เรื่องเล่า ตื่นนอน ตอนสายๆ

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย suwi, 30 มิถุนายน 2010.

  1. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168

    อนุโมทนา "สาธุ" กับคุณ aries ที่มีจิตใจเมตตา กรุณา ต้องการช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์ค่ะ


    แต่ทุกข์ของแต่ละคน ขึ้นอยู่กับกฎแห่งกรรมด้วย อันนี้บางทีอาจต้องรอให้หมอสุวิเข้ามาเขียนเล่าเอาเอง เพราะหมอได้เคยอธิบายเอาไว้กับช่อง Channel อื่น ซึ่งเป็นห้องปิด (ไม่ได้เป็นห้องเปิด แบบกระทู้ที่พวกเราผู้อ่านกำลังพูดคุยกันนี้อะนะคะ) เหตุเพราะเรื่องบางเรื่อง จำต้องคุยเฉพาะกับกลุ่มคนบางคน หากคุยกันแบบสาธารณะ อาจทำให้ผู้อ่านนำไปคิดฟุ้ง(ซ่าน) ได้ ดังที่กะทิเธอเคยกล่าวไปแล้ว


    แต่เอาเป็นว่า ที่หมอสุวิเคยเล่าเอาไว้กลายๆ ที่น่าจะพอบอกกล่าวเล่าสิบได้ คือ ทุกข์ของคนบางคน มาจากกรรม และหมอเคยขอเข้าไปรักษา ด้วยการตั้งโต๊ะเจรจา หรือไม่ก็ด้วยการอุทิศบุญ หรือด้วยวิธีการต่างๆ ต่อ เจ้ากรรม หรือนายเวร


    หมอสุวิเธอพบว่า ไปๆ มาๆ หลายๆ ครั้งที่หมอเคยพบ บางทีเป็นเจ้ากรรม กรรมลอ (ไม่ใช่เจ้ากรรม / นายเวร ตัวจริง) อุปโหลกตัวเอง ว่าฉันเป็นเจ้ากรรม / นายเวรของเธอนะ


    และที่ลึกไปกว่านั้น ไปๆ มาๆ หมอสุวิเธอพบว่า ในหลายๆ ครั้ง ที่แท้แล้ว ท่านเหล่านั้นบางทีก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็น "องค์เทพลิขิต" ที่หมอสุวิเคยบอกว่า ยัยกะทิเธอไปนิยามเรียก "ท่าน" อย่างนั้นเอาเอง(ซะนี่)



    หรือก็คือ ผู้ใดทำกรรมใดไว้ เยี่ยงไร ผู้นั้น จำต้อง ได้รับกรรม เยี่ยงนั้น (ยกเว้นกรณีสามารถใช้วิธีการฉ้อฉล ที่ทางโลกมิติอื่น กำลังประสบปัญหาอย่างหนัก และลุกลามร้ายแรง เข้ามายังโลกมนุษย์ ด้วยวิชาเหล่านี้ มีมนุษย์บางท่าน ล่วงรู้ นำวิชานั้นมาใช้ และกำลังมีการตามแก้ไขกันอยู่ ซึ่งจะต้องใช้เวลามากมายเพียงใด ไม่อาจทราบได้)



    ดังนี้กรรมของผู้อื่น ถ้าเราไม่รู้จริง ก็อยู่บนทางสายกลางดีกว่านะคะ แต่ถ้าเรามีใจด้วยเมตตาจริงๆ ก็เอาเท่าที่เราพอจะช่วยได้ นั่นก็คือการ "บรรเทา" อย่างที่หมอสุวิ รักษา ผู้ป่วย ถ้าไม่รักษา(ก็มันรักษาไม่ได้เดี๋ยวนั้น ทันที) ก็บรรเทา ให้คนไข้ไป


    ในกรณีของคุณ aries นี้ กะทิเธอจึงแนะนำ 2 ประการค่ะ

    / ยังมีต่อค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2015
  2. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    วิธีใช้พระคาถาทำน้ำมนต์สำหรับดื่ม มี 3 วิธีนะคะ


    วิธีที่ 1 หากคุณมีโต๊ะหมู่บูชาพระที่บ้าน และได้...
    1.1 ดูแลหิ้งพระ ด้วย จิต บริสุทธิ์
    1.2 สวดมนต์อยู่เป็นนิจ โดยเฉพาะ บทชุมนุมเทวดา(บทสัตตะปะริตตัง) และ พระคาถาอัญเชิญเทวดากลับ
    1.3 มีน้ำดื่มตั้งบูชาบนหิ้งพระบ้าง (อาจไม่จำเป็นถึงกับไม่ให้ขาด แต่เคยทำอยู่บ้าง)

    เหล่านี้การสวดมนต์ในบริเวณ จะมีเทวดามาคอยอนุโมทนาบุญ และคอยดูแลรักษาห้องพระห้องนี้ พวกเขามักกล่าว "สาธุ" อนุโมทนาบุญกับคุณด้วย


    ดังนี้น้ำที่ตั้งอยู่บนหิ้งพระ จึงมีพลังอยู่โดยปริยาย น้ำนี้หากนำไปใช้เป็นน้ำมันต์ฉุกเฉินภายในบ้าน จึงสามารถทำได้ค่ะ จะป่วยไข้ไร้สาเหตุ ก็นำมาใช้ได้ตามสะดวก หรือจะนำไปพรมตามห้อง เพื่อรักขวัญปีใหม่ ก็จัดได้ค่ะ


