ธรรมพเนจรกับหลวงปู่จันทา ถาวโร ตอน บุพเพชาติปางก่อน

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 20 สิงหาคม 2015.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    ธรรมพเนจรกับหลวงปู่จันทา ถาวโร ตอน บุพเพชาติปางก่อน
    [​IMG]
    ในตอนเย็นวันหนึ่ง นั่งแปล ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร จนจบ แล้วก็เข้าที่ ไหว้พระสวดมนต์อุทิศส่วนบุญ จากนั้นก็นั่งภาวนา วันนั้น จิตรวมใหญ่ พอจิตสงบลง ก็มีแสงสว่างกระจ่างแจ้งเกิดขึ้น แล้วพระธรรมก็ยกเพศนักบวชมาให้เห็น ยืนอยู่ตรงหน้า แหม รูปร่างสวยงาม แต่ไม่ใหญ่โตนะ มีขนาดเท่ากับปัจจุบันนี้แหละ และพระธรรมก็พูดขึ้นว่าง

    “นี่แหละสมบัติของท่าน ยกเอามาให้ดู เป็นสมบัติที่ดี ตั้งแต่ชาติปางก่อนโน้น สมัยศาสนาของพระพุทธเจ้าสิขี ก่อนพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ขึ้นไปอีก ๕ พระองค์นั่นแหละ ท่านได้บวชในศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์นั้น ตั้งแต่เป็นเณรไปตลอดจนถึงวันตาย นั่นแหละ ไม่หวั่นไหวในเรื่องโลกสงสาร พอใจใฝ่ฝันในการทำดี เพราะเบื่อหน่ายในภพชาติสังขารที่ได้ไปอบายเสียเป็นส่วนมาก ได้มีโอกาสทำคุณงามความดีเพียงชาติเดียวเท่านั้น และก็ได้มอบกายถวายชีวิต รักษาเพศพรหมจรรย์ไว้ บวชจนตลอดชีวิต ไม่สึกไปสร้างโลก ไม่หวั่นไหวในเรื่องกิเลสทั้งนั้น จนกระทั่งได้เอาผ้าเหลืองห่อร่างเข้ากองไฟไปเลยนะในชาตินั้น นั่นแหละ เป็นปัจจัยใหญ่ที่ชาตินั้นได้บวช ทำคุณงามความดีไว้ ได้ศึกษาพุทธวจนะฝังไว้ที่ใจ ไม่สาบสูญหายไปไหนหรอก มาชาตินี้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เรียนหนังสือก็ตามที แต่คุณงามความดีที่ได้ทำไว้ ก็ดลบันดาลให้มาได้บวชอีก ถ้าชาตินั้นไม่ได้บวช มาชาตินี้ก็ไม่ได้บวชนะ”

    ทีนี้ก็กำหนดถามพระธรรมต่อไปว่า “ชาตินี้ภพนี้จะไปพระนิพพานตามพระพุทธเจ้าได้ไหม ?”

    “แล้วแต่เหตุปัจจัยนะ”

    “อะไรคือเหตุ อะไรคือปัจจัย ?”

    “เหตุ ก็ได้แก่ การประพฤติปฏิบัติสมถกรรมฐานวิปัสสนากรรมฐาน เดิน ยืน นั่ง พิจารณาธาตุขันธ์ น้อมลงสู่ไตรลักษณ์ เห็นแจ้งประจักษ์อย่างนั้น นี่เรียกว่า การประกอบเหตุดี”

    “ปัจจัย ได้แก่ บุญกุศลแต่ชาติปางก่อนโน้น ถ้ามันสมดุลกันแล้วก็ไปได้ บุญกุศลนั้นจะเป็นเครื่องตัดกระแสของสงสารไปได้”

    “ถ้าปัจจัยเต็มแล้ว แต่ขาดเหตุ หรือว่าเหตุพร้อมแล้ว แต่ขาดปัจจัย ก็ไปไม่ได้เช่นกัน ฉะนั้น มันต้องพร้อมมูลทั้งสองอย่าง มันจึงจะไปได้ นั่นแหละ ไม่ต้องสงสัย”

    “แต่ถึงจะไปได้หรือไม่ได้ก็ตามที ก็อย่าได้หวั่นไหวในการประพฤติปฏิบัติศาสนธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะทำน้อยหรือมาก ก็เป็นบุญเป็นกุศล เป็นนิสัย เป็นปัจจัยทั้งนั้น”

    นั่นแหละ พระธรรมพูดขึ้นมาอย่างนั้นแล้วก็ดับสูญไป

    ถ้ามีผู้ถามว่า “อยากจะสึกไปสร้างโลกกับเขาอีกหรือไม่ ?”

