เหตุใดคฤหัสถ์สำเร็จอรหันต์แล้วต้องนิพพานในวันนั้น

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 11 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444


    ถามถึงความ
    เป็นพระอรหันต์แห่งคฤหัสถ์


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" border=0>[​IMG]


    พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า
     
  2. avatan

    avatan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +365
    .....
     
  3. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    ขออนุโมทนาบุญกับท่านเจ้าของบทความ ท่านผู้ตั้งกระทู้ และท่านที่อนุโมทนาบุญ ครับ
    สาาาาา...ธุ

     
  4. ร่มโพธิ์

    ร่มโพธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +1,952
    พึงสละเวลาเพื่อรักษาทรัพย์...
    พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ.
    พึงสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต..
    พึงสละชีวิต...เพื่อรักษาธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กุมภาพันธ์ 2008
  5. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    ในพุทธกาลมีอยู่ 1 คน ที่เข้าข่ายนี้ คือ สันติอมาตย์ ครับ
     
  6. magic_storm

    magic_storm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +3,053

    ไม่เข้าใจๆ ตกลงคือต้องนิพพานสถานเดียวงั้นหรือ แต่ที่เคยได้ยินมาถ้าบวชพระทันก็จะดำรงค์ขันต่อไปได้อีก และที่เคยศึกษามาสามารถดำรงค์เป็นคฤหัสถ์ได้อีกไม่เกิน 7 วัน ถ้าไม่บวชถึงจะนิพพาน ข้อมูลอันนี้ผิดหรือ ช่วยบอกกล่าวหน่อย
     
  7. จะเป็นคนดี

    จะเป็นคนดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +267
    บัญญัติธรรม

    โปรดใช้หลักการและเหตุผลของกาลามสูตรครับ
     
  8. mahaasia

    mahaasia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,130
    ค่าพลัง:
    +4,971
    เห็นว่ามีหลายเหผล บางคนก็ว่าอยู่ได้ 7 วัน แต่ความเป็นจริงแล้วเป้นพระอรหันต์เช้าต้องนิพพานในตอนเย็น เพราะภูมิของพระอรหันต์เป็นภูมิธรรมขั้นสูงสุด ฆราวาสรับภูมิธรรมได้แค่อนาคามิผลเท่านั้น ว่าแต่ว่าถ้าฆราวาสได้อรหัตมรรคแล้ว จะคงยังไม่นิพพานหรือเปล่าน้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2008
  9. นายจั๊บ

    นายจั๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    419
    ค่าพลัง:
    +1,110
    อันนี้หลวงพ่อฤาษีฯท่านยืนยันครับ ท่านว่าไม่เคยเห็นคนที่เป็นฆารวาสแล้วสำเร็จอรหันต์คนใดอยู่ได้เกิน1วันเลยซักคน ส่วนมาจะนิพพานภายในวันนั้นเลยครับ

    ปล.ผมชอบภาพพระพุทธองค์ของคุณจัง สวยมากเหมือนได้มองพระองค์ท่านจริงๆ
     
  10. sharingidea

    sharingidea เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,348
    ค่าพลัง:
    +274
    อนุโมทนาสาธูครับ......
     
  11. tomvasa

    tomvasa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +306
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้และก็ภาพพระพุทธองค์สวยมากๆคับ
     
  12. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ..................................................................................

    ก่อนที่จะเข้าพระนิพพาน มาดูเกณฑ์ กันก่อน


    องค์หลวงพ่อฯ เคยกล่าวไว้ว่า....

