อารมณ์ที่ส่งผลให้เกิดเป็นมาร

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 24 เมษายน 2016.

  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    สมเด็จพระอักโษภายพุทธเจ้า ทรงตรัสว่า..

    "เรามาวันนี้ เห็นแก่เธอทั้งหลายที่ตั้งใจทะนุบำรุงพระศาสนาในองค์สมเด็จพระศากยมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้า

    เวลานี้มารที่มาพร้อมกับดวงดาวมฤตยูได้เข้ากำกับจิตมนุษย์ให้ คิด พูด และทำ ในสิ่งที่เป็นกรรมใหม่ ส่งผลให้ไปเป็นพวกของเขา

    สิ่งที่ส่งผลให้เป็นมาร ด้วยอารมณ์เหล่านี้ คือ

    ๑.เริ่มจากความไม่ชอบใจ ไม่พอใจในสิ่งที่ผู้อื่นทำ เนื่องจากไม่ตรงกับจริตของตน

    หากปรับใจ เข้าใจว่า มนุษย์ทั้งหลายมีบุญมาไม่เท่ากัน ย่อมมีสติปัญญาต่างกันเป็นธรรมดา แล้ววางอุเบกขา สงเคราะห์ได้ก็สงเคราะห์ อย่างนี้ไม่เป็นมาร

    ๒.เมื่อความไม่ชอบใจ ไม่พอใจเกิดขึ้นบ่อยๆ เรื่อยๆ ก่อให้เกิดความพยาบาทในใจ มีอคติเกิดในจิต

    หากเวลานี้ มีครูบาอาจารย์หรือผู้รู้มาตักเตือน หมั่นฟอกจิตของเราให้สะอาด อย่างนี้ไม่เป็นมาร

    ๓.เกิดความคิดว่า เออเราหนอ เป็นผู้ที่มีความดีอย่างนี้ อย่างนี้ เวลานี้เราสร้างบุญใหญ่ ใครๆ ก็ย่อมโมทนาบุญกับเรา หรือบุญแบบนี้ไม่มีใครสามารถทำได้เหมือนเรา หรือเราเป็นผู้ปิดบุญใหญ่ ย่อมได้บุญมากกว่าใครๆ มนุษย์ และเทวดา ต่างยกย่องสรรเสริญแก่เรา

    หากมีผู้ให้สติเตือนว่า การสร้างบุญใหญ่เราทำเพื่อบำรุงพระศาสนา เพื่อสงเคราะห์โลก เพื่อสงเคราะห์ผู้อื่น เป็นทางเดินไปสวรรค์ แล้ววาง อย่างนี้ ไม่เป็นมาร

    (การวางคือ วางอุเบกขา แม้แต่ความดีของตน)

    ๔.เมื่อมีจิตคิดสรรเสริญตนเองว่า ตนมีบุญบารมีเหนือผู้อื่นแล้ว ยิ่งได้รับการยกย่องสรรเสริญจากผู้อื่นแล้ว ต่อไปเมื่อเห็นผู้ใดก็ตามได้สร้างบุญใหญ่ทัดเทียมกับตน ย่อมเกิดความไม่พอใจ ไม่ชอบใจ แยกตามความละเอียด ๒ ประการ คือ

    ๔.๑ไม่ชอบใจแต่เก็บไว้ในใจ หาทางแข่งขันกับผู้อื่นแบบเงียบๆ เก็บสะสมความรู้สึกไม่ชอบใจ และแข่งขัน เมื่อตนทำดีกว่า ก็รู้สึกยินดี

    หากมีครูบาอาจารย์ตักเตือน และแก้ไขจิตนี้ได้ทัน หมั่นชำระจิต ฟอกจิตของตนให้สะอาด มีจิตเมตตาและพลอยยินดีในความดีของผู้อื่น กลับตัวกลับใจได้ทันอย่างนี้ไม่เป็นมาร

    ๔.๒ ไม่ชอบใจ และป่าวประกาศให้ผู้อื่นไม่ชอบตามความเห็นของตน ใส่ร้ายป้ายสี ยุยงให้ผู้อื่นคล้อยตามตน โดยแสร้งทำความดี เพื่อให้เห็นว่า ตนเป็นคนดี มีศีล สร้างบุญใหญ่ อาศัยความศรัทธาตรงนี้ ชักนำผู้อื่นให้ไม่ชอบตามตน

