เรื่องเด่น นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 16 กันยายน 2014.

  1. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112

    น้อมกราบหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    สวัสดีพี่ปู พี่วรรณ พี่น็อตและพี่ๆลูกหลานหลวงพ่อพระราชพรหมยานทุกๆท่านครับ


    [​IMG]
     
  2. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112
    พี่วรรณพอทราบไหมครับว่าบูชาองค์ละเท่าไหร่

    เสียดายที่ทางวัดไม่มีการให้บูชาผ่านทางไปรษณีย์ :'(
     
  3. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112
    ของดีๆมีอีกหลายอย่างเลยล่ะครับ เช่น หวายตัดลูกนิมิต วัดธรรมยาน และสายสิญจน์ถอนโบสถ์ ในราคาถูกแสนถูก แต่พุทธคุณเปี่ยมล้นมากครับ :cool:
     
  4. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112
    น้อมกราบหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    สวัสดีพี่นอร์ครับ

     
  5. Khamphee

    Khamphee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    793
    ค่าพลัง:
    +17,183
    กดพิมพ์ได้คมชัดมากครับ:cool:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]



    น้อมกราบสมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษี


    สวัสดีพี่วรรณ และลูกหลานหลวงพ่อทุกท่านครับ
     
  7. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    [​IMG]
    (จากหนังสือ " คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม 17 " ปกหน้าด้านใน)

    สมเด็จองค์ปฐมรุ่น 3 เข้าพิธีอีกครั้ง 27 มีนามคม 2536 เป็นวันเสาร์ 5 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 5 จริงนะครับแต่เหรียญสมเด็จองค์ปฐมรุ่นยันกลับปี 2536 ไม่ทราบครับ

    ปรกติวันเสาร์ขึ้น 5 ค่ำเดือน 5 แบบนี้ในรอบหลายๆปีจะมีขึ้นซักครั้งนึง แต่ที่ว่าพิธีพุทธาภิเษกสมเด็จองค์ปฐมรุ่น 4 เสาร์ที่
    20 มีนาคม 2553 เป็นวันเสาร์ 5 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 5 ใน 100 ปีมีครั้งเดียวก็น่าจะเป็นเพราะเหตุผลตรงที่ว่าทางดาราศาสตร์ในวันนั้นตรงกับปรากฏการณ์สำคัญในรอบปีที่เรียกว่า "วสันตวิษุวัต" (Vernal equinox) เพราะโลกโคจรเข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่เส้นศูนย์สูตรตั้งฉากกับดวงอาทิตย์ ทำให้กลางวันเท่ากับกลางคืน และเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ (Spring) ที่ซีกโลกด้านเหนือ ส่วนซีกโลกด้านใต้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) ในทางโหราศาสตร์ถือว่าเป็นวันเริ่มต้นของราศีเมษ เพราะดวงอาทิตย์เคลื่อนออกจากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ

    "วสันตวิษุวัต" (Vernal equinox)คือการที่โลกโคจรเข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่ผิวโลก ณ เส้นศูนย์สูตรตั้งฉากกับดวงอาทิตย์ ทำให้กลางวันเท่ากับกลางคืน

    และในวันนั้นหลายประเทศในเอเซียกลาง อย่างเช่น อัฟกานีสถาน อุซเบกีสถาน คาซักสถาน เติกร์มีนิสถาน และอิหร่าน ก็เป็นวันปีใหม่เรียกว่า "เนารูซ" ผู้ที่นับถือศาสนา "บาไฮ" ก็เป็นวันปีใหม่เช่นกัน วันนี้ดวงอาทิตย์ขึ้นที่ขอบท้องฟ้าในตำแหน่งทิศตะวันออกทำมุมกวาด 90 องศา จากทิศเหนือภูมิศาสตร์ และตกที่ขอบฟ้าในตำแหน่งทิศตะวันตก ส่งผลให้เงาของวัตถุที่ตั้งฉากกับพื้นดินจะเป็นเส้นตรงตั้งแต่เช้าจรดเย็น ระหว่างทิศตะวันออกกับตะวันตก

    ในขณะที่ประเทศไทยในเวลา 00.32 น. บนท้องฟ้าจะมีปรากฏการณ์พิเศษคือ ดวงอาทิตย์กับดาวเคราะห์ 5 ดวง เรียงตัวเป็นเส้นตรง เริ่มจาก ดาวศุกร์ ดาวพุธ ดวงอาทิตย์ ดาวยูเรนัส ดาวพฤหัส และดาวเนปจูน


     
  8. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    ไม่ทราบเช่นกันครับแต่จากราคาบูชาพระขรรค์ธรรมยานที่คุณกิตติคุณบอก ค่าบูชาพระยอดธงก็ไม่น่าจะสูงกว่าพระยอดธงของวัดท่าซุงเรานะครับ
     
  9. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0018.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0018.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0018.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0017.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0017.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0017.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0009.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0009.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0009.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0013_2.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0013_2.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0013_2.jpg"/></a>
     
