+++ มีการยืนยันแล้วค่ะ ว่า ศาสนาส่วนมาก ถูกใช้ เครื่องมือหลอกลวงคน และคนเราตายแล้วก็ไม่ได้เกิด+++++

https://www.facebook.com/FakGhost

ที่นี่เขายืนยันแล้วค่ะ ว่า ศาสนาส่วนมาก ถูกใช้ เครื่องมือหลอกลวงคน และคนเราตายแล้วก็ไม่มีเกิดแล้วค่ะ บาปบุญก็ไม่มีค่ะ มันเป็นสิ่งสมุตติ ทั้งนั้นตายแล้วก็ตายไป
สิ่งศักดิ์สิทธฺ์ไม่มีจริงค่ะ ส่วนมากถูกลบหลู่มาแล้วก็ไม่เห็นสำแดงฤทธฺอะไรได้เลยทั้งนั้นค่ะ ช่วยคนก็ไม่ได้มีไปก็ มี สิ่งศักดิ์สิทธฺ์ เหมือนขยะรกบ้านค่ะ

ทำยังไงดีคะ แบบนี้เราก็เท่ากับตายแล้วสูญ สิ่งศักดิ์สิทธฺ์ ก็ ไม่มีจริง
เราคงไม่ต้อง ทำอะไรแล้วละค่ะ ไม่ต้องเคารพบูชาอะไรทั้งนั้นเพราะสิ่งเหล่านี้มันเป็นการแต่งขึ้นมาเท่านั้น ไม่มีจริง บุญทำไปก็ไม่มีประโยชน์หลอกค่ะ
ทำบาปก็ไม่ต้องกลัว เพราะเดี๋ยวก็ตายแล้วก็จบกันไปเหมือนล้างหนี้สินค่ะ


ว่าแต่เว็บนี้ เมื่อไหร่จะถูกปิดคะ มันเป็นการทำลายศาสนาชัดเจนมากค่ะ --->

https://www.facebook.com/FakGhost

 

ชีวิตคนเรามันสั้นนัก หนังสือ ก็อย่าไปเรียนเลย เรียนจบมาทำงานไม่นานก็แก่ตาย จะไปดิ้นรนทำไมจริงไหมคะ เพราะตายแล้วก็สิ้นสูญไปค่ะ

 

อย่างน้อย เราทำความดีให้ใครมีความสุข เราก็พลอยสุขอิ่มใจไปด้วยไม่ใช่เหรอ

ถ้าทุกคนคิดเหมือนกันหมดที่คอยแต่จะให้คนอื่นมาทำดีก่อน
แล้วโลกจะเป็นสุขอยู่ได้อย่างไร

ดังนั้นความดีจึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสนใจ และทำให้เห็น ทำให้ดู และสืบทอดต่อๆกันไป
ก็เพื่อประคองโลกให้น่าอยู่มากที่สุดเท่าที่สามารทำได้ต่อไป

 

น่าเวทนา

 

ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก หลังสิ้นพระพทธศาสนา คำถามแบบนี้จะมีมาก
คนจะไม่มีบุญบาปในหัวใจ เพราะไม่เห็นย่อมเข้าใจว่าไม่มี

และสิ่งต่างๆที่ไม่เห็น ย่อมแอบทำกันเป็นปกติ เพราะยิ่งไม่เชื่อบุญบาปแล้ว
เมื่อทำผิดในที่ลับ จะผิดอะไร แม้กฎหมายก็เอาผิดไม่ได้

 

คำถามเพื่อต้องการคำตอบจริงๆหรอครับ ว่าทำยังไง ?

 

ไดโนเสามีจริงมั้ย? เราไม่เคยเห็นตัวมันสักหน่อย
แต่เราพบโครงกระดูกมันใช่มั้ย

พ่อของพ่อของพ่อของพ่อ เราเคยเห็นมั้ย? ไม่เคย
แต่มีพ่อจนมาถึงเรา ยังงัยก็ต้องมี ถูกมั้ย

พระพุทธศาสนามีพระพุทธเจ้า เป็นผู้ประกาศศาสนา
เวลาผ่านมานับพันปี ไม่มีทางจะมีชีวิตมาถึงปัจจุบันได้
แต่พระธรรมคำสอนนั้น เป็นสิ่งตกทอดสืบๆ กันมา
เป็นสิ่งดีงามหรือไม่ เป็นเรื่องที่เราควรพิสูจน์
และพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เข้าถึงพระธรรมแล้ว
จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า พระพุทธพระธรรม มีอยู่จริง
เมื่อปฏิบัติตามแล้วให้ผลตามลำดับลำดา ที่พระธรรมกล่าวไว้จริง

