แบ่งปันพระเครื่องดี รับประกันความแท้ครับ มาใหม่9เม.ย.61 น.43

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย kayasid, 13 มีนาคม 2015.

  1. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่ 53 เหรียญหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ รุ่นเสาร์5 เหลือกินเหลือใช้

    รายการที่ 53 เหรียญหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ รุ่นเสาร์5 เหลือกินเหลือใช้ สภาพสวยครับ

    บูชา 250 บาท (รวมค่าส่ง)

    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • w38.jpg
      w38.jpg
      ขนาดไฟล์:
      64.9 KB
      เปิดดู:
      136
    • w39.jpg
      w39.jpg
      ขนาดไฟล์:
      66.3 KB
      เปิดดู:
      69
  2. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่ 54 ปิดรายการครับ

    รายการที่ 54 พระสมเด็จหลัง พ.พาน ลป.เย็น วัดสระเปรียญ จ.ชัยนาท

    บูชา 250 บาท (รวมค่าส่ง)

    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • v92.jpg
      v92.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.2 KB
      เปิดดู:
      90
    • v93.jpg
      v93.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78.6 KB
      เปิดดู:
      97
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2015
  3. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่ 55 เหรียญลป.เจือ รุ่นเจริญรุ่งเรือง วัดกลางบางแก้ว

    รายการที่ 55 เหรียญลป.เจือ รุ่นเจริญรุ่งเรือง วัดกลางบางแก้ว นครปฐม ปี2552

    บูชา 350 บาท (รวมค่าส่ง)

    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • w1.jpg
      w1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      94.4 KB
      เปิดดู:
      103
    • w2.jpg
      w2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      83.3 KB
      เปิดดู:
      94
    • w3.jpg
      w3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.9 KB
      เปิดดู:
      84
  4. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่ 56 ปิดรายการครับ

    รายการที่ 56 แมงมุมเรียกดักทรัพย์ตาเพชร รุ่น มหาเศรษฐี อายุ109 ปี ปี47 ลป.สุภา กันตสีโล วัดศีลสุภาราม จ.ภูเก็ต เนื้อเงินแท้

    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 Line ID ton789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที

    เป็นที่ทราบกันดีว่าวิชาสำคัญถือเป็นสุดยอดเด็ดขาดและแน่นอนสร้างชื่อเสียงให้หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล
    พระอริยสงฆ์ห้าแผ่นดิน อายุ 109 ปี คือ " วิชาแมงมุมเรียกดักทรัพย์ " ที่ท่านได้รับถ่ายทอดยอดปรมาจารย์หลวงปู่ศุข วัด
    ปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท โดยตรงเพียงองค์เดียว เมื่อครั้งที่หลวงปู่สุภาธุดงค์ไปเรียนวิชากับหลวงปู่ศุข เรียน
    สำเร็จจะลากลับหลวงปู่ศุขได้เรียกหลวงปู่สุภาไปสอนวิชา " แมงมุมเรียกดักทรัพย์" โดยมีเคล็ดวิชาว่า " แมงมุมเป็นสัตว์
    วิเศษไม่ต้องออกไปหากินมีเหยื่อหรืออาหารเข้ามาถึงรังเข้ามาถึงปาก เพียงชักใยดักเหยื่อไว้เท่านี้ก็ไม่อดมีกินอิ่มตลอดการ"
    การเปิดร้านทำกิจการก็เช่นเดียวกันถ้าได้วิชาแมงมุมเรียกดักทรัพย์ไปก็เหมือนเปิดร้านกิจการค้าขายดักเหยื่อ ดักทรัพย์ ดัก
    ูลูกค้า ดักโชคดักลาภ ดักเงินดักทอง ให้เข้ามาติดกับง่ายดาย เห็นผลเบ็ดเสร็จเด็ดขาดและแน่นอน หลวงปู่สุภาได้เรียนรู้วิชา
    แมงมุมเรียกดักทรัพย์และได้สร้างแมงมุมเรียกดักทรัพย์ให้ลูกศิษย์ลูกหาได้ใช้ต่างเห็นผลมีประสบการณ์มากมายสุดจะ
    พรรณนา อาทิ กิจการค้าขายลูกค้าเข้ามากค้าขายดี กิจการเติบโตก้าวหน้าเจริญขึ้น มีโชคมีลาภ ได้เงินได้ทอง ได้เลื่อนขั้น
    เลื่อนตำแหน่งก็มาก ใครได้แมงมุมของหลวงปู่สุภาไปต่างมีประสบการณ์ดีขึ้นแทบทั้งนั้นจนเรียกได้ว่า วิชาดักทรัพย์โชค
    ลาภค้าขายไม่มีอะไรเกินแมงมุมของหลวงปู่สุภาไปได้

    หลวงปู่สุภาได้ปลุกเสกแมงมุมเรียกดักทรัพย์แบบรูปหล่อแมงมุมเหมือนจริงเป็นครั้งแรก ช่างได้ออกแบบ
    อย่างสวยงามสมส่วน มีเอกลักษณ์อมตะสง่าสมชื่อว่าเป็นพญาแมงมุม ด้านหลังแมงมุมได้ลงหัวใจยันต์ "ทะล้อมกะ" ที่
    หลวงปู่สุภาใช้เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวท่านดีทางป้องกันอันตรายทั้งแปดทิศ ใต้ท้องแมงมุมมีลักษณะเป็นเหมือน "ถุง
    ทรัพย์" จาลึกอักขระหัวใจรับทรัพย์เป็นการถอดสูตรผ้ายันต์รับทรัพย์ทั้งผืนลงในอักขระที่ใต้ท้องแมงมุม (ตั้งตัวแมงมุม ตรงๆ ท้อง แมงมุมจะเหมือนถุงทรัพย์หรือถุงเงินถุงทอง) เป็นสูตรรวมขุมทรัพย์โภคสมบัติทั้งปวง เหนืออื่นใดแมงมุม รุ่นมหาเศรษฐี นี้พิเศษตรงที่ในตาของแมงมุมทั้ง 2 ข้างได้ฝังเพชร ซึ่งเปรียบเสมือนดวงแก้ล้ำค่าของหลวงปู่ที่มี อานุภาพทางชี้ช่องทาง บอกทางให้เจริญรุ่งเรืองสมความปรารถนา มีอานุภาพครอบจักรวาลเหมือนบรรจุดวงแก้วสารพัด นึกในตาของแมงมุม เป็นการซ้อนความขลังลงในวิชาแมงมุมเรียกดักทรัพย์อีกโสตหนึ่ง (เพชรที่ฝังเป็นตาแมงมุมเป็น แก้วชนิดพิเศษตระกูลคริสตอล สั่งจากประเทศออสเตรเลีย เพื่อมาบรรจุในตาแมงมุมของหลวงปู่สุภารุ่นมหาเศรษฐี โดยเฉพาะ) สรุปรวมความว่าแมงมุมเรียกทรัพย์รุ่นมหาเศรษฐีของหลวงปู่สุภาเพียบพร้อมไป ด้วยอานุภาพครอบคลุม ทุกทางกล่าวคือ

    1. เรียกทรัพย์
    2. ดักทรัพย์
    3. ป้องกันอันตราย
    4. เป็นแก้วสารพัดนึก
    5. วิชาแมงมุมตำรับหลวงปู่ศุขอยู่ไหนก็อิ่มไม่อดอยาก
    6. ค้าขายดีลูกค้าเข้ามาก

    และเป็นครั้งแรกที่หลวงปู่สุภาปลุกเสกแมงมุมเรียกทรัพย์มีตาเป็นเพชร

    คาถาปลุกแมงมุมดักทรัพย์
    สุวันนะระชะตัง มะหาสุวันนะ ราชะตัง อังคะตะเศรษฐี
    มหาอังคะตะเศรษฐี มิคะตะเศรษฐี มะหามิคะตะเศรษฐ
    ี ปุริเศษสาวาอัตถีวา พราหมณ์มะณีวา มะอะอุ มานิมามา

    อมตะเกระ 5 แผ่นดิน หลวงปู่สุภา กันตสีโล


    หลวงปู่สุภา กันตสีโล อายุ 109 ปี สร้างวัดมาแล้ว 39 วัด (บารมีสูงสุดทางเหนือจะเรียกว่าต้นบุญ) หลวง
    ปู่สุภามีอาจารย์ที่สอนท่านจริงๆ 4 องค์ คือ
    1. หลวงปู่สีทัตต์ วัดพระธาตท่าอุเทน (ผู้สร้างพระธาตุท่าอุเทน ศิษย์รุ่นน้องสมเด็จลุน ยุคเดียวกันสมเด็จ
    โต วัดระฆัง)
    2. หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า (หลวงปู่สุภาเป็นศิษย์องค์เดียวในยุคปัจจุบัน หลวงปู่ศุขสอนวิชา
    ให้หลวงปู่จนหมดสิ้น)
    3. โยคีจากประเทศธิเบต ชื่อนารายณ์ (หลวงปู่สุภาธุดงค์ไปเรียนวิชาทางจิตสมาธิและฌาณ)
    4. อาจารย์เฒ่าจากวัดเส้าหลิน ประเทศจีน หลวงปู่สุภาธุดงค์ไปเรียนวิชาพลังภายนอกและภายใน)

    ส่วนเพื่อนหลวงปู่ที่เคยร่วมธุดงค์เคยทำเครื่องรางของขลัง เคยแลกเปลี่ยนวิชากันมีหลายองค์ดังนี้
    1. หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ
    2. หลวงปู่มั่น ภูริทัตตโต
    3. หลวงพ่อจาด วัดบางกะเบา
    4. หลวงพ่อทบ วัดชนแดน
    5. หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
    6. หลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด
    7. หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพงษ์
    8. หลวงพ่อสังข์ วัดน้ำเต้า

    หลวงปู่สุภาเพรียบพร้อมไปด้วยศีลาจารย์วัตร, ธรรมปฏิปทา , สมธิอภิญญา , พลังสติปัญญา เป็นพระที่ดี
    มากในยุคปัจจุบัน เป็นพระที่ดีมากในยุคปัจจุบัน วัตถุมงคลของหลวงปู่ควรรีบเก็บ รีบบูชาติดตัวเป็นมหามงคลแก่ชีวิต ยาก
    นักที่จะหาพระที่เพรียบพร้อมได้อย่างนี้อีก?!

    หลวงปู่สุภาเรียนวิชาแมงมุมดักทรัพย์ หรือเรียกทรัพย์ โดยตรงจากองค์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขาม
    เฒ่า ในขณะที่หลวงปู่สุภาจำพรรษาอยู่เรียนวิชากับหลวงปู่ศุข ในวันที่ลาเพื่อออกเดินธุดงค์ต่อ หลวงปู่ศุขได้บอกหลวงปู่สุภา
    ว่า "เณรน้อยต่อไปจะต้องไปช่วยคนอีกมากทำประโยชน์ให้พระศาสนาอีกเยอะ เธอจงทำแมงมุมเรียกทรัพย์ ให้ตอบแทน
    แก่เขานะ มานี่ปู่จะสอนให้ หลังจากนั้นหลวงปู่ศุข ก็สอนวิชาแมงมุมเรียกทรีพย์ให้หลวงปู่สุภา โดยบอกเหตุผลที่สร้าง
    แมงมุม เรียกทรัพย์ว่า "แมงมุมเป็นสัตว์สะอาดมีศีลไม่ต้องออกไปหากิน มีอาหารเข้ามาถึงรัง มีเหยื่อเข้ามาถึงถิ่นฐาน เหมือนเราเปิด ร้านทำกิจการ มีคนเอาเงินมาให้มีลูกค้าเข้ามาติดกับมีโชคลาภเงินทอง เข้ามาสู่ถิ่นฐานไม่ต้องออกไปวิ่งหา" แมงมุมเรียก ทรัพย์ของหลวงปู่สุภา จึงมีชื่อเสียงโด่งดังมานานแล้ว มีประสบการณ์มากเกินกว่าที่จะกล่าวได้หมด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2015
  5. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่57 ปิดรายการครับ

    รายการที่57 เหรียญรูปเหมือนไตรมาส รุ่นแรก เนื้อทองแดง 2518 หลวงพ่อกัสสปมุณี วัดปิปผลิวนาราม สภาพสวยมาก ผิวเดิม ไม่ผ่านการบูชา มีตอกโค๊ด กส กันปลอม ขนาดเหรียญ กว้าง3 ซ.ม. สูง 3.8 ซ.ม.




    เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อกัสสปมุณี วัดปิปผลิวนาราม อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เป็นเหรียญรูป ตราโล่ตำรวจ ตอกโค๊ดด้านหน้า... ด้านหลังเป็นยันพุทธเกษตร (ท่านได้มาเมื่อครั้งไปเที่ยววิเวกภาวนาใน จ.ลพบุรี ยันต์พุทธเกษตรได้ปรากฏขึ้นในนิมิตท่าน ท่านบอกว่ายันต์นี้มีอานุภาพครอบจักรวาล ตามแต่ผู้ใช้จะอธิษฐานให้เป็นไปดังปรารถนา ท่านเป็นพระสายปฏิบัติที่มีอภิญญาสูงมาก(อภิญญาใหญ่)ครับลองหาศึกษาประวัติท่านดูนะครับ เป็นเหรียญที่มีประสบการณ์มาก เชื่อกันว่า เหรียญนี้หลวงพ่อท่านอธิษฐานจิตโดยเข้านิโรธสมาบัติ เป็นระยะเวลานาน ผลของนิโรธสมาบัตินั้นหลวงพ่อเคยบอกว่า " มีอานุภาพมากนัก มิใช่แต่กุฏิของท่านเท่านั้น แต่กำลังแห่งนิโรธยังครอบคลุมไปทั่วภูเขา " สุนทรีบรรพต " อันเป็นที่ตั้งวัด อย่าว่าแต่ของในกุฏิท่านเลย แม้กรวดหินหน้าวัดหากจะหยิบขึ้นมาแล้วตั้งจิตระลึกถึงท่านก็ยังมีอานุภาพได้ " เพราะฉะนั้น พุทธคุณจึงครอบคลุมได้กว้างไกลมาก และจะอวยผลได้ทุกประการตามปรารถนา (แต่ต้องขึ้นอยู่กับอำนาจของกรรมด้วย) โดยเฉพาะเรื่องการคุ้มครอง ป้องกันภัยร้ายแรงต่างๆ และเป็นมหาโภคทรัพย์ ความเจริญรุ่งเรือง




    พ.ต.อ.ประวิทย์ อินทุลักษณ์ เป็นผู้ขออนุญาตสร้างเหรียญขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกแก่ผู้ร่วมงานสร้างพระอุโบสถบนยอดเขาในวาระนั้น *เนื่องจากท่านผู้พันเคยถูกหลวงพ่อเตือนในวันหนึ่งของต้นเดือนกันยายน พ.ศ.2516 ว่า"ให้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นจำนวนหนึ่งและฝึกฝนไว้ เพราะบ้านเมืองจะมีเหตุร้ายแรงในเร็ววันนี้" *เมือ่ถึงวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2516 กลุ่มนักศึกษาก็พากันประท้วงและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 ท่านผู้พันจึงได้นำกำลังที่ตระเตรียมไว้โดยการบอกล่วงหน้าของหลวงพ่อเข้าปฏิบัติภารกิจ และตัวผู้พันเองพร้อมทั้งผู้ใต้บังคับบัญชาก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้เลย จากเรื่องนี้ทำให้ท่านผู้พันมีความเลื่อมใสในหลวงพ่อเป็นอย่างมาก จึงขออนุญาตทำเหรียญรุ่นแรกขึ้น และหลวงพ่อก็อนุญาตอย่างเป็นทางการ *ท่านประวิทย์ได้นำปลอกกระสุนปืนเนื้อทองเหลืองไปให้หลวงพ่ออธิษฐานจิตจำนวนถึง 10,000 ปลอกเศษ หลวงพ่อทำการเสกอยู่นานเป็นอาทิตย์ก่อนจะมอบให้นำไปหลอมเป็นชนวนทำเหรียญ *ท่านประวิทย์เล่าว่าปกติโรงหล่อจะไม่รับหลอมปลอกกระสุนปืน เพราะเกรงว่าจะมีดินปืนตกค้างอยู่ในกระสุนและเป็นเหตุให้เบ้าหลอมระเบิด แต่มารดาเจ้าของโรงหล่อได้ตั้งจิตอธิษฐานถึงหลวงพ่อกัสสปมุนี ขอบารมีท่านให้งานลุล่วงโดยปลอดภัย ปรากฏว่าไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงใด ๆ เลย *เมื่อได้ชนวนทองเหลืองมาแล้วก็นำไปปั๊มเป็นเหรียญทว่าเนื้อชนวนที่จำกัดจึงทำเหรียญทองเหลืองได้เพียง 1,000 เหรียญเศษ ท่านผู้พันเลยสั่งให้ช่างปั๊มเหรียญทองแดงขึ้นอีก 10,000 เหรียญ และทำการตอกโค้ดกันปลอมไว้ทุกองค์ *ผู้การประวิทย์นำเหรียญไปถวายหลวงพ่อที่วัดในปลายเดือนพฤษภาคม 2518 ท่านก็เริ่มอธิษฐานจิตปลุกเสกทุกวันไปจวบจนเข้าพรรษาตลอด 3 เดือน



    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที



    หลวงพ่อกัสสปมุนี เกิดที่กรุงเทพมหานคร เดิมชื่อประจงวาส ต่อมาเปลี่ยนเป็นประยุทธิ วรวุธิ นามสกุลอาภรณ์สิริ บิดาท่านคือพระพาหิรรัชฏพิบูลย์(ประวัติ อาภรณ์สิริ) นามมารดาคือนางพาหิรรัชฏพิบูลย์ สมัยเป็นฆราวาส ท่านได้สมรสกับนางประชุมศรี อาภรณ์สิริ มีบุตรชาย2 คน บุตรหญิง 2 คน หลวงพ่อกัสสปมุนีเป็นศิษย์เก่า โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ต่อมาจึงได้ย้ายไปเรียนต่อที่โรงเรียนอัสสัมชัญ โดยเลือกภาษาอังกฤษเป็นวิชาเลือก จนจบชั้นม.6 หลวงพ่อกัสสปมุนีท่านบวช เมื่ออายุ ๕๒ ปี สมัยที่ยังไม่บวชท่านทำงานอยู่ฝ่ายสรรพสามิตท่านจะดื่มเหล้าเก่ง ตอนหลังท่านเห็นโทษของการดื่มเหล้า และเกิดเบื่อหน่ายในชีวิตฆราวาส จึงได้ลาออกจากราชการ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๕ โดยได้โอนบ้านที่ดินและทรัพย์สินให้กับครอบครัวท่านจนหมดสิ้น จากนั้นท่านได้ไปฝากตัวอยู่กับสมเด็จ พระวันรัต (ต่อมาทรงได้รับสถาปนา เป็นสมเด็จพระสังฆราช วัดโพธิ์ ท่าเตียน) โดยเป็นอุบาสก นุ่งขาวห่มขาว ถือศีลอุโบสถอย่างเคร่งครัด ในที่สุดจึงได้อุปสมบท เป็นพระภิกษุ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๕ แม้บวชได้เพียงพรรษาเดียว หลวงพ่อกัสสปมุนี ได้ออกธุดงค์ ไปบำเพ็ญเพียรภาวนา อยู่บนยอดเขาภูกระดึง อันแสนจะหนาวเหน็บ (เดือน พ.ย. ๒๕๐๖) หลังจากนั้นถัดมาอีกเพียง พรรษาเดียว ท่านก็ได้จาริกแสวงบุญ ไปบำเพ็ญภาวนาในแดนไกล คือเมือง ฤาษีเกษ ประเทศอินเดีย เมืองนี้เป็นที่ชุมนุม ของโยคี ฤาษี มุนีไพร ผู้ทรงตบะและฤทธาอันแก่กล้ามากมาย ต้องเก่งจริงๆ ถึงจะอยู่ได้อย่างสันติอิสระอานุภาพของพุทธศาสนานั้น เป็นของมีจริง ที่พระสาวกของพระพุทธองค์ สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ เมื่อถึงคราวจำเป็น หรือวาระอันสมควรจะพึงแสดง

    ในหนังสือปกิณกสารธรรม อนุสรณ์ ๑๐ ปี แห่งการมรณภาพของหลวงพ่อ ภายในหนังสือเล่มดังกล่าวมีบทความที่กล่าวถึงความประทับใจสมัยเมื่อหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ หลายบทความเป็นเรื่องที่กล่าวถึงอภินิหาริย์ที่ตนเองเคยพบเห็น และก็อีกหลายบทความครับที่สอนถึงเรื่องของการปฏิบัติธรรม

    โดยเฉพาะในเรื่องของ “อานาปนสติ” ซึ่งก็คือ “การพิจารณาลมหายใจเข้าออก”

    อย่างไรก็ตามในตอนท้ายของบทความทุกเรื่องล้วนมาหยุดตรงที่ว่า

    “หลวงพ่อเป็นเสมือนผู้นำทางให้พวกเขาเหล่านั้นพบแสงสว่างในการดำเนินชีวิต คือแนวทางของพระพุทธศาสนา”

    ว่ากันว่าธรรมะที่หลวงพ่อได้เคยอบรมสั่งสอนไว้ ล้วนแล้วแต่ฟังง่าย เข้าใจง่ายและสามารถนำไปปฏิบัติได้ด้วยตนเอง ความยากลำบากที่สุดในการฝึกปฏิบัติตามคำสอนของท่านก็คือ

    “ความเพียรในการปฏิบัติธรรม”

    วันนี้พวกเราอยู่ที่ “วัดปิปผลิวนาราม” ตำบลหนองบัว อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง ครับ

    ปิป-ผะ-ลิ-วะ-นา-ราม คือชื่อเรียกที่ถูกต้อง

    พูดถึงวัดปิปผลิวนาราม อาจจะไม่คุ้นหูคุ้นตาเท่าใดนัก แต่สำหรับผู้ที่เกิดทันยุคทันสมัยนั้น จะทราบกันดีว่า

    ที่นี่มีคำสอนที่สามารถนำไปใช้ได้ทั้งทางธรรมและทางโลก

    ที่นี่มีเรื่องราวที่ลึกลับซับซ้อนเกี่ยวโยงกันแบบข้ามมิติแห่งกาลเวลา

    ที่นี่มีที่เรื่องราวของ “เจ้าแม่จัมปากะสุนทรี” ซึ่งมีความผูกพันกับ “เจ้าแม่วิสาขา” แห่งภูกระดึง

    ที่นี่มีเรื่องราวของเทพารักษ์ที่มีวิมานอยู่ต้นไม้พันกันสามต้นและมีช่องที่โคน นามว่า “ท้าวสุโรดม”

    และที่นี่มีเรื่องราวของ “หลวงพ่อกัสสปมุนี อดีตเจ้าอาวาส” ผู้มีอัจฉริยภาพในหลายๆด้าน

    ในพระพุทธศาสนา “สัปปุริสธรรม” หรือ “สัปปุริสธรรม ๗” หมายถึงธรรมของสัตบุรุษ ผู้ใดที่ได้ปฏิบัติธรรมหมวดนี้ ย่อมเป็นผู้ถึงซึ่งความเจริญ ไม่มีวันเสื่อม....

    หลวงพ่อกัสสปมุนีเกิดที่กรุงเทพมหานคร มีนามก่อนบวชเป็นพระภิกษุว่า “ประจงวาศ” ต่อมาเปลี่ยนเป็น “ประยุทธิ วรวุธิ” นามสกุล “อาภรณ์ศิริ” บิดาของหลวงพ่อคือ “พระยาหิรรัชฏพิบูลย์ (ประวัติ อาภรณ์ศิริ) มารดานาม “นางพาหิรรัชฏพิบูลย์ (เผื่อน อาภรณ์ศิริ)”

    หลวงพ่อมีพี่น้องสามคนครับ คนโตชื่อ“ประไพวงศ์” คนเล็กชื่อ “ประสาทศิลป์” ส่วนหลวงพ่อเป็นคนกลาง ในชีวิตของหลวงพ่อก่อนบวชท่านสมรส “นางประชุมศรี อาภรณ์ศิริ” มีบุตรชาย ๒ คนและบุตรี ๒ คน

    สังคีติสูตรในพระไตรปิฏกได้บรรยายไว้ว่า

    “ผู้รู้จักเหตุ ผู้รู้จักผล ผู้รู้จักตน ผู้รู้จักประมาณ ผู้รู้จักกาล ผู้รู้จักบริษัทและผู้รู้จักบุคคล”

    ซึ่งการรู้จักในประเด็นทั้ง ๗ ข้อนี้ เราเรียกว่า “สัตบุรุษ ๗” กล่าวกันว่าธรรมทั้ง ๗ ข้อนี้คือคุณสมบัติของคนดี

    คุณกฤษฤกษ์ เปรมรัตนา ได้เขียนบันทึกถึงความประทับใจที่มีกับหลวงพ่อในแง่ที่ช่วยให้เขาสามารถต่อสู่ชีวิตและมีกำลังใจที่จะสร้างสมบารมีต่อไปดังนี้ครับ

    ตนเองโชคดีมีโอกาสได้พบและได้รับฟังคำสอนของท่าน ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาที่น้อยนิดเสียเหลือเกินและคำสอนก็แสนจะสั้น แต่คำสอนที่ท่านได้เมตตาสอนไว้นั้นเมื่อเขาได้นำมาพิจารณาในคำสอนก็พบว่ามันได้ก่อให้เกิดประโยชน์กับตัวของเขาเอง เรื่องราวมีอยู่ว่า

    มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาได้ไปกราบนมัสการหลวงพ่อที่ศาลาหงษ์ยนต์ ในวันนั้นเป็นช่วงจังหวะที่ดีมากเพราะบนศาลามีเพียงเขากับหลวงพ่อ

    “โยมรู้จักธรรมของสัตบุรุษไหม”

    คุณกฤษฤกษ์ได้เรียนตอบท่านว่าเขาไม่ทราบ หลวงพ่อจึงได้เมตตาบอกให้เขาไปหาดูได้จาก”หนังสือนวโกวาท” ซึ่งมีอยู่ ๗ หัวข้อ พร้อมกับกล่าว

    “สัตบุรุษนั้นย่อมรู้เหตุแห่งความเสื่อม เหตุแห่งความเจริญ เพราะฉะนั้น เมื่อเรารู้เหตุแล้ว เราก็หมั่นพิจารณาปรับปรุงแก้ไขสิ่งต่างๆให้ดี เราก็จะไม่เสื่อม มีแต่ความสุข ความเจริญ”

    ใช่แล้วครับการเป็นคนดีไม่มีวันเสื่อม.....

