ดับ....จนสิ้นเชื้อได้อย่างไร โปรดชี้แนะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ทองชมพู, 17 ตุลาคม 2015.

  1. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    สะสาง.....เนื้อคู่....ย้อนรอยอดีต......แก้เงื่อน.....สางปม

    ย้อนไปเมื่อสมัย ม.ปลาย มีคนที่คบหาเกินเพื่อนหลัก ๆ อยู่ 1 คน และสมัย ป.ตรี 1 คน สมัยทำงานอยู่ที่แรกอีก 1 คน ก่อนจะลงเอยกับสามีคนปัจจุบัน.......

    ย้อนไปทีละ 1 คนที่คบหาตอนสมัยทำงาน คนนี้นิสัยเจ้าชู้ ก่อนที่เราบอกเลิกกะเค้า....เรารู้สึกเสียใจมาก เลิกกันแบบที่เราอกหัก....กาลเวลาผ่านไปทำให้ค่อย ๆ ลืมเขา และรู้สึกเฉย ๆ กับเขาในที่สุด........

    หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้.......รู้อีกทีก็........มีความรู้สึกโหยหาผู้ชายคนนี้เหลือเกิน คิดถึงเขาอย่างรุนแรง และรู้เห็นการกระทำของเขา รู้ว่าเขากำลังคบหากับใคร รู้เห็นถึงเจ้ากรรมนายเวรของเขา เห็นอดีตชาติเขาเคยทำอะไรมา.....และเห็นอนาคตของเขาด้วย.......

    มันวนเวียนซ้ำ ๆ อย่างนี้ กับคนคนนี้เป็นแรมเดือน จนกระทั่งในวันหนึ่ง.....เกิดความรู้สึกโหยหาอย่างที่สุด คิดถึงเขาจนสุดจะทน จิตใต้สำนึกสั่ง โทร.หาเค้าเดี๋ยวนี้ โทร.หาเค้าเดี๋ยวนี้ ไม่ไหวแล้ว รักเหลือเกิน อกจะแตกตายแล้ว......

    สักพักเราตั้งสติได้....ไม่ ไม่มีวันที่เราจะทำอย่างนั้น เราจะไม่มีวันกลับไปหาเขาอีกเด็ดขาด จิตนึกตัดเขาออกไปจากชีวิตทันที.....ตั้งแต่จิตเราตัดปุ๊บในครั้งนั้น มันเหมือนเราลบเขาออกจากเม็มโมรีของจิตไปเลย เหมือนไม่มีเขาอยู่ในจิตของเราอีกเลย....

    หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้......รู้อีกทีก็........ย้อนไปเห็นผู้ชายที่เคยคบสมัย ป.ตรี เราไม่เพียงเคยรักเขาในชาตินี้เท่านั้น ในอดีตชาติย้อนไปเราก็เคยคบหากันมาก่อน คนนี้ก็เห็นทุกอย่างเกี่ยวกับเขาทั้งหมด ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต......อืมทำไมเรารักเขาเหลือเกิน อยากกลับไปคบหากับเขาอีกครั้ง คิดถึง คิดถึงใจจะขาดแล้ว.......

    พอเรากลับมาสู่สภาวะปกติ...เอ๊ะนี่เราถ้าจะเพี้ยนแล้วนี่ เคยคบหาตั้งแต่สมัยเรียนโน้นและเลิกกันมาตั้งนานแล้ว ทำไมความรู้สึกโหยหามันย้อนกลับมาได้นะ......เป็นอยู่อย่างนี้แรมเดือนเหมือนกัน.....

    แล้วในวันหนึ่ง....เราก็ตั้งสติได้ ......จิตขณะทรงสมาธิอยู่ ก็ตัดเขาในทันที.....ตั้งแต่บัดนั้น...เขาก็ออกจากจิตไปอีกคนค่ะ....

    หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้....รู้อีกทีก็....ย้อนไปหาคนที่เคยคบในสมัย ม.ปลาย....คนนี้ก็ย้อนเห็นเขาเห็นทุกอย่างเกี่ยวกับเขาเหมือน 2 คนแรก และจิตเราก็ตัดเขาได้ในวันหนึ่งขณะทรงสมาธิอยู่......แล้วเขาก็หายไปจากจิตเราอีกคน.......

    หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู่.....รู้อีกที....มันย้อนไปหากิ๊ก....คนแล้ว....คนเล่า....ย้อนไปหาผู้ชายทุกคน.....ที่เรารู้จักในชาตินี้....แม้กระทั่งแค่คนที่เราเห็นหน้าเพียงแป๊บเดียวเท่านั้น แค่เราคิดว่าผู้ชายคนนี้น่ารักดี เพียงเท่านี้....มันก็ย้อนเพื่อให้เราเคลียร์ริ่งออกจากเม็มโมรีของจิต.....ทั้งหมดทุกคน จนกระทั่งไม่เหลือแม้แต่คนเดียว.......

    เราก็คิดว่ามันน่าจะจบซะที.....เราต้องอยู่ในภาวะนี้ทุกวันมาเป็นแรมปีแล้ว.....น่าจะหมดแล้ว.....แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่....เราคิดผิด.....
     
  2. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ณ สมัยหนึ่งแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เราในตอนนั้น เป็นภรรยาหลวง มีบุตรสาว 1 คน กับขุนนางท่านหนึ่ง อยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับภรรยาน้อย ซึ่งมีบุตรสาว 1 คน และกำลังจะคลอดเพิ่มอีกคนหนึ่งอยู่ที่ห้องข้าง ๆ

    ขณะนั้นเรากำลังนั่งพยาบาลสามีซึ่งกำลังป่วยนอนอยู่บนเตียง พอบ่าววิ่งมาบอกสามีว่า คลอดแล้ว เป็นลูกชาย เพียงเท่านี้ สามีซึ่งกำลังนอนป่วยอยู่ ดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ลูกชาย ถึงกับรีบลุกพรวดพราดทันทีที่บ่าวมาบอก เพื่อรีบเข้าไปดูลูกชายของเขา ทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังป่วยอยู่ เพียงเท่านี้.......

    ความโกรธ อิจฉาริษยา ความเกลียด ความแค้น ประกอบกับบ่าวไพร่ในบ้านทุกคน ล้วนรักและเคารพภรรยาน้อยอย่างยิ่ง เนื่องจากเธอเป็นคนดี ผิดกับเราซึ่งเป็นคนเอาแต่ใจ เจ้าอารมณ์ ขนาดคนรับใช้ส่วนตัวของเราแท้ ๆ ยังไปรักภรรยาน้อยเลย

    อารมณ์ ทุก ๆ อารมณ์ ปะทุ เดือด รุนแรง

    มัน.....ขยาย..ย..ยยยยยย....ใหญ่.....จนคับอก ปรี๊ด....ดดดด....จนถึงขีดสุด ............โกรธ....จนกระทั่งตื่นขึ้นมาเลยค่ะ
     
  3. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ย้อนไปในอดีตอีกชาติหนึ่ง........ในสมัยรัตนโกสินทร์เช่นกัน

    มาคราวนี้......เรากลายเป็นบ้านหนึ่ง......ในหลายบ้านของท่านขุนนางใหญ่.....บ้านเรานั้นเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ใต้ถุนยกสูงประมาณ 1.5 เมตร ในชาตินั้น ก่อนเข้าพรรษาเพียง 1 วัน ซึ่งตรงกันกับชาตินี้ ก่อนเข้าพรรษา 1 วันเช่นเดียวกัน รอบบริเวณบ้านแวดล้อมไปด้วยต้นไม้หอม เช่น จำปา จำปีเป็นต้น อยู่รอบรั้วด้านในของบริเวณบ้าน มีสนามหญ้ากว้างอยู่รอบ ๆ บ้าน ในฤดูนั้นเป็นช่วงฝน มีน้ำหลากท่วมบริเวณบ้านประมาณข้อเท้า ดอกไม้หอม ร่วงหล่นจากต้น ลอยในน้ำที่สนามหญ้า น้ำใสพร้อมดอกไม้ลอยหอมกรุ่น ได้บรรายากาศกำลังสวย......

