เรียนเชิญครับ พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์วัตถุมงคล หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย LordTartarus, 9 กันยายน 2015.

  1. LordTartarus

    LordTartarus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    614
    ค่าพลัง:
    +1,506
    เรื่องราวเกี่ยวกับปาฏิหาริย์ของวัตถุมงคลของหลวงพ่อจงได้เกิดประสบการณ์ให้เห็นเมื่อคราวที่เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ตลาดบ้านแพน อำเภอเสนา ในคืนวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2529

    หลังจากยามท้องถิ่นของตลาดบ้านแพนเคาะแผ่นเหล็กบอกเวลา 24.00 น. ผ่านไปเพียงชั่วครู่เดียวก็มีเสียงตะโกนขึ้นจากผู้คนที่มีบ้านเรือนอยู่ในซอยบางปูว่า "ไฟไหม้ ๆๆ" จากเสียงตะโกนนั้นเองได้สร้างความโกลาหลขึ้นโดยทั่วไป ในขณะเดียวกันที่เปลวไฟลุกขึ้นอย่างโชติช่วงนั้น เสียงปะทุจากเชื้อเพลิงก็ดังเปรี๊ยะ ๆ ติดต่อกันมิได้ขาดระยะ เพราะย่านนั้นเป็นเรือนไม้เก่า ๆ ย่อมเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี กว่าจะสกัดให้เปลวไฟสงบลงได้ก็เมื่อเวลาใกล้ฟ้าสางแล้ว จากการสำรวจความเสียหายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ปรากฏว่ามีบ้านเรือนเสียหายทั้งสิ้น 46 หลัง ค่าเสียหายประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นการสูญเสียจากไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่สุดของตลาดบ้านแพน

    เมื่อทุกอย่างสงบเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่ามีบ้านเรือนจำนวนหนึ่งรอดพ้นจากความพินาศไปได้ ทั้ง ๆ ที่บ้านเหล่านั้นอยู่ติดกับบ้านหลังอื่น ๆ ที่ถูกไฟเผาผลาญไปหมดแล้ว

    คุณแก้ว ขมคิ้ว เจ้าของร้านขายของชำและอาหารกระป๋องที่ชื่อร้าน "แก้ว" ตั้งอยู่บ้านเลขที่ ก. 437/2 ตรงข้ามตลาดสดเทศบาลเมืองเสนา ในบ้านของคุณแก้วนอกจากจะมีภาพแววหางกระยางของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ นครสวรรค์แล้ว คุณแก้วยังเป็นผู้ที่มีความศรัทธาเชื่อมั่นในหลวงพ่อจงยิ่งนัก ดังจะเห็นได้จากการที่คุณแก้วห้อยเหรียญหลวงพ่อจงรุ่นหยดน้ำเนื้อเงินลงถม อยู่ที่คอเป็นประจำเพียงเหรียญเดียว ทั้ง ๆ ที่คุณแก้วก็เป็นนักนิยมพระ และมีพระเครื่องอื่น ๆ จำนวนไม่น้อย แต่คุณแก้วก็ห้อยเหรียญหลวงพ่อจงเพียงเหรียญเดียว

    "เหรียญหลวงพ่อจงนั้นเมตตามหานิยมและแคล้วคลาดดีนัก ห้อยเพียงเหรียญเดียวก็พอ"

    และความเชื่อในเรื่องนี้ก็ปรากฏเป็นจริงขึ้นเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้ครั้งนี้ ดังรายละเอียดที่คุณแก้วได้เล่าให้ฟัง คือ...

    หลังจากที่คุณแก้วเข้านอนได้สักพักใหญ่ ๆ ก็ต้องตกใจตื่นเมื่อได้ยินเสียงเอะอะอึกทึกที่ข้างบ้านพร้อมกับมีเสียงตะโกนว่า "ไฟไหม้ ๆๆ" คุณแก้วจึงรีบถลันออกไปดูที่หน้าต่างด้านหลังบ้าน ก็ได้เห็นเปลวไฟกำลังลุกฮือขึ้นที่บ้านไม้หลังหนึ่งซึ่งอยู่ติดกับด้านหลังบ้าน เมื่อเห็นภัยกำลังจะมาถึงตัว คุณแก้วจึงรีบเก็บข้าวของสำคัญที่มีค่าเพื่อหนีไฟเสียก่อน ด้วยอารามตกใจภรรยาของคุณแก้วจึงหยิบโน่นคว้านี่ที่เป็นของจำเป็นและมีค่าพอที่จะหยิบฉวยได้ใส่ห่อผ้าเพื่อจำได้นำติดตัวหนีไฟไปด้วย

    ส่วนคุณแก้วนั้นก็ย้อนกลับไปดูทิศทางของไฟอีกครั้งหนึ่ง ก็พบว่าในช่วงเวลา 2 - 3 นาทีนั่นเอง บ้านไม้หลังที่เป็นต้นเพลิงก็ถูกไฟไหม้จนท่วมหลังคา

    คุณแก้วคิดว่าคราวนี้บ้านของเขาคงไม่อาจพ้นภัยได้แน่ จึงย้อนกลับเข้าไปในห้องช่วยภรรยาเก็บข้าวของต่าง ๆ ที่พอจะหยิบฉวยได้ทันใส่ห่อผ้า เพื่อรีบพากันหนีไฟออกจากบ้าน แต่ด้วยสัญชาตญาณของคนไทย เมื่อมีภัยถึงตัวก็ย่อมจะต้องระลึกถึงคุณพระคุณเจ้าเป็นที่พึ่ง คุณแก้วจึงหันหน้ากลับไปยังห้องนอนพร้อมกับยกมือขึ้นพนมรำลึกถึงคุณพระรัตนตรัย อันมีหลวงพ่อจงและหลวงพ่อปานเป็นที่สุด ตลอดจนบุพการีทั้งหลายที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ขอให้คุ้มครองตนเองและครอบครัว พร้อมทั้งทรัพย์สินให้พ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้ด้วยเถิด

    เมื่อได้รำลึกถึงคุณพระคุณเจ้าเสร็จแล้ว คุณแก้วและภรรยาจึงรีบลงมาจากห้องนอนซึ่งอยู่ชั้นบน ขณะนั้นเองเปลวไฟก็ลามเลียเข้ามาทางหน้าต่างชั้นบนด้านหลังบ้าน ความรุนแรงของไฟลุกลามมาถึงบันไดที่จะลงสู่ชั้นล่าง ทั้งคุณแก้วและภรรยาจึงรีบวิ่งฝ่าเปลวไฟลงสู่ชั้นล่าง พอลงมาถึงชั้นล่างได้ คุณแก้วจึงรีบเปิดประตูเหล็กหน้าร้านให้ภรรยาซึ่งถือห่อของมีค่าอยู่หลบออกไปก่อนเพื่อนำสิ่งของเหล่านั้นไปฝากบ้านญาติ ส่วนคุณแก้วก็ตามออกมาภายหลัง

    ในช่วงเวลาอันฉุกละหุกนั้นเองทั้งคุณแก้วและภรรยาก็มิได้คำนึงถึงทรัพย์สินและสินค้าที่อยู่ในร้านปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม ขอเพียงแต่ตนเองรอดชีวิตออกไปได้ก็พอแล้ว เมื่อทั้งคู่ออกมาพ้นบ้านแล้ว คุณแก้วก็จัดการปิดประตูเหล็กทันที เพื่อป้องกันบรรดานักฉวยโอกาสทั้งหลาย ในขณะที่ปิดประตูเหล็กลงนั้น คุณแก้วก็ได้พบว่ามีกระแสลมโชยมาเป็นระลอกใหญ่ กระแสลมนั้นพัดมาจากทางด้านหลังของคุณแก้ว และความแรงของลมได้พัดพาเอากระแสเปลวไฟย้อนกลับไปยังทิศทางตรงข้าม

    เหตุการณ์ดังว่านั้นคุณแก้วก็ยังมิได้สนใจมากนัก เร่งให้ภรรยารีบหนีไปก่อน ส่วนตนเองจะได้คอยดูแลร้านและช่วยเหลือกันดับไฟเท่าที่จะทำได้จากนั้นคุณแก้วก็ไปช่วยเขาถือสายดับเพลิงจากรถดับเพลิงของเทศบาลที่จอดอยู่ในบริเวณนั้น

    ในขณะที่ช่วยเขาดับเพลิงอยู่นั้น คุณแก้วก็ได้สังเกตเห็นว่ารังสีของเปลวไฟได้ผ่านพ้นบ้านตนเองไปแล้ว จึงได้แต่ช่วยกันดับไฟอยู่จนกระทั่งไฟสงบเอาเมื่อตอนใกล้สาง