    จะว่าไปแล้วในบรรดาความต้องการของมนุษย์นั้น “ความดี” ถึงจะไม่ได้เป็นความต้องการขั้นสูงสุดก็จริง แต่ที่สุดแล้ว “ความดี” กลับถูกใช้เป็นตัวเชื่อมหรือสื่อที่เข้าถึงความต้องการของมนุษย์ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะกับชีวิตในปัจจุบันนั้นแทบจะเรียกได้ว่าต้องใช้ “ความดี” เป็นตัวกำกับแนวทางชีวิตไว้เสมอ

    คงไม่มีใครหรอกครับที่อยากมีชีวิตแบบที่ปราศจาก “ความดี”

    ว่ากันว่าการสร้างอนาคตเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องสร้างรากฐานในปัจจุบันให้ดี

    หลวงพ่อเคยเล่าไว้ว่า ตอนที่ท่านอายุได้ ๔๖ ปี ขณะนั้นท่านรับราชการอยู่ ในตอนเย็นของวันหนึ่งท่านได้ไปงานเลี้ยงกับเพื่อนร่วมเมา จบงานเลี้ยงก็ประมาณ ๒๓.๐๐ น. เพื่อนจึงขับรถไปส่งท่านที่บ้าน รุ่งเช้ายังไม่ทันตื่น ลูกชายของเพื่อนมาบอกท่านว่า

    “พ่อตายแล้ว”

    หลวงพ่อเล่าว่าในจังหวะนั้นเกิดเป็น “มรณานุสสติกรรมฐาน” ปรากฏกับจิตใจ ทำให้ท่านหวนคิดว่า

    “แล้วเราล่ะ”

    หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาท่านจึงเริ่มปฏิบัติกรรมฐานอย่างจริงจังและได้ออกธุดงค์ตามถ้าต่างๆ จนสุดท้ายแล้วท่านเห็นว่าชีวิตในทางธรรมเป็นเส้นทางที่ถูกต้องและต้องการของชีวิต ท่านจึงได้ขอลาออกจากราชการ ลาออกทั้งๆที่มีคำสั่งอนุมัติท่านเป็น”รองอธิบดี”

    หลังจากได้รับอนุมัติให้ลาออก ท่านจึงได้อุปสมบทที่วัดโพธิ์ ท่าเตียน โดยมีสมเด็จพระวันรัต (ต่อมาสมเด็จพระวันรัตได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช) เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระราชสังวราภิมนฑ์ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี เป็นพระกรรมวาจาจารย์

    ตลอดชีวิตในสมณเพศของหลวงพ่อ ท่านได้สมาทานธุดงควัตร ๔ ข้อมาตลอด คือ ทรงผ้าบังสุกุลเป็นวัตร ครองจีวรชุดเดียว (จะเปลี่ยนก็ต่อเมื่อเก่าหรือชำรุด) เป็นวัตร รับบิณฑบาตเป็นวัตรและอยู่ป่าเป็นวัตร จนกระทั่งท่านมรณภาพครับ

    เรื่องราวในชีวิตของหลวงพ่อเป็นเรื่องที่น่าสนใจครับ

    ชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งที่มีความเป็นอยู่สุขสบายและมีตำแหน่งหน้าที่การงานชั้นสูงแต่กลับละทิ้งอย่างไม่ยี่หระ โดยเดินทางเข้าสู่ถนนชีวิตสายพระพุทธศาสนา การฝึกปฏิบัติธรรมอย่างมุ่งมั่นและมั่นคง ได้สร้างศรัทธาให้กับผู้ที่ได้พบเห็น

    นอกจากนี้ในชีวิตของท่านที่น่าแปลกใจคือท่านไม่เคยเข้าศึกษาวิชาอาคมจากสำนักใดๆเลย แต่ก็สามารถเรียกศรัทธาได้จากผู้คนด้วยวัตถุมงคลที่มีความขลังแบบไม่จำกัด และที่สร้างศรัทธาได้แบบคาตาชาวต่างชาติคือ

    “การใช้พลังจิตช่วยขบวนรถไฟให้เคลื่อนที่ไปจอดยังสถานีที่มีความชันในประเทศอินเดีย”

    ย้อนหลังไปในสมัยที่หลวงพ่อกัสสปมุนีได้เดินทางไปแสวงบุญที่ประเทศอินเดีย คุณเอื้อ บัวสรวง หนึ่งในผู้ติดตามได้เล่าถึงที่มาที่ไปของเรื่องนี้ว่า...

    ในการเดินทางครั้งนั้นมีอุปสรรคเกิดขึ้นกับคณะของเรา ในตอนเช้ามืดวันหนึ่งตู้นอนรถไฟที่เราเช่าไว้สำหรับคณะของเรา ณ สถานีรถไฟแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของอินเดีย ถูกจอดทิ้งไว้อยู่ห่างจากตัวสถานี ๒๐ เส้นและเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข็นมาไว้ที่ใกล้ๆสถานีเพื่อใช้ประกอบกิจส่วนตัว เมื่อไปขอร้องให้เจ้าหน้าที่ของสถานีรถไฟช่วยเข็นก็พบว่าทั้งสถานีมีเจ้าหน้าที่อยู่เพียงสองคน

    หมู่คณะจึงลงมติว่า”ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” ด้วยการระดมแรงงานคนหนุ่มและแรงงานพระสงฆ์ที่ร่วมคณะอีก ๕-๖ รูปเพื่อช่วยกันเข็นรถไฟตู้นอนไปไว้ในสถานี แต่เนื่องจากสถานีตั้งอยู่บนเนิน การใช้แรงงานดังกล่าวจึงไม่ประสบความสำเร็จ เข็นเท่าไรก็ไม่ขยับ

    คุณเอื้อจึงได้ลองอาราธนาหลวงพ่อกัสสปมุนีด้วยสำเนียงที่เป็นเชิงเล่นว่า

    “ช่วยที หลวงพ่อ ช่วยที หลวงพ่อ”

    หลวงพ่อท่านตอบว่า

    “ก็ลองดูยังได้”

    ว่าแล้วหลวงพ่อกัสสปมุนีจึงได้ใช้ไม้เท้ายาวราว ๑.๕๐ เมตรยกชูขึ้นไปในอากาศแล้วก็ส่งหัวไม้เท้ามาที่คุณเอื้อ จากนั้นท่านจึงได้ตั้งท่าเดินนำหน้า คุณเอื้อจึงรีบคว้าไม้เท้าที่ท่านส่งมาทันที คุณเอื้อได้บันทึกถึงเรื่องราวตอนนี้ไว้ว่า

    “ทันใดนั้น ผมรู้สึกราวกับถูกไฟฟ้าดูด หรือเหมือนผมไปจับสายไฟฟ้าแบตเตอรี่รถยนต์ แล้วรถไฟก็เคลื่อนตามหลวงพ่อกัสสปมุนีไป ผมยังได้ร้องขอให้พระอาจารย์วิริยังค์ช่วยด้วย ท่านอาจารย์วิริยังค์ตอบว่าไม่ได้ศึกษามาทางนี้”

    เหตุการณ์ดังกล่าวจบลงตรงที่รถตู้นอนได้มาจอดที่ชานชาลาสถานีอย่างเรียบร้อย ซึ่งการที่หลวงพ่อกัสสปมุนีสามารถทำให้ตู้นอนรถไฟเคลื่อนที่จากที่ต่ำผ่านเนินสูงได้นั้น หลายความเห็นมีความเชื่อตรงกันว่า

    “เป็นผลมาจากอำนาจฌานสมาบัติที่หลวงพ่อได้บำเพ็ญเพียรมา”

    และเมื่อมีลูกศิษย์ถามว่าหลวงพ่อสามารถทำได้อย่างไร ท่านตอบว่า

    “ใช้การรวมพลังเข้ามาเป็นหนึ่งและออกเดินนำหน้าทันทีไม่เหลียวหลัง ไม่ใช่ อิทธิวิธี (อภิญญา)หากแต่เป็นการใช้ อาโลกกสิณ (ความว่าง) “

    ครับนี่คือตัวอย่างที่แสดงถึงบารมีของหลวงพ่อ อันเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความศรัทธาขึ้นในหมู่คณะ โดยมีความมหัศจรรย์ของพลังจิตเป็นแรงหนุน ซึ่งผมเชื่อว่าอย่างน้อยมันก็เป็นการบอกให้เพื่อนๆทราบว่า

    “ความสำเร็จไม่ใช่เรื่องที่จะได้มันมาโดยง่าย”

    ในชีวิตของหลวงพ่อกัสสปมุนี ท่านได้อนุโลมให้สร้างวัตถุมงคลเพื่อเป็นอนุสติน้อมนำคนที่ยังต้องการสิ่งยึดมั่นทางจิตใจ

    สิ่งที่น่าสังเกตุคือ “ตัวยันต์” ที่ท่านได้นำมาไว้ด้านหลังขององค์พระ

    จะว่าไปแล้ว ตัวยันต์ดังกล่าวถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของหลวงพ่อเลยครับ พบเห็นที่ไหนไม่ผิดฝาผิดตัวแน่นอน

    จากความรู้ส่วนตัวที่ได้สะสมมาพบว่าในรูปแบบของตัวยันต์ดูอย่างไรก็ไม่อาจเข้าใจได้ครับ เมื่อสอบถามจากบรรดาลูกศิษย์จึงทราบว่าตัวยันต์ดังกล่าวหลวงพ่อท่านได้จากนิมิตในขณะที่ท่านนั่งสมาธิ คุณสมบัติทราบเพียงแต่ว่า “ครอบจักรวาล”

    พระยันต์นี้ชื่อว่า “พุทธเกษตร”

    พุทธะ หมายถึง ผู้รู้

    เกษตร เป็นภาษาสันสกฤต แปลว่า ที่อยู่ ที่ตั้ง

    ชะรอยหรือว่านี่คือ “ปริศนาธรรม” ด้วยเหตุผลที่ว่าจักรวาลนี้ไม่ว่ามันจะกว้างใหญ่แค่ไหน มันก็ยังมีที่ตั้งของมัน แน่นอนครับเมื่อมีที่ตั้ง มันก็ต้องดำรงอยู่ และดับไปในที่สุด เพียงแต่คนที่จะทราบก็คือ “พุทธะ” เท่านั้น

    เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้ากับพระภิกษุทั้งหลายกำลังเดินกันอยู่ในป่า พระพุทธเจ้าท่านได้ทรงกอบใบไม้ที่มีมากมายเกลื่อนกลาดอยู่ขึ้นมากำมือหนึ่งและทรงตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า

    “ใบไม้ในกำมือนี้มากหรือน้อยเมื่อเทียบกับใบไม้หมดทั้งป่า”

    ภิกษุทั้งหลายก็ตอบว่า

    “ใบไม้ทั้งป่ามีอยู่มากกว่ากันมากจนมิอาจนำมาเปรียบเทียบได้”

    พระพุทธองค์จึงตรัสว่า

    “เรื่องที่ตรัสรู้และรู้นั้นมันมาก เท่ากับใบไม้ทั้งป่า แต่เรื่องที่จำเป็นที่ควรรู้ ควรนำมาสอนและนำมาปฏิบัติ อันได้แก่ "เรื่องการดับทุกข์" นั้น เท่ากับใบไม้กำมือเดียว”

    ครับเรื่องราวต่างๆในโลกนี้ล้วนมีมากมายเหมือนใบไม้ในป่า เรื่องที่ไม่มีประโยชน์ ก็ไม่ต้องสอน เรื่องที่สมควรบอกเป็นรายบุคคลก็มีมากบางเรื่องที่พูดไปแล้วเกิดโทษ ก็ให้งดไว้ บางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องรู้ เพราะไม่มีความจำเป็น ก็มีเยอะ แต่เรื่องที่ต้องสมควรรู้เกี่ยวกับหลวงพ่อกัสสปมุนี

    ในพระพุทธศาสนาเชื่อว่า “ผู้ที่บรรลุแล้วสามารถอธิษฐานอยู่อีกโดยยังไม่เข้านิพพานและสามารถปรากฏกายให้ผู้อื่นได้พบเห็นได้”

    คำถามจึงมีต่อไปว่า

    “ใครล่ะจึงจะเหมาะสมให้พบเห็น”

    ย้อนหลังไปในสมัยที่หลวงพ่อยังไม่ได้บวชแต่ได้ปฏิบัติธรรมเป็นผ้าขาว ท่านเล่าว่าท่านได้พบ “ท่านอริยวังโส” ซึ่งเป็นพระสงฆ์ที่บรรลุอรหันต์ตั้งแต่สมัยพุทธกาลแต่ได้อธิษฐานขอให้ตนเองมีอายุอยู่ถึงห้าพันปีจึงจะเข้าสู่ปรินิพพาน

    พระอริยวังโสได้มาพบท่านในสมาธิและบอกกับท่านว่า “เธอชื่อกัสสปมุนี” (ด้วยเหตุนี้ท่านจึงได้ใช้ชื่อนี้มาตลอดจนกระทั่งอุปสมบท ซึ่งสมเด็จพระอุปัชฌาย์ก็ทรงอนุญาตให้ใช้ชื่อนี้โดยมิได้ตั้งฉายาให้ใหม่)

    หลวงพ่อเล่าว่า ท่านเป็นหนึ่งใน “กัสสปโคตร” ในสมัยพุทธกาล เป็นน้องเล็กสุดท้องมีชื่อว่า “จุลกัสสปะ” พี่ชายทั้งหกของท่านที่ได้บรรลุเป็นอรหันต์ทั้งหมดแล้ว คือ มหากัสสปะ อุรุเวลกัสสปะ คยากัสสปะ นทีกัสสปะ กุมารกัสสปะ และอเจลกัสสปะ ส่วนที่ว่าทำไมท่านยังคงอยู่ ท่านเคยเล่าว่า ท่านเคยบวชในสมัยพุทธกาลแต่สึกออกมาใช้ชีวิตฆราวาสเสียก่อนครับ

    โดยส่วนตัวแล้วผมไม่เคยพบกับหลวงพ่อกัสสปะมุนีครับ ดังนั้นธรรมะหรือคำสอนของท่านจึงรับทราบเพียงจากหนังสือที่ท่านเคยเขียนไว้หลายๆ เรื่อง เช่น หมื่นโลกธาตุและอนันตจักรวาล ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับสภาวะสังขารธรรมในฝ่ายสรรพสัตว์ สังโยชน์ ว่าด้วยเรื่องของกิเลสที่ผูกใจผู้ที่เป็นกิเลสชนให้ติดอยู่กับทุกข์ ฯลฯ