    "..สาวกภูมิ เมื่อบารมีเต็ม สามารถมีกำลังบารมีที่จะเข้าถึงพระนิพพานได้ แล้ว
    แต่ทว่า ก็ยังเข้าไม่ได้ เปรียบเสมือนมีน้ำที่เปี่ยมเต็มตุ่ม แต่เปิดฝาตุ่มไม่เป็น..
    ต้องให้องค์สมเด็จพระประทีปแก้วสัมมาสัมพุทธเจ้า มาเป็นผู้แนะนำ เปิดฝาตุ่มให้ จึงจะสามารถใช้น้ำในตุ่มนั้น.. จึงจะสามารถก้าวเข้าสู่พระนิพพาน ได้"

    พระพุทธเจ้า ที่จะแนะนำวิธีการเปิดฝาตุ่ม ก็ต้องเป็นองค์ที่เราตามติดกันมา
    เคยทำบุญร่วมกันมา เป็นญาติกันมา นานนับเนื่องอสงไขย ตั้งแต่บารมีต่าง ๆ เช่น บารมีต้น ผ่านบารมีกลาง(อุปบารมี) และทะลุมาถึงปรมัตถบารมี

    คือว่า เคยเนื่องกันมา.. มีความศรัทธา มีความเคารพ กันมานาน
    ชาติที่จะเข้าสู่พระนิพพาน จึงจะสอนสั่งกันได้

    ในสมัยพุทธันดรของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์ปัจจุบัน พระองค์ท่านบำเพ็ญพระบารมีเป็น "ปัญญาธิกะ" มีความเฉลียวฉลาดในการสร้างพระบารมี ทำให้สามารถตรัสรู้ได้เร็ว คือ ห้วงเวลาปรมัตถ์ 4 อสงไขย กำไรแสนกัป

    ดังนั้น สาวกของพระองค์ ที่ตามกันมา เนื่องกันมา ก็จริง....
    แต่ที่ยังตามไม่ทัน ก็มีอีกมาก พระองค์ จึงต้องให้รอยพระพุทธบาท บ้าง
    พระเกศาธาต บ้าง พระบรมสารีริกธาตุ บ้าง ตามสถานที่ต่าง ๆ ที่บรรดาสาวก ต้องมาบำเพ็ญบารมีกัน และสุดท้าย ท้ายสุดจะสามารถพบกับพระองค์ อีกวาระ ในห้วงเวลา พ.ศ.5000
    (พระรมสารีกธาตุทั่วโลกรวมตัวกัน เป็นพระพุทธองค์)

    พระพุทธองค์ ก็จะแนะนำวิธีการเปิดฝาตุ่มให้

    ส่วนที่ว่า ในห้วงของเวลาระหว่าง 5,000 ปี ที่พระศาสนาดำรงอยู่นั้น
    ก็จะมีพระโพธิสัตว์ คณะต่าง ๆ บำเพ็ญบารมี ต้น กลาง ปรมัตถ์ ก็ว่ากันไป

    ห้วงเวลาของพระศาสนาของพระพุทธเจ้า ที่เป็น ปัญญาธิกะ
    สัตว์เดรัจฉาน คน เทวดา พรหม ต่างก็มาเกิดสร้างบารมีกัน ผสมปนเปกันไป

    จึงจะสามารถมองเห็น "ภูมิธรรม" ของแต่ละชั้น ตามแต่ระดับบุญบารมี เช่น

    มีผู้ทรงธรรม ปรารถนาพระนิพพาน เพราะ บารมีปรมัตถ์แก่มากแล้ว
    มีผู้สนใจศีล แต่ขาดสมาธิ ยังไม่มี "ปัญญา" ยังไม่ปรมัตถ์เต็ม ตัดกิเลสไม่ขาด
    มีผู้สนใจทาน ไม่สนใจ ศีล ยังเห็นว่า เรื่องทางโลก สำคัญกว่า.. บารมีกลาง
    บางท่าน ทานก็ทำยาก ต้องเคี่ยวเข็ญให้ทำ ศีลไม่ต้องพูดถึง.. บารมีต้น

    ที่แย่กว่านั้น ไม่เคารพพระธรรม พระวินัย พระสูตร และอื่น ๆ
    กล่าวโจมตี โดยกล่าวอ้าง ข้าง ๆ คู ๆ ไม่เคารพรพไตรปิฎก