    เมื่อมีข่าวจากฝ่ายตรงข้ามกลับทำให้เรื่องราวกลับใหญ่โต ส่งผลให้อีกฝ่ายท้อถอย สลดใจในการสงเคราะห์ผู้อื่น เท่ากับเป็นการตัดความเจริญในธรรมแก่ผู้อื่น

    กรณีนี้ ไม่สามารถกลับใจให้เป็นฝ่ายธรรมะได้

    เนื่องจากจิตมืดดำ หมองมัว

    พญามารนั้นเฝ้าแสวงหาบุคคุลที่มีจิตมืดดำนี้ ไปเป็นสมุน หาได้ไปเป็นหัวหน้ามารไม่ เขาเก็บดวงจิตเหล่านี้เอาไว้ใช้งาน

    ผู้ที่มีจิตเป็นมาร โดยสมบูรณ์เกิดจากเหตุตั้งแต่ข้อ ๑-๔ หากไม่หมั่นชำระจิตของตน ตามลำดับข้างต้น ไม่พ้นจะต้องเป็นสมุนของมาร

    การเป็นพญามารนั้น ต้องสั่งสมจิตที่มืดดำเป็น ร้อยๆ อสงไขย ต้องสามารถเปลี่ยนมนุษย์ที่ดี มาเป็นพวกของตนไม่ต่ำกว่าแสนโกฎิ

    ลำดับของการเป็นมาร มีเป็น ๑๐๐ ลำดับ หาใช่สร้างบุญใหญ่แล้วไปเป็นพญามารไม่ มนุษย์บางคน อดีตเคยเป็นพญามารอยู่แล้ว มาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อเป็นไส้ศึกให้แก่เหล่ามาร มีการสืบทอดวิชาเรียกว่า ไสยดำ สัญญาเหล่านี้ เหมือนชิปที่ฝังไว้ใต้จิตสำนึกของผู้ที่เป็นไส้ศึก

    เมื่อเกิดมาแล้ว หากมีกุศลกรรมที่ดีส่งผล ได้พบครูบาอาจารย์ที่ดี ชิป (สัญญา) เหล่านี้จะถูกเลื่อนออกไป ไม่ส่งผล เปรียบเสมือนเราเติมน้ำให้มากๆ ในน้ำเกลือ เราจะไม่รู้รสเค็ม เนื่องจากน้ำมาก แต่เกลือไม่หายไปไหน แต่หากวันใด เราหยุดเติมน้ำ น้ำที่มีอยู่ระเหยไป เหลือแต่เกลือที่อยู่ เปรียบเสมือนผู้ที่ไม่ทำกรรมดี วันหนึ่งรสของความเค็มจะส่งผล เมื่อมนุษย์ผู้นั้นสะสมจิตที่มืดดำเรื่อยๆ วันหนึ่งเจ้าของชิบ (พญามาร) จะหาตัวเจอ เมื่อนั้น เขาจะเติมเกลือให้เรื่อยๆ จิตที่เคยเป็นแค่สีเทา กลับกลายเป็นดำขึ้นๆ ไม่สามารถแปรเปลี่ยนใจได้

    หากยังไม่ละโลก สิ่งเดียวที่จะรอดพ้นได้ คือ การเร่งปฏิบัติ เจริญวิปัสสนา และเร่งตนเองให้บรรลุธรรม และบรรลุมรรคผลพระนิพพานในชาตินี้ เพียงอย่างเดียว (ทรงตรัส รวมถึงผู้ปรารถนาพระโพธิญานด้วย)

    "การเป็นสมุนของมาร ต่างจากการทำผิดศีลแล้วตกนรก เพราะผู้ผิดศีล อาจจะเกิดจากความไม่รู้
    เมื่อขึ้นจากนรก ก็สามารถกลับตัวกลับใจได้ ต่างจากบุคคลที่มีจิตมืดดำ ไม่พอใจ ยินดีในคำตำหนิติเตียนของครูบาอาจารย์ และผู้อื่น"

    ดังนั้น เวลานี้ต้องหมั่นพิจารณาจิตตนเองว่า เรามีจิตประเภทใด เราเป็นผู้ที่มีศีลบริสุทธิ์ จิตที่ปราศจากความไม่พอใจผู้อื่น จิตที่มีแต่ความเมตตา และยินดีในความดีของผู้อื่น จิตที่อุเบกขาในวิบากกรรมของผู้อื่นหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ช่วยประคองให้พ้นภัยจากเหล่ามารได้

    วันนี้เราคงมีเรื่องเตือนพวกเธอ แต่เพียงเท่านี้

    ขอโมทนาสาธุการกับพวกเธอที่มีจิตอันเป็นกุศล ขอให้ตั้งใจรักษาความดีไว้ ส่วนใครที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นสมุนแห่งมาร ขอพึงชำระจิต ฟอกจิตของตนให้สะอาด เอาชนะเขาให้ได้ อย่าได้เป็นทาสเขาต่อไป

    ขอโมทนาสาธุการ..

