ช้างเผือกในป่าอีสาน หลวงตาสมหมาย วัดป่าสันติกาวาส คำสอน/ประสบการณ์/วัตถุมงคล/ (ช่างชิต)

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ช่างชิต, 21 ตุลาคม 2013.

  1. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ...........การฝึกจิตให้มีพลังจิต............
    ....”ท่องพุทธโธหายใจเข้าออก 20 ครั้ง ทำทุกวันก่อนนอน ให้จิตมีสติพอมีสติแน่วแน่ก็จะเป็นสมาธิ พอเป็นสมาธิแน่วมากๆจิตก็มีพลัง หลวงปู่วิริยังค์ท่านถึงทำการสอนฝึกสมาธิ เพราะจิตพอเป็นสมาธิมีพลังก็มีอานุภาพขึ้นมา เอามานำเป็นประโยชน์กับตัวเองได้ ดูอย่างครูบาอาจารย์ท่านสิ หลวงปู่อ่อน(ญาณสิริ) หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่จันทร์(เขมปัตโต) หลวงปู่จันทร์เรียน ท่านก็ล้วนมีจิตที่มีอานุภาพจากสมาธิ"
    ......."หลวงปู่จันทร์เรียนท่านเพ่งหินภูเขาจนแตกระเบิดได้ หลวงปู่ฝั้นท่านได้ยินนกร้องท่านก็ส่งจิตไปดูว่ามันร้องแถวไหน พอจิตรวมเพ่งที่นก นกก็ตกลงมาตาย(ในกรณีนี้ท่านไม่เป็นบาปเป็นโทษเพราะท่านไม่ได้มีเจตนาจะฆ่านกตัวนั้น) สมัยสงครามโลก เขาจะมาทิ้งระเบิดที่โคราชหรือที่ไหนนี้ละ ท่านก็ไปยืนรอ ถ้ามาก็คงต้องใช้พลังจิตเพ่ง โชคดีเครื่องบินไม่มา ท่านว่าถ้ามา”เราก็จะต้องฆ่าคนตั่วนิ” เพราะเครื่องบินตกแน่ๆ"
    ........"หลวงปู่จันทร์ เขมปัตโต สมัยก่อนท่านไปพักที่วัดถ้ำเป็ดของหลวงปู่ก้าน หมู่บ้านใกล้ๆมีแข่งกลองตีกันจนดึกจนดื่น ท่านนั่งภาวนาได้ยินก็คิด “มันทำอะไรกันไม่หลับไม่นอน” ท่านก็นั่งเพ่งส่งจิตไปดู พอไปเจอกลองท่านก็เพ่งกำหนด ไม่นานเสียงก็หายเงียบไป จนเช้าท่านไปบิณทบาตรในหมู่บ้านจึงรู้ว่ากลองแตก"
    ......."หลวงปู่อ่อน(ญาณศิริ) ท่านไปสกลท่านก็คิดรถมันเคลื่อนที่ไปได้ไง ก็ส่งจิตไปเพ่งที่พวงมาลัย ก็ยังไม่ใช่ ไปเพ่งที่ล้อรถก็ไม่หยุด ก็เลยไปเพ่งที่เครื่องที่ใบพัดมัน ซักพักเครื่องดับ พอคนขับสตาร์ทรถใหม่มันก็ติด หลวงปู่ท่านก็เพ่งอีก มันก็ดับอีก เขาสตาร์ทใหม่มันก็ติด ท่านก็เพ่งอีกมันก็ดับอีก ท่านจึงมั่นใจว่ามันติดเพราะตรงนี้เพราะเครื่องยนต์ 555"
    ......."ท่านไปเล่าให้ลูกศิษย์ฟัง ลูกศิษย์ได้ฟังแล้วก็ไปทำบ้าง ทำยังไงก็ไม่ดับ ก็มาบอกหลวงปู่ว่า “หลวงปู่ทำไมผมไปทำไม่ได้” ท่านว่ามันจะไปได้ยังไง “จิตพลังไม่ถึง ยังเป็นสัญญาอยู่มันไม่เป็นหรอก” นั้นละเห็นไหมพลังอานุภาพของจิตถ้าตั้งใจฝึกแบบจริงๆจังๆ"
    ......."จิตแม้ยังไม่มีพลังแบบนั้น แต่จิตเป็นสมาธิก็แป็นประโยชน์กับเราแล้ว ไม่ว่าจะทำงานทำการจะเรียนก็จดจำได้ดีมีสติตลอด พากันฝึกแบบหลวงตาบอกเด้อ พุทโธๆไป หายใจเข้าออก วันละ 20 ครั้งก่อนนอกหรือเท่าอายุตัวเอง”
    .......................
    ‪#‎อ่านเพื่อความบันเทิง‬
    ‪#‎อ่านเพื่อเป็นประโยชน์แก่ตัวท่านเอง‬
    ‪#‎อย่าอ่านแล้วไปถามหลวงปู่หลวงตาให้วุ่นวายท่าน‬
    ‪#‎เพราะช่างชิตจะโดนด่าและจะไม่มาเขียนให้อ่านนะบอกเลย‬ 5555
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_7044.JPG
      IMG_7044.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.1 MB
      เปิดดู:
      86
  2. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    "คนทำสมาธิไม่ใช่จะละกิเลสได้ กิเลสจะละจะลดได้ด้วยปัญญาเท่านั้น บางคนเข้าวัดตั้งแต่เด็กยันแก่ ทำสมาธิเก่งมาก เข้าสมาธิระดับอัปนาได้ระลึกชาติได้ เดินจงกรมเหมือนตัวจะเหาะ แต่กิเลสยังเต็มหัวก็มี ยังโลภยังหลงก็มี เพราะการทำสมาธิอย่างเดียวมันจะได้ญาณพวกนี้ แต่ถ้าได้สมาธิแล้วไม่เอาหลักปัญญามาพิจารณาธรรมมันก็ละกิเลสไม่ได้"
    .
    ‪#‎พระพุทธแกะแร่อึมครึม‬
    ‪#‎พวกเล่นมนต์ดำก็ได้สมาธิได้ฌาน‬
    ‪#‎ติดสมาธิแต่ไม่มีปัญญาก็ทาสมารกิเลส‬
