ฌานต้นใช่ปฐมฌานมั้ย แล้วจะรู้ว่าเป็นขณิกสมาธิได้อย่างไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 8 กุมภาพันธ์ 2016.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    เนื่องด้วยว่าหลายปีก่อนจขกท.ปฏิบัติหลายแนวทาง ทั้งอานาปานุสสติ และสติปัฏฐาน๔ และเร่งรีบรวบรัดเกินไป ยังขาดประสบการณ์อีกมาก รบกวนขอคำแนะนำจากท่านทั้งหลายเพิ่มเติมว่า จะใช้ขณิกสมาธิพิจารณาอสุภะได้อย่างไร พอดีว่าครูบาอาจารย์ท่านลงมาบอกผ่านคุณพ่อ (ไม่ใช่ครูบาอาจารย์ที่อยู่ภูมิมนุษย์) จขกท.จะรวมยอดความรู้ไว้ปฏิบัติเพื่อตัดกิเลสขั้นกามราคะและปฏิฆะต่อไป

    ขอให้ท่านทั้งหลายบรรลุความปรารถนาทั้งผู้ที่ปรารถนาสาวกภูมิและพุทธภูมิ

    กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง

    ปล.ความเห็นส่วนตัว ถ้าไม่ทำบารมีด้านเนกขัมมะ วิมุตติเกิดยากมาก อย่างไรเสียเราต้องยอมรับตัวเองไว้ในใจว่า จะมีกิเลสเท่าคนปกติไม่ได้แล้ว ... ที่ร้อนยิ่งกว่ากามคือ เงิน !!!
     
  2. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +710
    แค่แสดงความเห็นนะครับ

    สิ่งแรก
    ที่สมควรทำนะครับ

    ชอบครูอาจารย์องค์ไหน ที่ฟังแล้ว เราศรัทธา
    ฟังให้เข้าใจในวิธีการทำ
    สำคัญมาก



    แล้ว เดินตามคำแนะนำท่านไปให้ ยิ่งยวด


    เมื่อเราจะเอาดีทางนี้

    แม้จะเป็นฆราวาสก็ฝึกแบบฆราวาส

    กรรมฐาน

    เลือกมาซักอย่าง
    ทำให้จริง ต่อเนื่อง ไม่เกิด 7 วัน จะได้สัมผัส

    เว้นแต่ทำแบบขี้เกียจ จับนู้นนี่ มันจะไม่ไปไหน วนๆๆไปอย่างนั้น

    เวลาทำกรรมฐานจริงๆ
    การทำไปได้ 1ชม.
    แล้วก็มาถามต่างๆนาๆ มันเกิดจาก ไม่เข้าใจวิธีการทำ เรียกว่า ต้องไปฟังวิธีใหม่

    ทำกรรมฐาน หากจะมีคำถาม มันต้อง ลองให้เต็มที่ อย่างน้อย สามเดือน
    อย่างฆราวาส

    แล้วหากสงสัยค่อยหาเพื่อนสนทนา หรือกลับไปถามครูอาจารย์อีกครั้ง

    ทำวันนี้ ถามวันพรุ่งนี้ แบบนี้ไม่มีทางก้าวหน้าหรอกครับ
     
  3. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +710
    หากชอบหลวงปู่พุธ ฐานิโย

    นี่ตัวอย่างหนึง ที่ ท่านแนะแนววิธีทำ


    http://palungjit.org/posts/5969429
     
  4. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +710
  5. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +710
    นี่อีก ตัวอย่างนึง

    ฟังและอ่าน แล้วจะได้เข้าใจ คำว่า ตามรู้ รู้ตาม รู้ทัน รู้กาย รู้ใจ

    2 ตัวอย่างนี้ เหมาะกับการภาวนาแบบฆราวาส

    ไม่จำเป็นต้องศีล8
    ศีล5 ข้อนี่ล่ะ
    จะให้ดี ศีล ข้อเดียว รักษาเจตนาที่ใจไม่ให้ทำชั่ว นี่ก็เพียงพอแล้ว



    http://palungjit.org/threads/รู้-เห...เห็นตามความเป็นจริง-หลวงปู่พุธ-ฐานิโย.403587/

    http://palungjit.org/threads/ธรรมะ-ธรรมชาติ-สภาวะธรรม-และการนำไปใช้-โดย-หลวงปู่-พุธ-ฐานิโย.288027/
     