    ขณะเวลาประมาณ 4 โมง ถึง 5 โมงเย็น เรายืนอยู่บนบ้านตรงประตู เห็นท่านอำมาตย์หลังเลิกงานกลับมาบ้าน เราในขณะนั้น ยืนรำพึงกับตัวเองว่า “ เราเบื่อเหลือเกิน เบื่อความมักมาก หลายเมีย ไม่รู้จักพอของท่าน เบื่อผู้ชายแบบไม่อยากครองคู่กะใครอีกเลย ”ทุกครั้งที่ท่านมาหา เราไม่เคยรู้สึกดีใจเลย มีแต่ความเบื่อหน่าย แต่ขัดไม่ได้

    ก่อนขี้นบันไดบ้านบริเวณนี้เป็นริมสนามหญ้าซึ่งเป็นดิน มีผักแว่น และผักโบราณ ชื่อ ผักกะโตวา ขึ้นงามมากกำลังออกยอดอ่อนแบบกำลังกินอยู่มากมาย เนื่องจากเป็นช่วงน้ำหลาก ท่านอำมาตย์เห็นดังนั้น ก็ก้มเก็บผักพร้อมกับพูดว่า “ วันนี้ค้างที่นี่ ” เราก็รีบตอบท่านไปว่า “ พอดีเลยท่านเก็บผักมากินกับกุ้งจ่อม ” ท่านอำมาตย์ตอบมาว่า “ ไม่ เราไม่กินเนื้อสัตว์ กินแต่พืช เพื่อเตรียมเข้าพรรษาในวันพรุ่งนี้ .”........

    ท่านพูดเท่านี้ ทำให้เรายืนครุ่นคิด อืม เราเห็นแต่ความไม่ดีของท่านในความมักมากในเรื่องสตรีมาตลอด แต่ท่านก็มีความดี ถือศีลแปด และกินแต่พืชไม่กินเนื้อสัตว์เลยตลอดพรรษา แต่ถึงอย่างไรเราก็ไม่อยากครองคู่กับท่านอีกต่อไป.......

    ทั้งท่านขุนในชาติก่อนโน้น และท่านอำมาตย์ท่านนี้ ก็คือ สามีคนปัจจุบันของเรานั่นเอง กรรมจากการอิจฉาริษยาในภรรยาน้อยในชาตินั้น ทำให้เราต้องกลายมาเป็นบ้านเล็กหลังหนึ่งของท่านอำมาตย์ในชาตินี้ .....

    และเนื่องจากมีกรรมต่อเนื่องกันยังไม่จบสิ้น เราต้องมาเป็นภรรยาของเขาอีกในชาติปัจจุบัน....

    เรานั้นอยู่กับเขาแบบไม่ค่อยได้รักสักเท่าไหร่ ประกอบกับทั้งชีวิตไม่เคยสมหวังกับความรัก พอเริ่มเห็นอดีตย้อนไปย้อนมาแบบนี้ ยิ่งเบื่อหน่าย ไม่อยากครองคู่กับใครอีกเลย แต่ต้องอยู่เพื่อหน้าที่ อยู่แค่เราตายเมื่อไหร่ก็จบกันเมื่อนั้น ความเบื่อหน่ายผู้ชายของเรานั้นไม่ใช่เพิ่งเกิดในชาตินี้ แต่เริ่มเบื่อตั้งแต่ชาตินั้นแล้ว
     
  4. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    หลังจากเราเคลียร์ผู้ชายทุก ๆ คนที่เป็นมนุษย์หมดแล้ว นึกว่าจะจบซะที.......เหนื่อยเหลือเกินแล้ว......

    หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้.......รู้อีกทีก็......เจอะผู้ชายรูปงาม.....ทั้งหน้าตา.....รูปร่าง...บุคลิก...นิสัยใจคอ.....รวมทั้งเรื่องบนเตียง......จัดเต็มแบบสมบูรณ์ ทั้งถูกอกถูกใจ ซะขนาดนี้ มีหรือจะอดใจไหว จบที่เตียงทุกครั้งทุกคราวไป....

    วันต่อมา เพียงแค่เปลี่ยนหน้าใหม่ แต่ทุกอย่างครบสมบูรณ์แบบทุกประการ และแล้วก็จบที่เตียง....เหมือนเดิม

    วันต่อมา....และต่อมา.....ก็ยังคงจัดเต็ม....แบบไม่เลิกรา .....เนื่องจากถูกทดสอบนั่นเอง.....รู้ทั้งรู้....แต่ไม่ผ่าน....ขณะเราทรงสมาธิอยู่นั้น .......กิเลสมีเท่าไหร่....โผล่มาทั้งหมด....หลบไม่ได้เลย....

    ยัง...ยังไม่พอ....