    หลังจากนั้นคุณแก้วก็เข้าไปสำรวจความเสียหายในบ้านของตนเอง ก็ปรากฏว่าฝาบ้านด้านข้างถูกไฟลามเลียจนดำไปหมด ส่วนด้านหลังบ้านซึ่งอยู่ติดกับบ้านต้นเพลิงถูกเปลวไฟเผาเสียหายเล็กน้อย ทั้งทรัพย์สินและสินค้ามิได้เสียหายเลย ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิม แม้แต่น้ำจากท่อดับเพลิงก็มิได้เข้ามาทำให้สิ่งใดในบ้านเปียกชื้นเลย ครั้งเมื่อทุกอย่างคงอยู่ในสภาพเดิม

    คุณแก้วก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนนอนได้ถอดสร้อยคอทองคำซึ่งห้อยเหรียญหลวงพ่อจงรุ่นหยดน้ำเนื้อเงินลงถมวางไว้ที่หัวนอน แต่ในขณะนั้นไม่มีเสียแล้ว ทำให้เกิดใจเสียขึ้นมาทันที เพราะเป็นวัตถุมงคลเพียงอย่างเดียวที่ตนเองห้อยติดตัวเป็นประจำ ยังไม่รู้ว่าถูกผู้คนหยิบฉวยหรือตกหายในระหว่างฉุกละหุกเสียที่ไหน จึงได้แต่อธิษฐานในว่า

    "ถ้าบารมีของหลวงพ่อจงคุ้มครองลูกอยู่ก็ขออย่าให้ของนั้นสูญหายไปไหน จงได้คุ้มครองลูกตลอดไปด้วยเถิด"

    เมื่อคุณแก้วได้พบกับภรรยาหลังจากที่ทุกอย่างสงบลงแล้ว จึงสอบถามเรื่องสร้อยคอที่แขวนเหรียญหลวงพ่อจงอยู่ซึ่งภรรยาของคุณแก้วก็ไม่สามารถให้คำตอบที่กระจ่างได้ เพราะความสับสนในคืนนั้น จนกระทั่งในเวลาต่อมา คุณแก้วและภรรยาก็ช่วยกันจัดข้าวของต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ให้เข้าที่ และเมื่อแก้ห่อผ้าที่ห่อข้าวของต่าง ๆ หนีไฟนั้นออก ก็ได้พบสร้อยคอเส้นนั้นซุกอยู่ในหอผ้านั้นเอง ทำให้คุณแก้วมีความปีติเป็นอย่างยิ่ง
     
  2. LordTartarus

    LordTartarus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    614
    ค่าพลัง:
    +1,506
    ขอบคุณข้อมูลจากเว็บ http://www.dharma-gateway.com/ ด้วยนะครับ
     
  3. LordTartarus

    LordTartarus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    614
    ค่าพลัง:
    +1,506
    วิธีใช้วัตถุมงคล หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก

    ตำหรับของหลวงพ่อจงใช้ทางเมตตามหานิยม มหาอำนาจแคล้วคลาดคงกระพัน
    แลกันเขี้ยวงา กันไข้ป่าดง กันสัตว์ร้ายทางบกทางน้ำ เป็นเสน่ห์แก่ชายหญิง
    ไปเหนือไปใต้สารทิศใดมีคนเกรงกลัว เอาไว้แก่ตัวคนพาลจะทำร้ายมิได้ แขวนไว้หัวนอน กันโจรผู้ร้าย กันฟืนไฟต่างๆ ใช้ได้ ๑๐๘ ประการ ดีนักแล
    เมื่อท่านจะไปไหน ให้ระลึกถึงหลวงพ่อจง ให้ตั้งนะโม 3 หน
    ?อิทธิ ฤทธิ พุทธนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่ มะอะอุ บัดเดี๋ยวนี้เถิด?
    ว่าสามเที่ยวหรือเจ็ดเที่ยว


    ปลาตะเพียนเงิน-ทอง
    ทำพิเศษของหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
    วิธีใช้ปลาตะเพียนเงิน ? ทองคู่ ทำด้วยเนื้อเงินบริสุทธิ์ของหลวงพ่อจงมีดังนี้
    ค้าขายทางเรือให้ติดที่หัวเรือ ๑ ตัว ท้ายเรือ ๑ ตัว ถ้าตั้งร้านค้าขาย ให้เอาเชือก
    ผูกแขวนหน้าร้านทั้งคู่ ถ้าทำนา ทำไร่ และสวน ให้ใส่กระป๋องปิดฝาฝังดินไว้ ป้องกันข้าวกล้า
    ในนาไม่ให้เป็นอันรายต่างๆ มีหนอนกอเป็นต้น
    ถ้าค้าขายหาบคอน ให้ใส่ก้นหาบละตัว ถ้าจะไปใหนให้เอาติดไปกับตัวเป็น
    เมตตามหานิยมแล
    คาถาสำหรับใช้น้ำพรมปลาตะเพียน ขายของดี
    นะชาลีติ สัพเพชะนานัง พหูชะนานัง เอหิจิตตัง ปิยังมามา


    วิธีใช้แหวนรูปของหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา
    แหวนนี้ทำด้วยเงินบริสุทธิ ประกอบไปด้วยคุณพระ ใช้ในทางเมตตามหานิยม คงกระพันแคล้วคลาดและกันเขี้ยวงา กันกระทำผีและคุณ
    ถ้าตะขาบแมลงป่องกัด ให้ใช้ถูที่แผล ไดผลแก่ผู้ใช้มามาก มีผู้นิยม ใช้ได้ทั้งหญิงชาย
    ก่อนจะสวมแหวนนี้ ให้ระลึกถึงหลวงพ่อ แล้วตั้งนะโม 3 หน ให้ว่า
    พุทธังราธนานังกะโรมะ ธัมมังราธนานังกะโรมะ สังฆังราธนานังกะโรมะ
    พุทธังรักษา ธัมมังรักษา สังฆังรักษา หลวงพ่อจงรักษา
    เมื่อท่านสวมแหวนแล้ว ให้นึกตามปรารถนาเถิด ประสิทธิ์นักแล


    คุณสมบัติ และวิธีปฏิบัติ ใช้พระยันต์ ตะกรุดมหารูด มงคลชาตรี โทน
    คำอาราธนาปลุกเสก อธิษฐาน
    ให้ท่านเอามือลูบคลำตะกรุดว่าดังนี้
    ตั้งนะโม 3 จบ พุทธังสะระณังคัจฉามิ ธัมมังสะระณังคัจฉามิ สังฆังสะระณังคัจฉามิ
    อิติปิโสภะคะวา จนถึงภะคะวาติ ว่าสามจบ
    พุทธังอาราธนานัง ธัมมัง อารธนานัง สังฆัง อาราธนานัง
    ขอบารมีของพระพุทธเจ้ากับยันต์ที่เป็นมหารัตนบัลลังก์ ของพระพุทธเจ้านี้
    จงดลบันดาลให้เป็นคงกระพันชาตรี แคล้วคลาดมหาอำนาจ เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์แกมนุษยทั้งหลาย โดยอำนาจบารมี ของพระพุทธเจ้ากับยันต์มหารัตนบัลลังก์ ขออาราธนาจงบันดาลโดยเร็ว
    พุทธังรักษา ธัมมังรักษา สังฆังรักษา พระบิดารักษา พระมารดารักษา พระอินทร์รักษา
    พระพรหมรักษา ครูบาอาจารย์รักษา อิมังองคพันธนังอธิษฐามิ แล้วจึงปลุกเสกในยามฉุกเฉิน
    ด้วยคาถานี้
    อิติสุคะโต อุสุวิหิสุ พุทธะสังมิ พุทธะสังมิ มะอะอุ อุกัณหะเนหะ อุทธัง อัทโธ โธอุท ธังอัท หังระอะ อะนะปัสสะ ๓- ๗ จบ
    เมื่อจะเข้ารณรงค์สงคราม ให้รูดไว้ข้างหน้าเหนือสะดือ จะแคล้วคลาดอาวุธทั้งหลาย
    ปืนไฟ ธนูหน้าไม้ หอกดาบ แหลนหลาว ขวากหนามทั้งปวง
    ถ้าหนีศัตรูให้รุดไว้ข้างหลัง ศัตรูไล่ตามไม่ทันเลย ถ้าจะเข้าหาขุนนางท้าวพระยา
    สมณะชีพราหมณ์ทั้งหลาย ให้รูดไว้ข้างขวา
    ถ้าจะเข้าหานางพญาศัตรี เจรจาพาที รูดไว้ทางซ้าย
    ถ้าจะแข่งวัวแข่งควายแข่งเรือ ช้างม้า วิ่งแข่ง เมื่อเริ่มออกให้รูดเอาตะกรุดไว้ตรงสะดือ
    ถ้าออกเลยข้างหน้าแล้ว เอาไว้ข้างหลังเขาตามมิทันเลย พระยันต์ ตะกรุดมหารูดมหามงคล มหาชาตรีโทนนี้ มีพระคุณประเสริฐที่สุด
    มนุษย์ผู้ใดมีพระยันต์นี้ประจำตัวเอาไปด้วย จะไม่ตายด้วยอาวุธทั้งหลาย ย่อมเจริญศรี
    ด้วยยศศักดิ์ทุกประการ
    และกันกระทำภูตผีปิศาจทั้งหลาย ถ้ามีทุกข์ร้อนอันใดก็ดี ให้เอาพระยันต์ตะกรุดนี้
    อาราธนาแช่น้ำทำน้ำพระพุทธมนต์ได้ทุกอย่าง ให้ปรารถนาเอาเถิด ให้เสกด้วย ไตรสรณาคม
    และพระอิติปิโส(จนถึง)พุทโธภะคะวาติ ข้างบนนั้น ๓-๗ จบ
    เมื่อทำแล้วให้เอาน้ำมนต์มาพรมหรืออาบ จะหายสิ้นแล จะประสิทธิ์ได้ทุกอย่าง อย่าสนเทห์เลย ให้หมั่นปลุกเสกไว้เถิดจะศักดิ์สิทธิ์ทุกประการ
    วิธีใช้เดินทางไม่เมื่อยดังนี้ เมื่อปลุกตะกรุดเสร็จแล้ว จึงเอามือพนมพร้อมด้วนตะกรุด ให้ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรมเจ้า คุณพระสงฆเจ้า คุณครูบาอาจารย์ ตลอดถึงคุณบิดามารดา พระภูมิเจ้าที่ แม่พระธรณี แม่พระคงคา และหลวงพ่อจง ท่านประสิทธิ์ให้อันประเสริฐ
    แล้วลุกจะเดินทางต่อไปนี้ ขออย่าให้เมื่อยให้เหนื่อย ให้ล้าเลย แล้วจงเสกตะกรุดซ้ำลงไปว่า
    เสกขาธัมมา อะเสกขาธัมมา เนวเสกขาธัมมา เสกขาธัมมา
    ดังนี้แล้วจึงเอามือลูบตามแข้งขาบ่าไหล่ ลูบไปให้ทั่วสรพางค์ แล้วกราบลง สามครั้ง
    ค่อยเดินทางต่อไป