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ......มีสมาชิกเข้ามากดไลค์บทความ มีมากดอนุโมทนา ก็เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่ามีคนติดตามอ่านอยู่ งั้นปล่อยเรื่องเด็ดๆออกมาต่อได้ 5555+++ ขอแจ้งนิดหน่อยกลุ่มหลวงตาในเฟสบุ๊คเป็นกลุ่มปิด ไม่สามารถแชร์บทความให้คนนอกอ่านได้ คนที่เป็นสมาชิกเท่านั้นที่จะเห็น ใครไม่เป็นสมาชิกในกลุ่มเฟส ก็มาหาอ่านเอาในบ้านหลังนี้นะครับผม
    ......ที่ในเฟสตั้งเป็นกลุ่มปิดเพราะคิดว่า เอาไว้อ่านแต่คนที่สนใจศรัทธาท่านจริงๆกันดีกว่า คนไม่ศรัทธาช้างลากมามันก็ไม่เอาครับ บางคนช่างชิตชวนจนจะกราบตีนอยู่ละ เหตุเพราะหวังดีอยากให้มากราบพระดีๆที่หายากในยุคนี้ ชวนมาเป็นปีๆทุกวันนี้คนๆนั้นก็ยังไม่ได้มากราบ เอาแล้วแต่...ตอนนี้เลิกชวนละ แค่นี้หลวงตาเองท่านก็เหนื่อยจะแย่ ใครมีบุญมีวาสนาอยากมากราบมาเจอท่านก็มาถาม มาแสวงหาข้อมูลเอาละกัน
    ........บทความที่ช่างชิตนำมาเขียน 95% เขียนจากความจำอย่างเดียว ไม่มีเครื่องบันทึกเสียง ไม่มีวิดีโอมาเปิดดูย้อนหลัง นั่งฟังนั่งถามแล้วจำเอามาเขียน อันไหนจำได้ก็เขียน จำไม่ได้ก็ผ่าน บางเรื่องถ้อยคำที่ใช้อาจคลาดเคลื่อนไปได้ แต่ความหมายโดยรวมไม่ผิดจากที่เขียน 99% ฉะนั้นใครเห็นคำผิดคำงงๆ บอกได้เลยนะครับยินดีรับฟังและแก้ไข
    ........เกริ่นมานานแล้ว จริงๆอยากจะมาเล่าประสบการณ์สดๆร้อนๆที่เกิดขึ้นไม่กี่วันมานี้ให้ฟังกัน ช่างชิตจะไม่ระบุชื่อบุคคลไม่ระบุสถานที่นะครับ เอามาเล่าให้ฟังกันเพื่อเผยแพร่บารมีครูบาอาจารย์เฉยๆ แต่ล้วนเกิดขึ้นจริงมีตัวตนจริงสถานที่อ้างอิงได้
    ......เรื่องของเรื่องคือ วันนี้ช่างชิตไปจังหันหลวงตา ก็ได้ฟังพี่ๆที่ไปจังหันจับเข่าคุยกัน เหตุคือมีพี่ที่อยู่ในกลุ่มเม้ามอยน์ ได้นิมนต์หลวงตาไปทำบุญที่บ้านสองสามวันก่อน วันงานก็มีญาติพี่น้องแขกมาเต็ม ก็ดูเหมือนทุกอย่างปรกติ จนกระทั้งหลวงตาจะให้สวดปฏิญาณตนรับพระรัตนตรัย
    .......อยู่ดีๆ!!! ก็มีแขกในงานเป็นผู้หญิงวัยกลางคน ร้องไห้อย่างหนักจนวิ่งหนีออกมาข้างนอกงาน สร้างความตกอกตกใจกับเจ้าภาพและแขกในงานจำนวนมากว่าเธอเป็นอะไร พี่เจ้าของงานก็เข้าไปสอบถามไปปลอบ พูดคุยจับใจความได้ว่า เค้าเลี้ยงกุมารทองหรือผีภูติอะไรประมาณนั้น(พี่เจ้าของงานก็ไม่กล้าถามเยอะเพราะพี่ผู้หญิงคนนี้เป็นคนมีหน้ามีตาในสังคมฐานะร่ำรวย) ก่อนจะมางานก็บอกกล่าวกับสิ่งที่เค้าเลี้ยงดูแลว่า "มางานวันนี้อย่าทำให้อายคนนะ"
    ........แต่พอมางานปรากฏว่า เจ้ากุมารทองหรืออะไรก็ตามแต่ที่พี่เค้ามีกับ ........."กลัวในบารมีของหลวงตา"............. จนทนอยู่ไม่ได้ ร้องไห้ร้องห่มรีบหนีออกจากงาน พวกพี่ๆคุยกันช่างชิตก็นั่งฟังอยู่ใกล้ๆหลวงตา พี่เจ้าของงานก็กล่าวกับหลวงตาประมาณว่า กลัวหลวงตาจะไม่สบายใจฉันข้าวไม่อร่อยกับเรื่องที่เกิดขึ้นในงาน
    ..........หลวงตาก็มีเมตตาตอบว่า "บ่เป็นหยั่ง เจอบ่อย พวกแบบนี้นะ ยิ่งถ้าไปเจอหลวงปู่ไมจะอยู่ไม่ได้เลย ของถูกทางถูกคน ใครมีองค์มีผี เจอหลวงปู่ไม จะร้อนเหมือนมีดวงไฟพุ่งเข้าใส่ มันจะร้อนพากันอยู่ไม่ได้ละ" หลวงตาว่าแล้วก็หัวเราะ
    ........ทุกๆท่าน อ่านจบแล้วนอกจากเนื้อเรื่องที่ชวนอัศจรรย์ใจ ก็มีแง่มุมหนึ่งที่ช่างชิตเก็บมาคิด หลวงตาสมหมายที่ช่างชิตรู้จัก 13 ปี ไม่เคยโอ้อวดตนเองเลย ไม่เคยได้ยินหลวงตาว่าตัวท่านเองเก่งแบบนั้นแบบนี้ ถ้ามีคนมาบอกมาเล่าอะไรแบบนี้ให้ฟัง ท่านก็จะบอกว่าเป็นบารมีครูบาอาจารย์หรือไม่ก็บอกว่าองค์อื่นเก่งกว่าท่านไป นี้ละครับหลวงตาของพวกเรา
    .........ใครมีเหรียญปัญญาอิทธิฤทธิ์เอามาเลี่ยมแขวนติดตัวยังครับ จะได้เข้าสโลแกน
    "พระเครื่องหลวงตาติดตัว ธรรมมะหลวงตาติดใจ" วันนี้พอละปวดนิ้ว
    ...............................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1976.JPG
      IMG_1976.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.6 MB
      เปิดดู:
      53
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2016
  4. พระสารทะ

    พระสารทะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,402
    ค่าพลัง:
    +4,697
    เขาใช้คำว่า "จังหัน" ไม่ใช่หรือนายช่าง ไม่ใช่ "ฉันหัน"
     
  5. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ผมเขียนผิดเองครับ 5555
     
  6. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ....สวัสดีทุกท่านครับ ช่วงนี้วุ่นๆหลายอย่าง แถมอากาศหนาวๆแบบนี้ ไม่เป็นอันอยู่อันกินครับ ห่างหายไปนาน วันนี้เอาบทความที่อาจจะขัดความรู้สึกหลายท่าน แต่ แต่ อยากให้ทุกท่านตั้งสติและให้ใช้ปัญญาในการพิจารณาไปด้วย อย่ามองเป็นมุมทางโลกหรือ up to gu อย่างเดียว ให้มองว่านี้คือมุมทางธรรมและเป็น "หลักธรรมชาติ" เมื่อทุกท่านพร้อมแล้วเชิญตักตวงประโยชน์ทางธรรมปรับนำทางโลกจากบทความนี้ได้เลยครับ
    .....................
    "คุมกำเนิดทำไมถึงบาป ตอนที่ 1"
    .
    "เคยได้ยินว่าหลวงตาบอกว่าทำหมันเป็นบาป มันจะบาปยังไงหลวงตา เราไม่พร้อมลูกเกิดมาก็ไม่มีปัญญาเลี้ยง"
    .
    "การห้ามการเกิดนั้นที่เป็นบาป(ทำหมัน กินยาคุม)เพราะอะไรรู้ไหม เพราะในโลกโลกียะนี้สิ่งมีชีวิตต้องมีเกิด มีกรรมผูกพันให้มาเกิด ถ้าเรายังสร้างเหตุของการเกิด(เสพกาม)แต่ดันห้ามผลของมัน(การตั้งครรก์)มันก็เป็นบาป เพราะผู้ที่จะต้องมาเกิดกับเรา มีกรรมผูกพันกับเราก็ไม่ได้มาเกิดทั้งๆที่เค้ารออยู่จ่ออยู่ เช่นกัน คนที่อยากมีลูกแต่ไม่มีลูก ทำยังไงก็ไม่มีลูกก็เป็นคนมีกรรมเก่า แต่ยุคสมัยนี้เจริญมีเทคโนโลยี สามารถช่วยให้มีลูกได้ก็จริง แต่พอมีมาแล้วก็มักจะมีปัญหาถ้าไม่เลี้ยงยากสอนยากก็สุขภาพไม่ดี เป็นกรรมต่อให้พ่อแม่ต้องเลี้ยงดูอย่างยากลำบาก เหตุเพราะเราจะไม่มี แต่เราไปฝืนธรรมชาติไปฝืนกรรมให้มี เลยเป็นวิบาก"
    .
    "แล้วหลวงตาไม่มีลูก หลวงตาก็เป็นคนบาปคนมีกรรมสิ"
    .
    "ไม่เป็นละเนาะ เพราะหลวงตาไม่ได้สร้างเหตุ(เสพกาม) หลวงตาละเหตุแล้วมันจะมีผลได้ยังไง สมัยพระพุทธเจ้าท่านก็ว่าไว้แล้วนะ การทำหมันแบบไม่บาปคือการละเหตุ(เสพกาม) ท่านให้บวชไม่ก็ถือศีล 8 นั้นก็คือการทำหมันแบบธรรมชาติ ละเหตุของมัน"
    .
    "อ้าว งั้นไม่ให้กินยาคุมไม่ให้ทำหมันแบบนี้ก็ต้องมีลูกเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมดละสิเจ้าค่ะ"
    .
    "มีก็ต้องมีตั้ว เจ้าของสร้างเหตุให้มันมี(เสพกาม) ลูกมีกรรมผูกพันให้มาเกิด ที่ๆมันต้องมาเกิดมันก็ต้องเกิด ไม่อยากมีไม่อยากให้ใครมาเกิดด้วย ก็ไปบวชไม่งั้นก็ถือศีลแปด แบบพระพุทธเจ้าว่าไป๋"
    ....................
    ‪#‎โปรดติดตามตอนต่อไป‬