  10. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112

    สรุปแล้วเหรียญสมเด็จองค์ปฐม รุ่นยันกลับ ปี ๓๖ ไม่ได้เข้าพิธีพุทธาภิเษกเดียวกันกับสมเด็จองค์ปฐม รุ่น ๓ หรอครับ ผมเห็นบางแหล่งข้อมูลบอกว่าเข้าพิธีเดียวกัน เลยสงสัยน่ะครับ
     
  11. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    พี่ไม่ทราบนะครับว่าเข้าพิธีเดียวกันหรือเปล่าแต่พระเครื่องวัตถุมงคลวัดเราจะเข้าพิธีไหนก็มีความศักดิ์สิทธิ์มีพระพุทธคุณเข้มขลังรอบด้านทุกอย่างอยู่แล้วทุกพิธีครับ
     
  12. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,437
    น้อมกราบสมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    สวัสดีพี่วรรณ พี่ปู คุณน๊อต และทุกๆท่าน


    [​IMG]
     
  13. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    วัดสระประสานสุข(วัดบ้านนาเมือง)

    ผมออกจากวัดพระธาตุหนองบัวแล้ววิ่งรถรอบนอกเมืองไปไม่ไกลก็ถึงวัดสระประสานสุข โดยมีหลวงปู่บุญมี โชติปาโล ท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาส

    เป็นความโชคดีที่วันที่ผมไปเป็นช่วงงานออกเมรุพิธีพระราชทานเพลิงศพ ระหว่างวันที่ 18-25 มกราคม 2559 โดยวันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี เสด็จมาเป็นประธานในงานพระราชทานเพลิงสรีระหลวงปู่

    หลวงปู่บุญมี โชติปาโล ได้มรณะภาพลงเมื่อวันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน 2547 รวมสิริอายุ95 ปี 3 เดือน 9 วัน 74 ปีพรรษา


    [​IMG]

    ซุ้มประตูทางเข้าวัดมีรูปปูนปั้นพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ 3 เศียรคล่อมอยู่ รถเข้าออกก็จะมาลอดใต้ท้องช้างเอราวัณนี้ด้วย

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    ปีพ.ศ. 2529 หลวงปู่บุญมี ได้ออกแบบและเป็นประธานในการก่อสร้าง อุโบสถบนเรือสุพรรณหงส์ อันมีความหมายว่า จะเป็นพาหนะที่จะพาบรรดาพุทธศาสนิกชนผู้มีใจเป็นกุศลข้ามห้วงมหาสมุทรแห่งวัฏฏสงสารสู่ดินแดนมหานิพพานในที่สุด พระอุโบสถที่หลวงปู่บุญมีได้สร้างขึ้นนี้ มีความสวยงามโดดเด่นเป็นสง่า แปลกกว่าที่วัดอื่นๆ เพราะเป็นอุโบสถอยู่บนเรือสุพรรณหงส์ประดับด้วยเซรามิคสีน้ำตาลแดงขนาดใหญ่
    [​IMG]

    พระประธานภายในพระอุโบสถ
    บนเรือสุพรรณหงส์

    [​IMG]

    รูปเหมือนหลวงปู่บุญมีในกุฏิใกล้บริเวณเมรุ

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    บริเวณเมรุที่ใช้ในงานพิธีพระราชทานเพลิงสรีระหลวงปู่ในวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    ได้ทำบุญผาติกรรมผ้าไตรเข้าไปถวายแก่สรีระหลวงปุ่บุญมีก็ได้รับแจกภาพ,หนังสือและพระผงทรงน้ำเต้ารูปเหมือนหลวงพ่อสีวลีมา 1 องค์

    ผมถามเจ้าหน้าที่วัดที่แจกของที่ระลึกว่าพระผงรุ่นนี้ทันหลวงปู่ไหม ท่านบอกว่าทันมีลูกศิษย์ไปเจอพระผงรุ่นนี้ตกค้างอยู่ในกุฏิของท่านครับ

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    โรงทานเลี้ยงอาหารฟรีให้กับผู้มาทำบุญมากราบสรีระหลวงปู่ เครื่องดื่มและอาหารอร่อยทุกร้านที่ผมทานเลยครับ ลูกศิษย์หลวงปู่ที่มาออกร้านในโรงทานทุกท่านหน้าตายิ้มแย้มเป็นที่ประทับใจมาก ก็ได้อนุโมทนาในผลทานของทุกท่านทุกร้านในวัดด้วยครับ

    หลังจากได้กราบสรีระหลวงปู่บุญมีแล้วผมก็ได้ไปรอเตรียมเดินทางกลับ มาจังหวัดอุบลฯครั้งนี้มีโอกาสกราบพระเพียง 2 วัดก็รู้สึกคุ้มค่าแล้วยังพกความประทับใจกับอัธยาศัยดีงามของชาวเมืองอุบลราชธานีกลับกรุงเทพมาด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กุมภาพันธ์ 2016
  14. บุญรักษา

    บุญรักษา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    574
    ค่าพลัง:
    +6,112

    พระยอดธงเข้าพิธีสวดถอนโบสถ์วัดธรรมยานโดยพระเดชพระคุณพระภาวนากิจวิมลเป็นประธาน..หลังจากนั้นหลวงพี่วิรัชปลุกสมาตลอดจนถึงวันงานฝังลูกนิมิต..ท่านบอก ยอดธงมหาสะท้อน..
     