    วิธีที่ 2 อันนี้หมอสุวิได้เคยอธิบายไว้อย่างละเอียดแล้ว ในเรื่องของผู้ป่วยบางท่าน บางโรค รวมถึงผู้ที่โดนของ คุณไสย์ต่างๆ ให้ไปขอน้ำมนต์จากองค์พระเสมาที่วัด โดยถ้าจะให้ดี ขอให้เป็นพระเสมาเก่าที่หน้าโบสถ์ โปรดไปหาอ่านเอาเองที่หมอสุวิเขียนไว้ น่าจะดีกว่ากะทิเธอเขียนนะคะ


    วิธีที่ 3 คล้ายๆ 1 คือ น้ำที่เข้าพิธีพระพุทธมนต์ โดยเฉพาะในพิธีใหญ่ๆ เช่น การสวดมนต์ข้ามปี ในช่วงปีใหม่ ของวัดภูเขาทอง เป็นต้น (อันนี้เท่าที่กะทิเธอเคยได้รับน้ำขวดมานะคะ) เวลาใช้แต่ละที เธอกระมิดกระเมี้ยนแบบประหยัดสุดๆ ล่ะ ค่ะ 555 แต่ถ้าไม่ใช้เลย น้ำมนต์ในขวดก็ระเหิดไปหมด ดังนี้เธอจำต้องใช้อย่างประหยัดค่ะ
     
  3. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    เครื่องยนต์ กะทิเธอ กำลังร้อนนนน


    มาต่อที่แนวสุขภาพกันบ้างนะคราฟฟฟฟฟ


    มีเรื่องเล่าจากการที่ยัยกะทิเธอปลูกสวนครัวกินเอง แต่ก่อนจะเข้าเรื่องสุขภาพที่ กะทิเธอได้ความรู้คู่สุขภาพจากการปลูกผัก เธอขอยกข้อคิดดีๆ จาก Fb โดย คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย ดังนี้ค่ะ


    ประโยชน์ ของการอดอาหาร "มื้อเย็น"

    ทำอย่างไรจึงจะ "ไม่แก่ ไม่อ้วนและอายุยืน"


    คำตอบคือ. "กินสายกลาง "



    กินสายกลางคือ กินมื้อเช้าและมื้อเที่ยง งดมื้อเย็น



    เปรียบตัวเราเป็นรถยนต์ ตื่นเช้ามาต้องเติมน้ำมันก่อน หรือกินมื้อเช้า รถจึงจะวิ่งได้ ถึงเที่ยงน้ำมันยังไม่หมด เติมอีกครั้ง ถึงเย็นก่อนนอนก็ยังไม่หมดพิสูจน์ได้ดังนี้


    สมมุตกินไข่ลวก 1 ฟองโตๆ มีไข่แดงหนัก 50 กรัม ในไข่แดงมีคลอเลสเตอรอล 1 กรัม ให้พลังงาน 9 แคลอรี่ ฉะนั้น 50 กรัม ให้พลังงาน 450 แคลอรี่ จะต้องออกกำลังกายเพื่อใช้พลังงานนี้ โดยขี่จักรยานตั้งแรงต้านไว้ 1.3 ก . ก . ความเร็วที่ปั่นบันไดจักรยาน 60 รอบต่อนาที ขี่อยู่นาน 60 นาที จะเหนื่อยหอบ เหงื่อไหลท่วมตัว แต่ใช้พลังงานไปเพียง 300 แคลอรี่ ไข่ใบเดียวยังใช้ไม่หมด!!


    ฉะนั้น ถ้า กินมื้อเช้า มื้อเที่ยง จนถึงเย็น พลังงานยังเหลือแน่นอน ไม่จำเป็นต้องไปเติมอีก


    เพราะเวลานอนร่างกายจะนำพลังงานที่เหลือใช้ไปเก็บในที่ต่างๆ โดยตับเป็นผู้ทำงานนี้ ถ้าพลังงานเหลือมาก การเอาไปเก็บในที่ต่างๆก็มาก ทำให้อ้วน และแน่นอนถ้าเก็บไม่หมดโดยเฉพาะพวกไขมันตัวโตๆ จะต้องค้างอยู่ในหลอดเลือด ถ้าค้างสะสมมากเท่าใด รูหลอดเลือดก็จะเล็กลงทุกวัน เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆได้น้อยลง อวัยวะทั้งหลายก็จะเสื่อมสภาพเร็วขึ้นหรือแก่เร็วขึ้น ถ้าวันไหนอุดตัน เช่นถ้าตันที่สมอง จะกลายเป็นคนพิการอัมพาตครึ่งซีก ถ้าอุดตันที่ไต ต้องล้างไต เปลี่ยนไต ถ้าตันที่ขา อาจต้องตัดขาทิ้ง ถ้าตันที่กล้ามเนื้อหัวใจ ก็จะไม่มีโอกาสได้สั่งลาใคร


    ฉะนั้น การกินมื้อเย็นจึงเป็นมื้อที่เร่งกระบวนการ"เสื่อมของอวัยวะทุกส่วนในร่างกาย "ร่ายกายต้องใช้พลังงานอย่างหนักในการเผาผลาญอาหาร"


    ยิ่งกินมื้อเย็นในปริมาณที่เยอะ ก็ยิ่งเร่งการเสียชีวิตให้เร็วขึ้นไปอีก "มื้อเย็น"จึงเป็นมื้ออันตราย เป็นมื้อตายผ่อนส่ง


    ฉะนั้น จึงหมายความว่าการกินมื้อเย็นมาก ยิ่งผ่อนส่งมาก ตายเร็ว ถ้าไม่กินมื้อเย็น ก็จะแก่ช้า เสื่อมช้า อายุยืน


