รบกวนถามท่านผู้รู้ค่ะ นั่งสมาธิแล้ว พอไปนอน รู้สึกเหมือนจิตมันจะหลุดออกมาค่ะ

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย ละอองทราย, 14 สิงหาคม 2015.

  1. ละอองทราย

    ละอองทราย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2015
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +51
    เป็นกระทู้แรกเลยค่ะ
    ตอนแรกพยายามหากระทู้ที่ใกล้เคียงอาการที่เจอ
    แต่ก็ยังไม่ชัดเจนเท่าใดนักค่ะ
    เลยคิดได้ว่า งั้นตั้งกระทู้ถามท่านผู้รู้โดยตรงจะดีกว่า
    รบกวนด้วยนะคะ _/\_

    สนใจด้านการปฏิบัติมาได้สักสิบกว่าปีแล้วค่ะ
    แต่ก่อนที่จะมาศึกษาคำสอน
    เคยนอนเล่นๆสบายๆ
    อยู่ๆจิตมันก็คิดพิจารณาขึ้นมาเองถึงเรื่องความตาย
    ว่า เออหนอ ใครๆที่เกิดมาก็ต้องตายกันหมด
    ไม่ว่าจะยากดีมีจนเพียงใด คนนั้นก็ตาย คนนี้ก็ตาย
    คิดไปคิดมาจนกระทั่งอยู่ๆ
    ก็เหมือนตัวเองไปลอยอยู่กลางอวกาศ
    ตกใจมาก เลยหยุดความคิดนั้น
    ต่อมาได้มีโอกาสไปฝึกมโนมฯ
    ฝึกพอได้ในครั้งที่สอง
    ที่บอกว่าพอได้ เพราะตอนแรกคิดว่าภาพที่เห็นเป็นการคิดไปเอง
    จนกระทั้งครูฝึกรับรองว่าฝึกได้จริง
    และมาเห็นภาพสมเด็จองค์ปฐมหลังฝึก
    ว่าเป็นท่านเดียวกับที่เราเห็นตอนฝึกเลย
    และก็ไม่ได้ไปฝึกอีกเลย
    เนื่องจากย้ายที่อยู่ค่ะ
    จากวันนั้น ผ่านมาเกือบสิบปี
    ก็ตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์เรื่อยๆ ทำทานเป็นปกติ
    แต่เรื่องภาวนาไม่ค่อยได้จริงจังมากนัก
    จนกระทั้งมีเหตุเกิดขึ้นสองอย่างใกล้ๆกัน
    คือเกือบตายเพราะเครื่องบินตก
    กับน้องหมาที่รักที่สุดตาย
    จึงเป็นจุดเปลี่ยน ให้ตั้งใจปฏิบัติ
    เพื่อมุ่งสู้ความหลุดพ้นจากการเกิดให้ได้
    ดังนั้น จึงเริ่มภาวนามากขึ้นกว่าเดิมมาก
    โดยใช้วิธีอานาปานสติควบคู่กับการบริกรรมพุทโธค่ะ
    จนคืนหนึ่ง หลังจากสวดมนต์นั่งสมาธิแล้ว
    เวลาประมาณตีสอง จึงเข้านอน
    แต่ก็ยังตามรู้ลมอยู่ในขณะนอน
    จนเคลิ้มๆใกล้จะหลับ
    ปรากฏว่ารู้สึกเหมือนมีไฟฟ้าช็อตอ่อนๆที่หัว
    จากนั้น ก็รู้สึกว่ามือสองข้างที่กุมอยู่บนท้องมันลอยขึ้นมา
    ชัดจนเราลองเอาขยับมือดูว่ามันลอยจริงหรือไม่
    ก็พบว่ามันยังวางอยู่บนท้องเหมือนเดิมค่ะ
    และในเวลาเดียวกับที่รู้สึกว่ามือลอย
    ก็รู้สึกว่าจิตมันจะหลุดออกจากกาย
    มันชัดมากค่ะ ชัดจนรู้สึกว่า หากปล่อยไป ตัดความกลัวทิ้ง
    จิตมันต้องหลุดแน่ๆเลย
    ตอนนั้นทั้งตกใจและกลัว
    จึงฝืนจนตื่นขึ้นมา
    พอหายกลัวแล้วหลับต่อ
    คราวนี้ได้ยินเสียงคลื่นวิทยุ คนคุยกัน
    ก็กลัวอีก จึงฝืนจนตื่นอีก
    (กรณีเคลิ้มๆแล้วได้ยินเสียงเหมือนคลื่นและคนคุยกัน เคยเป็นหลายครั้งค่ะ
    แต่กรณีเหมือนจิตจะหลุด เพิ่งเคยเจอครั้งแรกค่ะ)
    อยากรบกวนสอบถามว่า สภาวะที่เกิดคืออะไร
    แล้วหากเกิดสภาวะแบบนี้อีก ควรทำอย่างไร
    ขอบพระคุณล่วงหน้านะคะ. _/\_
     
  2. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    สมาธิมาก ก็เป็นปกติที่คุมไม่ได้ นิดหน่อยครับ จะเป็นก็ตอนมีสมาธิมากๆ ไม่เป็นไรหรอก
     
  3. ละอองทราย

    ละอองทราย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2015
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +51
    ขอบคุณมากนะคะ^^
     
  4. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ข้ามความกลัวไปเลยครับ
    แล้วจะเกิดภูมิรู้ การหลุดแบบนี้ เป็นคนละแบบกับ
    ความหลุดพ้นนะครับ แต่การหลุดแบบหลุดโลก
    ก็ยังจำเป็น เป็นทางเดินของจิต บางคนก็ผ่านลักษณะ
    ที่เล่ามา แต่คนที่ไม่ผ่านประสบการณ์แบบนี้
    ก็ทำพระวิปัสสนา ได้เลยทั้งยังเป็นแนวทางของ
    ความหลุดพ้นอันแท้จริง.
     
  5. ละอองทราย

    ละอองทราย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2015
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +51
    คุณ Sriaraya5

    ปัญญาธรรมตัวเราเองยังน้อยนัก
    ขอเมตตาช่วยขยายความได้มั้ยคะ
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    เอาทีละประเด็นนะครับ ค่อยๆอ่านยาวหน่อยนะครับ..
    เด่วจะเล่าให้ฟังอย่างนี้นะครับ
    อาการที่เหมือนหลุดๆไปอยู่ในอวกาศ
    แล้วอวกาศนั้นมันดูมืดๆ แต่เห็นดาวเห็นอะไรไปหมด
    และที่สำคัญเหมือนกับว่าเราทำอะไรไม่ได้ เป็นแบบนิ่งๆ..
    กิริยาตรงนี้อยู่ในสภาวะที่เรียกว่า อรูปฌาน ครับ..
    แต่เป็นอรูปฌาน แบบพรวดพลาด หรือก้าวกระโดด
    ปกติจะต้องสร้างรูปก่อนแล้วคล่อยละรูป มันถึงจะพอมี
    กำลังที่จะพอทำให้เราทำอะไรได้ ไม่ว่าคิด หรือพิจารณาอะไร
    ตอนที่เหมือนๆไปอยู่ในอวกาศครับ..และจะ
    เป็นปกติของนั้นปฏิบัติที่พอมีสัมผัสจะเจอกันได้
    เป็นปกติครับ..ถือว่าดีมากแล้วครับที่เจอสภาวะ
    อย่างนี้แล้วไม่เกิดอาการหลงตัวเองว่ามีกำลังสมาธิสูงครับ....
    และที่เป็นได้ก็เพราะผลที่จิตมันพิจารณาตัดร่างกายได้ชั่วขณะครับ
    ไม่ว่าจะพิจารณาความตาย หรือพิจารณาว่าเราไม่ต้องร่างกายนี้
    ก็ส่งผลในระดับนี้คล้ายๆกันครับ จบประเด็นแรก

    และประเด็นต่อมา
    และพอไปฝึกวิชาพิเศษมา ผลได้ติดมาก็คือสภาวะที่จิตเริ่มคุ้นเคย
    กับความเป็นทิพย์ แม้ว่าจะไม่ได้ฝึกต่อเนื่อง แต่เชื้อเดิมๆที่เคยฝึกมา
    มันก็หลงเหลือติดมาบ้าง บวกกับการฝึกอาปาฯควบกับพุทธโท มันก็
    ช่วยทำให้ระบบหายใจของเราละเอียดขึ้น ส่งผลให้จิตเราละเอียดขึ้นมา
    ตามลำดับของมันเอง..ละเอียดจนกระทั่งเกิดสภาวะที่เรียกว่า
    "ความเป็นทิพย์คงค้าง'' และจะบอกว่าสามารถเกิดขึ้น
    ได้เป็นปกติเช่นกันครับ..มันจะ มี ๒ กิริยาให้สังเกตุ
    ๑.ไม่ว่าเราจะหลับตาแต่ว่าเราจะมองเห็นอวัยวะแขนขาเราได้ปกติ
    ในสภาวะแวดล้อมห้องในขณะนั้นๆ(ไม่ใช่หลับตาแล้วเห็นสภาพแวดล้อม
    ปกติได้นะครับ) ย้ำว่าเห็นอวัยวะได้ หรือเห็นร่างกายได้...
    เช่น ยังยกแขนยกขาได้ และก็มองเห็นได้ ขยับได้..
    และ ๒.กิริยา คล้ายๆกายไปแต่ตัวไม่ไป..เช่น เรารู้สึกว่าเราขยับแขนไปแล้ว
    แต่เอ๊ะๆ ทำไมแขนปกติยังอยู่เหมือนมันแยกจากกันได้
    หรือ เราพลิกขยับร่างกายไปแล้ว
    แต่ว่าอีกร่างกายหนึ่งมันยังไม่ขยับตามมา
    ซึ่ง โดยมากแล้ว มักจะเป็น กิริยาข้อที่ ๒ ก่อนแล้ว
    ค่อยเป็นกริยาข้อที่ ๑ ตามลำดับครับ ส่วนหลับตา
    แล้วเห็นสภาพแวดล้อมเห็นพนังได้ พวกนี้เรื่องปกติครับ.
    หรือลืมตาแล้วก็ยังเห็นนามธรรมต่างๆได้ก็เรื่องปกติครับ...

    ประเด็นต่อมา...เรื่องคลื่นเสียง บางทีอาจจะเคยได้ยินคลื่นเสียง
    ที่เป็นเส้นตรงๆที่มันมาเข้าตรงกลางรูหูด้านขวามาก่อน เป็นเสียงเดียว
    ดัง ตื๊ดดดดดดดดด ลายยาวในช่วงแรกๆ
    ...และต่อมามันก็จะพัฒนามาได้ยินเสียงคล้ายคนพูด
    แต่ว่าหาต้นกำเนิดเสียงไม่ได้ แต่ได้ยินเข้ามาในหัว เยื้องๆ
    กับกลางกระโหลกศรีษะไปทางขวาเล็กน้อย...ถ้าอยู่ตรงแกน
    กลางกระโหลกศรีษะจะเป็นระดับเสียงที่มีฤิทธิ์หน่อย ยิ่งระดับ
    สูงมากเสียงจะยิ่งนิ่ม...แล้วถึงจะพัฒนามาได้ยินเสียงคนคุยกัน
    เป็นกลุ่มๆ ซึ่งก่อนหน้านั้นก็อาจจะได้ยินเสียงสวดมนต์มาบ้าง
    ถือว่าปกติ..และเสียงคล้ายคนคุยกันที่ได้ยินทางหูขวาลักษณะนี้
    ให้ไม่ต้องสนใจจนกระทั่งจะได้ยินเสียงคุยกันชนิดที่ว่าใสกิ๊กชัดเจน
    ช่วงนี้อาจจะได้ยินเสียงปีกแมลงบินมาก่อน หรือเสียงแมลงมันเอา
    อวัยวะกระทบกัน บางทีเราอาจแปลงได้ว่ามันพูดอะไร ให้ถือว่า
    เป็นเรื่องปกติและให้เฉยๆไว้ ตามคำแนะนำครับ..

    ทั่วไปโดยภายรวมถือว่าสัมผัสดี เป็นปกติครับ..
    ให้เราเพิ่มการตามลมแบบอาปาฯควบพุทโธ
    ให้มากขึ้นในระหว่างวัน
    ให้ทำความรู้สึกรับรู้ว่ามีลมเข้าและออกหยุดที่ปลายจมูก
    เพื่อจะสร้างกำลังสติทางธรรมให้มากขึ้น
    ส่วนลมหายใจก็ให้ลึกถึงท้องเป็นปกติไว้.
    มันจะได้สะสมกำลังสมาธิแบบเล็กๆน้อยๆเอาไว้ระหว่างวัน
    และนำกำลังสมาธิสะสมที่ได้จากระหว่างวันนี้มาเสริม
    กิริยาต่างๆที่เป็นอยู่ ณ เวลานี้ และกำลังสติทางธรรม
    ที่เราได้เพิ่มขึ้นนั้น จะทำให้เรามีความเข้าใจกิริยา
    ทางด้านนามธรรมต่างๆที่เกิดกับตัวเราเองนี้ได้ดีขึ้นครับ..
    ให้จำเอาไว้ว่า ถ้าหากเราเกิดกิริยาอะไรก็ตาม ขึ้นมาแล้ว
    และถ้าเราลืมตา หรือกลับมาอยู่ในสภาวะปกติแล้วเรา
    ไม่เข้าใจ ให้ลืมไปเลยนะครับ.และไม่ต้องไปสนใจมัน
    อย่าไปคิด อย่าไปพยายามหาคำตอบเพราะยิ่งจะทำให้เรา
    ไม่เข้าใจครับ..และให้มาสะสมกำลังสมาธิและสร้างกำลังสติ
    ทางธรรมอย่างที่แนะนำไปก่อนหน้าต่อไป เด่วถ้ากำลังสติ
    เรามากขึ้น เราจะสามารถเข้าใจ กิริยาต่างๆทางด้านนามธรรม
    ได้ด้วยตัวเราเอง และมันจะมีเครื่องย้อนรู้ให้เราเข้าใจสัมผัส
    ต่างๆที่เคยเกิดขึ้นได้ด้วยตัวเราเองอัตโนมัติครับ

    ปล.สุดท้ายเฉพาะกิจหน่อยหนึ่ง
    ไอ้ตื้ดๆคล้ายเข็มควบกับที่บางทีก็ตึงๆ
    ที่บริเวณกระโหลกศรีษะช่วงบนทั้งหมด เป็นกระแสการควบ
    คุมของครูบาร์อาจารย์ข้างบนครับ เป็นกิริยาเบื้องต้นของบุคคลที่จะเข้า
    ถึงกระแสพลังงานของครูบาร์อาจารย์แรกๆจะเป็นกันทุกคน..ทำตาม
    ที่ได้แนะนำไป ต่อไปสัมผัสการรับรู้ตรงนี้มันดีขึ้นเอง เราจะรับรู้ละเอียดขึ้น
    จากภายในไปสู่ภายนอกครับ คือ ตอนนี้ภายนอกเราพอรับรู้ได้ เราแค่
    ทำให้ภายในเรามีสัมผัสดีขึ้นในเรื่องกระแสที่ออกจากตัวจิตไป นอกจาก
    กิริยาตื้ดๆอย่างที่บอก ต่อไปมันจะพัฒนารับรู้ได้ทั้งตัวเองมันเองครับ
    ค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะครับ ในภาพรวมถือว่าดี และก็ไม่มีอะไรครับ.
    .
     
  7. ละอองทราย

    ละอองทราย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2015
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +51
    คุณ Nopphakan

    ขอบคุณมากๆๆๆๆเลยนะคะ
    อธิบายได้ละเอียดสุดๆไปเลย
    ทำให้มีกำลังใจในการปฏิบัติเพิ่มขึ้นอีกมากโขเลยค่ะ

    _/\_
     
  8. Jsus Christ

    Jsus Christ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +82
    ทางลัดดี กรณีนี้

    สิ่งที่เกิดขึ้นเรียกว่า นิพพิทาญาน
    กำลังเข้าไปสู่ โลกุตตระธรรม

    โลกุตตรธรรม กำลังของธรรมนี้ แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนมีกำลัง ในจิตใต้สำนึก จึงเกิดสภาวะขณะนอนหลับ สติก็จะแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน

    แล้ว โลกุตตรธรรม จะปรากฏขึ้นเรื่อยๆ จนกว่า นิพพิทาญาน จะแข็งแกร่ง หรือ เป็น วสี

    หมั่นเจริญสัญญา 10 เข้าไว้ ตัวใดประสบแล้ว หมั่นเจริญตัวนั้น มีตัวอื่นประสบเพิ่ม ก็เจริญเพิ่มกันไป

    ข้อสังเกตุ เมื่อประสบ นิพพิทาญานใดๆ ก็จะรู้สึกว่า สงบเหลือเกิน ทุกอย่างแน่นิ่งไปหมด กายส่วนกาย จิตส่วนจิต แม้ว่าจะนอนหลับ หรือตื่น ไม่จำเป็นต้องอยู่ในท่าสมาธิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 สิงหาคม 2015
  9. ssahn34

    ssahn34 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2013
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +75
    QUOTE=ธรรม-ชาติ;7516758]ของคุณ Ohchan

    ดิฉันก็เคยรู้สึกแบบนี้ค่ะ เมื่อ 4 ปีก่อนโดยดิฉันเพิ่งจะหัดนั่งสมาธิโดยการกําหนดลมหายใจพุธโธและก็เป็นการฝึกด้วยตัวเองค่ะ เริ่มจากพบหลวงปู่โลกเทพอุดรในสมาธิ หลังจากนั้นไม่นานดิฉันก็เกิดภาวะหูดับไร้ซึ่งร่างกายและไร้ลมหายใจ ดูเหมือนดิฉันหลุดเข้าไปในที่เป็นเหมือนสุญญากาศคล้ายจักรวาล บอกไม่ถูกเหมือนกันค่ะ มันคล้ายท้องฟ้ากว้างใหญ่มีสีสันแวววาวสุกใสไปหมด คําภาวนาพุธโธก็หายไป ดิฉันเองหลังจากนิ่งแบบนั้นสักพัก สติก็บอกว่าเรานั่งสมาธิอยู่แล้วลมหายใจกะร่างกายฉันไปไหน แล้วฉันจะจับอะไรต่อดี ก็เริ่มจะภาวนาต่อ

    +++ ในขณะนั้นสิ่งที่เรียกว่า วิญญาณขันธ์ ในหมวดของขันธ์ 5 (ตัวดู - ใจ) ยุติการ ส่งออกและรับเข้า ชั่วคราว และมี อุเบกขา (เฉย ๆ) โดดเด่นเป็นอารมณ์หลัก ในขณะนั้น วิญญาณขันธ์ อยู่ได้ด้วยตัวมันเองโดยไม่ต้องพึ่งร่างกาย ดังนั้น ร่างกายและลมหายใจจึงไม่ได้ใช้โดยวิญญาณขันธ์ (ตัวดู - ใจ)

    +++ ส่วนคำว่า "มีสีสันแวววาวสุกใสไปหมด" นั้น เป็นลักษณะที่คล้ายกับการ "เปล่งรังสี" หรือไม่ คือ คล้ายกับตนเองเป็นเหมือน ดวงอาทิตย์ที่กำลัง "เปล่งรังสี" ออกไปในอวกาศในขณะนั้น ๆ ถ้าหากไม่ใช่ ควรอธิบายอาการในขณะนั้นให้ละเอียดกว่านี้

    แต่ไม่ทันไรเวลาที่หยุดนิ่งนั้นกลับมามีชีวิตดังเดิม ตั้งแต่นั้นดิฉันก็ไม่เคยรู้สึกแบบนั้นอีกแต่อย่างน้อยก็ทําให้รู้ว่าการไม่มีสังขารและการละกิเสลทุกอย่างโดยเหลือแต่จิต มันสบายและเป็นสุขกว่าอื่นใดทีเราจับต้องได้ในโลกมนุษย์ และมันมีอยู่จริง สามารถทําได้ขณะที่เรายังมีสังขารอยู่

    +++ ในขณะนั้นเรียกว่า "ไร้นิวรณ์" จะถูกต้องกว่า การใช้คำว่า "ไร้กิเลส" ซึ่งถูกต้องตรงตามอาการทางจิต นะครับ

    ช่วงปีที่ดิฉันนั่งปฎิบัติธรรมนั้น ทําให้พบเจอเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับสิ่งศักดิสิทธิ์ การได้ไปเที่ยวที่แปลกๆ การได้พบกับเทพ เทวดา ถ้าเขียนหนังสือได้คงเป็นเล่มเลยค่ะ ทําให้ยอมรับคติข้อหนึ่ง คือ ผู้รู้พึ่งรู้ได้เฉพาะตนเท่านั้น ถ้าไม่ได้เห็นและสัมผัสเองก็ยากที่จะเชื่อ แรกๆก็รู้สึกเหมือนอยากจะรู้ อยากจะถามว่าทั้งหมดคืออะไร แต่ตอนนี้รู้สึกอิ่มตัวกับเรื่องเหล่านี้ และไม่สงสัยหรือใคร่รู้อะไรอีก ดิฉันก็ปฎิบัติต่อไปเรื่อยๆมากบ้างน้อยบ้างตามแต่กาลเวลา

    +++ ถูกแล้วครับผู้ที่เจอมาจนอิ่มตัว (เบื่อ) ก็ต้องการวางเรื่องเหล่านี้ลง เพื่อพัฒนาให้ก้าวหน้าต่อไปมากกว่านี้ ไม่ใช่ย่ำเท้าอยู่ที่เดิมตลอดเวลา ที่กล่าวมานั้น ถูกแล้วครับ

    ดิฉันขออนุโมธนาบุญผู้ปฎิบัติธรรมทุกๆท่านค่ะ
    ===========================================================
    ของคุณ jjustdream

    มีข้อสงสัยค่ะ คืออ่านเจอบทความหนึ่งมีใจความประมาณว่าการปฎิบัตินั่งสมาธิจำเป็นต้องมีครูบาอาจารย์คอยชี้แนะให้คำสอน หากไม่มีหรือปฎิบัติเองเข้าใจเองนานเข้าอาจเป็นวิปลาสได้ วิปลาสนี่หมายถึงบ้า ฟั่นเฟือนใช่ไหมคะ แล้วมันมีโอกาสเป็นจริงตามข้อความข้างต้นจริงรึป่าว พออ่านมาแล้วก็รู้สึกกังวลเพราะตัวเองไม่เป็นศิษย์มีครู นั่งเอง ปฎิบัติเองน่ะค่ะ ( ต้องขออภัยหากดิฉันเข้าใจเจ้าของข้อความผิดไป แต่ดิฉันอ่านแล้วตามความเข้าใจของดิฉันมันคืออย่างที่บอกมาค่ะ)

    +++ วิปลาส คือ คลาดเคลื่อนออกไปจากความเป็นจริง (สัจจะธรรม) หรือเรียกว่า เพี้ยน ก็ได้ เมื่อสะสมเป็นไปนานเข้า ผลลัพธ์ ย่อมออกมาเป็น ฟั่นเฟือน เป็นธรรมดา

    +++ ส่วนจำเป็นหรือไม่ที่ต้องมีครูบาอาจารย์คอยชี้แนะให้คำสอนนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยแห่ง "สัจจะธรรม" เพียงประการเดียวเท่านั้น หากครูบาอาจารย์นั้น ๆ สอนได้ "ตรงต่อสัจจะธรรม" คำตอบก็คือ "จำเป็นต้องมีครูบาอาจารย์" แต่ถ้าหากครูบาอาจารย์นั้น ๆ สอนได้ "ไม่ตรง ต่อสัจจะธรรม" ก็ควร "หลีกหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้"

    +++ การสอนที่ถูกต้องตรงต่อ "สัจจะธรรม" นั้นให้ดูการสอนที่ "สติ" เป็นหลัก เพราะ "สติ" เท่านั้นที่จะรู้ "สัจจะธรรม" ได้
    =================================================================
    ของคุณ Ohchan

    ถ้าครูที่เจ้าของกระทู้หมายถึงคนที่สองเรานั่งสมาธิและเป็นผู้ชี้แนะและเป็นแบบอย่างนะหรือค่ะสําหรับตัวดิฉันนั้นถือองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอาจารย์และเป็นแบบอย่างค่ะ ก่อนนั่งสมาธิทุกครั้งก็จะสวดมนต์อาราธนาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ก่อนเสมอ อย่างที่ว่าช่วงตอนนั่งสมาธิใหม่ๆเกิดจากมีคนทักบอกว่า ถึงเวลาที่ดิฉันต้องปฎิบัตีได้แล้ว ตอนแรกดิฉันก็ไม่เชื่ออยากรู้ว่าสมาธิและสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงไหมก็เลยลองทําดู โดยพี่เค้าเน้นง่ายๆคือพุทโธ พอได้คําแนะนําแค่นั้นก็พบเห็นเรื่องราวมากมาย และครูที่ว่านั้นไม่จําเป็นต้องเป็นมนุษย์เสมอ พูดอย่างนี้ก็ไม่อยากให้เจ้าของกระทู้ไขว้เขว ครูบาอาจารย์ขึ้นอยู่กับวาสนาที่ผูกพันกัน ดิฉันบอกตามตรงเลยว่าผู้ที่มาสอนดิฉันจนถึงสภาวะกายและจิตแยกกันนั้น ท่านเป็นเทพที่มาเมตตาสอนให้

    +++ เรื่องที่ "จิตอื่น" มาสอน หรือ มาอนุโมทนา ให้นั้น มีอยู่จริงเพราะ จิตเรามีจริงจิตอื่นก็มีจริงเช่นกัน

    รวมทั้งบอกให้ดิฉันถือเอาหลวงปู่ใหญ่เป็นครูและบอกว่าถ้าท่านมาโปรดอีกก็ให้เข้าไปกราบแต่นับจนวันนี้ก็ยังไม่มีโอกาสได้มีวาสนาได้พบท่านอีก เรื่องต่างๆที่ดิฉันเล่านี้ไม่ใด้ต้องการจะอวดอ้างอะไรเพียงแค่อยากให้เจ้าของกระทู้เข้าใจว่าบ้างครั้งหนังสือก็เป็นเพียงสถิติแต่มันมีหลายๆอย่างที่อยู่นอกเหนือจากหนังสือ ดิฉันไม่เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับสมาธิพวกนี้เลย และไม่เคยรู้ว่าแต่ละภาวะจิตเรียกอะไร แล้วต้องรู้สึกอย่างไร เพียงแต่ดิฉันต้องการให้จิตเกิดการพัฒนาด้วยตัวโดยไม่ต้องไปจดจําจากในหนังสือ นั้นแหละเราจะรู้ว่าจิตเราพัฒนาไปได้อย่างไร เรื่องเหล่านี้ละเอียดอ่อนมากเกินกว่าจะอธิบายได้ถ้าไม่ได้พบด้วยตนเอง ตอนนี้เจ้าของกระทู้ยังมีเรื่องใคร่รู้และยังเพิ่มเริ่มต้นฝึกเท่านั้น ยังมีเรื่องราวปาฎิหารย์ทีเจ้าของกระทู้จะได้พบเจอทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสัญญาเดิมว่าจะดึงออกมาได้ไหมเพื่อจะได้บําเพ็ญบารมีต่อ และเมื่อใดเกิดตัวรู้ขึ้นภายในตัวเองก็จะเข้าใจสิ่งที่ดิฉันพูดไว้ เอาไว้แค่นี้ก่อนนะค่ะ ถ้าสนใจอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติม ดิฉันยินดีให้คําแนะนําและตอบข้อสงสัยค่ะ

    +++ หากเป็นเรื่องที่สามารถ "เล่าสู่กันฟัง เพื่อ ประโยชน์ตน และ ประโยชน์ท่าน" ได้ก็จะเป็นการดีครับ
    ==================================================================
    ของคุณ จิตวิญญาณ

    ตามความเข้าใจของดิฉันนะคะ ... วิปลาสนี่น่าจะเป็นความหลงผิดที่เกิดจากกิเลสเป็นตัวชักนำพาไป หากเราฝึกสติให้อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับความรู้สึกตัว อยู่กับเป็นจริง ความหลงก็จะไม่เกิด

    +++ ถูกต้องตามนี้แหละครับ

    บางท่านปฏิบัติได้เห็นโน่นเห็นนี่แล้วหลง หลงว่าตัวเองสำเร็จก็มีไม่น้อย เคยเห็นเพื่อนรุ่นน้อง นั่งสมาธิบางครั้งนั่งถึง 7-8 ชั่วโมง พอออกจากสมาธิก็มาเล่าให้ฟังว่าเห็นโน่นเห็นนี่ เห็นแล้วจินตนาการเป็นจริงเป็นจัง คือจิตมันปรุงแต่งก็หลงไปกับมัน ใครจะตักเตือนด้วยความห่วงใยจะไม่รับ จะเชื่อเฉพาะครูบาอาจารย์ที่สอนเธอเท่านั้น คนอื่นไม่เก่งเหมือนครูบาอาจารย์เธอ ไม่เก่งเหมือนเธอ อย่ามาสอนเธอ อะไรทำนองนี้น่ะค่ะ จิตวิปลาสนี่คิดว่าคงไม่ได้เกิดจากมีครูบาอาจารย์หรือไม่มีครูบาอาจารย์คอยสอน แต่เชื่อว่าเกิดจากตัวบุคคลนั้นๆมากกว่าค่ะ บางคนไม่มีครูบาอาจารย์สอน แต่ฝึกสติ มีปัญญา รู้เท่าทันกิเลส ก็ไม่เกิดวิปลาส บางคนมีครูบาอาจารย์ดีสอน แต่กำลังของสติปัญญาไม่มีพอให้รู้เท่าทันกิเลส คนนั้นก็เกิดจิตวิปลาสได้เหมือนกันค่ะ

    +++ ใช่แล้วครับ ตามนั้นแหละ

    ปล. สนทนาธรรมกันไปก่อนนะคะ คงต้องรอคุณธรรม-ชาติ มาตอบ สงสัยคุณธรรม-ชาติ ท่านกำลังฝึกเข้มให้กับลูกศิษย์อยู่ ใครปฏิบัติแล้วมีอะไรสงสัยก็โพสท์ๆลงไว้ก่อนนะคะ เดี๋ยวท่านคงเข้ามาตอบให้ความกระจ่างในเร็วๆนี้ค่ะ อิอิ

    +++ เพิ่งกลับมา ฝึกกันได้สมตามความปรารถนากันไปหลายคนทีเดียว คุ้มค่า คุ้มเวลา คุ้มเหนื่อย คุ้มต่อการสัมผัสกับสักขีพยานธรรม ครับ
    =============================================================
    ของคุณ Ohchan

    ก็คงจะมีส่วนเป็นไปได้ตามที่คุณจิตวิญญาณอธิบาย คนส่วนใหญ่ที่วิปลาสหรือเรียกง่ายบ้าๆบอๆไปเลยจากการนั่งสมาธิเพราะไม่สามารถแยกแยะอันไหนจริงอันไหนเท็จได้ มีพี่ที่รู้จักท่านหนึ่ง นั่งสมาธิจนเห็นอีกมิติหนึ่งได้ คล้ายกับตาที่สาม แกเล่าว่าถึงจะถอนสมาธิแล้วก็ยังเห็นไม่หยุด จนที่บ้านแกนึกว่าแกบ้าจึงจับส่งโรงพยาบาลบ้าสะเลย หลังจากเข้าไปอยู่หลายเดือน แกก็ได้ออกมาหลังจากใช้สติควบคุมสิ่งที่เห็น ไม่ให้เห็นพรํ่าเพรื่อ จะคุยกับสิ่งที่เห็นผ่านทางจิตเท่านั้น เพื่อให้เหมือนกับมนุษย์ทั่วไป หลังจากนั้นที่ทราบแกได้นําความสามารถพิเศษนี้ไปช่วยคนค่ะ ตอนนี้แกมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย สําหรับตัวดิฉันเมื่อเริ่มนั่งเองนั้น คิดแค่ว่าอยากรู้ว่าคนนั่งสมาธิเพื่ออะไรแล้วเค้าเห็นอะไรกัน และคนที่ทักบอกว่าทําแล้วจะเข้าใจสิ่งที่สงสัย แค่นั้นแหละก็เริ่มนั่งสมาธิเลยโดยไม่เคยหาอ่านข้อมูลที่ไหน กลัวเก็บเอาไปคิดเองค่ะ คือต้องการรู้เอง

    แต่ดิฉันก็มีหลักง่ายๆคือไม่ว่าจะเจอหรือพบอะไรขณะนั่งสมาธินั้น อย่ากลัว อย่าเตลิด จงแค่รู้ตามจิตและนําสิ่งที่เห็นมาพิจารณาตามหลักคําสอนง่ายๆ ทุกสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป

    +++ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป หรือเป็นที่รู้กันและเรียกกันสั้น ๆ ว่า "ไตรลักษณ์" นั้น ตามสัจจะธรรมแล้ว ให้ "รู้อยู่เฉย ๆ" ห้ามนำการ "พิจารณา หรือ ความคิด" เข้าไปแทรกแซงวงจรของมัน เพียงแต่ให้รู้กระบวนการตั้งแต่ "เริ่มปรากฏขึ้น การแปรปรวน จนสูญสลาย" ของปรากฏการณ์นั้น ๆ เมื่อทำได้แล้ว จะเกิดปรากฏการณ์ "วูปหนึ่งแห่งความรู้แจ้ง แบบสิ้นสงสัย" ขึ้นมาเองนะครับ

    และจงระลึกไว้เสมอ ขณะที่เรานั่งสมาธิจะมีอํานาจพุทธคุณ เทพเทวา คุ้มครองตัวเราด้วย ดังนั้นไม่ต้องกลัวแต่สิ่งที่ควรกลัวคือจิตตัวเองมากกว่าค่ะ อย่างที่ว่ามาคงต้องรอคุณธรรมชาติมาอธิบายให้ลึกซึ้งขึ้นกว่านี้จะได้คลายข้อสงสัยแกเจ้าของกระทู้

    +++ ถูกต้องแล้วครับ "จิตตนนั่นแล น่ากลัวที่สุด"
    ================================================================
    ของคุณ จิตวิญญาณ

    เล่าถึงการถอดจิตตอนนอนให้ฟังน่ะค่ะ เพราะสังเกตุว่าความกลัวที่เคยเป็นตอนนี้เริ่มหายไปบ้างแล้ว

    ครั้งแรก พอเคลิ้มกำลังจะหลับ เห็นตัวเองลอยขึ้นท่านอนเต็มตัวน่ะค่ะ ขณะนั้นรู้แล้วว่าคือการถอดจิต เพราะจำคำพูดของคุณธรรมชาติที่เคยพูดในโพสท์ที่ 148 ว่า +++ คุณถอดจิตด้วยการไหลขึ้น

    ขณะกำลังไหลขึ้นจากพื้น ใจก็รู้สึกจำได้อีกว่าเคยมีคนบอกว่าถอดจิตครั้งแรกจะบังคับไม่ได้ และช่วงที่ไหลไปใกล้โต๊ะบูชาพระ ก็รีบบอกตัวเองว่าระวังชนโต๊ะ ปรากฏว่าตัวเองไหลชนทะลุโต๊ะเลย เออ อ่าว บังคับไม่ได้จริงด้วย พอช่วงกำลังจะไหลขึ้นเพดาน ใจคิดว่าไม่รู้จะไปไหน กลับเข้าร่างดีกว่า นึกแค่นั้นแหล่ะค่ะก็รู้สึกตัวตื่น พอสองวันถัดมาเป็นอีก นอนๆกำลังจะเคลิ้มหลับ ได้ยินเสียงจิ้งจกร้องทัก รู้สึกตัวตื่น พอเคลิ้มอีกที จิตเขาไม่ยอมออกไปไหนค่ะ นอนแช่อยู่อย่างนั้นนั่นแหล่ะ อาการคือมีสติ มีความรู้สึกเต็มตัว แต่ไม่มีตัวตน ไม่หายใจ แต่ก็มีช่วงขณะที่เคลิ้มจะหลับจะได้ยินเสียงผู้หญิงคุยกัน เสียงชัดมาก แต่ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน พอเคลิ้มแล้วรู้สึกตัวอีกทีเสียงก็หายไปแล้ว ก็นอนแช่อยู่อย่างนั้นนานเหมือนกันค่ะ จนกระทั่งได้ยินเสียงน้องหมาร้อง เสียงร้องที่ได้ยินจะเหมือนไกลมาก เสียงที่ได้ยินไม่คมชัด จะทุ้มๆเหมือนได้ยินอยู่ภายในร่างกาย ก็เลยรู้สึกตัวตื่นลุกขึ้นไปเปิดประตูให้น้องหมาออกนอกบ้าน

    หลังจากนั้นช่วงกลางวันน่ะค่ะ รู้สึกเพลียนิดหน่อยและรู้สึกหน่วงๆที่ท้ายทอย ตอนนั้นรู้เลยว่าถ้าเอนหลังนอน จิตจะออกจากร่างเหมือนจิตตกภวังค์ ก็เลยลองเอนหลังนอน พอเคลิ้มจะหลับ รู้สึกตัวเองขยับได้แต่ร่างกายไม่ขยับ เพื่อความแน่ใจ ก็เลยลองยกแขนขึ้น ปรากฏว่ายกขึ้นแล้วโยกแขนไปมาแต่มองไม่เห็นแขน มองรอบๆห้องก็เห็นเฟอร์นิเจอร์เป็นสภาพเหมือนจริงอยู่ครบ ตอนนั้นไม่สนใจร่างสังขารเลยค่ะ พอรู้และมั่นใจแล้วว่านี่คือการถอดจิต ก็เลยนึกขึ้นได้ว่า คุณธรรม-ชาติบอกว่าให้ลองลุกนั่งทำสมาธิต่อ ก็เลยลุกนั่งทำสมาธิ ช่วงที่นั่งสมาธิอยู่ เห็นหยดน้ำลอยกระทบกันอยู่ตรงหน้า ก็เลยมองดูหยดน้ำ ไม่ได้เพ่งอะไรนะคะ มองดูเฉยๆ ปรากฏว่าหยดน้ำเล็กๆขยายใหญ่ขึ้นเป็นวงกลมลักษณะคล้ายๆฟองสบู่ ขยายเป็นวงกลมใหญ่ขึ้นแล้วค่อยๆเคลื่อนเข้ามาคลอบร่างที่นั่งสมาธิอยู่ หลังจากนั้นวงกลมก็เคลื่อนลอยขึ้นบนเพดานโดยมีเรานั่งสมาธิอยู่ข้างในวงกลม ลอยขึ้นไปถึงเพดาน นึกขึ้นมาว่าไม่รู้จะไปไหน พอนึกแค่นั้นแหล่ะค่ะเลยรู้สึกตัวตื่น .. สรุปคือ ไม่ก้าวหน้าไปไหนมาไหนเลยค่ะ คงเป็นเพราะไม่มีจุดหมายปลายทางที่จะไปใช่ไหมคะ?

    +++ ก่อนนอนทุกครั้งให้ตั้งใจไว้ว่า หากคืนนี้ถอดจิต "เราจะฝึกอะไรในขณะที่ถอด" เช่น ตั้งใจว่า จะฝึกการลอยไปมา ข้างหน้า ข้างหลัง ข้างบน ข้างล่าง หรือ ลอยให้ใด้ดังใจทุกประการ ในหมวดแรก หากทำได้แล้ว ในหมวดที่สอง ก็ให้ฝึก ชำแรกหรือทะลุกำแพงหรือผนังห้อง ในหมวดที่สาม ให้ฝึก แบ่งเป็น 2 ร่างบ้าง 4 หรือ หลาย ๆ ร่างบ้างตามใจปรารถนา ในหมวดที่สี่ ให้ฝึก การปรากฏตัวจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง (ล่องหน หรือ teleportation) ในระยะใกล้ ๆ หรือระหว่าง ห้องต่อห้อง หรือ ในบ้าน นอกบ้าน ก็ได้ ลอง ๆ ดูนะครับ
    ===================================================================
    ของคุณ Ohchan

    ขอเรียนถามคุณจิตวิญญาณหน่อยนะค่ะเพื่อเป็นความให้กับตัวเอง ดิฉันก็เคยเกิดอาการคล้ายๆกับคุณจิตวิญญาณค่ะแต่ก็ไม่ทราบนั้นเรียกว่าการถอดจิตหรือเปล่าไม่รู้ คือวันนั้นเป็นตอนกลางวัน หลัังจากดิฉันนั่งสมาธิเสร็จใหม่ๆก็ออกจากห้องพระและก็มาล้มตัวลงนอนแบบไม่ใช้ว่าอยากนอนนะค่ะ ตายังคงลืมอยู่ ตอนนั้นมันรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก จู่ๆก็รู้สึกเหมือนถูกไฟช็อตแรงมากๆเหมือนหายใจรวยริน มันมีอาการเหมือนคนจะขาดใจตาย เสียวหน้าอกมากๆ จากนั้นดิฉันก็ใช้สติจับอยู่สักครู่ว่ามันคืออะไร โดยพยายามหายใจแต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ หลังจากนั้นรู้สึกใบหน้าและลําตัวถูกแรงดึงบ้างอย่างพยายามกระชากออก ซึ่งตอนนั้นเริ่มมองเห็นตัวเราเองเหมือนมีสองคน ดิฉันยื้อยุดอยู่สักครู่ก็พลันคิดว่าสงสัยเรากําลังจะตายรึเปล่าเพราะตอนนั้นมันเหมือนจะขาดใจตายเสียให้ได้ เลยระลึกถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าถ้าจะตายก็ไม่กลัวและขอเห็นท่านเป็นนาทีสุดท้าย เมื่อคิดแค่นั้น ตัวดิฉันที่กําลังถูกดูดออกไป ก็ได้กลับเข้ามาแนบสนิทและอาการต่างๆก็หายไปค่ะ ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นอาการของอะไรกันแน่แต่เคยถามพี่ที่มีประสบการณ์ แกว่ามันเป็นอาการของการถอดจิตอย่างหนึ่งโดยเราไม่รู้ตัว เพราะดิฉันไม่ยอมปล่อยและสละร่าง มันก็เลยฉุดกันไปกันมา อย่างไงก็ฝากถามคุณธรรมชาติด้วยแล้วกันนะค่ะ ขอบคุณค่ะ

    +++ เป็นการถอดจิต พี่ที่มีประสบการณ์ของคุณ กล่าวได้ถูกต้องแล้วครับ อาการยื้อยุดกันนั้นเกิดจาก จิตยังไม่คุ้นเคยต่อการถอดนั่นเอง ยามใดที่คุ้นเคยแล้ว ก็สามารถตั้งใจก่อนถอด ดังคำตอบข้างบนที่ตอบให้คุณ จิตวิญญาณ ทุกประการนะครับ[/QUOTE]
     
  10. ssahn34

    ssahn34 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2013
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +75
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2015
  11. ละอองทราย

    ละอองทราย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2015
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +51
    คุณ Jsus Christ

    ขอบคุณมากๆๆเลยนะคะ
    ศัพท์ยากๆเพียบเลย
    ขอไปถามอากู๋ก่อนนะคะ^^!
     
  12. ละอองทราย

    ละอองทราย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2015
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +51
    คุณ ssahn34

    ขอบคุณมากๆๆเลยค่ะ.
    เป็นประโยชน์มากๆเลยค่ะ ^^
     
  13. ssahn34

    ssahn34 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2013
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +75
    http://palungjit.org/threads/ฝึก-กรรม-ฐาน-ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย.512443/
    ลองอ่านดูนะครับ แนะนำอ่านหน้าแรกกับหน้าสุดท้าย และโพสของ คุณจิตวิญญาณ แล้วลองถามอาการที่เกิดกับ ท่านธรรมชาติ ผมคิดว่าถ้าอ่านแล้วเข้าใจวิธีฝึก แล้วฝึกต่อหน้าท่านธรรมชาติ คุณอาจจะไม่มีข้อสงสัยอีกเลย
     
  14. ละอองทราย

    ละอองทราย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2015
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +51
    คุณ ssaha34

    ขอบคุณมากๆๆๆๆเลยนะคะ _/\_
     
  15. ละอองทราย

    ละอองทราย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2015
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +51
     
  16. nite

    nite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    442
    ค่าพลัง:
    +611
    ผมก็เคยเป็น สภาวะแบบนี้ มักเกิด หลังจากนั่งสมาธิเสร็จ หรือ นอนสมาธิ
    เหมือน เราโดนบีบๆแล้ว จนหูอืออึงไปหมดแล้ว เหมือนจิตมันหลุดลอยตัวเบา พอขยับแขนขาละก็ปกติ เหมือน คิดมากไปเอง....ทุกวันนี้ก็มีเป็นบ้าง บ้างครั้งเกิดอาการหมุนๆเวลานอนดูลมหายใจ รู้ตัวอีกทีก็สว่างแล้วววว หลับตอนไหนไม่รู้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กันยายน 2015
  17. ละอองทราย

    ละอองทราย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2015
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +51
    ขอบคุณ คุณองคาพยพ มากนะคะ
    ที่กรุณามาแชร์ประสบการณ์^^
     

แชร์หน้านี้

Loading...