  15. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112

    น้อมกราบหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    สวัสดีพี่นอร์ พี่ปู พี่วรรณและพี่ๆลูกหลานหลวงพ่อทุกๆท่านครับ



    [​IMG]
     
  16. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112
    :cool:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      13 KB
      เปิดดู:
      72
  17. berbapor

    berbapor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,845
    ค่าพลัง:
    +21,862
    สวัสดียามดึกครับพี่วรรณชัย,ท่านพี่วุฒิ,คุณsupatach,คุณtaoreedman,คุณfive304,คุณThis_old_man,คุณpalmcc38,คุณyommatood, คุณizeberry , คุณtossa ,คุณช่างชิต,คุณjj85,คุณ6ThSense,น้องแพน, พี่รุ่ง, พี่กฤต, คุณเพชร,คุณชาตรี ช้างน้อย ,คุณออกพราน,คุณrung847,พี่chopper,คุณระงับ,คุณsylvenus,คุณรัก_ในหลวง ,คุณramo , คุณCobraa ,คุณนิช,คุณpowergen, คุณKRITVEE ,คุณบารมี10 คุณเมฆดำ ,คุณหมาอ้วน และศิษย์วัดท่าซุงผู้มีจิตใจดีงามทุกๆท่าน.(^__^)
     
  18. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]



    น้อมกราบสมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษี


    สวัสดีพี่วรรณ และลูกหลานหลวงพ่อทุกท่านครับ
     
  19. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    ขอบคุณคุณ boontrongjamsri ที่มาช่วยให้ข้อมูลโดยละเอียดนะครับ :) :) :) :) :)
     
  20. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    111
    ค่าพลัง:
    +225,705
    "บอกให้ไป...ไปไหนก็ได้ นรกที่ไหนก็ได้ ถอยไปห่างๆเลย"


    มรดกพระดี ตอนที่ 7


    ลูกหลานเอย......ก่อนที่หลวงตาจะเล่าให้เห็นอภิญญาบริสุทธิ์ที่พ่อแสดงฝาก ไว้ในโลกพระพุทธศาสนา อันเป็นมรดกพระดีที่พ่อเมตตามอบไว้ให้พวกเรา หลวงตาอยากจะอวดอะไรสักหน่อย ไม่อวดทนไม่ได้อกแตกตายแน่..คือเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2544 อันเป็นงานทักษิณานุปทานที่วัดเขาวงจัดถวายกุศลให้พ่อของเรา(หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง) และพลอยจัดเสริมแสดงมุทิตาจิตต่อพระครูภาวนาพิลาศไปในตัวด้วยนั้น


    งานก็ผ่านไป แต่สิ่งที่ยังทรงสถิตใจหลวงตาไม่อยากสลัดออก ก็คือทั้งท่านพระครูปลัดอนันต์ พทฺญาโณ หลวงพี่อาจินต์ ธมฺมจิตโต และคณะสงฆ์วัดท่าซุงรวม 21 รูป ที่เมตตามาร่วมงานนั้น...ยังไม่ได้พูดถึงท่านเจ้าคุณพระเทพสิริภิมณฑ์ซึ่งมา แทนหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ ท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฏกเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี และพี่น้องต่างวัดอีกหลายองค์ ที่มาร่วมงานในวันนั้น ทุกองค์พูดว่า.. " วัดเขาวง สวย สะอาด สงบ "

    ความกังวลที่สุมใจหลวงตามา 7 ปีเต็มหลุดหายไป มีความมั่นใจโปร่งใจเข้ามาแทนที่ เพราะเราได้ทำมา.เดินตามแนวทางที่เรา มุ่งมั่นมาตั้งแต่ออกจากวัดท่าซุง บัดนี้ได้มาถึงจุดที่พี่น้องและผู้บังคับบัญชาเข้าใจและยอมรับแล้ว ทำให้ก้าวต่อจากนี้ไปจนวันตาย...เป็นก้าวที่มั่นใจ..ที่จะยังประโยชขน์สุข ให้เกิดแก่ประชาชน ที่จะถวายความเชิดชูชื่อเสียงพระคุณครูบาอาจารย์ ที่จะฝังใจปรนนิบัติบูชามรดกพระดี ที่พ่อมอบให้พวกเราไว้เพื่อประโยชน์สุขของเราเองเป็นเบื้องต้น

    ลูกหลานอ่านแล้วหลับตาบ้างลืมตาบ้างคิดนึกภาพตามไปด้วย ตามไปดูพ่อแสดงฤทธิ์กัน วันนั้นเป็นพรรษา 2 ที่หลวงตาบวช ตอนนั้นกำลังปฏิบัติพระกรรมฐานหัวค่ำกัน....เกิดมีพายุใหญ่รุนแรงมาก ต้นสะตือใหญ่ริมท่าน้ำที่เลี้ยงปลาแรดในปัจจุบัน เกิดหักลงมา...ถ้ามองต้นสะตือที่คลุมหอฉันปัจจุบันให้ดีจะเห็นว่ามันเคยมี พี่น้องฝาแฝดที่ใช้ต้นขาเดียวกัน แต่แยกออกเป็นสองเอวสองลำตัวเหมือนฝาแฝดอินจันนั่นแหละ แฝดน้องชายเกิดเอวหักหัวฟาดลงมาล้มทับบ้านหลังเล็กและโรงเลี้ยงก๋วยเตี๋ยว หลังคามุงสังกะสี...พังหมดตลอดหลัง ปล่อยให้ต้นพี่ชายยืนงงเดียวดายจนทุกวันนี้

