การฝึกสมาธิที่ถูกต้องตามหลัก พุทธวจน..

ต้องฝึกให้เห็น เกิด-ดับ ครับนั่นคือเป้าหมาย
ไม่ใช่แค่รอให้ จิต..อยู่ในอารมณ์เดียว-สงบ..รอจนเพี้ยน..เพราะธรรมชาติของจิต คือ"รู้" เมื่อสงบจากนิวรณ์5 จะเรียนรู้ตำราใด ก็เข้าใจได้ง่าย และจดจำได้ยอดเยี่ยม-นี่คือคุณสมบัติพ้เศษของจิต..
หากสงบแล้วไม่รู้จะทำอะไรต่อ-ร้อยละร้อยเปอร์เซ็นต์-จิต มันจะดันออกมารู้ทั่วไปหมด-ที่เราส่งจิตไปเสพอารมณ์ มันจะรู้ลึกกว่าคนธรรมดาที่รู้แบบเราเทียบกันไม่ได้ ..บางคนนำมาเรียนรู้ทางโลก จักเห็นได้มากมายคือ พระ-คน ที่เฉลียวฉลาด รู้กว้างไกล คาดคำณวนอะไรไกล้เคียงหมด เป็นพระนี่ก็คือ "วิปัสสนูกิเลส" ไม่รู้ตัวกันมากมายเลยนะครับ หลงตัวเองไปเลยนานไปเพราะไม่มีใครกล้าเตือน -ฉลาดทางโลกจนลืมธรรมรำ่รวยกันหมด-จึงเพี้ยน..หากไม่ชิงนำจิตนั้นมาดู เกิด-ดับ ครับ

 

นั่นขั้นปัญญาครับ ไม่ใช่ขั้นสมาธิ
อย่าเอามาปนกันมั่วครับ
แสดงว่ายังแยกแยะไม่ออกสินะครับ
ว่าพระสูตรไหนพระพุทธองค์ทรงตรัสถึงอะไร อาการอย่างไร

 

สวัสดีครับ คุณเราโตมาเป็นเด็ก (ขออนุญาตแซวขำๆ ยืมคำพูดคนแถวนี้มาใช้)

ต้องฝึกให้เห็น เกิด-ดับ ครับนั่นคือเป้าหมาย


ศิษย์โง่จะขอเสนอคำว่า

ต้องฝึกให้เห็น แยกธาตุ-ขันธ์ ครับนั่นคือเป้าหมาย

มองคนเป็นแค่ก้อนธาตุ มองหมาแมว เป็นก้อนธาตุ

เจ๋งกว่าเยอะฮับ บ่องตง

 

ถ้าถามว่าอะไรเกิด-ดับจะตอบว่าอะไรดีล่ะครับ
ท่านเจ้าของกระทู้

 

เหมือนจะดีแล้วนะครับ ทั้งสองความเห็น แต่มันมีเจ๋งกว่านั้นอีก เห็น เกิด-ดับ หรือ เห็นเป็นเพียงธาตุนะ ยังไม่เจ๋ง คนที่เห็นอนัตตา นั้นและ เจ๋ง คับ บ่องตง

 

ดีนะ กะมู้ นี้

พี่ไม่ลากไป สมาธิ อีก เวลาดูลมหายใจเกิดดับ

คนบางคน เวลาจะดูลมหายใจ กลัว จะเป็น สัญญา

โน้นนนน ไปโน้นนนนน เขาบอกว่า ต้องทำสมาธิ จิตอึ๊ก
ก่อน แล้วค่อยถอยมาระลึกรู้ ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก
ดั่งดอกไม้บาน..........................

เกษตระกุ้ม !!


*******

กลับมาเนื้อ กระมู้ ผมว่าตาม จขกท 10 ต้องเห็นเกิดดับ

เพราะอะไร

เพราะ อนัตตา ก็ปรากฏให้ระลึกได้ ย่อมเป็น สัญญา เรียกเต็มๆว่า
"อนัตตาสัญญา" ดังนั้น ต้องพิจารณาลง เกิดดับ ด้วย ไม่เช่นนั้น ไม่อึ๊ก !!