ตำราที่กล่าวไว้ในบันทึก มีสถานที่ต่างๆ เช่น กรุงพาราณาสี
เจดีย์นั้นๆ วิหารนั้นๆ และอื่นๆ สามารถพิสูจน์ได้ไหมว่ามันมีอยู่
ซึ่งก็ปรากฏว่าสิ่งเหล่านี้ยังมีซากปรากฏอยู่จนถึงปัจจุบัน

 

แต่ดิฉันคิดว่า ผีน่าจะมีนะคะ

 

นิยามให้เห็นชัดๆ ก็เหมือนคนตาบอดแหละ ไม่เห็น พระอาทิตย์ พระจันทร์ แสงสีเห็นอะไรต่างๆ แล้วก็เที่ยวกล่าวว่าไม่มี

**สำหรับ จขกท ถ้าต้องการคำตอบจริงๆ ไปหาใน google อ่านเพิ่มเอานะครับ
ใช้คำค้นว่า ปายาสิราธัญญสูตร หรือ พระเจ้าปายาสิ

 

ก่อนที่จะวิเคาระห์วิจาร์ เจ้าของกระทู้ลองไปตายก่อนดีใหมแล้วค่อยมาบอกว่าตายแล้วมีสวรรค์วิมาณอะไรหรือเปล่าคนในห้องนี้เค้าจะได้ตาสว่างกันสักทีเอาอย่างนี้ถ้าน้องตายแล้วแล้วมาบอกว่ามีนั้นนี้จริงจิตวิญญานไม่มีเกิดแก่เจ็บตายจริงแต่ทว่าตายแล้วไปเห็นวิมาณต่างๆที่เป็นทิพย์สถานนั้นน้องเองไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่จ๊ะเพราะที่อยู่ของน้องคือ นรกภูมิ รวมถึงพวกต่อต้านสิ่งงมงายต่างๆ




ดอกบัวดอกหนึ่งเบ่งบานบนโคลนตมแต่คนอื่นๆเห็นว่าเป็นแค่ดอกบัวธรรมดาๆแต่อีกหลายๆคนที่เข้าถึงสัจจะธรรมของชีวิตกลับเห็นดอกบัวที่ตกในโคลนตมมีชีวิตและสว่างเรืองรอง ฉันใด ฉันนั้น


พรตพเนจร

 

({) สวัสดีครับคุณ ชุดาภารี เอ่ คุณบอก บนด้าน หัวข้อ อยู่ ลัดๆบอก ตายแล้วไม่ได้เกิด นรก สวรรค์ไม่มี พูด แบบว่า หลวงลวง ไม่มีการเกิด ตาย เอ่ แล้ว หัวข้อนี้ (คุณบอกมีผี) แล้ว คุณ ถ่ม น้ำลาย ลงออกไปแล้ว แล้วกลับ เอาน้ำลายเข้ามากินใหม่ แสดงว่า คุณ ยอมรับ ว่า มีผีจริง ไอ้คนที่ตายไป ก็คือ ผี จะไปเป็นผี อะไรนั้น ก็ไปจากคนและสัตว์ จะไปเป็น ผี สัตว์ นรก ผีเปรต ผี อสูรกาย ผี สัตว์เดรัชฉาน ที่เห็นด้วย ตาเนื้อ ผี คนดิบ ที่เห็นๆกันอยู่ทุกๆวัน ไอ้ผีคนเป็นนี้ มันหลวงกัน จนวุ่นวาย ทุกวัน ก็ไอ้ผีดิบ พวกนี้แหละ แต่ผี ที่ดี อย่าเดือดร้อนน่ะ ผมไม่พุดถึง ผมพูดถึง ไอ้ผีดิบ เลวๆ



คุณลอง ดูใจคุณ เวลา คุณ ทำความชั่ว หรือทำอะไรไม่ดี ใจคุณ ร้อนรน กะวนกะวายใจ นั่น มัน นรก ในใจ ส่วนคุณ เวลา ทำดี หรือยินดี ในสิ่ง ดีๆ คุณมีสุขใจ เหมือน อยู่ในสวรรค์ บนดิน กรรมมันพาให้ไปเกิด ในสิ่ง นั้นๆด้วยการกระทำ ของคนและสัตว์ ถ้าคุณอยาก รู้ ว่า ผี นรก สวรรค์ มีจริงหรือไม่ คุณก้หางทางพิสูตร สิ ว่าช่องทางไหน จะ เป็นบทที่พิสูตร ให้คุณรู้ได้ แม้ถ้าคุณ ไม่มีศิล มันจะรู้ไม่ได้ หรอก ศาสนาพุทธ ไม่ได้ สอนให้งมงาย ให้มาพิสูตรด้วยตนเอง ยังไม่ได้ ศึกษาอะไร และทำไม่ได้ เลย ทึกทักเอาเลยว่าไม่มี หรือไม่จริง คนในโลกนี้ มี ๔ เหล่า บัว อยู่ ใต้ โคนตม ก็จะเหยื่อ ของปลาและเต่า ต่อไป

