ตอนนี้มีใครฝึกวิชาเกี่ยวกับพระเวทลองมาคุยดูค่ะ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย พรหมณี, 3 กุมภาพันธ์ 2016.

  1. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
    ตอนนี้มีใครฝึกวิชาเกี่ยวกับพระเวทลองมาคุยดูค่ะ...พอดีสนใจเรื่องนี้อยู่ แต่หาคนคุยด้วยยากค่ะ
     
  2. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ลองเล่ามาก่อนซิจ๊ะ ว่าฝึกแบบไหนกับใครมา อย่างไรบ้าง แล้วทำไมใช้คำว่าพระเวท
    ไม่ใช่คาถาอาคม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2016
  3. monrak

    monrak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +234
    ลองพระคาถาเงินล้านแล้วได้ผลดีมากครับองไปฝึกดูนะลองฝตามคำสอน
    องหลวงพ่อฤาษีดู
     
  4. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
    ลองเล่ามาก่อนดูค่ะว่าคุณฝึกยังไง
     
  5. เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา

    เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา เพื่อมวลมนุษย์แลสรรพสัตว์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +1,936
    พระเวทในที่นี้ หมายถึงศาสตร์แขนงหนึ่งของศาสนาพราหมณ์เปล่าครับ
     
  6. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
    ใช่ค่ะ หรือไม่ก็สายฤๅษีค่ะ
     
  7. แสงอุ่น

    แสงอุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    612
    ค่าพลัง:
    +1,036
    ด้วยความเชื่อส่วนตัว...
    ไม่รู้เรียกพระเวทหรือเปล่า จากการทดลองส่วนตัว
    เราตั้งจิตให้สงบแล้วกล่าวอธิฐานให้สิ่งที่ต้องการให้จุติขึ้น ด้วยเหตุแห่งที่มา ที่ไป และผล แล้วทำสมาธิ ให้สงบจนถึงอุปจาระ ระยะที่หลุดจากสิ่งรอบกายแล้ว แล้วให้นึกถึงสิ่งที่ต้องการให้จุติ หากพบเห็นเป็นนิมิต สิ่งนั้นจุติแล้ว
     
  8. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
    คือในความหมายในเรื่องของการใช้พระเวท ตัวอย่างเช่นการบูชาไฟ การทำให้ไฟเย็นทำนองนี้ค่ะ
     
  9. กฮ

    กฮ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +415
    สิ่งที่คุณพรหมณีว่ามาคือกสิณไฟ สิ่งที่คุณแสงอุ่นว่ามาคือกสิณแสง
     
  10. loongken

    loongken Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +29
    เราก็ใช้วิธีคล้ายกันนี้
     
  11. loongken

    loongken Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +29
    เราว่ามันไม่ใช่กสิณตรงๆอย่างที่ว่า
    เพียงแต่มันใช้"ภาพ" ประกอบ
     
  12. loongken

    loongken Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +29
    อ้างถึงกระทู้-จิตจักรวาล
    เห็นคุณพรหมณีตั้งหัวข้อใหม่นี้ เลยมาตอบในนี้ดีกว่า
    .....................................................................
    ที่ว่าคุณเห็นบางสิ่งได้โดยไม่ต้องหลับตานั้น ผมเชื่อเกินครึ่งว่าคุณทำได้
    เพราะผมก็เคยเจอคนที่มี ประสาทสัมผัสพิเศษ ที่มีมาเองโดยไม่ต้องฝึกหัดอะไร
    แต่ในเรื่องของ"วัตถุ"เช่นปรอท ลูกแก้ว นั่น อยากศึกษาดูว่าทำได้อย่างไร
    ที่ว่า"ได้ยินเสียงสั่งให้ทำ..."ที่ถามไป ตอบตรงหัวข้อนี้ก็ได้
     
  13. กฮ

    กฮ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +415
    พระเวทคือธรรมชาติ สิ่งปรุงแต่งที่ว่ามาไม่ใช่พระเวท
     
  14. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    976
    ค่าพลัง:
    +3,498
    ชาวพราหมณ์ ไม่มีศาสดา แต่เป็นศาสนาที่เก่าแก่มาก และมีการเคารพรูปเทพต่างๆ ใช้ภาษาสันสกฤต