    พระคาถาสำหรับปลุกเสกพระยันต์ตะกรุด
    ให้ตั้งนะโม สามจบ แล้วให้ชุมนุมเทวดา แล้วปลุกเสกด้วยพระคาถานี้
    พุทโธ พุทธัสสะ อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ให้ปลุกเสกทุกวันๆดีนัก
    ตะกรุดจะมีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์เข้มแข็งขึ้นอีกดีนักแล พระยันต์ตะกรุดมหารูดมงคล
    มหาชาตรีโทนนี้ ท่านประสงค์สิ่งใด จงพรรณนาตามแต่จะพึงอธิษฐานเอาเถิด ประเสริฐทุกอันแล
    พระยันต์ตะกรุดโทนดอกนี้ ตำรากล่าวไว้ มีค่าพันตำลึงทอง
    ของหลวงพ่อจงวัดหน้าต่างนอก อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา

    รายชื่อตะกรุดชุด ๑๖ ดอก ของหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
    จังหวัดพระนครศรีอยุธยา


    ?..............................
    ใช้ได้ผลมาแล้วในมหาสงคราม
    1.เกราะเพชร
    2.พรหมสี่หน้า
    3.มหานิยม
    4.คงกระพัน
    5.กันเขี้ยวงา
    6.เมตตา
    7.แคล้วคลาด
    8.กันกระทำ กันคุณ กันผี
    9.กันไฟ
    10.มหาอุด
    11.กันภัยทางอากาศ
    12.เดินทางไกลไม่เหนื่อย ไม่เมื่อยล้า
    13.กระทู้ ๗ แบก
    14.กันฟ้าผ่า
    15.นะจังงัง
    16.มหารูด
    อมมะปลุกๆ กูจะปลุกรูปพระแลนา พระเลขยันต์แลคาถา กูจะปลุกเขี้ยวแลงา พระครุฤาษี
    พระอุนนะรุตตะเถระประสิทธิ์ไว้ให้แก่กู พุทธังสะระติ ธัมมังสะระติ สังฆังสะระติ ฯ
    ให้ปรารถนาแลพิสถานใช้เอาเถิด ประเสริฐทุกอันแล

    วิธีใช้เดินทางไม่เมื่อยดังนี้ เมื่อปลุกตะกรุดเสร็จแล้ว จึงเอามือพนมพร้อมด้วนตะกรุด ให้ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรมเจ้า คุณพระสงฆเจ้า คุณครูบาอาจารย์ ตลอดถึงคุณบิดามารดา พระภูมิเจ้าที่ แม่พระธรณี แม่พระคงคา และหลวงพ่อจง ท่านประสิทธิ์ให้อันประเสริฐ
    แล้วลุกจะเดินทางต่อไปนี้ ขออย่าให้เมื่อยให้เหนื่อย ให้ล้าเลย แล้วจงเสกตะกรุดซ้ำลงไปว่า
    เสกขาธัมมา อะเสกขาธัมมา เนวเสกขาธัมมา เสกขาธัมมา
    ดังนี้แล้วจึงเอามือลูบตามแข้งขาบ่าไหล่ ลูบไปให้ทั่วสรพางค์ แล้วกราบลง สามครั้ง
    ค่อยเดินทางต่อไป
    ตะกรุดพวงนี้เมื่อท่านจะไปสารทิศใด ท่านว่าให้ปรารถนาใช้เอาเถิด ประสิทธิ์ทุกอัน

    วิธีใช้มหารูดสำหรับที่ 15 และ 16 คู่หางเชือก ถ้าสูให้อยู่ข้างหน้า ถ้าหนีให้อยู่ข้างหลัง ถ้าเข้าหาเจ้านายให้อยู่ข้างขวา ถ้าเข้าหาผุ้หญิงให้อยูทางซ้าย ต้นเชือกคือทางบ่วง เลขที่ 1 และ 2 วิเศษนักแล



    วิธีเลี้ยงรัก-ยมของหลวงพ่อจง
    วัดหน้าต่างนอก ต.หน้าไม้ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา
    เมื่อผู้ใดบุชาไปแล้วจงกระทำการเซ่นเสียก่อน ๓ วันติดกัน ของที่เซ่นนั้นมี
    1. ข้าวปากหม้อ 2.ขนม 3.ไข่ และน้ำ และเครื่องดอกไม้ธูปเมียนบูชาครูพร้อม
    ให้เลือกพิสถานเมื่อเวลาเซ่นคล้ายบอกว่า เจ้ารัก-เจ้ายม จงมาอยู่กับพ่อหรือแม่ก็ตาม
    เจ้าจงว่านอนสอนง่าย และจงช่วยพ่อและแม่ ให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น พ่อกับแม่จะใช้ไปทางใหน
    เจ้าจงไปตามคำของพ่อและแม่ดังนี้เป็นต้น เมื่อเสร็จจากการเซ่น ๓ วัน แล้วต่อไปก็เพียงแต่เรียกร้องให้มากินข้าวด้วยกันทุกๆครั้ง ในเมื่อรับประทานอาหาร และจงหมั่นล้อหมั่นเลียน
    หมั่นเล่นเสมอ ๆ วิญญาณของเขาจะได้อยู่กับเราไปเรื่อยๆ ต่อแต่นี้ไปเมื่อเวลาเราจะไปไหน
    ก็จะชักชวนเขาไปด้วย การชักชวนเขาไปนั้นควรบอกจุดประสงค์ ว่าจะไปทำอะไรในทางที่ดี
    หรือไปหาลาภ ในเมื่อได้ผลสำเร็จแล้ว ควรจะมีของรางวัลให้เขาทุกครั้งไป เช่นเขาชอบ
    น้ำมันจันทน์ หรือน้ำมันหอม เป็นต้น บางทีเวลาเรานอนในสถานที่ต่างๆ เกรงว่าจะเป็นอันตราย
    เราก็บอกให้รัก-ยม รักษาคุ้มครอง สุดแต่เราจะพูดปรารถนาของเรา รัก-ยม เขาช่วยปลุกเราได้
    ในเมื่อเราเซ่นจนขึ้นแล้ว บางเขาทำอะไรตกมาตึงตังมาให้เราตื่น ที่เขาไปใช้กันขลังๆนั้น ถึงกับ
    เป็ดไก่ขึ้นบ้านไม่ได้ บางทีมีคนมาพัก หรืออาศัยบ้านของเรา ควรบอกเล่าให้เขารู้เสีย ถ้าไม่บอก
    รัก- ยม จะกวนคืนยันรุ่ง เช่นหยิบโน่นหยิบนี่เป็นต้น บางคนเอาไปใช้ถูกปืนยิงตั้งหลายครั้ง
    ไม่รู้ลูกไปไหนหมด ได้ปรากฏจากปากคนอื่นมาแล้วหลายราย แต่รัก-ยมนี้ ทางสัณฐานของคนทั่วไป กล่าวว่าใช้ดีในทางค้าขาย ซื้อง่ายขายคล่อง เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ รัก-ยม สามารถจะเข้าดลใจผู้อื่น ให้อ่อนลงได้ง่าย รัก-ยมนี้คล้ายของกายสิทธิ์ สุดแต่จะปรารถนาเอาเถิด
    แต่บุคคลที่ใช้รัก-ยม ต้องปฏิบัติตนเป็นคนมีศีลธรรม และวาจาให้เป็นสัจจะจริงๆ อย่าพูดเหลวไหลกลับกลอกไม่ได้ ตามที่ปรากฏมาแล้วหลายท่าน บางทีชักชวนเขาไปเล่นการพนัน
    ไปหาลาภ ไปในทางผู้หญิงก็มี การที่เราชักชวนไปไหนก็ตาม ถ้าสำเร็จตามความประสงค์แล้ว ควรรางวัลเขาทุกครั้งไป จะได้ลาภสมความประสงค์ของท่านแล ฯ
    คาถาเรียกปลุกและเรียกกินข้าว
    จัตตุระภูตานัง อะหังวายัง อมมะหาระกุมาริง รัก- ยมมารับโภชนา
    อาคัจฉาหิติวัตตัพโพ อาคัจฉัยหิมาลูกมา
    เรียกไปด้วยกัน หรือขอนิมิตร ขอลาภ
    เอหิจาตะ ปิยะปุตตะ ปุเรถะมะปาระมิง หัตทะยังเมภิสิณ จะถะพุทโธ
    บุพพนิมิตตัง ปิยะปุตตัง สัพพะลาภัง กะโรถะวะจะนัง ปิยังนำมามะมา
     
