สงสัยว่าจะมีสิ่งติดตามกลับมา ทำยังไงดีคะ

เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวานไปทำบุญที่วัดสว่างบุญ แล้วระหว่างกินข้าวขากลับ จู่เราก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าแบบเหมือนหมาเน่าตายมาหลายวัน เหม็นมากจนแทบอ๊วก เราก็ทัก เอ๊ะ กลิ่นไรวะ แรงมาก ถามเพื่อน ไม่มีใครได้กลิ่นสักคน เราก็เริ่มรู้ตัว ปลอบใจตัวเองกับเพื่อนว่าอาจจะเป็นกลิ่นปลาร้า แต่สาบานได้ แม่ค้าไม่ได้เปิดกระปุกปลาร้า แล้วเราก็สาบานได้ว่า กลิ่นมันเหม็นเน่า ไม่ใช่ปลาร้าแน่ๆ กลิ่นปลาร้า เราคลุกคลีมาตั้งแต่เกิด

แล้วเมื่อเช้า จู่ๆ ก็รู้สึกตัว บรรยากาศรอบตัว คือแน่ๆ ยังไม่สว่าง ปกติ ตั้งนาฬิกาปลุก 6.30 แล้วที่รู้สึกตัวเพราะ ได้ยินเสียงเคาะกะเตียงไม้ ดังพอดู 3 ที เราอยู่คนเดียว แล้วเสียงนั้นมาได้ไง ข้างห้องไม่ใช่แน่ๆ ดังแบบบนหัว ข้างๆ หูเลย

เพื่อนแนะนำ อาจจะมีอะไรติดตามมา ทำยังไงดีคะ ปกติไม่กลัวนะ แต่ช่วงนี้กลัวจริง เพราะ ทั้งเข้า ร.พ รถเสีย เสียทรัพย์ ล่าสุดเมื่อเช้า รถชนต์อีก แบบเกิดขึ้นเรียงวันเลย เพื่อนแนะนำให้ห้อยพระ ทำยังไงคะ ทั้งเครียดทั้งสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ส่วนตัว ไม่ใช่คนปฏิบัติขนาดนั้นเลย

 

อิติปิ โส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธะตังโสอิ อิโสตัง พุทธะปิติอิ"

ท่องซะ

 

ส่งบุญให้เขาครับ

 

ใส่บาตร และสังฆทานให้เค้าค่ะ

 

จากประสบการณ์ตัวเองที่ต้องเฝ้าสามีก่อนที่จะเสีย ต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่หลายปี
มีครั้งหนึ่ง มีกลิ่นเหมือนตามดิฉันมาค่ะ เป็นกลิ่นเหม็นเน่าติดจมูกเลยค่ะ
และกลิ่นตามมาที่รถ วันนั้นกำลังจะกลับบ้านแล้วค่ะ คิดว่าใช่แน่ก็เลย
พนมมืออธิษฐานค่ะ ว่าดวงจิตใดที่ตามดิฉันมา
ดิฉันขอส่งอุทิศบุญที่เคยปฏิบัติมาตลอดชีวิตในภพชาตินี้
ให้พวกท่านได้รับ และขออนุโมทนาให้ท่านได้สู่ภพภูมิที่สูงขึ้น
หรือหากท่านต้องทุกข์เวทนาด้วยเหตุใดก็ตามขอให้ทุกข์นั้นหมดไป กลิ่นนั้นก็หายไปทันทีค่ะ

 

อุทิศส่วนกุศลสิ

 

ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเครียดอะไรเลยครับ ดีเสียด้วยครับ
ที่มีโอกาสที่เราจะได้ทำบุญครับ..ปกติถ้าเราทำบุญมา
จิตเราจะเกิดปิติ เป็นเหตุให้จิตเราคลายตัวชั่วคราว
ดวงจิตดวงวิญญานที่เค้าต้องการบุญ เค้าจะมองเห็น
เพราะว่าเค้าต้องการกำลังบุญหรือกระแสเย็นตรงนี้ครับ..
ที่เป็นปัญหาให้เราอย่างคาดไม่ถึงก็คือ เราคิดว่าเราทำบุญ
ไปแล้วเค้าจะได้รับเฉยๆครับ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สามารถ
เกิดขึ้นได้เป็นปกติครับ...
ถ้าเราทำบุญให้กับระดับสูงๆ เราแค่คิดก็ถึงครับ..
ถ้าเราให้กับระดับกว่านี้ลงนี้ จำเป็นที่เราจะต้องออกเสียงครับ
เพราะว่าเทพ เทวดา บางท่านไม่ได้มีความสามารถทางด้านหูพิเศษมาก่อน
การพูดออกเสียงก็ถือว่าครอบคลุมดีครับ...
แต่ที่มักสร้างกังวลให้เรา ก็คือ ดวงจิตที่กำลังจิตต่ำเนื่องจากกำลังจิต
เค้าน้อยมากครับ ทำได้อย่างมากก็มาเกาะอยู่ใกล้ๆแสงสว่างแสงบุญ
ที่ออกจากตัวเราที่เค้ามองเห็น แต่เค้าก็ยังไม่รับได้ครับ
จึงแสดงออกมาอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อสื่อให้เรารับทราบ
ไม่ว่าจะทางเสียง หรือ กลิ่นนั่นหละครับ...
และยิ่งบางดวงจิตที่เคยทำบาปมามาก และอยู่มานาน
ดวงจิตแม้เป็นกายร่างกายส่วนหนึ่งจะยังจมอยู่ในธรณีหรือในดินครับ
ดังนั้นวิธีแก้ปัญหา นอกจากเราจะพูดว่า ให้บุญที่เราทำแปรสภาพ
เป็นอะไรก็ตามตามแต่เค้าต้องการแล้ว หรือ พูดว่าขอให้บุญที่ข้าพเจ้า
ได้ทำมาตั้งแต่ชาติต้นยันชาติปัจจุบัน ขอให้ทุกท่านได้มีส่วนร่วมในครั้งนี้
เราต้องกรวดน้ำร่วมด้วยครับ(ก่อนทำขึ้นด้วยอำนาจคุณพระพทู
คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ก่อนนะครับ) เพื่อให้น้ำเป็นเสมือนตัวกลางในการส่ง
กระแสบุญของเราไปยังดวงจิตเค้าครับ..อีกอย่างหนึ่งเราก็เชื่อกันว่า
การกรวดน้ำเป็นการให้พระแม่ธรณีได้เป็นพยานในการทำบุญ
ของเราด้วยครับ...เรื่องกลิ่นรบกวนจิตใจ หรือ การรู้สึกร้อนวูบๆ
หรือ รู้สึกคันๆ หยิบๆเหมือนมีลมหมุนบริเวณหน่อง
บริเวณช่วงแขนที่ติดกับมือที่ลาม
มาถึงข้อศอกเราถึงจะหายไปครับ
ปล.ประมาณนี้ครับ

 

วิญญาณตามเรื่องปรกติ ครับ

ยิ่งเราไปทักด้วยนี่ ยิ่งชอบเกาะแน่นเลย เพราะถือว่าเอ๋ยปากแล้ว ก็เหมือน เปิดทวารรับเอาเข้าไป

แต่ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ทำบุญ ทาน ศีลภาวนา ถวายสังฆทาน แล้วอุทิศบุญกุศลกรรม เจาะจงถึงเค้า กลิ่นหรือ เจ้าของเสียงกลิ่นนั้นๆ ให้เค้าไป เดี่ยวก็ไปเกิดเป็นเทวดาเอง


เพราะว่า เค้าอยู่ลำบาก พอเห็นเราช่วยได้ สื่อถึงเค้าได้ ก็เหมือนเราเห็นเราได้กลิ่น ได้ยิน อยู่คนเดียว ก้แสดงว่าเรากับเค้า มีวาสนาร่วมกันกรรมร่วมกันมา ถึงมาหาเราครับ

แต่กำลังบุญเก่าเค้ามีน้อย ก็เลยทำได้แค่ส่งกลิ่น หรือ เสียง ออกมาให้เรารับรู้ เท่านั้นเอง เพราะต้องการสื่อให้เรารับรู้

ถ้าเค้ามีกำลังมากกว่านี้ ก็คงปรากฏเป็นตัวมาให้เห็นมาขอ มาพูดแล้วละครับ ^^

 

ขอบคุณทุกท่านมากเลยค่ะ ตอนไปวัดก็อุทิศส่วนกุศลแด่สัมภเวสีที่อยู่บริเวณนั้นจริงๆค่ะ แต่ไม่คิดว่าจะมีตามขนาดนี้ ตอนนี้ไม่มีอะไรผิดปกติแล้วค่ะ ได้ตัังจิตอธิษฐานว่าเมื่อรับบุญแล้วให้กลับไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่ อย่าติดตามกันอีก