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ....มาต่อกันตอน2เลยครับ เขียนไว้นานละ คือชื่อเรื่องที่ช่างชิตตั้งอาจดูแรงๆ แต่มันแค่ชื่อเรื่อง ให้พิจารณาจากบทความข้างใน อ่านแล้วพิจารณาตาม มันอาจไม่ถูกใจของหลายท่าน ช่างชิตเองก็เหมือนกัน ฟังครั้งแรกคิดในใจเลย "บาปตรงไหนฟ่ะ" ก็คิดพิจารณาอีกเป็นอาทิตย์ก่อนมาเขียน
    ....แต่ให้เข้าใจว่า "ความถูกต้องของทางโลก ความจำเป็นของทางโลก มันคนละอย่างกับทางธรรม" เดี้ยวยังไงจะสรุปให้ฟังตอนท้ายนะครับ
    ...........................
    "คุมกำเนิดทำไมถึงบาป ตอนจบ"
    .
    "หลวงตาครับ ในเมื่อเราทำหมันแล้วทำไมเขาไม่ไปเกิดกับคนอื่นครับ"
    .
    "จิตที่มันยังจดยังจดไง มันเป็นแบบนี้ มีเรื่องเล่าสมัยก่อน มีนายพรานคนหนึ่งเป็นพรานล่าช้าง วันหนึ่งแกไปเจอช้างแก่งาสวย แกก็นึกอยากได้ ก็ไปฆ่าช้างตัวนั้น ความที่งามันใหญ่มากแกก็เอากลับบ้านไม่ได้ แกเลยกลับบ้านคนเดียวกะว่ากลับไปก่อนแล้วจะหาวิธีมาเอา แต่แกดันป่วยตาย พอตายไปจิตก็ไปวนไปเวียนกับงาไม่ไปไหน วนเวียนแยู่นานจนแกเบื่อ แกก็ละวางจากงา แกก็อยากกลับบ้าน พอกลับไปบ้านปรากฏว่าญาติพี่น้องอพยพย้ายไปอยู่อุดร(บ้านเดิมแกที่ไหนหลวงตาไม่ได้เล่า) แกก็ออกตามหาญาติแก แกก็เดินตามทางไปนี่ละ ไม่ได้หายตัวแบบในหนังเด้ เดินไปจนไปเจอแม่ควายกำลังจะตั้งท้อง(น้ำเชื้อผสมกับไข่ที่ตกก่อธาตุขึ้นมา)จิตไปจ่อตรงนั้นก็ไปเกิดเป็นลูกแม่ควาย พอคลอดออกมา ความที่แกยังจำได้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหนจะไปไหน แกก็เป็นควายที่รู้ภาษาคน เชื่อง เจ้าของก็รักมาก เป็นควายอยู่นั้นจนตาย พอตายวิญญาณก็ออกจากร่าง มายืนดูเจ้าของร่ำไห้เสียใจ แล้วก็เห็นเจ้าของทำบังสกุลให้ตัวเอง เจ้าของทำด้วย เงิน เชือก และ หญ้า เอามาบังสกุล พอพระชักบังสกุล แกก็เดินไปหยิบเอาเงินกับเชือก หญ้าไม่เอาเพราะไม่ใช่ควายแล้วไม่กิน(แสดงว่าเวลาเราทำบุญให้คนตาย ถ้าพระชักบังสกุล คนตายก็ได้รับ)"
    "แล้วแกก็เดินไปเรื่อยๆก็ไปเจอแม่วัวอีก พอจิตไปจ่อกับแม่วัวก็ไปเกิดเป็นลูกวัว(เคสเดียวกับควาย) แต่งวดนี้เจ้าของไม่รัก เฆี่ยนตีใช้งานจนตาย พอตายวิญญาณออกจากร่างวัว แกก็เดินทางต่อ เดินไปเรื่อยๆก็ไปเจอฝูงผี พวกสัมภเวสีเหมือนตัวเอง ก็เกิดดีใจมีเพื่อนก็ไปรวมกับเขา นานเท่าไรไม่รู้จนแกเบื่อนึกได้ว่าต้องไปหาญาติ แกก็หนีจากกลุ่มออกเดินทางต่อไป ตามหาไปจนเจอญาติที่อุดร ก็ไปเกิดเป็นลูกของหลานของเหลนตัวเอง เรื่องนี้แกมาเล่าให้พระฟังตอนแกอายุ 80 กว่าปีแล้ว เรื่องระลึกชาตินิ แกบอกเล่าให้ฟังทีไรแกต้องไม่สบายทุกที แกเลยไม่เล่าให้ใครฟังเลย นี้ละจิตที่มันยึดมันผูกมันพันมีกรรมร่วมกัน ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องมาพบมาเจอกัน มาเจอกันก็สร้างกรรม สร้างความยึดมั่นถือมั่น วนเวียนก่อภพก่อชาติไม่รู้จบ"