  4. LordTartarus

    LordTartarus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    614
    ค่าพลัง:
    +1,506
    "ดัชนี" นิ้วชี้หลวงพ่อจงที่วัดหน้าต่างนอก

    [​IMG]

    "หลวงพ่อแม้น" เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ท่านเล่าให้ฟังว่า สังขารของหลวงพ่อจง ได้ฌาปน กิจไปเมื่อปี 2509 ก่อนเผาลูกศิษย์ 2 คน ได้แอบใช้ปากกัดนิ้วชี้ทั้งซ้ายและขวา หรือที่เรียกว่า "ดรรชนี" ของหลวงพ่อจงเก็บไว้ หลังจากนั้นก็นำไปเลี่ยมบูชาในคอ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ผ่านมาหลายปี เจ้าคนทั้งสองเดินทางมาที่วัดหน้าต่างนอก นำนิ้วทั้งซ้ายและขวามามอบให้ที่วัดเก็บรักษา

    "นิ้วมือข้างซ้ายของหลวงพ่อจงนั้น หลวงพ่อแม้นนำไปบรรจุไว้ในมณฑปเจดีย์ ส่วน "นิ้วมือข้างขวา" บรรจุไว้ในผอบแก้ว ตั้งบูชาไว้ด้านหลังรูปเหมือนหลวงพ่อจง เพื่อให้ลูกศิษย์ลูกหาบูชาขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคล น่าอัศจรรย์นิ้วมือหลวงพ่อจงยังคงสดใสเหมือนนิ้วมือคนธรรมดา แถมเล็บงอกยาวออกมาด้วย เมื่อถ่ายรูปจะมีแสงเป็นประกายสว่างจ้า"
     
  5. LordTartarus

    LordTartarus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    614
    ค่าพลัง:
    +1,506
    เรื่อง อิทธิฤทธิ์ทหารผี หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จังหวัดอยุธยา
    เขียนโดย คุณ จันทิพย์ คาดประกบ

    ในสมัยสงครามอินโดจีน ระหว่างปีพุทธศักราช 2483 - 2484 หรือระหว่างปี 1940 - 1941 ซึ่งมีทหารของประเทศไทย อยู่หน่วยหนึ่งซึ่งบุคคลทั่วไปในสมัยนั้นให้ฉายากันว่า "ทหารผี" โดยที่ทหารไทยหน่วยนี้ได้ถูกเรียกขานด้วยฉายานี้ก็เพราะว่า ทหารหน่วยนี้ มีอิทธิฤทธิ์ลึกลับ วิ่งเข้าใส่กลุ่มศัตรูข้าศึก โดยกลัวเกรงกลัวต่อความตายเลยครับ และทั้งๆที่ศัตรูก็สาดกระสุนใส่ทหารหน่วยนี้ แต่แล้วกลับไม่ได้รับอันตรายใดๆเลยจากกระสุนปืนที่กระหน่ำใส่ โดยมีคนกล่าวกันว่า แม้จะ ถูกยิงล้มลงไปกับพื้นดิน แต่ก็กลับลุกขึ้นมาต่อสู้ได้ต่อ จะยิงด้วยกระสุนปืนอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะหมายเอาชีวิตทหารหน่วยนี้ได้เลย และก็ไม่ได้รับอันตรายใดๆจากอาวุธของมีคมหรือกระสุนปืน และเมื่อเข้าปะทะถึงตัวกัน ดาบปลายปืนที่ใช้งานกันในสนามรบ กลับฟันแทงไม่เข้า ทำแต่เพียงแค่เสื้อผ้าขาดเท่า นั้นเองครับซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่งครับทุกท่าน
    หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จังหวัดอยุธยา
    โดยบรรดาทหารผีหน่วยนี้ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปไกลในสมัยสงครามอินโดจีนล้วนแล้วแต่เป็น ลูกศิษย์ของหลวงพ่อจง กันทั้งสิ้นเลยครับ และส่วนมากก็เป็นคนพื้นเพจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยากันทั้งนั้น มีของขลังของหลวงพ่อจงติดตัวกันแทบทุกคน โดย พระเครื่องและวัตถุมงคลของหลวงพ่อจง นั้นมีมากมายหลายอย่าง เช่น ลงอักขระยันต์, รูปถ่ายของหลวงพ่อจง, ลูกอม, ปลาตะเพียน, ผ้ายันต์, เงินขวัญถุง, แหวน เป็นต้น
    แต่ผ้ายันต์ของหลวงพ่อจงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ขาดไม่ได้ ก็คือ รูปดอกจันทร์ กับสิงห์คาถากำกับ ที่ท่านได้รับการถ่ายทอดศึกษากันมา นอกจากหลวงพ่อจงจะเชี่ยวชาญด้านวิชาอาคมของคลังต่างๆแล้วนั้น หลวงพ่อจงก็ยังมีความชำนาญเกี่ยวกับด้าน โหราศาสตร์อีกด้วย โดยมีเรื่องเล่ากันว่า วันหนึ่ง มีผู้หญิงข้างวัดได้มาให้หลวงพ่อจงฟังว่า สามีของผู้หญิงคนนี้ไปทำการค้าขายยังจังหวัดต่างๆ แล้วก็หายหน้าไปนานและก็ยังไม่เดินทางกลับบ้านและด้วยความที่เป็นภรรยาก็อดเป็นห่วงมากมายไม่ได้ จึงได้ขอร้องให้หลวงพ่อท่านช่วยดูให้หน่อยว่าสามี ของเธอ ได้รับอันตรายอะไรหรือไม่อยู่สุขสบายดีหรือป่าว เมื่อหลวงพ่อจงได้ยินดังนั้นท่านก็ทำอะไรบางอย่างของท่านซักพัก ก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วบอกว่า "มันมาหาแล้ว ให้ไปหามันที่ท่าน้ำ" หลังจากยังไม่ทันที่หญิงคนนั้นจะขยับตัวลงจากกุฎิของหลวงพ่อจง ลูกชายของผู้หญิงคนนั้นก็วิ่งมาบอกว่า พ่อเอา เรือมาจอดรอที่ท่าน้ำแล้ว
    และอีกเรื่องหนึ่งที่ได้รับการเล่าสืบต่อกันมากว่า หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จังหวัดอยุธยา ท่านสามารถย่นระยะทางได้ โดยมีเรื่องเล่าว่า มีผู้พบหลวงพ่อท่านในกรุงเทพฯนิมนต์ให้ท่านเดินทางกลับด้วยรถไฟ แต่เพราะท่านไม่ทันรถไฟ ท่านก็เลยให้เขาเดิน ทางล่วงหน้าไปก่อน แต่พอถึงจังหวัดอยุธยา แล้วคนๆนั้นถึงกับตกตะลึงเพราะ หลวงพ่อจงท่านได้มานั่งรออยู่ที่สถานีรถไฟแล้วนั้นเองครับ โดยหลวงพ่อจงท่านเคยกล่าวเกี่ยวกับเรื่อง "การย่นระยะทาง" ไว้ว่ามีวิชาอาคมอยู่แขนงหนึ่งที่ใช้แนวทางของกสิณ โดยการที่จะสามารถเรียนรู้วิชาแขนง นี้ได้ จะต้องเรียนรู้กสิณสิบจึงจะบังเกิดอำนาจของกสิณ โดยกสิณนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายแบบด้วยกันครับ เพราะการย่นระยะทาง นั้นจะกระทำให้ของหนักให้มีน้ำหนักเบา ทำให้เกิดสิ่งของศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ซึ่งหลวงพ่อจงก็ได้เรียนรู้วิชาแขนงนี้มาอย่างชำนาญ จึงไม่น่าแปลกใจเลยครับที่ท่าน ได้รับการรับเคราพนับถือในทางคาถาอาคมอย่างมาก