    รุ่งเช้าพ่อก็ไปยืนดู ท่านถือไม้ตะพดยืนมาดมั่นใส่อังสะตัวเดียว(ไม่ห่มจีวร) หลวงตาสงสารแทนลูกหลานรุ่นหลัง ที่ไม่มีโอกาสเห็นบุคลิกภาพของพ่อ ก็จะขอเล่าให้ฟังเสียด้วย คือพ่อเรานี่.ตัวสูงปานกลา ลำตัวไม่ใหญ่นัก แต่พอดีสมส่วน ยิ่งตอนพ่อแก่ตัวลงร่างกายจะอ้วนขึ้น นึกเอาเถอะลูก พ่อผู้ใจดีมีอำนาจยืนยืดกายตรงลงพุง อังสะพลิ้วชายไสว ยืนชี้ไม้ตะพดไปที่ต้นไม้ใหญ่ขี่ทับหลังคา จนหลังหักหมดสภาพอยู่ตรงหน้าท่านชี้ให้ช่างชิดที่ยืนรับคำสั่งอยู่ข้างกาย


    " เอาคนมาทอนเป็นท่อนๆ..." แล้วก็ทำท่าสับไม้ตะพดลงที่ต้นไม้...เดี๋ยวก่อนลูกหลานท่านให้เอาคนงานมาฟัน ต้นไม้ทอนเป็นท่อนๆ ไม่ใช่ให้เอาคนมาสับเป็นท่อนเป็นชิ้น

    " แล้วก็ขนออกไปให้หมด เอาไปเผาถ่านหรือทำอะไรก็ได้ "

    แล้วพ่อก็ตวัดปลายตะพดขึ้นสูงประกอบคำสั่ง..เราก็ยังไม่ได้สะดุดใจอะไร

    หลังจากนั้นอีก 3 วันทั้งต้นไม้ ซากโรงก๋วยเตี๋ยวและบ้านหลังน้อยก็หายวับไป เหลือพื้นที่โล่งว่างเปล่า พ่อก็มายืนดูอีก ชี้ไม้ตะพดทำท่าสั่งงาน

    " นี่..ช่างชิด ขุดหลุมเป็น 4 แถว แล้ววิ่งแนวยาวไปถึงต้นสะตือโน่น..." พ่อจี้ไม้ตะพดไปตามแนวหลุม

    " เสร็จแล้วเทเสาปูนขนาดตึก 3 ชั้นไปเลย ชั้นล่างเป็นหอฉัน ชั้นที่ 2 เป็นที่พักอาคันตุกะผู้ใหญ่มาท่านจะได้พักสบายอิริยาบท ดาดฟ้าเป็นคอนกรีตเอาไว้ตากผ้าตากจีวรกัน "

    พูดไปพ่อก็กวาดปลายตะพดไปจนเราฟังอยู่นี่เห็นภาพในใจชัดเจนไปด้วยเลย

    สั่งงานเสร็จพ่อก็เข้าพัก รุ่งขึ้นก็ไปสงเคราะห์บ้านซอยสายลมตามวาระงานปรกติ ลูกหลานเอย..จากวันนั้นมาอีกประมาณ 6 เดือน ก็ปรากฏตึก 3 ชั้นสีเหลืองสดติดปลายไม้ตะพดขึ้นมาตั้งอยู่ในโลกเขตพระพุทธศาสนา พระสงฆ์วัดท่าซุงมีหลวงตาองค์หนึ่งด้วย (คุยซะหน่อย) พากันย้ายวงฉันมาที่หอฉันหลังใหม่สีใสสด ภายใต้ร่มเงาตึกฉัน ภายในสายลมเย็นจากท่าน้ำสะแกกรัง...ขณะอยู่ในความอิ่มสบายท้องหลังฉันอาหาร หลวงตาได้ยินเสียงที่ดังผ่านอารมณ์สบาย เข้ากระทบใจ

    " นี่แก...ผู้บวชเข้ามาในพระศาสนา อยากได้ฤทธิ์อยากได้อภิญญา แกรู้หรือว่าฤทธิ์แท้ตามความหมายของฉันคืออะไร... "

    ใครหนอ เสียงนุ่มนวลมีอำนาจนัก เสียงนั้นไม่ได้ผ่านประสาทหู แต่ดังเข้าถึงความเข้าใจเอาเลยทีเดียว หลวงตาต้องเลื่อนตัวเองลงจากม้านั่งยาวลงนั่งพับเพียบกับพื้น

