ลักษณะของคู่บุญ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย noonei789, 16 มีนาคม 2016.

  1. noonei789

    noonei789 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,079
    ค่าพลัง:
    +6,958
    คู่บุญคืออะไร

    ความหมายของคู่บุญนั้นก็คือ คู่ที่พากันเจริญไปอย่างเดียว พากันทำสิ่งที่ดีงาม พากันชำระกิเลส พากันศึกษาธรรม เจริญในศีลขึ้นไปเรื่อยๆ ดูแลเกื้อกูลกัน เป็นกัลยาณมิตรที่คอยตักเตือน สร้างเหตุแห่งการพ้นทุกข์ไปด้วยกัน


    คู่บุญเกิดมาได้อย่างไร?

    คู่บุญเกิดมาจากกรรมดีที่ทำมาร่วมกันมาหลายต่อหลายชาติ จึงเป็นเหมือนแม่เหล็กดึงดูดให้กลับมาทำดีร่วมกันต่อไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีคู่บุญที่พากันเจริญ เพราะการจะมีคู่ปฏิบัติธรรมนั้นต้องหยุดชั่วทำดีให้มากพอที่จะมีกรรมดีให้คงสถานะมิตรต่อไปด้วย

    การเป็นคู่รักกันนั้นยากยิ่งนักที่จะกลายเป็นคู่บุญ เพราะจะมีกรรมชั่วที่ร่วมกันเสพมากมาย ทั้งเอาแต่ใจ ทั้งทะเลาะกัน ทั้งตบตีกัน ทั้งสมสู่กัน ถึงจะพากันทำดีในบางช่วงของชีวิตแต่ก็ต้องมารับกรรมชั่วที่ทั้งคู่ทำอยู่ดี จึงทำให้เกิดผลเจริญได้ยาก เพราะจะมีรักกันบ้าง ชังกันบ้าง โกรธกันบ้าง เกลียดกันบ้าง อาฆาตกันบ้าง คู่รักจึงมีหนี้บาปหนี้กรรมที่ต้องให้มาชดใช้กันมากกว่าพากันไปเจริญ


    คู่บุญกัลยาณมิตร

    การเป็นคู่บุญนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อนต่างเพศ จะเป็นเพศเดียวกันก็ได้ วัยเดียวกันก็ได้ ต่างวัยก็ได้ ซึ่งก็คือคนที่เข้ามาเกื้อกูลกันและกันให้เจริญขึ้นไปในทางธรรม
    ยกตัวอย่างเช่นพระโมคคัลลานะกับพระสารีบุตร ท่านก็เป็นเพื่อนกัลยาณมิตรที่ปฏิบัติธรรมร่วมกันมาหลายชาติ เกิดชาติไหนก็มักจะเป็นเพื่อนกัน ช่วยเหลือกัน พากันเจริญร่วมกันอยู่เสมอ นี้คือลักษณะของนักปฏิบัติธรรมที่เกิดมาเป็นคู่ บำเพ็ญเพียรเป็นคู่
    ในกรณีต่างเพศหรือต่างวัยก็เช่นกัน สามารถเป็นคู่บุญได้ แต่ลักษณะของคู่บุญที่แท้จริงแล้วจะเอื้อให้เกิดมาเรียนรู้ร่วมกันด้วยโอกาสที่สะดวกที่สุด การมาเป็นเพื่อนนักปฏิบัติธรรมชายหญิงนั้นก็อาจจะไม่สะดวกนัก หรือในคู่ที่ต่างวัยกันก็อาจจะมีคนหนึ่งชิงตายไปเสียก่อน ดังนั้นคู่บุญที่บำเพ็ญบารมีร่วมกันมาหลายต่อหลายชาติมักจะเกิดในเพศและวัย รวมถึงองค์ประกอบต่างๆในชีวิตที่ใกล้เคียงกันเพื่อเอื้อให้เกิดการเจริญในธรรมได้ดีที่สุด


    คู่รักสู่คู่บุญ

    หัวข้อนี้อาจจะถูกใจคนอยากมีคู่รักและเจริญในธรรมไปด้วย แต่ก็ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะการเปลี่ยนจากคู่รักมาสู่คู่บุญนั้นจะต้องผ่านแบบทดสอบมากมาย
    ปฏิบัติไปเรื่อยๆหลายภพหลายชาติ ผู้หญิงที่สามารถทำลายภาวะของความเป็นหญิงในตนลงได้ ตัดเหตุแห่งความเป็นหญิงได้ ก็จะเปลี่ยนมาเกิดเป็นเพศชายได้
    ถ้าถามว่าคู่รักเช่นนี้ทำบุญได้ไหม ก็ตอบว่าได้ แต่ไม่สามารถทำได้ดีและเจริญได้เร็วเท่ากับคู่บุญที่เป็นเพื่อนกัน ถ้าเทียบกันแล้วก็เหมือนกับม้าที่วิ่งแข่งกับเต่า ดังนั้นหากจะเรียกคู่รักว่าคู่บุญนั้นก็คงจะไม่เข้าในความหมายของคู่บุญที่ยกไว้ในตอนต้น จึงสรุปว่าการยังอยู่ในภพของคู่รักนั้น จึงไม่เรียกว่าคู่บุญ เพราะยังมีเหตุในการทำบาปและความเสื่อมแห่งมิตรภาพอยู่ในความเป็นคู่รักนั้น