 

ล๊วกเพ่ พิจารณา ธาตุ แล้ว เกิดเอโกธิภาวะแล้ว ล๊วกเพ่
เห็น ธาตุ มันค้างเติ่งห่างๆ แค่นั้นหรือเปล่า

หรือว่า พิจารณาธาตุนั้น ให้เกิดความแปรปรวน สลาย
กลายเป็นไอ e=mc2 แล้วก็ พิจารณากับ จาก c2..... ( กลับไป กลับมา กลับไป กลับมา ........................ )

พิจารณากลับ ตอน c-ทรู อันนี้ระวังหน่อย พระท่านให้
พิจารณากายตนเท่านั้น อย่าเอากายคนอื่น

ถ้าไม่ชอบ แนว มวล กลายเป็น ไอแสง

ก็ใช้ เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหว ( มันจะมี ไตรลักษณ์ เกิดดับ สัมปยุตอยู่ในการเห็น )

 

เห็นนิพพาน เจ๋งกว่าคับ บ่องตง

 

อิอิ มองยังไม่ทะลุนะท่านพี่ การมองเป็นก้อนธาตุนั่นแหละ เจ๋งหละ

เห็นสิ่งใด มันสักแต่ว่าเป็นธาตุ ไม่ใช่เรา ตัวเราเป็นเพียงธาตุ ที่มาประกอบเป็นร่าง
คน สัตว์ เขา เรา ไม่แตกต่าง มีเพียงจิต เข้ามาสิงร่างนี้อยู่
เดินไปในที่ไหนๆ มองเห็นแบบนี้หมดเบย

เป็นปัญญาขั้นอัตโนมัติหน่า ไม่ใช่อัตโนมือ

 

เอาไงดีหว่า....

ตรง มีวิญาณังมาสิงนี่

แน่ใจหรือว่า เหนถึงธาตุ

ไปดู พยาบาทวิตก วิหงสาวิตก เพิ่มสองตัว

ถ้าเหน วิญญาณเปน ธาตุ ได้

เดี๋ยวจัดโปร สุดคุ้ม ให้ แบบสาวจันทรกั้งโกบ เบย

 

เหอะ ๆ...ทิฏฐิพระ มานะนักปฏิบัด มันก้อเป็นเช่นนี้เอง...
ตถตา สาธุ๊ ....สาธุุ๊...

 

ดูไม่ออกเหรอครับ ว่าเขาบัฟกันขำๆ ยามว่าง
คือคนชอบธรรมเหมือนกันก็บัฟกันขำๆ ดีกว่าไปกินเหล้่่าาเมายานะ
บ่องตง วันนี้ผมว่าง เลยมาตอบเยอะหน่อย แค่นั้นเอง
โดยเฉพาะตานิวรณ์นี่ ผมอ่านเวลาบัฟมา บางทียังหัวเราะ เลย สนุกดี

 

กลับมา คุยกะล๊วกพี่คนนี้

ทำไมเหร อนัตตา..สัญญา แล้ว ยังต้อง ยก อีก

จะฝั้นเฝือ หรือเปล่า

ลูกพี่ อย่าไปตรึกคำถามแบบนั้น นะฮับ

ลวกพี่ มีหน้าที่ ที่จะมั่นคง แก้การจ้วงจาบ

ระหว่าง "หมายๆจะเปน" กับ "อาสัยระลึก"

ว่าต่างกันฟ้ากับเหว

พอยืนยันได้ว่า แค่อาสัยระลึก ยังต้องยกอีกตัว
นะฮับ

ยกตัวสุดท้าย ตาลอย จิตลอย คล้อยเคลื่อน
แล้วผมเกิดเหนได้ ช่วยสงสารผมด้วย ผม
คงปะเคนไม้หน้าสามเข้า ปาปปปป เลย

เหนมาเยอะ นิพพานๆ ตาลอย หงายหลังตึง เนี่ยะ

 