    " แกคิดใช่ไหมว่า..ฤทธิ์อภิญญาที่เก่งกาจนั้นต้องเหาะได้ หายตัวได้ รู้ใจคนอื่นทายใคนได้แม่นยำว่าใครคิดอะไร ทำอะไรมา...? "

    ลูกเอ้ย..เสียงนั้นสกดใจสยบอารมณ์หลวงตาจนไม่อยากฝืนความรูสึกสัมผัสนั้น สภาวะอารมณ์ขณะนั้นเหมือนนั่งอยู่เฉพาะพระพักตร์สมเด็จพระบรมศาสดา หลวงตากราบลงบนพื้นหอฉันแห่งวัดท่าซุงด้วยความสุขสำรวมใจ

    " ลูกเอ้ย..อย่าไปเอาของไม่เที่ยงแท้แน่นอนนั้น มาวัดความประณีตของธรรมที่พ่อสอนเลย..."

    แปลกหนอ...ยิ่งใจเรานุ่มนวลอ่อนน้อมยอมสยบเพียงใด ภาษาใจนั้นก็ยิ่งมีความเมตตาการุณมากขึ้นเพียงนั้น

    "......การแสดงฤทธิ์เหาะเหินได้ การรู้อารมณ์ใจคนอื่นทายได้แม่นยำได้นั้นไม่ใช่ผลสูงสุดของการปฏิบัติ คนเก่งจริงมีฤทธิ์จริงนั้น ต้องสามารถตัดอารมณ์เศร้าหมองทุกข์ร้อนออกจากใจเสียได้ ตามใจปรารถนา ต้องอาจหาญมั่นใจในศีลที่ตัวทรงอยู่ได้เป็นปรกติ มั่นใจขนาดกล้าเอาใจประกาศไปในมนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลกว่า ..เราผู้นี้ไม่ว่าจะไปยืนเดินนั่งนอนอยู่ ณ ที่ใด จะไม่มีสัตว์ มนุษย์ พรหม เทวดา ผู้ใดต้องเดือดร้อนเพราะการประทุษร้ายร่างกาย หรือละเมิดน้ำใจจากเราให้ท่านทั้งหลายสะเทือนใจเลย..."

    ลูกหลานเอย...ใช่เสียงจากดวงจิตอันผ่องใสพิสุทธิ์ของพระบรมศาสนดาสัมมาสัมพุทธเจ้าไหมหนอ

    "....ที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องสามารถนึกถึงพระพุทธเจ้าและพระอริยสงฆ์ครูบาอาจารย์ได้โดยไม่ลำบาก ไม่ยากแม้แต่น้อย ต้องสามารถเข้าถึงท่านด้วยใจทันที ทุกขณะจิตที่นึกลูกต้องต้องใช้คำว่า ใช้อารมณ์ว่า...พอนึกก็ถึงแล้ว จึงจะเก่งแท้..."

    ".....และที่สำคัญกว่าสำคัญที่สุด ก็คือสามารถตั้งกำลังที่บริสุทธิ์ด้วยศีล ที่เข้าถึงสถิตอยู่กับพระพุทธเจ้าได้เป็นธรรมดาสบายๆ นั้นจับร่างกายมาพิจารณา สังหารอารมณ์ผูกพันกับร่างกายทั้งหลายให้ขาดสิ้นไปโดยไม่ครั่นคร้าม ไม่อาลัยใยดี ทำอย่างงี้ได้จึงจะเก่งแท้ จึงจะมีฤทธานุภาพปราบสามโลกเสียได้ อภิญญาเหนือฤทธิ์ทั้งหลายอย่างนี้เขาเรียกว่า บุญฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดด้วยบุญบริสุทธิ์ ลูกเอ้ย..."


    หลวงตากราบแนบหน้ากับพื้นหอฉัน ไม่มีใครมาเห็นเราแล้ว ณ ที่นั้นเอง ในอารมณ์สบายๆ แบบธรรมดานั้นเอง หลวงตานึกถึงพ่อ (หลวงพ่อฤาษีฯ) เต็มอารมณ์ในทันทีนั้น

    ....เห็นพ่อสับไม้เท้าแล้วตวัด ต้นไม้และซากโรงเรียนก็ปลิวหาย

    ....เห็นพ่อชี้เขตหลุมเสา วาดไม้เท้าวางแนวอาคาร พลันตึกเหลืองกระจ่างก็ตั้งสถิตบนธรณีวัดท่าซุง ได้อาศัย ได้นั่งดื่มนั่งฉันจากวันนั้นถึงวันนี้ ตึกหอฉันตั้งมาได้ 18 ปี และจะยังอยู่อำนวยประโยน์สุขแก่พระภิกษุสามเณรและญาติโยมผู้มาเลี้ยงพระ ศาสนา....ไปอีกเท่านาน

    ลูกหลานคงอยากถาม...แล้วมันใช่อภิญญาตรงไหน ใครๆก็ชี้สั่งให้ช่างสร้างได้ไม่ใช่หรือ...แน่ใจว่าจะถามอย่างนี้ ใช่ไหมลูก ทำไมลูกหลานไม่ถามเพิ่มเติมอีกนิดว่า...ถ้ามีฤทธิ์จริง ทำไมพ่อท่านไม่เสกชี้ปั๊บตึกโผล่ปุ๊บเหมือนการ์ตูนเล่า.... ช่วยถามเพิ่มอย่างนั้นนะลูก หลวงตาจะได้ตอบเสียทีเดียว