    เมื่อไม่เคารพในพระไตรปิฎก นี่ เรื่องราวต่าง ๆ ในพระศาสนา ก็พูดกันไม่รู้เรื่อง

    แต่ก็เป็นที่น่าปลาดใจที่ว่า....
    ในเมื่อไม่เชื่อพระไตรปิฎก แต่ก็ยกพระธรรมข้อโน้น ข้อนี่ จากพระไตรปิฎก
    มากล่าวอ้างอิงเทียบเคียง เถียงกับผู้อื่น ที่เขามีความเคาระพระไตรปิฎก
    (เป็นการเอาพระไตรปิฎก มาโจมตีพระไตรปิฎก)

    ทำไมไม่มีสติ คิดใคร่ครวญ บ้างว่า....
    ที่เขากล่าว ว่า พระไตรปิฎก นั้น มีการต่อเติม เสริมแต่ง นั้น
    เขาจะต่อเติมเสริมแต่งไปเพื่ออะไรกัน

    เคยได้ยินข่าวบ้างไหม ว่า....
    พระสมเด็จ วัดระฆัง อายุกว่า 100 ปี นั้น
    คนในสมัยไหน ที่ทำปลอม ทำเลียนแบบ

    คนสมัยก่อน เมื่อ 100 ปี ที่ผ่านมา เขาจะไปทำปลอมทำไม
    จะเอาไปหลอกใคร ในเมื่อมันยังไม่มีราคาแพง

    แต่ที่มันปลอม ก็คือ คนในปัจจุบันนี่แหละ
    คนที่เต็มไปด้วยกิเลส ปรารถนา เงิน ยิ่งกว่าสิ่งใด
    ทำปลอม ด้วยกลวิธีนานา เพื่อหลอกคนที่ไม่รู้ ให้เชื่อตาม

    พระไตรปิฎก ก็ทำนองเดียวกัน
    ถ้าหากเขาจะต่อเติม เสริมแต่ง ก็คิดดูซิว่า
    เขาจะไปเติม เสริมแต่ง น่ะ.. เขาจะเอาไปหลอกใคร เพื่ออะไรกัน

    มันก็ คน ในปัจจุบัน นี่แหละ
    หาทางพูด หาทางสอน เพื่อโลกธรรม 8 แห่งตนเอง

    ไม่เชื่อในพระไตรปิฎก ที่มีมานาน
    แต่พาลไปเชื่อ "คน"ที่เปี่ยมกิเลส ในปัจจุบัน

    ...................................................................................

    ฝากคำถาม ไว้สำหรับท่านที่คิดว่า ตายแล้วสูญ
    เพื่อลองใคร่ครวญ หาความจริง ว่า....

    ความหมายของคำว่า "นิพพานัง ปรมัง สูญญัง"
    กับคำว่า "นิพพานนัง ปรมัง สูญโญ"
    ต่างกันอย่างไร

    สุญญัง นั้น สูญจากกิเลสนานา คือ โลภ โกรธ หลง ไม่หลงเหลืออยู่เลย
    สุญโญ นั้น สภาพต่าง ๆ นั้น สูญหายไปหมดเลย
    ใช่หรือเปล่า (ผมก็ไม่เก่ง บาลี)

    คำสอนที่ว่า..
    นิพพาน แปลว่า ดับ
    "..หายใจเข้า ไม่หายใจออก ก็ดับ"
    "..หายใจออก ไม่หายใจเข้า ก็ดับ"
    ดังนั้น เราจะเข้าพระนิพพานได้ วันละเป็นหมื่น เป็นแสนครั้ง นั้น จริงหรือ