    การไม่กินอาหารมื้อเย็นเป็นเรื่องที่ต้องเอาชนะใจตัวเองอย่างมาก


    ถ้าใครทำได้จะตัดทั้งกิเลส สุขภาพดี อายุยืน และมีสมาธิดี ความมุ่งมั่นสูง ได้ประโยชน์ทั้งกายและใจ


    แต่ท่าน ต้องฝึกกระเพาะให้เกิดความเคยชิน


    วิธีฝึกมี 4 วิธี


    1. ค่อยๆลดปริมาณอาหารมื้อเย็น ทีละน้อยๆเช่นลดกินข้าวจาก 2 จาน เหลือ 1 1/2 จาน สัก 3-4 เดือน โดยมีข้อแม้ว่า หลังอาหารเย็นแล้วห้ามกินอาหารใดๆทั้งนั้นยกเว้นน้ำเปล่า พอกระเพาะชินแล้วลดเหลือ 1 จาน ต่อไปครึ่งจาน ต่อไปไม่กินข้าวเลยกินแต่กับ ต่อไปกินผักผลไม้ สุดท้ายงดอาหารเย็น


    2. ร่นเวลากินอาหารเย็น เช่นจาก 2 ทุ่มมากิน 1 ทุ่ม ต่อไปเลื่อนเป็น 6 โมงเย็น 5 โมงเย็น 4 โมงเย็น 3 โมงเย็น ฯ


    3. กินเม็ดแมงลักแทนมื้อเย็น ใช้เม็ดแมงลัก 2 ช้อนโต๊ะใส่ในถ้วยน้ำแกงหรือน้ำเปล่าคนแล้วดื่มทันที ดื่มน้ำตามอีก 4-5 แก้ว


    4. กินมังสะวิรัตมื้อเย็น การกินผักผลไม้ถือว่าเป็นอาหารไม่มีพิษ ร่างกายจะได้พักไม่ต้องทำลายพิษของอาหารเนื้อสัตว์ พิษที่สะสมไว้ก่อนก็จะถูกตับ ไต กำจัดหมดไปเองได้ ร่างกายมีเวลาถึง 18 ช.ม. กำจัดพิษที่ติดมากับมื้อเช้า มื้อเที่ยงได้ทัน ฉะนั้นการไม่กินอาหารเย็นจึงเป็นเวลาที่ตับ ไต จะสามารถกำจัดสารพิษจากอาหารมื้อเช้าและเที่ยงได้หมด ร่างกายจึงบริสุทธิ์ทุกวัน

    ท่านทราบแล้วใช่ใหมว่า ทำไมสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทรงบัญญัติให้พระฉันเพียง 2 มื้อคือ

    "เช้ากับเพล"เท่านั้น ครับ จึงจะเหมาะสม

    -------------

    สาธุค่ะ กะทิเธอก็มีเริ่มๆ ไม่ค่อยกินอารมื้อเย็นในบางมื้อมาบ้างแล้ว (บางทีก็กิน บางทีไม่กินมื้อเย็น และ/หรือ จัดแบ่งเวลาของวันใหม่ ให้เป็นวันละ 2 มื้อ คือมื้อสาย กับมื้อบ่าย) ไม่ได้เพื่อใครเลย เพื่อตัวเอง ควบคุม น้ำหนัก ล้วนๆ ค่ะ ดีต่อผู้เข้าสู่วัย สว. ล้วนๆ ค่ะ

    (ปล. สว. = สูงวัย)
     
  4. ชัชชลี

    ชัชชลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +1,411
    ขอเรียนให้เพื่อนๆทราบว่าองค์พระพุทธชินราช(จำลอง)ที่พวกเราร่วมบุญกันสร้างส่งถึงวัดพ่อขุนผาเมืองตั้งแต่เมื่อวาน(9/11) แล้วค่ะ
    และได้ประทับบนฐานพระที่พวกเราร่วมบุญกันสร้างพร้อมจะเป็นประธานในงานทอดกฐินวันที่ 15/11

    ผู้ใดมีจิตศรัทธา ยังร่วมทำบุญสร้างพระอุโบสถที่จะเป็นที่ประทับถาวรขององค์พระพุทธชินราช(จำลอง)ได้อีกนะคะ
    ร่วมทำบุญโดยโอนเงินมาที่บัญชีนี้นะคะ
    เลขที่บัญชี 895-2-33323-3
    ธนาคารกสิกรไทย สาขาบิ๊กซีอ่อนนุช
    ชื่อบัญชี ชัชชลี เบญจวิทย์วิไล

    ส่วนพิธีถวายองค์พระอย่างเป็นทางการจะจัดขึ้นในวันที่ 27/11 ขอเชิญชวนเพื่อนๆร่วมงานได้ค่ะที่วัดพ่อขุนผาเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. ชัชชลี

    ชัชชลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +1,411
    วันนี้ได้รับเงินโอนมาร่วมทำบุญจากหมอสุวิและคณะเพิ่มอีก 15,000 บาท
    ขออนุโมทนาด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  6. GreenWall

    GreenWall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +388
    ตัวผมเองเป็นคนทั่วไปที่เริ่มสนใจการปฏิบัติครับ ยังไม่ใช่นักปฏิบัติตัวจริงขนาดนั้น
    ด้วยความที่เพิ่งเริ่มที่แหละ ที่ทำให้ไม่รู้จะเอาอะไรมาแบ่งปันกัน
    ส่วนใหญ่เลยเป็นฝ่านอ่านซะเยอะ
    ;aa47
     
  7. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ในอดีต สมัยพุทธกาลแห่งองค์พระศรีศากยะมุนี
    นครใหญแห่งหนึ่ง นามนคร ไพศาลี(เวสาลี) ในอาณาจักรวัชชี เกิดภัยพิบัติสามประการ