 

หลังจากนี้ แขวนพระด้วยก็ดีนะครับ
พระนิรันตราย หรือ พระไพรีพินาศ ก็ได้ครับ

 

อธิษฐานว่าให้ใช้ผลบุญได้ทันที ไม่ต้องรอเรา

 

-0-

ก่อนให้ บอกเลย ว่าอุทิศบุญกุศลกรรม ให้แล้วเป็นเทวดา ให้คอยช่วยเหลือดูแลเราด้วย ^^

 

ที่ผมเจอมานี่ เหมือนแบบกระแสไฟฟ้าสถิตย์เป็นลักษณะมือคนมาจับ ตอนกรวดน้ำอย่างชัดเจน

 

ดิฉันทราบว่า ต้องกล่าวคำอนุโมทนาบุญ "ขอให้ท่านโปรดอนุโมทนาบุญนี้แก่ข้าพเจ้าด้วยเทอด"
เพราะมีอยู่ครั้ง เหมือนมีอะไรปาดยาวๆ ตามคำพูดในวงเล็บ (อนุโมทนาบุญ)เรียบๆ ช้าๆ คล้ายอาการขนลุกก็ไม่เชิงทั้งฝั่งด้านซ้าย

หรือ อาการหนัก จะไม่หายไปถ้าไม่กล่าวว่า "ขอให้ท่านโปรดอนุโมทนาบุญนี้แก่ข้าพเจ้าด้วยเทอด"

ส่วนการใช้คาถา / น้ำมนต์ กับสัมพเวสีไม่มีผลอะไรเลยค่ะ ตอนนั้นดิฉันไปวัดไม่ทราบว่า หนักเพราะสัมพเวสี เพราะเป็นช่วงที่ไหล่ซ้ายปวดอยู่ก่อนแล้ว พอไปยกของในวัดก็เลยคิดว่า ปวดอักเสบหนักขึ้น ไม่ก็เป็นเพราะเหตุผลอื่น (ที่ต้องใช้คาถา หรือน้ำมนต์..แต่ก็ไม่มีผลทำให้ด้ายซ้ายเบาขึ้นเลย )

 

ผีตามมาถ้าผีจรอุทิศบุญให้เขาแล้วตั้งจิตหลังจากได้บุญแล้วให้ต่างคนต่างไปห้ามทำร้ายเขาหรือไล่ ถ้าเป็นเจ้ากรรมนายเวร ก็ทำใจเถอะต้องยอมรับ เขาไม่เอาบุญหรอกเพราะเขาแค้นมากๆ ก่อนเข้าบ้านก็บอกเจ้าที่ศาลพระภูมิ กันผีจรอย่าให้เข้ามา ผีนะไม่กลัวบทสวดมนต์น้ำมนหรือพระสงฆ์หรอก ไล่ออกไปก็มาใหม่ได้ ผีก็เหมือนเทพแค่ผีเขาอยู่ต่างภพภูมิ

 

อาจเป็นกลิ่นตัวเองก็ได้ถ้ายังไม่ได้อาบน้ำล่ะ หรืออาจเป็นญาติผู้เกี่ยวเนื่องมาขอความช่วยเหลือ ทั้งหมดก็เดาให้เผื่อถูกน่ะ

 

ก็ไปทำบุญแล้วนึกถึงเค้าคะ พร้อมอธฐานให้บุญที่เราทำสำเร็จแก่เค้าไป หรือไม่ก็สวดมนต์ แล้วอธิฐานจิตแผ่บุญให้เค้าไปคะ เมื่อได้รับแล้วเค้าก็จะไปเอง หากไม่ไป ลองถามเค้าดูต้องการอะไร ให้มาเข้าฝัน อ่อ อย่าลืมขอเลขท้าย 3 ตัวนะคะ อิอิ

 

อ่านกระทู้นี้ เท่าที่ฟังคำแนะนำมาถือว่าดีหมดทุกคำแนะนำครับ...
การแขวนพระนิรันตรายหรือการท่องคาถามงกุฏพระพุทธเจ้า..
ใช้คุ้มครองป้องกันตัวเองได้ดีจากสิ่งไม่ดีภายนอกครับทั้งหลายครับ....