    นั่นแค่เวอร์ชั่น เราเป็นหญิง และเขาเป็นชาย

    ยังมีเวอร์ชั่น

    เราเป็นชาย และ เขาเป็นหญิง

    เราเป็นหญิง และ เขาเป็นหญิง

    ก็ยังพิสดารไม่พอ

    เราเป็นหญิงฝ่ายชาย และเขาเป็นหญิงฝ่ายหญิง

    เราเป็นหญิงฝ่ายหญิง และเขาเป็นหญิงฝ่ายชาย

    เราเป็นชายฝ่ายชาย และเขาเป็นชายฝ่ายหญิง

    เราเป็นชายฝ่ายหญิง และเขาเป็นชายฝ่ายชาย

    เฮ้อ.....เฮ้อ....เฮ้อ....มันประหลาด และพิสดารเกินกว่าเราจะคาดคิดได้....
     
  5. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ณ ปัจจุบัน นาน ๆ ยังมีกำเริบขึ้นมาสักครั้งหนึ่ง อยากสอบถามท่านที่ดับเรื่องนี้ได้มอดสนิทสิ้นเชื้อแล้ว ท่านทำอย่างไร โปรดชี้แนะด้วยค่ะ
     
  6. DR-NOTH

    DR-NOTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    581
    ค่าพลัง:
    +1,276
    กิเลสทั้งหลายดับได้ด้วยปัญญาที่รู้เท่าทันไม่เผลอสติไปคิดปรุงแต่งตามอำนาจของขันธ์5 ครับ มองสิ่งทั้งหลายให้เห็นทะลุปรุโปร่งถึงความเป็นไตรลักษณ์ ไร้ตัวตนให้ยึดถือ จิตจะปล่อยวางและอุเบกขาได้ในที่สุดครับ
     
  7. Jsus Christ

    Jsus Christ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +82
    เรามีเพื่อนคนนึง ระลึกชาติได้ถึง 15 ชาติ

    แม้ในปัจจุบัน คนเหล่านั้นบางส่วนก็กลับมาเจอกันใหม่ แค่มองตากันก็จำกันได้ หลายๆคน สามารถระบุรายละเอียดในชาตินั้นๆ ได้ตรงกันหมด อย่างละเอียด


    หลักการดับมอดสิ้นเชื้อ มี 2 ทาง คือ ปัญญา หรือ อภิญญา

    ถ้าเป็นทางปัญญา ท่านต้องใช้ ไตรลักษณ์เข้าไปพิจารณา อดีตเก่าๆ ว่าจริง หรือ ลวง (คำว่า ลวง ไม่ใช่เป็นเรื่องไม่จริง แต่หมายถึง ปัจจุบันสภาพที่ว่ายังคงอยุ่หรือไม่ และการระลึกกลับมาได้เพื่อประโยชน์อะไร) จนเกิด ญาน

    ถ้าเป็นอภิญญา เข้าไปดูเยอะๆ ดูบ่อยๆ ถ้าย้อนได้เยอะ ย้อนมันเข้าไป จนที่สุด อวิชชาตัวนี้จะสำรอกออกมาหมด (อ๊วกกกก ออกมา นั่นเอง) ก็จะเกิด นิพพิทาญานขึ้น




    สุดท้ายประเด็นคือ การให้อภัยซึ่งกันและกัน และ อโหสิกรรม ต่อกัน จำเริญธรรมร่วมกัน หรือ เอื้อเฟื้อธรรม ต่อกัน ให้จิตนั้นพัฒนาต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2015
  8. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    การย้อนอดีตดับที่บุคคล แต่ดับกริยาต้องใช้ปัญญา ซึ่งมักมาตอนเผลอคือตอนกึ่งหลับกึ่งตื่นค่ะ น่าจะต้องใช้สติ ซึ่งตรงนี้ยังพร่องอยู่มากค่ะ
     
  9. Jsus Christ

    Jsus Christ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +82
    จึงต้องอาศัยการฝึกฝน บ่อยๆ

    เติม พรหมวิหาร4 ในใจบ่อยๆ เหมือนเติมน้ำเย็นใส่ขวดโหล
     
  10. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ถ้าย้อนอดีตเยอะ ๆ ดับกริยาจนเกิดนิพพิทาได้ด้วยรึเปล่าคะ
     
  11. Jsus Christ

    Jsus Christ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +82
    เมื่อย้อนไปเยอะๆ จะเห็น ความซ้ำ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ซ้ำแล้วก็ซ้ำอีก วนไปวนมา กี่ครั้งกี่ครั้ง กี่ชาติต่อกี่ชาติ มันก็กลับมาเหมือนเดิม ...