    เครดิต : น้ำใส
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      0 bytes
      เปิดดู:
      223
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2016
  2. Armarmy

    Armarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +1,659
    ขออนุญาต ย่อความครับ

    เหล่ามารขนานแท้ คือผู้สั่งสมอารมณ์แห่งมิจฉาทิฐิไว้ในดวงจิตเสมอๆ

    เวลามาเกิดเป็นมนุษย์สัญญาแห่งมิจฉาทิฐิมันก็ติดมากับเจ้าของสังเกตุตัวเองได้เวลา คิด พูด ทำ ก็ผสมอำนาจมิจฉาทิฐิติดมาด้วย

    จะสำรอกออกได้ต้องใช้กำลังใจสูง
    ต้องตั้งใจมากที่จะเดินตามแนวทางของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ทางแก้มี แต่ถ้าใจไม่แข็งจริงก็กลับเข้าก๊กเดิม

    ส่วนด้านล่างนี้ประสบการณ์ตรง

    เรื่องเจอเหล่าอสูรมาชวนเป็นพวกมีอยู่จริง

    ผมเจอกับตัวแถมเขาจี้ถูกจุดเสียด้วยเล่นเอาเราหน้ามืดตามที่เขาจี้ทีเดียว ถึงขนาดปราถนาจะทำลายพระพุทธศาสนา

    เพราะอารมณ์ตอนนั้นมันขึ้นมาชัด โกรธ ว่าพระพุทธศาสนาไม่เห็นช่วยอะไรกูเลย

    อารมณ์มันขึ้นมาเองตั้งแต่ตื่น ตื่นมาปั้บคิดแบบนี้พร้อมมีความโกรธใหญ่อัตโนมัติทันที
    เขาแทรกเข้าทางอายตนะต่างๆ ได้

    เดือดร้อนครูบาอาจารย์ที่เป็นพระอริยเจ้า ต้องมากำกับอารมณ์ถึงที่ภายในวันนั้น

    ท่านบอกทางแก้ให้ด้วยทำกรรมฐานเย็น ใจเรามันร้อนนี่ไฟมันลุกแล้ว ต้องเอาน้ำดับ แก้ได้จริงครับ แต่ต้องทำให้ถึงกรรมฐานจริง ไม่ใช่ทำแป๊ปๆ แล้วมันจะคลายตัว

    พอมันโรยลงเห็นตัวเองชัด และเข้าใจว่าเขาใช้วิธีการแบบนี้มายั่วยุให้เรานี่แหล่ะเดินเข้าทาง มาร ด้วยตัวเองโทษเขาไม่ได้นะ เราโง่เอง

    เขาต้องการกำลังอย่างพวกพุทธภูมินี่แหล่ะไปเข้าพวก เพราะกำลังใหญ่

    ส่วนเรื่องเขามาชวนแบบไหนกี่วันกี่คืน มาลักษณะไหน งดเล่าเพราะมันพิลึกพิลั่นเกินวิสัยจะนำไปคิดวิเคราะห์ด้วยวิสัยปุถุชนธรรมดา

    แค่ย่อว่า ผมต้องอัดสมาธิแบบไม่ต้องหลับต้องนอน ทำงานพระ

    แต่ตั้งใจแล้ว เอาชีวิตทิ้ง ตายช่างมัน มันจะตายให้มันตายไปเลย สั่งตัวเองตลอดเวลาที่เจอเขายั่วแล้วเอาจริงนะครับ ตายคือตาย

    ทำจนได้ยินเสียงที่คนปกติไม่ได้ยินสั่งงานมาว่าให้ทำอะไรเป็นเสียงคนพูดชัด นี่ปกติเขาว่าบ้า

    แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้สำรอกออกขุดหาเหง้าในจิตไม่เจอ มันฝังลึก

    สุดท้ายเรานี่แหล่ะเลวที่สุดแต่ผู้เดียว เรานี่แหล่ะโง่เอง เชื้อแห่งความเลวที่เราสั่งสมมามันออกผลต่างหากจึงเป็นเช่นนั้น ตามกฏแห่งธรรมดา