    ๑. ทุพภิกขภัย(แห้งแล้ง ข้าวยยากหมากแพง ฯลฯ)
    ๒. อมนุษย์ภัย (ผี ปีศาจ เปรต อสูรกาย จำนวนมาก อพยพกันมาอยู่ใเมือง)
    ๓. พยาธิภัย (โรคภัยไข้เจ็บ แปลกๆ และไม่แปลก ที่เคยรักษาได้ ก็รักษาไม่หาย)

    ในบันทึกที่ผ่านตามีเพียง ผลที่เกิดขึ้นแล้ว และการเยียวยารักษา ด้วยรัตนปริต แต่หาเหตุที่เกิดไม่เจอ

    วันนี้ มีสัญญานบอกเหตุหลายอย่างทางมิติ
    คล้ายกับว่าภัยพิบัติทั้งสาม กำลังจะเกิดกับพารานาม สารขันฑ์ (เมืองในนิยาย นะจ๊ะ ๆ)
    และรู้สึกจะแถม ธรณีพิโรธ อีโสตหนึ่งด้วย

    มารห้าตน(คล้ายแว่วๆว่าเขาเรียก ปัญจมาร หรือเบ็ญจมาร)
    ลักษณะการแต่งกาย คลุมผ้าสีดำทั้งตัว ทั้งห้า ดูคล้ายเป็นบุคคลาธิษฐาน(กายเนรมิตร) ไปไหนไปกันเป็นกลุ่มๆละห้าท่าน(มีปรากฏมากมายสุดคณานับ)
    พลังที่สัมผัสได้คือความมืด ไม่มีเจสิก(เจตนา)มีแต่ความกลวงเปล่า ไม่ดีไม่ร้าย
    มีอำนาจสูงมาก สามารถควบคุมลม ดินฟ้าอากาศ และจิตวิญญานต่างๆให้อยู่ในอำนาจได้
    เขาเล่าว่า เมื่อครั้งกรุงไพศาลี เกิดภัยพิบัต ก็มีมารทั้งห้านี้กระจายเกลื่อนเต็มเมือง (ไม่ยักกะมีในบันทึกนะ)

    ยังสงสัยต่ออีก หลังองค์สมณะโคดมเข้าพระนิพพานแล้ว
    ในช่วงภัพิบัติใหญ่ๆของโลก เช่นสงครามโลกครั้งท่ ๑ และ ๒ ช่วงซินามิเข้าที่ภาคใต้ไทย และญี่ปุ่น
    เบ็ญจมารพวกนี้ปรากฏตนหรือไม่ เดี๋ยวจะไปตามดู

    หลังจากเฝ้าติดตามอยู่หลายวัน
    สรุปได้ว่าท่านทั้งห้าปรากฏตนในเรื่องราวใหญ่ที่มีคนตายจำนวนมากที่เรียกว่ากลาดเกลื่อนดุจใบไม่ร่วง
    เช่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๑ และ ๒ ฯลฯ
    แม้แต่เรื่องราวในนิทานพื้นบ้านที่มีเมืองใหญ่ๆถล่ม จมบาดาล ทั้งเมือง เช่น เรื่องของผาแดง-นางไอ่ และหนองหาร ก็ล้วนมีมารทั้งห้ามาปรากฏตน

    การปรากฏตนของมารทั้งห้า ในครั้งนี้ กระจายไปทั่วโลกแล้ว แต่กลับหนาแน่นเป็นพิเศษในบริเวณพื้นที่แห่งพาราสารขันต์
    พวกเขาทั้งห้า ไม่มีตัวตนที่แท้จริง(เป็นบุคคลาธิษฐาน) เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเอง ตามอำนาจมวลรวมแห่งกรรม ในพื้นที่หนึ่งๆ
    เอ..สงสัยนะ ทำไมมาอยู่ที่สารขันต์ประเทศหนาแน่นนัก
    มันน่าจะอยู่ที่ตะวันออกกลางมิใช่รึ หรือ พาราสารขันต์จะเป็นจุดเริ่มต้นแห่งภัยพิบัติในครั้งนี้ (สงสัยพื้นที่นี้มีมวลรวมแห่งความผิดบาปสูง-เอ......เขาทำอะไรกันหว่า)

    เราก็คงจะต้องตามดูกันต่อไป เพราะยังมีข้อสงสัยอีกหลายเรื่องนัก
     
  8. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    และแล้ว ในวันที่ ๒ พฤศจิกายน ที่ผ่าน ก็มีดาวตก ส่งแสงสีเขียวน้ำเงินสว่างจ้า สวยงามนัก ปรากฏให้เห็นไปทั่วโลก
    การปรากฏของดาวตกกลุ่มนี้ ยังให้เกิดหลุมยุบในมิติทะลวงลึกลงไปถึงนรกภูมิ เท่าที่ตามดู มีถึง ๙ หลุม กระจายไปทั่วโลก
    แต่ละหลุมล้วนมี อสูรกายนรก ปีนป่ายขึ้นมามากมายหลาเผ่าพันธ์ พร้อมโรคภัยไข้เจ็บแปลกๆ ตามมาอีกมากมาย

    เห็นเหล่าอสูรกายและปัญจมารแยกย้ายกันไปทำงาน แทรกในร่างมนุษย์และอมนุษย์ทั้งปวง
    เอ...เขาทำอะไรกันหว่า
    คงต้องตามดูอีกนาน
     
  9. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    เรามาสวด พระรัตนปริตรกันเถอะ