    เหมือนปลาว่ายในโหลแก้ว .... อยากออกมาเมื่อไหร่ เกิดญานเมื่อนั้น


    กรณีของท่าน อยุ่ในสายอภิญญา ยากมากกก ที่จะดับด้วย ปัญญา หรือ วิปัสสนา ... ต้องใช้อภิญญา เข้าไปเห็นบ่อยๆ จนสำรอก
    และเจริญ พรหมวิหาร4 บ่อยๆ ทวนธรรมด้วย ซากศพที่กำลังเน่าเปื่อยน้ำเหลืองเฟะ แบบว่า กำลังมีอะไรกันบนเตียงกับซากศพเน่าเฟะกำลังขึ้นอืดนั้นเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2015
  12. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ย้อนแล้วดับได้แต่บุคคลค่ะ กริยามันก็เหมือนเดิมไม่ว่าจะกับใคร เลยคิดว่าต้องสติเพื่อเกิดปัญญา แต่ยังไงจะลองพยายามดูค่ะ
    ขอบพระคุณมากค่ะที่แนะนำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2015
  13. Jsus Christ

    Jsus Christ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +82
    เพราะยังไม่เกิด นิพพิทาญาน

    ถ้าเกิดญาน จริง มันจะดับทั้งพวง ทั้งก้อน ขาดกระเด็นต่อไม่ติด อีกเลย

    ถ้าดับแต่ละบุคคล ยังไม่ใช่นิพพิทาญาน ยังเป็นการข่ม หรือ มีอุปาทาน อยู่ ซึ่งฝังรากลึกมาก จากความต้องการที่ซ่อนตัวอยู่

    ต้องอาศัย ทำบ่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ

    บางท่าน ในระดับ ฌาน9 ยังดับ ตัวนี้ไม่ได้เลย ... เป็น สิบๆปี แล้ว ...

    ดังนั้น หมั่นเพียร อดทน ทำไปเรื่อยๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2015
  14. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ค่ะ ดิฉันจะพยายาม ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ:cool:
     
  15. ABT

    ABT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +1,524
    เอาวิธีของพระพุทธเจ้านะ ง่าย ๆ ไม่มีอะไรมาก ตอนที่ท่านตรัสกับนางราคะ ว่า "เราตัดราคะได้โดยการไม่คิดถึง" ครับ ง่าย ๆ ไม่มีอะไรมาก ไม่คิดถึง ก็แค่นั้น ตั้งสติ ไม่คิดถึงอยู่กับปัจจุบัน เท่านั้นพอ ครับ หากยังไม่สามารถทำได้ก็ให้คิดถึงมาก ๆ เลย เอาให้สุด สุด หลาย ๆ รอบ แล้วคอยสังเกตุ ใช้สติ สมาธิ ปัญญาพิจารณาหาเหตุว่า ทำไมเราจึงคิดถึง มีอะไร ทำให้คิดถึง การคิดถึงเป็นสุข หรือทุกข์ เมื่อพิจารณาแล้วจึงพิจารณาตัวเราเอง ร่างกายทั้ง 32 มันเป็นเช่นไร ผม ขน หนัง ฟัน กระดูก เขาเหมือนเราหรือไม่ มันคงอยู่ตลอดไปหรือไม่ เมื่อเป็นเช่นนั้นมนสุขหรือทุกข์ ทำซ้ำไปซ้ำมา จนตัวยึดติดมันคลาย จึงจะเห็นความจริง เมื่อเห็นความจริง จงปล่อยวาง เข้าทางสายกลางเพื่อพ้นทุกข์เถิด
     
  16. ได้คับ

    ได้คับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +106
    อดีตเป็นสิ่งที่แก้ไม่ได้ และ และถ้าหวนคิดถึงบ่อยๆจะกลายเป็นภาระ กลายเป็นแบกของหนักไป เพราะจิตที่ไม่ได้ฝึกจะเพลินไป ติดพัน มัวเมา กับเรื่องราวในอดีต การมีสติยู่กับปัจจุบันจะทำให้ละความคิดจากอดีตและอนาคตได้ เหมือนเราจับสัตว์ไว้กับเสาบ้าน ตอนนี้คุณทองชมพู ควรมีสติระลึกอยู่กับปัจจุบันให้มากขึ้นครับ เพราะปัญหาคือ หลงไปอยู่กับอดีตบ่อย วิธีปฏิบัติคือ อย่าเกลียดอดีต หรือ ไม่ชอบใจในการหลงไปคิดเรื่องอดีต แต่ให้เอาอดีตนี้มาทำให้เกิดสติได้คือ พอหวนคิดถึงอดีตแล้ว อย่าเพลินอยู่กับความคิดนั้นนานๆ ให้รีบละให้ไวและกลับมารู้สึกตัว เป็นรอบๆครับ เรียกว่า อาศัยหลงให้มาเป็นรู้ จนเกิดสติที่ตั้งมั่นได้ ปัญญาจะรู้เห็นแทงตลอดต่อทางหลุดพ้นได้ครับ
     