    คำใดที่เป็นการไม่สุภาพบ้างขออภัยนะครับทุกท่าน

    เจริญในธรรมครับ
     
  3. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    มารคือ มุมมืด ในใจคนครับ....อะไรๆที่ตนเองเคยทำผิดพลาดมา แล้วปกปิกเอาไว้ กลัวคนรู้..นั่นก็ส่วนหนึ่งของมาร สิ่งใดที่เคยเห็นผิดเป็นถูกนี่ก็ส่วนหนึ่งของมาร อันไหนที่เคยตัดสินใจผิดพลาด พลาดหวัง เสียใจ ช้ำใจ นี่ก็ส่วนหนึ่งของมาร ในมุมมืดในใจนั้นครับ


    มารคือ อวิชชาในใจตนครับ...แต่ผมก็อยากเป็นพญามารกำจัดคนชั่วครับ
     
  4. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ขอบคุณครับ คำสอนหรือภาพ ภาษา ตำรา ก็ยังมีไห้เราได้ศึกษาเรียนรู้ ปฏิบัติกัน
    ทำไมไม่จำ นำมาปฏิบัติกัน ต้องให้เป็นกระแสก่อนใช่มั้ย ถึงจะเข้าใจ
    กัน แม้เป็นกระแส ความจริงก็มี แต่ก็ยังเห็นผิดกันอยู่อีก เฮ้อมนุษย์
    ผมรู้ล่ะนี่แหละเหตุผลที่ดีที่สุด สร้างกระแส สร้างโลโก้ อีเว้น หรือปาตี้ดี ถึงจะเข้าใจกัน
     
  5. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,342
    ค่าพลัง:
    +4,818
    ผมก็โดน Dark Side เข้าเล่นงานครับ จนเริ่มจะเชื่อว่าพวกเขานั้นมีอยู่จริง เล่นงานได้เป็นจังหวะเวลา แถมรู้จุดที่จะพังเราด้วย
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,301
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,451
    พญามารมีจริงหรือ


    มารผู้ยิ่งใหญ่ภายใน ชื่อ อติมานะเทพ เป็นความใฝ่สูงของมนุษย์

    สามารถนำเข้าสู่ชั้นสูงสุดแห่งสวรรค์คือชั้นปรนิมมิตวสวัตตี เหตุนี้ จึงเรียก
    พญามาราธิราช

    ถ้าสลัดตัณหาอวิชชาได้เมื่อใด เมื่อนั้น พญามาราธิราช ก็จะสำเร็จเป็น
    พระสัพพัญญูพุทธเจ้า

    แท้จริง เบญจขันธ์นั่นแหละ พญามาราธิราช

    เหตุนั้น จึงกล่าวว่า พิชิตมารพร้อมเสนาแล้วครอบครองเขตแดนแห่งมารอยู่


    -----------


    สมัยเมื่อธิดาพญามารได้กล่าวว่า ข้าแต่สมณะ หม่อมฉันขอบำเรอ

    พระสมณะโคดมผู้ทรงระงับดับนามรูปแล้ว ตรัสว่า เราชนะเสนามาร คือ
    ปิยะรูป สาตรูป เป็นผู้เดียวเจริญฌาณได้ความสงบแห่งหทัย

    เมื่อตถาคตนำชนทั้งหลายไปโดยธรรม

    ไฉน ความอิจฉาจักมีแก่ท่านผู้รู้เล่า
     
  7. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    มนุษย์สมัยนี้ แค่หิริกับโอตตัปปะ ก็แทบจะหาไม่เจอแล้วครับ โกหกกันไปเรื่อยเปื่อย โกงกันเป็นว่าเล่น คุณธรรมเบื้องต้นแค่นี้ยังไม่มี แล้วจะเอาอะไรไปสวรรค์กันละครับ แค่สวรรค์ยังไปไม่ได้จะเอาอะไรไปเป็นมาร มารเขาอยู่สวรรค์ชั้นสูงๆโน่นไม่ใช่หรือครับ
     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,301
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,451
    พญามาร มีจริงหรือ??

    บุคคลประกอบกิจการใด ถ้ามีอุปสรรคมาขัด่ขวาง ก็มักกล่าวว่า " มารรังควาญ"

    อันว่า มารผจญ คน่ตามล้างผลาญนี้ จัดเป็นมารภายนอก
    ท่านกล่าวว่า เทพบุตรมาร
    ได้แก่ ผุ้ต่ำกว่าตน , ผู้เสมอตน, ผู้สูงกว่าตน, บุตร,ภรรยา, พ่อ,แม่,มิตร,สหาย,ญาติ,พี่น้อง, ทรัพย์,สมบัติ

    มารตัวนี้กำจัดได้ด้วยอำนาจพรหมวิหารสี่
     
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,301
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,451
    พญามาร มีจริงหรือ?