    มีผู้แนะนำหมอสุวิว่า
    เมื่อปัญจมาร และอสูรกายนรกปรากฏตัวพร้อมกันเยี่ยงนี้
    มีเพียง พระรัตนปริตร เท่านั้นที่ช่วยได้

    เรามาร่วมกันสวดพระรัตนปริตรกันเถิด


    https://youtu.be/kfN9j-s9ZUg (แบบคาราโอเกะ ง่ายหน่อย)
    https://youtu.be/V5u9RAr4hHw (รัตนสูตรขับโดยคนอินเดีย)
    https://www.youtube.com/watch?v=XhintvS2ahc

    ให้ไว้ ๓ เวอร์ชั่นเลย ใครชอบใจแบบไหนก็ ตามชอบเลย
    ส่วนที่เป็น อักษรลิขิต เจ้ากะทินำมาให้ก่อนหน้านี้แล้ว
     
  10. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    555 ยัยกะทิเธอ ยุ หมอสุวิ ขึ้น สำเร็จตามเคย จากหลังบ้าน

    อนึ่ง ในช่วงที่ดวงตกช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา คนส่วนมากตื่นเต้น แต่ยัยกะทิเธอ จะไม่ดูสิ่งเหล่านี้

    แม้ในวัยเด็ฏจะตื่นเต้นไปกับเขา คอยเฝ้าดูปรากฎการณ์บนท้องฟ้า ถึงขนาดหลงใหล เป็นสมาชิกหอดูดวง ท้องฟ้าจำลอง ส่งประกวดเรียงความเรืองดวงดาวต่างๆ (เรียกว่าอาการหนักในความสนใจนี้)


    แต่เมื่อเวลาผ่านไป ได้เรียนรู้เรื่องรวมต่างๆ ในมิติอื่น กลับพบว่า ที่คนโบราณเคยกล่าวไว้ว่า หากเกิดบางสิ่งตกลงมาจากท้องฟ้า มันอาจจะเป็นอาเพศ และรีบหลบเข้าไปอยู่ภายในบ้าน ไม่กล้าออกมากันนั้น ซึ่งในสมัยเด็กเราดูละคร หรืออ่านเจอข้อความเหล่านี้ ก็นึกตลก ยิ้ม ให้กับความหัวโบราณของบรรพบุรุษ


    แต่ทว่า ยัยกะทิเธอ ในช่วงขึ้นเลข 3 เป็นต้นมา กลับย้อนทำ ย้อนคิด ในสิ่งที่บรรพบุรุษได้เคยเตือนลูกหลาน


    ใครว่าวันไหนจะเกิดสุรยะ จันทระ ใดๆ จะอะไร อมอะไร ก็แล้วแต่ จะดาวตก จะถ่ายคลิปไว้ แล้วส่งมาให้ กะทิเธอดูถึงที่ ก็แล้วแต่ กะทิเธอจะเลยผ่านไปเลย ไม่หันตาไปมอง ไม่แม้แต่จะแหงนมองฟ้า


    555 ที่เล่าและกล่าวมา เพื่อจะบอกผู้อ่านว่า กะทิเธอนั่นขี้กลัวซะขนาด ใช่ไหมคะ? แต่ในความขี้กลัวนั้น เพราะกะทิเธอพยายามคิดถึงความไม่ประมาทในชีวิตไปด้วยหนะค่ะ


    และข้อความนี้ก็เขียนขึ้นเพื่อให้ผู้อ่านมีสติ กับเหตุการณ์ธรรมชาติ ที่นับวันบนท้องฟ้า ซึ่งหลังจากนี้ อาจมีการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่าดาวตกเมื่อต้นเดือน และรวมถึงแผ่นดิน สภาพอากาศ และภาวะอารมณ์ นิสัยใจคอ ของคนเรา ได้เปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อว่า นี่หรือคือ แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง ในน้ำ(เคย)มีปลา ในนา(เคย)มีข้าว นั่นมันสมัยพ่อขุนรามคำแหง (นานแล้วววว)


    ยังมีเรื่องที่อยากจะเขียนเตือนต่อไปอีก แต่ทว่าขอยั้งๆ ไว้ก่อนดีกว่านะคะ เรื่องที่กะทิเธอเคยเขียนเตือนไว้ในกระทู้ก่อน คือเรื่อง การกด ไลน์ กดแชร์ ในเว็บไซต์ต่างๆ หากผู้ใดเคยอ่านแล้ว ก็ขอให้แต่นี่ต่อไป ขอท่านตั้งอยู่บนความไม่ประมาทนะคะ เพราะผลของมันรุนแรงมิใช่น้อย แต่หากท่านผู้อ่าน อาจอ่านข้ามเรื่อง การกด ไลน์ กดแชร์ ในเว็บไซต์ต่างๆ ไป หรือเลือนลืมไปแล้ว ก็ขอฝากย้ำอีกครั้งค่ะ

    ขอความไม่ประมาท จงมีแต่ท่านทั้งหลายเทอญฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2015
  11. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ก็เกิดเรื่องที่ฝรั่งเศส เกี่ยวกันมั้ยคะ
    แถมเมื่อวานตอนบ่ายฝนตกหนักมากกก
    แต่วันนี้ไม่ยักกะเย็น อาการเหมือนช่วง
    เดือนพ.ค.เลย
    หลายอาทิตย์ก่อนก็ฝันว่าไปตกหลุมยุบ
    แถวไหนมาไม่ทราบค่ะ ฝันมั่วหรือไปตก
    จริงก็ไม่รู้
     