    ซึ่งก็นั่นแหละครับกระบวนการรับรู้เข้าสู่สมองน้อยมาก แต่ถ้าเป็นเรื่องอภินิหาริย์ คงกระพัน หนังเหนียว ข้ามภพ ข้ามชาติ พรหมลิขิต ฯลฯละก็ พอเอ่ยปากอยากรู้เท่านั้น หลั่งไหลมาดั่งอุทกภัยดีๆนี่เอง

    เคยมีคนบอกผมว่า “การที่เราได้ยินเพียงแค่เสียงเดินแล้วสามารถบอกได้ว่าเป็นเสียงเดินของอะไร นั่นย่อมหมายถึงสัญญาหรือความผูกพันที่เราเคยมีต่อกัน เฉพาะเพียงเราเท่านั้น”

    หลวงพ่อเล่าว่าหลังจากที่ท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุเรียบร้อย ท่านได้ขออนุญาตต่อสมเด็จพระอุปัชฌาย์เพื่อขอออกเดินธุดงค์ไปยัง “ภูกระดึง” ซึ่งในช่วงระยะเวลาหกเดือนบนภูกระดึงได้เกิดประสบการณ์ประหลาดๆขึ้นกับท่านมากมาย

    โดยเฉพาะท่านได้พบกับนางฟ้าที่ชื่อ “เจ้าแม่วิสาขา” ซึ่งเป็นเจ้าที่เจ้าทางอยู่บนภูกระดึงและเป็นพี่สาวของนางฟ้าชื่อ “เจ้าแม่จำปากะสุนทรี” ได้เข้ามาอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือท่านจากเหล่าสัตว์ร้ายต่างๆ

    ซึ่งเจ้าแม่วิสาขานี่แหละครับที่เปิดเผยความลับสวรรค์และนำท่านมาสู่ภาคตะวันออก ณ เขาสุนทรีบรรพต ที่มี “เจ้าแม่จำปากะสุนทรี” เป็นผู้ปกครองและได้เข้ามาช่วยเหลือท่านในการสร้างวัด

    เรื่องราวเหล่านี้หลวงพ่อได้เขียนบันทึกไว้ในเรื่อง “เมื่อข้าพเจ้ามาพบที่ใหม่” ครับ เรื่องมีอยู่ว่า..

    ตอนค่ำของวันหนึ่งหลังจากได้ยกพระประธานเข้าที่เข้าทางแล้ว หลวงพ่อท่านได้ปิดกุฏิและนั่งสมาธิ พร้อมกับน้อมจิตถึงเจ้าแม่ที่มาช่วยท่าน หลังจากที่ท่านได้อุทิศส่วนกุศลผลบุญแล้ว

    ทันใดนั้นท่านก็ได้ยินเสียงตอบรับที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน ท่านจึงหันไปมองดูตามเสียงนั้นก็พบเจ้าแม่จำปากะสุนทรีนั่งพับเข่า คะเนว่าเจ้าแม่องค์นี้เหมือนหญิงสาวในวัย ๑๘-๑๙ ปี หลังจากที่ท่านได้นั่งพิจารณาพักใหญ่ ท่านจึงได้เอ่ยถามว่า

    “อาตมาขอโอกาส อาตมาจะเรียกคุณโยมว่าอย่างไร”

    เจ้าแม่ได้ตอบว่า....

    “เรียกโยมว่า จำปากะสุนทรี เจ้าค่ะ”

    “ขอให้ท่านจงสถิตย์อยู่ ณ เขาสุนทรีบรรพตนี้ จนตลอดชนมายุของท่าน”

    หลวงพ่อจึงตอบไปว่า ท่านควรจะปฏิบัติอย่างไร ซึ่งเจ้าแม่ได้ขอให้ท่านสร้างสำนักสงฆ์แห่งนี้ให้มีความเจริญรุ่งเรือง แต่ท่านก็บอกว่าท่านไม่มีเงิน ไม่มีปัจจัย เจ้าแม่จำปากะสุนทรีจึงได้ทิ้งคำพูดสุดท้ายก่อนจะหายตัวไปว่า

    “ท่านคอยดูไป แล้วจะเห็นเอง”

    ครับเรื่องราวในการสร้างสำนักสงฆ์บนยอดเขาแห่งนี้ เต็มไปด้วยปัญหาและมีอุปสรรค์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย แต่ด้วยบารมีของหลวงพ่อกัสสปมุนีที่มีเจ้าแม่จำปากะสุนทรีคอยสนับสนุนข้ามมิติแห่งกาลเวลา สำนักสงฆ์แห่งนี้จึงแล้วเสร็จในที่สุด หลวงพ่อกัสสปมุนีได้ตั้งชื่อสำนักสงฆ์แห่งนี้ว่า

    “สำนักสงฆ์มหากัสสปภพพนาวันอรัญญิกาวาส”

    ต่อมาสมเด็จพระอุปัชฌาย์ได้เดินทางมาเยี่ยมและหลังจากนั้นจึงได้ทรงตั้งชื่อให้ใหม่ว่า

    “ปิปผลิวนาราม”

    “ขอตั้งชื่อสำนักสงฆ์ที่พระกัสสปมุนีสร้างว่า “ปิปผลิวนาราม” ขอให้มีความเจริญรุ่งเรืองสืบต่อพระศาสนาตลอดไปชั่วกาลนาน”

    เรื่องราวที่เป็นเหมือนนิทาน ถูกตอกย้ำว่ามันคือเรื่องจริงมีอยู่หลายเรื่องครับ ดังเช่นเหตุการณ์นี้...

    คณะปฏิบัติธรรมคณะหนึ่งได้เข้าฝึกปฏิบัติ ณ วัดปิปผลิวนารามแห่งนี้ ชายผู้หนึ่งที่อยู่ในคณะต้องถูกรบกวนจากภรรยาของตนซึ่งไม่ชอบภารกิจนี้ จะด้วยเหตุผลใดก็ไม่มีใครทราบ

    วันหนึ่งโทรศัพท์ที่เคยกระหน่ำโทรอยู่ทุกวันได้เงียบเสียงลงไป หลังจากการปฏิบัติธรรมเสร็จสิ้น เมื่อเขาเดินทางกลับถึงบ้านจึงได้ทราบว่า

    ในวันหนึ่งภรรยาของเขานอนหลับและฝันเห็นนางฟ้าองค์หนึ่งทรงชุดสีชมพูได้มาบอกว่าท่านคือใครและต่อว่าเรื่องที่เธอเข้าไปขัดขวางการปฏิบัติธรรมของสามี พร้อมกำชับว่าต่อไปนี้ห้ามไปยุ่ง ด้วยความกลัวเมื่อตื่นขึ้นจึงไม่ได้โทรไปรบกวน

    หลังจากที่ชายผู้นี้ลำดับเหตุการณ์และสอบถามจากผู้รู้ทั้งหลายแล้ว พบว่านางฟ้าที่ภรรยาของเขาพูดถึงมีชื่อและลักษณะตรงกับ “เจ้าแม่จำปากะสุนทรี” ตามที่หลวงพ่อกัสสปมุนีเคยเล่าไว้ทุกประการ

    ครับฟังจบแล้ว เพื่อนๆนึกถึงอะไรบ้าง

    เจ้าที่เจ้าทาง จำปากะสุนทรี นางฟ้า ฯลฯ หรือทุกข้อถูกต้อง

    ไม่ว่าจะเป็นคำตอบข้อใด หรือจะเป็นคำตอบแบบไหน หรือไม่ว่าเพื่อนๆจะคิดอย่างไร สิ่งที่ภรรยาของชายผู้นี้พบเห็น มันก็เป็นการบอกเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทั้งๆที่หญิงผู้นี้ยังไม่รู้เลยว่า “จำปากะสุนทรี” คือใคร

    พระมหาสำรวม เอกจิตโต ได้เคยเขียนบันทึกไว้ว่า เดิมทีท่านเคยมีความคิดว่า พระอริยบุคคลไม่มีในโลกแล้ว คุณวิเศษหรืออิทธิฤทธิ์เป็นแต่เพียงมายากลที่หลอกคนดูให้หลงเชื่อเท่านั้น เพื่อเรียกร้องลาภสักการะ จนท่านได้ประสบกับเหตุการณ์ในครั้งหนึ่งซึ่งทำให้ท่านหมดความสงสัยในเรื่องดังกล่าว

    ท่านเล่าว่าก่อนที่ท่านจะมาอยู่วัดปิปผลิวนาราม ในเวลาที่ท่านทำสมาธิ ท่านก็จะภาวนา “พุทโธ” ในใจตลอดจนติดเป็นนิสัย และเมื่อท่านมาอยู่ที่วัดปิปผลิวนารามท่านก็ยังคงภาวนาแบบเดิม

    โดยปกติแล้วในเวลาปฏิบัติกัมมัฏฐาน นั่งสมาธิ หลวงพ่อกัสสปมุนีท่านจะพูดทางไมค์เพื่อคอยเตือนให้ผู้นั่งสมาธิ มีสติอยู่กับลมหายใจเข้าออกเท่านั้น

    “ให้มีสติอยู่กับลมหายใจเข้าออกเท่านั้น ไม่ต้องภาวนาพุทโธหรือภาวนาอย่างอื่น ให้มีสติรู้สึกตัวทั่วพร้อม ดูลมหายใจเข้าออกอย่างเดียว....”

    ท่านเล่าว่าหลวงพ่อกัสสปมุนีพูดสอนอย่างนี้ถึงสองวัน แต่ท่านก็ยังภาวนาพุทโธอยู่เหมือนเดิม เพราะท่านคิดว่า

    “ไม่มีใครสามารถรู้ถึงความนึกคิดของบุคคลอื่นได้”

    เหตุผลที่คิดอย่างนี้ท่านว่าเพราะเป็นการคิดในใจ ไม่มีเสียง..

    จนวันที่สามหลังจากนั่งสมาธิเสร็จ ในวันนั้นมีหมู่คณะของพระเณร ตลอดจนอุบาสกอุบาสิกาอยู่เป็นจำนวนมาก หลวงพ่อกัสสปมุนีท่านได้พูดออกไมค์เสียงดังลั่นศาลา

    “เณรสำรวม หลวงพ่อบอกเณรว่า ไม่ต้องภาวนาพุทโธ เณรไม่ได้ยินรึ ทำไมไม่เชื่อหลวงพ่อ”

    ท่านว่านี่คือตัวอย่างบางตอนของคำต่อว่า ซึ่งแน่นอนครับมีต่อมาอีกมากมาย นับไม่ถ้วนถ้าจะถามต่ออีกว่าความรุนแรงขนาดไหน ท่านตอบว่า

    “ถ้าท่านดำดินได้ คงดำดินหายไปจากโลกนี้แล้ว”

    จะว่าไปแล้วเรื่องของการรับรู้หรือล่วงรู้วาระจิตใจของคน เป็นเรื่องของผู้ปฏิบัติธรรมอย่างเอกอุและสำเร็จในเรื่องฌาณสมาบัติหรืออภิญญา ผมเองก็ไม่บรรลุในเรื่องแบบนี้อะไรมากนักแต่เท่าที่สอบถามผู้รู้ทั้งหลายพอจะสรุปได้ความว่า

    ในการรับรู้ด้วยวาระจิตมีสองลักษณะ ซึ่งทั้งสองลักษณะมีความเหมือนกันคือสามารถ “รู้” ได้ แต่ที่แตกต่างกันคือ “วิธีการรู้” อธิบายแบบกระชับระดับตั้งไข่ครับว่า

    เจโตปริยญาณ คือการรู้ความคิดของบุคคลอื่น เป็นการรับรู้ที่เป็นอัตโนมัติ เปิดปิดการรับรู้ได้ตามใจหมาย ซึ่งผู้ที่จะทำได้ขนาดนี้ต้องปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานขนาดหนัก

    ฌาณสมาบัติ คือการรู้ความคิดของผู้อื่นเหมือนกันครับ เพียงแต่หากต้องการจะรู้ต้องใช้วิธีเพ่งดู และก็ไม่อัตโนมัติครับ เปิดปิดเป็นเวลาและต้องลงทะเบียนก่อน

    แต่ถ้าจะถามผมว่าหลวงพ่อกัสสปมุนีท่านอยู่ในขั้นไหน

    ผมคงจะตอบไม่ได้ครับ เพราะไม่อาจทราบ”วาระจิตของท่าน”

    หากแต่ถ้าเราพิจารณาด้าน “จิตใจและคุณธรรม” จากปฏิปทาทางกายกรรมและวจีกรรม เราก็จะเห็นความเป็นคนจริง คนเด็ดเดี่ยว มั่นคง ฯลฯ การสั่งสมบารมีของท่าน เช่น วิริยะบารมี ขันติบารมี สัจจะบารมี ฯลฯ การสละครอบครัวและทรัพย์สมบัติ ตลอดจนการปฏิบัติแบบ “มอบกายถวายชีวิต” ก็คงจะเป็นแนวทางให้ทราบเป็นนัยๆได้ครับว่า

    “ชั้นอ๋องหัวเมืองใหญ่เป็นอย่างน้อย”

    หลวงพ่อกัสสปมุนี มรณภาพเมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๓๑ อายุ ๗๙ ปี จากวันนั้นจนถึงวันนี้หากหลวงพ่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะต้องมีอายุประมาณ ๑๐๐ ปี

    ปัจจุบันทางวัดยังคงเก็บสรีระของหลวงพ่อเอาไว้ เพราะหลวงพ่อได้เคยกล่าววาจาไว้ว่า

    “หลวงพ่อจะอยู่จนอายุ ๑๓๐ ปี แต่ต้องเปลี่ยนธาตุขันธ์”

    จะว่าไปแล้วก็มีแรงจูงใจหลายอย่างครับ ที่ทำให้ลูกศิษย์ของหลวงพ่อทุกคนมั่นใจว่าทุกวันนี้หลวงพ่อกัสสปมุนีท่านยังอยู่และคอยดูแลคุ้มครองพวกเขาตลอดเวลา...

