จากกระทู้ร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องจักรพรรดิ์ล้านนา...สำเร็จแล้ว

มีเพื่อนที่ได้รับพระธาตุข้าวบิณฑ์ไปบูชา กลับมาบอกว่ามีคนเห็นแสงออกมาจากพระธาตุข้าวบิณฑ์ที่บูชาอยู่ครับ นั่นคงเป็นพุทธบารมีแห่งพระพุทธเจ้าเพื่อเป็นเครื่องแสดงว่าบารมีแห่งพระองค์ยังคงมีอยู่ตลอดยุคสมัยแห่งพระองค์
...พุทโธ อัปปะมาโน คุณแห่งพระพุทธเจ้าหาประมาณมิได้....

ท่านใดที่ได้อ่านกระทูนี้รบกวนท่านบอกบุญใหญ่ครั้งนี้ต่อๆกันด้วยนะครับ เพื่อการที่เนื่องด้วยสมเด็จองค์ปฐมท่านจักได้สำเร็จไวๆครับ

...โมทนามหาอนุโมทนากับทุกท่านที่ได้ร่วมบุญใหญ่ครั้งนี้กันครับ...

 

ได้รับพระธาตุข้าวบิณฑ์เรียบร้อยแล้วครับ
ขออนุโมทนาอีกครั้งครับ...สาธุ

 

ได้รับพระธาตุเเล้วครับ
...โมทนาอย่างสูง...

 

ท่านที่อยากได้พระธาตุข้าวบิณฑ์ขนาดใหญ่เอาไว้บูชาหรือทำน้ำมนต์ พรุ่งนี้ผมจะถ่ายภาพและตั้งกระทู้ใหม่ให้ร่วมบูชากันครับ
...รายได้ทั้งหมดร่วมสร้างพระถวายไว้ ณวัดผาลาดครับผม....

 

ขอร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมฯ + ขอรับพระธาตุข้าวบิณฑ์ บูชา 250 บาทครับ

ที่อยู่ แจ้งทาง PM แล้วครับ ....

 

พึ่งหาไฟล์ภาพเจอครับ

นี่ก็อีกหนึ่งผลงานในพระศาสนาที่ผมได้เป็นประธานและชาวเวปพลังจิตได้ร่วมมือกันครับ
....พระพุทธรูปหน้าตัก 12 นิ้ว แกะจากไม้สักกลายเป็นหิน บรรจุพระบรมสารีริกธาตุจำนวนมาก ถวายไว้ ณ วัดอรัญญวิเวก แม่แตง (พระอาจารย์เปลี่ยน)

 

ได้รับแล้วครับ ขอบคุณครับ
ขออนุโมทนาในกุศลทั้งหมดครับ

 

โอนเงินแล้วครับ 1050 บาท
ขอรับพระธาตุ 300 องค์ และพระธาตุองค์ใหญ่ด้วยได้ไหมครับ
ที่อยู่
นายวันชัย วงษ์สวัสดิ์
58/7 หมู่ 8 ต.บางจาก อ.พระประแดง
จ.สมุทรปราการ 10130

 

ขออนุโมทนาบุญครับ
ผมขอร่วมเป็นเจ้าภาพ1กองครับโดยโอนเงินแล้ว 1,059 บาท
ในวันที่ 26/Feb/08 Time13.19 ขอรับพระธาตุไว้บูชาครับ
กรุณาส่งที่อยู่
นาย สนธยา ขจรชัยชนะศักดิ์
37/1หมู่ 8 ม.ทรัพย์บัวหลวง ต.ตำหรุ อ.เมือง
จ.สมุทรปราการ 10280
<!-- / message --><!-- edit note -->

 

ขอบพระคุณครับหมอ....ที่เข้ามาเยี่ยมชมกระทู้ครับ

 

ได้รับพระธาตุแล้วคะ ขอขอบพระคุณสำหรับของขวัญเป็นกำลังใจอย่างยิ่ง
ขึ้นหิ้งพระแล้วตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้ได้พบวัดที่เหมาะสมจะถวายพระธาตุองค์ใหญ่
ถ้ามีความคืบหน้าอย่างไร จะส่งข่าวนะคะ
ขอให้คุณเพชรฉลุกันสมปรารถนาในทุกสิ่งที่ตั้งใจ ขออนุโมทนาในผลกุศลบุญคะ

 

โมทนาสาธุครับผม....ขออภัยท่านที่รอชมกระทู้อย่างยิ่งที่ยังไม่ได้ตั้งกระทู้ให้บูชาพระธาตุข้าวบิณฑ์ ขนาดใหญ่ เพราะกำลังดูอยู่ว่าพระอรหันตธาตุองค์อื่นอะไรบ้างที่จะให้บูชากัน
...ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่องานในพระศาสนาครับ.....