    สัตว์ป่า ที่ดุร้าย นำมาสอนให้เชื่อง ก็นิพพาน (ดับ) จริงหรือ

    พระอรหันต์ คือ ผู้ที่ดับ ไม่มีเชื้อจากกิเลส โลภ โกรธ และหลง อีกต่อไป
    ตอนเช้า บ่าย ค่ำ กลางคืน นี่ เราเข้านิพพาน (ดับ) แล้ว จริงหรือ
    กิเลส ในตอนเช้า สาย บ่าย ค่ำ คืน ไม่มีโดยตลอด หรือ
    เราหายใจเข้า-ออก นี่เราเข้านิพพานแล้วหรือ
    เราหมดกิเลสไปจากจิตใจของเราแล้ว จริงหรือ
    เราไม่อยาก รวย ไม่อยากได้เงินทอง
    เราไม่ต้องการชื่อเสียง
    เราไม่สนใจในคำด่า หรือเยินยอ ตัวเรา ไม่เสียใจ ไม่ดีใจ
    เราไม่อยากได้ตำแหน่งใด ๆ
    เราไม่กังวล ไม่สนใจ ในเรื่องครอบครัว ผัว เมีย ลูก
    เราไม่สนใจ ในเรื่องหน้าที่การงาน ไม่มีความกลุ้มใจใด ๆ จริงหรือ
    เราเป็นผู้หมดเชื้อ ของความโลภ โกรธ และหลง ได้สิ้น จริงแล้วหรือ
    ไม่มีใครรู้หรอกครับ นอกจากตัวเราเอง

    สัตว์ป่าที่ดุร้าย นำมาเลี้ยงให้เชื่อง
    มันไม่ทำร้ายคน(กิเลส โกรธ) อีกหรือ
    มันไม่แย่งอาหาร(กิเลส โลภ)กับตัวอื่น ๆ อีกเลยหรือ

    ไม่มีใครรู้หรอกครับ ต้องพิจารณา ใคร่ครวญ ด้วยตนเอง รู้เอง เข้าใจเอง....

    ...................................................................................

    ความจริงคำสอนประเภทที่ว่าไม่เชื่อ นรก สวรรค์ นี่
    หากเป็นตัวผมเองเป็นนักบวช.. ผมก็คงจะไม่สอนในแนวลักษณะนี้

    เพราะว่า ในเมื่อไม่เชื่อนรก สวรรค์ ไม่มีบุญ
    แล้วใครที่ไหน เขาจะมาทำบุญกับผม กับวัดของผม
    จะมาเลี้ยงข้าวปลา อาหาร ปัจจัย กันไปทำไม

    เก็บไว้ใช้เอง จะไม่ดีกว่าหรือ

    ในเมื่อ.. ไม่เชื่อใน นรก สวรรค์ เทวดา พรหม
    ตายแล้วสูญ
    เมื่อตายแล้วสูญ บุญต่าง ๆ ก็ไม่ต้องทำกันละครับ
    จะไปทำบุญ ทำไม ก็มันตายแล้วสูญเปล่า

    สอนลูก สอนหลาน ให้เชื่อแนวคำสอนประเภท นี้
    อีกหน่อย พอเขาโตขึ้น เขาก็ไม่ต้องดูแล พ่อ-แม่
    จะไปดูแลทำไม ต่างคนต่างอยู่ซิ ตายแล้วก็สูญ

    โอหนอ การบำเพ็ญบุญบารมีที่ผ่านมา เป็นเช่นนี้เอง

    .......................................................................

    อันนี้ ก็ไม่ว่ากัน.. เป็นไปตามบุญ บารมี ของใครของมัน ไม่เท่ากัน
    พวกเรา อย่าทำตัวไปเก่งเกินกว่า พระพุทธเจ้า

    พระพุทธองค์ ทรงตรัสสอน คน 3 คน คนที่ 4 ไม่ทรงตรัสสอนสั่ง คือ
    ปทปรมะ นี่.. หากไปสอน ก็จะทำให้เขาตกนรก เร็วมากขึ้น อยู่นานมากขึ้น

    นี่.. ที่พระพุทธองค์ ไม่ตรัสสอนสั่ง ไม่ใช่ว่า พระองค์จะไม่รัก....
    แต่เป็นเพราะ พระมหาเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา....
    ยถากรรมมุตาญาณ อันสูงสุด....