    ......................
    .....จาก2ตอนที่ผ่านมา สรุปเลยนะครับ การห้ามเกิดเลยนั้นห้ามไม่ได้ เพราะไม่เกิดกับเราเขาก็ไปกับคนอื่นอย่างอื่น แต่เขามีกรรมที่จะต้องมาเกิดกับเรา ยังไงวันข้างหน้าหรือชาติหน้าๆเขาก็ต้องมาเกิดกับเรา
    .......แต่กรรมในการไม่ให้เขาเกิดในช่วงนั้น เวลานั้น นั้นละประเด็น อย่างในเรื่องที่หลวงตาเล่า ท่านก็จะบอกในประเด็นว่าจิตเมื่อมันจ่อมันยังผูกพันมีกรรมร่วมกันอยู่ จะยังไงก็ต้องมาพบมาเจอกัน นั้นคือประเด็น
    ....มาผนวกกับเรื่องการคุมกำเนิด กรรมในอดีตจะทำให้ต้องเกิดเวลานี้ แต่พอเราไปห้ามไปฝืนไม่ให้เกิดตอนนี้ ซึ่งเป็นการกระทำเป็นกรรมปัจจุบัน มันก็ทำให้เขาต้องวนเวียนไปที่อื่นก่อน แต่สุดท้ายยังไงก็ต้องกับมาเหมือนเดิม
    ....แต่เรื่อง "การให้ผลของกรรม" เป็นอจินไตย มันซับซ้อนมากกกกกกกกเกินวิสัยมนุษย์ มันยังมีรายละเอียดยากๆกว่านี้อีกเยอะ หลวงตาท่านเมตตาสอนท่านก็ให้รู้เป็นเรื่องๆไป แต่จะให้แบบรู้ทั้งหมดแบบพระอริยะที่ท่านปฏิบัติจนรู้แจ้ง ท่านก็คงไม่สอนหรอกครับมันเกินวิสัยของปุถุชน และแต่ละคนก็มีปัญญาในการรับต่างกันด้วย
    ......ฉะนั้นเราอ่านเพื่อเตือนสติก็พอแล้วครับ ช่างชิตเองเป็นคนฟังคนเขียนแท้ๆ บางเรื่องก็ทำตามไม่ได้ แต่ในเมื่อเรารู้ว่าอะไรเป็นอะไร ผลออกมายังไงเราก็จะไม่ต้องไปโทษใคร ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    .....สวัสดีทุกท่านในวันที่อากาศหายวิปริต เมื่อสามสี่วันก่อนจากอยู่ดีๆร้อนๆก็มาหนาวแบบเย็นยะเยือก ที่ประเทศเพื่อนบ้านก็ดันมีหิมะตก ที่ฝั่งตะวันตกหิมะตกหนาเกือบเมตร แบบนี้เป็นสัญญานแล้วละครับว่า โลกกำลังเตือนอะไรเราอยู่ ช่วงนั้นทรมานน่าดูและไม่ยอมเสี่ยงชีวิตกับน้ำเย็น555++
    ......วันนี้มาคุยกันสนุกๆสบายๆพักยกกับเรื่องหนักๆบ้าง และไม่มีอะไรทรมานเท่าการพิมพ์บทความในมือถือกากๆหนึ่งเครื่องที่ช้าาาาาาาา จนหมดอารมณ์จะเขียนเรื่องละเอียดอ่อน ฉะนั้นมาคุยกันสบายๆดีกว่า
    .......ตอนที่จะสร้างเหรียญปัญญาอิทธิฤทธิ์แรกๆ ช่างชิตกะว่าจะตระเวนเสกทั่วฟ้าเมืองไทยในอลังการงานสร้างกันไปเลย จนมารู้จักกับ "อาจารย์ฆราวาสขมังเวทย์"ผู้เก็บตัวอย่างเงียบเชียบ เสือซ่อนเล็บที่แม้แต่ภรรยายังไม่รู้ว่าสามีตน "เป็นผู้เชี่ยวชาญเวทมนต์คาถา" อาจารย์คือเจ้าของ "สัพพะโกภัทร์" ที่ช่างชิตเคยเขียนบทความลงกระทู้มาแล้ว
    ......สโลแกนอาจารย์คือ "ของที่ผมสร้างผมให้หลวงตาอธิฐานจิตองค์เดียว จบ!!" ความมั่นใจของแกตรงนี้ละที่ช่างชิตมาคิดตาม ประวัติคราวๆที่พอรู้ อาจารย์แกเคยรับใช้อุปฐาก ครูบาอาจารย์รุ่นปรมาจารย์มาก็มาก อย่าง หลวงปู่มหาบุญมี หลวงปู่ศรี มหาวีโร หรือแม้กับ หลวงปู่จันทร์เรียน แกก็คุ้นเคยกับท่านดี ไฉนถึงมั่นใจ หลวงตาสมหมาย ขนาดนี้???
    .......คิดไปคิดมาก็นึกได้ "นักเลงหรือเสือสมัยก่อนเขาล้วนมั่นใจในครูบาอาจารย์ของตน ความมั่นใจบวกกับครูบาอาจารย์ของจริง ล้วนก่อเกิดประสบการณ์เล่าขานมาจนถึงปัจจุบัน" ช่างชิตสร้างเหรียญหลวงตาสมหมายแต่กับจะเอารูปท่านไปตระเวนเสก....."แบบนี้หรือที่บอก นับถือนักนับถือหนา บอกมั่นใจในครูบาอาจารย์"!!!!
    .......คิดได้ดังนั้น ก็เลยเปลี่ยนความคิดทันที ครูบาอาจารย์แต่ละรูปแต่ละองค์ล้วนมีระดับพลังจิตและบารมีต่างกันตามแต่เหตุแห่งการฝึกฝนและของเก่าแต่ละท่านสะสมมา อนิจจังในโลกโลกียะนี้ ถึงจะสุดยอดยังไงขนาดไหนก็ไม่มีอะไรจะ "ทรงอานุภาพเกินกฏแห่งกรรม ไม่มีใครอยู่เหนือกฏแห่งกรรม" พอความคิดตกผลึก เหรียญปัญญาอิทธิฤทธิ์จึงเป็นการ "บินเดี่ยว" ของหลวงตา สมกับปีนักษัตร์ของท่าน "ชาติเสือไม่ขอเนื้อใครกิน"
    .....เหรียญเลี่ยมทองซ้ายมือเป็น เหรียญหลวงตา รุ่น เสาร์ 5 (เสาร์ 5 ขึ้น 5 ค้ำ เดือน 5 ปี 55)ออกวัดถ้ำสูงเนื้อเงิน เหรียญนี้เป็นของพี่ชายที่อุปฐากหลวงตามาเป็นเวลานาน วันที่หลวงตาอธิฐานจิตเหรียญรุ่นนี้ "ท่านเข้าฌานสมาธิตั้งแต่สามสี่ทุ่มจนรุ่งเช้าแบบตัวไม่กระดิกไม่มีสัปหงกไม่มีพักยก" ช่างชิตเห็นเหรียญรุ่นนี้ทีไรก็ทำให้นึกทุกที "คนที่จะทำได้ขนาดนี้ถ้าไม่ผ่านการฝึกฝนที่ยากลำบากไม่มีตบะที่แก่กล้า ไม่สามารถนั่งอัดพลังแบบนี้ได้หรอก 6-7 ชั่วโมง"
    .....ช่างชิตแขวนพระ 7-8 องค์เพราะรสนิยมความชอบส่วนตัว บวกกับนับถือครูบาอาจารย์หลายท่านจึงแขวนให้ครบสมกับใจนับถือ แต่ในใจความเชื่อมั่น เหรียญหลวงตาสมหมายไม่ว่ารุ่นไหน แม้แขวนเดี่ยวช่างชิตก็ "มั่นใจ"
    "วันนี้ช่างชิตมั่นใจแล้ว คุณละมั่นใจหรือยัง"
    ...................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2016
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,346
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    สาธุๆๆ ขอนิ้วช่างชิดจงเลิกปวดๆๆๆ({)
     