    บุคคลใดกระทำกิจการใดไม่ได้ดังใจคิด เหตุว่า สังขารมันไม่ให้
    สติปัญญาไปไม่ไหว ก็เพราะ มารภายใน อันได้แก่ อุปาทานขันธ์ห้า เรียกขันธมาร ป่ระกอบด้วยรูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์
    มารตัวนี้กำจัดได้ด้วย อำนาจการเว้นอกุศลกรรมบถสิบ แล้วบำเพ็ญบุญกิริยาวัตถุสิบ
     
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,301
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,451
    พญามาร มีจริงหรือ?

    สังกิเลสสิบแปดเหล่า อันมีอวิชชากับตัณหาเป็นศีรษะ เรียก กิเลสมาร

    ประกอบด้วย กิเลสสิบ , มิจฉัตตะสิบ, โลกธรรมแปด, มัจฉริยะห้า, วิปลาสาม,
    คันถะสาม,อคติสี่, อาสวะสี่,โอฆะสี่,โยคะสี่,นิวรณ์ห้า, ปรามาสหกสิบสอง,อุปาทานสี่,อนุสัยเจ็ด,มลทินสาม, อกุศลกรรมบถสิบ,อกุศลจิตตุปปบาทสิบสอง, รวมเรียก " ปหาตัพพธรรม"

    เป็นมารอันพึงกำจัดทิ้งโดยพลัน ด้วยอำนาจ"เอกายนมรรค"
     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,301
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,451
    พญามารมีจริงหรือ

    เมื่อกิจการที่คิดไว้ยังทำไม่สำเร็จก็มาตายไปเสียก่อน ข้อนี้เรียก "มัจจุมาร"

    ได้แก่ การทำกาละ มรณะ ความตาย ความแตกแห่งขันธ์ ความทำลาย ความหายไป ความสิ้นอายุขัย มัจจุราช มฤตยู ความขาดแห่งชีวิตินทรีย์

    มารตัวนี้กำจัดได้ด้วยอำนาจแห่งอิทธิบาทสี่
     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,301
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,451
    พญามารมีจริงหรือ

    กรรมสัมปยุตเจตนา เป็นเหตุปัจจัยให้เกิดอุปาทานขันธ์ห้าตัวทุกข์ ขึ้นมาใหม่

    เรียก " อภิสังขารมาร "

    ได้แก่ อปุญญาภิสังขาร ปุญญาภิสังขาร อเนญชาภิสังขาร


    มาตัวนี้ กำจัดได้ด้วยอำนาจสัจจะสี่ที่เป็นโลกุตตรมรรค
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,301
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,451
    พญามารมีจริงหรือ

    มารทั้งหมด ปรากฏโดยความเป็นมารภายนอกกับมารภายใน ดังนี้

    แท้จริง สัมมาทิฏฐิกับมิจฉาทิฏฐิ เรียกว่า อำนาจฝ่ายสูงกับอำนาจฝ่ายต่ำ

    ย่อมมีประจำอยู่ภายใน


    พุทธะกับพญามาร ต่อสู้อยู่ในกาย
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,301
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,451
    พญามารมีจริงหรือ?(ต่อ)


    ปางตรัสรู้แห่งพระบรมครูผู้โคดม ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ ณ พุทธคยา

    ท่ามกลางความมืดแห่งราตรี มีฝนปรอย

    มีมารแปลงเพศเป็นพญาช้างมาคุกคาม พระตถาคตตรัสว่า ดูกร มาร
    ท่านแปลงเพศทั้งงามและไม่งามคุกคามเรา เราไม่กลัว

    เบญจขันธ์่นี้เราไม่อาลัยแล้ว

    ทีนั้น พญามาราธิราชหลีกหนีไป

    พระพุทธองค์ทรงเปล่งอุทานว่า
    ... " ชนใดสำรวมดีแล้วย่อมไม่ตกอยู่ในอำนาจมาร "
     
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,301
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,451
    พญามารมีจริงหรือ?(ต่อ)


    ธิดาพญามารคือ นางตัณหา นางราคา นางอรตี แปลงเพศเป็นนารีรุ่นต่างๆ
    มาพัวพัน ..ดูกร สมณะ ท่านถูกเราผูกไว้ด้วยบ่วง ทั้งที่เป็นของมนุษย์และทิพย์ ท่านจักไม่หลุดพ้นวิสัยแห่งเรา