    เวท หมายถึง ความรู้ ในอินเดียนั้นมีมานานแล้ว แต่ในทางยุโรปเพิ่งได้รับความสนใจในศตวรรษที่ 18
    เวท เป็นที่มาของปรัชญาและวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะถูกปลูกฝังโดยศาสนา และสังคมตามความเชื่อนั้นๆ

    พระเวท เชื่อว่าเป็นพระคาถาที่พระพรหมณ์ทรงมอบให้มนุษย์ เพื่อใช้กับ พระเจ้า สัตว์ และธรรมชาติ
    พระเวท มีจำนวนราวหมื่นพระคาถา ซึ่งแบ่งออกเป็นคำภีร์ ดังนี้

    - คำภีร์ฤคเวท เป็นคำภีร์ที่เก่าแก่ที่สุด ใช้เป็นบทสวดเพื่อสรรเสริญพระเจ้า และการกำเนิดโลก
    - คำภีร์สามเวท เป็นคำภีร์ที่เก่าแก่รองลงมาจากคำภีร์ฤคเวท ใช้ประกอบพิธีกรรมทั่วไป
    - คำภีร์ยชุรเวท ซึ่งแบ่งเป็น 2 สาขา คือ ยชุรเวทดำ และยชุรเวทขาว ใช้ในพิธีบูชายัญ
    - คำภีร์อถรรพเวท (ไสยศาสตร์ มนต์ดำ) ใช้เป็นเวทมนต์และคาถาต่างๆ

    การอ่านคำภีร์นั้นเพื่อปกป้องและรักษา มีการสืบทอดแบบรุ่นต่อรุ่น โดยการฟังและท่องจำต่อๆกันมา
    พระเวท แม้นเป็นบทกวีหรือบทเพลง แต่แฝงไปด้วยโน้ตเสียง สูง กลาง ต่ำ ซึ่งสอดคล้องเป็นจังหวะ

    ชาวพุทธ พระพุทธเจ้าได้อธิบายด้วยเหตุและผล ต้นเหตุคือความอยาก ผลลัพธ์ที่ได้คือความทุกข์
    นี่คือเหตุผลว่าทำไมงานพิธีในประเทศเราจึงต้องใช้พราหมณ์ในการประกอบพิธีต่างๆมิใช่พระสงฆ์

    เรียบเรียงจากแหล่งที่มา https://hi.wikipedia.org และ http://www.siamganesh.com
     
  15. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    976
    ค่าพลัง:
    +3,498
    "คนเหล่าใด เกิดในมนุษยโลกแล้ว เมื่อพระตถาคต ทรงประกาศสัทธรรม ไม่เข้าถึงขณะ ชนเหล่านั้น ชื่อว่า ล่วงขณะ ชนเป็นอันมาก กล่าวเวลาที่เสียไปว่า กระทำอันตรายแก่ตน พระตถาคตเจ้า เสด็จอุบัติขึ้นในโลก ในกาละบางครั้งบางคราว การที่พระตถาคตเจ้า เสด็จอุบัติขึ้นในโลกหนึ่ง การได้กำเนิดเป็นมนุษย์หนึ่ง การแสดงสัทธรรมหนึ่ง ที่จะพร้อมกันเข้าได้ หาได้ยากในโลก ชนผู้ใคร่ต่อประโยชน์ จึงควรพยายามในกาละ ดังกล่าวมานั้น ที่ตนพอจะรู้ จะเข้าใจสัทธรรมได้ ขณะอย่าล่วงเลยท่านทั้งหลายไปเสีย เพราะ บุคคลที่ปล่อยเวลาให้ล่วงไป พากันยัดเยียดในนรก ย่อมเศร้าโศกอยู่