 

โมทนา...ขอให้สำเร็จตามเจตนาอันบริสุทธิ์ ในงานอันเนื่องด้วยองค์สมเด็จท่านเทอญ

 

<O วัดผาลาด(สกิทาคามี)</O
1. สถานที่ตั้ง<O</O
วัดผาลาดตั้งอยู่เลขที่ 101 บ้านห้วยผาลาด หมู่ที่ 1 ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่<O</O
2. อาณาเขตของวัด<O</O
ทิศเหนือ ประมาณ 700 เมตร จดเขตอุทยานแห่งชาติ
ทิศใต้ ประมาณ 300 เมตร จดเขตอุทยานแห่งชาติ
ทิศตะวันออก ประมาณ 450 เมตร จดเขตอุทยานแห่งชาติ
ทิศตะวันตก ประมาณ 450 เมตร จดถนนศรีวิชัย
<O</O
3. เนื้อที่วัด<O</O
ที่ดินของวัดมีทั้งหมด 217 ไร่ ตามที่แจ้งไว้ในใบกรอกประวัติ มีกุฏิสงฆ์อยู่ 9 หลัง
<O</O
4. นามเดิมของวัด<O</O
วัดสกิทาคามี
<O</O
5. ประวัติและความเป็นมา<O</O
วัดผาลาดเดิมสร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้ากือนา เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการเสี่ยงทายหาสถานที่ประดิษฐานพระบรมธาตุ ตามตำนานสร้างพระธาตุดอยสุเทพ ช้างที่อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุนั้น ได้เดินทางมุ่งตรงไปทางดอยอ้อยช้าง ทิศตะวันตกของเมือง พระเจ้ากือนาพร้อมทั้งพญาลิไทยจากเมืองสุโขทัย และเหล่าเสนาอำมาตย์ ก็แห่ฆ้อง กลอง ตามหลังช้างไป เมื่อไปถึงยอดดอยแห่งหนึ่งช้างก็หยุดและย่อเข่าลง พระเจ้ากือนาพร้อมทั้งบริวารต่างเห็นพ้องกันว่าควรประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ณ ที่นั้น ขณะที่ทุกคนกำลังสนทนากันอยู่นั้น ช้างก็ลุกขึ้นเดิน และหยุดย่อเข่าลงอีก (ภาษาเหนือเรียกอาการของช้างว่า ยอบลง ) ทำกิริยาอย่างนี้ 3 ครั้ง แล้วเดินต่อไปถึงผาลาดหรือห้วยผีบ้า (เรียกตามชื่อพระมหาเถรจันทร์ฯ อ่านรายละเอียดในประวัติวัดอุโมงค์ ) ข้างธารน้ำตกมีที่ราบเป็นบริเวณกว้าง จึงหยุดพักอยู่ชั่วระยะหนึ่งแล้วเดินทางต่อไปจนกระทั่งถึงดอยอ้อยช้าง และอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ญ สถานที่นั้น คือ วัดพระธาตุดอยสุเทพในปัจจุบัน
หลังจากสร้างพระธาตุดอยสุเทพเสร็จแล้ว พระเจ้ากือนา ทรงมีพระราชดำริให้สร้างวัดตามรายทางอัญเชิญเพื่อเป็นอนุสรณ์ ขึ้นอีก 3 แห่ง คือ
1.วัดโสดาปันนาราม หรือสามยอบ (เรียกตามอาการของช้างที่ย่อเข่าลง 3 ครั้ง ) ปัจจุบันเป็นวัดร้างบริเวณของวัดผาลาด อยู่ห่างจากสถานีโทรทัศน์สีช่อง 7 มาประมาณ 1 กิโลเมตร
2.วัดสกิทาคามีวนาราม หรือวัดผาลาด ( เรียกตามลักษณะของผาน้ำตกที่ลาดชัน ผู้เฒ่าผู้แก่บางท่านเล่าว่าเดิมเรียกวัดผะเลิด เพราะคนที่เดินตามช้างมาตามธารน้ำตกลื่นหกล้มกันหลายคน บ้างก็ว่าช้างก็ลื่นเหมือนกัน จึงให้ชื่อว่าวัดผะเลิด ต่อมาเรียกเป็นวัดผาลาด ตามชื่อน้ำตก)
3. วัดอนาคามีวนาราม หรือม่อนพญาหงส์ ปัจจุบันคือสันกู่ เป็นป่าช้าของวัดพระธาตุดอยสุเทพ ก่อนจะถึงโค้งขุนกันจะมรทางแยกเล็ก ๆ เข้าไปทางซ้ายมือ ( ยังสืบค้นที่มาของชื่อม่อนพญาหงส์อยู่ แต่สันนิษฐานว่า บริเวณดังกล่าวน่าจะมีหงส์ หรือนกยูงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และน่าจะสร้างมาตั้งแต่สมัยขอม หรือละโว้ เรืองอำนาจโดยท่านสุเทวฤาษี ก่อนสร้างเมืองหิริภุญชัย)
