,,กฎของเมอร์ฟี่มีทีเด็ดยังไง,,

เคยรู้สึกไหม...ว่าเวลาไปต่อแถวเข้าคิวทีไร

​

แถวอื่นจะสั้นกว่าแถวที่คุณอยู่ทุกที หรือเวลาเรียกช่างมาซ่อมของใช้ เจ้าเครื่องตัวดีกลับทำงานเป็นปกติหน้าตาเฉย (แต่พอช่างกลับไปเท่านั้นเจ้าเครื่องตัวแสบก็ออกอาการทันที)

​

นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของกฎที่มีชื่อเรียกรวม ๆ ว่า กฎของเมอร์ฟี่ (Murphy’s laws)
​

กฎของเมอร์ฟี่ที่คลาสสิกที่สุดและรู้จักกันดีที่สุดบอกว่า



​

“ถ้าอะไรสามารถเกิดความผิดพลาดได้ละก็มันจะต้องเกิดขึ้นแน่” (ยิ่งกว่าแช่แป้ง)

​

กฎข้อนี้คล้ายกับรัฐธรรมนูญตรงที่มีกฎย่อยตามออกมาเป็นพรวนเหมือนกฎหมายลูก เช่น

​

“ถ้าหากความผิดพลาดมีได้แบบเดียว มันก็จะเกิดในช่วงเวลาที่ทำให้คุณยับเยินที่สุด” แต่​

“ถ้าหากความผิดพลาดมีได้หลายรูปแบบเจ้าตัวที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายมากที่สุดจะเกิดก่อน”



​

ส่วนกฎของเมอร์ฟี่สไตล์ฟิสิกส์ควอนตัมจะบอกว่า

​

“ความผิดพลาดทั้งหมดจะมาเป็นก้อน ๆ ในคราวเดียวกัน”









​

ค่าคงที่​

กฎของเมอร์ฟี่มีความหลากหลายมากและดูเหมือนว่านับวันจะแตกไลน์ออกไปทุกที เช่น ​

พฤติกรรมมนุษย์​

“ถ้าคุณบอกใครสักคนว่าในจักรวาลมีดาวนับแสนล้านดวง เขาจะเชื่อคุณในทันที แต่ถ้าคุณบอกเขาว่าที่นั่งนี้สียังไม่แห้ง เขาจะแอบแตะมันก่อนจึงจะเชื่อคุณ”​

ตำรวจกับการสืบคดี​

“ยิ่งมีผู้เชี่ยวชาญมากเท่าไร (สังคม) ก็ยิ่งสับสนมากเท่านั้น” (ฟังแล้วคุ้น ๆ ไหมเนี่ย?)​

เวลาและนาฬิกา​

“นาฬิกาเดินเร็วขึ้นเมื่อคุณรู้สึกเพลิดเพลิน” (น่าเปรียบเทียบกับคำกล่าวของไอน์สไตน์ที่ว่า “ถ้าคุณนั่งอยู่กับสาวสวย 1 ชั่วโมง คุณจะรู้สึกเหมือนแค่ 1 นาที แต่ถ้าคุณเอามือวางบนเตาร้อน ๆ แค่ 1 นาที คุณจะรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปเป็นชั่วโมง”)​

ผู้หญิงในฝันของผู้ชาย​

“มันสมอง X ความงาม X จำนวนคนที่เหลือให้เลือก = ค่าคงที่”​

​

ถ้าหากทุกอย่างดูราบรื่นแล้วละก็ แสดงว่าคุณต้องลืมอะไรไปบางอย่างแน่ๆ​

ใครคิดกฎของเมอร์ฟี่

​

กฎที่สุดจะดัง (ในหมู่ฝรั่ง) นี้ มีหลายคนแย่งเครดิตกันไม่น้อย แต่ถ้ายึดตามตำนานที่น่าเชื่อถือที่สุด (ซึ่งรางวัล “โนเบลเพื้ยน” ก็เชื่อตามนี้) คงต้องย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2492 ที่ฐานทัพอากาศเอ็ดเวิร์ค (Edwards Air Force Base) ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย

ตอนนั้นรัฐบาลมะกันดำเนินโครงการ MX981 ซึ่งทดสอบว่าคนเราสามารถทนแรงที่เกิดจากความเร่งได้มากน้อยแค่ไหนในการชนกระแทก ในการทดสอบครั้งหนึ่ง เอ็ดเวิร์ค เอ. เมอร์ฟี่ (Edward A. Murphy) วิศวกรในโครงการได้พบว่า อุปกรณ์ตรวจวัดทั้งหมดถูกติดตั้งอย่างมั่วซั่วทำให้การทดสอบไม่ได้ผล เมอร์ฟี่เลยโพล่งต่อว่าช่างเทคนิคที่รับผิดชอบขึ้นมาว่า “ถ้าหากจะมีวิธีการต่ออุปกรณ์อย่างผิด ๆ แล้วละก็ ไอ้หมอนี่จะหามันจนเจอ”​

​

​

​

การทดลองของ สแตปป์​

หลังจากนั้นไม่นาน คุณหมอจอห์น พอส สแตปป์ (Dr. John Paul Stapp) ซึ่งอาสาทดสอบเอง ได้แถลงข่าวเมื่อการทดสอบเสร็จสิ้นว่า การที่โครงการนี้ประสบผลสำเร็จนั้นเป็นเพราะได้ตระหนักถึง “กฎของเมอร์ฟี่” และพยายามทุกวิถีทางที่จะหลีกเลี่ยงกฎข้อนี้.......พอนักข่าวนำไปเขียน.......ผู้คนก็พากันอ้างถึง........จากนั้นกฎนี้ ก็ฮ็อตฮิตติดปากคนจนถึงเดี๋ยวนี้







​

ยิ่งเกลียดยิ่งต้องใกล้​

มีเหมือนกันที่กฎของเมอร์ฟี่ให้คำแนะนำ “ดี ๆ” ไว้ เช่น
“อย่าได้เสียเวลาทะเลาะกับคนโง่ ๆ เพราะคนอื่นอาจแยกความแตกต่างไม่ออก!”
แต่ก็ดันมีกฎของเมอร์ฟี่อีกข้อหนึ่งที่บอกว่า
“รู้กฎของเมอร์ฟี่ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้”

​

ไม่มีอะไรง่ายอย่างที่คิดหรอก หรือทุกเรื่องจะใช้เวลามากกว่าที่กะไว้เสมอ​

​

ยิ่งเกลียดแค่ไหน ยิ่งอยู่ใกล้แค่นั้น​

​

ต่อคิวทีไร เข้าแถวผิดไปเสียทุกที​

ยิ่งเขี่ยให้เข้าใกล้หลุมแค่ไหน ลูกบอลก็ยิ่งมีทางเลี้ยววกหลบหลุมได้หลายแบบมากแค่นั้น

ไม่ได้ออกจากปากของเมอร์ฟี่​

​

ใครที่สนใจวิทยาศาสตร์อาจบอกว่ากฎของเมอร์ฟี่ไปกันได้กับกฎข้อที่ 2 ของเทอร์โมไดนามิกส์ (the second law of thermodynamics)ที่ว่าระบบต่าง ๆ จะมีแนวโน้มมุ่งสู่ความยุ่งเหยิง (ที่เขียนไว้นี้เป็นการพูดแบบง่าย ๆ เพราะถ้าจะให้ถูกต้องจริง ๆต้องพูดว่า ระบบโดดเดี่ยวจะมีค่าเอนโทรปีไม่ลดลง) แต่นักวิทยาศาสตร์บางท่านก็ทักว่า กฎของเมอร์ฟี่นี่มันของเก๊ เพราะดันไปเน้นเฉพาะเรื่องยุ่ง ๆ ที่เกิดเป็นครั้งคราว ทีเรื่องปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นบ่อยกว่ากลับไม่พูดถึง อย่างนี้คงเป็นเพราะเราใช้ “ความรู้สึก” เข้ามาปนไม่น้อย คล้ายจะทึกทักว่าเรื่องดี ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา (ซึ่งฉันต้องได้รับอยู่แล้ว) แต่เรื่องผิดพลาดทำให้ฉันเดือดร้อน (ก็เลยต้องโวยซะหน่อย) แต่ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งก็คือ



​

“กฎของเมอร์ฟี่ทั้งหมด (ยกเว้นเพียงข้อเดียว)ไม่ได้ออกมาจากปากเมอร์ฟี่เลยแม้แต่น้อย”


​

ข้อสังเกตนี่มีบางคนยกระดับให้เป็นกฎของเมอร์ฟี่อีกข้อหนึ่งเช่นกัน!




ผู้เขียน ดร. บัญชา ธนบุญสมบัติ ฟิสิกส์ราชมงคล

เก็บมาจาก : ���ͧ������� ���ԡ���Ҫ���
​