั้นได้ผลแล้ว ระหว่างกิโลกรัมต่อกิโลกรัม เขาขายกาแฟได้ราคาแพงกว่าฝิ่น ชาวเขาก็เลยหันมาปลูกกาแฟที่ไม่ผิดกฎหมาย ท้ายสุดก็มาปลูกพืชเมืองหนาว พวกสตรอเบอร์รี พวกท้อ อะไรต่อมิอะไรก็ตามมา"

    "พอไปพัฒนาชาวเขาให้เลิกทำฝิ่น ชาวเขาขอพระราชทานรถแทรกเตอร์เพื่อจะไปไถที่ทำนาทำไร่ ปรากฏว่าในหลวงพระราชทานควายไป ๕ ตัว ขอพระราชทานให้ รพช.ตัดทางลาดยางขึ้นไป พระองค์ท่านก็ตรัสว่าไม่ต้อง แค่ไปปรับปรุงทางเดิมให้ดีก็พอ

    พระองค์ท่านไม่ต้องการที่จะเร่งรัดการพัฒนา เพราะรู้ว่าชาวบ้านเปลี่ยนแปลงยาก ต้องใช้วิธีค่อยเป็นค่อยไป ขอรถแทรกเตอร์มาก็เอาควายไปแทน เพราะว่ารถต้องใช้น้ำมัน ต้องฝึกขับ แต่พื้นเพเดิมของเขาใช้วัว ใช้ควาย ใช้ม้า พอให้ตัดทางลาดยางขึ้นไป พระองค์ท่านบอกว่าไม่ต้อง แค่ปรับปรุงทางเก่าก็พอ ให้เขาใช้ม้าใช้ล่อบรรทุกเหมือนเดิม

    ตรงนี้ไปนึกถึงทฤษฎีฝรั่ง Future Shock คือถ้าเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป จะมีคนส่วนใหญ่ที่รับไม่ได้ พอรับไม่ได้จะเกิดอาการต่อต้าน พระองค์ท่านเลยให้ค่อยเป็นค่อยไป ไม่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเขาทีเดียว แต่ทำให้เขาเห็นว่าสิ่งนี้ดีแล้วเต็มใจมาทำเอง

    ถ้าไวจนเขารับไม่ทันก็แย่ แต่จะไปว่าอะไรได้ เดี๋ยวนี้พวกเงาะซาไกยังกินกาแฟเป็นว่าเล่น "บุ๊กาแคว" บุ๊คือกิน ปี ๒๕๕๘ เขาไปเก็บข้อมูลพื้นบ้านครัวเรือนในหมู่บ้านกะเหรี่ยงคลิตี้ ชื่อไทยคือบ้านทุ่งเสือโทน ปรากฏว่าค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ๓๐ เปอร์เซ็นต์คือค่ากาแฟ สรุปว่าเงิน ๑๐๐ บาท ซื้อกาแฟไป ๓๐ บาทเป็นอย่างน้อย"

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๑
    ที่มา :
    www.watthakhanun.com

    #พระครูวิลาศกาญจนธรรม #หลวงพ่อเล็ก
    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนา #watthakhanun
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...