    ..................................................................................

    ที่กล่าวแสดงมา เป็นความเชื่อส่วนตัวเอง เท่านั้น
    เป็นการแสดง ความคิดเห็น ในความรู้สึกของตนเอง
    เป็นแนวทางการวิเคราะห์ ใคร่ครวญ จริง เท็จ
    ตามสติแห่งตนเอง เท่าที่จะพอมีได้ เท่านั้น

    ไม่ได้คิดว่า ตัวเองจะเก่งเกินใคร ๆ
    ตัวผมเอง ยังโง่ ยังมีกิเลส ตัญหา อุปทาน อีกมาก
    จึงยังคงเวียนว่าย ตายเกิด ในวัฏฏะที่น่าสุดสงสาร
    มานาน.. และไม่รู้ว่า.. จะนานอีกเพียงใด....

    ด้วยความเคารพในพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
    จึงสงบปาก สงบคำ ไม่คิดโต้แย้งแก่ใคร ๆ ทั้งสิ้น

    หากล่วงเกินทางความคิด หรือไม่สอดคล้อง กับความเชื่อของท่านใด ๆ
    กระผมก็ขอน้อม ขออภัย มา ณ ที่นี้ ด้วยใจจริง
    และไม่คิดต่อความด้วยประการทั้งปวง....

    การชี้แจงมานี้ ไม่มีเจตนาจะคัดแย้งกับท่านใด ๆ

    เป็นเพียงบรรยายความ ในแนวทางการใคร่ครวญ อีกแนวทางหนึ่ง

    ไม่แน่ว่า อาจะเป็นประโยชน์ แก่ท่านใด ๆ ได้บ้าง
    สัก 1 ในแสน.. 1 ในล้าน.. ก็ ดีใจ อย่างสุด ๆ
    เพราะ ไม่ต้องไปเสวยทุกขเวทนาอันนาน แสนนาน

    ทั้งสิ้น ล้วนเป็นไปตามบุญ ขอรับ

    ...................................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2008
  13. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    การที่จะเข้าเรียน ที่ โรงเรียน/มหาวิทยาลัย
    เมื่อสมัครขอเข้าเรียนแล้ว ยังเข้าเรียนไม่ได้ ต้องผ่านการสอบ กันก่อน
    มีผลการสอบแล้ว สามารถผ่านเกณฑ์ ก็ยังเข้าโรงเรียน/มหาวิยาลัย ไม่ได้
    ต้องมีการอนุมัติ จาก ผ.อ. หรือ ผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้อง จึงเข้าเรียนได้

    ...................................................................................

    ผู้ใดเห็น "ทุกข์" ผู้นั้นเห็น "ธรรมะ"
    ผู้ใดเห็น "ธรรมะ" ผู้นั้นเห็น "ตถาคต"

    ...................................................................................

    ผู้ที่เข้าเกณฑ์ พระอรหัตมรรค และมีผลที่จะเข้าสู่ถึงอรหัตผล นั้น
    ย่อมอยู่ในข่ายของ "พระพุทธญาณ"

    เมื่อถึงเกณฑ์มรรค ผลจะเข้าถึง สมเด็จพระประทีปแก้ว ก็เสด็จมาสอนสั่ง
    เปิดฝาตุ่มให้ เพื่อสามารถก้าวล่วงถึง พระนิพพาน

    หากได้บวชเป็น "พระ" ก็ถือว่า เป็น พุทธชิโนรส
    ก็ยังไม่ต้องเข้า พระนิพพาน ณ วันนั้น
    สามารถดำรงชีพ ในสมณเพศ เพื่อทำหน้าที่ตามบุญ บารมี และกรรม ของตน