    “โอ๋...อย่าคิดเสียเลย เสียเวลาภาวนา ชาติก่อนเคยเป็นมาอย่างไร ชาตินี้ก็จะเป็นอย่างนั้น ในชาติปางก่อน เคยบวชอยู่จนตายในเพศพรหมจรรย์ หามเข้ากองไฟไปเลย ชาตินี้ก็จะไปอย่างนั้น”

    เห็นพระเณรอยากสึก มาขอสึก แล้วรู้สึกใจหายนะ ใจร้อน สงสาร เมตตา เพราะอินทรีย์อ่อน บารมีธรรมอ่อน สติปัญญาก็อ่อน ตัดวัฏฏสงสาร กระแสแห่งความทุกข์ไม่ได้ ก็ไปตามเวรกรรมเถิด ไม่ว่ากัน พอหันกลับมามองเพศพรหมจรรย์แล้ว ก็รู้สึกเย็นตา เย็นใจนะ ใจสบาย นี่เป็นเพราะปัจจัยเก่าสร้างสมมาอย่างนั้น

    จากนั้นจิตก็รวมอีก พระธรรมก็ยกบุพเพชาติมาให้เห็นอีก เป็นจระเข้ใหญ่นอนอยู่ในถ้ำ จึงถามว่า

    “นี่คืออะไร ?”

    “นี่แหละ ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ ชาติภพของท่านที่เป็นมาแต่ชาติปางก่อนโน้น”

    “เป็นอย่างนี้ก็เป็นหรือ ?”

    “เป็น”

    “เพราะเหตุใดจึงเป็น ?”

    “เพราะกลืนยาพิษ ความโลภ โกรธ หลงนั้น คือยาพิษใหญ่ฉาบทาจิตใจไว้ ไม่ทีที่พึ่ง คือ พุทโธ ธัมโม สังโฆ และ ศีลธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ดังนั้น เมื่อตายแล้ว จึงไปเสวยภพชาติเป็นจระเข้”

    “นานเท่าใด ?”

    “โอ๋...เป็นแสน ๆ ชาติ นะท่าน”

    “เพราะเหตุใดจึงนาน ?"

    “เพราะไปเกิดเป็นจระเข้ใหญ่ อาศัยอยู่ในห้วยหนองคลองบึง ลึกกว้างใหญ่ สัตว์ตัวเมียก็มาก ดังนั้นจึงไปติดในกิเลสกาม วัตถุกาม อาหารก็ไม่อดไม่อยาก อยู่กินสนุกสนานนั่นแหละ โลกคือหมู่สัตว์ ถึงจะไปเกิดเป็นภพชาติใด ถ้ากิเลสกับกรรมนั้นครอบครองหัวใจแล้ว ก็จะชักพาหลอกลวงให้หลงติด หลงยึดอยู่ในภพชาตินั้น ๆ ไม่รู้จักเบื่อหน่าย ดังนั้น กว่าจะเปลี่ยนชาติภพมาได้จึงนานแสนนาน”

    จากนั้น พระธรรมยกบุพเพชาติขึ้นมาอีก เป็น ตะขาบใหญ่วิ่งเข้ามา ร้องว่า อ๊ด... ๆ ... ๆ

    “นี่คืออะไร ?”

    “นี่แหละ บุพเพชาติปางก่อนที่ท่านได้เสวยมาแล้ว”

    “โอ๋... ตะขาบก็เป็นหรือ ?”

    “เป็น”

    “เพราะเหตุใดจึงเป็น ?”