  10. พระสารทะ

    พระสารทะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,402
    ค่าพลัง:
    +4,697
    ตะกรุดสัพโภชงน์ ที่ถูกน่าจะเขียนแบบนี้นะนายช่าง สัตตโพชฌงค์ มาจากคำว่า สัตต ที่แปลว่า๗ กับคำว่า โพชฌงค์ ที่แปลว่า องค์คุณแห่งปัญญาเป็นเครื่องตรัสรู้ ๗ อย่าง (ส, ธ, วิ, ปิ, ป, ส, อุ) รวมกันเป็น สัตตโพชฌงค์
     
  11. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236
    ตะกรุดสัพพะโกภัทร์ รึเปล่าครับ ?
     
  12. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ขอบพระคุณมากๆครับ พระอาจารย์ ผมชอบมากเลยเวลามีคนสนใจในสิ่งงที่ผมเขียนแล้ว เอาในส่วนที่ต้องปรับปรุงมาบอกกล่าวให้แก้ไข ยังไงพระอาจารย์อย่าทิ้งผมนะครับ 5555
     
  13. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ใช่ๆ สมงสมองไปหมดละ 5555
     
  14. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ขอบคุณครับพี่ ^^
     
  15. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    .....สวัสดีครับสมาชิกทุกท่าน เนื่องจากวันที่ 30 มกราที่ผ่านมาเป็นวันละสังขารของ "ครูบอาจารย์อรหันต์ปรมาจารย์ศิษย์รุ่นใหญ่หลวงปู่มั่น คือ หลวงตามหาบัว" ช่างชิตเลยนำบทความที่เขียนไว้ถึงท่าน เอามาให้พี่ๆน้องๆได้อ่านกันครับ
    .....หลวงตามหาบัว ท่านเป็นพระอรหันต์ใหญ่องค์แรกที่ช่างชิตได้ไปกราบ ก่อนปี 2546 ตอนนั้นไม่รู้จักอะไรเลยในเรื่องศาสนา นอกจากเครื่องรางของขลัง คาถา พระเครื่อง พระที่รู้จักตอนนั้นมีแต่ หลวงพ่อคูณ เพราะเคยกราบท่านตอนเด็กๆ
    ......จนมาบวชกับหลวงตาจึงซึมซับอะไรมากขึ้นและพอสึกออกมา ก็มีโอกาสได้ไปกราบหลวงตามหาบัว. กราบท่านแบบใกล้ชิดเลย แต่กับไม่เคยคุยอะไรกับท่าน นึกแล้วก็ยังเสียดายมากๆ หลวงตาท่านเป็นพระอรหันต์ใหญ่ที่มีบารมีคับสามแดนโลกธาตุ ถึงแม้ปฏิทาหลวงตาจะไม่เอาเรื่อง "วัตถุมงคล" แต่ก็ใช่จะไม่มี ส่วนจะมีอะไรบ้างเคยเขียนเคยบอกไปละ
    ......ครั้งหนึ่งช่างชิตได้เช่า "พระขุนแผนและพระยอดขุนพลที่สร้างจากเถ้าอังคารเกศาและโลหิตของหลวงตามหาบัวล้วนๆ" เช่ามาแล้วก็เก็บได้ไม่นานมีความรู้สึกว่า ตัวเราเองบารมีไม่พอจะเก็บไว้ จึงตัดสินใจนำไปให้พี่ชายใจดีเช่าต่อ ตอนที่เอาไปให้คืนนั้นหลวงตาก็อยู่ด้วย
    ......ช่างชิตได้เอาพระให้หลวงตาลองพิจารณาดเพื่อความมั่นใจของช่างชิตและของพี่เขาด้วย ว่าพระที่เอามาหลวงตาจะสัมผัสอะไรจะว่าอะไรไหม หลวงตาดูไปดูมาก็ไม่ว่ายังไง บอกเอาไปวางไว้กับกองแหวนหัวเสือ อ๋อ นึกได้ละคืนนั้นหลวงตาจะอธิฐานจิตแหวนหัวเสือพอดี
    ......วันต่อมาช่างชิตก็เข้าไปหาหลวงตาอีก อยู่กับท่านซักพักจึงกราบลากลับ ทันใดนั้น!!! หลวงตาก็เข้ามาพูดใกล้ๆช่างชิตแบบเบาๆเสมือนหลวงตาอยากให้ได้ยินกันสองคนว่า "ออยไม่เก็บไว้กับตัวซักองค์หรา หลวงปู่บ้านตาดบารมีเยอะ พระเป็นมหาอำนาจสูงมาก"
    .......โอ้โห เจอดอกนี้เข้าไปช่างชิตไปไม่เป็นเลยครับ ก็เลยยิ้มแห้งๆตอบหลวงตากลับไปว่า "ออยใส่แหวนเสือหลวงตาก็เป็นมหาอำนาจเหมือนกันครับ" คือจริงๆ ให้พี่เขาเช่าต่อไปแล้ว จะชักกลับไปกลับมามันก็ดูเหมือนเด็กเล่นขายของ เสียดายก็เสียดายแต่อย่างที่บอกก็มองว่า "บารมีตัวเองไม่ถึง" แต่ถ้าหลวงตาเห็นและพูดตั้งแต่เช่ามาแรกๆนะ คงไม่หลุดซักองค์หรอก 55555
    .....วันนี้ 30 มกราคมเป็นวันที่หลวงตามหาบัวท่านละสังขาร ทางวัดก็จัดงานรำลึกทุกปี ปีนี้ที่วัดมีงานบุญปะทายข้าวเปลือกด้ว ซึ่งหลวงตาเราก็ไปร่วมงานด้วยครับพร้อมนำข้าวเปลือกไปร่วมบุญด้วย 30 กระสอบ
    .....นึกถึงหลวงตามหาบัวจึงเขียนเรื่องท่านหน่อยและขอให้พวกเราอนุโมทนากับหลวงตาเราด้วยนะครับ สาธุ.........
    .
    ‪#‎ขอบคุณภาพพี่จุมพฎด้วยครัช‬
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ...สวัสดีเย็นวันพุธ เมื่อวานช่างชิตเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยกินยาแล้วง่วงจริงๆ เลยมานั่งคุยกับพี่ๆน้องๆดีกว่า วันที่ 1 ที่ผ่านมาช่างชิตไปส่งหลวงตาที่สนามบิน หลวงตาเดินทางไปกิจนิมนต์ที่ศรีลังกากับหลวงปู่บุญมาครับ ความที่ต้องตื่นไปตั้งแต่ตีสี่และเมื่อคืนช่างชิตไปเตะบอลเสร็จเกือบตีหนึ่ง จะกลับห้องก็เสียเวลา งั้นจอดนอนปั้มมันซะเลย ทำอย่างกับลูกพ่อแม่โสทิ้ง 555+