    ลูกหลานต้องจำได้แน่นอนว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสั่งสอนให้พระสาวกทั้งหลาย....ฝึกจิตตนเอง ให้ใคร่ครวญฝังใจ ใฝ่ซักซอกอารมณ์ใจของตนเอง โดยยึดหลักหัวใจพระพุทธศาสนาคือ....ต้องละล้างความชั่วอารมณ์เศร้าหมองให้ หมดไป ต้องสั่งสมความดี อารมณ์กุศลให้เข้ามาแทนที่ให้เต็มพร้อม...ต้องมุ่งความบริสุทธิ์ผ่องใสของ อารมณ์ใจ ให้อิ่มเอิบเบาสบายเป็นผลสูงสุด ฉะนั้น..ทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อ(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง) ท่านปฏิบัติและสั่งสอนพวกเราทั้งหลายก็ต้องอยู่ในหลักอันนี้.. ต้องเอาหัวใจพระพุทธศาสนานี้ เป็นเกณฑ์การถามเป็นหลักการตอบปัญหาสำหรับใจเราเองและพุทธสาวกทั้งหลาย

    พ่อของพวกเรา เป็นผู้หนักแน่นเข้าถึงเนื้อแท้ของพระธรรมคำสังสอนของพระพุทธเจ้า ท่านได้พระสงฆ์ที่เป็นพระแท้ เป็นสรณะ ครูบาอาจารย์ท่านจึงมุ่งฝึกจิต ภาวนาเสกอารมณ์ใจ เป่าปัดความสกปรกเศร้าหมอง จนจิตท่านมีแต่อารมณ์ที่ผ่องใสบริสุทธิ์พ้นวิเศษ เมื่อพระคุณท่านปลอดภัยพ้นทุกข์สิ้นเชิงแล้ว จิตของท่านจึงเป็นทิพย์พิเศษกายสิทธิ์ มีพลานุภาพเกินจะประมาณด้วยความคิดคำนึงของพวกเราได้ ซึ่งแน่นอนท่านจะพิเศษเกินพระพุทธเจ้าไปไม่ได้ แต่ท่านต้องดีตามธรรมชาติของพระบริสุทธิคุณ พระปัญญาธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณ ไมมีอะไรจะต้องสงสัย พระดีทุกองค์ ทุกสำนักปฏิบัติก็เป็นอย่างนี้

    ใจท่านทั้งหลายเหล่านั้น ได้ทำความชั่วมัวหมองให้หมดสิ้นไปจากใจ....ท่านทำความดีมากมายถึงพร้อมแล้ว ใจท่านจึงผ่องใสไม่มีเชื้อมลทินเหลือค้างใจของท่านจึงเป็นหัวใจของพระพุทธ ศาสนา มีความรู้จริงอย่างยิ่ง มีกำลังอันบริสุทธิ์ไม่มีประมาณ ใจอย่างนี้คงเรียกว่าใจมีอภิญญา ใช่ไหมลูกหลาน ?


    ฉะนั้นเมื่อท่านมีกำลังใจปราถนาให้ประชาชน ภิกษุ สามเณรเป็นสุขเต็มกำลังใจของท่าน คนที่มีเชื้ออยากดีมีสุขตามท่านจึงรับรู้น้ำใจท่านเข้าไปในใจตัวเอง เมื่อท่านสั่งให้เคลื่อนย้ายต้นไม้ จึงมีคนมาทำให้ปลิวหายทันตาเห็นด้วยแรงศรัทธา เมื่อท่านปราถนาสร้างอาคารให้ลูกหลานได้มีความสุขสะดวกใจ สบายกายในการทำความดี อาคารหลังสีเหลืองสดก็สำเร็จขึ้นมาด้วยแรงบุญ

    เพียงน้ำใจและน้ำคำของพ่อ...เงินจากทั่วแผ่นดิน ทรายจากชัยนาท ไม้จากนครสวรรค์ ปูนเหล็กจากกรุงเทพฯ น้ำใจศรัทธาจากดวงจิตจากทั่วทุกทิศก็หลั่งไหลมาผสมกับแม่น้ำสะแกกรัง และการเอาใจใส่คุมงานของพระสงฆ์วัดท่าซุง ทุกดวงใจทุ่มเทเพ่งพินิจลงไปในงานที่พ่อสั่ง งานนั้นจึงสำเร็จขึ้นด้วยใจของผู้มีศรัทธา เสร็จขึ้นมาประดุจเสกเป่า

    ลูกหลานเอย..พ่อท่านเสกตึก หรือเสกใจพวกเราหนอ...

    ใช่ว่าใจเป็นใหญ่เป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จด้วยใจไหมหนอ....

    สิ่งก่อสร้างก่อสำเร็จประโยชน์ ใจอิ่มเอิบเบิกบานสมบูรณ์สมปราถนา

    บุญฤทธิ์หรืออภิญญาความรู้ยิ่งอย่างนี้ ใช่อภิญญาที่แท้ตามที่พระพุทธเจ้าทรงต้องการให้เราใช้...ใช่หรือไม่ ? ฝากให้คิดกันดู....