    โดยเฉพาะกับคนๆนี้ครับ

    “ป้าเตียง”

    บ้านของป้าเตียงเป็นร้านขายของชำเล็กอยู่หน้าวัด ในชีวิตของป้าเตียงเคารพนับถือหลวงพ่อกัสสปมุนีมากๆ ชนิดเข้าขั้นแฟนพันธ์แท้

    เรื่องแบบนี้มีที่มาที่ไปครับ....

    หลังจากที่หลวงพ่อกัสสปมุนีได้มรณภาพลง คืนหนึ่งป้าเตียงฝันว่าหลวงพ่อได้มาบอกให้ป้าเตียงเตรียมตัวเอาไว้เพราะจะมีไฟไหม้ ในวันนั้น เวลานั้น ซึ่งในความฝันป้าเตียงขอร้องให้หลวงพ่อช่วยเหลือ

    หลวงพ่อตอบว่า....

    ”จะพยายามเต็มที แต่มันเป็นวิบากกรรมไม่สามารถห้ามกันได้ ยังไงเสียป้าเตียงต้องได้รับผลแน่นอน”

    ครั้นพอตื่นจากความฝัน ด้วยความเชื่อมั่นว่าเรื่องที่หลวงพ่อมาบอกคือความจริง ป้าเตียงจึงได้ระดมน้ำสำรองเตรียมตัวไว้เต็มที และในวันดังกล่าวป้าเตียงได้เกณฑ์บรรดาญาติพี่น้องมาคอยเฝ้าบ้าน เฝ้าสวนเต็มอัตราศึก

    ผลปรากฏว่าเมื่อถึงเวลาดังกล่าวได้เกิดไฟไหม้สวนข้างเคียงและได้ลุกลามเข้ามาถึงสวนของป้าเตียง ชะรอยว่าป้าเตียงเตรียมความพร้อมตลอดเวลา จึงสามารถสยบพระเพลิงได้อย่างสงบราบคาบ แต่กระนั้นก็ตามต้นไม้ในสวนก็ถูกไฟไหม้ไปบ้างแต่เสียหายไม่มากนัก

    คนที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า พอรุ่งเช้าพบว่ารอบๆบ้านของป้าเตียงหายไปเรียบเหลือแต่บ้านของป้าเตียงเท่านั้นที่ยังยืนเด่นเป็นสง่ามาตราบจนถึงทุกวันนี้.....

    “สังโฆอัปปมาโณ”

    คุณของพระสงฆ์หาประมาณมิได้

    “เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ”

    นี่แหละคือสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า

    หลวงพ่อกัสสปมุนีเคยกล่าวไว้ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ว่า...

    “หลวงพ่อมาอยู่ที่นี่ด้วยมือเปล่าและบาตรเปล่า สร้างวัดนี้ได้ทั้งหมดก็ด้วยอานิสงฆ์ของลมหายใจเท่านั้น....”

    “นะโม อโห โอม กัสสโปมุนิ อะราธะนัง”

    ขออภิวาทต่อหลวงพ่อกัสสปมุนี ผู้สงบระงับด้วยความนอบน้อม….สวัสดีครับ

    ที่มา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • w48 copy.jpg
      w48 copy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.8 KB
      เปิดดู:
      115
    • w49 copy.jpg
      w49 copy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      73.3 KB
      เปิดดู:
      119
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2015
  6. jaru

    jaru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +710
    ขอทราบค่าบูชารายการนี้ครับ
     
  7. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    สวัสดีครับ แจ้งให้ทราบทาง p.m. แล้วครับ ขอบคุณครับ ^_^
     
  8. sritrang2010

    sritrang2010 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +74
    ขอจองรายการที่ 54 ครับ
     
  9. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    สวัสดีครับ รับทราบ ปิดรายการให้แล้วครับ ขอบคุณครับ ^_^
     
  10. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่58 ปิดรายการครับ

    รายการที่ 58 พระผงรูปเหมือน ลป.กาหลง วัดเขาแหลม จ.สระแก้ว ปี2536 ผสมมวลสารพระสมเด็จบางขุนพรหม

    ปกติบูชา 1,500 ลดพิเศษ ให้บูชาเพียง 850 บาท (รวมค่าส่ง)

    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 Line ID ton789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • x21.jpg
      x21.jpg
      ขนาดไฟล์:
      77 KB
      เปิดดู:
      60
    • x22.jpg
      x22.jpg
      ขนาดไฟล์:
      72.6 KB
      เปิดดู:
      82
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2015
  11. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่ 59 ปิดรายการหมดครับ

    รายการที่ 59 พระบูชาหน้าตัก 5 นิ้ว พระโบราณคณิสสร ลป.ใหญ่ วัดสะแก จ.อยุธยา ปี2525 หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ปลุกเสก

    สนใจกรณาp.m. หรือโทรสอบถามครับ

    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 Line ID ton789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
    Attached Thumbnails
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • y34.jpg
      y34.jpg
      ขนาดไฟล์:
      69.9 KB
      เปิดดู:
      78
    • y35.jpg
      y35.jpg
      ขนาดไฟล์:
      62.8 KB
      เปิดดู:
      67
    • y36.jpg
      y36.jpg
      ขนาดไฟล์:
      63.8 KB
      เปิดดู:
      79
    • y39.jpg
      y39.jpg
      ขนาดไฟล์:
      64.9 KB
      เปิดดู:
      80
    • y37.jpg
      y37.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.9 KB
      เปิดดู:
      68
    • y38.jpg
      y38.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.5 KB
      เปิดดู:
      88
    • y40.jpg
      y40.jpg
      ขนาดไฟล์:
      65.4 KB
      เปิดดู:
      68
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2015
  12. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่ 60 ปิดรายการครับ

    รายการที่ 60 พระบูชาหน้าตัก 9 นิ้ว พระโบราณคณิสสร ลป.ใหญ่ วัดสะแก จ.อยุธยา ปี2525 เนื้อทองเหลือง หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ปลุกเสก

    สนใจกรณาp.m. หรือโทรสอบถามครับ

    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 Line ID ton789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • y41.jpg
      y41.jpg
      ขนาดไฟล์:
      70.9 KB
      เปิดดู:
      70
    • y42.jpg
      y42.jpg
      ขนาดไฟล์:
      62.7 KB
      เปิดดู:
      72
    • y43.jpg
      y43.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57 KB
      เปิดดู:
      67
    • y44.jpg
      y44.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.3 KB
      เปิดดู:
      71
    • y45.jpg
      y45.jpg
      ขนาดไฟล์:
      87.1 KB
      เปิดดู:
      75
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2015
  13. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่61 ปิดรายการครับ

    *** รายการที่61 พระพญาเหล็ก พิมพ์พระซุ้มกอ 1 ในชุดเบญจภาคีที่นิยม ล.พ.หวล วัดพุทไธศวรรย์ *** องค์นี้สำเร็จด้วยพญาเหล็ก สีปีกแมลงทับ(เจ้าน้ำเงิน) เด่นด้านอำนาจ บารมี คงกะพันชาตรี ขนาดองค์พระ กว้าง 1.7 ซ.ม. สูง 2.4 ซ.ม. เป็นหนึ่งในชุดเบญจภาคี ที่ล.พ.สร้าง นิยมและหายากครับ

    ล.พ.หวล ท่านเรียนวิชาอัญเชิญพญาเหล็ก มาจากศิษย์สาย ล.พ.เดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ ครับ โดยท่านจะนำหุ่นขี้ผึ้ง รูปพระและรูปแบบอื่นๆไปทำพิธีเรียกพญาเหล็กตามถ้ำครับ โดยท่านขออนุญาตกับเทพยดาผู้รักษาพญาเหล็กนั้นๆว่าจะนำมาเพื่อประโยชน์ในพระพุทธศาสนา โดยมอบให้กับผ้ที่ทำบุญบูรณะวัดกับท่าน โดย พญาเหล็ก นั้นจะมี 3 วรรณะ(สี) ตามประเภทขององค์เทพที่ปกปักรักษา คือ
    1.สีเงินยวง เด่นด้านเมตตา มหานิยม เจริญรุ่งเรืองในชีวิต
    2.สีปีกแมลงทับ(เจ้าน้ำเงิน) เด่นด้านมหาอำนาจ บารมี คงกะพัน มหาอุด
    3.สีทอง (ท้องปลาไหล) เด่นด้านเงินทอง โชคลาภ โดยสีทองนี้จะมีน้อยสุดในการเรียกแต่ละครั้งครับ

    พระพญาเหล็กนี้ มีคุณ 108 ประการตามแต่อธิษฐาน ครับ กิจการงานเจริญก้าวหน้า เดินทางไปที่ใด มีเทพยดา ปกปักรักษาครับ และเมื่อเราจะมีโชคลาภหรือจะได้เลื้อนยศ เลื่อนตำแหน่ง ให้สังเกตุที่สีขององค์พระ จะสุกปลั่งขึ้นเองครับ และพระพญาเหล็กนี้ใช่ว่ามีเงินแล้วจะได้ครอบครองนะครับ ล.พ.หวลท่านบอกว่าต้องมีบุญวาสนาแต่ชาติปางก่อนจึงได้ครอบครองครับ

    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 Line ID ton789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • a1 copy.jpg
      a1 copy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      75.6 KB
      เปิดดู:
      100
    • a2 copy.jpg
      a2 copy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      64.3 KB
      เปิดดู:
      84
    • a3 copy.jpg
      a3 copy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.6 KB
      เปิดดู:
      76
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2015
  14. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่ 62 ปิดรายการครับ

    รายการที่ 62 แมงมุมเรียกดักทรัพย์ตาเพชร รุ่น มหาเศรษฐี อายุ109 ปี ปี47 ลป.สุภา กันตสีโล วัดศีลสุภาราม จ.ภูเก็ต เนื้อทองผสมรมดำ สภาพสวย มาพร้อมเลี่ยมกันน้ำ

    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 Line ID ton789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที

    เป็นที่ทราบกันดีว่าวิชาสำคัญถือเป็นสุดยอดเด็ดขาดและแน่นอนสร้างชื่อเสียงให้หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล
    พระอริยสงฆ์ห้าแผ่นดิน อายุ 109 ปี คือ " วิชาแมงมุมเรียกดักทรัพย์ " ที่ท่านได้รับถ่ายทอดยอดปรมาจารย์หลวงปู่ศุข วัด
    ปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท โดยตรงเพียงองค์เดียว เมื่อครั้งที่หลวงปู่สุภาธุดงค์ไปเรียนวิชากับหลวงปู่ศุข เรียน
    สำเร็จจะลากลับหลวงปู่ศุขได้เรียกหลวงปู่สุภาไปสอนวิชา " แมงมุมเรียกดักทรัพย์" โดยมีเคล็ดวิชาว่า " แมงมุมเป็นสัตว์
    วิเศษไม่ต้องออกไปหากินมีเหยื่อหรืออาหารเข้ามาถึงรังเข้ามาถึงปาก เพียงชักใยดักเหยื่อไว้เท่านี้ก็ไม่อดมีกินอิ่มตลอดการ"
    การเปิดร้านทำกิจการก็เช่นเดียวกันถ้าได้วิชาแมงมุมเรียกดักทรัพย์ไปก็เหมือนเปิดร้านกิจการค้าขายดักเหยื่อ ดักทรัพย์ ดัก
    ูลูกค้า ดักโชคดักลาภ ดักเงินดักทอง ให้เข้ามาติดกับง่ายดาย เห็นผลเบ็ดเสร็จเด็ดขาดและแน่นอน หลวงปู่สุภาได้เรียนรู้วิชา
    แมงมุมเรียกดักทรัพย์และได้สร้างแมงมุมเรียกดักทรัพย์ให้ลูกศิษย์ลูกหาได้ใช้ต่างเห็นผลมีประสบการณ์มากมายสุดจะ
    พรรณนา อาทิ กิจการค้าขายลูกค้าเข้ามากค้าขายดี กิจการเติบโตก้าวหน้าเจริญขึ้น มีโชคมีลาภ ได้เงินได้ทอง ได้เลื่อนขั้น
    เลื่อนตำแหน่งก็มาก ใครได้แมงมุมของหลวงปู่สุภาไปต่างมีประสบการณ์ดีขึ้นแทบทั้งนั้นจนเรียกได้ว่า วิชาดักทรัพย์โชค
    ลาภค้าขายไม่มีอะไรเกินแมงมุมของหลวงปู่สุภาไปได้