4.วัดพระธาตุดอยสุเทพ เป็นวัดอรหันต์ หลังจากทำบุญปอยหลวง ( ฉลองสมโภช)วัดทั้ง 4 แห่งแล้วมอบให้ชาวบ้านไปเป็นผู้ดูแลวัดทั้ง 4 แห่ง
<O</O
6. โบราณสถานภายในวัด<O</O
6.1วิหาร สร้างขึ้นในสมัยครูบาศรีวิชัยสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ โดยเลี่ยงจากฐานวิหารเดิมมาทางทิศใต้ เพื่อไม่ให้ฐานซ้อนที่กัน โดยมีสล่า (ช่าง)เป็นชาวพม่า ซึ่งล้วนเป็นลูกศิษย์ของครูบาเทิ้ม วัดแสนฝาง และครูบาสิทธิ วัดท่าสะต๋อย ( ดูจากหลักฐานชื่อที่ติดอยู่ที่เสาวิหาร ) ด้านหน้าบันวิหารแกะสลักเป็นรูปนกยูงสัญลักษณ์ของพม่า ส่วนด้านหลังแกะเป็นรูปกระต่าย อันเป็นปีเกิดของครูบาเทิ้ม ปัจจุบันป้านลม ช่อฟ้าหักลงมาเกือบหมด หลังคาก็ผุพังชำรุดหลายแห่ง เมื่อฝนตกจะเกิดการรั่วซึมเกือบทั้งหลัง
6.2 เจดีย์ เป็นศิลปะสมัยครูบาศรีวิชัยเช่นเดียวกัน แต่สร้างโดยช่างชาวพม่า กลุ่มเดียวกับที่สร้างวิหารงานจึงออกมาเป็นศิลปะแบบพม่า สันนิษฐานว่ารูปทรงน่าจะคล้ายกันกับ วัดมหาวัน ถนนท่าแพร เชียงใหม่ แต่สภาพปัจจุบันถูกขุดเจาะเอาของไปตั้งแต่สมัยสงครามโลก และสมัยหลังสงคราม จนเป็นเหตุให้ยอดเจดีย์พังลงมา องค์เจดีย์เป็นรูใหญ่ ควรได้รับการบูรณะอย่างเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นจะพังลงมามากว่านี้
6.3 บ่อน้ำ บ้างบอกว่าเป็นบ่อน้ำทิพย์ จากการสังเกตทำให้ทราบว่ามีการสร้างทับขึ้นหลายครั้ง จึงสันนิษฐานว่า ครั้งที่หนึ่งสร้างขึ้นโดยชาวสุโขทัยที่ติดตามงานบุญอัญเชิญพระธาตุร่วมกับพระเจ้ากือนา เพื่อเอาน้ำไว้กิน อาบ เป็นวิธีการกรองน้ำอย่างหนึ่งของคนโบราณ จะได้ไม่ต้องใช้น้ำจากลำห้วยโดยตรง ครั้งที่สองน่าจะเป็นสมัยที่พม่าครองเมืองเชียงใหม่ (ดูจากอิฐที่ปากบ่อน้ำ) และครั้งที่สามสมัยครูบาศรีวิชัย การสร้างมณฑปครอบบ่อน้ำนี้เป็นประเพณีที่นิยมทำกันในถิ่นชาวไทยใหญ่ และทางภาคเหนือของพม่า
6.4 พระพุทธรูปหน้าผา เดิมเป็นหอพระพุทธรูปที่สวยงามมาก คุณบุญเสริมถ่ายภาพไว้ เป็นวิหารสี่เหลี่ยมตามแนวผา ศิลปะร่วมสมัย มีผู้เล่าว่าสมัยก่อนพระที่อยู่ตรงหน้าผาเป็นพระแบบเชียงแสน และมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธ์องค์หนึ่งเรียกว่าพระไล่กา (เหตุที่ใช้ชื่อเช่นนี้เพราะว่า คนโบราณลงอาคมไว้เพื่อไม่ให้กา ที่เชื่อกันว่าเป็นสัตย์แจ้งเหตุร้าย และนิสัยไม่ดีไม่สามารถบินผ่านวัดขึ้นไปได้ เพราะพระพุทธรูปองค์ดังกล่าว จึงได้ชื่อว่าพระไล่กา แม้ผู้คนที่ขึ้นไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพ หากนำอาหารติดตัวมา หากเป็นเนื้อไม่ว่าสุกหรือดิบจะไม่สามารถเอาผ่านวัดนี้ไปได้ มักจะมีอาการปวดหัว ปวดท้อง ) ภายหลังมีชาวไทยใหญ่หลบภัยสงครามมาอยู่ที่ถ้ำผาลาดนี้ จึงพากันสร้างพระพุทธรูปไว้สักการะ และป้องกันภัย
6.5 วิหารพระเจ้ากือนา ปัจจุบันเห็นเพียงแต่แนวอิฐ อยู่ข้างลำธาร ตรงฐานพระประธาน ได้สร้างศาลาครอบเอาไว้ แต่ยังมองเห็นแนวแท่นพระอยู่ ขณะนี้วัดกำลังทำโครงการปรับภูมิทัศน์บริเวณดังกล่าวอยู่