    ลูกหลานเอย...หลวงตานั่งคิดย้อนหลังไป ย้อนไปถึงเวลาแรกที่พบพ่อ ความมุ่งมั่นฝันใฝ่ตอนนั้นคืออยากได้พระอภิญญามาเป็นอาจารย์ ว่าท่านจะได้ช่วยชี้ช่วยทำช่วยนำให้เราได้คุณธรรมสูงสุดเสียโดยเร็ว จะได้รีบถวายชีวิตให้พระศาสนาจึงได้เฝ้าจ้องมองพ่อมาแต่บัดนั้นว่าองค์นี้ ใช่ไหมหนอ...เมื่อไหร่ท่านจะแสดงฤทธิ์ให้เราดูประจักษ์ตากระชับใจ จะได้ลงมือปฏิบัติพระกรรมฐานแบบถวายชีวิตเสียที น่าจะทายใจเราให้ถึงก้นบึ้งสักครั้ง... น่าจะเหาะน้อยๆลอยก้นเหนือพื้นสักคืบก็ยังดี.. น่าจะอย่างโน้นอย่างนี้..จนวันดีคืนดีท่านก็แสดงให้ดู ทายถึงใจเลย !

    "....นี่ไอ้บ้านี่..อย่ามานั่งขวางทางคนทำงาน อย่านั่งรอฤทธิ์รอเดชเอาไว้เหาะไปนรกขุมไหน คนที่ใจมีฤทธิ์นี่ เขากล้าทำขยันทำดีผิดมนุษย์ทั่วๆไป เขามีน้ำใจรักศีลยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง เขาคิดทีละอย่าง แล้วทำให้เสร็จไปทีละอย่าง...ทำให้มันเห็นฤทธิ์ขยันซะบ้าง นี่ฤทธิ์น้อยๆ เขาคิดกันทำกันอย่างนี้ พอจะเข้าใจไหม ถอยไป...ถอยไป...."

    โอย...ตายเลย...ตายเลย เล่นด่าอย่างนี้อายตายเลย....จริงสินะ เพียงแค่จะมีกำลังใจยกร่างกายให้พ้นที่นอนขึ้นมานั่งกราบพระ เพียงจะเดินจงกรมสัก 10 ก้าว 10 รอบ มีกำลังทำไหม ? เพียงแต่จะนึกถึงลมหายใจที่มันมีอยู่แล้ว ไม่ต้องลงทุนซื้อหา นึกตามลมไปลมมา พร้อมกับนึกเอ่ยพระนามพระพุทธศาสดาจารย์ว่า พุทโธ...พุทโธ นี่ ทำได้นานต่อเนื่องแค่ไหน ถ้าแค่นี้ยังไม่มีกะใจจะทำ....จะเอาอะไรไปเหาะ ไปหายตัว ไปทายใจคนอื่น ทั้งที่ใจตัวเองยังเป็นไอ้บ้าเพ้อละเมอฤทธิ์ เลอะเลือนอยู่...ก็ยังไม่รู้จักใจตัวเอง !

    ช่างเหมือนหนอนมนุษย์ที่เกียจคร้านนอนฝันว่า เราจะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ แต่แค่เลื้อยไปกินอุจจาระที่หุ้มห่อตัวเองอยู่ก็ยังไม่มีกำลังใจเลื้อย !

    ลูกหลานนึกทุเรศตัวเองเหมือนหลวงตาไหม...

    ก็นึกย้อนไปทวนไปมาหาเรื่องเขียน...เอาเรื่องจริงที่หลวงตาเห็นพ่อแสดง อานุภาพปราบมารเกเร เล่าไปเขียนแสดงความเห็นประกอบเรื่อยๆ ดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะเครียดเขียนไม่ออก มีอยู่ครั้งหนึ่ง...ก่อนหลวงตาจะบวช ว่างจากงานเมื่อไหร่ก็จะมานั่งขายหนังสือและวัตถุมงคลที่ซอยสายลมเป็นปรกติ วันนั้นมีสามีภรรยาคู่หนึ่ง ขับรถมาจากอีสานโดยตรงเพื่อมาซื้อหนังสือหรืออะไรก็ได้ทั้งนั้นที่เกี่ยวกับ พ่อ มาถึงก็พูดเสียงใสได้ปลื้มว่าได้อ่านเรื่องหลวพ่อฤาษีลิงดำ ในหนังสือ " ขวัญเรือน " รายสัปดาห์หรือรายเดือนจำไม่ได้ แต่จำได้ว่าแกถือหนังสือเปิดอวดว่า นี่ไง...นี่ไง เรื่องหลวงพ่อ (อวดเราที่อยู่กับหลวงพ่อนี่แหละ)

    " ผมเลื่อมใส ขนลุกไปอ่านไป อยากเอาธรรมะทุกอย่างของท่านไปอ่านไปฟังให้สมใจ พี่จัดให้ผมด้วย ผมรักท่านมาก..." อะไรอีกหลายอย่างที่พูดออกมาด้วยใจเป็นสุข ตกลงวันนั้นทั้งหนังสือ เทป วัตถุมงคล รวมแล้วก็กว่าสองหมื่นบาท ก่อนแกจะกลับ หลวงตาก็บอกแกว่าพรุ่งนี้หลวงพ่อก็มาสอนกรรมฐานแล้ว จะมาหาท่านไหม..