  12. maxico

    maxico เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    384
    ค่าพลัง:
    +2,938
    ขอร่วมบุญสร้างองค์พระพุทธชินราช(จำลอง)วัดพ่อขุนผาเมืองและร่วมสร้างพระอุโบสถ. โอนเงิน 400 บาท 18/11/2015 เวลา 9.35 น
    สรรพวัส ประสานสุข

    ขอบคุณมากครับ

    สาธุ



     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      267.1 KB
      เปิดดู:
      144
  13. ชัชชลี

    ชัชชลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +1,411
    ขออนุโมทนาบุญกับคุณ maxico ด้วยค่ะ สาธุค่ะ
     
  14. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    ขออนุญาตนำคำถามหลังไมค์ ของคุณ อันน์ ยกมาไว้หน้ากระทู้นะ เผื่อว่าจะมีประโยชน์กับผู้อ่านท่านอื่นด้วยค่ะ

    ตามที่ อ.สุวิ ได้แนะนำให้ทุกคนช่วยกันสวดมนต์ พระปริตร นั้น
    อันน์ก็สวดรอบเช้า วันละรอบนะคะ
    ทีนี้ วันที่สองที่สวดเนี่ย ตอนอุทิศบุญถวายท่าน
    ภาพที่แวบเข้ามาในจิต เห็นเหมือนท่านเป็นพระจักรพรรดิพระองค์หนึ่ง

    ตอนแรกยังไม่สงสัยอะไรเท่าไหร่ค่ะ ก็อธิษฐานทุกรอบว่าขอให้แคล้วคลาดจากการเบียดเบียนจากอมุษย์ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิทั้งหลายทั้งยามหลับและยามตื่นฯ

    คือ หลังจากวันนั้นมา ก็นึกภาพเสมือนว่าท่านเป็นพระจักรพรรดิพระองค์หนึ่ง ตรงนี้อาจเป็นการปรุงแต่งไปเองของจิตก็เป็นได้น่ะค่ะ ทีนี้สิ่งที่สงสัยก็คือ ถ้าเราสวดมนต์พระปริตรแล้ว แต่กำลังของจิตของเรายังไม่เข้มแข็งพอ จะยังมีโอกาสที่จะถูกมารล่อลวงหรือมาหลอกรับส่วนกุศลจากเราไปได้อีกหรือไม่คะ


    ตอบ กะทิเธอ "ชง" ให้หมอสุวิ เป็นผู้ตอบนะคะ ดังนี้ค่ะ


    หากเรากล่าวว่า เราท่อง(สวด)พระปริตร จะหมายถึง เราสวด(ท่อง) พระปริตร หลายๆบทรวมกัน(เหมือนพระสวดมนต์ทำบุญบ้าน นี่ก็สวดพระปริตร ซึ่งมีมากมายหลายบท ต่อเนื่องกัน)


    คำว่า "พระปริตร" เป็นชื่อรวมๆของบทสวด ซึ่งมีากมายหลายบท เวลาเราเรียกควรบอกชื่อของพระปริตรด้วย เฃ่น รัตนปริตร อังคุลิมารปริตร ฯลฯ


    ตอบคำถาม จากที่ถามมา....


    สิ่งแรกที่ต้องทำคืออุทิศบุญให้ตัวเองและครอบครัว แล้ว เราก็อุทิศให้สรรพสัตวหมดทั้งสิ้น อยู่แล้วมิใช่หหรือ หากมีจิตกว้างขวางพอ เขาจะเป็นใครก็ช่าง จะเป็นมารหรืออสูร ไม่ต้องไปรับรู้ ไม่ต้องปรุงแต่ง อุทิศให้เขาอยู่เย็นเป็นสุข มีปัญญามีดวงตาเห็นธรรม อันเป็นสัมมาทิฐิ

    ^ ^
     
  15. InfinityMind

    InfinityMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +214
    สาธุ...

    ขอบคุณคุณหมอสุวิและคุณกะทิมากๆ ค่ะ ^ ^

    ///เมื่อเช้า เพราะกลัวพลาดจัด พอสวดรัตนสูตรเสร็จ
    ก็กางหน้าที่เป็นบทรัตนสูตร แล้วยกหนังสือสวดมนต์ขึ้นเหนือหัว
    ก่อนจะอุทิศส่วนกุศลค่ะ กะว่ายังไงก็ไม่พลาดแน่

    ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ _/|\_
     
  16. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,424
    ค่าพลัง:
    +13,166
    "ความดี แม้นเล็ก น้อย ก็น่ารัก"
     
  17. chaivat chinkidjakar

    chaivat chinkidjakar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    1,601
    ค่าพลัง:
    +21,786
    คุณดาว หายไปใหนมาครับ หมู่นี้คงมีงานเข้ามากๆ....ซินะ
     
  18. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    อาหารการกิน

    ว่าด้วยเรืองเห็ดหูหนู (หูอื่นเราไม่ขอพูดถึง)


    เรื่องมันมีอยู่ว่า ยัยกะทิเธอก็เป็นผู้ที่ใส่ใจในสุขภาพผู้หนึ่ง แต่นางชอบกินพิซซ่าเป็นที่ยิ่ง ครั้งจะสั่งมากิน ก็ราคาไม่เบา


    อย่ากระนั้นเลย เรามาทำกินเองกันดีกว่า


    วิธีทำพิซซ่ากินเองที่บ้านนั้นก็แสนจะง่าย ดังนี้นะคะ (อ้าว ไหนเขียนบอกว่า จะเล่าเรื่องเห็ดหูหนูไง??? ยัยกะทิ)