    หลวงปู่สุภาได้ปลุกเสกแมงมุมเรียกดักทรัพย์แบบรูปหล่อแมงมุมเหมือนจริงเป็นครั้งแรก ช่างได้ออกแบบ
    อย่างสวยงามสมส่วน มีเอกลักษณ์อมตะสง่าสมชื่อว่าเป็นพญาแมงมุม ด้านหลังแมงมุมได้ลงหัวใจยันต์ "ทะล้อมกะ" ที่
    หลวงปู่สุภาใช้เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวท่านดีทางป้องกันอันตรายทั้งแปดทิศ ใต้ท้องแมงมุมมีลักษณะเป็นเหมือน "ถุง
    ทรัพย์" จาลึกอักขระหัวใจรับทรัพย์เป็นการถอดสูตรผ้ายันต์รับทรัพย์ทั้งผืนลงในอักขระที่ใต้ท้องแมงมุม (ตั้งตัวแมงมุม ตรงๆ ท้อง แมงมุมจะเหมือนถุงทรัพย์หรือถุงเงินถุงทอง) เป็นสูตรรวมขุมทรัพย์โภคสมบัติทั้งปวง เหนืออื่นใดแมงมุม รุ่นมหาเศรษฐี นี้พิเศษตรงที่ในตาของแมงมุมทั้ง 2 ข้างได้ฝังเพชร ซึ่งเปรียบเสมือนดวงแก้ล้ำค่าของหลวงปู่ที่มี อานุภาพทางชี้ช่องทาง บอกทางให้เจริญรุ่งเรืองสมความปรารถนา มีอานุภาพครอบจักรวาลเหมือนบรรจุดวงแก้วสารพัด นึกในตาของแมงมุม เป็นการซ้อนความขลังลงในวิชาแมงมุมเรียกดักทรัพย์อีกโสตหนึ่ง (เพชรที่ฝังเป็นตาแมงมุมเป็น แก้วชนิดพิเศษตระกูลคริสตอล สั่งจากประเทศออสเตรเลีย เพื่อมาบรรจุในตาแมงมุมของหลวงปู่สุภารุ่นมหาเศรษฐี โดยเฉพาะ) สรุปรวมความว่าแมงมุมเรียกทรัพย์รุ่นมหาเศรษฐีของหลวงปู่สุภาเพียบพร้อมไป ด้วยอานุภาพครอบคลุม ทุกทางกล่าวคือ

    1. เรียกทรัพย์
    2. ดักทรัพย์
    3. ป้องกันอันตราย
    4. เป็นแก้วสารพัดนึก
    5. วิชาแมงมุมตำรับหลวงปู่ศุขอยู่ไหนก็อิ่มไม่อดอยาก
    6. ค้าขายดีลูกค้าเข้ามาก

    และเป็นครั้งแรกที่หลวงปู่สุภาปลุกเสกแมงมุมเรียกทรัพย์มีตาเป็นเพชร

    คาถาปลุกแมงมุมดักทรัพย์
    สุวันนะระชะตัง มะหาสุวันนะ ราชะตัง อังคะตะเศรษฐี
    มหาอังคะตะเศรษฐี มิคะตะเศรษฐี มะหามิคะตะเศรษฐ
    ี ปุริเศษสาวาอัตถีวา พราหมณ์มะณีวา มะอะอุ มานิมามา

    อมตะเกระ 5 แผ่นดิน หลวงปู่สุภา กันตสีโล


    หลวงปู่สุภา กันตสีโล อายุ 109 ปี สร้างวัดมาแล้ว 39 วัด (บารมีสูงสุดทางเหนือจะเรียกว่าต้นบุญ) หลวง
    ปู่สุภามีอาจารย์ที่สอนท่านจริงๆ 4 องค์ คือ
    1. หลวงปู่สีทัตต์ วัดพระธาตท่าอุเทน (ผู้สร้างพระธาตุท่าอุเทน ศิษย์รุ่นน้องสมเด็จลุน ยุคเดียวกันสมเด็จ
    โต วัดระฆัง)
    2. หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า (หลวงปู่สุภาเป็นศิษย์องค์เดียวในยุคปัจจุบัน หลวงปู่ศุขสอนวิชา
    ให้หลวงปู่จนหมดสิ้น)
    3. โยคีจากประเทศธิเบต ชื่อนารายณ์ (หลวงปู่สุภาธุดงค์ไปเรียนวิชาทางจิตสมาธิและฌาณ)
    4. อาจารย์เฒ่าจากวัดเส้าหลิน ประเทศจีน หลวงปู่สุภาธุดงค์ไปเรียนวิชาพลังภายนอกและภายใน)

    ส่วนเพื่อนหลวงปู่ที่เคยร่วมธุดงค์เคยทำเครื่องรางของขลัง เคยแลกเปลี่ยนวิชากันมีหลายองค์ดังนี้
    1. หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ
    2. หลวงปู่มั่น ภูริทัตตโต
    3. หลวงพ่อจาด วัดบางกะเบา
    4. หลวงพ่อทบ วัดชนแดน
    5. หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
    6. หลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด
    7. หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพงษ์
    8. หลวงพ่อสังข์ วัดน้ำเต้า

    หลวงปู่สุภาเพรียบพร้อมไปด้วยศีลาจารย์วัตร, ธรรมปฏิปทา , สมธิอภิญญา , พลังสติปัญญา เป็นพระที่ดี
    มากในยุคปัจจุบัน เป็นพระที่ดีมากในยุคปัจจุบัน วัตถุมงคลของหลวงปู่ควรรีบเก็บ รีบบูชาติดตัวเป็นมหามงคลแก่ชีวิต ยาก
    นักที่จะหาพระที่เพรียบพร้อมได้อย่างนี้อีก?!

    หลวงปู่สุภาเรียนวิชาแมงมุมดักทรัพย์ หรือเรียกทรัพย์ โดยตรงจากองค์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขาม
    เฒ่า ในขณะที่หลวงปู่สุภาจำพรรษาอยู่เรียนวิชากับหลวงปู่ศุข ในวันที่ลาเพื่อออกเดินธุดงค์ต่อ หลวงปู่ศุขได้บอกหลวงปู่สุภา
    ว่า "เณรน้อยต่อไปจะต้องไปช่วยคนอีกมากทำประโยชน์ให้พระศาสนาอีกเยอะ เธอจงทำแมงมุมเรียกทรัพย์ ให้ตอบแทน
    แก่เขานะ มานี่ปู่จะสอนให้ หลังจากนั้นหลวงปู่ศุข ก็สอนวิชาแมงมุมเรียกทรีพย์ให้หลวงปู่สุภา โดยบอกเหตุผลที่สร้าง
    แมงมุม เรียกทรัพย์ว่า "แมงมุมเป็นสัตว์สะอาดมีศีลไม่ต้องออกไปหากิน มีอาหารเข้ามาถึงรัง มีเหยื่อเข้ามาถึงถิ่นฐาน เหมือนเราเปิด ร้านทำกิจการ มีคนเอาเงินมาให้มีลูกค้าเข้ามาติดกับมีโชคลาภเงินทอง เข้ามาสู่ถิ่นฐานไม่ต้องออกไปวิ่งหา" แมงมุมเรียก ทรัพย์ของหลวงปู่สุภา จึงมีชื่อเสียงโด่งดังมานานแล้ว มีประสบการณ์มากเกินกว่าที่จะกล่าวได้หมด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • a32.jpg
      a32.jpg
      ขนาดไฟล์:
      67.9 KB
      เปิดดู:
      77
    • a33.jpg
      a33.jpg
      ขนาดไฟล์:
      66.5 KB
      เปิดดู:
      84
    • LPSupa_pic.jpg
      LPSupa_pic.jpg
      ขนาดไฟล์:
      14.4 KB
      เปิดดู:
      77
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2015
  15. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่ 63 ปิดรายการครับ

    รายการที่ 63 รูปหล่อบูชา รุ่น1 หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก วัดทุ่งสามัคคีธรรม จ.สุพรรณบุรี สร้างเพียง 300 องค์ องค์นี้หมายเลข 169 ครับ (หลวงพ่อสังวาลย์อธิษฐานจิตครับ)

    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 Line ID ton789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที

    ประวัติหลวงปู่สังวาลย์ เขมโก

    พระกรรมฐานแห่งเมืองสุพรรณ

    วัดทุ่งสามัคคีธรรม อ.สามชุก สุพรรณบุรี

    นามเดิมท่านคือสังวาลย์ นามสกุล จันทร์เรือง เกิดเมื่อ จันทร์ เดือน 4 ปีมะโรง (2459) ที่บ้านหนองผักนาก สามชุก สุพรรณบุรี บรรพบุรุษท่านมีอาชีพทำนา แต่โยมบิดาท่านเป็นผู้ที่ได้นำภาพยนตร์มาฉายในอำเภอสามชุกเป็นคนแรก

    อุปสมบทครั้งแรก เมื่ออายุครบบวช แต่ด้วยความที่ท่านเป็นคนไม่รู้หนังสือ บทสวดมนต์บางบท ท่านต้องจำจากที่แม่ชีสวดกัน ท่านจึงสวดมนต์ได้แค่อิติปิโส ฯ พาหุง ฯ แม้แต่นะโมก็ต้องต่อเอา ด้วยเหตุนี้ท่านจึงต้องลาสิกขาบท ทั้งๆ ที่ไม่อยากจะลาเลย

    ชีวิตสมรส ท่านสมรสกับแม่บาง เมื่ออายุ 26 ปี ในปี 2448 แต่ไม่มีบุตรด้วยกัน ท่านยึดอาชีพทำนาแต่ด้วยเหตุที่ท่านมีสุขภาพไม่ค่อยจะแข็งแรงเท่าไรนัก บางครั้งขณะที่ทำงานเกิดเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา ท่านก็ต้องผลัดกันไถนาโดยอาศัยห้างนาเป็นที่พัก รอจนไข้ลดจึงได้ออกมาทำนาเป็นปรกติ บางทีก็ทำนาไม่ได้ ต้องให้ภรรยาท่านเป็นคนทำ ท่านจึงรับหน้าที่ เป็นผู้ช่วยหุงหาอาหารให้ภรรยาเท่านั้นเอง ท่านได้ทนทุกข์ทรมานกับโรคภัยถึง 2 ปี โดยในระหว่างนั้นท่านได้รับคำแนะนำจากแม่ชีจินตนา ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ให้ทำกรรมฐานเผื่อว่าโรคจะหาย

    ความที่ท่านมีโรคภัยนี้เอง จึงได้เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ท่านได้เห็นภัยในวัฏฏะสงสาร เห็นภัยที่เกิดจากความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ขึ้นมา ท่านเล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งแม่บางไม่สบาย ท่านก็ได้ช่วยดูแลตามประสาสามี ธรรมดาของคนป่วยย่อมจะต้องมีความอิดโรยเป็นธรรมดาและช่วยตัวเองไม่ได้ ท่านจึงช่วยตักน้ำราดศีรษะให้แม่บาง พอน้ำราดลงบนเส้นผม ไอระเหยที่โดนเส้นผมนั้น ส่งกลิ่นชวนให้น่ารังเกียจ เนื่องจากไม่ได้ทำความสะอาดมาเป็นเวลานาน ทำให้ท่านเกิดสลดสังเวชใจเป็นอย่างยิ่งว่า ร่างกายของคนเรานี้เป็นสิ่งที่ไม่น่ายินดี เป็นรังแห่งโรค เป็นที่เกิดแห่งทุกข์

    ครั้งหนึ่งท่านได้เดินผ่านกระจกเงาบานใหญ่ ซึ่งสามารถมองเห็นได้ทั้งตัว แทนที่ท่านจะมองเห็นเป็นรูปร่างของตัวท่าน ท่านกลับเห็นเป็นอสุภนิมิต มีโครงกระดูกขึ้นแทน ด้วยตัวท่านเป็นผู้ฝึกทำกรรมฐานอยู่เสมอ จึงทำให้จิตใจที่ได้รับการฝึกฝนอยู่ย่อมเกิดปัญญาเกิดความรู้เห็นขึ้น มีญาณทัศนะปรากฏขึ้น ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ท่านเห็นภัยในสังขารยิ่งขึ้นและเกิดความเบื่อหน่ายที่จะครองเรือนอีกต่อไป การสละจาการครองเรือนจึงได้เกิดขึ้น

    ท่านได้บอกกับแม่บาง ให้รู้ถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ที่ท่านจะไปสู่ธรรมวินัยของพระบรมศาสดา เพื่อที่จะทำที่สุดแห่งทุกข์ให้จงได้ ในการจะออกบวชในครั้งนี้ท่านก็ได้ให้พ่อห่วง ผู้เป็นบิดา ให้บอกกับลูกหนี้ทั้งหมดที่เป็นหนี้เป็นสินกับบิดาของท่าน ให้มาประชุมพร้อมกัน และท่านได้ขอร้องพ่อห่วงให้ยกเลิกสัญญาที่ลูกหนี้ทั้งหลายได้กระทำกับบิดาของท่าน ด้วยการฉีกเอกสารทิ้งทั้งหมด นับได้ว่าเป็นการเริ่มต้นในการให้ทาน อันเป็นที่น่าปีติยินดีอย่างยิ่ง

    หลังจากนั้นท่านได้ทำมหาทานอีกครั้ง ด้วยการบอกภรรยาว่า จะขอออกบวชอีกครั้ง ให้แม่บางหาสามีใหม่ได้

    การบวชครั้งที่ 2 เมื่อท่านอายุได้ 35 ปี ณ วัดนางบวชอำเภอเดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี เมื่อเวลา 14.45 น. ของวันที่ 27 เมษายน 2494 โดยมี พระครูแขก เป็นพระอุปัชฌาย์ พระสมุห์ทองย้อย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการไสว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่าเขมโก

    เมื่อท่านอุปสมบทแล้ว ก็ได้เข้าไปปฏิบัติธรรม ณ ป่าช้าวัดบ้านทึง สามชุก ท่านได้อาศัยอยู่ในป่าช้าโดยมีหลวงพ่อมหาทอง โสภโณ ซึ่งเป็นเสมือนครูบาอาจารย์ เป็นผู้ปฏิบัติ ผู้อาวุโส อยู่ด้วย ท่านเป็นผู้มีความรู้ทางด้านปริยัติได้ดีท่านหนึ่ง และท่านได้เป็นผู้แปลข้อศีลที่ว่า การไม่ยินดีรับเงินและทองเพื่อเป็นของตน หรือให้ผู้อื่นเก็บไว้เพื่อตน นับแต่นั้นมาหลวงพ่อสังวาลย์ก็ไม่มีปัจจัยแม้แต่สตางค์แดงเดียว และที่พระอาจารย์มหาทองท่านได้สอนหลวงพ่ออีกคือ