    " มาสิครับพี่...ผมอยากฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเป็นที่สุด "

    หลวงตาก็โมทนาน้ำใจแกด้วย สงสารด้วย อยากให้ได้พบพ่ออย่างใกล้ชิด ก็เลยนัดหมายให้สัญญานกันว่า

    " พี่จะนั่งอยู่ข้างหลวงพ่อ ดูจังหวะว่างคนแล้วจะพยักหน้าให้สัญญานเข้าไปกราบ คอยดูก็แล้วกัน..."

    จำได้ว่าแกชื่อคุณสมาน ชื่อภรรยาไม่ได้ถาม ทั้งคู่มานั่งอยู่เฉียงหน้าที่พ่อรับแขกในวันรุ่งขึ้น คุณสมานก็มองหน้าพ่อแล้วมองหน้าหลวงตาหาจังหวะลุกลี้ลุกลนตลอดเวลา ขณะนั้นพ่อกำลังคุยเสริมกำลังใจให้นักศึกษาหญิงคนหนึ่งอยู่ว่า

    " เออ..ลูกสาวเอ้ย...เป็นคนดีนะลูก ลูกทำได้อยู่แล้วนี่ ศีล 5 บริสุทธิ์ใช่ไหม..(เจ้าค่ะ..ร้องไห้ปลื้มใจไปรับโอวาทไป) เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งอันนี้แน่ใจนะลูก (เจ้าค่ะ..ฮือๆ) อือ ดีๆ ลูกตายแล้วอย่าเกิดอีกเลยนะลูก โลกมันเป็นทุกข์ไปนิพพานเสียเลยนะลูก (เจ้าค่ะ..เป่าปี่มีความสุข เช็ดน้ำตาป้อยๆ)

    ทีนี้คุณสมานพระเอกของเรื่อง เกิดความปลื้มใจจนลืมสัญญานจากหลวงตา แกก็เลยทะลุกลางปล้องขึ้นมาว่า

    " หลวงพ่อครับ.. ผมขอฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อ....."

    เท่านั้นแหละ สายตาที่อ่อนโยน เสียงที่นุ่มนวลของพ่อก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนเป็นแข็งขันและเขียวกล้า สะบัดมือไล่มาทางคุณสมาน

    " ถอยไป...ถอยไป...ออกไปห่างๆ เลย "

    แล้วท่านก็หันไปหาทางเด็กนักศึกษานั้นอีกครั้ง

    " เออ..ลูกสาวจำไว้นะลูก ลูกเป็นคนมีบุญทำมาดีแล้ว พร้อมแล้ว อย่าให้เสียเวลาที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนา รีบทำความดี ลูกเอ๋ย...รีบทำ "

    " หลวงพ่อครับ ผมขอมอบกายถวายขีวิตกับหลวงพ่อ..."

    คุณสมานผู้ของขึ้นหยุดไม่อยู่แล้ว คุกเข่าประนมมือประกาศ แต่...ลูกหลานเอย...หลวงตาก็ดี คุณสมานและภรรยาก็ดีมีอันต้องตะลึงขึงอารมณ์ เมื่อพ่อหยิบกระโถนขึ้นมาถือในมือพร้อมตวาดว่า

    " บอกให้ไป...ไปไหนก็ได้ นรกที่ไหนก็ได้ ถอยไปห่างๆเลย "

    ลูกหลานเอย....คุณสมานทรุดนั่งก้มหน้า ภรรยาร้องไห้ น้ำตาไหล หลวงตาทำยังไงจำไม่ได้ รู้แต่ว่าใจแทบขาด..ส่วนพ่อหยิบหมากขึ้นมาเคี้ยวบ้วนน้ำหมากตามปรกติ ผู้คนทั้งหลายในห้องเงียบกริบ เป็นช่วงเวลาที่หลวงตาเป็นทุกข์ที่สุด คุณสมานและภรรยาถอยไปนั่งด้านหลังผู้คนไกลออกไป แต่สายตาคุณสมานจ้องมาที่หลวงตา คล้ายจะบอกให้รู้ว่า

    " ..ผมจะคอยพี่ ผมจะไปส่งพี่ที่บ้าน..ผมจะถามอะไรพี่สักอย่าง...."

    โอย...เอาไว้ฉบับหน้าค่อยคุยกันเถอะลูก..ใจยังหายวูบวาบทุกครั้งที่นึกถึง เหตุการณ์ตอนนั้น เล่าเรื่องอภิญญาเรื่องฤทธิ์ ก็ต้องตื่นเต้นอย่างนี้แหละ

    หลวงตาไปก่อนล่ะลูก..ตัวใครตัวมัน


    (จากหนังสือ มรดกพระดี หน้า 71-83)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2024

แชร์หน้านี้

Loading...