    “เพราะกลืนยาพิษนั่นแหละ ยาพิษ คือ โลภ โกรธ หลง และไม่มี พุทโธ ธัมโม สังโฆ อยู่ที่ดวงจิต”

    “นานเท่าใด”

    “เป็นแสน ๆ ปี นะท่าน”

    โอ๋... เห็นแล้วก็สลดสังเวชใจ จนน้ำตาไหล

    จากนั้นก็เกิดเป็นภาพงูใหญ่วิ่งเข้ามา ร้องว่า

    “วิริเยนะ ทุกขะมัจเจติ”

    นี่แหละ ภพชาติปางก่อนยกมาสอนให้ดู ก็ได้ความสังเวชสลดใจ เพราะมันตายสาบสูญหมดเสียสิ้น พอตายแล้ว ดวงจิตออกจากร่างไปไหน ไปเกิดเป็นหมี มีครอบครัว มีบุตร มีภรรยา มีบุตร ๒ ให้ภรรยาเลี้ยงดูบุตร ส่วนตัวเอง ออกไปหาอาหาร ผลไม้ และรวงผึ้งมาเลี้ยงทุกวัน

    อยู่มาวันหนึ่ง มีเสือโคร่งใหญ่มากัดบุตร กลับมาเห็นพอดี ก็กัดกันเลยนะ

    กูก็ตาย มึงก็ตาย นั่นแหละ ตายจากหมีแล้วไปไหน ดวงจิตออกจากร่าง ไปเกิดเป็นหมูตัวใหญ่

    ผู้ชนะย่อมแพ้ ผู้แพ้ย่อมก่อเวร นั่นแหละ เมื่อไปเห็นก็กัดกันอีก เขาก็ตาย เราก็ตาย

    ดวงจิตออกจากร่างหมูแล้วไปไหน เหลือบไปเห็นลิงอยู่บนยอดไม้ โอ๋...ไปเกิดเป็นลิงดีกว่า จะได้พ้นจากปากเสือ ก็เลยไปเข้าท้องลิง

    เกิดมาเป็นลิง หากินผลหมากรากไม้ตามต้นไม้ ก็เลยพ้นจากปากเสือไปได้ ขณะนั้น พ่อแม่เที่ยวไปตามชายเขา ไปเห็นวัดแห่งหนึ่งเป็นวัดพระกรรมฐาน ตั้งอยู่กลางภูเขาลำเนาไพร พอแม่ก็เลยพาไปฟังธรรมะ

    พระก็เทศน์ว่า “โย จะ ปุคคะโลฯ บุคคลทั้งหลายทั้งมนุษย์และสัตว์เดรัจฉานก็ดี เมื่อมาเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และศีลธรรมเป็นเครื่องประดับ เป็นเครื่องล้างบาปแล้ว อบายไม่ได้ไป ไฟนรกไม่ได้ไหม้ สิ้นแสนกัปดับขันธ์แล้ว จะมีพระนิพพานเป็นที่ไปเบื้องหน้า”

    พ่อแม่ก็เลื่อมใส อยากเปลี่ยนภพชาติ ก็เลยไปศึกษากับพระที่เป็นหัวหน้าว่า

    "ข้าพเจ้าเป็นลิงจะปฏิบัติธรรมได้ไหม ?"

    "ได้...ไม่เป็นไร ไม่เลือกชาติชั้นวรรณะหรอก มนุษย์ก็ทำได้ สัตว์ก็ทำได้"

    พ่อแม่ก็เลยพาไปรับพระไตรสรณคมน์ และศีล ๕ เสร็จแล้วพระก็บอกว่า

    "ลิง... พวกแกขึ้นต้นไม้ได้เร็ว ผลไม้สุกมีอยู่เต็มป่านั้นไปเก็บเอามาไว้ใส่บาตรพระกับโยมมนุษย์ทั้งหลายเขา พวกใบไม้ที่กินเป็นอาหารได้ก็ไปเก็บมาไว้ทำทาน"

    ก็เลยทำอยู่อย่างนั้น เพราะอยากเปลี่ยนภพชาติ ได้ผลไม้มาลูกไหนที่ไม่สวยไม่ดีก็เก็บไว้กินเอง ส่วนลูกที่ดีและสวยงามเก็บไว้ใส่บาตรพระบำเพ็ญบุญ จากนั้นก็เข้าป่าหาหัวเผือกหัวมันต้มถวายพระ บำเพ็ญบุญเช่นนั้นเรื่อยมา

    ต่อมามีอุบาสิกาคนหนึ่งเป็นหัวหน้าเพื่อน มีรูปร่างใหญ่โตมโหฬาร มีเสียงกังวาน เห็นแล้วก็ชอบใจ เพราะเขาเป็นสัมมาทิฏฐิ บำเพ็ญบุญกุศลวัตรไม่ลดละ ก็คิดในใจว่า ถ้าเราสิ้นลมจากลิง เราจะไปเข้าท้องอุบาสิกาคนนี้