    พระสุคตโต้ว่า " เราพ้นแล้ว เรากำจัดท่านได้แล้ว เราพ้นได้แล้วด้วยดี่จาก
    ความอยาก ความมีค่า และชื่อเสียง

    ...เราหลุดพ้นจากเครื่องพันธนาการอันใหญ่แล้ว....
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,301
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,451
    พญามารมีจริงหรือ (ต่อ)



    ณ บัลลังค์สมาธิใต้ร่มไม้ในพระอารามเวฬุวัน ท่ามกลางความมืดแห่งราต่รีมีฝนปรอย มารแปลงเพศเป็นงูใหญ่มาคุกคาม พระสุคตตรัสว่า เราตัดอาลัยในอัตตภาพแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าย่อมไม่ต้องป้องกันอุปธิทั้งหลาย

    ยามใกล้รุ่งแห่งราตรี มารมาคุกคามว่า "ท่านนอนหลับหรือ? ื ท่านหลับเป็นตายหรือ? " พระสุคตทรงโต้ว่า " เราสิ้นตัณหาแล้วจึงพักผ่อน กงการอะไรของท่านเล่า มารเอ๋ย"


    ที่พระเชตวัน มารกล่าวว่า " ดูกรสมณะ คนไม่มีอุปธิหาเพลิดเพลินไม่"
    พระสุคตทรงแย้งว่า " คนไม่มีอุปธิหาเศร้าโศกไม่ "




    ที่เวฬุวัน มารกล่าวว่า " อายุของมนุษย์ยืนยาว คนดีไม่ควรหมิ่นอายุ"

    พระทศพลทรงแย้งว่า " อายุของมนุษย์นั้นสั้นนัก คนดีมีความรู้พึงหมิ่นอายุนั้น วันคืนผ่านพ้น ชีวิตรุกร้น อายุย่อมสิ้นไปเหมือนน้ำในสระน้อยเหือดแห้ง
    ฉะนั้น "
     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,301
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,451
    พญามารมีจริงหรือ (ต่อ )


    ค่ำคืนเดือนมืด หิมะตก ณ ภูเขาคิชกูฏ มารทำสิงหนาทพังภูผากลิ้งก้อนศิลาเสียงครืนครัน, พระพุทธองค์ทรงเข้าสมาธิอยู่ ได้ตรัสว่า " ดูกรมาร, แม้ท่านจะกลิ้งหินผาจนภูเขาคิชฉกูฏหมดไป ความหวั่นไหว ก็ไม่มีแก่เราผู้หลุดพ้น
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,301
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,451
    พญามารมีจริงหรือ (ต่อ )


    พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมที่พระเชตวัน ลำดับนั้น มารเข้าไปประสงค์ทำให้สะทกสะท้าน พระชินะทรงตรัสว่า " ดูกรมาร ตถาคตเป็นวีระบุรุษองอาจในท่ามกลางบริษัท บรรลุทศพลญาณ ข้ามพ้นตัณหาเหตุพัวพันบรรลือสิงหนาทไม่หวาดหวั่น
     
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,301
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,451
    พญามารมีจริงหรือ (ต่อ )


    พระสุคตต้องสะเก็ดหินที่พระบาทด้วยอำนาจบุพกรรม ทรงบรรทมที่มัททกุจฉิมิคทายวัน ถูกมารคุกคามเอา ทรงโต้ว่า
    .." ดูกรมาร เราไม่ได้นอนด้วยความเขลา ไม่มัวเมาคิดกาพย์กลอน เราบรรลุประโยชน์แล้ว เสพเสนาสนะสงัด เอื้อเอ็นดูหมู่สัตว์อยู่ เราพ้น่จากความยินดียินร้าย หมดความพอใจในรูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ ...แน่ะ มาร ....เรากำจัดท่านได้แล้ว..."
     
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,301
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,451
    พญามารมีจริงหรือ (ต่อ)


    ณ พระเชตวัน เมื่อพระพุทธศาสดาทรงแสดงธรรมอยู่

    มารแปลงเพศเป็นโค ทำบาตรพระภิกษุแตก
    ภิกษุเหล่านั้นไม่เป็นอันฟังพระสัทธรรม

    พระสุคตทรงเตือนสติว่า
    " ดูกร ภิกษุ นั่นมารมาเพื่อกำบังตาเธอทั้งหลาย "
     

แชร์หน้านี้

Loading...