  17. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    บรรลุเป็นพระอรหันต์ ครับ


    ทำอย่างไร ก้ ภาวนา ทำสมาธิ วิปัสสนาสติปัฏฐานสี่ ให้บรรลุอริยเจ้าอรหันต์ผล ครับ
     
  18. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    เพราะเราพิจารณาเห็นว่าภพชาติเป็นเรื่องเจ็ดปวด
    เราจึงมุ่งดับภพชาติของความเกิดเกิดเมื่อไหร่ก็มี
    แต่ทุกข์เป็นของประจำโลก ปัญญาจึงผลิตขึ้นมาเพื่อ
    ละกิเลสตัดกิเลสดับกิเลสเพื่อไม่ให้เหลือเชื้อเกิดได้อีก
     
  19. Shinozuke

    Shinozuke Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2015
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +60
    หน่ะ เอาอีกละ คิดไว้ไม่มีผิด supatorn ต้องอนุโมทนา Sriaraya5 จริงๆ กั่กๆ
     
  20. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เขียน ๒๒.๐๖

    เราไม่ใช่ แต่ก็ใกล้เคียงล่ะนะ เนอะ

    ไม่ใช่ดับเรื่องอย่างว่าหรอกนะ ที่ดับได้สิ้นเชื้อแล้ว
    เพียงแต่ไม่ทำการรบระยะแลกหมัดกะสาวๆ มาประมาณสิบแปดฝนสิบแปดหนาวแล้วล่ะ หึหึหึ
    หลังจากผ่านการฝึกหนักที่เกาะนาฬิเกร์มาได้ จนจบคอร์สพุทธะซาเปี้ยนอ่ะนะ
    (รายละเอียดเคยโม้ไว้ในกระทู้สามสี่อันของเราแล้ว ไม่รีรันนะ ๕๕๕)

    คำถามของท่าน ก็มีคำตอบอยู่แล้วในคำถามของท่าน ตรงเนี้ย..

    เรื่องมันก็แค่ เมื่อเวทนามากระทบใจ จากสัญญาที่ปุดขึ้นมา
    ก็ตัดมันให้ทัน เป็นการใช้หลักปฏิจจะสมุบปบาทนั่นเอง
    ตัดกระแสมันให้ไว เมื่อมีผัสสะ จากส่วนลึกของจิต มากระทบใจ
    เวทนาก็จะเกิดใช่ม๊า แล้วตามมาด้วยตัณหา และอุปทาน มาเป็นชุดๆ ต่อเนื่องกัน

    ถ้าท่านมีสติกล้าแข็งพอ ก็จะสามารถรู้สึกตัวได้ ว่า..
    ผัสสะมาปุ๊บ เดี๋ยวเวทนาก็จะตามมา จะรู้สึกโน่นนี่นั่น
    แต่ถ้าตัดได้ทัน มันก็จบแค่นั้น มาเมื่อไหร่ รู้ตัวก็ตัดให้ไว

    ทีนี้มันยากตรงสติท่านยังไม่แจ๋วพอล่ะมั้ง นะ
    อันนั้นก็ต้องไปฝึกฝนและค้นหา วิถีที่ถูกจริตตัวเอง
    แล้วฝึกฝนมันไปเรื่อย ค้นหาจุดอ่อน พัฒนาจุดแข็ง แล้วฝึกไป ฝึกไป
    มีวิธีฝึกเยอะแยะ หลากหลายสำนักครูบาอาจารย์ ลองหลายๆ แบบ
    ต้องเจอซักอันแหละที่ถูกใจ ฝึกไปซักพัก ถ้าเบื่อก็ลองแบบอื่นๆ ได้อีก