    พอดีอายุสังขารร่วงโรยหมดสิ้นลงก็สิ้นลม ขณะนั้นสติปัญญาตามจิตทันอยู่ ด้วยความห่วงใยอาลัย เมื่อจิตออกจากร่างลิงก็ไปเข้าท้องอุบาสิกาคนนั้น พอครบ ๑๐ เดือน ก็คลอดออกมา

    โอ๋...เราเปลี่ยนภพชาติได้แล้ว เพราะเราทำคุณงามความดีกับพระกับมนุษย์ อำนาจของพระไตรสรณคมณ์ และศีล ๕ รักษาไว้ไม่ให้ไปอบาย และทำให้เปลี่ยนภพชาติมาเป็นมนุษย์ได้

    พออายุได้ ๗ ปี พ่อแม่ก็เลยให้บวช เพราะเห็นเป็นคนว่องไวดี คงจะศึกษาเล่าเรียนดี พ่อแม่ก็พาไปถวายพระกรรมฐาน ผู้เป็นหัวหน้า พระกรรมฐานนั้นก็ว่า

    "โอ๋...ลูกรัก เมื่อชาติก่อนเจ้าเป็นลิงนะ มาทำคุณงามความดีอยู่กับมนุษย์ที่นี่ ก็เลยได้เปลี่ยนภพชาติจากลิงไปเป็นมนุษย์ ก็ดีแล้ว ฉะนั้น บวชเป็นเณรเสียเลย"

    พอบวชแล้ว ก็ตั้งใจศึกษาพุทธวจนะได้คล่องแคล่วดี จากนั้นก็เทศนา สั่งสอนมนุษย์ทั้งหลายให้บำเพ็ญ ทาน ศีล ภาวนา พุทโธ ธัมโม สังโฆ ไม่ลดละ ตราบจนสิ้นชีวิตสังขาร

    รวมที่ญัตติเป็นพระด้วย ๑๐๐ กว่าปี นั่นแหละดับขันธ์แล้วก็มีความเบิกบานสำราญใจดี นี่เป็นปฐมเหตุของการสร้างคุณงามความดี

    เรื่องบุพเพชาติแต่ปางก่อน ก็ได้เห็นเพียงแค่นั้น นั่นแหละ ตอนแรกเป็นลิง เปลี่ยนจากลิงมาเป็นมนุษย์ ทำคุณงามความดีสูงสุดมาเป็นระยะ ๆ อันนี้จึงได้ชื่อว่า

    ธัมโม หะเว รักขะติ ธัมมะจาริง ผู้ประพฤติธรรม ธรรมย่อมรักษาไม่ให้ตกไปในโลกที่ชั่ว

    ธัมโม สุจิณโณ สุขะมาวะหาติ ธรรมที่ประพฤติดีแล้วนำสุขมาให้

    เมื่อเห็นจริงเช่นนี้แล้วก็สิ้นสงสัย ในโลกทั้งสาม (กามโลก รูปโลก อรูปโลก) นี้ ไม่มีสิ่งใดหรอกที่จะเป็นที่พึ่งอันเอก นอกจาก พุทโธ ธัมโม สังโฆ และ ศีลธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เท่านั้น นั่นแหละ ได้ประพฤติวัตรปฏิบัติมาอย่างนี้

    ฉะนั้น ทุกท่านเมื่อได้ยินได้ฟังแล้ว จงโอปนยิโก น้อมไว้ที่ใจ ใคร่ในธรรมะ นำประพฤติวัตรปฏิบัติตามธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้าให้จงได้ สะสมบุญกุศลใส่ตนไว้อยู่ทุกเมื่อ อย่าได้ประมาทว่าบุญกุศลเล็กน้อยเมื่อไหร่จะให้ผล เมื่อหมั่นสะสมไว้ทีละเล็กทีละน้อย ก็ย่อมให้ผลใหญ่ในเบื้องหน้า อุปมาเหมือนอย่างบุคคลอยากได้น้ำฝนและน้ำค้าง ก็เอาโอ่งอ่างกระถางไปตั้งไว้ในที่กลางแจ้ง ก็ย่อมเต็มด้วยน้ำค้างและน้ำฝนที่หยดลงมาทีละหยด ๆ อันนี้ฉันใด ปราชญ์ทั้งหลายผู้ฉลาดในการสะสมบุญกุศลใส่ตนไว้ ก็ย่อมเป็นเหตุนำมาซึ่งความสุขความเจริญทุกทิวาราตรีกาล ดั่งน้ำในคงคาวารีไหลลงมาสู่ท้องมหาสมุทรไม่รู้หยุดรู้หย่อน ทั้งกลางวันและกลางคืนอันนี้ฉันใด กุศลผลบุญก็มีอุปไมยฉันนั้น