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2015
  6. LordTartarus

    LordTartarus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    614
    ค่าพลัง:
    +1,506
    ตำนาน ทหารผี (สุดยอดทหารของเมืองไทย)

    ใน สงครามเวียตนาม ผบ.ทหารเวียตนามเหนือได้ส่งใบปลิวนี้เพื่อเป็นคำเตือนต่อทหารเวียตนามเหนือ เองและฝ่ายพันธมิตรคือเวียตกงและเวียตมิน "ถ้าหากปะทะกับกองกำลังไม่ปรากฏฝ่ายให้พวกทหารพึงระลึกไว้ว่า
    1.ถ้าปะทะกับศัตรูที่ยิงต่อสู้กับเราแล้วหยุดยิงเป็นระยะๆ และมีปืนใหญ่ยิงสนับสนุนมานั่นคือทหารอเมริกัน
    2.ถ้าปะทะกับศัตรูที่ยิงต่อสู้กับเราแล้วหมอบหรือคลานต่ำนั่นคือทหารเวียตนามใต้
    3.ถ้าปะทะกับศัตรูที่ยิงต่อสู้กับเราแล้วอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไหวนั่นคือทหารลาว

    4.ถ้า ปะทะกับศัตรูที่ยิงต่อสู้กับเราแล้วไม่มีปืนใหญ่หรือนกยักษ์(เครื่อง บิน)มาสนับสนุน ไม่รู้จักหยุดยิง ไม่รู้จักหมอบ ไม่รู้จักคลาน ไม่รู้จักถอย เอาแต่วิ่งเข้าใส่ บางรายยิงไม่ตาย บางรายยิงไม่เข้า จงระวังไว้นั่นคือ........ทหารไทย



    ณ ฐานที่มั่นทหารเสือพรานของไทยแห่งหนึ่งที่เวียตนามใต้(จำชื่อฐานไม่ได้) ทหารเวียตนามเหนือพยายามตีฐานนี้หลายสิบครั้งแต่ก็ไม่แตก จึงส่งกองพันกล้าตายที่ 21 ให้มาตีซึ่งเป็นกองพันเดียวของทหารเวียตนามเหนือที่ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อกอง กำลังใดๆทั้ง อเมริกันและเวีตนามใต้ และกองพันนี้ขึ้นชื่อที่สุดด้านความโหดร้ายและการทารุณเชลยโดยวิธีลูเรต (ใส่กระสุนหนึ่งนัดในลูกโม่แล้วผลัดกันยิง) จนเป็นที่กล่าวขานกันทั่ว เช้าวันหนึ่งอากาศแจ่มใส ทหารเวียตานามเหนือกองพันกล้าตายที่ 21 จำนวน 600 นาย ได้เข้าตีฐานที่มั่นทหารไทยโดยทหารไทยมิได้ตั้งตัว ทหารไทยมีกำลังเพียง 150 นาย เห็นได้ชัดว่าถูกรุมแบบ 5 ต่อ 1 ปะทะกันนานกว่า 1 ชั่วโมงทหารเวียตนามเหนือแตกพ่ายไป ผลจากการสู้รบฝ่ายข้าศึกตาย 453 ศพและบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถหนีได้ 16 นาย ฝ่ายเราตายเพียง 1 ศพและบาดเจ็บเล็กน้อย 5 นาย การปะทะครั้งนี้เป็นที่กล่าวขวัญไปทั่ว จน ผบ.ทหารเวียตนามใต้และทหารอเมริกันประกาศทางวิทยุสดุดีวีรกรรมของทหารไทย ครั้งนี้ 1 อาทิตย์ต่อมาผู้บังคับกองพันกล้าตายที่ 21 ของเวียตนามยิงตัวตายในบังเกอร์เพื่อหนีความอับอาย ส่วนทางด้าน นายทหารเสือพรานไทยได้รับเหรียญกล้าหาญ 35 คน

    เราคนรุ่นหลังขอน้อมคารวะทหารกล้าไทยที่ปกปัก รักษาแผ่นดินไทยให้เราอยู่ทุกวันนี้เรื่องราวเหล่าแด่ท่านผู้ชนะเหล่าชนเสือ พรานไทยนักรบชุดดำ


    ทหารไทย ในยุคสงคราอินโดจีน ได้แสดงให้ทหารฝรั่งเห็นปาฏิหาริย์ ในหลายสมรภูมิ

    ตัวอย่างหนึ่ง ผมขอคัดบทความจาก ... อ.วารุณี พิทักษ์สินากร หนังสือพิมพ์ เสรีชัย L.A. USA มาเล่าสู่กันฟัง นะครับ
    อยู่ยง..คงกระพัน โดย อ.วารุณี พิทักษ์สินากร


    เวทมนตร์..คาถา การปลุกเสก อยู่ยงคงกระพัน เครื่องลางของขลัง มีมานานพร้อมๆกับความเชื่อเก่าๆของผู้เฒ่าผู้แก่ สมัยนี้ยังมีอยู่มาก เรามาดูกันว่าเขาใช้วิธีใดที่ทำให้อำนาจพุทธคุณหรือเครื่องลางของขลังต่างๆ ทำงานได้ ใครที่ไม่เคยเชื่อเรื่องอย่างนี้ยอมรับได้แล้ว

    เพราะในอดีต จากเวทมนตร์คาถา เครื่องรางของขลังเคยกู้ชาติปกป้องบ้านเมืองมาแล้วจากสงครามอินโดจีนที่ กล่าวไปแล้ว ขอให้เปิดใจรับอย่างมงายเหมือนกบในกะลาครอบ การรู้ไว้บางทีอาจป้องกันตัวเองได้บ้าง

    พิธีปลุกเสกระดับเซียนจากสี่หลวงพ่อดัง ที่ทำให้ชนะศึกอินโดจีนนั้น เกิดอะไรขึ้นขณะทำพิธี...ฟังแล้วขนลุกไม่รู้ล้ม ทำให้เป็นที่กล่าวขานกันต่อมาอีกนาน

    ในสมัยสงครามเกาหลี ทหารไทยที่พกพระพิมพ์ของหลวงพ่อแฉ่งไม่ว่าปางใด พิมพ์เล็กหรือใหญ่ ต่างอยู่ยงคงกระพันรอดตายกันมาทุกคน รวมทั้งบรรดาอัศวินแหวนเพชร หรือพวกนายตำรวจในยุคนั้นต่างก็มีพระนางพญาของหลวงพ่อแฉ่งกันถ้วนทั่ว

    ยุคนั้นบรรดาอัศวินต่างมีชื่อเสียงมาก โจรผู้ร้าย ทั้งในเขตนครบาลหรือภูธรหัวหดเงียบกริบ กับถูกฆ่าตัดตอนเก็บกันระนาวจากบรรดาอัศวินแหวนเพชรทั้งหลาย เป็นยุคที่ตำรวจเฟื่องมากๆ

    พิธีปลุกเสกระดับชาติได้ทำกันที่วัดบวรนิเวศน์วิหาร โดยเริ่มพิธีตั้งแต่อาทิตย์เริ่มอัสดง จนถึงรุ่งอรุณของวันใหม่ เป็นพิธีที่ใหญ่โตมโหราฬยิ่งกว่าการปลุกเสกครั้งใดๆ ท่ามกลางเหล่าทหารหาญที่คอยป้องกันอยู่รอบนอก ไม่ให้ผู้ใดรบกวนสมาธิของเกจิอาจารย์ทั้งสี่ ภายในห้ามออกภายนอกห้ามเข้ากันทีเดียว

    ภายในตัววัดเมื่อพลบค่ำจึงมีแต่ความวิเวกวังเวงของบรรยากาศ ทำให้ทหารทุกคนทั้งรอบนอกรอบในวัดตื่นตัวกลัวกันตลอดคืน ก็ใครเล่าจะกล้าหลับตานอนได้ในบรรยากาศเช่นนั้น
    เหตุการณ์ปกติไปเรื่อยจนย่างเข้ารุ่งอรุณของวันใหม่ทุกคนที่อยู่ในพิธีต่าง สะดุ้งกันสุดตัวแล้วพยายามระงับความตื่นเต้น ประหลาดใจกับอะไรที่เกิดขึ้น กับเก็บสุ้มเสียงกันไว้อย่างมิดชิด