    ลักษณะคู่บุญบารมี

    หากชาติใกล้เตือนกันและกันตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ต่างฝ่ายต่างมีรูปร่างหน้าตาต้องใจเพศตรงข้าม พอมาเจอกัน ก็เอ็นดูเสน่หา หลงใหลในกันและกันรุนแรง ชนิดที่ใครอื่นหมื่นแสนก็ทำให้หลงไม่ได้เท่า หากชาติใกล้อาจจูงมือกันเข้าวัดเข้าวา ฝึกภาวนาให้เกิดความตั้งมั่นทางจิตใจ เจริญปัญญาให้แก่กล้าหวังความหลุดพ้นในที่สุดด้วยกัน ตั้งความปรารถนาว่าจะพบเพื่อเกื้อกูลกันให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ ไม่ขวางกันและกันในเส้นทางมรรคผล พอมาเจอกัน ก็เกิดความผ่องใส เย็นรื่น แค่อยู่ด้วยกันเฉยๆก็อาจเป็นแรงสะกิดอีกฝ่ายให้สงบลงจากทุกข์ และโน้มน้าวกันให้ใฝ่แต่เรื่องแสนดี งดงาม ไม่เป็นที่ระคายต่อกัน เจอพระสงฆ์องค์เจ้าก็แต่ที่ดีๆ ไม่ลุ่มหลงประเภทพาญาติโยมลงเหว
    คู่ที่หมั่นชวนกันภาวนาร่วมกัน ตะลอนๆ หาวัดด้วยกัน จะมีสายสัมพันธ์อีกลักษณะหนึ่งให้สัมผัสรู้สึก มีความละเอียดอ่อนลึกซึ้งยิ่งกว่าคู่รักประเภทที่กล่าวมาข้างต้นมาก คือนอกจากกระแสความเยือกเย็นที่สื่อเป็นสายสัมพันธ์เหนียวแน่นแล้ว ยังมีความอบอุ่นมั่นคงอีกชนิดหนึ่ง ให้ความรู้สึกโปร่งเบา ปลอดภัย และมีความแน่นอนกว่ากันมาก อยู่ร่วมกันนานๆแล้วเมื่อกระแสจิตจูนตรงกัน ทั้งในระดับของการมีใจเปิดเป็นทาน ช่างให้ทั้งทรัพยทาน อภัยทาน วิทยทาน ธรรมทาน ทั้งในระดับของการมีใจสะอาดเป็นศีล บริสุทธิ์สว่าง ห่างจากการคลุกกิเลสหยาบหนาทั้งในระดับของการมีใจตั้งมั่นเป็นสมาธิ มีความมั่นคงแน่วแน่ในภายใน เป็นที่พึ่งให้แก่กันและกัน รวมทั้งตัวเองได้ ทั้งในระดับของการมีใจปล่อยวางอย่างเป็นพุทธิปัญญา ไม่ยึดมั่นถือมั่นแม้ในกันและกันรุนแรง ไปไหนก็เป็นความชุ่มฉ่ำ สุกสว่างให้กับทุกที่ ทุกคนที่ใกล้ชิด

    การดึงกันปฏิบัติธรรมนั้นเป็นการสร้างแรงดึงดูดที่เหนือแรงดึงดูดด้วยกรรมร่วมชนิดอื่นใดทั้งสิ้นทั้งปวง เป็นตัวสร้างความนับถือกันและกันอย่างสูง เป็นตัวสร้างความสมานฉันท์กลมเกลียวที่แนบแน่นลึกลงไปถึงส่วนลึกที่สุดของจิตใจ
    แค่คู่ที่ร่วมกันทำบุญใส่บาตร ร่วมกันช่วยเหลือคนและสัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยากเป็นนิตย์ ก็ประจักษ์แล้วว่าความดีที่ทำร่วมกันเป็นสิ่งลึกลับ เป็นเชือกร้อยรัดที่เหนียวแน่น สร้างความรู้สึกระลึกถึงกันในทางดีงาม เห็นอีกฝ่ายแล้วเกิดความอ่อนโยนในใจ แต่คู่ที่ทำบุญในระดับตั้งใจถือศีลร่วมกัน ปวารณาตัวให้อีกฝ่ายตักเตือนได้เมื่อเห็นตนเขว ทำท่าจะด่างพร้อย จะยิ่งเกิดความคิดถึง ความผูกพันลึกซึ้งยิ่งกว่าคู่ที่แค่ทำบุญใส่บาตรร่วมกันไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยเท่า
    ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถสอนอีกฝ่ายให้ตั้งจิตเป็นสมาธิ สร้างตัวรู้ขึ้นมาได้ หรือเป็นสมาธิด้วยกันทั้งคู่มาก่อน เข้าที่ภาวนา นั่งสมาธิร่วมกันเสมอ จะเข้าใจความรักฉันหญิงชายอีกแบบที่ประหลาดมาก แค่อยู่ด้วยใกล้กันเฉยๆโดยไม่ต้องทำอะไรก็เหมือนเป็นแรงเสริมให้อีกฝ่ายเป็นสุขได้อย่างน่าแปลกใจ ยิ่งหากแต่ละฝ่ายรู้คิด รู้จักพูดจา ก็จะมีมิติของสัมพันธภาพที่หลากหลาย เวลาหนึ่งอาจคุยกันได้มากมายสารพัดเรื่อง อีกเวลาหนึ่งอาจรู้จักการอยู่ร่วมกันเงียบๆเพื่อฟังเสียงของใจแต่ละฝ่าย เมื่อคิดอะไรก็เหมือนจะรู้กัน เมื่อขยับนิดหนึ่งก็เหมือนเดาถูกว่าจะทำอะไร


    ดังตฤณ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2016
  2. มรรค 8 ประการ

    มรรค 8 ประการ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    884
    ค่าพลัง:
    +2,642
    สาธุในธรรมบทครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...