    สมาธิ ภิกฺขเว ภาเวย สมาธิโต ยถาภูตํ ปชานาติ

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอทั้งหลายพึงยังสมาธิให้เกิดขึ้นเถิดเพราะจิตที่เป็นสมาธินั้น ย่อมรู้เห็นตามความเป็นจริง

    เพียงประโยคนี้เท่านั้น ที่ท่านถือเป็นแนวทางปฏิบัติ มุ่งมั่นกระทำความเพียร อยู่ในป่าช้าตลอดเวลา 5 ปี

    ปัญญาที่เกิดจากการปฏิบัตินี้เองทำให้ท่านรู้เห็นตามความเป็นจริง โดยท่านได้ยึดหลักธุดงควัตรตลอดเวลา

    หลังจากที่ท่านพระอาจารย์มหาทองได้ละสังขารแล้วท่านจึงได้ออกจากป่าช้า แต่ท่านก็มิได้ละเลยหรือทอดธุระในภาคปฏิบัติเลยแม้แต่น้อย โดยท่านจะนึกถึงคำของอาจารย์ที่ว่า นักปฏิบัติจะทิ้งการปฏิบัติไม่ได้ จนกว่าจะหมดลมท่านเองก็เป็นเช่นนั้น เมื่อท่านมาอยู่วัดทุ่งสามัคคีธรรม และไปสร้างวัดป่าน้ำตกเขมโก ที่ ด่านช้าง สุพรรณบุรี ท่านก็จะสั่งสอนและเจริญสมาธิภาวนาอยู่เสมอมิได้ขาดเลย

    ในระยะเริ่มแรกท่านมีอุปสรรคมากเพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจ บางคนถึงกับเข้ามาทำร้ายและขัดขวางการเผยแพร่ธรรมทุกรูปแบบ แต่ในที่สุดท่านก็สามารถฟันฝ่าอุปสรรคไปได้ และเผยแพร่ธรรมให้ทุกคนรู้จักประพฤติปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้อย่างกว้างขวาง มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจในการปฏิบัติธรรม เข้าห้องกรรมฐานปฏิบัติตามหลักมหาสติปัฏฐาน 4 ที่หลวงพ่อแนะนำสั่งสอนได้เป็นอย่างดี หลวงพ่อจึงมีศิษยานุศิษย์ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากมาย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • b37 copy.jpg
      b37 copy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      65.3 KB
      เปิดดู:
      86
    • b43 copy.jpg
      b43 copy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      55.6 KB
      เปิดดู:
      85
    • b411.jpg
      b411.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.1 KB
      เปิดดู:
      97
    • b45 copy.jpg
      b45 copy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      65.9 KB
      เปิดดู:
      90
    • b471.jpg
      b471.jpg
      ขนาดไฟล์:
      73.7 KB
      เปิดดู:
      73
    • b48 copy.jpg
      b48 copy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      99 KB
      เปิดดู:
      76
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2015
  16. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่ 64 ท้าวเวสสุวรรณลอยองค์ขนาดห้อยคอ เนื้อผงไม้พญางิ้วดำ นิยมครับ (1)

    รายการที่ 64 ท้าวเวสสุวรรณลอยองค์ขนาดห้อยคอ เนื้อผงไม้พญางิ้วดำ (ไม้อาถรรพ์ มีเทพรักษา พระเกจิสมัยก่อนนิยมนำมาสร้างพระจะขลังมาก) (รุ่นนิยม หายากแล้วครับ) องค์พระสูง 3.5 ซ.ม. กว้าง 1.8 ซ.ม. วัดสุทัศน์ พิธีพุทธาภิเษก ปี 48 มีพระเกจิอาจารย์มาร่วมจำนวนมาก

    (วัดสุทัศน์มีพิธีกรรมสร้างท้าวเวสสุวรรณมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันตั้งแต่ก่อนปี2500ครับ เป็นที่นิยมมากเพราะทำพิธีได้ถูกต้องตามแบบโบราณกาลครับ และมีประสบการณ์มากในทุกๆรุ่น มีลูกค้าโทรมาเล่าให้ฟังครับ) อานุภาพของท้าวเวสสุวรรณ ตั้งบูชาไว้หัวนอนป้องกันภูติผีปีศาจร้าย กันคุณไสย จะไม่เกิดโรคระบาดในครอบครัวของท่าน ถ้าไว้หัวนอนเด็กแดงๆเด็กจะไม่อ้อนอยู่เย็นเป็นสุขและอายุยืน

    บูชาองค์ละ 1,050 บาท (รวมค่าส่งems)

    ประวัติท้าวเวสสุวรรณหรือท้าวกุเวร
    ท้าวเวสสุวรรณ เป็นอธิบดีแห่งอสูรย์หรือยักษ์ หรือเป็นเจ้าแห่งผี เรียกง่าย ๆ ว่า " นายผี " เป็นหนึ่งในบรรดาท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ผู้คุ้มครองและดูแลโลกมนุษย์ สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ซึ่งมีท้าวมหาราชทั้งสี่ปกครอง คือ ท้าวธตรัฏฐะ ท้าววิรุฬหกะ ท้าววิรูปักขะ และท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวกุเวร) ประจำทิศต่างๆ ทั้งสี่ทิศโดยเฉพาะท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวกุเวร) เป็นใหญ่ปกครองบริวารทางทิศเหนือ ว่ากันว่าอาณาเขตที่ท้าวเธอดูแลปกครองรับผิดชอบมีอาณาเขตใหญ่โตมหาศาล กว้างขวาง และเป็นใหญ่ (หัวหน้าท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4) กว่าท้าวมหาราชองค์อื่น
    ท้าวเวสสุวรรณ เป็นเทพแห่งขุมทรัพย์ เป็นมหาเทพแห่งความร่ำรวย มั่งคั่ง รักษาสมบัติของเทวโลก ทั้งเป็นเจ้านายปกครองดูแลพวกยักษ์ ภูติผีปีศาจทั้งปวง ( ในคัมภีร์เทวภูมิ กล่าวไว้ว่า ท้าวเวสสุวรรณได้บำเพ็ญบารมี มาหลายพันปี รับพรจาก พระอิศวร พระพรหม ให้เป็นเทพแห่งความร่ำรวย ) นอกจากนี้หน้าที่ของท้าวเธอมีมากมาย เช่น การดูแลปกป้องคุ้มครอง พระพุทธศาสนา , ปกป้องคุ้มครองแก่ผู้นั่งสมาธิปฏิบัติพระกรรมฐาน เป็นต้น

    ในคัมภีร์โบราณ ได้กล่าวไว้ว่าผู้ใดหวังความเจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา ให้บูชารูปท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร
    คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร(บูชาประจำวัน) ตั้ง นะโม 3จบ
    อิติปิโสภะคะวา ยมมะราชาโน ท้าวเวสสุวรรณโณ
    มรณังสุขัง อะหังสุคะโต นะโมพุทธายะ
    ท้าวเวสสุวรรณโณ จตุมหาราชิกา ยักขะพันตา ภัทภูริโต
    เวสสะ พุสะ พุทธัง อะระหัง พุทโธ ท้าวเวสสุวรรณโณ นะโมพุทธายะ

    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 Line ID ton789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • b131.jpg
      b131.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50.1 KB
      เปิดดู:
      75
    • b14 copy.jpg
      b14 copy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.1 KB
      เปิดดู:
      97
  17. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่ 65 ท้าวเวสสุวรรณลอยองค์ขนาดห้อยคอ เนื้อผงไม้พญางิ้วดำ นิยม(2)

    รายการที่ 65 ท้าวเวสสุวรรณลอยองค์ขนาดห้อยคอ เนื้อผงไม้พญางิ้วดำ (ไม้อาถรรพ์ มีเทพรักษา พระเกจิสมัยก่อนนิยมนำมาสร้างพระจะขลังมาก) (รุ่นนิยม หายากแล้วครับ) องค์พระสูง 3.5 ซ.ม. กว้าง 1.8 ซ.ม. วัดสุทัศน์ พิธีพุทธาภิเษก ปี 48 มีพระเกจิอาจารย์มาร่วมจำนวนมาก

    (วัดสุทัศน์มีพิธีกรรมสร้างท้าวเวสสุวรรณมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันตั้งแต่ก่อนปี2500ครับ เป็นที่นิยมมากเพราะทำพิธีได้ถูกต้องตามแบบโบราณกาลครับ และมีประสบการณ์มากในทุกๆรุ่น มีลูกค้าโทรมาเล่าให้ฟังครับ) อานุภาพของท้าวเวสสุวรรณ ตั้งบูชาไว้หัวนอนป้องกันภูติผีปีศาจร้าย กันคุณไสย จะไม่เกิดโรคระบาดในครอบครัวของท่าน ถ้าไว้หัวนอนเด็กแดงๆเด็กจะไม่อ้อนอยู่เย็นเป็นสุขและอายุยืน

    บูชาองค์ละ 1,050 บาท (รวมค่าส่งems)

    ประวัติท้าวเวสสุวรรณหรือท้าวกุเวร
    ท้าวเวสสุวรรณ เป็นอธิบดีแห่งอสูรย์หรือยักษ์ หรือเป็นเจ้าแห่งผี เรียกง่าย ๆ ว่า " นายผี " เป็นหนึ่งในบรรดาท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ผู้คุ้มครองและดูแลโลกมนุษย์ สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ซึ่งมีท้าวมหาราชทั้งสี่ปกครอง คือ ท้าวธตรัฏฐะ ท้าววิรุฬหกะ ท้าววิรูปักขะ และท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวกุเวร) ประจำทิศต่างๆ ทั้งสี่ทิศโดยเฉพาะท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวกุเวร) เป็นใหญ่ปกครองบริวารทางทิศเหนือ ว่ากันว่าอาณาเขตที่ท้าวเธอดูแลปกครองรับผิดชอบมีอาณาเขตใหญ่โตมหาศาล กว้างขวาง และเป็นใหญ่ (หัวหน้าท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4) กว่าท้าวมหาราชองค์อื่น
    ท้าวเวสสุวรรณ เป็นเทพแห่งขุมทรัพย์ เป็นมหาเทพแห่งความร่ำรวย มั่งคั่ง รักษาสมบัติของเทวโลก ทั้งเป็นเจ้านายปกครองดูแลพวกยักษ์ ภูติผีปีศาจทั้งปวง ( ในคัมภีร์เทวภูมิ กล่าวไว้ว่า ท้าวเวสสุวรรณได้บำเพ็ญบารมี มาหลายพันปี รับพรจาก พระอิศวร พระพรหม ให้เป็นเทพแห่งความร่ำรวย ) นอกจากนี้หน้าที่ของท้าวเธอมีมากมาย เช่น การดูแลปกป้องคุ้มครอง พระพุทธศาสนา , ปกป้องคุ้มครองแก่ผู้นั่งสมาธิปฏิบัติพระกรรมฐาน เป็นต้น

    ในคัมภีร์โบราณ ได้กล่าวไว้ว่าผู้ใดหวังความเจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา ให้บูชารูปท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร
    คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร(บูชาประจำวัน) ตั้ง นะโม 3จบ
    อิติปิโสภะคะวา ยมมะราชาโน ท้าวเวสสุวรรณโณ
    มรณังสุขัง อะหังสุคะโต นะโมพุทธายะ
    ท้าวเวสสุวรรณโณ จตุมหาราชิกา ยักขะพันตา ภัทภูริโต
    เวสสะ พุสะ พุทธัง อะระหัง พุทโธ ท้าวเวสสุวรรณโณ นะโมพุทธายะ

    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 Line ID ton789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่ 66 ท้าวเวสสุวรรณลอยองค์ขนาดห้อยคอ เนื้อผงไม้พญางิ้วดำ นิยม (3)

    รายการที่ 66 ท้าวเวสสุวรรณลอยองค์ขนาดห้อยคอ เนื้อผงไม้พญางิ้วดำ (ไม้อาถรรพ์ มีเทพรักษา พระเกจิสมัยก่อนนิยมนำมาสร้างพระจะขลังมาก) (รุ่นนิยม หายากแล้วครับ) องค์พระสูง 3.5 ซ.ม. กว้าง 1.8 ซ.ม. วัดสุทัศน์ พิธีพุทธาภิเษก ปี 48 มีพระเกจิอาจารย์มาร่วมจำนวนมาก

    *** องค์นี้มีเนื้อกะเทาะเดิมๆตรงเข่าซ้ายแต่พุทธคุณคงเดิม แบ่งบูชาเบาๆครับ ***

    (วัดสุทัศน์มีพิธีกรรมสร้างท้าวเวสสุวรรณมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันตั้งแต่ก่อนปี2500ครับ เป็นที่นิยมมากเพราะทำพิธีได้ถูกต้องตามแบบโบราณกาลครับ และมีประสบการณ์มากในทุกๆรุ่น มีลูกค้าโทรมาเล่าให้ฟังครับ) อานุภาพของท้าวเวสสุวรรณ ตั้งบูชาไว้หัวนอนป้องกันภูติผีปีศาจร้าย กันคุณไสย จะไม่เกิดโรคระบาดในครอบครัวของท่าน ถ้าไว้หัวนอนเด็กแดงๆเด็กจะไม่อ้อนอยู่เย็นเป็นสุขและอายุยืน

    บูชาองค์ละ 550 บาท (รวมค่าส่งems)