    มีรายการขนลุกขนพองเห่อชาขึ้นมาตามแขนขาไปจรดต้นคอกันถ้วนทั่วอย่างช่วยไม่ ได้ระงับไม่อยู่ ที่ท่ามกลางความเงียบสงัดปราศจากแม้เสียงแมลงกลางคืนที่เงียบมาตลอดคืนแล้ว จู่ๆเกิด มีเสียงกรี๊ดร้องอย่างโหยหวลทำลายความวังเวง มาจากทุกสารทิศที่..ไม่ใช่เสียงเดียวเพศเดียวแต่หลายเสียง มันดังก้องเข้าไปในจิตวิญญานของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์

    จากนั้นยังปรากฏร่างของวิญญาณ ที่มาทั้งในรูปผู้คน เงา มากมายนับไม่ได้เป็นร้อยเป็นพันบ้างเดินบ้างวิ่งบ้าง มีมาไม่ขาดสาย..ในบริเวณวัดพร้อมทั้งเสียงกรีดร้องนั้นยังดังอยู่อย่างต่อ เนื่อง กับยังปรากฏหมอกควันพวยพุ่งออกมารอบๆพระอุโบสถ ชวนให้พยานสายตาในที่นั้นหนาวเย็นวูบวาบไปถึงตับไตใส้พุงแม้จะเป็นเหล่าทหาร กล้าก็เถอะ

    เหตุการณ์ที่เกิดระหว่างการปลุกเสกนี้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทุกคนที่อยู่ บริเวณนั้น ให้เป็นที่โจษขานกันมาหลายยุคหลายสมัย คงไม่มีครั้งใดจะแรงและทรงพลานุภาพเท่าจวบจนยุคปัจุจบัน ไร้เทียมทานจริงๆ

    การปลุกเสกใช้เวลา 12 ชั่วโมง โดยพระทั้งสี่รูปจะนั่งนิ่งอยู่ในท่าเดิมไม่ขยับเขยื้อนเป็นการรวมพลังจิต ให้มีอนุภาพที่แก่กล้าแล้วรวมเพ่งไปที่ผ้าประเจียดที่วางอยู่บนพานทอง เพื่อให้ได้ผลเต็มร้อย

    หลังเสร็จพิธีหลวงพ่อทั้งสี่ จึงมอบผ้าประเจียดให้กับพลตรี หลวงเกรียงศักดิ์พิชิต เพื่อนำไปใช้ปกป้องทหารในสงครามต่อไป ก่อนนำออกแจกจ่าย ยังมีการทดลอง ความอยู่ยงคงกระพัน โดยการนำผ้าประเจียดไปลองยิงดู ซึ่งถ้าไม่ได้ผลหลวงพ่อทั้งสี่องค์ ท่านจะทำพิธีให้ใหม่ แต่ปรากฏว่างานแรกครั้งเดียวขลังทันใด..ใช้ได้ทันที

    เครื่องลางของขลังจากการปลุกเสก ทำให้ทหารไทยชนะสงครามอินโดจีนกับถูกตราหน้าว่าเป็นทหารผี...อันนี้พิสูจน์ กันชัดๆอีกอย่างของคลื่นพลังจิตที่รวมกันเข้าจากเกจิอาจารย์ทั้งสี่

    การผสมธาตุซึ่งจะประกอบเป็นเครื่องลางของขลังนั้น ต้องผสมให้ถูกต้องจึงจะใช้เป็นสื่อเพื่อบรรจุพลังปราณ(พลังจิต)ของผู้ปลุก เสกได้เต็มที่ หากธาตุผสมผิดส่วนพลังปราณจะลดหย่อนลง พลังนี้ท่านเปรียบเหมือนพลังแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งมีอยู่แล้วในทุกตัวคน

    เราขอแนะนำให้ตรวจหาพลังนี้ได้เองจากการทำสมาธิ เมื่อเข้าถึงขั้นหนึ่งแล้วจะมีความรู้สึกว่ามีพลังบางอย่างวิ่งไปตามหน้าขา ไหล่แขน บางที่มาในรูปของความร้อนวิ่งไปทั่วร่าง ทางฮินดูเรียกว่า พลัง “คุณดาลินี” หรือพลังปราณนั่นเอง

    หลักการใช้คลื่นหรือพลังจิตนี้ ผู้ที่จะทำเครื่องลางของขลังได้ต้องฝึกจิตจนถึงองค์ญาณสมาบัติเสียก่อน จิตจึงจะมีพลังงานแล้วสามารถรวบรวมพลังนี้บรรจุลงในสิ่งใดได้ พลังที่บรรจุนี้จะต้องแบ่งสายปราณให้ถูกต้องด้วยการใช้วิชาลึกลับอันเป็นต้น สูตร โดยเฉพาะเป็นแหล่งกำเหนิดให้เกิดพลังขึ้นได้อย่างหนึ่งเช่น ของขลังที่จะใช้เกี่ยวกับการป้องกันอันตรายใช้วิชา “เรยูกูระบัด”ประกอบกับวิชา “อิลละมู” หรือใช้วิชา “สังกะลัม” ประกอบกันสองอัน หรือจะใช้เพียงวิชาอิลละมู ประกอบเวทมนตร์ก็ได้ (ชื่อวิชาเหล่านี้เป็นของพวกโยคีสมัยเก่า) แต่ถ้าใครเรียนถึงวิชา เรยูกูระบัด หรือสังกะลัม เครื่องรางของขลังจะให้พลังงานสูง
    ในสมัยสงครามอินโดจีน ในช่วงที่กำลังร้อนระอุ ทหารไทยถูกประนามว่า เป็นทหารผี...เพราะเหตุใดเรามาดูกัน กับใครอยู่เบื้องหลัง บทต่อจากนี้ ที่เกี่ยวข้องกันอย่างช่วยไม่ได้ คืออยู่ยง...คงกระพัน

    ตอนนั้นทหารไทยมีหน้าที่ต้องบุกเข้ายึดเมืองศรีโสภณให้ได้ แต่ไม่ใช่ของง่ายเลยเพราะฝ่ายตรงข้าม คือทหารญวนกับทหารมอร็อคโคมีมากกว่า อุปกรณ์การฆ่าทันสมัยกว่าแน่นอนกำลังใจย่อมดีกว่า รวมถึงความจัดเจนในการเชือดการปาดคล่องตัวกว่าเรียกว่าเขี้ยวลากดินกันทุกคน เพราะเหตุนี้ ท.ทหารไทยจึงมองหาทางออก มองหาสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติ คือความ..เหนียวแบบไร้เทียมทาน...หรืออยู่ยงคงกระพัน ดังนั้นวันบุกเข้าจู่โจมจึงเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น คือ

    เมื่อวันที่ทหารไทยบุกเข้าศรีโสภนนั้น ทหารญวนกับมอร็อคโคต่างสาดกระสุนมาดุจห่าฝน แต่หาได้ระคายเคืองผิวทหารไทยอย่างไรไม่ ไม่ว่าจะยิง จะแทงฟันเชือด ปาด เด็ด ดึง..ทหารไทยอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดเลือดตกออกมาสักหยด ทหารต่างชาติเหล่านั้นไม่เคยเชื่อหรือรับรู้ในเรื่องวิชาอาคมเวทมนตร์คาถา ตอนนั้นรู้อย่างเดียวว่า ทหารไทยฆ่าไม่ตาย กับที่เหลือตัวใครตัวมัน หมดกำลังใจที่จะต่อสู้ยึดพื้นที่เอาไว้ได้ เพราะถูกฆ่าอยู่ฝ่ายเดียว เห็นไพร่พลล้มตายเกลื่อน จึงพากันทิ้งเมืองเอาตัวรอด งานนี้ทหารญวนกับมอร็อคโคถูกจับได้อย่างมากมายพร้อมทั้งอาวุธปืนเป็นจำนวน มาก

    ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากอนุภาพ ของผ้าประเจียด ที่สี่หลวงพ่อทำการปลุกให้ไปแจกทหารที่ออกรบ ข่าวการชนะศึก ของทหารไทย ข่าวการยิงไม่เข้าแทงไม่เข้าไม่ระคายเคืองผิว กับการอยู่ยงคงกระพันของเหล่าทหารกล้า ทำให้สี่เซียนดังไปเจ๊ดย่านน้ำ หลวงพ่อทั้งสี่ได้แก่


    หลวงพ่อ ชวน (โอภาสี)
    หลวงพ่อแฉ่ง แห่งวัดบางพังจ
    หลวงพ่อจาด
    และหลวงพ่อจง แห่งวัดหน้าต่างนอก


    credit:
    ตำนาน ทหารผี (สุดยอดทหารของเมืองไทย) - Dek-D.com > มีสาระ > ความรู้รอบตัว


    [​IMG]
     
  7. LordTartarus

    LordTartarus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    614
    ค่าพลัง:
    +1,506
    เมื่อกล่าวถึงวิทยาอาคมของหลวงพ่อที่มีผู้นิยมและต้องการนั้น
    เท่าที่ทราบมีสามสาขา คือ