 

จริงด้วย เกิดมาแล้ว อีกไม่นานก็ตาย ไม่ต้องไปเรียนหนังสือ ไม่ต้องหาข้าวกิน รีบๆตายไปเลย อยู่ไปก็เสียเวลาเปล่าๆ เดี๋ยวก็ตายแล้ว

 

ส่วนบัว เหล่า ๒ กำลัง จะพ้นน้ำ ในวันต่อๆไป ส่วนบัว ที่ ๓ จะพ้นน้ำ ในวันพรุ่ง หรือ มะรืน มะเรื่อง ส่วนบัว ที่พ้นน้ำแล้ว ไม่มีวัน เป็นเหยื่อ ของเต่าและปลาได้เลย คนก็ปรียบได้ ดั่งบัว ๔ เหล่า ๆที่ ๔ ถ้าเป็นคน แม้ พระพุทธเจ้า ก็ไม่สามารถ โปรดได้ ในเมื่อ มีการเกิด มันก็ต้องมีการตายๆแล้ว เกิดใหม่ จะไปเป็นอะไรนั้น อยู่ ที่ตัวทำเท่านั้น มีมืด มันก็มี สว่าง มีสรรเสริญ ก็ต้องมี นินทรา มีสุข มันก็ต้อง มีทุกข์ ในเมื่อ มีเกิด มีตาย และ ไม่ต้องมาเกิด มันก้ย่อมได้ เช่นเดียวกัน คือไม่เกิด ในที่นี้ คือ เกิดเป็น สัตว์ นรก เปรต อสูรกาย สัตว์ เดรัชฉาน เกิดเป็นคน เกิด เป็นเทวดา นางฟ้า เกิด เป็นพรหม ที่ไม่เกิด มีที่เดียว คือ ทำกิเลส ให้หมด ไปจากใจ แล้ว ดับขันเข้า สู่พระนิพพาน


ผมขอ รับรอง ว่า ผีมีจริง เทวดา นางฟ้า มีจริง พรหม และ พระนิพพาน มีจริง ถ้าทุกคนทำถึง ทำได้ เมื่อก่อน ผมเคยเห็นผี เทวดา นางฟ้าได้ เป็นบางโอกาศ ตอน ระยะหลัง ปล่อยทิ้ง เลยไม่เห็น และทำไม่ได้ อีกเลย ได้แต่ทำใจ ให้เป็นสุข บางโอกาศ เท่านั้น เพราะเรา ยังเป็นปุถุชนอยู่ สุขทุกข์ มันอยู่ที่ใจ คนและสัตว์ คนและ สัตว์ มันไม่สามารถ สุขทุกข์แทนกันได้ครับ ถ้าพูดเรื่องแบบนี้ คุยกัน ๓ วัน ๓ คืน คงไม่จบหรอกครับ ถ้าไม้เข้าใจ เอาเป็นว่า ทำ ตัวเอง ให้ดีที่สุด อย่าไปสนใจ หรือ จริยา ของคนและสัตว์ อื่นเลยครับ เคารพ สิทธิของคนและ สัตว์ เสมอ ด้วยตนเอง แล้วคุณ หรือ ทุกคน ก็พอ จะรู้ได้ ด้วยปัญญา ของตนเอง

 

จิตที่จะเกิดย่อมมีมากมายในวัฏสังสารวัตร ไม่แปลกที่จะมีพวกไม่รู้จักศาสนาหรือบัวสี่เหล่ายังมีพวกใต้ตม ไม่พ้นเวียนว่ายตายเกิด อย่าแปลกใจที่เขาจะไม่เชื่อ แต่แปลกใจที่เราไม่สามารถ พาเขาพ้นจากบ่วงมารไปได้ต่างหาก

 

คนประเภทไม่มีศาสนานี่ต่ำชั้นกว่าบัวเหล่าที่สี่อีก ครับ

เพราะพวกนี้คือ พวกมิจฉาทิฐิ ไม่เชื่อเรื่องโลกนี้ โลกหน้า
ไม่เชื่อในบุญ/บาป นรก/สวรรค์/พระนิพพาน