    ประวัติท้าวเวสสุวรรณหรือท้าวกุเวร
    ท้าวเวสสุวรรณ เป็นอธิบดีแห่งอสูรย์หรือยักษ์ หรือเป็นเจ้าแห่งผี เรียกง่าย ๆ ว่า " นายผี " เป็นหนึ่งในบรรดาท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ผู้คุ้มครองและดูแลโลกมนุษย์ สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ซึ่งมีท้าวมหาราชทั้งสี่ปกครอง คือ ท้าวธตรัฏฐะ ท้าววิรุฬหกะ ท้าววิรูปักขะ และท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวกุเวร) ประจำทิศต่างๆ ทั้งสี่ทิศโดยเฉพาะท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวกุเวร) เป็นใหญ่ปกครองบริวารทางทิศเหนือ ว่ากันว่าอาณาเขตที่ท้าวเธอดูแลปกครองรับผิดชอบมีอาณาเขตใหญ่โตมหาศาล กว้างขวาง และเป็นใหญ่ (หัวหน้าท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4) กว่าท้าวมหาราชองค์อื่น
    ท้าวเวสสุวรรณ เป็นเทพแห่งขุมทรัพย์ เป็นมหาเทพแห่งความร่ำรวย มั่งคั่ง รักษาสมบัติของเทวโลก ทั้งเป็นเจ้านายปกครองดูแลพวกยักษ์ ภูติผีปีศาจทั้งปวง ( ในคัมภีร์เทวภูมิ กล่าวไว้ว่า ท้าวเวสสุวรรณได้บำเพ็ญบารมี มาหลายพันปี รับพรจาก พระอิศวร พระพรหม ให้เป็นเทพแห่งความร่ำรวย ) นอกจากนี้หน้าที่ของท้าวเธอมีมากมาย เช่น การดูแลปกป้องคุ้มครอง พระพุทธศาสนา , ปกป้องคุ้มครองแก่ผู้นั่งสมาธิปฏิบัติพระกรรมฐาน เป็นต้น

    ในคัมภีร์โบราณ ได้กล่าวไว้ว่าผู้ใดหวังความเจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา ให้บูชารูปท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร
    คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร(บูชาประจำวัน) ตั้ง นะโม 3จบ
    อิติปิโสภะคะวา ยมมะราชาโน ท้าวเวสสุวรรณโณ
    มรณังสุขัง อะหังสุคะโต นะโมพุทธายะ
    ท้าวเวสสุวรรณโณ จตุมหาราชิกา ยักขะพันตา ภัทภูริโต
    เวสสะ พุสะ พุทธัง อะระหัง พุทโธ ท้าวเวสสุวรรณโณ นะโมพุทธายะ

    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 Line ID ton789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • b19 copy copy.jpg
      b19 copy copy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.8 KB
      เปิดดู:
      116
    • b20 copy.jpg
      b20 copy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.7 KB
      เปิดดู:
      106
  19. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่ 67 ปิดรายการครับ

    รายการที่ 67 ท้าวเวสสุวรรณลอยองค์ขนาดห้อยคอ รุ่นแช่น้ำมนต์ 9 วัด เนื้อโลหะผสม วัดสุทัศน์ ทำพิธีพุทธาภิเษก2ครั้ง 9 ธ.ค.2553- 7ม.ค.2554 มีพระเกจิอาจารย์มาร่วมจำนวนมาก

    (วัดสุทัศน์มีพิธีกรรมสร้างท้าวเวสสุวรรณมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันตั้งแต่ก่อนปี2500ครับ เป็นที่นิยมมากเพราะทำพิธีได้ถูกต้องตามแบบโบราณกาลครับ และมีประสบการณ์มากในทุกๆรุ่น มีลูกค้าโทรมาเล่าให้ฟังครับ) อานุภาพของท้าวเวสสุวรรณ ตั้งบูชาไว้หัวนอนป้องกันภูติผีปีศาจร้าย กันคุณไสย จะไม่เกิดโรคระบาดในครอบครัวของท่าน ถ้าไว้หัวนอนเด็กแดงๆเด็กจะไม่อ้อนอยู่เย็นเป็นสุขและอายุยืน

    บูชาองค์ละ 850 บาท (รวมค่าส่งems)

    ประวัติท้าวเวสสุวรรณหรือท้าวกุเวร
    ท้าวเวสสุวรรณ เป็นอธิบดีแห่งอสูรย์หรือยักษ์ หรือเป็นเจ้าแห่งผี เรียกง่าย ๆ ว่า " นายผี " เป็นหนึ่งในบรรดาท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ผู้คุ้มครองและดูแลโลกมนุษย์ สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ซึ่งมีท้าวมหาราชทั้งสี่ปกครอง คือ ท้าวธตรัฏฐะ ท้าววิรุฬหกะ ท้าววิรูปักขะ และท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวกุเวร) ประจำทิศต่างๆ ทั้งสี่ทิศโดยเฉพาะท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวกุเวร) เป็นใหญ่ปกครองบริวารทางทิศเหนือ ว่ากันว่าอาณาเขตที่ท้าวเธอดูแลปกครองรับผิดชอบมีอาณาเขตใหญ่โตมหาศาล กว้างขวาง และเป็นใหญ่ (หัวหน้าท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4) กว่าท้าวมหาราชองค์อื่น
    ท้าวเวสสุวรรณ เป็นเทพแห่งขุมทรัพย์ เป็นมหาเทพแห่งความร่ำรวย มั่งคั่ง รักษาสมบัติของเทวโลก ทั้งเป็นเจ้านายปกครองดูแลพวกยักษ์ ภูติผีปีศาจทั้งปวง ( ในคัมภีร์เทวภูมิ กล่าวไว้ว่า ท้าวเวสสุวรรณได้บำเพ็ญบารมี มาหลายพันปี รับพรจาก พระอิศวร พระพรหม ให้เป็นเทพแห่งความร่ำรวย ) นอกจากนี้หน้าที่ของท้าวเธอมีมากมาย เช่น การดูแลปกป้องคุ้มครอง พระพุทธศาสนา , ปกป้องคุ้มครองแก่ผู้นั่งสมาธิปฏิบัติพระกรรมฐาน เป็นต้น

    ในคัมภีร์โบราณ ได้กล่าวไว้ว่าผู้ใดหวังความเจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา ให้บูชารูปท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร
    คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร(บูชาประจำวัน) ตั้ง นะโม 3จบ
    อิติปิโสภะคะวา ยมมะราชาโน ท้าวเวสสุวรรณโณ
    มรณังสุขัง อะหังสุคะโต นะโมพุทธายะ
    ท้าวเวสสุวรรณโณ จตุมหาราชิกา ยักขะพันตา ภัทภูริโต
    เวสสะ พุสะ พุทธัง อะระหัง พุทโธ ท้าวเวสสุวรรณโณ นะโมพุทธายะ

    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 Line ID ton789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • b33.jpg
      b33.jpg
      ขนาดไฟล์:
      81 KB
      เปิดดู:
      174
    • b34.jpg
      b34.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71 KB
      เปิดดู:
      117
    • b35.jpg
      b35.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.5 KB
      เปิดดู:
      97
    • b36.jpg
      b36.jpg
      ขนาดไฟล์:
      75.7 KB
      เปิดดู:
      187
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2015
  20. kayasid

    kayasid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,607
    ค่าพลัง:
    +10,414
    รายการที่68 ปิดรายการครับ

    รายการที่68 พระพุทโธน้อยรุ่นแรกปี26 พิมพ์เล็ก เนื้อผงพุทธคุณ ล.พ.สังวาลย์ เขมโก

    สร้างจากมวลสารดินเขาสารพัดดีและผงพระพุทโธน้อยรุ่น1ของคุณแม่บุญเรือน และอัฐิคุณแม่บุญเรือน น่าสะสมและบูชาครับ

    สนใจกรณาp.m. หรือโทรสอบถามครับ

    สนใจกรุณาติดต่อต้น 084-0789309 Line ID ton789309 หรือโพสต์จองในกระทู้ครับ(จองได้ไม่เกิน 3 วันครับ)

    การโอนเงิน - บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ตรีเพชร เลขที่ 006-2-70184-6 ชื่อบัญชี นายกิตติศักดิ์ โสภาที

    ประวัติพระพุทโธน้อยรุ่นแรก ปี26 หลวงพ่อสังวาลย์ครับ ย้อนหลังไปประมาณปี 2526 ในขณะนั้นพระอุโบสถวัดทุ่งสามัคคีธรรม จังหวัดสุพรรณบุรี กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง

    หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก ได้ ปรึกษาหารือกับสหธรรมมิก ของท่านคือหลวงพ่อสุวรรณ ปภัสโร (( สุวรรณ ทองนาค ) วัดอาวุธ

    โดยท่านเป็นศิษย์ใกล้ชิดคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมมาตั้งแต่ก่อนที่ท่านจะบวชเป็นพระ )

    ถึงการหาจตุปัจจัยที่จะมาดำเนินการให้แล้วเสร็จ หลวงพ่อสุวรรณ จึงให้ความเห็นว่าควรจะสร้างวัตถุมงคลเป็นพระพุทโธ

    แบบอย่างคุณแม่บุญเรือนเพื่อสมนาคุณแด่ผู้ที่มาร่วมถวายจตุปัจจัย ซึ่งหลวงพ่อสังวาลย์ท่านก็เห็นสมควรด้วย มวลสารการจัดสร้างพระพุทโธ

    - ดินนิมิต จากวัดเขาสารพัดดี หลวงพ่อสังวาลย์ท่านนั่งเห็นดินที่มีคุณวิเศษในตัวอยู่ในสระน้ำของวัดเขาสารพัดดี

    โดยท่านได้นำหลวงพ่อบุญลือและคณะศิษย์ ไปชี้ตำแหน่งและขุดขึ้นมาโดยปั้นเป็นก้อนกลมๆขนาดกำปั้นผู้ใหญ่

    โดยเอาผ้าห่อเอาไว้แล้วขนกลับมาที่วัด เมื่อมาถึงที่วัดแล้วท่านก็นำบาตรของหลวงพ่อป้อง

    ที่ได้ได้รับการถวายมาจากกำนันวงษ์ ( พี่ชายหลวงพ่อสุวรรณ ) มาใส่น้ำแล้วอธิษฐานขอบารมีหลวงพ่อป้อง

    ให้ท่านช่วยปลุกเสกดินให้เป็นรอบแรก แล้วจึงนำดินที่เป็นปั้นนั้นลงไปละลายในบาตรเพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการสร้าง

    หมายเหตุ : หลวงพ่อป้องเป็นพระที่หลวงพ่อสังวาลย์ให้ความเคารพนับถือมากอีกรูปหนึ่ง

    โดยในปัจจุบันกะโหลกส่วนศรีษะท่านที่เผาไม่ไหม้ หลวงพ่อสังวาลย์ท่านได้นำมาใส่ไว้ในโกศ

    แล้วเอาสายสิจญ์พันรอบหลายๆชั้นด้วยตัวท่านเอง เพื่อป้องกันการเปิดออก

    โดยในปัจจุบันโกศนั้นตั้งวางให้บูชาอยู่บนเรือนไทย ที่วัดสังฆทาน กทม

    - พระพุทโธน้อยคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม แตกหัก ซึ่งเก็บรักษาอยู่ที่กุฏิ พระเทพเมธากร เจ้าอาวาสวัดอาวุธในสมัยนั้น

    หลวงพ่อสุวรรณท่านได้ถวายปัจจัยทำบุญ 20,000 บาทแล้วนำมาทั้งหมด โดยได้พระพุทโธแตกหัก

    และผงมวลสารเก่าๆสมัยคุณแม่บุญเรือนประมาณ 2 ถังใหญ่ สาเหตุหลักที่หลวงพ่อสุวรรณท่านเจาะจงมวลสารนี้

    เพราะท่านได้รับคำสั่งสอนมาจากคุณแม่บุญเรือนว่า

    ? ฉันอธิษฐานพระให้เพียงหนเดียวเท่านั้น และพระฉันถึงแตกหักอย่างไร เมื่อนำมาบดแล้วสร้างใหม่

    ก็ยังคงศักดิ์สิทธิ์เหมือนเดิมเช่นที่ฉันอธิษฐานให้ ?

    ซึ่งหลังจากการอธิษฐานพระพุทโธน้อยแล้วคุณแม่ก็ไม่ได้อธิษฐานพระที่ใดอีกเลย

    - ศิลาน้ำ คุณแม่บุญเรือน หลวงพ่อสุวรรณท่านได้รับมาจากคุณแม่บุญเรือนเป็นจำนวนมาก ได้นำมาตำจนละเอียด

    - ข้าวตอกพระร่วง คุณแม่บุญเรือน หลวงพ่อสุวรรณท่านได้รับมาจากคุณแม่บุญเรือนเป็นจำนวนมาก ได้นำมาตำจนละเอียด

    ในส่วนผสมนี้หากใช้กล้องส่องจะพบว่าเป็นเม็ดดำๆคล้ายๆนิลอยู่ในเนื้อพระ

    - ปูนแดงเสก คุณแม่บุญเรือน

    - และส่วนผสมที่สำคัญที่สุดในพระชุดนี้คือ อัฐิธาตุ และ ผงอังคารธาตุ ของคุณแม่บุญเรือน จำนวนมาก

    ที่หลวงพ่อสุวรรณท่านได้เก็บรักษาไว้ โดยหลวงพ่อสุวรรณท่านได้บอกกล่าวขออนุญาตคุณแม่

    แล้วนำมาบดใส่ทั้งหมดที่ท่านมีอยู่ซึ่งท่านที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนใส่บอกว่า ท่านกำอัฐิธาตุ

    และผงอังคารธาตุที่บดแล้วใส่ในการผสมเนื้อในแต่ละครั้งละเป็นกำๆเลยที่เดียว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...