    1. วิทยาคมทางด้านคงกระพันชาตรี
    2. วิทยาคมทางด้านเมตตา
    3. วิทยาคมทางน้ำมนต์

    ในบรรดาวิทยาคมทั้งสามสาขาที่ประมวลมานี้ วิทยาคมทางเมตตาเป็นที่เลื่องลือมากกว่าอย่างอื่น หลวงพ่อจงท่านเฝ้าสอนให้ทุกคนมีเมตตาต่อกัน อย่าเบียดเบียนกันเป็นนิตย์ แสดงว่าท่านให้ทั้งที่พึ่งพาทางกายและทางใจพร้อมกันไป แทนที่จะมุ่งให้ทุกคนยึดมั่นในวัตถุเช่นอาจารย์อื่น ๆ การกระทำของหลวงพ่อจง และวิทยาคมทางเมตตาของท่านจึงมุ่งเสริมสร้างสังคมให้รู้จักการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข อันเป็นยอดปรารถนาของคำสั่งสอนทั้งมวลอันเป็นโลกียะ ถ้าจะกล่าวว่าหลวงพ่อจงท่านเป็นนักสงเคราะห์ก็ไม่ผิดมิใช่หรือ

    หลวงพ่อจง ท่านได้สร้างวัตถุมงคลเอาไว้หลายชนิด
    ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2483 – ปี 2507
    วัตถุมงคลของหลวงพ่อจง แบ่งแยกเป็นรุ่นมาตรฐานได้ดังนี้

    1.เหรียญหยดน้ำ ปี พ.ศ. 2484 มีเนื้อเงินลงยา หลังยันต์ และ เนื้อทองแดง หลังที่ระลึกในการสร้างหอสวดมนต์
    2.เหรียญเสมา หลังยันต์ห้า ปี พ.ศ. 2484 จัดสร้างเนื้อทองแดงเพียงเนื้อเดียว
    3.เหรียญเสมาหน้าใหญ่ ปี พ.ศ. 2485 พิมพ์ พ.ศ. โค้ง จัดสร้างเนื้อทองแดงเพียงเนื้อเดียว
    4.เหรียญเสมาหน้าใหญ่ ปี พ.ศ. 2485 พิมพ์ พ.ศ. ตรง จัดสร้างเนื้อทองแดงเพียงเนื้อเดียว
    5.เหรียญเสมา หน้าเล็ก ปี พ.ศ. 2485 มีเนื้อเงินลงยา และ เนื้อทองแดง
    6.เหรียญหยดน้ำ หลังยันต์ห้า ประมาณปี พ.ศ. 2485 จัดสร้างเนื้อทองแดงเพียงเนื้อเดียว
    7.เหรียญหยดน้ำ หลังยันต์ บล็อกหน้า “ ย ” การันต์ สร้างประมาณปี พ.ศ. 2485 จัดสร้างเนื้อทองแดงเพียงเนื้อเดียว
    8.เหรียญหยดน้ำ หลังยันต์ บล็อกหน้า “ ย ” ไม่มีการันต์ สร้างประมาณปี พ.ศ. 2485 จัดสร้างเนื้ออัลปาก้า และ เนื้อทองแดง
    9.เหรียญเงินลงถม และ เนื้อเงินลงยา พิมพ์ต่างๆ ปี พ.ศ. 2485-2495
    10.เหรียญฉลุ หน้าแปะ อัลปาก้า ประมาณ ปี พ.ศ. 2486 มีเนื้อเงิน อัลปาก้า และ ฝาบาตร
    11.เหรียญเสมาหลังสิงห์ ฉลองอายุครบ 6 รอบ ปี พ.ศ. 2487 มี 2 พิมพ์ จัดสร้างเนื้ออัลปก้า และเนื้อทองแดง
    12.เหรียญข้าวหลามตัด หลังยันต์ ปี พ.ศ. 2490 เท่าที่พบเจอมีเพียงเนื้ออัลปาก้า
    13.เหรียญรูปไข่เล็ก ปี พ.ศ. 2490 มีเนื้อเงิน และเนื้อ ฝาบาตร
    14.เหรียญปีนักษัตร เนื้อเงินลงยา และเนื้อเงินลงถม ปี พ.ศ. 2484-2500
    15.เหรียญหยดน้ำ ออกวัดบัวแก้วเกสร ปี พ.ศ. 2490 เท่าที่พบเจอมีเพียงเนื้อทองแดง
    16.เหรียญกลมลงยา นะปัดตลอด ปี พ.ศ. 2491 เท่าที่พบเจอมีเพียงเนื้อฝาบาตร
    17.เหรียญฉลองอายุครบ 7 รอบ ปี พ.ศ. 2499 พิมพ์หลังหนังสือ จัดสร้างเนื้อเงิน และ เนื้อทองแดง
    18.เหรียญฉลองอายุครบ 7 รอบ ปี พ.ศ. 2499 พิมพ์หลังสิงห์ จัดสร้างเนื้ออัลปาก้า และ เนื้อทองแดง
    19.เหรียญกลม หลังพระปิดตา ปี พ.ศ. 2499 เท่าที่พบเจอมีเพียงเนื้ออัลปาก้า
    20.เหรียญกลม หลังปลาตะเพียน ปี พ.ศ. 2499 จัดสร้างเนื้อเงิน และ เนื้ออัลปาก้า
    21.เหรียญใบโพธิ์ หลังกันภัย ปี พ.ศ. 2499 จัดสร้างเนื้อทองฝาบาตรเพียงเนื้อเดียว
    22.เหรียญครอบแก้ว ปี พ.ศ. 2500 มี 2 พิมพ์ คือ หลังพุทธกวัก และ เมตตามหานิยม เท่าที่พบเจอมีเพียงเนื้อทองแดง
    23.เหรียญเม็ดกระดุม ปี พ.ศ. 2500 มีเนื้อฝาบาตร และ เนื้อทองแดง
    24.เหรียญหัวใจ ปี พ.ศ. 2500 มีเนื้ออัลปาก้า และ เนื้อทองแดง
    25.เหรียญกลม หลังตัวนะ ปี พ.ศ. 2500 เท่าที่พบเจอมีเพียงเนื้อทองแดง
    26.เหรียญสามเหลี่ยม หลวงพ่อจง ปี พ.ศ. 2500 เท่าที่พบเจอมีเพียงเนื้อฝาบาตร
    27.เหรียญกลมหลังสิงห์ ปี พ.ศ. 2502 เท่าที่พบเจอมีเพียงเนื้อทองแดง
    28.เหรียญกันภัย หลังสิงห์ ปี 2503 มีเนื้อฝาบาตร และเนื้ออัลปก้า
    29.เหรียญมังคลายุ จง-นิล ปี พ.ศ. 2507 เท่าที่พบเจอมีเพียงเนื้อทองแดง
    30.รูปหล่อ รุ่นแรก ปี พ.ศ. 2483 ตอกโค๊ตแถวเดียว เนื้อทองผสม
    31.รูปหล่อใหญ่ ปี พ.ศ. 2485 เท่าที่พบเจอมีเพียงเนื้อทองผสม
    32.รูปหล่อ ปี พ.ศ. 2488 มีเนื้อตะกั่ว และเนื้อทองผสม
    33.รูปหล่อ ปี พ.ศ. 2491 มีอุดกริ่ง และ ไม่อุดกริ่ง เท่าที่พบเจอมีเพียงเนื้อทองผสม
    34.รูปหล่อ ปี พ.ศ. 2499 ตอดโค๊ต 2 แถว เท่าที่พบเจอมีเพียงเนื้อทองผสม
    35.รูปหล่อ ปี 2500 ตอกโค๊ตด้านหน้า เท่าที่พบเจอมีเพียงเนื้อตะกั่ว
    36.รูปเหมือนตะกั่วปั้ม ครึ่งซีก ปี 2502 ทาบรอนซ์ทอง และ ไม่ทาบรอนซ์ทอง
    37. ล็อกเก็ต รุ่นแรก ปี พ.ศ. 2484 มี 2 พิมพ์ คือ พิมพ์รูปไข่ และ พิมพ์กลม
    38.พระบูชา เนื้อโลหะ เนื้อผง รูปถ่าย บูชา ขนาดต่างๆ ปี พ.ศ. 2485-2505
    39.รูปภาพ ขอบแสตมป์ ปี พ.ศ. 2490 ด้านหลังปั้มยันต์แดง และ ยันต์ม่วง
    40.ตะกรุดโทน ตะกรุดหนังเสือ ตะกรุดมหาอำนาจ ปี พ.ศ. 2484-2485
    41.ตะกรุดชุด 12 ดอก 14ดอก 16 ดอก ชนิดต่างๆ ปี พ.ศ. 2485
    42.เสื้อยันต์ แดง และ ขาว ปี พ.ศ. 2485 – พ.ศ. 2506
    43.ผ้ายันต์ ชนิดต่างๆ ปี พ.ศ. 2485 - 2507
    44.ปลาตะเพียนคู่ มี 3 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง และพิมพ์เล็ก
    45. สมเด็จรูปเหมือน ปี พ.ศ. 2484 เนื้อผง
    46.สมเด็จเนื้อเมฆพัตร หลังยันต์ ปี พ.ศ. 2490
    47.แหวน เนื้อเงิน เนื้อเงินลงยา เนื้อเงินลงถม เนื้อทองแดง เนื้ออัลปก้า
    48.แหนบ เข็มกลัด ชนิดต่างๆ ปี พ.ศ. 2485 – 2500
    49.เหรียญฌาปนกิจศพ ปี พ.ศ. 2509 จัดสร้างเนื้ออัลปก้าชุบนิคเกิลเพียงเนื้อเดียว
    50.เหรียญเสมา และพระเนื้อผง ออกวัดประสาทฯ ปี พ.ศ. 2506
    นอกจากนี้ยังพระเครื่องอีกหลายรุ่น อย่างเช่น พระเนื้อดิน รูปหล่อต่างๆ พระเหรียญ พระเนื้อผง และพระเครื่องที่หลวงพ่อจง ท่านร่วมปลุกเสก เช่น เหรียญฉลองอายุครบ 3 รอบ ในหลวง ร.9 ปี พ.ศ. 2506 , พระชุดวัดประสาท บุญญาวาส ปี พ.ศ. 2506 , เหรียญหล่อพระพุทธ วัดชีโพน ปี พ.ศ. 2498 จ.อยุธยา , เหรียญหลวงพ่อไปล่ วัดธรรมจริยา ปี พ.ศ. 2498 จ.อยุธยา , เหรียญหลวงพ่อมงคลบพิตร ปี พ.ศ. 2485 และปี พ.ศ. 2505 , เหรียญหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง ปี พ.ศ. 2485 พระกริ่งเล็ก ปี 2500 ฯลฯ