    ดังครั้งพุทธกาลโน้น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสเทศนาแก่ อนาถปิณฑิกเศรษฐีว่า

    “เอสา เทวะมนุสสานัง นิธิ ดูก่อน มหาบดีเศรษฐี ขุมทองกองบุญกองกุศล อันมนุษย์และเทวดาทั้งหลายที่สะสมอบรมใส่ตนไว้เต็มเปี่ยมแล้วนั้น แม้จะปรารถนาใด ๆ มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ และทุนสารสมบัติใดนั้น ก็จะสำเร็จได้ นอกจากนั้น จะเป็นสะพานไต่เต้าเข้าสู่มรรคผลนิพพาน ข้ามเสียซึ่งอำนาจของมารอันธพาลน้อยใหญ่”

    นั่นแหละ ต่อแต่นั้นไป ขอให้ตั้งใจประพฤติวัตรอยู่เป็นนิจ พุทโธ ธัมโม สังโฆ วัตร เป็นเครื่องปิดอบาย นายโก เป็นผู้นำโลกออกจากหมู่สัตว์ ไปถึงพระนิพพานได้ บุญกุศลน้อยใหญ่สะสมให้มีขึ้นซึ่ง ทาน ศีล ภาวนา บำเพ็ญศีล สมาธิ ปัญญา วัตร มรรค ๘ โพชฌงค์ ๗ สมถะ วิปัสสนา เป็นเครื่องกลั่นกรองกิเลส อย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด ให้ขาดจากใจ ทำความเห็นให้เป็นผู้ไม่มีภัยและเวร เป็นเหตุยังใจให้ได้ดื่มรสของความสงบโดยลำดับ นับว่าเป็นผู้ทำชีวิตให้เป็นไปด้วยประโยชน์สุข ด้วยความเห็นที่ดี เรียกว่า สัมมาทิฏฐิ ในองค์มรรค อันเป็นเครื่องยังมารและเสนามารให้ลุ่มหลงและเป็นที่ไม่ค้นพบแห่งพญามัจจุราช อันบุคคลที่มีสัมมาปฏิบัติเช่นนี้ ได้ชื่อว่า เป็นผู้ยังคุณสมบัติอันดีเลิศ คือ บุญกุศลมรรคผลธรรมวิเศษให้เจริญตามกาลและขั้นแห่งวัย แม้กาลเวลาจะล่วงเลยไปมากเท่าไร คุณงามความดีก็เจริญตามกาลไปเช่นนั้น ถึงแม้จะมีชีวิตเป็นอยู่เพียงวันเดียว สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงตรัสเรียกว่า ผู้มีราตรีเดียวอันเจริญแล้ว อะโมฆันตัสสะ ชีวิตัง ความเป็นอยู่ของบุคคลนั้นไม่เปล่าจากประโยชน์เลย

    อวสานแห่งการพรรณนาเรื่อง “ธรรมพเนจร” ตั้งแต่ต้นจนอวสาน ก็พอเป็นเครื่องเตือนจิตใจของท่านผู้ใคร่ธรรมทั้งหลาย ก็สมควรแก่กาละเวลา ขอยุติไว้แต่เพียงนี้

    พุทธานุภาเวนะ ธัมมานุภาเวนะ สังฆานุภาเวนะ ขอเดชานุภาพแห่งคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ จงเป็นปฏิภานุบาย บำบัดเสียซึ่งอุปัทวันตราย ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้พวกท่านทั้งหลายจงได้ประสบแต่ความสุขความเจริญทุกทิวาราตรีกาลเทอญ

    เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้แล
    ปัจจุบันหลวงปู่จันทา ท่านมรณภาพแล้ว ณวัดป่าเขาน้อย
    ที่มา http://palungjit.org/threads/ขอเชิญร่วมบุญสร้างกำแพงแก้ววิหารหลวงพ่อโต-วัดกุฎีทอง-อยุธยา.553352/
     
  2. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ..

    ของดีๆมีอยู่ในนี้ แต่ไม่ค่อยมีคนสนใจ (ขี้โม้น้ำลายกัน ชอบ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...