    หากเขาจะไม่สำเร็จอริยมรรค อันเป็นธรรมตรงต่อสัทธรรมในโลกนี้ได้ เขาผู้มีประโยชน์ อันล่วงเสียแล้ว จักเดือดร้อนสิ้นกาลนาน เหมือนพ่อค้า ผู้ปล่อยให้ประโยชน์ล่วงไป เดือดร้อนอยู่ ฉะนั้น คนผู้ถูกอวิชชาหุ้มห่อไว้ พรากจากสัทธรรม จักเสวยแต่สงสาร คือ ชาติ และ มรณะ สิ้นกาลนาน ส่วนชนเหล่าใด ได้อัตภาพเกิดเป็นมนุษย์แล้ว เมื่อตถาคต ประกาศสัทธรรม ได้กระทำแล้ว จะกระทำ หรือ กระทำอยู่ ตามพระดำรัสของพระศาสดา ชนเหล่านั้น ชื่อว่า ได้ประสพขณะ คือ การประพฤติพรหมจรรย์ อันยอดเยี่ยมในโลก ชนเหล่าใด ดำเนินไปตามมรรคา ที่พระตถาคตเจ้า ทรงประกาศแล้ว สำรวม ในศีลสังวร ที่พระตถาคตเจ้าผู้มีจักษุ เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระอาทิตย์ ทรงแสดงแล้ว คุ้มครองอินทรีย์ มีสติทุกเมื่อ ไม่ชุ่มด้วยกิเลส ตัดอนุสัยทั้งปวง อันแล่นไปตามกระแสบ่วงมาร ชนเหล่านั้นแล บรรลุความสิ้นอาสวะ ถึงฝั่ง คือ นิพพานในโลกแล้ว"

    คาถาธรรมจากครูอาจารย์

    คัดลอกจาก คาถาธรรม อย่าปล่อยให้เวลาล่วงไปเปล่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2016
  16. กฮ

    กฮ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +415
    พวกพราหมณ์โดนเปรียบถึงขั้นต่ำช้ากว่าสุนัข ถ้าพวกนั้นรู้พระเวทและข้อปฏิบัติของพราหมณ์จริง พระพุทธเจ้าท่านไม่ว่าให้ได้อายหรอก
     
  17. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
    ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาตอบค่ะ อันเรื่องพระสัทธรรมนั้นตอนนี้ก็ปฏิบัติมาตลอดค่ะ ถึงวันนี้ก็ยังปฏิบัติอยู่ค่ะ....เพียงแต่แยกในเรื่องของภาคพิธีกรรมออกมาเพื่อศึกษาและสนใจค่ะ

    พอดีศึกษาเรื่องศาสตร์ของดวงดาวบนท้องฟ้ามันเกี่ยวเนื่องกับจักรวาล เชื่อมโยงลงสู่จิตแบบคล้ายๆพวกซี่กงที่ร่ายรำมวยจีนหรือไท้เก๊ก...แต่อันนี้มันเกี่ยวข้องกับการนั่งกัมมัฏฐานและเดินธาตุทั้ง 4 ผลปรากฏว่ามีปรากฏการณ์เกิดขึ้นน่าประหลาดใจเลยสนใจที่จะเรียนรู้ค่ะ...ไม่เกี่ยวกับสายพราหมณ์ที่ร้องสรรเสริญพระเจ้า หรือการระบำบำบวงเทพเจ้า

    แค่แว่บมาหาเพื่อนคุยเท่านั้นค่ะ
     
  18. กฮ

    กฮ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +415
    อยากจะฝึกหรือไม่ หากพระเวทไม่ได้มีปาฏิหาริย์อันใด นอกจากกลับคืนสู่ธรรมชาติ บุญที่ฝืนธรรมชาติจึงคืนสู่ธรรมชาติไปด้วยพระเวท จะเรียกได้ว่าพระเวทนั้นบอกยกเลิกซึ่งบุญและอำนาจฤทธิ์ก็ว่าได้
     
  19. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,863
    ตัวเองตั้งแต่เกิดมาก็เป็นคนที่แปลกกว่าชาวบ้านค่ะ สมัยเด็กบ้านอยู่ริมป่าชายเลยยกพื้นสูงใต้ถุนบ้านเป็นชายเลน อายุประมาณ 2 ขวบ เป็นเด็กที่ไม่พูดเลย แรกๆในบ้านคิดว่าเป็นใบ้...สมัยก่อนอยู่กันหลายคน แค่กลั้นใจเดินถอยหลังไปยืนชิดต้นเสา คนทั้งบ้านก็หากันไม่เจอ...ยายซึ่งเป็นคนมอญต้องเสกคาถาเอาน้ำล้างตาถึงจะมองเห็น ท้ายสุดเลยต้องใส่ลูกกระพรวนข้อเท้า เวลาเดินจะดังกรุ๊งกร๊งตลอด....ใส่จนอายุ 7 ขวบ ขนาดไปโรงเรียนยังต้องใส่ลูกกระพรวนข้อเท้า เอาถุงเท้าพันทับ