    ก่อนอื่นก็ต้องเอาเนื้อไก่บด หรือเนื้อไก่หั่นชิ้นเล็กๆ ที่หมักกับน้ำซอสต่างๆ พริกไท และผงขิงเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว (ที่เอาไว้ชงกับน้ำดื่ม เป็นน้ำดื่มขิงร้อนนั่นแหละค่ะ แต่ส่วนใหญ่สูตรนี้จะเอาไว้ใช้กับไก่บด(สูตรของกะทิเธอเองค่ะ เพียงแค่อร่อยดี ไม่ได้มีอะไรในกอไผ่)) ไปผัดให้สุก อย่าให้สุกมาก


    จากนั้นก็ยกขึ้นพักใส่จานไว้ก่อน


    ต่อด้วยการผัดผัก ซึ่งก็หาเอาง่ายๆ ในครัว วันที่กะทิเธอทำในคราวก่อน ก็เอาหอมแดง กับกระเทียมสับ หอมหัวใหญ่ ใบขิงสับ และหญ้าหวานสับ เอามาผัดรวมกัน ซึ่งจริงๆ ก็เป็นผักอะไรกก็ได้นะคะ หั่นฝอย

    แต่ว่าที่บ้านยัยกะทิเธอ ปลูกขิง และหญ้าหวานกินเองค่ะ ดังนี้เดินไปหน้าบ้านไม่รู้จะเอาอะไรใส่ลงไปในพิซซ่าเร่งด่วน ก็คว้าเท่าที่เห็น มาหั่นฝอยใส่ลงไปละกัน (ในตู้เย็นก็มีผักอื่น แต่มันสุกยาก ก็เลยขี้เกียจเอาไปต้มก่อน)


    เมื่อผัดผักพอแต่ไฟปานกลางประล่อมประแล่ม ก็เอาเนื้อไก่ที่ผัดไปก่อนหน้านี้ เอาลงมาผัดรวมกันอีกรอบ พอสุก แต่อย่าให้สุก (เอ๊ ... ยังไง??)


    เสร็จแล้วเราก็เอากับข้าวที่เราผัดเสร็จแล้วนี้ นำไปแปะเอาไว้บนขนมปังแผ่น ที่หาซื้อได้ทั่วไป จะเลือกแบบโฮลวีต สวีทฮาท หรือแบบไหนก็แล้วแต่จัดมาอะนะคะ


    จากนั้นก็โรยชีสที่เอาไว้โรยหน้าพิซซ่า ถุงที่ซื้อมาก็ 180 กว่าบาท แต่กระหน่ำใส่บนหน้าขนมปังได้หลายแผ่น หลายครั้ง ต่อ 1 ถุง (ตอนนี้ยังไม่หมดเลย)


    จัดใส่จานกระเบื้อง 1 ใบ ก็ได้ 4 แผ่นต่อ 1 เตาอบเล็ก(ที่บ้าน) พอดี แล้วก็เอาเข้าไปอบ

    โดยอบไฟร้อนเลือกเมนู อบไฟร้อนบนและล่างพร้อมกัน 5 นาที แล้วเลือกเมนูอบไฟบนอย่างเดียว 15 นาที (อันนี้ลองผิดลองถูกเองมาก่อน ไม่ได้ดูจากสูตรชาวบ้านเขามานะคะ จะผิดจะถูกก็เลยไม่ได้สนใจค่ะ ขอให้ออกมาจากเตาแล้วกินได้ ไม่ไหม้เกรียม ก็พอ 5555)

    เมื่อยกออกจากเตาอบเราก็ได้พิซซ่าทำเอง แสนอร่อย สะอาด เพราะล้าง และทำทุกอย่างกับมือ


    ทีนี้มันเกี่ยวกับเห็ดหูหนูยังไงล่ะจ๊ะ


    /ยังมีต่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2015
  19. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    ที่มันจะเริ่มเกี่ยวกับหู ก็เพราะว่า ยัยกะทิเธอใส่แว่น


    แต่เห็ดหูหนู เรามักจะเอาไปผัดกับไก่ผัดขิง



    แต่เมนูพิซซ่า ยัยกะทิเธอใส่ใบขิงสับลงไป จึงเกิดความสงสัยว่า ไอ้ใบขิงสับเนี่ย มันขั้นเทพ ในเรื่องอะไรบ้างไหม อะนะคะ จึงได้ส่งสัญญาณไปยังหมอสุวิ ให้ช่วยชี้แจงแถลงไข ดังนี้ค่ะ


    กะทิ : ใบขิงกินได้ใช่ไหมคะ? ช่วยบำรุงเลือดรึเปล่า ข้าเจ้าเอามาหั่นไส้พิซซ่าทำเองค่ะ

    หมอ สุวิ ใบขิงกินได้ ช่วยให้เลือดลมหมุนเวียนผ่านปอดดี(อวัยวะในช่วงอก) แต่ไม่บำรุงเลือด

    กะทิ : แสดงว่า ถ้าเป็นหวัด ก็เอาใบขิงมาผัดผักได้ ชิมิคะ ปลูกขิงนี่ดีจริงๆ


    หมอ สุวิ เห็ดหูหนู ทั้งดำ-ขาว บำรุงปอดดี(ฟอกปอด) ผัดกับขิงนี่สุดยอด ใส่หัวหอมอีกนิด ไก่สักหน่อย สุดยอด

    กะทิ : 555 อ่านแล้วหิว

    หมอ สุวิ ห้ามกินในช่วงบ่าย


    กะทิ : อ้าวววว ทามมายคะ ... อ๋อออออ หลับบบ .... หนังท้องตึง ใช่เปล่า?