6.6 วิหารวัดสามยอบ ปัจจุบันเห็นแต่เพียงเนินดินสูงจาพื้นประมาณ 1 เมตร กว้างประมาณ 20 คูณ40 เมตร มีอิฐกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ด้านหน้าของวิหารมีร่องรอยของสระน้ำอยู่ ในสมัยโบราณน่าจะมีทางน้ำไหลผ่านมาเข้าที่สระนั้น ซึ่งหากสามารถนำน้ำลงมา ณ ที่นั้นได้จะช่วยให้บริเวณของสามยอบ ม่อนภาวนา กลับชุ่มชื้น ต้นไม้ใบหญ้าจะสดชื่นขึ้นอีกมากมายนัก
<O</O
6.7 สภาพวัดในปัจจุบัน<O</O
นอกจากโบราณสถานข้างต้นแล้ว ยังมีกุฏิเสียงวัฒนา(กุฏิเจ้าอาวาส), กุฏิพระ 3 หลัง, กุฏิซิ้นเซีงหลี , กุฏิชมวิว , บ้านพัก 3 หลัง รวมทั้งสิ้น 9 หลัง
<O</O
7.รายนามเจ้าอาวาสและจำนวนพระภิกษุ<O</O
ในอดีตเป็นวัดร้างมีพระอยู่บ้าง ไม่อยู่บ้าง จึงไม่ได้มีการบันทึกไว้ ต่อมาเริ่มมีพระภิกษุจำพรรษาอยู่อย่างต่อเนื่องโดยเริ่มจาก 1. พระสวัสดิ์
2.พระพรหมศักดิ์ เดชะธัมโม
3.พระซันเตอ
4.พระมหาสง่า ธีรสังวโร (เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน)
<O</O
8. กิจกรรมของวัดที่มีต่อชุมชน<O</O
เนื่องจากตอนนี้วัดกำลังอยู่ในช่วงของการก่อสร้าง และปรับภูมิทัศน์ กิจกรรมของวัดที่มีต่อชุมชนจึงหยุดพักอยู่ชั่วขณะแต่จากการที่ผู้ทำรายงานได้สอบถามจากท่านเจ้าอาวาส ถึงกิจกรรมที่เคยทำก็ได้ทราบว่าวัดมีกิจกรรมมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน ดังต่อไปนี้
1.เป็นที่พักของเด็กด้อยโอกาส จากที่ผู้ทำรายงานเห็นและได้คุยกับท่านเจ้าอาวาส ก็มีประมาณ 6 คน ท่านเจ้าอาวาสเล่าว่าเด็กเหล่านี้ล้วนเป็นเด็กที่ด้อยโอกาสมาจากครอบครัวที่ยากจน ไม่ได้เรียนหนังสือ โดยหลักการที่ท่านเจ้าอาวาสทำอยู่ก็คือสร้างอาชีพให้กับเด็ก โดยใช้เกษตรวิถีพุทธ คือให้เด็กสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในขณะเดียวกันก็สามารถสร้างอาชีพได้ด้วยการทำการเกษตรแบบพออยู่พอกิน ซึ่งในอนาคตเด็กเหล่านี้ก็จะมีอาชีพและสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นปกติสุข
2.เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม สำหรับพุทธศาสนิกชนและบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจ เนื่องด้วยสภาพภูมิอากาศที่ดีเกือบทั้งปีทำให้เหมาะอย่างยิ่งในการนั่งสมาธิและการปฏิบัติธรรม โดยทางวัดได้จัดให้มีกิจกรรมนี้ทุกเดือน โดยผู้ที่สนใจสามารถติดต่อไปที่วัดได้โดยตรง
วัดผาลาดเป็นวัดเล็กๆที่มีความสงบและเป็นวัดที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการที่จะปฏิบัติธรรมเพื่อความสงบของจิตใจและก็ยังเป็นวัดที่เก่าแก่มีประวัติความเป็นมายาวนานอีกทั้งยังมีความเกี่ยวข้องกับวัดพระธาตุดอยสุเทพที่เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเชียงใหม่ เหมาะแก่การศึกษาสำหรับผู้ที่สนใจทางด้านประวัติศาสตร์ แต่เป็นที่น่าเสียใจว่ามีชาวบ้านบางกลุ่มได้บุกรุกที่ธรณีสงฆ์โดยใช้มาเป็นที่อยู่อาศัยซึ่งในความคิดเห็นของข้าพเจ้าคิดว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ความสงบของวัดหายไปพอสมควร แต่เนื่องด้วยท่านเจ้าอาวาสเห็นความสำคัญของความสงบ วัดนี้จึงยังเป็นวัดที่ยังมีความร่มรื่นและสงบเงียบเหมาะแก่การปฏิบัติธรรมอยู่ และประกอบกับวัดผาลาดเป็นวัดในเขตเมืองที่การเดินทางไปมาสะดวกสบายเหมาะแก่การไปปฏิบัติธรรมและการศึกษาธรรมอย่างยิ่ง
<O</O