เมื่อไม่เชื่อในการเกิดชาติหน้าแล้ว ก็คิดว่าตายแล้วสูญ
ทีนี้จะทำชั่ว เลวทรามสุดโต่งอย่างไรก็กล้าทำได้เพราะไม่มีหิริ โอตัปปะ
คนพวกนี้ถึงเวลาดับขันธ์ก็พุ่งลงนรกอเวจีสถานเดียวเท่านั้น

แล้วคนพวกนี้ในโลกมีมากมายนับพันล้าน
มากกว่าประชากรไทยทั้งประเทศเสียอีก

ที่สำคัญคือ ความวุ่นวายและสงครามโลกก็เกิดจากพวกนี้และพวกคลั่งศาสนาแบบสุดโต่งด้วยเช่นกัน

เราเกิดมาในแผ่นดินแห่งพระพุทธศาสนา ได้รู้หลักธรรมคำสั่งสอน
ได้ประพฤติปฏิบัติชอบ ก็เอาตัวรอดจาดสิ่งเลวร้ายไปได้แล้ว
ส่วนใครจะคิดอย่างไร คลั่งกันแบบไหน ก็คงต้องปล่อยไปตามวิถีกรรม
ของพวกเค้านั่นแหละ ครับ

 

แต่ผมก็เห็นด้วยกับ จขกท นะ ที่เกือบทุกศาสนา รวมถึงศาสนาพุทธด้วย
ถูกเอามาอ้าง มาใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อการเมือง เพื่ออำนาจ เพื่อความเป็นใหญ่ เพื่อผลประโยชน์

ยิ่งศาสนาพุทธนี่ตัวดีเลย เอาบุญมาอ้าง สร้างรูปปั้นวัตถุต่างๆ นั้นนี้มากมาย ทั้งในศาสนาที่บอกว่าเป็นตัวแทน และนอกศาสนาก็มีพวกเทพต่างๆเยอะๆสารพัดจะปั้นจะสร้าง
ให้คนไปอ้อนวอนกราบไหว้ยึดถือ แบบงมงายอย่างขาดความรู้ ขาดสติ ขาดปัญญา(ซะเป็นส่วนใหญ่)

แล้วก็อ้างไปว่า เพื่อระลึกถึง ก็ได้บุญ ทำนองนี้เป็นต้น (มันก็จริงแค่เศษเสี้ยวบางส่วน แล้วต้องระลึกให้เป็นให้ถูก)
ซึ่งเอาจริงๆจะระลึกถึงอะไรยังไงแล้วแต่ มันก็สามารถระลึกถึงได้ตลอดเวลา

ไม่ต้องมาใส่ พกพา แขวน ห้อย อะไรก็ได้ แต่ที่ก็จำเป็นต้อง ใส่แขวนห้อยพกพา เพราะคิดว่าสิ่งนั้นจะช่วยเหลือในด้านต่างๆซะส่วนมาก เช่น ให้ปลอดภัย ให้มีเสน่ห์ ให้กิจการไปได้ดีราบรื่น

 

ถ้าท่านสวดมนต์ประจำ เช้าเย็น โดยเฉพาะ ทำวัตรเย็น จะมีคำแปล ว่า ท่านจงมาดูเถิด
ความหมายนี้ ข้าพเจ้าตีความว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านได้ท้าทายให้เราท่านพิสูจน์ว่าผลจากการปฏิบัตินั้น จักได้เห็นเป็นเช่นเดียวกับพระองค์ท่านได้เห็น ผมจะม่ขออธิบายครับ ต่อ เกรงว่าจะไปปรามาส พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
โมทนาสาธุ
3. ทำวัตรเช้า-เย็น และ มหาสติปัฏฐานสูตร แปล 3 สาตถัง สะพยัญชะนัง เกวะละปะริปุณณัง ปะริสุทธัง พรัหมะจะริยัง ปะกาเสสิ ; ตะมะหัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยามิ ; ตะมะหัง ภะคะวันตัง สิระสา นะมามิ. โย โส สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ; สันทิฏฐิโก ; อะกาลิโก ; เอหิปัสสิโก ; โอปะนะยิโก ; ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ ; ตะมะหัง ธัมมัง อะภิปูชะยามิ ; ตะมะหัง ธัมมัง สิระสา นะมามิ. ทรงประกาศพรหมจรรย์ คือแบบแห่งการ ปฏิบัติอันประเสริฐ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง พร้อมทั้งอรรถะ (คำอธิบาย) พร้อมทั้ง พยัญชนะ (หัวข้อ) ; ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่ง เฉพาะพระผู้มี พระภาคเจ้า พระองค์นั้น ; ข้าพเจ้านอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น ด้วยเศียรเกล้า. พระธรรมนั้นใด เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสไว้ดีแล้ว ; เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ ด้วยตนเอง ; เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้และให้ผลได้ ไม่จำกัดกาล ; เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกับผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด ; เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว ; เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ; ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่ง เฉพาะพระธรรมนั้น ; ข้าพเจ้านอบน้อมพระธรรมนั้น ด้วยเศียร เกล้า. (ธัมมาภิถุติ) (หันทะ มะยัง ธัมมาภิถุติง กะโรมะ เส.) (กราบระลึกถึงพระพุทธคุณ) (กราบระลึกถึงพระธรรมคุณ)