  6. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    คือตอนเนี้ยข้าพเจ้ามีแฟน มันถึงเวลาต้องตัดใจเลือกละ ว่าจะก้าวต่อไปมั้ย เพราะแฟน(ไม่รู้เปรตหรือเทวดา) เค้าไม่ปฏิบัติร่วมกับเราเพื่อเป็นกัลยาณมิตร ตอนเนี้ยถ้าเราตัดสินใจละทางโลกแต่ยังเป็นฆราวาสนะ ข้าพเจ้าต้องเตรียมตัว เด็ดเดี่ยวและปฏิบัติจนสำเร็จเลย

    มันค้างคาอยู่เพราะแฟนเนี่ย ข้าพเจ้าเป็นคนโนแมนติก อยากมีความรัก แต่ความรักของชายหญิง มันมีกามราคะ เซ็งจริงๆ
     
  7. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ความรักที่ปรารถนาให้พ้นทุกข์ก็มี
    ความรักแบบอาศัยเป็นเครื่องอยู่
    ก็มีพิจารณาด้วยปัญญาอันยิ่งดูสิ
    กิเลสทั้งปวง อาศัยปัญญาในการ
    ละให้ขาด เมื่อละขาดก็สบายใจ
     
  8. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ขณิกะสมาธิ เป็นความสงบที่เล็กน้อย
    ชั่วขณะหนึ่งแล้วถอนออกมาเร็วมาก
    ความสงบเล็กน้อยแค่นี้จะเอามาดูอสุภะ
    อสุพังไม่ทันเห็นแต่ภาวะเกิดกับดับผิวเผิน
    อย่างน้อยจิตต้องสบงเข้า
    ไปถึงชั้น อุปจารสมาธิ ความสงบในระดับ
    นี้สามารถพิจารณาอสัภะ-อสุภัง ได้ดี
    อุปจารสมาธิ เป็นสมาธิ ที่เห็นภาพได้ยินเสียง
    แล้วโน้มลงไปสู่ ไตร์ไลักษณ์ เพื่อให้ได้
    ญาน วิมุต หลุดพ้น จากสภาพปุถุชนขึ้นไปเป็น
    พระอริยบุคคล
     
  9. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ดิฉันนั่งเพราะอยากสบาย

    แต่จริงๆต้องนั่งสมาธิเพื่อสร้างสติ (สติ=>ระลึกลมหายใจเข้า-ออก)

    โอเคแระ บริกรรมพร้อมกับนั่งสมาธิ เริ่มเข้าใจทีละนิด
     
  10. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ท่านต้องละความอยากทั้งปวง
    ไม่ได้ทำสมาธิเพราะอยากที่จะทำ
    แต่ที่ทำสมาธิ ก็เพื่อความพ้นทุกข์
    อย่างเดียวเท่านั้น ให้เร่งความเพียร ใน
    การเจริญสติ ในทุกอิริยาบถ
    เดินก็ให้มีสติ ยืนก็ให้มีสติ
    นั่งก็ให้มีสติ นอนก็ให้มีสติ
    เมื่อเธอเจริญสติ ทำให้มาก
    ทำให้ต่อเนื่อง อย่างถูกต้อง
    เป็นอันหวังผลต่อการบรรลุ
    ธรรมได้ การบรรลุธรรมจะเกิด
    ได้มีได้ขึ้นมาเอง เมื่อสติสมบูรณ์
    ได้มีขึ้นมาแล้ว ได้เกิดขึ้นมาแล้ว
    เพราะการบรรลุธรรม ไม่สามารถ
    กำหนดให้เกิดขึ้นมาเองได้ ต้อง
    เกิดขึ้นเอง เป็นขึ้นมาเองจากการ
    เจริญสติอย่างต่อเนื่องอย่างถูกวิธี
    ส่องสติเข้ามาข้างในกายอันเป็นที่
    ประชุมรวมของธรรมะ ไม่ใช่ส่องสติ
    ออกนอกกายอันไร้ธรรมไร้แก่นสาร.
     
  11. zhayun

    zhayun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +425
    หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง ท่านแนะนำว่า

    การละสังโยชน์จริงๆ ถ้าละข้อ 1 ได้ข้อเดียว และละขาดจริงๆ อีก 9 ข้อก็ละได้หมด



    การละสังโยชน์ข้อ1. คือละความยึดมั่นถือมั่นในกายนี้ ว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในกายนี้ กายนี้ไม่มีในเรา