    ......เช้าตีห้าไปหาหลวงตา ท่านถามทำไมมาเช้า พอรู้ว่านอนปั้มหลวงตาบอก "ทำไมไม่เข้ามานอนนี้" ช่างชิตก็ไม่ตอบได้แต่ยิ้มในความเมตตาของครูบาอาจารย์ ส่วนใครฝากตังช่างชิตทำบุญกับหลวงตา ช่างชิตจัดให้แล้วนะครับ อนุโมทนารับบุญกันไปด้วย
    .......ประมาณเจ็ดแปดวันมานี้ ยอดสมาชิกในกลุ่มเฟสบุ๊คถยอยหายเหมือนหุ้นดาวโจนส์ร่วง ช่างชิตก็รู้สึกหดหู่ไม่น้อยเหมือนกัน เพราะเหตุใดถึงทิ้งฉันไปไร้เยื่อใยสิ้นดี แต่กลับมีเหตุการณ์ดีๆให้ยิ้มได้ คือเช้าวันที่หลวงตาจะไปศรีลังกาหลวงตาไปจังหันบ้านโยมคนหนึ่งใกล้ๆสนามบิน
    .....พอฉันเสร็จช่างชิตก็จะเอาบาตรหลวงตาไปล้าง หลวงปู่บุญมาท่านก็พูดว่า "ล้างเป็นอยู่ติบาตร"(ท่านไม่รู้จักช่างชิตนะ) ช่างชิตก็ไม่ตอบได้แต่ยิ้มกะมิดกะเมี้ยนทำหน้าไร้เดียงสา หน้าโดนตบยิ่งนัก 555++(หมั่นไส้ตัวเอง) หลวงตาเลยตอบให้ว่า "ล้างเป็นอยู่ปู่ บวชมาสองเทื่อแล้ว" หลวงปู่ก็มองจ้องหน้าช่างชิตแบบสังสัย ช่างชิตก็เลยต้องรีบหนี 5555 เพราะถ้าใครรู้จักหลวงปู่บุญมาจะรู้จริตท่าน ถ้าได้ด่านิ โอ้ยยย บ่อยากเว้าต่อ 555 ท่าน พูดจาโผงผาง ตะโกนนิตะโกนเลย ก็เลยต้องรีบหนี
    .....พอถือบาตรหลวงตาไปล้างก็ไปเจอพี่ท่านหนึ่งกำลังล้างฝาบาตรหลวงปู่บุญมา อยู่ๆพี่เค้าก็ยิ้มให้ช่างชิต ช่างชิตก็ยิ้มตอบพร้อมนึกในใจ "เอาแล้วกู วาสนาไม่ได้เมีย สงสัยจะค้นพบตัวเองเร็วๆนี้ละ" 5555 นึกยังไม่ทันขาดประโยค พี่ท่านก็เอ่ยวาจาออกมา "ผมชอบที่ช่างชิตเขียนนะครับ เขียนต่อไปนะอย่าหยุด"
    ....สตั้นไป 5 วิ "พี่...เอ่อ... พี่เคยอ่านที่ผมเขียนด้วยหราครับ??" "อ่านครับ อ่านทุกตอน ผมอยู่ในกลุ่ม ผมชอบที่ช่างชิตเขียนจริงๆนะไม่ได้แกล้งชม" อื้อหือเสมือนหยดน้ำหยดลงบนต้นกุหลาบกลางทะเลทราย ลืมความโศกที่ยอดสมาชิกร่วงอย่างกับโดนช้อนซื้อไปทันที
    ......ขอบพระคุณนะครับ ขอบพระคุณคุณพี่คนนนั้นที่ทักทาย ผมยอมรับว่าผมจำหน้าสมาชิกกลุ่มหลวงตาไม่ได้ทุกคน แต่ใครเจอก็ทักทายเลยครับ ไม่หยิ่งแบบที่คิดหรอก 555 และขอบพระคุณทุกท่านที่ยังไม่ทิ้งกันไปไหน ช่างชิตขอให้นึกซะว่ากลุ่มหลวงตาในเฟสหรือกระทู้ในพลังจิตเป็นบ้านอีกหลังให้พี่ๆน้องๆได้พูดคุยกันยามว่าง.
    ...บางบทความอยากให้มีอะไรคุยถามไถ่กันมากกว่า ใครอยากให้เขียนเรื่องแบบนี้ แบบนั้นก็คุยกันได้ครับ จริงๆใครสะดวกแบบไหนก็ตามสบายเถอะ แค่คุณกดไลค์ กดอนุโมทนา แค่คุณมาเม้น ก็เหมือนน้ำมันที่เติมลงเครื่องยนต์เครื่องนี้ ให้ขับเคลื่อนนำบารมีของหลวงตามาเผยแพร่ให้ทุกท่านได้รับรู้เรื่องราวดีๆกันต่อไปครับ
    ..........
    ‪#‎จัดสองเรื่องควบอีก 10 นาที มีบทความดีๆมาฝากนะครับ‬
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    "ถ้ำพระ บ้านตาลเลียน สมัยก่อนเขาว่าตรงนี้ผีดุ หลวงตาก็ไป ไปดุซิผี ไหนๆผี ชาวบ้านบอกกลางคืนถ้ำมันจะร้องลั่นป่า ร้องก็ไป ไปดูซิ หลวงตาก็ไปนั่งภาวนาพอดึกๆถ้ำมันก็เหมือนร้องเหมือนสั่นจริงๆ ก็เพ่งพิจารณาดู ก็ได้ยินเสียงคล้ายๆนกกระพือปีก จึงรู้มันเสียงฝูงค้างคาวบินออกหากินพอมันมากๆเสียงมันดังก็เหมือนถ้ำมันร้องนี้ละใช้ปัญญา"
    "แต่มันก็มีเรื่องแปลก พอนั่งภาวนาไปอีกซักพัก ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะกังวานในถ้ำ ได้ยินก็แค่ได้ยินไป หัวก็หัวไป เช้าไปกราบเรียนถามหลวงปู่เสน(วัดป่าหนองแซง) ท่านว่า "อีเปรตผีหัวขาดตั้วนั้น มันชอบมาหลอกคนยืนหน้าถ้ำหัวขาด" หลวงตาไม่เห็นตัวนะแต่ได้ยินแต่เสียงมันเฉยๆ"
    .
    ‪#‎ปัญญาไม่ทำให้มโนเอง‬
    ‪#‎ไม่เชื่อต้องพิสูจน์‬
    ‪#‎เครดิตภาพขอบคุณพี่จุมพฎครัช‬
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,346
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    .........................................
    . .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Like a lot.jpg
      Like a lot.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26 KB
      เปิดดู:
      41
  19. พระสารทะ

    พระสารทะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,402
    ค่าพลัง:
    +4,697
    อยากให้นายช่างช่วยอธิบายให้เห็นภาพ เพื่อเป็นวิทยาทานความรู้เกี่ยวกับวิธีการล้างบาตรครูบาอาจารย์แบบสายพระป่ากรรมฐาน ว่าวีธีการล้างบาตรที่ถูกต้องตามแบบที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนสืบๆกันมาว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ต่างจากการล้างแบบปรกติทั่วๆไปอย่างไร
     
  20. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ข้อนี้ยอมเลยครับ เพราะผมก็ไม่เคยเห็นของพระทั่วไปที่ผมล้างก็ล้างปรกตินะครับ เวลาล้างก็ต้องระวังไม่ให้บาตรกระทบของแข็งดัง โป้กๆเป้งๆ ไม่วางกับพื้นกับของแข็ง ล้างเสร็จเอาบาตรมาเช็ด(ผ้าองค์ไหนองค์นั้น จะไม่ใช้ผ้าปนกัน)เช็ดจนแห้งก็เอามาดมดูสิว่ายังได้กลิ่นอาหารไหม ถ้าไม่มีก็เอาบาตรไปตากแดดต่อซักพัก แล้วก็เอามาใส่ เขาเรียกอะไรละ ลืม 555 เรียกกระเป๋าบาตรละกัน (เดี้ยวนึกออกจะมาแก้) เอาบาตรมาให้กระเป๋าและขาตั้ง ยกไปเก็บในที่มิดชิด ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...