การทำบุญบอกกล่าวเป็นคำพูดก็ดีครับ..เหมาะสำหรับภูมิที่
อาศัยอยู่ระดับเดียวกันกับเรา รวมทั้งภูมิเทวดาและเทพที่ไม่เด่น
เรื่องความสามารถทางด้านหู และป้องกันการที่เค้ารับบุญไม่ได้
อย่างที่เราเข้าใจได้ แบบที่เราก็คาดไม่ถึงซึ่งส่งผลกับร่างกายเราได้..

ส่วนภูมิที่ทำให้หน่อง ให้แขนเราหยิบๆ คันๆ ก็ให้ใช้น้ำเปนสื่อหรือ
เป็นเสมือนพาหนะในการทำกระแสเย็นหรือกระแสบุญของเราผ่าน
ไปยังดวงจิตดวงวิญญานเค้า เพราะกลุ่มนี้ครึ่งหนึ่งเค้าอยู่ข้างล่าง
อีกครึ่งหนึ่งโผล่ข้างบน การจะรับบุญจากการบอกกล่าว หรือว่า
พูดแปรสภาพบุญไปแล้ว เค้าก็ยังอยากที่จะรับได้ เพราะว่ามันเป็น
วิบากกรรมของเค้าครับ..และอีกอย่างจะเป็นการปิดช่องโหว่
ของเราจากทางด้านล่างๆ ที่พระเครื่องและบทคาถาจะไม่ครอบคลุม
เพราะถือว่าเป็นการสร้างบารมี ไม่ใช่การก่อให้เกิดภัยกับตัวเรา
ได้อย่างที่เราก็คาดไม่ถึงอีกเช่นกันครับ
ส่วนเรื่องเจ้ากรรมนายเวรหากเราเชื่อ ก็ต้องทำใจยอมรับครับ
เจ้ากรรมนายเวรหมายถึง กระแสจรหรือกระแสวิบากพูดง่ายๆ
ก็คือ การทำให้เราหวนคิดถึง ระลึกถึง นึกถึง คิดขึ้นได้
เกี่ยวกับ ความคิด เรื่องเดิมๆ ที่มาทำให้
เราหงุดหงิด รำคาญใจ คิดเชิงลบ จิตใจเศร้าหมอง
อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ใช่แต่เรื่องวิญญานหรือผีๆเพียงอย่างเดียว
นอกจากทำบุญแล้ว
เราก็ต้องอาศัยเมตตาเข้าไปอีกให้มากๆ..และก็ทำไปเรื่อยๆ..
อย่าไปหวังผล อย่าไปคาดหวังอะไร เพราะพวกนี้มันว่ากันด้วยใจจริง
ด้วยสำนึกจริงๆ ด้วยกำลังแห่งบุญที่เราทำบ่อยๆ ต่อไปจะกลายเป็น
อานุภาพขึ้นมาได้ ซึ่งเป็นการเคลียกันถึงในระบบภาคทิพย์
ที่ปกติวิสัยแล้วมนุษย์ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย..

เพราะฉนั้นไม่ว่าจะเจอแบบไหน เราก็ไม่ต้องไปคาดหวังอะไร
เพราะการทำบุญ อย่างน้อย ก็ทำให้เราลดความตะหนี่ลงได้
รู้จักการเสียสละ รู้จักการมองประโยชน์ต่อส่วนรวม
มีน้ำใจเอื้อเฝื้อเผื่อแผ่แก่บุคคลอื่นๆ รู้จักเห็นอกเห็นใจคนอื่นๆ..
ทำให้เรามีเมตตา..ตรงนี้ต่างหากครับ
ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตประจำวันของเราครับ..

 

ทำบุญอุทิศให้เขา แล้วแผ่เมตตาปรับภพภูมิ ใช้คาถาพระมหาจักรพรรดิ์หลวงปู่ดู่ค่ะ สวดติดต่อกันเป็นเดือนๆได้ยิ่งดี

 

เพื่อนๆ เขาก็แนะนำทางออกแบบธรรมดาๆ ทั่วไปเขาทำกัน
แต่ห้อยไปก็แค่นั้น..ถ้าใจยังขาดศรัทธา

เอาเป็นว่า คิดดี ทำดี ทุกอย่างที่ดีๆ จะตามมาเอง
ส่วนเรื่องกลิ่นเหม็นๆ นั่น ก็ลืมมันไปซะ ไร้ตัวตน ก็ไร้อิทธิพล กับเรา..