 

ขอเล่านิดครับ....
เมื่อครั้งแรกๆที่ได้ไปคุยกับท่านพระอาจารย์สง่า ท่านเมตตาเล่าให้ฟังครับว่า...ณ วัดนี้เป็นที่จำพรรษาของพระอริยะเจ้ามากมายหลายองค์ เช่น พระมหาเถระจันทร์ พระอริยะเจ้าสมัยพระเจ้ากือนา พระครูอภัยสารทะ(ครูบาหลวงวัดฝายหิน)พระสังฆราชองค์แรกแห่งแคว้นล้านนาที่ทรงอภิญญาจิต รู้ภาษาสัตว์ต่างๆ ครูบาวงศ์ แห่งพระบาทห้วยต้มก็เคยมาจำพรรษาอยู่ที่นี่ตามคำสั่งของครูบาศรีวิชัย เมื่อครั้งสร้างทางขึ้นดอยสุเทพนี้และได้ประทับรอยพระบาทไว้บนแผ่นหินเพื่อเป็นศักดิ์ขีพยานแห่งพระโพธิญาณไว้ ณ ที่นี้ครับ....หรือแม้แต่ ฤาษีวาสุเทพก็เคยพำนักจำศีลอยู่ที่บริเวณนี้ เนื่องจากมีความสัปปายะเหมาะแก่การปฏิบัติธรรมยิ่ง
....และเมื่อไม่นานมานี้ หลวงปู่ท่านหนึ่งที่ทรงอภิญญาจิตอย่างยิ่ง(ขออภัยที่แจ้งนามท่านมิได้) เมื่อครั้งมาเชียงใหม่ อยู่ดีๆก็ให้ลูกศิษย์ท่านพามาที่วัดนี้ทั้งๆที่ท่านไมรู้จักและไม่เคยมาที่นี่เลย และยังพำนัก ณ วัดนี้ 1 คืน(แสดงว่าที่นี่คงมีอะไรดี)สำหรับลป.ท่านนี้รุ่นพี่ที่เคารพและนับถือลป.เขาเล่าให้ฟังครับ
...ประมาณต้นเดือนหน้า(มีนาคม)ผมจะหาฤกษ์สะดวก และจะทอดผ้าป่าถวายปัจจัยชุดแรก ประมาณ 50,000 บาท ให้กับทางวัดครับ
...หากสรุปวันแล้ว จะแจ้งให้ทราบ เพื่อท่านที่อยู่เชียงใหม่หรือใกล้เคียงจะได้มาร่วมทอดผ้าป่าครั้งนี้ได้ครับ
....ดีใจจริงๆครับที่จะได้สร้างองค์สมเด็จท่าน และขออนุโมทนากับทุกๆท่านที่ร่วมบุญครั้งนี้ และขอกุศลทั้งหมดนี้ จงถึงแก่เทวดาผู้รักษาพระธาตุข้าวบิณฑ์ทุกพระองค์ เทวดาผู้รักษาผู้ใจบุญทุกท่านที่ได้ร่วมบุญครั้งนี้ รวมทั้งท่านที่ได้อ่านกระทู้นี้ทุกท่าน จงทุกประการเทอญ.....