    หมอ สุวิ ในช่วงบ่าย เห็ดหูหนู ทำให้เลือดตกตะกอน คั่งในอก


    กะทิ : เป็นงั้นไป

    หมอ สุวิ เห็ดหูหนู ไม่ค่อยดีกับหัวใจ(ในช่วงบ่าย-ค่ำ) แต่ดีกับปอด


    กะทิ : เป็นงั้นไป ข้าเจ้ากินเช้ายันค่ำเลยค่ะ ตอนเทศกาลกินเจ เพราะต้มหม้อยักษ์หม้อเดียวกันไปหลายมื้อ (ผู้อ่านท่านใด ต้มผัดเห็ดหูหนูหม้อใหญ่ในเทศกาลกินเจ แบบบ้านยัยกะทิเธอบ้าง ยกมือขึ้นนนนน 555)


    เรื่องราวก็เป็นฉะนี่ล่ะก้าาาา เอามาฝาก เผื่อใครรักใคร่เห็ดหูหนูเป็นพิเศษนะคะ ผู้อ่านบางคนอาจบอกว่า "ม่ายล่ะ หลงใบหูที่รักอร่อยกว่า" หุหุ ก็แล้วแต่ค่ะ (ชักจะทะลึ่ง จักกะเดียม นะจ๊ะ ยัยกะทิ)
     
  20. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,424
    ค่าพลัง:
    +13,166
    ได้ยินเรื่อง อาหาร แล้วหิว.....55
    ขอแจม ด้วยคน ... นะ

    เจ้า เห็ดหูหนู นี่ นะ... คนจีน เค้า นำมาทำเป็นอาหาร นาน แสนนาน แล้ว

    ด้วย ว่า มีรสชาด อร่อย กุบ กรอบ เป็นที่ ถูกอก ถุูกใจ

    นำมา ต้ม กับ น้ำซุป เป็นอาหาร มือเช้า ก็ เข้าที

    ดังจะพบเห็น ว่า เค้า นำมาใส่ในน้ำแกงจืด บ้าง
    เอามาผัดไก่ ใส่ ขิง ดังที่ กระทิ เล่ามา ก็ เข้าที แต่ เน้น ให้ ใส่กระเทียมสด ลงไป เยอะๆ หน่อย .. อร่อย มาก
    เมนูไก่ ผัด นี่ ผม มี อีกหลายสูตร ล้วนแล้ว แต่ เป็น เมนู เพิ่มความสุขให้แก่ชีวิต ทั้งนั้น ...นะ จะบอกให้ ลอง เอาไปทำ รับประทานกันดู

    แล้ว จะรู้ ว่า ความสุข มันกินได้......55

    1. ไก่ผัดขิงใส่กระเทียม อันนี้ทำง่ายๆ ใส่เห็ดหูหนุ เดิม เข้าไป อีกหน่อย ก็ ไม่ห้าม นะ เพราะเข้ากัน ได้ดี เมนูนี้ สำคัญ ที่ ไก่ ขิง กระเทียม ปรุงรส ด้วยน้ำปลา ( แอบเดิตมน้ำตาลทราย ลงไป นิดหน่อย เพื่อความ กลมกล่อม บางท่านก็ ใสพริกชี้ฟ้า ลงไป นิดหน่อย เพือสีสรร และรส เผ็ด ปลายลิ้ม)
    2. ไก่ ผิดกระเพรา , ไก่ผัดพริกสด ก็ ได้ สองรายการนี้ ดูเหมือน เวลา ออกไปนอกบ้าน คิดอะไรไม่ออก ก็ สั่ง กระเพรา ไก่ ไข่ดาว ราดข้าว
    เพราะง่ายดี และมี รสชาด จนมี บางคน ไป ตั้งชื่อ เมนูนี้ ว่า อาหารสิ้นคิด ( เค้าก็ ว่าแรงไป) อันที่จริง จะว่า ไป เมนู นี้ มันก็ เป็น ของชอบ ที่โปรดปาน ของผม ด้วยซิ....55
    3. ไก่ ผัดพริกเครื่องแกง รายการนี้ ขอบอก
    ต้องใช้ ไก่ ทั้งตัว คือ ซื้อไก่ ติดกระดูก มาด้วย หั่น สับ เป็นชิ้น พอคำ อย่าให้เล็กมากไป จะไม่สวย
    นำพริกแกงมาผัด ในกระทะร้อนๆ ก่อน แล้ว ค่อยนำไก่ ใส่ลงไป ผัดดัวยกัน ตามด้วย กระเทียมสด สัก กำมือ หนึ่ง พอสุกได้ที่ ก็ ปรุงรส ด้วยน้ำตาล น้ำปลา ตามอัทธยาศัย
    มี ใบมะกุด ฉีกเป็นฝอย ใส่ลงไป ด้วย ก็ ยิ่ง ดี

    รายการอาหาร ดังที่ ยกมา เป็นตัวอย่าง นี้
    กินกับข้าว สวย ร้อนๆ ถือ เป็น ยาอายุวัฒนะ ทำให้ ชีวิต มีความสุข ยิ่งขึ้น

    อิ่ม แบบ อร่อย ได้ประโยชน์ ต่อร่างกาย

    เจ้า อร่อย นี่แหละ สำคัญ เป็น ตัว เดียว กับ ที่ กระตุ้น คำว่า ความสุข ออกมา

    โดยเฉพาะ คน ที่ ห่างบ้าน ห่างเมือง เหงา คิดถึง ใคร ก็ ตาม
    ลอง ทำอาหาร รายการนี้ กิน ดู

    ความเหงา อาจจะ ไม่ได้ หาย ขาด แต่ ทำให้ ระลึก ถึง ความสุข ได้ ดี ขึ้น..... ครับผม
     

แชร์หน้านี้

Loading...