 

ลิงค์ที่ จขกท เอามาโพสต์ เค้าใช้ถ้อยคำแย่มากนะ เหมือนพวกเกรียนศาสนาไงไม่รู้ จขกท.ไปหลงเชื่อได้ไง ไม่รู้จักพิจาณาด้วยสติ และปัญญา...น่าเวทนา

 

แต่ดิฉันก็คิดว่า https://www.facebook.com/FakGhost ก็คงคิดผิดค่ะเพราะขนาดต่างชาติเขายังยืนยันเลยนะคะว่า คนเราตายไปแล้วน่าจะมีทีไป หรืออาจจะมา เกิดแต่เขายังหาไม่ได้ว่ากระบวนการมันทำงานอย่างไรค่ะ

 

ศาสนาคือสิ่งที่สอนให้เรายึดมั่นในการทำดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คือศูนย์รวมจิตใจ
ทำให้คนเรามีความหวัง และเชื่อว่าถ้าเราทำดีต้องได้ดี
บรรพบุรุษของเรายึดมั่นในคำสอนของศาสนา และมีสิ่งศักดิ์เป็นขวัญกำลังใจ
จึงมีคนยอมอุทิศเสียสละชีวิตเพื่อประเทศชาติ รักษาเอกราชเอาไว้
เราจึงมีแผ่นดินอยู่อาศัยจนตราบถึงทุกวันนี้ ไม่ต้องเป็นพวกอพยบเร่ร่อน
ไปอาศัยประเทศอื่นๆเขาอยู่เหมือนคนบางพวก
ที่เรามีแผ่นดินอยู่จนถึงทุกวันนี้เพราะมีคนที่ยึดมั่นในศาสนาและเชื่อในหลักการทำความดี เราจึงมีสังคมและประเทศชาติที่สงบร่มเย็น
ถ้าทุกคนมัวแต่คิดว่า บาปบุญไม่มีจริง คนเราตายแล้วไม่เกิด
นรกสวรรค์ ผีสางเทวดา พระเจ้าไม่มีจริง คนเราตายแล้วสูญ
คนทุกคนจะเกิดความเห็นแก่ตัว เพราะไม่รู้ว่าจะทำความดีไปเพื่ออะไร
เราจะไม่มีทหารที่ยอมเสียสละชีวิตเพื่อรักษาชายแดน
ในสังคมจะไม่มีคนยอมเสียสละเพื่อทำความดีช่วยเหลือคนอื่น
ทุกคนจะมุ่งแต่หาความสุขใส่ตน
ดังเพจที่เจ้าของกระทู้ยกตัวอย่างมา ถามว่าเคยทำความดีอะไรเพื่อประเทศชาติบ้าง
ผมสรูปว่า ศานา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นสิ่งที่มีคุณ ไม่มีโทษ
เพราะเป็นเครื่องมือที่บรรพบุรุษของเราใช้เป็นศูนย์รวมใจคนในชาติให้เป็นหนึ่ง
และเชื่อมั่นในหลักการทำความดี ยอมเสียสละผลประโยชน์ส่วนตัวเพื่อประเทศชาติ

เวลานี้เรายังมีคนส่วนมากที่ยังยึดมั่นในหลักการทำดี มีคนบางส่วนเท่านั้น
ไม่เชื่อหลักการทำความดี มีความเห็นแก่ตัว คดโกงประเทศชาติ
ประเทศเราจึงมีความเดือดร้อนอย่างที่เห็น
แต่ถ้ามีคนชั่วมากกว่านี้ มีคนที่ไม่เชื่อในหลักการทำความดีมากขึ้นกว่านี้
สังคมเราจะอยู่ยาก จะเกิดความเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า