    หลวงพ่อจง ท่านมีลูกศิษย์สืบสายพุทธคมจากท่าน อาทิ หลวงพ่อฟ้อน วัดบ้านพาด หลวงพ่อไปล่ วัดธรรมจริยา หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา หลวงพ่อแสวง วัดสว่างภพ หลวงพ่อยวง วัดหน้าต่างใน ฯลฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2015
  8. LordTartarus

    LordTartarus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    614
    ค่าพลัง:
    +1,506
    [​IMG]

    พระทองคำ

    หลวงพ่อปาน ท่านมักพูดแก่ศิษย์ของท่านเองว่า หลวงพ่อจงเป็นพระทองคำ
    แม้แต่เทพยดาชั้นสูงๆ ยังต้องขอเป็นโยมอุปัฎฐาก
    หลวงพ่อปานเคยสั่งไว้ว่า “ถ้าฉันไม่อยู่ติดขัดเรื่องธรรมะ ให้ไปถามท่านจงนะ ท่านจงสอนเทวดามาแล้ว ถ้าเธอไปเรียนกับท่านจงได้ ก็นับว่าเป็นบุญของเธอ”
     
  9. LordTartarus

    LordTartarus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    614
    ค่าพลัง:
    +1,506
    ใครมีประสบการณ์หรือเรื่องราวดีๆของหลวงพ่อจง รวมไปถึงประสบการณ์วัตถุมงคล
    มาเล่าสู่กันฟัง แลกเปลี่ยนความรู้เพื่อการศึกษาและสะสมกันนะครับ
     
  10. thth

    thth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    537
    ค่าพลัง:
    +887
    ผมมีวัตถุมงคลหลวงพ่อจงหลายอย่าง เป็นของที่ได้รับตกทอดมาจากพ่อครับ ที่มีคนเห็น และสัมผัสกันได้บ่อย คือ พี่รักและพี่ยมครับ (ที่เรียกพี่เพราะพ่อได้รับมาจากหลวงพ่อจงตั้งแต่ก่อนผมจะเกิดอีกครับ ก็เลยขอเรียกพี่ดีกว่าครับ) เวลาจะไปไหนก็ฝากบ้านกับพี่รักกับพี่ยมก็ปลอดภัยครับ ไม่เคยมีปัญหาขโมยเข้าบ้านครับ ทั้งๆ บ้านใกล้เรือนเคียงก็โดนกันมาแล้วแทบทุกหลังครับ
     
  11. ศรัทธาพญาเวนไตย

    ศรัทธาพญาเวนไตย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    867
    ค่าพลัง:
    +1,383
    สงสัยครับ ใครคือศิษย์เอกท่าน มันก็มีอยู่สองวัด วัดหน้าต่างนอก วัดหน้าต่างใน
    ผมเคยถามแม่ค้าอยู่หน้าซอยวัด หลวงพ่อยวง กับหลวงพ่อแม้นเวลามีงานเสกพระ ทำไมไม่นิมนต์กันเลย ไปร่วมกันเสก คือ ต่างคนต่างอยู่ ท่านมีปัญหาอะไรกันหรือไม่ แม่ค้ายิ้มไม่ตอบ แสดงต้องมีอะไรสักอย่าง วัดสองวัดใกล้กัน แต่กลับนิมนต์เกจิไกลๆมาเสก ใกล้กันแท้ๆ

    แต่หลวงพ่อยวงทันหลวงพ่อจงนะครับ
     
  12. LordTartarus

    LordTartarus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    614
    ค่าพลัง:
    +1,506
    ขอบคุณที่เข้ามาพูดคุยกันนะครับ ว่างๆถ่ายมาชม เล่าประสบการณ์แลกเปลี่ยนกันศึกษานะครับ
     
  13. LordTartarus

    LordTartarus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    614
    ค่าพลัง:
    +1,506

    ศิษย์ที่ทันเรียนหลวงพ่อจงมีหลายท่านครับ บางท่านก็ละสังขารไปแล้ว
    หลวงปู่ยวง เป็นอีกหนึ่งท่านที่ทันเรียนกับหลวงพ่อจงและยังทรงสังขารอยู่ครับ
    ส่วนเรื่องปัญหาอะไรต่างๆ เรื่องนี้ผมเองก็ไม่อาจทราบได้ครับผม
    ต้องขออภัยด้วยนะครับ :cool:
     
  14. LordTartarus

    LordTartarus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    614
    ค่าพลัง:
    +1,506
    เข้ามาพูดคุย แลกเปลี่ยนกันชมวัตถุมงคล ลพ.จง กันได้นะครับ
     
  15. วิคิด

    วิคิด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2012
    โพสต์:
    785
    ค่าพลัง:
    +1,141
    รูปหล่อพอได้มั๊ยคับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Picture 148.jpg
      Picture 148.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.1 MB
      เปิดดู:
      2,496
    • Picture 149.jpg
      Picture 149.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.2 MB
      เปิดดู:
      2,797
    • Picture 150.jpg
      Picture 150.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.8 MB
      เปิดดู:
      1,955
  16. charoen.b

    charoen.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5,726
    ค่าพลัง:
    +15,488
    หลวงพ่อจงท่านเคยสร้างพระโคนสมอไว้หรือเปล่าครับ
     
  17. LordTartarus

    LordTartarus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    614
    ค่าพลัง:
    +1,506
    ทั้งพระโคนสมอและพิมพ์พระเจ้า7พระองค์ เคยได้ยินมาว่าประวัติการจัดสร้างไม่ค่อยชัดเจน จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมตามหลักสากลครับพี่
     
  18. may06

    may06 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,039
    ค่าพลัง:
    +2,904
    ที่บ้านผมมี ตะกรุด 16 ดอก มีปลาตะเพียน 1 คู่ มีผ้ายันต์สิงห์ 1 ผืน เป็นมรดกตกทอด
    คุณแม่บอกว่าหลวงพ่อจงทุดงมาถึงจังหวัดระยอง คุณใส่บาตรทำบุญหลวงจงมอบให้
    ปัจจุบันผ้ายันต์แม่ห้อยไว้กลางบ้านขาดเกือบครึ่งผืนผมนำมาใส่กรอบกระจกเรียบร้อย
    ปลาตะเตียนคุณแม่ห้อยไว้กลางร้านที่บ้านค้าขาย ส่วนตะกรุดปัจจุบันชำรุดเชือกขาด
    มีใบฝอยบอกวิธีการใช้ด้วยครับ ขอบารมีหลวงพ่อจงคุ้มครองลูกหลานด้วยเทอญ

    สาธุๆๆ
     
  19. LordTartarus

    LordTartarus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    614
    ค่าพลัง:
    +1,506

    หายากมากๆแล้วครับ เก็บรักษาไว้ให้เดีนะครับ
     
  20. นพพร 2553

    นพพร 2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    743
    ค่าพลัง:
    +1,231
    ถ้าสะดวก รบกวนโชว์ให้สมาชิกดูด้วยครับ


     

แชร์หน้านี้

Loading...