    ก็พิจารณาไปพร้อมระลึกลมเข้าออกไปด้วย

    ว่าถ้าร่างกายนี้เป็นของเรา ร่างกายนี้มันต้องเที่ยง เราต้องสามารถบังคับกายนี้ได้



    แต่นี่ตั้งแต่เกิดมา ร่างกายนี้มันเที่ยงไหม ถ้าเที่ยงเกิดมาเป็นทารก ความเป็นทารกมันก็ต้องทรงตัวอยู่อย่างนั้น

    แต่ร่างกายนี้มันไม่เที่ยง มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น เสื่อมไปในท่ามกลาง และสลายตัวไปในที่สุด



    ถ้าดูร่างกายนี้ไม่ชัดก็ไปดูร่างกายผู้ที่แก่กว่า เช่นพ่อแม่ปู่ย่าตายาย เป็นต้น

    ว่าพวกท่านเคยเป็นทารกไหม เคยเป็นเด็กไหม เคยเป็นหนุ่มสาวไหม แล้วสิ่งที่เคยมาทั้งหมดมันไปไหนแล้วละ มันสลายตัวไปหมดแล้วใช่ไหม และไม่นานร่างกายก็ต้องพังในที่สุด

    ร่างกายที่ท่านอาศัยอยู่นี้ก็เช่นกัน ร่างกายนี้ก้าวไปสู่ความเสื่อม ก้าวไปสู่ความพัง ก้าวไปสู่การทำลายตัวเอง จะไปยึดถืออะไรกับร่างกายนี้



    และเราบังคับร่างกายนี้ได้ไหม เราเพียงแค่มาใช้ร่างกายนี้เท่านั้น แต่เราไม่สามารถบังคับร่างกายนี้ได้เลย

    เวลาร่างกายนี้หิว บังคับไม่ให้หิวได้ไหม เวลาป่วย บังคับไม่ให้ป่วยได้ไหม เวลาแก่ บังคับไม่ให้แก่ได้ไหม และเวลาร่างกายจะพัง จะบังคับให้ร่างกายไม่พังได้ไหม

    ก็บังคับไม่ได้เลย เพราะร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในกายนี้ กายนี้ไม่มีในเรา



    ถ้าบอกว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา และอะไรละที่เป็นของเรา เราคือจิต จิตคือธาตุรู้ คืออาทิสสมานกายนั่นเอง

    เรามาอาศัยในร่างกายนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ร่างกายนี้เหมือนบ้านเช่าที่เรามาอาศัยแค่ชั่วคราว พอร่างกายนี้พัง เราก็ไม่สามารถอาศัยร่างกายนี้ได้อีกต่อไป

    เมื่อนั้นเราก็ต้องออกจากกายนี้ พอออกจากกายนี้ไป เราก็ต้องทิ้งทุกอย่าง ร่างกายนี้ก็ต้องทิ้ง ทรัพย์สินทั้งหมดก็ต้องทิ้ง พ่อแม่พี่น้อง ลูกและสามีภรรยาก็ต้องทิ้งทั้งหมด

    เราไม่สามารถเอาอะไรไปได้เลย เพราะไม่มีอะไรที่เป็นของเรา มีแต่เพียงบาปบุญเท่านั้นที่จะติดตามตัวเราไปเหมือนกับเงาตามตัว



    ดังนั้นเราจึงขอเกิดชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ถ้าหากร่างกายนี้จะพังในวันนี้ เราก็จะไม่เสียดายกับร่างกายนี้เลย เราขอเข้าพระนิพพานอย่างเดียว ใครจะชวนเราไปที่ไหน เราไม่ไป เราจะมุ่งแต่ไปพระนิพพานเท่านั้น



    ให้ท่านค่อยๆพิจารณาแบบนี้ หรือจะพิจารณายิ่งๆไปกว่านี้ก็ได้ พิจารณาไปเรื่อยๆ

    เห็นผู้ชาย ผู้หญิง เห็นสัตว์ เห็นวัตถุ ก็สักแต่ว่าเห็น เห็นแล้วก็พิจารณาว่าทั้งคน ทั้งสัตว์ และวัตถุ ทั้งหมดนี่ไม่มีอะไรทรงตัว ไม่มีอะไรเป็นที่พึ่งได้จริง และทั้งหมดนี้ก็ต้องสลายตัวไปในที่สุด



    พิจารณาไปเรื่อยๆ พิจารณาไปทุกวัน ค่อยๆพิจารณาไป เดี๋ยวจิตก็จะค่อยๆละความยึดมั่นไปเองละครับ
     
  12. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ถึงขั้นตัดกิเลสเลยเหรอครับ อนุโมทนาด้วยครับ