จัดมาหนักๆหน่อยจิ อยากฟัง
แต่ออกตัวก่อนนะ อย่าให้ศัพท์อภิธรรมแปลกๆ บางคำผมยังไม่ได้อ่านบัญญัติมาเยอะ อย่างเช่น วิหงสาวิตก คำนี้ผมไม่เคยได้ยิน
คือยอมรับตรงๆหงะ ได้ภาษาชาวบ้านหน่อยก็ดี

 

โจทย์ ยาก ไปเป่า

ถ้าลูกพี่ ไม่แพลม เหนอาการ วิญญานสิง ว่าเหน
แบบไหน

มันจำเปนอะฮับ ที่จะต้อง ให้ลวกพี่ ไปทำกังขา
ที่ตรึงอยู่ให้หลุด

ไปอ่านบาลีเพิ่มบ้าง เอาใจ จขกท พุทธวจน เขาหน่อยนึง

 

ให้แพลมอะไรหว่า ก็มันแค่นี้หงะ คือจะให้บรรยาเป็นหน้ากระดาษแบบครูบาอาจารย์นี่คงไม่สามารถ ปัญญามันตันในเรื่องอรรถกถาขยายความให้ยาวววว สภาวะจริงๆมันก็มีแค่นั้นแหละ
อย่างที่เคยบอกไปก่อน สัพเพธรรมมาอนัตตา ปัญญาก็เช่นกัน ไม่ใช่ว่าของแบบนั้นมันจะเกิดตลอดเวลา

 

งั้นปล่อยไปก่อง

วิหิงสาวิตก น่าสนใจเนาะ อ่านไว้เล่นๆ ก็ได้

เดี๋ยว จขกท เขาดูออกน๊า ว่า มี สมาธิไม่ถึงฐาน
ถ้าไม่อ่านเอาไว้

ขออย่างเดียว เวลาอ่าน หรือ ฟังธรรม ให้วางจิตลง ไม่ใช่......

พอพระเทศนา เวลานี้เป็นเวลาฟังธรรม

พวกกลัวสัญญา เขาจะรีบ บริกรรม เอาสมาธิ อัปปนง อัปปนา
แล้วค่อย ถอย มาพิจารณาธรรมะ(ฟังธรรม)

พอพระกระแอมกำลังจะเทศน์

งุโง งุโง งุโง แล้ว จิตฮวม
อั๊บแอ้ อั๊บแอ้ อั๊บแอ้ อั๊บแอ้ อั๊บแอ้ แล้ว จิตฮวม

พระถาม ทำอะไร

ผมบริกรรม เอาสมาธิ ไม่งั้น พิจารณาธรรม จิต เวทนา กายา แล้วจะเป็น สัญญาทั้งนั้น อ้า !!!

 

ดิน น้ำ ลม ไฟ ธาตุ 4 ที่คนโบราณพูดต่อๆกันมา เราก็รู้จักใช่มะ เรารู้จักดินน้ำลมไฟกันทุกคน อืม....

อธิบายอย่างไรดี........ เมื่อถึงเวลา เหตุปัจจัยมันพร้อม ดินน้ำลมไฟ เราจะมองเห็นอยู่ในตัวเรา มันจะเข้าใจมากขึ้น เหมือนเข้าใจที่มาของดินน้ำลมไฟ แต่อารมณ์นี้เกิดได้ จิตต้องเป็นพระ อย่าพึ่งคิดไปไกลนะไม่ได้หมายถึง บรรลง บรรลุอะไร จิตเป็นเป็นพระ คือจิตที่ปราศจากนิวรณ์

วิญง วิญญาณ ไม่รู้จักอะ อ่านบัญญัติแล้วปวดหัว เห็นคือเห็น ไม่เห็นคือไม่เห็น เข้าใจคือเข้าใจ ไม่เข้าใจก็ปฏิบัติ

ธรรมมีแค่นี้เอง

 

แจ่มเลยครับ

 

ดูเกิดดับนี่เริ่มต้นดูยังไงครับ แล้วที่เกิดรี่เกิดจากตรงไหน ดับไปที่ไหนครับ แนะนำหน่อยครับอยากฟัง ขอบคุณครับ