    แต่ถ้าไม่มีเกณฑ์หน้าที่ และกรรม ก็ต้องเข้าสู่พระนิพพาน ณ วันนั้น ทันที

    ทำไม ฆราวาส เมื่อเข้าถึงพระอรหันต์แล้ว จึงต้องตาย เพื่อพระนิพพาน ทันที

    คิดดูได้ง่าย ๆ ว่า
    พระอรหันต์ นั้น เป็นผู้บริสุทธิ์อย่างยิ่ง ละได้สิ้นแล้วในกิเลส โลภ โกรธ หลง
    พระอรหันต์ นั้น เมื่อเราทำบุญ สร้างบารมีกับท่าน ก็จะมีบุญใหญ่ มีอานิสงส์สูง

    แต่ถ้าปรามาท พลาดพลั้ง ไปปรามาท ด้วยกาย วาจา ใจ
    ต้องมีโทษสถานหนัก อย่างมาก มีนรกเป็นที่ไป เช่นกัน

    สมมติว่า....
    บุคคลที่เป็นฆราวาส ท่านหนึ่ง ที่อยู่ใกล้ชิดเรา ถึงเกณฑ์เป็นพระอรหันต์ แล้ว
    เราซึ่งยังไม่รู้ความเป็นจริง ไปพูดเล่น พูดหัว ล่วงเกินด้วยวาจา (ตามปกติ)
    ไปใช้สอยท่าน ให้หยิบสิ่งโน้น สิ่งนี้ ด้วยไม่เจตนา

    อันนี้ ก็จะเป็นโทษมหาศาลแก่ตัวเรา หรือที่อยู่รอบ ๆ ตัวท่าน

    ดังนั้นเอง
    พระอรหันต์ ผู้ทรงความบริสุทธิ์ยิ่ง
    ท่านเองก็ไม่ได้อยากอยู่ในโลก ในร่างกาย อันโสโครก แม้แต่เสี้ยวนาที
    ท่านก็ยิ่ง ไม่สามารถที่จะดำรงอยู่ เพื่อสร้างโทษภัย ให้แก่บุคคลรอบข้าง

    ในคำกล่าวที่ว่า เมื่อเป็นพระอรหันต์จะอยู่ได้ไม่เกิน 7 วัน นั้น ก็จริงอยู่
    เพราะว่า 1 ชั่วโมง.. 1 วัน.. ก็ไม่เกิน 7 วัน

    หากบังเอิญ มีหน้าที่ หรือกรรม ที่ต้องทรงขันธ์ 5 อยู่ ก็คงต้องอยู่ก่อน
    (ในความรู้สึกของผม ว่า ถึงจะดำรงอยู่ ก็ต้องอยู่ในที่ ที่ไม่เป็นโทษแก่ใคร ๆ)

    ...................................................................................

    และ ท่านผู้บริสุทธิ์ คือพระอรหันต์เจ้า องค์ไหน ก็ตาม
    ที่จะเข้า โรงเรียน/มหาวิทยาลัย นิพพาน ได้

    ก็ต้องมี ผ.อ. คือ พระพุทธเจ้า เป็นผู้ทรงอนุมัติ ทรงอนุญาต

    จะเห็นได้ว่า พระอรหันต์เจ้ารูปต่าง ๆ ในพุทธกาล
    จะเข้าสู่พระนิพพาน ก็ต้องมากราบบังคมทูล พระพุทธเจ้า ทั้งนั้น เช่น

    พระโมคคัลลาน์ เหาะหนีโจร 500 คน ที่จะมาฆ่า ถึง 3 วาระ
    ครั้งที่ 3 จึงสงสัยว่าเป็นเหตุจากสิ่งใด.. ดูด้วยญาณ ก็รู้ว่า เป็นกรรมเก่า
    จึงยอมให้โจรทั้งหลาย รุมฆ่า รุมทึ้ง เป็นชิ้น เป็นอัน

    เมื่อโจรร้าย ได้ล่าถอยไปแล้ว พระโมคคัลาน์ จึงรวบรวมเป็นกายใหม่ ด้วยฤทธิ์
    เข้าเฝ้า กราบบังคมทูลพระพุทธองค์ เพื่อกราบขออนุญาตเข้าสู่พระนิพพาน

    เช่นนี้ เอง

    ...................................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2008
  14. อิสวาร์ยาไรท์

    อิสวาร์ยาไรท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,608
    ค่าพลัง:
    +1,955
    शुक्रिया
     
  15. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    888
    ค่าพลัง:
    +1,937
    เรื่องของฆราวาสที่สามารถพาตัวเองพ้นทุกข์ จนถึงภูมิของพระอรหันต์ แล้วต้องนิพพานภายใน ๗ วัน
    ถ้าไปค้นบันทึกดูให้ดีแล้ว ไม่มีอยู่ในพระไตรปิฎก หรือพระพุทธเจ้าท่านก็ไม่คยตรัสเรื่องนี้ไว้ถ้าไปดูในธรรมจากพระโอษฐ์

    แต่เป็นมุมมองของสาวกรุ่นหลังจากพระพุทธเจ้า ที่บันทึกไว้ภายหลัง
     
  16. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    ขออนุโมทนาสาธุในบุญกุศลบารมีรรมของทุกท่านด้วยนะครับ
     
  17. Untila of life

    Untila of life Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +37
    เรื่องราวในกระทู้ดีมากค่ะ อีกแสนไกลกว่าคนมีกิเลสอย่างเราท่านจะไปถึงนิพพาน ดังนั้นก่อนที่จะมานั่งกังวลโต้แย้งว่า "จะอยู่ได้อีกกี่วัน" ดิฉันว่าเรามาลองทบทวนดูดีกว่าว่า เราเริ่มลงมือกระทำแล้วหรือยังที่จะหาทางพ้นทุกข์

    ป.ล. รูปพระพุทธองค์ของเจ้าของกระทู้นั้น งามเหลือเกิน....
     
  18. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    เมื่อวันเสาร์ที่ 8 มี.ค.51 มีคนถามหลวงพี่เล็กในงานผ้าป่าปรียนันท์ธรรมสถาน ซึ่ท่านเมตตาตอบว่า

    "หลวงพ่อห้ามพูดถึงการพยากรณ์มรรคผลของผู้อื่น ส่วนเหตุผลที่ฆราวาสบรรลุอรหันต์แล้วต้องตายในวันนั้น เพราะบาปที่เกิดจากการล่วงเกินพระอรหันต์ มีผลอนันต์ ซึ่งคนทั่วไปอาจไม่รู้ และล่วงเกินโดยไมตั้งใจ โดยเฉพาะในเพศฆราวาส ดังนั้นฆราวาสที่บรรลุฯแล้วหลวงพ่อกล่าวว่า ถ้าบรรลุตอนตะวันขึ้นก็จะไม่เห็นตอนตะวันตก หรือถ้าบรรลุตอนตะวันตกก็จะไม่เห็นตะวันขึ้น เพื่อป้องกันบาปนี้เอง"

    อีกเรื่อง คือ เรื่องกำลังของศีล (ไม่แน่ใจว่าท่านพูดหรือไม่ พอดีเดินมาช้า) ได้ยินว่า ฆราวาสมีกำลังศีลไม่พอ คือ มีเพียงศีล 5 หรือ ศีล 8 ซึ่งกำลังไม่พอเท่าพระที่ทรงศีล 227 ข้อครับ ดังนั้นฆราวาสเมื่อบรรลุแล้วย่อมต้องดับภายในเวลาไม่นาน (เหมือนที่พระนาคเสนกล่าวครับ)

    คำพูดอาจไม่ตรงเป๊ะ แต่ความหมายตรงนะครับ วานผ้ฟังในวันนั้นช่วยตรวจสอบความถูกต้องด้วยะครับ

    ขออนุโมทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...