    ถ้าจะตัดกิเลส ขณิกคงไม่พอครับ กำลังขึ้นไม่ถึงที่
    เริ่มจากกดทับกิเลสไปก่อนครับ ภาวนาเมตตา สักเจ็ดเดือนก่อนครับ ท่องก่อน กำหนดอารมณ์เมตตาตาม ขั้นแรกเอาจำนวนรอบอายุบวกหนึ่ง สักสามเดือน จากนั้น คูณสามเวลาบวกก่อนนอน จากนั้น ขยายเป็น รอบสามชั่วโมง จนเจ็ดเดือนไม่คิดอะไร นอกจาก อารมณ์เมตตา ถ้าทำงานก็คิดก็ทำไปแต่จิตทรงอารมณ์เมตตาไว้

    กามราคะ จะลดลง บางลง จนถูกกดทับ ปฏิฆะก็เช่นกัน

    จากนั้น เชื่อว่า กำลังจิตจะเข้าปฐมฌาณได้ง่ายแบบชั่วลัดนิ้วมือหากต้องการ ที่เหลือหากจะตัดกิเลสขั้นเด็ดขาดก็ไปทำอสุภะ หรืออะไรที่คนอื่นแนะนำได้เลย
     
  13. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,159
    ค่าพลัง:
    +1,231
    "เอกายโน ภิกขเว อยํ มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทางสายนี้ เป็นทางของคนๆเดียว
    เพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย"(สติปัฏฐาน ๔)


    พุทธดำรัสนี้ แสดงถึงเส้นทางดำเนินไปสู่พระนิพพานตามหลักสติปัฏฐานว่า
    เป็นเส้นทางของคนๆเดียว(คนโสด คือไม่ใช่ของคนมีคู่)

    แต่...พุทธดำรัสตรงนี้ มักมีผู้แปลและตีความไปผิดๆว่า มีแต่สติปัฏฐาน ๔
    ที่เป็นเส้นทางไปสู่นิพพานได้ การจะอธิบายธรรมใดๆก็เลยต้องอธิบายลง
    ในสติปัฏฐาน ๔ ทั้งหมด เพราะเขาเชื่อกันว่า สติปัฏฐานเป็นทางเดียวจริงๆ
    (สาเหตุก็เป็นเพราะคนที่แปลคนแรกนั่นแหละ)

    แต่ถ้าจะแปลคำว่า เอกายโน ว่าหมายถึง ทางของคนๆเดียวแล้ว
    ก็จะได้ความหมายว่า การปฏิบัติไปสู่การหลุดพ้นจากกิเลสนั้น
    เป็นทางของคนๆเดียวเท่านั้นที่ไปได้ ไม่ใช่ทางของคนมีคู่ หรือ
    คนที่มีคนอื่นๆเป็นภาระต้องรับผิดชอบ มันเปรียบเหมือนการโหนเชือกเพื่อข้ามไปอีกฝั่ง
    ที่ไปได้ที่ละคนเท่านั้น ไม่สามารถข้ามโดยพ่วงอีกคน หรือสัมภาระที่มีน้ำหนักเกินไปได้ เพราะมิฉะนั้น เชือกก็จะขาด
    และจะไปไม่ถึงอีกฝั่ง

    อย่างไรก็ดี ฝากไว้ให้ผู้รู้ได้พิจารณาด้วย เพราะการแปลและตีความพุทธวจนะนั้น
    ถ้าแปลผิด หรือตีความผิดพลาด ทุกอย่างมันจะผิดพลาดไปหมด
    โดยเฉพาะการไปตีความโดยยึดเฉพาะคำแปลอย่างเดียวยิ่งอันตรายมาก
    จำเป็นต้องตรวจสอบจากหลายๆที่และหลายๆผู้รู้
    (ที่ต้องหยิบยกเรื่องนี้มาพูด เพราะเห็นหลายๆคนชอบพูดกันว่า
    การปฏิบัติธรรมที่จะบรรลุถึงมรรคผลนิพพานได้ ต้องปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐาน ๔ เท่านั้น เพราะเป็นธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นทางเดียว_ที่จริงคือ
    พระพุทธเจ้าทรงตรัสหมายความว่า เป็นทางไปของคนๆเดียวหรือคนโสด
    หรือคนที่ถือพรหมจรรย์ ไม่ได้ตรัสว่า สติปัฏฐานเป็นทางสายเดียว
    เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริง ธรรม ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ข้ออื่นๆก็เป็นโมฆะหมด แล้วจะไปแสดงไว้ทำไมตั้งมากมาย ก็แสดงเฉพาะสติปัฏฐานสูตรเดียวเท่านั้นจบ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กุมภาพันธ์ 2016
  14. อินทรี

    อินทรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +562
    ผมคิดเทคนิคก้อยู่ตรงนี้แหละคับ ขอตอบคนที่มีบุญเยอะกว่าผมและกันนะ
    เพียงแต่ต้องมีสติอยู่รู้ลมเข้า-รู้ลมออกตลอดเวลาครับ และควรสมาทานศีล5
    เป็นอย่างน้อย และอธิษฐานจิตเป็นประจำให้เข้าถึงมรรคผลนิพพานโดยง่าย
    หรือได้มีโอกาสทำบุญกับพระอริยเจ้าได้ง่าย สุดท้ายแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศล
    ให้ได้ทุกวัน ก้จะดีเยี่ยม ผมว่าอย่าไปเร่งรีบเกินไปก้จะดี ทำด้วยความพอดี ค่อยๆทำ
    จะดีที่สุด "ช้าเพื่อได้ เสียเพื่อไว จะทำไรต้องคิดก่อน พอสติดี ทำไรถูกหมด"
    ถ้าเราอย่กับอารมณ์เดียวนานๆ สมาธิ กับ ฌาน จะเกิดขึ้นเองครับ อารมณ์เดียวที่ว่านั้นเริ่มสตารทที่ขณิกะสมาธินี่แหละ ไปจนถึงสมาธิขั้นใหญ่
     
  15. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..Yostro ทำไม? ถึงเป็นบุรุษที่มีปรกติ"ปล่อยควาย(โง่)"พูดอะไรแบบผิดๆไม่คิดแบบนี้อยู่เป็นประจำ..

    ธรรมทุกอย่างที่พระองค์ทรงย่อมมีที่สิ้นสุดมี"นิยาม"มีสรุปรวมลง"พระอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา"
     
  16. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    Yosto ถ้าข้องใจเรื่องนี้เรามาคุยกันให้จบ อย่าหนี!
     
  17. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..เจ้าของกระทู้ครับ ถ้ามุ่งมั่นตั้งใจจริงๆที่อยากจะหลุดพ้น กระผมขออนุโมทนา ความรักแบบไม่มีกามราคะเป็นเชื้อเป็นของที่เกิดขึ้นได้ยากในมนุษย์ปุถุชนโดยเฉพาะความรักแบบ"ชายหนุ่ม,หญิงสาว" หญิงก้อหวังพึ่งชาย,ชายก้อหวังที่จะได้รับความสุขอ่อนโยนจากฝ่ายหญิง จะให้รักแบบไม่มีราคะกำหนัดมันก้อเป็นเรื่องยาก..
     
  18. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..กาย ก้อเป็น อนิจจัง,ทุกขัง,อนัตตา

    ..เวทนา ก้อเป็น อนิจจัง,ทุกขัง,อนัตตา

    ..จิต ก้อเป็น อนิจจัง,ทุกขัง,อนัตตา

    ..ธรรมทั้งหลาย ก้อเป็น อนิจจัง,ทุกขัง,อนัตตา

    พระพุทธองค์แสดงธรรมมากมายเพื่อให้สัตว์เห็นยอดของธรรมคือ"สติปัฎฐานสี่"
     
  19. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,159
    ค่าพลัง:
    +1,231
    ไม่หนีแต่ไม่อยากจะเถียงด้วย มันเสียเวลา เสียอารมณ์
    ใครอยากจะเชื่อว่า สติปัฏฐาน ๔ เป็นเพียงวิธีเดียวที่ช่วยให้บรรลุมรรคผลได้ก็ตามใจ
    แต่เราไม่เชื่อ เพราะพระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมไว้มากมายหลากหลายวิธี
    หลากหลายพระสูตร
     
  20. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,159
    ค่าพลัง:
    +1,231
    อีกนัยหนึ่ง ชื่อว่า เอกายนะ เพราะอรรถวิเคราะห์ว่า เป็นทางที่บุคคลพึงไปผู้เดียว. คำว่า ผู้เดียว คือคนที่ละการคลุกคลีด้วยหมู่ ปลีกตัวไปสงบสงัด. ข้อว่า พึงไป คือพึงดำเนินไป.

    ถ้าหากไม่เชื่อ ลองเข้าไปดู แก้อรรถของมหาสติปัฏฐานสูตรได้
    พระอรรถกถาจารย์ ท่านอธิบายคำว่า เอกายโน ไว้ว่าอย่างไรบ้าง

    http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10&i=273&p=1
     

แชร์หน้านี้

Loading...