    มีเคล็ดนิดหน่อย จากประสบการณ์นะ แจกให้ละกัน ๕๕๕
    คือเคล็ดวิชา "น้ำดีไล่น้ำเสีย" ประยุกต์มาจากไหนก็ลืมไปแล้ว หึหึหึ
    เคล็ดความสำคัญมีว่า เมื่อจิตคิดเรื่องที่ไม่ต้องการแล้ว และไล่มันก็ไม่ไป
    ไม่จำกัดแค่เรื่องอย่างว่านะ รวมไปได้ทุกเรื่องแห่งทุกข์ เรื่องที่ไม่ต้องการคิด

    เราเคยแก้ปัญหาเหล่านี้ ด้วยการคิดเรื่องอื่น เอามาคิดแทน เอามาไล่คิดเก่าออกไปอ่ะ ไปไป๊
    อาจเป็นเรื่องสนุก เรื่องที่เคยหัวเราะแรงๆ เรื่องเศร้าๆ ก็ใช้ได้นะ
    เรื่องหน้าแตก เรื่องเพ้อเจ้อเพ้อฝัน แบบฝันกลางวันก็ไม่ผิดกติกานะ ขอบอก

    แบบว่า พอเรื่องที่เป็นปัญหา โผล่มา ก็รีบเปลี่ยนเรื่องคิดให้ไว ให้ต่อเนื่อง
    อย่าเปิดช่องว่างให้มันกลับมาได้โดยง่าย ก็แค่เนี้ย ง่ายไม๊หว่า
    พอคิดจนจบรอบแล้ว ก็อาจจะเข้าไปแหย่มันได้นะ ว่ามันยังอยู่ป่าว
    ถ้ายังคิดต่อได้ ก็เปลี่ยนเรื่องทันที เจอปุ๊บเปลี่ยนปั๊บ

    ทำบ่อยๆ เดี๋ยวเราก็เบื่อ เอ้ย..ไม่ใช่ ๕๕๕
    เดี๋ยวมันก็จะเบื่อ จะเซ็ง ไม่อยากออกอาวุธมาทำให้เรากลัดกลุ้มใจได้
    มันจะฝ่อ จะเหี่ยว จะไร้เรี่ยวแรง จะอ่อนกำลัง ฤทธิ์มันจะน้อยลงไปเรื่อย จริงนะ

    จนเดี๋ยวนี้เราเชี่ยวมากเลย ขอบอก เรื่องเปลี่ยนความคิดและจิต ที่คุมใจ
    เวทนามันก็มีอยู่เรื่อย ตามประสาชาวโลก ต้องมีอะไรมากระทบเป็นเรื่องธรรมดา
    แต่ถ้ามันไม่ดี ไม่งาม ไม่ถูก ไม่เหมาะ ไม่ควร หรือไม่ใช่เวลา
    เราสามารถปัดมันออกได้เกือบทันที อาจมีหน่วงเวลาบ้าง ก็แค่ไม่กี่วิหรอกนะ เนอะ

    เมื่อปัดได้ทุกเรื่อง ทุกเวลา ทุกสถานที่ ทุกข์ใดใดก็มิอาจกล้ำกรายได้โดยง่าย
    เพียงตัดกระแสปฏิจจะให้ได้ ให้ทัน ให้ไว ก็คล้ายหมดทุกข์ได้แล้ว ง่ายป่ะ
    เราว่าง่ายกว่าข้อแนะนำข้างบนโน่นนน ตั้งแยะนะ ว่าไม๊
    ฝึกแค่สติ แล้วลงลึกไปในหลักธรรมข้อปฏิจจะสมุบปาทให้ถึงแก่น
    ใช้แค่สองอันนี้ก็พอ รับมือโลกทั้งใบได้แล้ว ขอบอก จริงนะ ไม่ได้โม้

    เคล็ดวิชาชุดนี้ เราเรียกว่า "อานาปา ปฏิจจะ อนัตตา" แค่สามคำสั้นๆ
    แม้จะฝึกไม่ง่าย แต่คุ้มค่าควรแก่การทุ่มเทนะ ฝึกแล้วติดไปชาติหน้าได้ด้วยอ่ะ
    ไม่เหมือนบางวิชา "เรียนไปก็ไร้ค่า ตายห่าก็ลืมหมด" ๕๕๕ ขอนิดนึงนะ


    กระต่ายป่า แห่งเกาะนาฬิเกร์ / สมาคมพุทธะซาเปี้ยน

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...