....ตฤณ.....

 

ท่านที่ยังไม่ได้รับพระธาตุคงเป็นวันจันทร์นะครับจะรีบจัดส่งให้ครับ...ขออภัยในความล่าช้ามา ณ ที่นี้ด้วยครับผม

 

สรุปแล้วครับว่าจะถวายผ้าป่าชุดแรก วัน พุธ ที่ 12 มีนาคม 2551นี้ครับ ณ วัดผาลาดสกิทาคามี (ทางขึ้นดอยสุเทพ)พร้อมกันนี้ก็จะได้ทำการบวงสรวง บอกกล่าวพร้อมกันเลยครับ
....กราบเรียนเชิญทุกท่านที่อยู่เชียงใหม่ที่ได้อ่านกระทู้นี้ หรือใครก็ตามอยากไปร่วมงานนี้ กราบเรียนเชิญครับ
...ติดต่อ สอบถามได้ที่ 086-654-4766 ตฤณ ครับ....
...กราบอนุโมทนาในกุศลที่พึงบังเกิดทั้งหมดครับ.....สาธุ

 

พระธาตุยังเหลืออีกมากมายครับ....ทุกท่านสามารถบูชได้เลยครับ
....อย่าลืม...หากมีเวลาวันที่ 12 มีนาคม นี้ช่วงเช้าประมาณ 9 โมงถึงเที่ยงครับ ร่วมทอดผ้าป่าและบวงสรวงบอกทั้ง 3 โลกให้ได้ทราบว่า พระรูปพระโฉมองค์สมเด็จองค์ปฐมต้นทรงเครื่องจักรพรรดิ์จะอุบัติขึ้นแล้ว ณ วัดผาลาด(สกิทาคามี)...เรียนเชิญอย่างพร้อมเพรียงกันครับ

 

ขออภัยอีกครั้งวันนี้ติดภาระกิจครับ พรุ่งนี้จัดส่งให้ ทุกท่านที่ยังไม่ได้รับพระธาตุข้าวบิณฑ์ครับ
....กราบขออภัยอย่างยิ่งมา ณ ที่นี้ครับ....

 

วันนี้ได้จัดส่งพระธาตุให้ดังนี้ครับ
1.คุณ อภิรักษ์
2.คุณ สนธยา
3.คุณ วันชัย(พร้อมพระที่บูชาไว้)
...เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ....