ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,649
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทางการรัสเซียปลิดชีพกลุ่มติดอาวุธคอเคซัสเหนือ 8 ศพ พัวพันกลุ่มไอเอสในซีเรีย-อิรัก โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 สิงหาคม 2558 00:22 น.

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - สำนักงานต่อต้านการก่อการร้ายแห่งรัสเซียเผยในวันอาทิตย์ ( 2 ส.ค.) โดยระบุ กองกำลังของตนสามารถปลิดชีพสมาชิกกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงแถบ “คอเคซัสเหนือ” รวม 8 ราย ที่ประกาศตัวเข้าร่วมกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส)

    คำแถลงของคณะกรรมาธิการต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติ (เอ็นเอซี) ของรัสเซียระบุว่า สมาชิกกลุ่มติดอาวุธทั้ง 8 รายถูกสังหาร ในเขตจังหวัดอินกูเชเทีย ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของแคว้นเชชเนีย และเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่พบการเคลื่อนไหวของกลุ่มติดอาวุธมุสลิมที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนแถบคอเคซัสเหนือ ออกจากการปกครองของรัสเซีย

    ข้อมูลจากหน่วยงานเอ็นเอซีของรัสเซียระบุว่า สมาชิกกลุ่มติดอาวุธทั้ง 8 รายที่ถูกสังหารในคราวนี้เพิ่งประกาศจุดยืนเข้าร่วมกับกลุ่มไอเอสเมื่อไม่นานมานี้และว่าทั้งหมดเคยมีประวัติการก่อเหตุโจมตีต่อตำรวจและทหารของรัสเซีย ในพื้นที่แถบคอเคซัสเหนือหลายต่อหลายครั้ง

    รายงานข่าวระบุว่า หนึ่งในสมาชิกกลุ่มติดอาวุธที่ถูกกองกำลังความมั่นคงของรัสเซียปลิดชีพในครั้งนี้มี อดัม ตากิลอฟ หนึ่งในสมาชิกระดับแกนนำของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนแถบคอเคซัสเหนือรวมอยู่ด้วย โดยตากิลอฟผู้นี้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุโจมตีกรุงกรอซนี เมืองหลวงของเชชเนียเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตไปถึง 25 ราย

    ด้านเยฟเกนี ลูคูยานอฟ รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซียออกมาเปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้มีพลเมืองรัสเซียสูงถึง 2,000 คนที่ไปเข้าร่วมกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ทั้งในอิรักและซีเรีย ซึ่งในจำนวนนี้มีอยู่ไม่น้อยที่ได้เดินทางกลับมายังรัสเซียแล้ว ทำให้เกิดความกังวลว่า คนกลุ่มนี้อาจกลับมาก่อเหตุรุนแรงและการโจมตีในรูปแบบต่างๆ บนแผ่นดินรัสเซีย

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,649
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ภูฏานสำรวจประชากร “เสือ” ในผืนป่าครั้งแรก พบ 103 ตัว มากกว่าที่คาด โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 สิงหาคม 2558 06:31 น.

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - การสำรวจจำนวนของ “ประชากรเสือ” ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของราชอาณาจักรภูฏาน พบจำนวนเสือ มากกว่าที่คาดการณ์ไว้

    การสำรวจซึ่งจัดทำโดยทีมงานซึ่งเป็นชาวภูฏานล้วนนี้ ถือเป็นการสำรวจจำนวนของประชากรเสืออย่างเป็นทางการครั้งแรก ที่ทำขึ้นในราชอาณาจักรกลางเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้

    รายงานข่าวระบุว่า ผลการสำรวจในครั้งนี้ ทีมงานพบจำนวนของเสือทั้งสิ้น 103 ตัว ซึ่งถือเป็นจำนวนเสือที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า จำนวนเสือทั่วทั้งภูฏาน อาจมีจำนวนไม่เกิน 75 ตัวเท่านั้น

    แม้การพบจำนวนของเสือในป่าธรรมชาติถึง 103 ตัว ในราชอาณาจักรภูฏานครั้งนี้จะสร้างความยินดีให้กับบรรดากลุ่มเคลื่อนไหวด้านการอนุรักษ์หลายกลุ่ม

    แต่ทาง กองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) ออกโรงเตือนว่า เสือยังเป็นสายพันธุ์สัตว์ป่าที่สุ่มเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์หากยังไม่ได้รับความร่วมมือในการอนุรักษ์ จากประเทศต่างๆอย่างจริงจัง โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาค “เอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ที่ถือเป็นศูนย์กลางแห่งตลาดค้าสัตว์ป่าและชิ้นส่วนหรือซากของสัตว์ป่า

    ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2010 ประเทศต่างๆทั่วโลก ได้บรรลุข้อตกลงระหว่างประเทศที่ใช้ชื่อว่า “Tx2” ซึ่งมีเนื้อหาสำคัญ คือ การเพิ่มจำนวนของเสือในผืนป่าธรรมชาติทั่วโลกให้ได้อีกเท่าตัวภายในปี 2022

    ด้านไมค์ บัลต์เซอร์ส ผู้ริเริ่มโครงการอนุรักษ์เสือของกองทุนสัตว์ป่าโลก ออกโรงเรียกร้องให้ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เร่งสำรวจจำนวนของเสือในธรรมชาติในประเทศของตนโดยเร็วตามแบบอย่างของภูฏาน และว่า การอนุรักษ์เสือให้อยู่คู่กับผืนป่าต่อไปจำเป็นต้องอาศัยแรงสนับสนุนอย่างสำคัญ จากทั้งภาคการเมือง และแรงสนับสนุนทางการเงิน ซึ่งยังคงไม่ได้สัดส่วนกับการล่า และการสูญเสียแหล่งที่อยู่ตามธรรมชาติของเสือที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,649
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เพชฌฆาตใต้ทะเล “แมงกะพรุนกล่อง” ฆ่าคนนับไม่ถ้วน! โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 2 สิงหาคม 2558 21:05 น. (แก้ไขล่าสุด 2 สิงหาคม 2558 21:14 น.)

    [​IMG]

    พิษของ “แมงกะพรุนกล่อง” สร้างความเจ็บปวด ก่อนทำลายระบบประสาทและเซลล์ผิวหนังช้าๆ หากใครได้เจอพิษของมัน อย่าหวังจะได้มีชีวิตรอด ล่าสุดหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายลงเล่นน้ำบนเกาะพงัน ถูกพิษแมงกะพรุนกล่องเข้าที่แขน กลายเป็นเหตุสลด ชวนตระหนัก และเท่าทันพิษร้ายของสัตว์ทะเลชนิดนี้ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

    [​IMG]


    โศกนาฏกรรมใต้ท้องทะเล

    [​IMG]


    กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่ผู้คนให้ความสนใจ และเป็นที่พูดถึงมากที่สุดอยู่ ณ ขณะนี้ หลังเกิดเหตุสลดนักท่องเที่ยวสาวชาวไทย ชญานันท์ สุรินทร์ อายุ 31 ปี ลงเล่นน้ำทะเลที่บริเวณหน้าซันไรท์ บังกะโล ม.6 ต.บ้านใต้ อ.เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ถูกพิษแมงกะพรุนกล่องเข้าที่แขน และขา ได้รับบาดเจ็บสาหัส ผู้คนในละแวกนั้นต่างเข้าให้การช่วยเหลือแต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา

    [​IMG]

    เหตุการณ์อันน่าสลดนี้ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่นักท่องเที่ยวโดนพิษแมงกะพรุนกล่อง หากย้อนกลับไปเมื่อกลางปี 2557 ก็เกิดเหตุการณ์คล้ายกันนี้ขึ้นกับเด็กชายชาวฝรั่งเศสวัย 5 ขวบ ที่เดินทางมาพักผ่อนกับครอบครัวที่ชายหาดขวด เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ได้ถูกพิษแมงกะพรุนเสียชีวิต ขณะลงเล่นน้ำทะเลความสูงประมาณ 20 เซนติเมตร โดยแมงกะพรุนได้เข้ามาห้อมล้อมเด็กชาย ทำให้เด็กชายหมดสติทันทีโดยไม่สามารถช่วยชีวิตของเด็กชายคนดังกล่าวได้

    ข้อมูลดังกล่าวข้างต้น ชี้ชัดว่าหากใครได้รับพิษร้ายจากแมงกะพรุนกล่องเข้าก็ต้องสังเวยชีวิตให้กับสัตว์ร้ายนี้ทันที ทว่า เมื่อ 5 ปี ที่แล้ว กลับมีเหตุการณ์อันน่าประหลาดใจขึ้น เมื่อ ราเชล ชาร์ดโลว์ สาวน้อยวัย 10 ขวบ ชาวออสเตรเลีย รอดชีวิตจากพิษของแมงกะพรุนกล่องอย่างที่ไม่น่าเป็นไปได้

    สำหรับเรื่องราวประหลาดนี้ เกิดขึ้นเมื่อหนูน้อยกำลังว่ายน้ำเล่นอย่างสนุกสนานในแม่น้ำคาลิออป ในรัฐควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย และโดนแมงกะพรุนกล่องต่อยเข้า โดยแพทย์ระบุว่าเธอจะเสียชีวิตในเวลาอีกไม่นานนี้ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีใครรอดชีวิตจากการถูกพิษแมงกะพรุนกล่องเลยแม้แต่คนเดียว แต่หนูน้อยรายนี้กลับรอดตายอย่างปาฏิหาริย์ ทำให้ทีมแพทย์ต่างประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เพียงหนึ่งในล้านเท่านั้น เพราะคงไม่มีใครรอดชีวิตจากพิษร้ายของแมงกะพรุนกล่องนี้ได้

    ทั้งนี้ จากการค้นหาข้อมูลพบว่าพิษแมงกะพรุนกล่อง (Box jellyfish) หรือที่ชาวเลเรียกว่า บอบอกาว หรือบอบอกล่อง ฉายานามได้มาจากรูปร่างคล้ายกล่องสี่เหลี่ยมสมชื่อ หากใครได้รับพิษของแมงกะพรุนกล่อง จะส่งผลทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง กล้ามเนื้อหน้าท้อง และหลังเกร็ง เวียนหัว คลื่นไส้ ปวดหัว กระสับกระส่าย แน่นหน้าอก ส่วนชนิดหลายสาย มีพิษต่อหลายระบบในร่างกายทั้งเลือด เนื้อหนัง หัวใจ ประสาท ส่วนใหญ่ผู้ได้รับพิษมักมีอาการปวดบริเวณแผล หรืออาจปวดไปทั่วร่างกายในบางราย อาจตาย หรือจมน้ำก่อนใครจะช่วยทัน

    ธันยพร อจลวิชกุล นักวิชาการประมงชำนาญการ ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง ให้ข้อมูลว่า แมงกะพรุนกล่องถือเป็น 1 ในพิษที่อันตรายที่สุดในโลก เพราะเมื่อพิษเข้าสู่ร่างกายจะไปโจมตีหัวใจ ระบบประสาท และเซลล์ผิวหนัง ทำให้เจ็บปวดมาก อาจเสียชีวิตได้จากภาวะหัวใจล้มเหลว หรือช็อกจนจมน้ำ พบได้ตามแนวชายฝั่งออสเตรเลียตอนเหนือและทั่วอินโดแปซิฟิก แต่ปัจจุบันแพร่กระจายมาทางฝั่งเอเชียจนถึงประเทศไทย พบได้ที่เกาะลันตา, อ่าวโล๊ะซามะ อ่าวพีพี อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ และอ่าวน้ำบ่อ จ.ภูเก็ต, หาดชะอำ จ.เพชรบุรี รวมถึงเกาะเต่า เกาะสมุย และเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี โดยเข้าสู่พื้นที่ชายฝั่งด้วยกระแสน้ำ

    ขณะที่ นายแพทย์ฐานุวัตน์ ทพย์นินิจ แพทย์ประจำโรงพยาบาลเกาะพะงัน ได้กล่าวเตือนว่า ให้หลีกเลี่ยงการเล่นน้ำกลางคืน แมงกะพรุนชนิดนี้จะมาพร้อมกับสายฝน หากถูกพิษแล้วให้แก้ไขในเบื้องต้นด้วยการราดน้ำส้มสายชูลงบนบาดแผล และห้ามเกา หรือขูดจะทำให้พิษเข้าสู่ระบบเลือดเร็วขึ้น

    11 ข้อ รู้เท่าทันพิษร้าย

    เมื่อประเด็นดังกล่าวแพร่สะพัดออกไปสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนจำนวนมาก ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านระบบนิเวศทางทะเล และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ก็ได้ออกมาเกาะติดสถานการณ์นี้เช่นเดียวกัน โดยออกมาโพสต์แสดงความเสียใจกับผู้เคราะห์ร้าย และกล่าวให้ข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ร้ายในท้องทะเลอย่างแมงกะพรุนกล่อง ผ่านสื่อสังคมออนไลน์เฟซบุ๊คส่วนตัว 11 ข้อดังนี้

    1. ในปัจจุบัน แมงกะพรุนกล่องเริ่มมีมากขึ้น ข้อมูลจากการสำรวจพบอยู่ทั่วอ่าวไทย ตั้งแต่ภาคตะวันออกถึงภาคใต้ แม้ในบริเวณหาดทรายแหล่งท่องเที่ยว ทั้งในฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน แต่มีรายงานผู้โดนในอ่าวไทยมากกว่า แมงกะพรุนกลุ่มนี้มีขนาดเล็ก หัวใหญ่ประมาณกำปั้น แต่สายยืดยาวได้ถึง 3 เมตร แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ สายเดี่ยว (ในแต่ละมุม) และสายเป็นกลุ่ม ปกติสายเดี่ยวจะมีพิษน้อยกว่าพวกสายกลุ่ม พบในไทย 10-11 ชนิด กะพรุนกล่องมีพิษต่างกันไป ขึ้นกับชนิดและปริมาณที่โดน ยังขึ้นกับคนที่แพ้พิษระดับใด ไม่ขึ้นกับความแข็งแรงของร่างกาย

    2. สาเหตุที่กะพรุนกล่องเพิ่มขึ้นจากอดีต อาจเกิดจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงหรือจากระบบนิเวศได้รับผลกระทบจากมนุษย์ แต่การแก้ที่ต้นเหตุยังทำไม่ได้ เราก็ต้องเรียนรู้หาทางเลี่ยงเองครับ

    3. กะพรุนกล่องพบได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ในน้ำตื้นก็เป็นไปได้ พบในเขตชายฝั่งหรือเกาะใกล้ฝั่ง เช่น สมุย พะงัน เกาะล้าน มากกว่าในเกาะไกลฝั่ง เช่น สิมิลัน

    4. เนื่องจากมีขนาดเล็ก (เท่ากำปั้น) เคลื่อนที่เร็ว ตัวใส และพบในน้ำขุ่น โอกาสที่คนเล่นน้ำมองเห็นก่อนเป็นเรื่องยากมาก แต่ถ้าเป็นนักดำน้ำ อาจมองเห็น นอกจากนี้ นักดำน้ำสวมเวตสูท โอกาสเป็นอันตรายน้อย เท่าที่มีรายงานผู้เสียชีวิตในประเทศไทย (นับจากปี 41 มากกว่า 10 ราย เท่าที่ทราบ ไม่เคยมีนักดำน้ำเสียชีวิต ทั้งหมดเป็นคนเล่นน้ำ)

    5. หากโดนเฉียดๆ อาจบาดเจ็บ แต่ถ้าโดนอย่างจัง หนวดพันไปมาและแพ้พิษ มีโอกาสเสียชีวิต

    6. ทางป้องกันคือใส่ชุดมิดชิดลงเล่นน้ำ นั่นก็เป็นไปได้ยากเหมือนกัน ในต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย มีชุด stinger suit สำหรับใส่เล่นน้ำ เหนือมีจุดเล่นน้ำแบบมีตาข่ายกั้น ในเมืองที่ผมเคยอยู่ก็ต้องเล่นน้ำเฉพาะในที่กั้นครับ

    7. หากโดนจะรู้ตัวทันที เพราะเหมือนโดนไฟฟ้าช็อตหรือแส้ฟาด ให้ตะโกนบอกคนอื่นและขึ้นจากน้ำให้เร็วที่สุด อาการรุนแรงอาจเกิดภายใน 5-6 นาที

    8. ใช้น้ำทะเลสาดหรือล้างบริเวณนั้นเพื่อกำจัดเศษหนวดที่อาจติดมา อย่าใช้มือแตะโดยเด็ดขาด อย่าใช้น้ำจืดล้างเพราะน้ำจืดจะทำให้เข็มพิษทำงานมากขึ้น

    9. ราดด้วยน้ำส้มสายชูปริมาณมาก และนำส่งแพทย์ให้เร็วที่สุด พร้อมบอกแพทย์ว่าโดนแมงกะพรุนกลุ่มนี้ หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรง รีบนำส่งแพทย์เป็นอันดับแรก ควรแยกกันช่วย คนหนึ่งวิ่งไปหาถังมาตักน้ำทะเลสาด คนหนึ่งวิ่งเข้าครัวไปหาน้ำส้มสายชูมาเยอะๆ อีกคนรีบหารถและโทรหาแพทย์โดยด่วน ควรมีผู้ที่ปั๊มหัวใจเป็นอยู่ในรถด้วย โดยปกติหากผู้ป่วยรอดเกิน 10 นาที โอกาสเสียชีวิตมีน้อยมาก นี่เป็นสถิติจากออสเตรเลียครับ

    10. หน่วยงานทางการแพทย์ในพื้นที่ชายฝั่ง โดยเฉพาะในอ่าวไทย ควรมีการอบรมเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง โดยกรมทรัพยากรทางทะเล ควรเป็นหน่วยหลัก เพราะเมื่อดูจากสถิติร้ายแรงแล้ว เราเริ่มอยู่ในภาวะเสี่ยงอย่างมาก

    11. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและหน่วยงานท้องถิ่น ควรพิจารณาการจัดทำแผ่นป้ายประชาสัมพันธ์และจัดเตรียมกล่องน้ำส้มสายชูสำหรับกรณีฉุกเฉินไว้ตามชายหาดแหล่งท่องเที่ยว เท่าที่คิดออกตอนนี้ครับ สุดท้าย ขอแสดงความเสียใจอีกครั้งครับ

    ทำอย่างไรเมื่อโดนพิษแมงกะพรุนกล่อง

    “ทันทีที่โดนแมงกะพรุนกล่อง เราจะเจ็บจี๊ดขึ้นมาควรตั้งสติ ตะโกนบอกเพื่อนให้รู้ตัว อย่าเอามือปัดป่ายไปมาเพราะจะยิ่งทำให้มือและแขนโดนหนวดแมงกะพรุนหนักขึ้น สังเกตว่าผู้ที่โดนแมงกะพรุนกลุ่มนี้มักมีริ้วรอยทั้งตามลำตัวและมือแขน เพราะตกใจจึงพยายามปัดไปให้พ้นตัว

    ค่อยๆ เดินออกมาจากตรงนั้น เพื่อป้องกันยิ่งวิ่งยิ่งโดนหนัก สำหรับคนที่จะเข้าไปช่วย ให้ระวังอย่างมาก เพราะอาจโดนแมงกะพรุน ถ้าเขาเดินมาหาเราได้ ให้เรารออยู่ตรงนั้น หรือถ้าเขามีท่าทางไม่ดี ควรเข้าไปช่วยเพียงคนเดียว และหาทางปกปิดร่างกายมากที่สุด ตั้งสติเตรียมรับมือหากโดนกะพรุน

    คนโดนต้องพยายามขึ้นฝั่งให้เร็วที่สุด เมื่อมาถึงฝั่งบนหาดทราย ให้นั่งบนพื้นแล้วดูบาดแผล หากโดนจนเกิดเส้นสายคล้ายรอยไหม้เป็นบริเวณกว้าง ให้เพื่อนโทรศัพท์หาโรงพยาบาลใกล้ที่สุดและให้รีบบอกคนแถวนั้น เพื่อเตรียมรถไปส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว ระหว่างนั้น ให้อีกคนไปหาถังหรืออะไรก็ได้ที่ตักน้ำได้ ตักน้ำทะเลริมฝั่ง (ยิ่งน้ำอุ่นยิ่งดี) สาดใส่บริเวณที่โดนโดยแรง ตักสาดไปเรื่อยๆ เพื่อกำจัดเข็มพิษให้มากสุด”

    ดร.ธรณ์ กล่าวเพิ่มเติมบอกถึงขั้นตอนการหลีกเลี่ยงและขั้นตอนปฏิบัติเมื่อเจอแมงกะพรุนกล่อง เพื่อหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ไม่มากก็น้อย นอกจากนี้เขายังกล่าวต่อถึงการทำงานของพิษแมงกะพรุน หากผู้ใดโดนพิษแมงกะพรุนแล้วให้ใช้น้ำทะเลสาดทันที เพราะความเค็มของน้ำจะทำให้พิษหลุดไปได้

    “เข็มพิษของแมงกะพรุนจะทำงานไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะหลุดจากตัวมาแล้ว เซลล์เข็มพิษบางส่วนอาจยิงเข็มไปแล้ว บางส่วนอาจยังไม่ได้ยิง การใช้น้ำทะเลสาดจะช่วยให้เซลล์เข็มพิษหลุดไป อย่าใช้น้ำจืดเด็ดขาด เพราะปกติเข็มพิษอยู่ในทะเล เมื่อราดด้วยน้ำจืด จะเกิดปฏิกิริยาทำให้เซลล์ยิงเข็มพิษ ต้องใช้น้ำทะเลเท่านั้น ห้ามใช้ปัสสาวะหรือน้ำยาอื่นๆ รวมถึงเหล้าหรือน้ำยาที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม จำง่ายๆ ว่าอะไรที่ไม่ใช่น้ำทะเล จะทำให้เข็มพิษทำงานหนักขึ้น

    หากมีเศษหนวดติดอยู่ ต้องรีบเอาออก แต่อย่าใช้มือสัมผัสโดยเด็ดขาด ใช้น้ำสาดใส่ หรือใช้กิ่งไม้เศษไม้เขี่ยออก หรือหากมีเครดิตการ์ด จะใช้ขูดออกก็ได้ แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวัง มีรายงานบอกว่า ใช้ครีมโกนหนวดเทใส่บริเวณแผลก็ช่วยได้ หน่วยงานทางการแพทย์บางแห่งยอมรับ สำหรับผมหากโดนจริงก็คงใช้ (แต่ไม่มั่นใจนะครับ) การนำเศษหนวดและเซลล์เข็มพิษออกจากผิวหนังเป็นเรื่องสำคัญสุด เซลล์เข็มพิษพวกนี้อาจติดอยู่ตามเสื้อผ้าชุดว่ายน้ำและยิงไปเรื่อย เพราะฉะนั้น หาทางถอดชุดพวกนั้นออก อย่าทิ้งไว้คาตัวผู้ป่วย”

    ต่อข้อสงสัยที่ว่า หากโดนพิษแมงกะพรุนแล้วใช้น้ำส้มสายชูจะช่วยได้จริงหรือไม่นั้น ดร.ธรณ์ กล่าวว่ามีอยู่ด้วยกัน 2 กระแสคือ น้ำส้มสายชูจะหยุดการทำงานของเข็มพิษที่ยังไม่ยิงออกมา แต่อีกกระแสหนึ่งกล่าวว่าจะทำให้พิษของเข็มที่ยิงออกมาแล้วยิ่งออกมาเยอะจะทำให้เกิดอันตรายได้

    “ตอนนี้ดันมีงานวิจัยบอกว่าไม่แน่แล้วนะ แม้น้ำส้มสายชูจะหยุดการทำงานของเข็มพิษที่ยังไม่ยิงออกมา แต่จะทำให้พิษของเข็มที่ยิงออกมาแล้วยิ่งออกมาใหญ่ บอกตามตรง ในโลกยังมี 2 กระแส บ้างก็ยังใช้อยู่ บ้างก็ไม่แนะนำให้ใช้แล้ว สำหรับผม ยังไงก็ใช้ครับ แต่ไม่หมกมุ่นร้อยเปอร์เซ็นต์

    จากนั้นก็นำส่งแพทย์โดยด่วน ต้องมีผู้ที่ปฐมพยาบาลฉุกเฉิน ในกรณีที่ผู้ป่วยหยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้นไปด้วย โดยปกติแล้ว หากนำเซลล์เข็มพิษออกหมด ภายใน 5-10 นาที อาการเจ็บปวดน่าจะทุเลา อาจใช้น้ำแข็งประคบก็ได้ครับ แต่ต้องมั่นใจว่าเซลล์เข็มพิษหมดแล้ว โดยปกติแล้ว ผู้ป่วยที่โดนมากจะเกิดอาการรุนแรงใน 10 นาที หากหลังจากนั้นโอกาสเสียชีวิตมีน้อยครับ”

    ทั้งนี้ นักวิชาการด้านระบบนิเวศทางทะเล ยังกล่าวทิ้งท้ายเพิ่มเติมอีกว่าจากสถิติที่ผ่านมาประชากรต้องตกอยู่ในภาวะเสี่ยงกับการโดนแมงกะพรุนกัดหน่วยงานที่รับผิดชอบ อาทิ กรมทะเล กระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานท่องเที่ยว และองค์กรท้องถิ่น ควรต้องหารือเพื่อหาแนวทางปฏิบัติอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์อันน่าสะเทือนขวัญ ดังเช่นกรณีนี้ขึ้นอีก

    ข่าวโดยASTV ผู้จัดการLive
    ขอบคุณข้อมูล:
    Thon Thamrongnawasawat

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,649
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้ว่าฯ มุกดาหารเตือนชุมชนริมตลิ่งระวังดินทรุดหลังน้ำโขงเพิ่มไม่หยุด โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 สิงหาคม 2558 11:09 น. (แก้ไขล่าสุด 2 สิงหาคม 2558 11:53 น.)

    [​IMG]

    มุกดาหาร - ระดับน้ำโขงที่มุกดาหารเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาน้ำโขงหนุนเข้าลำห้วยสาขา รวมถึงชุมชนในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร ที่อาศัยติดริมฝั่งแม่น้ำโขง ผู้ว่าฯ มุกดาหาร เตือนให้ระมัดระวังตลิ่งทรุดตัว น้ำเชี่ยวกราก และสัตว์เลื้อยคลาน ล่าสุด อยู่ที่ 10.24 เมตร วิกฤตอยู่ที่ 12.50 เมตร

    วันนี้ (2 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านจังหวัดมุกดาหาร มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกวัน เนื่องจากมีฝนตกตลอดทั้งวันทั้งคืน จึงทำให้น้ำในลำห้วยสาขา คลอง ไหลลงสู่แม่น้ำโขงจึงทำให้น้ำมีสีขุ่น และมีเศษกิ่งไม้ ท่อนไม้ ท่อนซุง ไหลมากับน้ำ ทำให้การเดินเรือข้ามฟากที่ท่าเทียบเรือท่าข้ามเทศบาลเมืองมุกดาหาร ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือที่จะข้ามไปยังแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว

    ส่วนผู้โดยสารที่จะเดินทางไปทางเรือโดยสาร ทางเทศบาลฯ จะให้สวมใส่เสื้อชูชีพกันทุกคนเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ และขณะนี้น้ำในอ่างเก็บน้ำทุกอำเภอในเขตจังหวัดมุกดาหาร 15 แห่ง มีความจุรวม 82.78 ล้านลูกบาศก์เมตร ล่าสุด อยู่ที่ 40.128 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 48.48%

    นายสกลสฤษฎ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า ต้องการเตือนประชาชนที่อยู่ตามแนวตลิ่งริมฝั่งแม่น้ำโขง และชาวประมงที่ออกหาปลาในแม่น้ำโขงในช่วงนี้ให้ระมัดระวังอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะอันตรายจากการทรุดของดินตลิ่ง เนื่องจากฝนตกติดต่อกันหลายวัน ทำให้น้ำในแม่น้ำโขง น้ำในลำห้วยสาขา และอ่างเก็บน้ำมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น

    ล่าสุด อยู่ที่ 10.24 เมตร วิกฤตอยู่ที่ 12.50 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 2.26 เมตร สูงเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.24 เมตร

    “ชาวประมง และเรือโดยสารข้ามฟากให้ระมัดระวังน้ำที่ไหลเชี่ยว และเศษไม้ที่ไหลมากับน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อชีวิต และทรัพย์สินเสียหาย และได้กำชับไปยังสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดมุกดาหาร ให้ติดตามสถานการณ์ฝนตกในระยะนี้อย่างใกล้ชิดตลอดเวลาแล้ว”


     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,649
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชาวนาชัยนาทผงะ! พบหลุมยุบลึกกว่า 5 เมตรกลางทุ่งนา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 สิงหาคม 2558 23:06 น.

    [​IMG]

    ชัยนาท - ชาวนาอำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาทผงะ! พบหลุมยุบลึกกว่า 5 เมตรกลางทุ่งนา

    เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้ (2 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายวิสูตร ชื่นป้อม อายุ 54 ปี สมาชิก อบต.ท่าฉนวน อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ว่า ได้เกิดมีหลุมยุบในนาข้าวลึกกว่า 5 เมตร จึงเดินทางไปตรวจสอบ

    โดยจุดที่เกิดหลุมยุบอยู่ในนาข้าวของนางสำเนา เงินเนตร บริเวณหมู่ที่ 6 ต.ท่าฉนวน อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ซึ่งมีข้าวปลูกอยู่เต็มท้องนา และมีน้ำหล่อเลี้ยงต้นข้าวไว้สูงประมาณ 20 เซนติเมตร ทำให้มองไม่เห็นปากหลุมที่เกิดการยุบตัว

    นายวินัย ชื่นป้อม อายุ 52 ปี ชาวนา ต.ท่าฉนวน กล่าวว่า ตนทำนาอยู่ติดกับนาของนางสำเนา เมื่อช่วงบ่ายระหว่างที่คนงานกำลังเดินตัดวัชพืชในนา ได้เดินตกลงไปในหลุมดังกล่าว โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ตนและชาวนาที่อยู่ใกล้เคียงจึงมาดูว่าเป็นหลุมอะไร เพราะที่ผ่านมานาผืนนี้ ไม่เคยเจาะบ่อบาดาลหรือขุดบ่อน้ำมาก่อน

    แต่ปรากฏว่าเกิดมีหลุมนี้เกิดขึ้นมา จึงพยายามทดสอบความลึกของหลุม แต่ในนามีน้ำที่หล่อเลี้ยงต้นข้าวไว้ทำให้มองไม่เห็นปากหลุม จึงต้องใช้มือคลำปากหลุมพบว่ามีขนาดกว้างประมาณ 50 เซนติเมตร และลองนำไม้มาปักลงไปในหลุมเพื่อหยั่งความลึก พบว่ามีความลึกถึงประมาณ 5.5 เมตร

    นายวิสูตร ชื่นป้อม อายุ 54 ปี สมาชิก อบต.ท่าฉนวน กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าของนาได้นำไม้มาปักเป็นเครื่องหมายไว้ เพื่อป้องกันคนพลัดตกลงไป และคงจะรอให้ข้าวออกรวงเก็บเกี่ยวเสร็จแล้วก็จะนำดินมาถมหลุมให้เต็มตามเดิม โดยไม่ได้แจ้งให้หน่วยงานใดเข้ามาตรวจสอบ

    ทั้งนี้ ในบริเวณดังกล่าวเป็นผืนนาข้าวทั้งหมด พบว่ามีการขุดเจาะบ่อบาดาลน้ำตื้นเพื่อใช้ในการทำนาอยู่หลายจุด และในจุดที่เกิดหลุมยุบก็มีบ่อบาดาลอยู่ใกล้ๆ ห่างออกไปไม่ถึง 30 เมตร อาจเป็นไปได้ว่าในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาที่เกิดฝนทิ้งช่วง ชาวนาต้องสูบน้ำจากบ่อบาดาลขึ้นมาใช้ทำนาจำนวนมากจึงอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ดินเกิดการยุบตัว

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,649
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข่าวสารที่นำมาลงคงได้แต่แหล่งที่ผมนำมาลงในช่วงหลังๆ น่ะครับ ที่เขาไม่ได้มีข้อห้ามที่ตายตัวชนิดนำมาลงไม่ได้เลย เพราะคงต้องทำตาม พรบ.ลิขสิทธิ ถึงแม้ผมไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,649
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "ตร." ชนะ "อดีตผู้พิพากษา" เมื่อกฤษฎีกาชี้ขาดใช้มือถือขณะรถติดไฟแดงผิดกม.
    เขียนวันที่ วันอาทิตย์ ที่ 02 สิงหาคม 2558 เวลา 10:20 น.เขียนโดยisranewsหมวดหมู่เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา |

    [​IMG]

    "..การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะที่หยุดรถตามสัญญาณจราจรไฟสีแดงโดยไม่ใช้อุปกรณ์เสริมตามข้อยกเว้นดังกล่าง จึงเป็นการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในระหว่างการขับรถ และเป็นความผิดตามมาตรา 43 (9) ซึ่งมีโทษตามมาตรา 157 แห่งพ.ร.บ.จราจรทางบท พ.ศ.2522.."


    เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้เผยแพร่ความเห็นทางกฎหมาย กรณีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะหยุดรถตามสัญญาณจราจรสีแดง (ไฟแดง)

    โดยระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้มีหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในช่วงกลางเดือนมีนาคม 2558 สรุปความได้ว่า มีอดีตผู้พิพากษาท่านหนึ่ง ได้ตั้งประเด็นในสังคมออนไลน์เกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะรถจอดติดสัญญาณไฟแดง โดยเห็นว่าไม่เป็นความผิดตามมาตรา 43 แห่ง พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ.2522

    เนื่องจากความหมายตามพจนานุกรม คำว่า "การขับขี่" หมายความว่า สามารถบังคับเครื่องยนต์ให้ยานพาหนะเคลื่อนที่ไปได้ โดยอ้างว่าขณะรถติดสัญญาณไฟแดงรถไม่ได้เคลื่อนที่ จึงก่อให้เกิดปัญหาความเคลือบแคลงในทางกฎหมาย

    และเมื่อ สตช. ได้สอบถามความเห็นของหน่วยงานในสังกัดแล้ว ปรากฎว่า ได้ความว่า การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะรถจอดติดสัญญาณไฟแดงโดยไม่มีอุปกรณ์สำหรับสนทนาเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ

    เนื่องจากผู้ขับขี่รถ ถือว่าเป็นบุคคลผู้ใช้ทางเดินรถ มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายทั้งที่ เป็นข้อห้ามและข้อปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของกฎหมายนี้ มิใช่ตีความตามพจนานุกรม กรณีการจอดรถในขณะติดสัญญาณไฟแดง ยังถือว่า ผู้ขับขี่ ต้องควบคุมรถอยู่ตามกฎหมายจราจร และพร้อมที่จะขับเคลื่อนต่อไปเมื่อมีสัญญาณไฟเขียว ผู้ขับขี่จำเป็นต้องมีสติและสมาธิตลอดเวลาในการใช้มือทั้งสองข้างควบคุมรถ

    สตช. จึงเห็นว่า เนื่องจากกรณีดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจน อีกทั้งผู้ให้ความเห็นเป็น "อดีตผู้พิพากษา" จึงอาจเกิดปัญหาในทางปฏิบัติหากมีการจับกุมในกรณีดังกล่าว อันอาจทำให้เจ้าพนักงานถูกฟ้องร้องดำเนินดคี แต่หากไม่ดำเนินการใดๆ ก็อาจทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเกิดความเคยชิน และอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้

    สตช. จึงขอหารือตามรายละข้างต้นว่า การใช้โทรศัพ์เคลื่อนที่ในขณะหยุดรถตามสัญญาณจราจรไฟแดง เป็นความผิดตามมาตรา 43 (9) แห่งพ.ร.บ.จราจาทางบกฯ หรือไม่

    เบื้องต้น คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 4) ได้เชิญตัวแทนผู้เกี่ยวข้องและพิจารณาข้อกฎหมายแล้ว มีความเห็น 2 ประเด็น ดังนี้

    ประเด็นแรก ความหมายของการขับรถและการหยุดรถตามสัญญาณจราจรไฟสีแดง อยู่ในความหมายของการขับรถหรือไม่

    คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้ว มีความเห็นว่าเจตนารมณ์ของพ.ร.บ.จราจร ทางบกฯ กำหนดให้ผู้ขับขี่ซึ่งควบคุมรถอยู่ในทางเดินรถ จะต้องปฏิบัติตามสัญญาณจราจรและเครื่องหมายจราจร ซึ่งรวมถึงการหยุดรถหลังเส้นให้รถหยุดเพื่อรอสัญญาณไฟจราจรด้วย

    ดังนั้น การหยุดรถเพื่อรอสัญญาณไฟจราจร จึงเป็นเพียงการปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจรเท่านั้น โดยผู้ขับขี่ยังต้องควบคุมรถและปฏิบัติตามสัญญาณไฟแดงเจรจรต่อไป การหยุดรถตามสัญญาณจราจรไฟสีแดงดังกล่าว จึงยังอยู่ในความหมายของการขับรถ

    ประการสอง ขอยกเว้นการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถ ตามที่บัญญัติไว้ใน (9) ของมาตรา 43

    มาตรา 43 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ บัญญัติห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถในกรณีต่างๆ เช่น ขับรถในขณะหย่อนความสามารถในอันที่จะขับ ขับรถในขณะเมาสุรา ขับรถในลักษณะกีดขวางการจราจร ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว ฯลฯ, รวมทั้งในมาตรา 43 (9) กำหนดห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถในขณะใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่

    เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งหากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อห้ามดังกล่าว ก็จะต้องได้รับโทษปรับตั้งแต่ 400 บาท ถึง 1,000 บาท

    ทั้งนี้ เนื่องจากการที่ผู้ขับขี่ถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะขับรถ ทำให้ผู้ขับขี่ต้องควบคุมการจับพวงมาลัยด้วยมือเพียงข้างเดียว ซึ่งมีโอกาศที่ผู้ขับขี่จะเสียการควบคุมและการบังคับรถได้ อันส่งผลให้ประสิทธิภาพ ในการขับรถลดลง และอาจทำให้เกิดการกีดขวางทางจราจรหรือทำให้การเจราจรติดขัด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาจราจร และยังอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนด้วย

    ดังนั้น เพื่อเป็นการคุ้มครองความปลอดภับสำหรับผู้ใช้รถ จึงกำหนดห้ามผู้ขับขี่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะขับรถ โดยกำหนดข้อยกเว้นไว้กรณีเดียว คือ กรณีการใช้งานโดยผ่านอุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น

    จากข้อพิจารณาทั้งสองประเด็นดังกล่าว คณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่า เมื่อความในมาตรา 43(4) กำหนดไว้ชัดเจนแล้วว่า ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถในขณะใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนาโดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วย

    ย่อมแสดงให้เห็นได้ว่าบัญญัติดังกล่าวประสงค์จะห้ามการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะผู้ขับขี่ควบคุมรถอยู่ในทางเดินรถ ไม่ว่ารถดังกล่าวจะอยู่ในระหว่างการเคลื่อนที่หรืออยู่ระหว่างการหยุดรถตามสัญญาณจราจร โดยยกเว้นไว้เฉพาะการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนาโดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่เท่านั้น

    ฉะนั้น การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ ในขณะที่หยุดรถตามสัญญาณจราจรไฟสีแดงโดยไม่ใช้อุปกรณ์เสริมตามข้อยกเว้นดังกล่าง จึงเป็นการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในระหว่างการขับรถ และเป็นความผิดตามมาตรา 43 (9) ซึ่งมีโทษตามมาตรา 157 แห่งพ.ร.บ.จราจรทางบท พ.ศ.2522

    อนึ่ง สำหรับอดีตผู้พิพากษา ที่โพสต์แสดงความเห็นเรื่องนี้ คือ นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา โดยได้โพสต์แสดงความเห็นในเฟซบุ๊กส่วนตัว Chuchart Srisaeng เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2557

    (อ่านความเห็นกฤษฎีกาฉบับเต็มได้ที่นี่ http://web.krisdika.go.th/data/comment/comment2/2558/c2_1181_2558.tif)

    หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก Google

    http://www.isranews.org/เรื่องเด่น-สำนักข่าวอิศรา/item/40321-report_40321.html
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,649
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักกฎหมายยันแชร์ภาพดอกไม้ได้ไม่ผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ แต่อย่าดัดแปลง
    Written by: newmedia2015/08/02 8:03 PM

    [​IMG]

    สำนักข่าวไทย 2 ส.ค. – นักกฎหมายยืนยันบุคคลทั่วไปแชร์ภาพถ่ายดอกไม้ในกลุ่มไลน์ ถือเป็นการใช้ส่วนตัว ไม่ผิดกฎหมาย แต่ระวังอย่าดัดแปลงภาพ แนะหากจะเติมข้อความ ควรใส่ในกรอบภาพจะปลอดภัยกว่า

    นายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายลิขสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีที่มีการแชร์ส่งต่อข้อความเตือนว่าให้งดแชร์ภาพดอกไม้ เนื่องจากผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับใหม่ ว่า ข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริงและทำให้เข้าใจผิด เพราะการส่งต่อข้อความในกลุ่ม LINE ได้รับความคุ้มครองถือเป็นการใช้ส่วนตัว และไม่กระทบต่อเจ้าของลิขสิทธิ์ ตามมาตรา 32 วรรค 1 ของกฎหมายลิขสิทธิ์ตั้งแต่ฉบับเดิม

    “กรณีนี้เป็นการนำงานมีลิขสิทธิ์ประเภทภาพถ่าย ไปทำซ้ำเผยแพร่ แม้ภาพถ่ายลักษณะดังกล่าวจะเป็นงานที่มีลิขสิทธิ์ แต่กรณีที่นำไปใช้ส่วนตัวถือว่ากระทำได้ มีกฎหมายคุ้มครอง อย่างไรก็ตาม หากมีการลบหรือแก้ไขตัวภาพ อาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมายได้ เพราะถือเป็นการดัดแปลงงานลิขสิทธิ์ของผู้อื่น” นายไพบูลย์กล่าว

    นายไพบูลย์แนะนำว่า หากต้องการส่งต่อภาพถ่ายดอกไม้หรือภาพถ่ายใด ๆ ของผู้อื่น ควรส่งภาพนั้นโดยไม่มีการดัดแปลง หรือพิมพ์ข้อความทับลงไปบนภาพ หากต้องการใส่ข้อความเช่น “อรุณสวัสดิ์” ควรใส่บนกรอบภาพแทน ส่วนคนที่จะใส่เพิ่มชื่อเจ้าของผลงานนั้นลงไป ถือว่ายิ่งดี ยิ่งได้รับการคุ้มครอง เพราะมีเจตนาไม่ละเมิดลิขสิทธิ์อย่างชัดเจน

    การเผยแพร่ต่อสาธารณชน คือการทำให้ปรากฏต่อบุคคลทั่วไป แต่กฎหมายยกเว้นให้บุคคลทั่วไปในกรณีลักษณะที่เป็นการส่งเข้ากลุ่มส่วนตัว อย่างไรก็ตาม หากนิติบุคคลเป็นผู้ส่ง อาจจะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการประกอบธุรกิจได้

    “บริษัทห้างร้าน นิติบุคคล จะต้องระมัดระวังการโพสต์หรือแชร์ภาพที่มีลิขสิทธิ์เหล่านี้ เพราะกฎหมายไม่ได้คุ้มครองไปถึง ไม่สามารถอ้างว่าเป็นการใช้งานส่วนตัวได้” นายไพบูลย์ระบุ

    สำหรับกฎหมายใหม่ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 สิงหาคม 2558 นี้ จะเพิ่มเติมในส่วนของความผิดในการนำผลงานลิขสิทธิ์มาลบชื่อเจ้าของลิขสิทธิ์ออก ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่แชร์กันนี้

    นายไพบูลย์ ยังกล่าวถึงการแชร์กันว่า สามารถใช้เพลงซึ่งมีลิขสิทธิ์เป็นการภายในสำนักงานได้นั้น เป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ที่จริงแล้วยังถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะเกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ นอกจากนั้น ที่แชร์ว่าห้ามเก็บภาพไว้ในแฟ้มข้อมูลนั้น ก็เป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง เพราะกฎหมายลิขสิทธิ์ไม่ได้เอาผิดการเก็บภาพ แต่เอาผิดการเผยแพร่ภาพ

    สำหรับข้อความที่ส่งต่อกัน ระบุว่า :

    เรียน สมาชิกไลน์ทุกท่านด้วยความห่วงใย.

    เนื่องจากกฎหมายลิขสิทธิ ที่จะมีผลเริ่ม 4 สิงหาคมนี้
    จึงจำเป็นต้องยุติ การส่งไลน์ภาพดอกไม้ เนื่องจากภาพ เหล่านั้นเป็นภาพที่มีลิขสิทธิ์ กว่า 95% แม้ว่าจะก๊อป มาจาก กูลเกิ้ลทั้งหมด สองสามวันมานี้ ขยายภาพเพื่อก๊อบไม่ได้จอดำมืด มีข้อความเตือนว่า image may be subject to copy right จึงยุติการก๊อปปี้ และจะยุติการเผยแพร่ภาพดอกไม้ เป็นการถาวรด้วย

    ท่านใดที่เก็บสะสมภาพเก่าๆไว้ โปรดสะสมเป็นส่วนตัว อย่าได้ส่งต่อให้ผู้ใดเป็นอันขาด เพราะจะเป็นการ ละเมิดลิขสิทธิ์เจ้าของภาพ ภาพแทบทุกภาพ มีลิขสิทธิ์ทั้งสิ้น ถ่ายโดยช่างภาพมีชื่อเสียง และเป็นดอกไม้ ประเภทแปลกที่สุดในโลก, สวยที่สุดในโลก, แพงที่สุดในโลก, หายากที่สุดในโลก ฯลฯ. ด้วยความเป็นห่วงคะ

    นักกฎหมายยันแชร์ภาพดอกไม้ได้ไม่ผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ แต่อย่าดัดแปลง | เว็บไซต์สำนักข่าวไท
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,649
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ยูเครนมีแนวโน้มแบ่งแยกปกครองเพิ่มอีก 2 แห่ง โปโรเชนโก้มามุกใหม่เรียกร้องสถานะการปกครองตนเองให้ไคร์เมียแต่ให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของยูเครน

    [​IMG]

    -----------
    หันมาดูกระแสความเป็นไปในยูเครนกันบ้าง มีอยู่ 2-3 ข่าวสั้นๆที่น่าสนใจจะเอามาเล่าให้ฟังก่อน เดี๋ยวค่อยเข้าสู่เมนคอร์สกันทีหลังนะครับ
    เท่าที่สังเกตจากข่าวต่างประเทศฝั่งรัสเซียเมื่อเร็วๆนี้ พบว่าไม่เพียงแต่ภูมิภาค (จังหวัด) Donetsk, Luhansk เท่านั้นที่ต้องการจะแบ่งแยกการปกครองตนเอง ยังมีอีก 2 จังหวัด (Oblast/province) ที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับ DPR/LPR ด้วย จังหวัดแรกคือ "Zaporizhya" ซึ่งอยู่ติดกับ Donetsk ชายฝั่งทะเล Azov ผู้คนที่นี่ส่วนมากเป็นโปรรัสเซียเพราะมีเชื้อสายและพูดภาษารัสเซียมากกว่าภาษายูเครน ส่วนอีกจังหวัดหนึ่งก็คือ "Rivne" อยู่ทางทิศตะวันตกของยูเครน ติดกับเบลารุส ไม่ใกล้รัสเซียเลย อยู่คนละทิศกันเลย มีชาวยูเครนเชื้อสายรัสเซียอาศัยอยู่แถวนั้นค่อนข้างน้อย มาดูรายละเอียด (ตามรายงานข่าว) กันซิว่าแนวความคิดนี้เกิดขึ้นมาจากฝ่ายไหนบ้าง
    เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 58 ที่ผ่านมารายงานข่าวจาก Sputnik news อ้างสำนักข่าวท้องถิ่นของยูเครนว่า "Kiev Rally Demands Special Status for Zaporizhya" แปลว่า "กรุงเคียฟเดินขบวนชุมนุมเรียกร้องสถานะพิเศษให้กับจังหวัด Zaporizhya" (เอาหละสิ... งานนี้มีลุ้น) รายงานข่าวท้องถิ่นบอกว่ามีประชาชนหลายร้อยคนรวมตัวกันด้านหน้ารัฐสภาในกรุงเคียฟเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เรียกร้องให้มีการปกครองตนเองและได้รับสวัสดิการทางสังคมที่ดีกว่าเดิมให้กับเมือง Zaporizhya ทางตอนใต้ของยูเครน
    ก่อนหน้านี้สภาเมือง Zarporizhya ได้อนุมัติร่างกฎหมายฉบับหนึ่งที่อนุญาตให้เมืองนี้ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมผลิตเหล็กมีสถานะพิเศษ โดยการเพิ่มอำนาจให้กับสภาท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น และเรียกร้องให้มีการปรับปรุงสวัสดิการต่างๆเกี่ยวกับสังคม-เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมทั้งในตัวเมืองและรอบเมืองด้วย นักกิจกรรมยังได้เรียกร้องให้ทางจังหวัด/ภูมิภาค Zaporizhya เก็บภาษีจากรัฐบาลกลางเพื่อใช้ในด้านการศึกษาและการดูแลสุขภาพ (ของประชาชน) ด้วย
    แต่กลุ่มผู้มีอำนาจ (ในยูเครนในเวลานี้) ก็พยายามที่จะดิสเครดิตแนวความคิดดังกล่าว เนื่องจากกลัวว่าพวกเขาอาจจะต้องจ่ายค่าจ้างให้กับคนงานในโรงงานเหล็กท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น สำนักข่าว 112.UA ของยูเครนอ้างคำพูดของกลุ่มผู้ประท้วงว่า "พวกเราเชื่อว่าหากปราศจากสถานทางกฎหมายและสังคม ภูมิภาค Zaporizhya ก็จะพบว่าตัวเองกลายเป็นตัวประกันในการทำคะแนนให้กับพวกผู้มีอำนาจและการปล้นทรัพย์" (แม้ว่าตอนนี้จะเป็นแค่กระแสเล็กๆ ยังไม่ลุกลามมาก แต่ถ้ามองในแง่ของการเมืองและความมั่นคงของประเทศในอนาคตแล้ว ปัญหาการแบ่งแยกดินแดนล้วนเกิดขึ้นจากการจุดชนวนเล็กๆแบบนี้ด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งจะจุดติดหรือไม่นั้นก็ต้องจับตาดูกันต่อไป และที่สำคัญก็คือ Zaporizhya อยู่ใกล้กับ Donetsk ซะด้วย ตอนนี้รัฐธรรมนูญใหม่ของยูเครนกำลังจะให้สถานะพิเศษกับ DPR/LPR ด้วย หลังจากนั้นแล้วถ้าพบว่าเศรษฐกิจของ DPR/LPR ดีขึ้นมีหรือที่เมืองอื่นๆที่อยู่ใกล้เคียงจะไม่อยากเดินตามด้วย?)
    มาดูอีกเมืองหนึ่งบ้าง วันนี้ (2 ส.ค.58) Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "Ukraine's Rivne Region Might Start Uprising Against Kiev" แปลว่า "ภูมิภาค Rivne ของยูเครนอาจจะเริ่มลุกฮืออัพไรส์ซิ่งต่อต้านกรุงเคียฟ" (เอาอีกแล้วไง "Uprising" คำนี้ฟังคุ้นๆนะ ไม่ใช่มาจากฝั่งโปรรัสเซียแน่นอน เพราะรัสเซียเขาไม่เอา Uprising และ ปฏิวัติสี แล้วมันมาจากใครหละ? งั้นอ่านข่าวต่อนะครับ)
    รายงานข่าวจากสถานีโทรทัศน์ TV Channel Zvezda (ของรัสเซีย) บอกว่า นาย Yevhen Deidei ซึ่งเป็นทหารยูเครนที่เข้าร่วมต่อสู้ในภูมิภาค Donbass (DPR/LPR) อันที่จริงเป็นถึงระดับผู้บัญชาการกองพันเลยหละ (Kyiv-1 Battalion Commander) ตอนถล่มกันกับกองกำลัง NAF โปรรัสเซียในยูเครนตะวันออก และปัจจุบันเป็นสมาชิกสภา Verkhovna Rada ของยูเครน (Supreme Council of Ukraine) กล่าวว่า "ภูมิภาค Rivne Region ของยูเครนกำลังอยู่บนขอบปากของสงคราม" (ว้าววว! จะเอาอีกแห่งแล้วรึ?)
    นาย Yevhen Deidei กล่าวว่า รัฐบาลท้องถิ่นกำลังเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเบื่อหน่ายกับนโยบายเชิงอาชญากรรมของรัฐบาลชุดปัจจุบัน และพร้อมที่จะลุกขึ้นมาถืออาวุธเพื่อปกป้องสิทธิ์ของพวกเขา (ฮั่นแน่ อ้างรัฐบาลท้องถิ่นและประชาชนเพื่อสร้างสงครามอีกแล้วครับท่าน เอ๊ะ… เหมือนความคิดของใครนะที่มักจะมีลักษณะแบบนี้หนะ? "พวกเรามีปืนอยู่ 10 ล้านกระบอก" คุ้นป๊ะ? คริๆ)
    รายงานข่าวบอกว่าผู้อยู่อาศัยใน Rivne ได้ติดต่อกับ Deidei ให้เดินทางไปที่ภูมิภาคดังกล่าวเพื่อตรวจดูสถานการณ์ด้วยตาของตัวเอง เขารู้สึกตกใจกับสิ่งที่เขาได้พบเห็น: การคอร์รัปชั่นของเจ้าหน้าที่รัฐบาลและสถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของประชาชนท้องถิ่นได้แผ่ขยายออกไปในวงกว้าง (เอ้า... ก็ไหนว่าเป็นประชาธิปไตยใหม่ มีเลือกตั้งใหม่แล้วมันจะดีขึ้นไม่ใช่รึ? แล้วทำไมรัฐบาลหุ่นเชิดของอเมริกาถึงไม่สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชนชาวยูเครนที่ไม่ได้อยู่ใกล้รัสเซียแม้แต่น้อยได้หละนี่?)
    สมาชิกสภาราด้าของยูเครนกล่าวว่า "ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันนี้ ประชาชนท้องถิ่นไม่มีทางเลือกอื่น ยกเว้น (ลุกขึ้นมา) ปกป้องสิทธิ์ต่างๆของพวกเขาด้วยอาวุธในมือของพวกเขาเอง เมือง Rivne จะกลายเป็น Donbass แห่งที่สองในไม่ช้านี้" (เวรกรรมอะไรนักหนาของประชาชนชาวยูเครนที่มีแต่พวกนักการเมืองบ้าสงครามแบบนี้นะ? เอะอะ อะไรมันก็ยุให้ประชาชนถือปืนออกมาเข่นฆ่ากันท่าเดียว มันอยากจะเห็นยูเครนลุกเป็นไฟทั้งแผ่นดินเลยหรือไง?)
    หากสถานการณ์ใน Rivne ยังดำเนินต่อไป ยูเครนจะไม่สามารถอยู่รอดจากการรับศึกสองด้านได้ รัฐบาลจะแตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในเร็วๆนี้ (เอาจริงอ่ะ? ก่อนหน้านี้ไทยเราก็เกือบจะตกอยู่ในสถานการณ์รับศึกสองด้านแบบนี้เช่นกัน ทางใต้มีก่อเหตุความไม่สงบ พวกขายชาติก็บอกว่าจะแบ่งแยกประเทศเป็นอิสานล้านนา พอถูกสังคมไทยส่วนมากต่อต้านอย่างหนักไม่มีใครรับมุกด้วย ก็ออกมาแถว่าเป็นเพียงวาทกรรมทางการเมือง กบฏสิไม่ว่า คราวนี้ยูเครนมามุกนี้อีกแล้ว)
    Deidei ยังขู่อีกว่า "นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมถึงต้องจัดการบางอย่างให้รวดเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางทหารในยูเครน ปัญหานี้จะต้องได้รับการแก้ไขเดี๋ยวนี้และในทันที"
    Yevhen Deidei นี่น่าจะเป็นพวก Right Sector เด็กเลี้ยงของจักรวรรดิเฮเกนะ ตอนนี้รัฐบาลยูเครนกำลังถูกตะวันตกบีบอย่างหนักให้ปลดอาวุธลดบทบาทและอำนาจของพวกกองกำลังอิสระ Right Sector พวกนี้ก็ไม่ยอมจึงหาทางที่จะโค่นรัฐบาลหุ่นเชิดของจักรวรรดิเฮเกให้ได้ เดี๋ยวก็ขู่ว่าจะล้มรัฐบาลบ้าง เดี๋ยวก็จะเปิดศึก 2 ด้านบ้าง เดี๋ยวก็จะก่อเหตุเผาไมดานครั้งที่สองบ้าง ดีๆทั้งนั้นความคิดของลูกน้องจักรวรรดิเฮเก
    หันไปดูไคร์เมียบ้าง เมื่อวันที่ 1 ส.ค.58 ที่ผ่านมา สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซีย พาดหัวข่าวว่า "Poroshenko Wants to Change Crimea’s Status" แปลว่า "ปธน.โปโรเชนโก้ต้องการจะเปลี่ยนแปลงสถานะของไคร์เมีย" (ฮ่าๆๆ ถามปูตินหรือยัง? โปโรเชนโก้จะเอาอำนาจอะไรไปงัดกับปูตินหละครับ เพราะว่าตอนนี้ไคร์เมียกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียแล้ว แม้ว่าสหรัฐฯกับอียูจะไม่ยอมรับก็ตาม แต่ปูตินบอกว่านี่คือแผ่นดินของรัสเซีย และที่สำคัญเรือรบหลายลำของกองทัพเรือยูเครนที่ติดอยู่ในฐานทัพ Sevastopol ก็ถูกรัสเซียอายัดเอาไว้ซะด้วย คริๆ คืนให้ไปบางส่วนหลังจากที่ชำแหละะเรียบร้อยแล้ว อาวุธไม่ให้นะ เอาแต่เรือเปล่าๆ ผุๆคืนไปละกัน)
    รายงานข่าวอ้างคำพูดของโปโรเชนโกว่า "แผนของพวกเรารวมถึงการพัฒนาโปรแกรมต่อไคร์เมีย มาตุภูมิทางประวัติศาสตร์ของชาวทาทาร์ไคร์เมีย สถานะของชาติและเขตการปกครองตนเอง (territorial autonomy) ที่อยู่ภายในประเทศยูเครน"
    รายงานข่าวบอกว่า "แหลมไคร์เมียในทะเลดำได้ทำประชามติ (และชนะด้วยคะแนนเสียง 96% ในการรวมเข้ากับรัสเซีย) หลังจากเกิดเหตุการณ์ อัพไรส์ซิ่งนองเลือด (bloody uprising) ขึ้นในกรุงเคียฟ ซึ่งได้รับการยกย่อง (การนองเลือด)
    โดยรัฐบาลของประเทศตะวันตก ว่าเป็น "การปฏิวัติประชาธิปไตย" (democratic revolution) แม้ว่า (ในความเป็นจริงแล้ว) ไม่มีอะไรที่จะต้องทำเกี่ยวกับเรื่องประชาธิปไตยเลยซักนิดเดียว หลังจากนั้น (หลังจากเผาไมดาน) ประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งก็ถูกขับออกจากประเทศและตามมาด้วยการทำรัฐประหาร" (อันนี้รัสเซียเขาไม่ได้พูดถึงไทยนะ อย่ามั่วหละ เขาพูดถึงกรณีของยูเครน ก็เมื่อสหรัฐฯและตะวันตกชูธงประชาธิปไตยนำหน้าในการก่อเหตุในยูเครน แล้วทำไมถึงต้องล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งซะเอง โดยอ้างว่าไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ก็ใช้วิธีรัฐประหารยึดอำนาจของรัฐบาลเก่าของยูเครนแล้วก็จัดการเลือกตั้งได้รัฐบาลหุ่นเชิดมาแทนอย่างทุกวันนี้ เมื่อมองดูยูเครนวันนี้ ตะวันตกกล้าพูดได้เต็มปากหรือไม่ว่านั่นคือประชาธิปไตยของแท้ที่สหรัฐฯและตะวันตกมอบให้ยูเครน? ตามด้วยสงครามกลางเมืองนี่นะ)
    อ้อ… ลองอ่านดูคอมเม้นท์จากเกรียนรัสเซียในเว็บข่าว มีหลายคนตั้งชื่อใหม่ให้โปโรเชนโก้ (Poroshenko) ด้วย เช่น "Porky" (ฮี่ๆๆ ชื่อน่ารักเชียว) บางคนก็เรียกเขาว่า "Porkyshenko" ฮ่าๆๆ หรือ "Porno-shenko" (แปลว่าเชนโก้โป๊ คริๆ)
    The Eyes
    02/08/2558
    ----------
    Kiev Rally Demands Special Status for Zaporizhya / Sputnik International
    Ukraine's Rivne Region Might Start Uprising Against Kiev / Sputnik International
    Poroshenko Wants to Change Crimea’s Status / Sputnik International
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,649
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    กองกำลังรักษาความสงบของรัสเซียสอยกลุ่มติดอาวุธต้องสงสัยเป็นผู้ก่อการร้ายไอซิส 8 รายรวดในนอร์ทคอเคซัส

    [​IMG]

    -------------
    วันนี้ (2 ส.ค.58) สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียรายงานข่าวว่า กองกำลังรักษาความสงบของรัสเซียประจำสาธารณรัฐอินกุสเชเทีย (Republic of Ingushetia) แถบเทือกเขา North Caucasus ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย ได้สังหารกลุ่มติดอาวุธ 8 ราย ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรก่อการร้ายไอซิส ตามคำประกาศของคณะกรรมการต่อต้านก่อการร้ายแห่งชาติ
    คณะกรรมการต่อต้านก่อการร้ายแห่งชาติของรัสเซียกล่าวว่า "ตามข้อมูลของกองกำลังรักษาความสงบ เมื่อเร็วๆนี้กลุ่มติดอาวุธที่เป็นกลางได้ทำการสาบานแสดงความจงรักภักดีและเข้าร่วมขบวนการก่อการร้ายสากลไอซิส"
    ผู้ต้องสงสัยตัวบงการการโจมตีที่เมือง Grozny เมืองหลวงของสาธารณรัฐ Chechen เมื่อเดือนธันวาคมปี 2014 ชื่อ Adam Tagilov ถูกระบุว่ารวมอยู่ในรายชื่อผู้ที่ถูกสังหารในครั้งนี้ด้วย
    องค์กรต่อต้านก่อการร้าย (ของรัสเซีย) บอกว่าพบอุปกรณ์ต่อพ่วงวัตถุระเบิดพร้อมใช้งาน และมีมากกว่า 2,000 ชุดในระหว่างการบุกจู่โจมในครั้งนี้
    กองกำลังรักษาความสงบแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย (Federal Security Service - FSB) กล่าวว่าในเดือนเมษายนที่ผ่านมาก กลุ่มหัวรุนแรงใน North Caucasus ที่มีชื่อว่า "Imarat Kavkaz" ได้กลายไปเป็นพันธมิตรกับพวกไอซิส รายงานจากสื่อฯต่างๆและคลิปวีดีโอปรากฎว่าสอดคล้องกับข้อมูลจากหน่วย FSB ของรัสเซีย
    รายงานข่าวบอกว่ากลุ่ม Imarat Kavkaz เป็นองค์กรอิสลามติดอาวุธฝักใฝ่การสร้างกาหลิบ (independent caliphate) ขึ้นมาใน North Caucasus ของรัสเซียซึ่งมุสลิมมีอิทธิพลเป็นส่วนมาก
    กองกำลัง FSB คาดว่ามีกลุ่มติดอาวุธราว 1,700 คนจากรัสเซียอาจจเข้าร่วมต่อสู้กับพวกไอซิสในซีเรียและอิรัค ที่กลุ่มหัวรุนแรงได้ยึดครองพื้นที่จำนวนมากเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
    และเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 58 ที่ผ่านมานี้เองรายงานข่าวบอกว่าทางการของรัสเซียได้บุกจับกุมผู้แกนนำในการหาสมาชิกเพิ่มให้กับกลุ่มผู้ก่อการร้ายไอซิสได้อย่างน้อย 30 คนห่างจากกรุงมอสโคว์ประมาณ 20 กม. รายงานจากกระทรวงมหาดไทยของรัสเซียบอกว่า ทางการรัสเซียได้จัดเจ้าหน้าที่พิเศษมากกว่า 300 คนในการต่อสู้กับกลุ่มผู้ก่อการร้ายไอซิสในกรุงมอสโคว์ กองกำลัง FSB ได้สร้างหน่วยเฉพาะกิจ (special unit) ขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับพวกหาสมาชิกไอซิสเพิ่ม (ISIL recruiters) ใน North Caucasus โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ (เสี่ยง) เช่น Dagestan, Ingushetia, Kabardino-Balkaria, Adygeya, Karachaevo-Cherkessia และ Chechnya
    กลุ่มผู้ก่อการร้ายไอซิสเป็นพวกกลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่ง ฉาวโฉ่ในเรื่องของความโหดร้ายต่อสิทธิมนุษยชน และยึดพื้นที่ขนาดใหญ่ทั้งในซีเรียและอิรัค ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
    เมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมารายงานข่าวบอกว่าหน่วยเฉพาะกิจของรัส (FSB) พึ่งจะสังหารผู้นำขององค์กรผู้ก่อการร้าย Imarat Kavkaz และมือขวาระดับขุนศึก (warlords) ติดอาวุธไป 2 รายในสาธารณรัฐ Dagestan แถบ North Caucasus รายงานจากคณะกรรมการต่อต้านก่อการร้ายแห่งชาติของรัสเซีย
    ยิ่งส่งมาเยอะ รัสเซียก็ยิ่งจัดหนักให้ ถ้ามอบตัวก็ถูกดำเนินคดี ถ้าคิดสู้จับตาย สไตล์ของรัสเซียไม่ใช่ยิงปะทะกันนะครับ เคยลงคลิปให้ดูแล้วนะ บึ้ม! ทิ้งทั้งคนทั้งบ้านเลย หรือไม่ก็มีสไนเปอร์เล็งปืนไว้ปิดทางหนี แล้วก็ส่งระเบิดไปให้กินหลายๆลูกภายในห้อง หลังจากที่มั่นใจว่าไม่มีเด็กและแมวติดค้างอยู่ภายในสถานที่ดังกล่าว ยังไม่มีข่าวจากลูกพี่ใหญ่ของไอซิสออกมาปรากฎตามสื่อฯต่างๆเลยเพื่อประท้วงมาตรการปราบปรามการก่อการร้ายของรัสเซียในครั้งนี้ คงจะได้แต่นั่งกัดฟันกรอดๆๆๆอยู่อ่ะนะ
    อ่ะแฮ่ม... FSB สืบสายเลือดมาจาก KGB นะขอรับ KGB ถูกยุบไปในปี 1991 และตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นมาชื่อ FSK ซึ่งก็มีลักษณะการทำงานเหมือนกับ KGB นั่นแหละ และในปี 1995 ก็เปลี่ยนชื่อมาเป็น FSB ต่อมาในปี 1998 เยลซินแต่งตั้งให้ปูติน (อดีต KGB) ไปคุม FSB หลังจากที่ขึ้นเป็นปธน.ของรัสเซีย ปูตินก็แต่งตั้งคนของตัวเองไปคุม FSB ในปี 2000 FSB เป็นองค์กรขนาดใหญ่เป็นหูเป็นตาและเป็นกองกำลังพิเศษให้กับรัฐบาลกลาง มีบุคคลากรราว 200,000 - 300,000 คน
    The Eyes
    02/08/2588
    -----------
    Russian Security Forces Kill 8 Suspected ISIL Militants in North Caucasus / Sputnik International
    Suspected ISIL Recruiters Detained Near Moscow / Sputnik International
    North Caucasus Terrorist Leaders Killed in Special Operation in Dagestan / Sputnik International
    https://en.wikipedia.org/wiki/Federal_Security_Service
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,649
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    อูยส์... นั่นมันเรื่องขายหน้าชัดๆเลย: อิสราเอลอาจจะส่งมอบอาวุธให้อิหร่านทางอ้อม!

    [​IMG]

    ------------
    มีอะไรสนุกๆมาเล่าให้ฟังครับ เมื่อวันที่ 31 ก.ค.58 ที่ผ่านมา สำนักข่าว Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "Well That’s Embarrassing: Israel May Be Indirectly Giving Weapons to Iran" อัยย่ะ! จริงอิ? Sputnik news เกริ่นนำว่า "อิสราเอลได้แสดงออกว่าไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงปัญหานิวเคลียร์อิหร่านครั้งแล้วครั้งเล่า โดยอ้างว่ากลัวจะถูกอิหร่านบอมด้วยระเบิดนิวเคลียร์ แต่กรุง Tel Aviv อาจจะไม่ได้ตั้งใจสนับสนุนเทคโนโลยีทางกองทัพของตนเองให้กับกรุงเตหะรานก็ได้ ขอบคุณสำหรับข้อตกลงระหว่างกรุงเตหะรานกับรัฐบาลจีน" (ฮ่าๆๆ อันนี้สื่อฯรัสเซียเขาเย้ยอิสราเอลกับสหรัฐฯหนะโดยใช้คำพูดว่า "อาจจะไม่ได้ตั้งใจ - inadvertently")
    รายงานข่าวบอกว่านายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู (Benjamin Netanyahu) หรือเรียกชื่อย่อว่า "บีบี้ - Bibi" ถือว่าเป็นหนึ่งในฝ่่ายที่ไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน (อิสราเอลไม่เห็นด้วยในกรณีกลุ่มประเทศมหาอำนาจนิวเคลียร์ P5+1 และยูเอ็นยกเลิกแซงชั่นอิหร่าน) เมื่อต้นเดือนนี้บีบี้กล่าวกับสำนักข่าว NBC ว่า "พวกเขากำลังจะทำเงินหลายแสนล้านดอลล่าร์สหรัฐฯเพื่อเติมเชื้อให้กับการก่อการร้ายและจักรกลทหารของพวกเขา" (จริงหรอบีบี้? พูดยังกะว่าอิสราเอลไม่ทำมาหากินกับการค้าขายอาวุธอย่างนั้นแหละ)
    ชาติต่างๆทั่วโลกส่วนมากมีความเห็นร่วมกันว่าอิหร่านไม่เป็นภัยคุกคาม และมีความสนใจในการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์เพื่อวัตถุประสงค์ด้านสันติภาพเท่านั้น แต่ถึงแม้ว่าเนทันยาฮูอาจจะพูดถูก กลับปรากฎว่าเขากำลังเอื้อประโยชน์ต่อภัยคุกคามร้ายแรงที่เขาได้เคยออกมาเตือนและต่อต้านซะงั้น (เป็นไงเล่า ลีลาเหน็บแบบเจ็บจี๊ดดดด ของสื่อฯรัสเซีย)
    เรื่องของเรื่องก็คือว่า สื่อฯรัสเซียเขาไปเจอข้อมูลข่าวจากเว็บไซต์ทางทหารของอิสราเอลชื่อ Debka File ซึ่งพาดหัวข่าวว่า "Iran orders from China 150 J-10 fighter jets that incorporate Israeli technology" (แปลว่า อิหร่านสั่งซื้อเครื่องบินรบ J-10 จำนวน 150 ลำซึ่งใช้เทคโนโลยีของอิสราเอลจากจีน) ฮ๊ะ! อิหร่านกับจีนทำได้แสบมาก สื่อฯรัสเซียรายงานต่ออีกว่า อิหร่านกำลังจะบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายกับรัฐบาลจีนในการซื้อเครื่องบินรบ Chengdu J-10 ฉายา "Vigorous Dragon" จำนวน 150 ลำ ซึ่งมีทั้งรุ่นที่นั่งเดี่ยวและสองที่นั่ง เหมาะสำหรับการจู่โจมภาคพื้นดินและสงครามอิเล็กทรอนิกส์ และมีหลักฐานยืนยันว่าเครื่องบินรบ Lavi ออกแบบโดยบริษัทด้านการบินอวกาศของอิสราเอลเอง (บีบี้จะทำหน้าอย่างไรหละนี่? คริๆ)
    กองทัพอากาศของจีน (People’s Liberation Army Air Force) ได้เปิดตัว J-10 ในปี 2006 ผู้เชี่ยวชาญด้านกองทัพหลายคนสังเกตเห็นได้ในทันทีเลยว่า มันเหมือนกับ Lavi ของอิสราเอลมาก ซึ่งพัฒนาร่วมกันระหว่างอิสราเอลกับสหรัฐอเมริกาในปี 1980s แต่ไม่เคยมีการผลิตออกมาใช้งานจริงๆ (มีแต่เครื่องต้นแบบจำนวนหนึ่งเท่านั้น?) นี่ไงที่มันเจ็บไปถึงสหรัฐฯเลยหละ
    คำถามก็มีอยู่ว่าแล้วรัฐบาลจีนได้พิมพ์เขียวของเครื่องบินรบ Lavi อิสราเอลกับสหรัฐฯไปได้อย่างไร? เพราะว่ามีแต่อิสราเอลกับสหรัฐฯเท่านั้นที่มีข้อมูลนี้ อิสราเอลถูกกล่าวหาว่าขายพิมพ์เขียวต้นแบบทั้งหมดของเครื่องรุ่นนี้ให้กับจีนโดยตรงเลย (อุบ๊ะ! กล้าหักหน้าอเมริกาขนาดนั้นเลยหรือ? แบบนี้คงจะกล่าวหาว่าจีนไปขโมยมาจากอเมริกาไม่ได้อีกแล้วสิ เพราะว่าก่อนหน้านี้สหรัฐฯชอบออกมาแกล้งทำเป็นโวยวายใส่ร้ายจีนตลอดว่าจีนค็อปปี้เครื่องบินรบของสหรัฐฯไปแม้กระทั่งรุ่นที่ 5 อย่าง J-20 ก็ถูกกล่าวหาว่าถูกแฮ็กเกอร์จีนล้วงความลับไปจากอเมริกาซะงั้น แต่แปลกนะสหรัฐฯไม่กล้าโทษอิสราเอลซักนิดเดียว เพราะอะไรหรือสหรัฐฯถึงได้เกรงใจอิสราเอลมากขนาดนั้น?)
    Tim Kennedy นักเขียนด้านกิจการกองทัพได้เขียนไว้ในรายงานกรุงวอชิงตันเกี่ยวกับกิจการในตะวันออกกลางในปี 1996 ว่า "…หลังจากที่อิสราเอลได้ยกเลิกโครงการที่ได้รับเงินสนับสนุนจากสหรัฐฯเป็นจำนวนมาก อิสราเอลก็ขายแผนงานของเครื่องบินรบ Lavi ให้กับจีนซึ่งรวมทั้งเทคโนโลยีที่เป็นความลับที่เกี่ยวข้องของสหรัฐฯด้วย" (ฮิ้ววว สะใจ! โถๆๆ… ทำไมอิสราเอลถึงทำอย่างนั้นกับสหรัฐฯได้หนอ)
    โดยธรรมชาติแล้วการตัดสินใจดังกล่าวได้ทำให้เจ้าหน้าที่กรุงวอชิงตันหัวเสียมาก และก็โกรธด้วยว่าคราวนี้สหรัฐฯได้ให้ความช่วยเหลือทางกองทัพจีนไปโดยไม่ได้ตั้งใจซะแล้ว (แหม… ทีอย่างนี้หละทำเป็นโกรธ แต่ตอนไปก็อปเทคโนโลยีเครื่องบินรบที่สามารถขึ้น-ลงในแนวดิ่งได้มาจากรัสเซียหละไม่เห็นจะบอกว่าขายหน้าตรงไหนเลย มิหนำซ้ำยังคุยโม้ว่าพัฒนาขึ้นมาเองอีกตะหาก)
    สื่อฯรัสเซียกล่าวต่ออีกว่า แน่นอนว่าคราวนี้เครื่องบินรบเหล่านั้นกำลังจะตกไปอยู่ในมือของอิหร่าน ดูเหมือนว่าทุกอย่างกำลังจะหวนกลับมาเป็นวงกลมอย่างสมบูรณ์ซะแล้ว (อิสราเอลไม่ถูกกันกับอิหร่าน อิหร่านเป็นมิตรกับจีน อิสราเอลแอบคบกับจีนลับหลังสหรัฐฯ อิสราเอลขายพิมพ์เขียวต้นแบบเครื่องบินรบ Lavi ที่พัฒนาร่วมกันกับสหรัฐฯให้กับจีน จีนเอาไปสร้างและพัฒนาต่อ จากนั้นก็ขายให้อิหร่านด้วย เพื่อเอาไปถล่มอิสราเอล ฮ่าๆๆ)
    รายงานข่าวบอกว่าอิหร่านไม่เพียงแต่กำลังจะซื้อเครื่องบินรบจากจีนเท่านั้น ตอนนี้กำลังชั่งน้ำหนักอยู่ว่าจะซื้อจากประเทศอื่นด้วยหรือไม่ ระหว่างของจีนกับของรัสเซีย อิหร่านอาจจะซื้อเครื่องบินรบ Sukhoi Su-30 Flanker H จำนวน 250 ลำจากกรุงมอสโคว์ก็ได้ หลังจากที่เมื่อต้นเดือนนี้ได้สั่งซื้อเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Ilyushin Il-78 ซึ่งนาโต้เรียกว่า "Midas" จำนวน 100 ลำจากรัสเซีย
    สื่อฯรัสเซียกล่าวต่ออีกว่า เท่าที่รู้ก็คืออิสราเอลไม่มีอะไรต้องทำเกี่ยวกับกรณีนั้น หมายถึงจีนจะขายเครื่องบินรบ J-10 ให้กับอิหร่านก็ไม่ใช่กงการอะไรของอิสราเอลกับสหรัฐฯอีกต่อไป เพราะได้ขายขาดตัวให้กับจีนไปแล้ว J-10 ของจีนมีสองรุ่นคือ J-10A (ที่นั่งเดี่ยว) และ J-10B (สองที่นั่ง) สื่อฯทางกองทัพของอิสราเอลบอกว่า J-10s ของจีนเทียบได้กับ F-16 ของสหรัฐเลยหละ ฮ่าๆๆ ซวยหละสิ
    The Eyes
    03/08/2558
    -----------
    Well That’s Embarrassing: Israel May Be Indirectly Giving Weapons to Iran / Sputnik International
    http://www.debka.com/…/Iran-orders-from-China-150-J-10-figh…-
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,649
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันนี้วันที่ 4 สิงหาคม 2558 ซึ่ง พรบ ลิขสิทธิ์ ฉบับใหม่มีผลบังคับใช้น่ะครับ การนำเอาข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสารอันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ มาเผยแพร่ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์น่ะครับ เพราะถือว่างานเหล่านี้ไม่มีลิขสิทธิ์ แต่จะต้องระวังเรื่องภาพ เสียง และวีดีโอให้มากๆ เพราะงานเหล่านี้ถอว่าเป็นงานที่มีลิขสิทธิ์ทั้งสิ้นครับ ดังนั้นเรามาดูกันน่ะครับ ว่า งานอันไม่ถือว่ามีลิขสิทธิ์ ซึ่งระบุไว้ใน พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มีอะไรกันบ้าง ตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ได้ระบุไว้ว่า “สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ ได้แก่ (1) ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสารอันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ (2) รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย (3) ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น (4) คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ (5) คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่นจัดทำขึ้น
    ----
    ส่วนงานที่มีลิขสิทธิ์ ได้ระบุเอาไว้ในมาตราที่ 6แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ได้กำหนดไว้ว่า “งานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ ได้แก่งานสร้างสรรค์ประเภทวรรณกรรม นาฏกรรม ศิลปกรรม ดนตรีกรรม โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง งานแพร่เสียงแพร่ภาพ หรืองานอื่นใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ ของผู้สร้างสรรค์ไม่ว่างานดังกล่าวจะแสดงออกโดยวิธีหรือรูปแบบอย่างใด
    การคุ้มครองลิขสิทธิ์ไม่คลุมถึงความคิด หรือขั้นตอน กรรมวิธีหรือระบบ หรือวิธีใช้หรือทำงาน หรือแนวความคิด หลักการ การค้นพบ หรือทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์” ซึ่งความหมายของงานที่มีลิขสิทธิ์ ในแต่ละประเภท ประกอบด้วยอะไรบ้าง ได้กำหนดไว้ในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ดังนี้ “ผู้สร้างสรรค์” หมายความว่า ผู้ทำหรือผู้ก่อให้เกิดงานสร้างสรรค์อย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ / “ลิขสิทธิ์” หมายความว่า สิทธิแต่ผู้เดียวที่จะทำการใด ๆ ตามพระราชบัญญัตินี้เกี่ยวกับงานที่ผู้สร้างสรรค์ได้ทำขึ้น / “วรรณกรรม” หมายความว่า งานนิพนธ์ที่ทำขึ้นทุกชนิด เช่น หนังสือ จุลสาร สิ่งเขียน สิ่งพิมพ์ ปาฐกถา เทศนา คำปราศรัย สุนทรพจน์ และให้หมายความรวมถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วย / “โปรแกรมคอมพิวเตอร์” หมายความว่า คำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใดที่นำไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานหรือเพื่อให้ได้รับผลอย่างหนึ่งอย่างใด ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในลักษณะใด / “นาฏกรรม” หมายความว่า งานเกี่ยวกับการรำ การเต้น การทำท่า หรือการแสดงที่ประกอบขึ้นเป็นเรื่องราว และให้หมายความรวมถึงการแสดงโดยวิธีใบ้ด้วย / “ศิลปกรรม” หมายความว่า งานอันมีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดหรือหลายอย่างดังต่อไปนี้ (1) งานจิตรกรรม ได้แก่ งานสร้างสรรค์รูปทรงที่ประกอบด้วยเส้น แสง สี หรือสิ่งอื่น อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกัน ลงบนวัสดุอย่างเดียวหรือหลายอย่าง (2) งานประติมากรรม ได้แก่ งานสร้างสรรค์รูปทรงที่เกี่ยวกับปริมาตรที่สัมผัสและจับต้องได้ (3) งานภาพพิมพ์ ได้แก่ งานสร้างสรรค์ภาพด้วยกรรมวิธีทางการพิมพ์ และหมายความรวมถึงแม่พิมพ์หรือแบบพิมพ์ที่ใช้ในการพิมพ์ด้วย (4) งานสถาปัตยกรรม ได้แก่ งานออกแบบอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง งานออกแบบตกแต่งภายในหรือภายนอก ตลอดจนบริเวณของอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง หรือการสร้างสรรค์หุ่นจำลองของอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง (5) งานภาพถ่าย ได้แก่ งานสร้างสรรค์ภาพที่เกิดจากการใช้เครื่องมือบันทึกภาพโดยให้แสงผ่านเลนซ์ไปยังฟิล์มหรือกระจก และล้างด้วยน้ำยาซึ่งมีสูตรเฉพาะ หรือด้วยกรรมวิธีใด ๆ อันทำให้เกิดภาพขึ้น หรือการบันทึกภาพโดยเครื่องมือหรือวิธีการอย่างอื่น (6) งานภาพประกอบ แผนที่ โครงสร้าง ภาพร่าง หรืองานสร้างสรรค์รูปทรงสามมิติอันเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ภูมิประเทศ หรือวิทยาศาสตร์ (7) งานศิลปประยุกต์ ได้แก่ งานที่นำเอางานตาม (1) ถึง (2) อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกันไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น นอกเหนือจากการชื่นชมในคุณค่าของตัวงานดังกล่าวนั้น เช่น นำไปใช้สอย นำไปตกแต่งวัสดุหรือสิ่งของอันเป็นเครื่องใช้หรือนำไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการค้า ทั้งนี้ ไม่ว่างานตาม (1) ถึง (7) จะมีคุณค่าทางศิลปะหรือไม่ และให้หมายความรวมถึงภาพถ่ายและแผนผังของงานดังกล่าวด้วย / “ดนตรีกรรม” หมายความว่า งานเกี่ยวกับเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อบรรเลงหรือขับร้องไม่ว่าจะมีทำนองและคำร้องหรือมีทำนองอย่างเดียว และให้หมายความรวมถึงโน้ตเพลงหรือแผนภูมิเพลงที่ได้แยกและเรียบเรียงเสียงประสานแล้ว / “โสตทัศนวัสดุ” หมายความว่า งานอันประกอบด้วยลำดับของภาพโดยบันทึกลงในวัสดุไม่ว่าจะมีลักษณะอย่างใด อันสามารถที่จะนำมาเล่นซ้ำได้อีก โดยใช้เครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการใช้วัสดุนั้น และให้หมายความรวมถึงเสียงประกอบงานนั้นด้วย ถ้ามี / “ภาพยนตร์” หมายความว่า โสตทัศนวัสดุอันประกอบด้วยลำดับของภาพ ซึ่งสามารถนำออกฉายต่อเนื่องได้อย่างภาพยนตร์หรือสามารถบันทึกลงบนวัสดุอื่น เพื่อนำออกฉายต่อเนื่องได้อย่างภาพยนตร์ และให้หมายความรวมถึงเสียงประกอบภาพยนตร์นั้นด้วย ถ้ามี / “สิ่งบันทึกเสียง” หมายความว่า งานอันประกอบด้วยลำดับของเสียงดนตรี เสียงการแสดง หรือเสียงอื่นใด โดยบันทึกลงในวัสดุไม่ว่าจะมีลักษณะใด ๆ อันสามารถที่จะนำมาเล่นซ้ำได้อีกโดยใช้เครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการใช้วัสดุนั้น แต่ทั้งนี้มิให้หมายความรวมถึงเสียงประกอบภาพยนตร์หรือเสียงประกอบโสตทัศนวัสดุอย่างอื่น / “นักแสดง” หมายความว่า ผู้แสดง นักดนตรี นักร้อง นักเต้น นักรำ และผู้ซึ่งแสดงท่าทาง ร้อง กล่าว พากย์ แสดงตามบทหรือในลักษณะอื่นใด / “งานแพร่เสียงแพร่ภาพ” หมายความว่า งานที่นำออกสู่สาธารณชนโดยการแพร่เสียงทางวิทยุกระจายเสียง การแพร่เสียงและหรือภาพทางวิทยุโทรทัศน์ หรือโดยวิธีอย่างอื่นอันคล้ายคลึงกัน / “ทำซ้ำ” หมายความรวมถึง คัดลอกไม่ว่าโดยวิธีใด ๆ เลียนแบบ ทำสำเนา ทำแม่พิมพ์ บันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกเสียงและภาพ จากต้นฉบับ จากสำเนา หรือจากการโฆษณาในส่วนอันเป็นสาระสำคัญ ทั้งนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน สำหรับในส่วนที่เกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้หมายความถึง คัดลอกหรือทำสำเนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์จากสื่อบันทึกใด ไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ ในส่วนอันเป็นสาระสำคัญ โดยไม่มีลักษณะเป็นการจัดทำงานขึ้นใหม่ ทั้งนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน / “ดัดแปลง” หมายความว่า ทำซ้ำโดยเปลี่ยนรูปใหม่ ปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม หรือจำลองงานต้นฉบับในส่วนอันเป็นสาระสำคัญโดยไม่มีลักษณะเป็นการจัดทำงานขึ้นใหม่ ทั้งนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน (1) ในส่วนที่เกี่ยวกับวรรณกรรม ให้หมายความรวมถึง แปลวรรณกรรม เปลี่ยนรูปวรรณกรรมหรือรวบรวมวรรณกรรมโดยคัดเลือกและจัดลำดับใหม่ (2) ในส่วนที่เกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ให้หมายความรวมถึง ทำซ้ำโดยเปลี่ยนรูปใหม่ ปรับปรุง แก้ไขเพิ่มเติมโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในส่วนอันเป็นสาระสำคัญ โดยไม่มีลักษณะเป็นการจัดทำขึ้นใหม่ (3) ในส่วนที่เกี่ยวกับนาฏกรรม ให้หมายความรวมถึง เปลี่ยนงานที่มิใช่นาฏกรรมให้เป็นนาฏกรรม หรือเปลี่ยนนาฏกรรมให้เป็นงานที่มิใช่นาฏกรรม ทั้งนี้ ไม่ว่าในภาษาเดิมหรือต่างภาษากัน (4) ในส่วนที่เกี่ยวกับศิลปกรรม ให้หมายความรวมถึง เปลี่ยนงานที่เป็นรูปสองมิติหรือสามมิติ ให้เป็นรูปสามมิติหรือสองมิติ หรือทำหุ่นจำลองจากงานต้นฉบับ (5) ในส่วนที่เกี่ยวกับดนตรีกรรม ให้หมายความรวมถึง จัดลำดับเรียบเรียงเสียงประสานหรือเปลี่ยนคำร้องหรือทำนองใหม่ / “เผยแพร่ต่อสาธารณชน” หมายความว่า ทำให้ปรากฏต่อสาธารณชน โดยการแสดง การบรรยาย การสวด การบรรเลง การทำให้ปรากฏด้วยเสียงและหรือภาพ การก่อสร้าง การจำหน่าย หรือโดยวิธีอื่นใดซึ่งงานที่ได้จัดทำขึ้น / “การโฆษณา” หมายความว่า การนำสำเนาจำลองของงานไม่ว่าในรูปหรือลักษณะอย่างใดที่ทำขึ้นโดยความยินยอมของผู้สร้างสรรค์ออกจำหน่าย โดยสำเนาจำลองนั้นมีปรากฏต่อสาธารณชนเป็นจำนวนมากพอสมควรตามสภาพของงานนั้น แต่ทั้งนี้ไม่หมายความรวมถึง การแสดงหรือการทำให้ปรากฏซึ่งนาฏกรรม ดนตรีกรรม หรือภาพยนตร์ การบรรยายหรือการปาฐกถา ซึ่งวรรณกรรม การแพร่เสียงแพร่ภาพเกี่ยวกับงานใด การนำศิลปกรรมออกแสดงและการก่อสร้างงานสถาปัตยกรรม

    และมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ซึ่งเป็นข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ ได้กำหนดไว้ว่า “การกระทำแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นตามพระราชบัญญัตินี้ หากไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์และไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ภายใต้บังคับบทบัญญัติในวรรคหนึ่ง การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ตามวรรคหนึ่ง มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าได้กระทำดังต่อไปนี้ (1) วิจัยหรือศึกษางานนั้น อันมิใช่การกระทำเพื่อหากำไร (2) ใช้เพื่อประโยชน์ของตนเอง หรือเพื่อประโยชน์ของตนเองและบุคคลอื่นในครอบครัวหรือญาติสนิท (3) ติชม วิจารณ์ หรือแนะนำผลงานโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น (4) เสนอรายงานข่าวทางสื่อสารมวลชนโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น (5) ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรือทำให้ปรากฏ เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาของศาลหรือเจ้าพนักงานซึ่งมีอำนาจตามกฎหมาย หรือในการรายงานผลการพิจารณาดังกล่าว (6) ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรือทำให้ปรากฏโดยผู้สอน เพื่อประโยชน์ในการสอนของตน อันมิใช่การกระทำเพื่อหากำไร (7) ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนของงาน หรือตัดทอนหรือทำบทสรุปโดยผู้สอนหรือสถาบันศึกษา เพื่อแจกจ่ายหรือจำหน่ายแก่ผู้เรียนในชั้นเรียนหรือในสถาบันศึกษา ทั้งนี้ ต้องไม่เป็นการกระทำเพื่อหากำไร (8) นำงานนั้นมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการถามและตอบในการสอบ”

    ส่วน พรบ ลิขสิทธ์ ฉบับที่ ๒ พ.ศ.2558 ได้มีข้อเพิ่มเติมมาตรา 32 ซึ่งผมว่าเป็นการคุ้มครองประชาชนโดยทั่วไป ไม่ได้เกี่ยวกับการละเมิอลิขสิทธ์อะไรเลย มีรายละเอียด ดังนี้“มาตรา 32/1 การจําหน่ายต้นฉบับหรือสําเนางานอันมีลิขสิทธิโดยผู้ได้มาซึ่งกรรมสิทธ์ในต้นฉบับ หรือสําเนางานอันมีลิขสิทธิ์นั้นโดยชอบด้วยกฎหมาย มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ; มาตรา 32/2 การกระทําแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ที่ทําหรือได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายในระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีลักษณะเป็นการทําซ้ำที่จําเป็นต้องมีสําหรับการนําสําเนามาใช้เพื่อให้อุปกรณ์ที่ใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ หรือกระบวนการส่งงานอันมีลิขสิทธิ์ทางระบบคอมพิวเตอร์ทํางานได้ตามปกติ มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ; มาตรา 32/3 ในกรณีที่มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์ในระบบคอมพิวเตอร์ของ ผู้ให้บริการ เจ้าของลิขสิทธิ์อาจยื่นคําร้องต่อศาลเพื่อมีคําสั่งให้ผู้ให้บริการระงับการละเมิดลิขสิทธิ์นั้น เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ ผู้ให้บริการ หมายความว่า (1) ผู้ให้บริการแก่บุคคลอื่นในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต หรือให้สามารถติดต่อถึงกันโดยประการอื่น โดยผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการในนามของตนเองหรือในนามหรือเพื่อประโยชน์ ของบุคคลอื่น (2) ผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น คำร้องตามวรรคหนึ่ง ต้องมีรายละเอียดโดยชัดแจ้งซึ่งข้อมูล หลักฐานและคําขอบังคับ ดังต่อไปนี้ (1) ชื่อและที่อยู่ของผู้ให้บริการ (2) งานอันมีลิขสิทธิ์ที่อ้างว่าถูกละเมิดลิขสิทธิ์ (3) งานที่อ้างว่าได้ทําขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ (4) กระบวนการสืบทราบ วันและเวลาที่พบการกระทํา และการกระทําหรือพฤติการณ์ ตลอดทั้ง หลักฐานเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธ์ิ (5) ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการกระทําที่อ้างว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ (6) คําขอบังคับให้ผู้ให้บริการนํางานที่ทําขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ของ ผู้ให้บริการ หรือระงับการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วยวิธีอื่นใด เมื่อศาลได้รับคําร้องตามวรรคหนึ่ง ให้ศาลทําการไต่สวน หากศาลเห็นว่าคําร้องมีรายละเอียด ครบถ้วนตามวรรคสาม และมีเหตุจําเป็นที่ศาลสมควรจะมีคําสั่งอนุญาตตามคําร้องนั้น ให้ศาลมีคําสั่งให้ ผู้ให้บริการระงับการกระทําที่อ้างว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หรือนํางานที่อ้างว่าได้ทําขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการตามระยะเวลาที่ศาลกําหนด โดยคําสั่งศาลให้บังคับผู้ให้บริการ ได้ทันที แล้วแจ้งคําสั่งนั้นให้ผู้ให้บริการทราบโดยไม่ชักช้า ในกรณีเช่นนี้ ให้เจ้าของลิขสิทธิ์ดําเนินคดี ต่อผู้กระทําละเมิดลิขสิทธิ์ภายในระยะเวลาที่ศาลมีคําสั่งให้ระงับการกระทําที่อ้างว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ หรือนํางานที่อ้างว่าได้ทําขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ หน้า 9 เล่ม 132 ตอนที่ 6 ก ราชกิจจานุเบกษา 5 กุมภาพันธ์ 2558 ในกรณีที่ผู้ให้บริการมิใช่ผู้ควบคุม ริเริ่ม หรือสั่งการให้มีการละเมิดลิขสิทธิ์ในระบบคอมพิวเตอร์ ของผู้ให้บริการ และผู้ให้บริการนั้นได้ดําเนินการตามคําสั่งศาลตามวรรคสี่แล้ว ผู้ให้บริการไม่ต้องรับผิด เกี่ยวกับการกระทําที่อ้างว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เกิดขึ้นก่อนศาลมีคําสั่งและหลังจากคําสั่งศาลเป็นอัน สิ้นผลแล้ว ผู้ให้บริการไม่ต้องรับผิดต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการดําเนินการตามคําสั่งศาลตามวรรคสี่”

    แต่สิ่งที่เราจะต้องระมัดระวัง เมื่อพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2558 มีผลบังคับใช้คือ "ข้อมูลการบริหารสิทธิ" (Rights Management Information) ซึ่งหมายความว่า ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงผู้สร้างสรรค์ งานสร้างสรรค์ นักแสดง การแสดง เจ้าของลิขสิทธิ์ หรือระยะเวลาและเงื่อนไขการใช้งานอันมีลิขสิทธิ์ ตลอดจนตัวเลขหรือรหัส แทนข้อมูลดังกล่าว โดยข้อมูลเช่นว่านี้ติดอยู่หรือปรากฏเกี่ยวข้องกับงานอันมีลิขสิทธิ์หรือสิ่งบันทึกการแสดง และ "มาตรการทางเทคโนโลยี" (Technological Measures) ซึ่งหมายความว่า เทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการทําซ้ำหรือ ควบคุมการเข้าถึงงานอันมีลิขสิทธิ์หรือสิ่งบันทึกการแสดง โดยเทคโนโลยีเช่นว่านี้ได้นํามาใช้กับงาน อันมีลิขสิทธิ์หรือสิ่งบันทึกการแสดงนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ โดยดูจาก “หมวด 2/1 ข้อมูลการบริหารสิทธิและมาตรการทางเทคโนโลยี แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2558
    มาตรา 53/1 การลบหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลการบริหารสิทธิ โดยรู้อยู่แล้วว่าการกระทํานั้น อาจจูงใจให้เกิด ก่อให้เกิด ให้ความสะดวก หรือปกปิดการละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดง ให้ถือว่าเป็น การละเมิดข้อมูลการบริหารสิทธิ ; มาตรา 53/2 ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่างานหรือสําเนางานอันมีลิขสิทธิ์นั้นได้มีการลบหรือเปลี่ยนแปลง ข้อมูลการบริหารสิทธิ ให้ถือว่าผู้นั้นกระทําการละเมิดข้อมูลการบริหารสิทธิด้วย ถ้าได้กระทําการอย่างใด อย่างหนึ่งแก่งานนั้นดังต่อไปนี้ (1) นําหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจําหน่าย (2) เผยแพร่ต่อสาธารณชน ; มาตรา 53/3 การกระทําใดๆ ดังต่อไปนี้ มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดข้อมูลการบริหารสิทธิ (1) การลบหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลการบริหารสิทธิโดยเจ้าพนักงานผู้มีอํานาจตามกฎหมาย เพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย การอันจําเป็นในการป้องกันประเทศ การรักษาความมั่นคงแห่งชาติ หรือวัตถุประสงค์อื่นในทํานองเดียวกัน (2) การลบหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลการบริหารสิทธิโดยสถาบันการศึกษา หอจดหมายเหตุ ห้องสมุด หรือองค์กรแพร่เสียงแพร่ภาพสาธารณะ ที่ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อหากําไร (3) การเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งงานหรือสําเนางานอันมีลิขสิทธิ์ที่มีการลบหรือเปลี่ยนแปลง ข้อมูลการบริหารสิทธิ โดยสถาบันการศึกษา หอจดหมายเหตุ ห้องสมุด หรือองค์กรแพร่เสียงแพร่ภาพ สาธารณะ ที่ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อหากําไร ลักษณะของข้อมูลการบริหารสิทธิตาม (2) และงานหรือสําเนางานอันมีลิขสิทธิ์ที่มีการลบหรือ เปลี่ยนแปลงข้อมูลการบริหารสิทธิตาม (3) ให้เป็นไปตามที่กําหนดในกฎกระทรวง ; มาตรา 53/4 การหลบเลี่ยงมาตรการทางเทคโนโลยีหรือการให้บริการเพื่อก่อให้เกิดการหลบเลี่ยง มาตรการทางเทคโนโลยี โดยรู้อยู่แล้วว่าการกระทํานั้นอาจจูงใจหรือก่อให้เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิ ของนักแสดง ให้ถือว่าเป็นการละเมิดมาตรการทางเทคโนโลยี ; มาตรา 53/5 การกระทําตามมาตรา 53/4 ในกรณีดังต่อไปนี้ มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดมาตรการ ทางเทคโนโลยี (1) การกระทํานั้นจําเป็นสําหรับการกระทําแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ที่ได้รับยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ (2) เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบที่จําเป็นของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการใช้งานร่วมกับ โปรแกรมคอมพิวเตอร์อื่น (3) เพื่อประโยชน์แห่งการวิจัย วิเคราะห์ และหาข้อบกพร่องของเทคโนโลยีการเข้ารหัส โดยผู้กระทําต้องได้มาซึ่งงานหรือสําเนางานอันมีลิขสิทธิ์โดยชอบด้วยกฎหมายและได้ใช้ความพยายาม โดยสุจริตในการขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์แล้ว (4) เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะในการทดสอบ ตรวจสอบ หรือแก้ไขระบบความมั่นคงปลอดภัย ของคอมพิวเตอร์ ของระบบคอมพิวเตอร์ หรือของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยได้รับอนุญาตจากเจ้าของคอมพิวเตอร์ ระบบคอมพิวเตอร์ หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ แล้วแต่กรณี (5) เพื่อระงับการทํางานของมาตรการทางเทคโนโลยีในส่วนที่เกี่ยวกับการรวบรวมหรือกระจาย ข้อมูลบ่งชี้ส่วนบุคคลที่สะท้อนให้เห็นถึงกิจกรรมบนอินเทอร์เน็ตของผู้ที่เข้าถึงงานอันมีลิขสิทธิ์ โดยการกระทํานั้นต้องไม่กระทบต่อการเข้าถึงงานอันมีลิขสิทธิ์โดยบุคคลอื่น (6) การกระทําโดยเจ้าพนักงานผู้มีอํานาจตามกฎหมาย เพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย การอันจําเป็นในการป้องกันประเทศ การรักษาความมั่นคงแห่งชาติหรือวัตถุประสงค์อื่นในทํานองเดียวกัน (7) การกระทําโดยสถาบันการศึกษา หอจดหมายเหตุ ห้องสมุด หรือองค์กรแพร่เสียงแพร่ภาพ สาธารณะ ที่ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อหากําไร เพื่อเข้าถึงงานอันมีลิขสิทธิ์ที่ไม่อาจเข้าถึงได้ด้วยวิธีอื่น” หน้า 11 เล่ม 132 ตอนที่ 6 ก ราชกิจจานุเบกษา 5

    http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2558/A/006/7.PDF
    http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2558/A/006/14.PDF
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,649
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผมได้สอบถามเจ้าหน้าที่ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา เกี่ยวกับสิทธิในการเผยแพร่ข่าวสาร ตาม พรบ ลิขสิทธิ แล้วน่ะ ครับ เพื่อความปลอดภัย และได้รับคำตอบว่า
    1) การคัดลอกบทความข่าวมาลง เป็นการละเมิดลิขสิทธิครับ เพราะการที่สำนักข่าวจะนำลงบทความจะต้องมีการเรียบเรียงเนื้อหาข่าว มาในเบื้องต้น แล้ว ซึ่ง บทความข่าว ถือว่าเป็นงานทางวรรณกรรม มีลิขสิทธิ
    2) การคัดลอกบทความ หรือแม้แต่นำภาพมาลงโดยการใส่เครดิต ก็ถือว่าสุ่มเสี่ยงต่อการผิดลิขสิทธิครับ เพราะต้องได้รับอนุญาต จากเจ้าของบทความ และรูปภาพก่อน จึงจะนำมาใช้ได้ครับ
    3) การจะนำเอาข่าวสารมาลงให้ทำเป็นลิงค์ เพื่อให้ผู้สนใจตามคลิกไปที่หน้าข่าวนั้น เพื่อให้เขาเข้าไปติดตามข่าวสารที่หน้าเว็บที่ลงเนื้อหาข่าวตรงๆ ครับ ถึงจะไม่ผิด
    4) บทความที่นำมาลงก่อนวันที่ 4 สิงหาคม 2558 ไม่เป็นอะไรน่ะครับ เพราะกฏหมายทางอาญาไม่มีผลย้อนหลังครับ
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,649
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผมได้โทรสอบถาม เจ้าหน้าที่ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพิ่มเติมมาอีกครับ หมดเงินค่าโทรไปเยอะเลย ขอเล่าสู่กันฟังดังนี้ ของผมแชร์ได้ตามสบายเลยครับ
    1) การแชร์ยูทูป แล้วมาปรากฎในเฟสบุ๊ก ถ้าเกิดแชร์มาแล้ว และเวลาเปิดดูเปิดในหน้ายูทูป ถือว่าไม่ผิดลิขสิทธิ แต่ถ้าไปเปิดดูในหน้าอื่นที่ไม่ใช่ ยูทูป ผิดครับ
    2) การแชร์ ข่าวสารผ่านทางเฟสบุ๊ก จากปุ่่มแชร์ อย่าไปทำน่ะครับ เพราะถึงในเฟสบุ๊กจะมีปุ่มแชร์ให้ แต่ไม่ได้ถือว่าเจ้าของเฟสอนุญาต ถ้าไปแชร์มาแล้วเจ้าของเฟสไม่ให้ก็ถือว่าผิดลิขสิทธิ์ แม้แต่ในเฟสบุ๊กข่าวสารไปกดแชร์มาเหมือนไปยกโพสข่าวนั้นของเขามาปรากฎในเฟสของเรา ก็ถือว่าผิดลิขสิทธิ์ เช่นกันครับ ทำได้ก็คือ ไป ลอก URL ของเว็บนั้นมา และกดโพสต์จะดีกว่าน่ะครับ (เพราะเวลา เฟสข่าว เขาก็ไปลอก URL ข่าวของสำนักเขาเอามาลง และเขียนข้อความเพิ่มเติมเช่นกัน) และถ้ามีผู้สนใจก็ให้เขากดและไปดูบทความที่เว็บไซต์นั้นเลยครับถึงจะไม่ผิด
     
  15. k8132

    k8132 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2012
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +285
    ฟังดูแล้วรู้สึกยุ่งยาก เศร้า จุกจิก เริ่มไม่สนุกแล้ว
     
  16. PShinex

    PShinex เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +382
    แปลบทความภาษาอังกฤษเกี่ยวกับจิตวิญญาณ โดยมีชื่อผู้เขียนและที่อยู่ด้วย แปลแล้ว
    post ลง facebook ไปแล้วด้วยไม่รู้ว่าผิดหรือเปล่า ไม่ได้หากำไรน่าจะ ok แต่ถ้า
    ไม่ ok จะเอาออกไงเนี่ย
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,649
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เมื่อวานนี้ต้องขอโทษด้วยน่ะครับ พรบ ลิขสิทธิ์ ฉบับ ใหม่ มีผลบังคับใช้ ผมก็ยังไม่ค่อย เข้าใจตัวบทกฎหมาย ก็เลยดูสับสนหน่อย แต่บทความจาก เฟส ปอกเปลือก ทรราช จะไปคัดมาให้อ่านตามเดิมครับ พี่เจ้าของเฟสเขาอนุญาตครับ แต่ของเฟส Thanong Fanclub และ ทหารปฏิรูปประเทศไทย และข่าวของ ASTV คงหยุดคัดลอกมาให้อ่านครับ เพราะ2 เฟสแรก มีจำหน่ายสิ่งตีพิมพ์ ฉบับรวมเล่ม อาจไปกระทบยอดจำหน่าย แล้ว จะมีความผิด ตาม พรบ ลิขสิทธิ์ ฉบับใหม่ได้ ส่วนข่าว ASTV ก็คงทำเป็นลิงค์ให้เข้าไปกดเพื่อเปิดดูที่ เว็บไซต์เขาเลยน่ะครับ นี่เป็นที่อยู่ของเฟส ปอกเปลือกทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts ผมอยากขอให้พวกเราไปกดถูกใจให้เขา เพราะเขาเป็นคนมีน้ำใจแปลข่าวสารเพื่อให้พวกเราได้อ่าน และติดตามความจริงของโลกกันน่ะครับ

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,649
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ค้ามนุษย์-วิกฤตผู้อพยพลักลอบเข้าเมืองในยุโรปศึกภายในอียูระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส

    [​IMG]

    ------------
    เมื่่ออังกฤษกล้าที่จะออกมาขู่อียูว่าจะทำประชามติออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปขึ้นในเดือนมิถุนายน 2559 (2016) เพราะนักวิเคราะห์มองว่าขืนอังกฤษยังอยู่ในอียูต่อไปก็คงจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการถูกบีบให้ใช้สกุลเงินยูโรเดียวกันกับประเทศสมาชิกยูโรโซนอื่นๆเป็นแน่ หากมหาอำนาจในยุโรปเช่นฝรั่งเศสและเยอรมันสามารถบีบอังกฤษให้หันมาใช้เงินยูโรได้ ประเทศอื่นๆในยุโรปที่ยังไม่ได้เข้าร่วมในยูโรโซนก็ต้องทำตามในที่สุด
    ฝรั่งเศสก็บอกว่าได้ ถ้าอังกฤษอยากจะออกจากอียู งั้นฝรั่งเศสก็จะแถมกลุ่มผู้อพยพจากแอฟริกาและตะวันออกกลางให้อังกฤษไปด้วยเลยดีไหม? ด้วยการเปิดอุโมงค์ "Channel Tunnel / Eurotunnel" (ยาว 50.5 กม.) ที่ลอดใต้ช่องแคบอังกฤษจากเมือง Calais ในฝรั่งเศสไปยังเมือง Folkestone ในแคว้น Kent ใช้สำหรับเป็นช่องทางให้ผู้อพยพเดินผ่านจากฝรั่งเศสไปยังอังกฤษได้อย่างสบาย ที่ใช้สำหรับการคมนาคมด้วยรถไฟ
    เมื่อวันที่ 31 ก.ค.58 ที่ผ่านมาสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่านาย David Cameron นายกรัฐมนตรีของอังกฤษถูกกล่าวหาว่าดูถูกความเป็นมนุษย์ของผู้ลี้ภัย (ผู้อพยพผิดกฎหมาย/ลักลอบเข้าเมือง) และเรียกมนุษย์เหมือนกับแมลง หลังจากที่เขาอธิบายการไหลของผู้อพยพผิดกฎหมายที่กำลังเข้าไปในยุโรปว่าเป็น "ฝูง" (swarm)
    นาย David Cameron กล่าวว่า "นี่ถือว่าเป็นการทดสอบอย่างแท้จริง ผมยอมรับว่าเนื่องจากคุณได้รับเอาฝูงคนที่กำลังข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเข้ามา แสวงหาชีวิตที่ดีกว่า ซึ่งต้องการจะเข้ามายังอังกฤษ"
    รายงานข่าวบอกว่าตอนนี้ฝรั่งเศสมียอดผู้อพยพลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายราย 68,000 คน ซึ่งมีมากกว่าอังฤษถึงสองเท่า และในวันเดียกันนี้ก็มีรายงานข่าวอีกว่า มีผู้อพยพมากกว่า 1,000 คนพยายามจะเข้าไปยัง Eurotunnel เพื่อเดินทางต่อจากฝรั่งเศสไปยังอังกฤษ ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ 30 คน รายงานจากหนังสือพิมพ์ French Parisien ของฝรั่งเศส
    ก่อนหน้านี้ทางนายกฯของอังกฤษบอกว่าจะให้ความช่วยเหลือด้านทรัพยากรแก่ฝรั่งเศส โดยการสร้างรั้วกั้นไม่ให้ผู้อพยพเข้าไปในเส้นทางรถไฟในอุโมงค์และข้ามไปยังอังกฤษได้ และจะใช้สุนัขดมกลิ่นด้วย ส่วนพรรค United Kingdom Independence Party (UKIP) ของอังฤษ เสนอหให้รัฐบาลอังกฤษใช้กำลังทหารในการสกัดกั้นผู้อพยพผิดกฎหมายจากฝรั่งเศสไม่ให้เข้าไปในอังกฤษผ่านอุโมงค์ Channel Tunnel ส่วนเบลเยี่ยมออกมาโวยวายบ้างว่าการที่ผู้อพยพไปปิดเส้นทางการเดินรถไฟในยุโรปนั้นสร้างความเสียหายให้กับการคมนาคมขนส่งผู้โดยสารและสินค้าเป็นจำนวนมาก อ้าว… ก็กรุงบรัสเซลส์ไม่ใช่รึที่เป็นคนเสนอให้มีการแบ่งโควต้ารับผู้อพยพยไปดูและตามประเทศต่างๆในยุโรปหนะ? ทีอย่างนี้หละทำเป็นโวยวาย อยากได้ก็รับไปหมดเลยสิ ฮ่าๆๆ
    วันที่ 2 ส.ค.58 สำนักข่่าวต่างประเทศรายงานว่านาย Alex Shelbrooke ส.ส.จากพรรคอนุรักษ์นิยม (Conservative Party) ของอังกฤษออกมากล่าวว่า ผู้ลี้ภัย/อพยพผิดกฎหมายจำนวนหลายร้อยคน ที่ต้องการเข้าไปยังอังกฤษกำลังถูกนำเข้าไปพักอยู่ในโรงแรมด้วยเงินภาษีของประชาชน สื่อฯอังกฤษ (Daily Mail) รายงานว่าเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า เมื่อเร็วๆนี้มีผู้อพยพที่แอบซ่อนไปตามรถบรรทุกและเรือเข้าไปอาศัยอยู่ตามหัองพักในโรงแรมต่างๆทั่วประเทศ ผู้อพยพเหล่านี้ได้รับเบี้ยเลี้ยงในการดำรงชีพราว $7.8 ต่อวัน (ประมาณ 273 บาท) Alex Shelbrooke เปิดเผยว่า "มันเป็นความเลวร้ายที่ผู้ขอลี้ภัยเหล่านี้ถูกนำเข้าไปอยู่ในห้องในโรงแรมด้วยค่าใช้จ่ายของประชาชน"
    การตรวจสอบจากสื่อฯได้นำไปสู่แหล่งที่พักของผู้อพยพตามที่ตกเป็นข่าวที่เมือง Lancashire County ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษ ซึ่งมีชาวซูดานสองคนถูกนำตัวไปส่งยังสถานที่ดังกล่าวหลังจากที่ผ่านอุโมงค์ Channel Tunnel ไปได้แล้ว ผู้อพยพทั้งสองคนซึ่งบอกแต่ชื่อแรกเท่านั้นกล่าวว่า พวกเขาถูกนำตัวมาพักอยู่ที่เมือง Lancashire จากผู้อพยพจำนวน 100 คนซึ่งกระจายอยู่บนรถทัวร์ 3 คัน ถูกเจ้าหน้าที่นำไปกักตัวไว้หนึ่งคืน จากนั้นก็นำไปปล่อยไว้ตามโรงแรมต่างๆ กลุ่มละ 20 คนตามเส้นทาง (ผู้อพยพผิดกฎหมายเข้าไปหางานทำเหล่านี้ สามารถจัดหารถทัวร์มาใช้บริการได้ด้วยหรือหากไม่มีการรู้เห็นเป็นใจจากภายในอังกฤษหรือผู้มีอำนาจระหว่างประเทศ?)
    รายงานข่าวบอกว่าผู้อพยพเหล่านี้ได้รับเงินช่วยเหลือจาก ก.มหาดไทยของอังกฤษ (Home Office) โดยทางการยของอังกฤษจ่ายเงินให้กับบริษัทเอกชนมากกว่า $234 million (ประมาณ 8.1 ล้านบาท) ในการจัดหาที่พักชั่วคราวให้กับผู้ขอลี้ภัยหลังจากที่พวกเขาถูกจับได้ในขณะลักลอบเข้าไปในอังกฤษอย่างผิดกฎหมาย (จับพอเป็นพิธี จับไปขึ้นทะเบียนแล้วรับเงินเบี้ยเลี้ยง)
    รายงานอีกฉบับหนึ่งที่ตรวจสอบขบวนการค้ามนุษย์ในยุโรปโดย Sunday Express พบว่าผู้ขับรถบรรทุกบางคันได้เรียกเก็บค่าหัวจากพวกลักลอบเข้าเมืองถึงหัวละ $1,800 (ประมาณ 63,000 บาท) เพื่อส่งไปยังสหราชอาณาจักร
    เป็นไงขบวนการค้ามนุษย์ของจริงในยุโรป? แปลกใจที่สื่อฯกระแสหลักของตะวันตกและสหรัฐฯไม่กล้าเจาะลึกเรื่องนี้ ว่ามีใครชักใยและเกี่ยวข้องในผลประโยชน์จากการหากินกับการค้ามนุษย์ในครั้งนี้บ้าง การเบิกงบอ้างให้เงินช่วยเหลือผู้ขอลี้ภัยในอังกฤษอีกช่องทางหนึ่งที่เอื้อต่อการคอรัปชั่นได้เป็นอย่างดี และยากที่จะตรวจสอบได้ด้วย เขาน่าจะกินกันหลายทอดหลายต่อมากๆ
    ทีกับประเทศไทยหละมันจ้องจะกัดอยู่ตลอดเวลา แต่พอมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นในบ้านของพวกเขา กลับมองว่าเป็นเรื่องของผู้อพยพและอำพรางการค้ามนุษย์ซะงั้น แล้วอย่างนี้ก.ต่างประเทศของสหรัฐฯจะให้เทียร์ไหนกับอังกฤษดีหละนี่? (อ้อ… งานนี้สื่อฯรัสเซียก็ไปเอาข่าวมาจากสื่อฯตะวันตกอีกทีหนึ่งนะ อย่ามากล่าวหาว่าสื่อฯรัสเซียใส่ร้ายอียูอีกหละ คริๆ)
    ไปดูขบวนการค้ามนุษย์ในยุโรปอีกแห่งหนึ่งบ้าง วันที่ 31 ก.ค.58 สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสาธารณรัฐเช็ก (Czech Republic) ได้ยึดรถยนต์จากฮังการีที่บรรทุกผู้อพยพไม่มีหนังสือเดินทางจำนวน 80 คน อ้างรายงานจาก Ceska Televize สื่อฯท้องถิ่นของเช็ก Milan Chovanec รมว.มหาดไทยของเช็กกล่าวว่า มีผู้อพยพผิดกฎหมายที่ไม่มีหนังสือเดินทางเข้าไปอยู่ในเช็กตอนนี้หลายพันคน ส่วนใหญ่ข้ามมาจากประเทศฮังการี โดยพยายามข้ามไปยังประเทศออสเตรีย เยอรมันนี หรือสวีเดน ซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับสวัสดิการทางสังคมที่ยั่วยวนใจมากที่สุดในกลุ่มประเทศยุโรป รายงานข่าวบอกว่าคนขับรถบรรทุกเป็นชาวฮังกาเรียน และตอนนี้ตำรวจเช็กกำลังทำการสอบสวน ทางการของเช็กบอกว่าปีนี้ (2015) มีผู้อพยพเข้าไปในเช็กแล้วมากว่า 80,000 คน รายงานจากยูเอ็นบอกว่าใน 6 เดือนแรกของปีนี้มีผู้อพยพข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจำนวน 137,000 คนเพื่อเข้าไปยังยุโรป และเสียชีวิตเกือบ 2,000 รายในการพยายามเข้าไปในยุโรป
    ส่วนทางการของฮังการีก็สร้างรั้วกั้นตามแนวชายแดนเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อพยพผิดกฎหมายใช้เป็นเส้นทางผ่านไปยังยุโรป แต่ก็มีกลุ่ม NGO สิทธิมนุษยชน ซึ่งมีขบวนการค้ามนุษย์มือที่มองไม่เห็นหนุนหลังอยู่ออกมากล่าวหาฮังการีว่า เป็นภัยคุกคามต่อกฎหมายผู้ลี้ภัยของฮังการี
    John Dalhuisen ผอ.องค์การนิรโทษสากลยุโรปและเอเซียกลางกล่าวว่า "นี่เป็นความพยายามที่บอบบางโดยการสวมหน้ากากของฮังการีเพื่อหลบเลี่ยงพันธกรณีภายใต้กฎหมายของประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศในการให้ความช่วยเหลือผู้ขอลี้ภัย ซึ่งมีการรับรองสิทธิ์ทั่วโลกในการอ้างการคุ้มครองจากนานาชาติ" (เป็นไงเล่าลีลาลิ้นของพ่อค้ามนุษย์ตัวเอ้ เด็กสร้างของจักรวรรดิเฮเก ก็เอาไปไว้ที่สหรัฐฯให้หมดซะเลยสิ จะผลักดันไปให้เป็นภาระประเทศอื่นทำไม? พวกนี้ฉลาดชิงใช้คำพูดที่ทำให้ตัวเองดูดี โดยชิงกล่าวหาผู้อื่นแทนการกระทำของตัวเอง และพวกนี้ก็เก่งในเรื่องการบิดเบือนข้อเท็จจริงและพูดความจริงไม่หมดเป็นที่หนึ่งเลย ตอนกรณีอุยกูร์ที่เกี่ยวกับไทย-จีนเขาก็พูดแบบนี้แหละ)
    คราวนี้ถึงคิวผู้นำเช็กซัดหมัดตรงเข้าใส่พวกมหาอำนาจในยุโรปบ้าง Milos Zeman ปธน.สาธารณรัฐเช็กกล่าว่า การที่ประเทศตะวันตกเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของกลุ่มประเทศในตะวันออกกลางส่งผลให้เกิดวิกฤตผู้อพยพขึ้นมา
    ปธน. Zeman ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Czech Blesk ว่า "คลื่นผู้อพยพในปัจจุบัน [ที่เข้าไปในยุโรป] มีรากเหง้ามากจากความคิดบ้าๆ (crazy idea) [ของสหรัฐฯ] ที่ไปรุกรานอิรัค ซึ่งไปกล่าวหาอิรัคว่ามีอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง แต่กลับไม่พบอะไรเลย (ยกเว้นทองคำของรัฐบาลอิรัค ซึ่งไม่รู้ว่าหายไปไหนหมดหลังจากที่สหรัฐฯและพวกเข้าไปก่อสงครามในอิรัค)"
    เมื่อเดือนมีนาคม 2003 กองกำลังพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯ รวมทั้งอังกฤษ ออสเตรเลีย โปแลนด์ ได้รุกรานอิรัค โดยกล่าวหา Saddam Hussein ว่าสนับสนุนขบวนการก่อการร้ายและมีอาวุธในการทำลายสูง ปธน. Zeman กล่าวเพิ่มเติมว่า "คณะกรรมการนานาชาติ ต้องการจะ 'จัดระเบียบ' (restore order) ในลิเบียและซีเรีย ซึ่งส่งผลให้ความขัดแย้งขยายตัวออกไปอีกในทั้งสองประเทศ นำไปสู่การอพยพยทิ้งบ้านเรือนของประชาชนในประเทศเหล่านั้น ไม่ใช่เฉพาะสหรัฐฯเท่านั้นที่สมควรถูกตำหนิในกรณีนี้ เพราะว่าประเทศสมาชิกของอียูบางประเทศก็มีส่วนร่วมในปฏิบัติการต่อต้านลิเบียด้วย"
    ในปี 2011 ได้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นในลิเบีย มีกองกำลังผสมจากหลายประเทศซึ่งส่วนใหญ่แล้วมาจากชาติสมาชิกนาโต้ ได้ทำการแทรกแซงทางทหารในประเทศลิเบีย ซึ่งมีเป้าหมายให้หยุดยิงในทันที (ข้ออ้าง) การแทรกแซง (/รุกราน) ดังกล่าวได้จบลงด้วยชัยชนะของนาโต้ในการรบแบบแตกหักไปเลย ความขัดแย้งภายในประเทศลิเบียขยายตัวออกไป และเป็นผลจากการฆาตกรรม Muammar Gaddafi ผู้นำของลิเบียที่ครองตำแหน่งอย่างยาวนาน
    แต่สุดท้ายก็ถูกจักรวรรดิเฮเกโค่นล้มลงจนได้ ความปั่นป่วนไร้เสถียรภาพในลีเบียจึงไม่มีวันสงบมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนสหรัฐฯและพรรคพวกก็นั่งตบมือให้กับหายนะในลิเบียที่ตัวเองไปก่อไว้ด้วยความภาคภูมิใจ จากนั้นก็มีการแพร่ระบาดของอีโบล่าในลีเบียตามมา ผู้คนพากันหนีตายจากทั้งสงครามกลางเมืองและอีโบล่าเข้าไปหาชีวิตใหม่ในอียู แต่ไม่ไปสหรัฐฯ เพราะสหรัฐฯไม่ต้อนรับ ส่งพวกนี้ไปป่วนอียูต่อ จะได้ไม่เป็นมหาอำนาจแข่งกับจักรวรรดิเฮเก ต้องคอยทำตามคำสั่งเท่านั้น หากใครดื้อแพร่งขึ้นมาก็อาจจะมีผู้ก่อการร้ายที่อาจจะแฝงตัวไปกับกลุ่มผู้อพยพเหล่านั้นซึ่งได้รับการเลี้ยงดูจากเงินภาษีของประชาชนในยุโรปลุกขึ้นมาก่อเหตุขึ้นในอียูเป็นระยะๆ ตามใบสั่งของมือที่มองไม่เห็นก็ได้ เป็นข่าวอยู่บ่อยๆ พอก่อเหตุแล้วกลัวว่าจะถูกจับไปสอบสวนเอาความจริง ก็จัดการจับตาย ณ ที่เกิดเหตุซะเลย จับมือใครดมไม่ได้
    The Eyes
    03/08/2558
    ----------
    Irresponsible, Dehumanizing: Cameron Accused of Inflaming Migrant Tensions / Sputnik International
    Migrants Make Over 1,000 Attempts to Enter Eurotunnel in France Overnight / Sputnik International
    Private UK Companies Accommodate Migrants at Taxpayer Expense / Sputnik International
    Hungary Asylum Law Amendment Threatens Thousands of Refugees - NGO / Sputnik International
    Czech Police Detain Hungarian Truck With 80 Migrants / Sputnik International
    http://sputniknews.com/europe/20150731/1025260678.html
    Western Interference in Middle East Resulted in EU Migrant Crisis / Sputnik International
    http://sputniknews.com/europe/20150802/1025330310.html

    ภาพจาก © REUTERS/ Pascal Rossignol

    ข้อมูลจากเฟส https://www.facebook.com/fisont?fref=ts
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,649
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    รัสเซียเดินหน้าขยายปราบปรามสินค้าลักลอบนำเข้าจากอียูทั่วประเทศ

    [​IMG]

    --------------
    เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (3 ส.ค.58) สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียรายงานว่า รัสเซียเดินหน้าปราบปรามผลิตภัณฑ์อาหารที่มีผู้พยายามลักลอบนำเข้าไปจำหน่ายในรัสเซียจากกลุ่มประเทศที่แซงชั่นรัสเซียก่อนและถูกรัสเซียตอบโต้ด้วยการห้ามนำเข้าอาหารจากประเทศเหล่านั้น การปราบปรามในครั้งนี้จะดำเนินการทั่วประเทศ ไม่ใช่เฉพาะ ณ จุดผ่านแดนเท่านั้น
    หนังสือพิมพ์รายวัน Kommersant ของรัสเซียรายงานว่า การตรวจสอบอาหารที่นำเข้าอย่างผิดกฎหมาย (อยู่ในแบล็คลิสต์) จากประเทศต่างๆที่ร่วมกันแซงชั่นรัสเซียหรือพลเมืองของรัสเซียจะดำเนินการทั่วสหพันธรัฐรัสเซีย ไม่เพียงแต่ตามแนวชายแดนเท่านั้น
    รายงานข่าวบอกว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกฯ Dmitry Medvedev ของรัสเซียเตือนว่า มาตรการปัจจุบันเพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าต้องห้ามกำลังถูกขัดขวางโดยผู้ผลิตและผู้นำเข้าพยายามหลบเลี่ยงการแซงชั่นจากรัสเซียด้วยการติดฉลากสินค้าต้องห้ามว่ามาจากประเทศที่สาม จากนั้นก็ขนส่งและกระจายผลผลิตเหล่านั้นไปทั่วประเทศรัสเซีย
    อ้าว! ทำไมประเทศที่เรียกตัวเองว่าพัฒนาแล้ว และมีความเจริญทางอารยธรรมถึงได้หัวหมออย่างนั้นหละนั่นหนะ รัสเซียจับได้ว่าประเทศที่ถูกแบนสินค้ามีความพยามลักลอบนำเข้าสินค้าต้องห้ามมาขายในรัสเซียด้วยวิธีการต่างๆ แม้จะออกมาตรการทำลาย ณ จุดผ่านแดนแล้วก็ยังหลุดรอดการตรวจสอบไปได้ ดังนั้น รัสเซียจึงส่งเจ้าหน้าที่่ของรัฐลงตรวจสอบตามตลาดและซุปเปอร์มาร์เก็ตซะเลย ถ้าตรวจพบแล้วก็จะยืดและนำไปทำลายซะให้เกลี้ยง ดูซิว่าอียูจะอยู่ได้ซักกี่น้ำ
    Alexei Alekseenko เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสินค้าการเกษตรจากองค์กร Rosselkhoznadzor ของรัสเซียออกมาเสนอทางเลือกเกี่ยวกับการทำลายสินค้าต้องห้ามที่ถูกจับได้บางประเภทว่า "สินค้าประเภทเนื้อสัตว์ และนม ควรจะนำไปทิ้งที่โรงงานขยะสำหรับผลิตแป้งโปรตีน ซึ่งเหมาะสำหรับใช้เลี้ยงสัตว์" (หมายความว่าผลผลิตทางการเกษตรและอาหารบางชนิดที่มีผู้ลักลอบนำเข้าจากประเทศต้นทางต้องห้ามนั้น คนรัสเซียไม่ต้องกิน ให้เอาไปทำเป็นอาหารให้หมากับแมวและสัตว์อื่นๆกินแทนซะเลย คริๆ ช่วยลดต้นทุนให้กับโรงงานผู้ผลิตอาหารสัตว์ได้เป็นอย่างมาก เพราะได้มาฟรีๆ)
    แต่ทางการรัสเซียยังไม่ได้ออกมาแสดงท่าทีว่ายอมรับหรือปฏิเสธเกี่ยวกับความคิดเห็นดังกล่าว สุดท้าย Alexei Alekseenko ก็กล่าวว่าการทำลายสินค้านำเข้าต้องห้าม เป็นวิธีเดียวที่จะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจให้กับผู้ลักลอบนำเข้าได้อย่างแท้จริง
    เสียใจด้วยนะอียู ไม่ว่าจะมุดน้ำดำดิน ติดฉลากตบตาว่าสินค้าต้องห้ามนำเข้าเหล่านั้นมาจากประเทศที่สาม ก็ไม่อาจจะรอดพ้นสายตาของรัสเซียไปได้ แม้จะหลุดหลอดนะจุดตรวจผ่านแดน แต่รัสเซียก็มีก๊อกสองคือตามไปตรวจจากแหล่งจำหน่ายปลายทางซะเลย เมื่อพิสูจน์ได้ว่าสินค้าเหล่านั้นมาจากประเทศต้องห้ามจริง ทางการก็จะยึดไปทำลายทันที ใครรับสินค้าประเภทนี้มาขาย ก็มีแต่จะขาดทุน ดูซิว่าอียูจะมามุกไหนอีก
    The Eyes
    04/08/2558
    ----------
    Seek and Destroy: Crackdown on EU Contraband Expands Across All of Russia / Sputnik International
    Confiscated EU Contraband May Be Used for Animal Feed / Sputnik International

    ภาพจาก © Sputnik/ Igor Zarembo

    ข้อมูลจาก https://www.facebook.com/fisont?fref=ts
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,649
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    รัสเซียเตรียมจีบ ASEAN เข้าร่วม EEU ในการประชุมระดับรัฐมนตรีของอาเซี่ยนที่มาเลเซียวันที่ 5-6 สิงหาคมนี้

    [​IMG]

    --------------
    ในขณะที่สหรัฐฯเดินหน้าขายฝัน TPP ให้กับมาเลเซียโดยยอมปรับระดับการค้ามนุษย์ในมาเลเซียให้อยู่ในกลุ่มรายชื่อประเทศเฝ้าระวังเทียร์ 2 (TIER 2 WATCH LIST ไม่ใช่ TIER 2 แต่ต่ำกว่า TIER 2 จีนก็อยู่ในกลุ่มนี้ ลาว เขมร พม่าเพื่อนบ้านเราก็เช่นกัน) เพื่อเอาใจมาเลเซีย และพยายามบีบให้ไทยเข้าร่วมกับ TPP ของสหรัฐฯโดยให้ไทยเป็นเทียร์ 3 ตามเดิมแทนเพื่อบอกว่าถ้ายอมให้สหรัฐฯจูงจมูกได้อย่างมาเลเซีย ไทยก็อาจจะถูกปรับระดับจาก 3 ขึ้นมาเป็น TIER 2 WATCH LIST อย่างมาเลเซียก็ได้ แต่ถ้าสามารถทำให้มีการเลือกตั้งและเกิดสงครามกลางเมืองแม้จะมีประชาชนล้มตายเป็นพันเป็นหมื่นหรือเป็นแสนรายได้อย่างยูเครน ที่ตอนนี้อยู่ในกลุ่ม Tier 2 Watch List ไทยอาจจะเลื่อนข้ามขึ้นมาเป็น TIER 2 สูงกว่ายูเครนก็ได้ แลกกับภูเก็ตและอู่ตะเภาและน่านน้ำรอบภูเก็ตด้วยเอาไหม? ที่น่าแปลกใจก็คือบังคลาเทศแหล่งกระจายค้ามนุษย์โรฮิงญาอยู่ในกลุ่ม TIER 2 ญี่ปุ่นก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย (ฮ่าๆๆ) อ้อ… ไม่ต้องห่วง เราไม่เหงาหรอก เพราะมีพี่หมีขาวอย่าง Russia ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม TIER 3 ร่วมกับไทยด้วย (รวมทั้ง อิหร่าน เกาหลีเหนือ คูเวต ลิเบีย ซีเรีย เยเมน เวเนซูเอล่า ฯลฯ มีเพื่อนเยอะอ่ะ เจ้าพ่อน้ำมันรายใหญ่ๆทั้งนั้น)
    กลับมาที่เรื่อง EEU กับ ASEAN ต่อนะครับ... เมื่อวันจันทร์ (3 ส.ค.58) ที่ผ่านมาสำนักข่าว Sputnik news รายงานว่า ลุงลาฟ (Sergei Lavrov) รมว.ต่างประเทศของรัสเซียจะเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีของกลุ่มประเทศอาเซียนที่ 48 (the 48th ASEAN Ministerial Meeting - AMM 48) และการประชุม East Asia Summit and the 22th session of the ASEAN Regional Forum ที่กรุง Kuala Lumpur ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 5-6 สิงหาคมนี้
    รายงานข่าวจากฝั่งรัสเซียบอกว่า วาระการประชุมในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงการริเริ่มใหม่ๆ ซึ่งรวมถึงการบูรณาการณ์แผนปฏิบัติการจนถึงปี 2020 และการประกาศ (ความร่วมมือ) ทางด้านวัฒนธรรมข้ามปีระหว่างรัสเซียกับประชาคมอาเซียน
    ประชาคม ASEAN เป็นกลุ่มประเทศพันธมิตรทางด้านการเมือง วัฒนธรรม และเศรษฐกิจก่อตั้งขึ้นในปี 2510 (1967) ประกอบด้วย 10 ประเทศคือ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนม่า (พม่า) ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียตนาม รัสเซียได้เข้าร่วมการประชุมกับกลุ่มประเทศอาเซี่ยนตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา
    รมช. ต่างประเทศของรัสเซียกล่าวว่า "ในการนี้รัสเซียพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการบูรณาการกลไกระหว่างกลุ่มประเทศสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (EEU) และอนาคตของสมาคมประชาคมเศรษฐกิจชาติเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN)"
    จุดประสงค์หลักของรัสเซียในการเข้าร่วมประชุมกับ ASEAN ในครั้งนี้ก็เพื่อสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์ระหว่าง EEU กับ ASEAN นั่นเอง Morgulov รมช.ต่างประเทศของรัสเซียกล่าวว่า "ความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจระหว่างรัสเซียกับอาเซี่ยนถือว่ามีความสำคัญเป็นอันดับแรก (top priority) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาเศรษฐกิจในไซบีเรียและภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย"
    ระหว่างวันที่ 5-6 ส.ค.นี้ จะมีการประชุมในระดับรัฐมนตรีระหว่าง ASEAN-Russia ด้วย ส่วนการประชุม ASEAN Regional Forum ในวันที่ 6 จะเน้นการหารือและแผนงานเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารที่ปลอดภัย ซึ่งได้เตรียมการไว้โดยรัสเซีย มาเลเซียและออสเตรเลีย ด้วยความช่วยเหลือของประเทศสมาชิกอื่นๆที่เข้าร่วมในการสัมนาครั้งนี้
    ที่ว่าเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยในการสื่อสารโทรคมนาคมนี้หมายความว่าอย่างไร? ก็ถ้าใช้แต่ของสหรัฐฯและตะวันตกก็จะถูกแฮ็กถูกล้วงข้อมูลอยู่บ่อยๆ กลุ่มประเทศมหาอำนาจในยุโรปและล่าสุดก็ญี่ปุ่นต่างก็โดนสหรัฐฯล้วงตับกันมาแล้วด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้นรัสเซียจึงจึงเสนอทางเลือกด้านระบบรักษาความปลอดภัยในโลกเทคโนโลยีการสื่อสารให้กับกลุ่มประเทศอาเซียน ดูเหมือนว่างานนี้มาเลเซียจะเอาด้วยนะ ไม่กลัวหล่นตุ๊บมาอยู่เทียร์ 3 เป็นเพื่อนกับไทยและรัสเซียอีกรอบรึ?
    อ้อ… อีกหนึ่งมหาอำนาจที่ขาดไม่ได้เด็ดขาดในการประชุมครั้งนี้ก็คือจีน จีนก็จะเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรี ASEAN พร้อมกับรัสเซียด้วย จอมเจือกอย่างจักรวรรดิเฮเกก็ไม่ยอมพลาดงานนี้ด้วยเช่นกัน มีประเทศต่างๆเข้าร่วมในครั้งนี้ทั้งหมด 27 ประเทศ จีนบอกว่าขอคุยกับแค่ 13 ประเทศก็พอคืออาเซียน 10 ประเทศและญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ซึ่งรวมทั้งจีนด้วย เป็น 13 ประเทศพอดี และจีนบอกว่าจะไม่มีการนำเรื่องข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ขึ้นมาคุยในที่ประชุมในครั้งนี้ด้วย จักรวรรดิเฮเกเซ็งเลย กะจะไปเสี้ยมให้อาเซียนทะเลาะกับจีนในทะเลฯซะหน่อย จีนติดยันต์กันผีไว้ก่อนซะแล้ว แห้วอ่ะดิ... ฮ่าๆๆ
    The Eyes
    04/08/2558
    ----------
    Russia's Lavrov to Take Part in ASEAN Meetings on August 5-6 / Sputnik International
    Russia's Lavrov to Take Part in ASEAN Meetings on August 5-6 / Sputnik India English - News, Opinion, Radio
    http://www.state.gov/documents/organization/245365.pdf
    Trafficking in Persons Report 2014: Tier Placements
    Trafficking in Persons Report 2015
    http://www.chinadailyasia.com/…/20…/03/content_15299051.html
    http://www.chinadailyasia.com/…/20…/03/content_15299147.html


    ข้อมูลจาก https://www.facebook.com/fisont?fref=ts
     

แชร์หน้านี้

Loading...