    ตอนเด็กถ้าลงจากบ้านไม่ยอมเดินบนดินถ้าไม่มีรองเท้า ต้องอุ้มกันตลอด...พออยู่ในบ้านอายุประมาณ 6-7 ขวบก็ยมองเห็นงูในเสาเรือนตัวเบ้อเริ่ม...เดินผ่านไปผ่านมาก็มองเห็น ขนาดเอานิ้วจิ้มๆบนตัวงู เดินจูงพ่อแม่มาชี้ให้ดูเขาก็มองไม่เห็นว่ามีงูอยู่ในต้นเสา

    เมื่อออกมายืนหน้าบ้านก็จะเห็นคนบินได้ สมัยนั้นยังคิดว่าคนบินได้ทุกคนเลยเห็นเป็นเรื่องธรรมดา...โดยที่ตัวเองไม่ใช่คนช่างพูดก็เลยไม่ได้เล่าให้ใครฟัง...พอโตมาถึงได้รู้ว่าปกติคนจะบินไม่ได้ งั้นแสดงว่าที่เราเห็นนั้นเป็นพวกเทวดานางฟ้า....เขาก็แต่งตัวแปลกๆสวยงามกว่าคนปกติที่นุ่งผ้าถุง บางคนก็มีชฏา....พอตอนโตก็ไม่เห็นอีก

    ส่วนเรื่องกลั้นใจแล้วเดินถอยหลังคนมองไม่เห็น หาไม่เจอ....ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ในบางครั้ง ขนาดนั่งรอในห้อง น้องที่ทำงานก็มายืนตะโกนหาเราอยู่ข้างๆ ต้องขานกันเขาถึงจะเห็น

    ส่วนตัวก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องผิดปกติอะไร เพราะมันเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่พระเวทหรือมนค์คาถาอาคมที่จะท่องแล้วมห้เห็นปรากฏการณ์....ส่วนมากเวลาเขาหาเราไม่เจอรู้สึกจะรำคาญด้วยซ้ำ

    ส่วนเรื่องปรอทและลูกแก้วนั้น pm คุยก็ได้ค่ะ
     
  20. loongken

    loongken Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +29
    น่าแปลกจนเป็นสถิติที่น่าศึกษาได้ ที่ทำไมคนที่มีประสาทสัมผัสพิเศษเมื่อตอนเด็กๆ
    พอโตขึ้น ความสามารถนั้นก็หายไป
    อาจเป็นเหตุผลอะไรบางอย่างที่จะทำให้เราเป็นคนปรกติของโลกนี้
    ถึงจะอยู่ได้อย่างคนปรกติ
    แต่บางทีเรื่องแบบนี้ ชวนให้เราคิดว่าสมองของคนเราน่าจะมีส่วนสำคัญอยู่ด้วย
    จากหัวข้อโน้น(จิตจักรวาล)เห็นที่บอกแล้วเกี่ยวกะลูกแก้ว-ปรอท
    แต่จะคุยถึงชี่หรือพลังปราณที่คุณว่าฝึกอยู่เหงื่อแตกท่วมกายและก็ ป่วย
    เราเคยลองฝึกและก็ฝึกได้ผลระดับหนึ่ง คุณใช้คำว่าตั้งธาตุฯลฯซึ่งเราไม่คุ้นเคยนัก แต่ก็เข้าใจความหมาย ซึ่งคงจะอย่างเดียวกัน ว่า"จินตนาการว่า"
    เราฝึกตามตำราทั่วไปที่มีขายในท้องตลาด แบบโคจรลมปราณไปทั้งตัว
    ตามเส้นพลังงานหลัก8เส้น มีอยู่ครั้งหนึ่ง ป่วย เข้าโรงบาลเหมือนกัน
    เลยหยุดไว้ก่อน กลับมาหา ดูลมหายใจอย่างเดียว ไม่เร่งรัด
     

แชร์หน้านี้

Loading...