แปลกแต่จริง! คำภาวนาแต่ละอย่างมีพลังแฝงในตัวเองจริงๆ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ผู้ธรรมดา, 8 มิถุนายน 2015.

  1. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ขออนุโมทนาครับคุณ nop

    ถามแบบนี้ข้าพเจ้าอยากจะเล่ายาวซะอีกแล้วครับ

    จริงๆข้าพเจ้ามีจิตเมตตามาแต่เด็กแล้วครับ พอรู้จักการทำสมาธิข้าพเจ้าก็เน้นตรงนี้มาตลอด ข้าพเจ้าเคยเล่าให้อ่านไปครั้งหนึ่ง ว่ามีครั้งหนึ่งช่วงที่ข้าพเจ้าเน้นการปฏิบัติมากๆ (หลายปีมาแล้ว) แมลงจะชอบมารุมตอมข้าพเจ้า (ไม่ใช่แมลงวันนะ) ขนาดจิ้งจกยังโดดใส่ข้าพเจ้าทุกวัน แถมไม่ใช่แค่วันละตัว ทั้งๆที่คนแถวนั้นก็มีกันอยู่เยอะแยะ แต่มันชอบโดดใส่แต่ข้าพเจ้า แม้แต่สุนัขดุๆ จนคนที่พาข้าพเจ้าไปหาคนคนหนึ่งยังกลัว สุนัขพวกนั้นยังไม่เห่าไม่กัดข้าพเจ้าแถมยังมาคลอเคลียเป็นมิตร

    ข้าพเจ้าไม่ได้เน้นแค่คำภาวนา แค่ในสมาธิ แต่ข้าพเจ้าทำจิตใจของตัวเองโดยปกติในทางโลกให้เป็นด้วย หรือจะเรียกว่าทำทั้งข้างนอกข้างใน

    ส่วนการแผ่ออกไปข้าพเจ้ายังไม่เห็นเส้นสายครับ แค่มีความรู้สึกถึงการแผ่ออกไป แต่ไอ้ที่เห็นหน่ะ ไปเห็นพวกภพภูมิต่างๆที่มาอนุโมทนาหน่ะครับ
    อ้อ การแผ่ออกไป มันแผ่ออกไปทั้งตัวครับ

    สุดท้ายนี้ขออย่าได้เชื่อถือหรือยึดมั่นในสิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปเลย

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  2. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182
    ชอบอ่านบทความของคนๆเนี้ยของจริงนะคนเนี้ย ผู้ทรงฌานแค่อ่านบทความของเธอ มันก็มีกระแสของความเมตตา แตาเมตตาที่เจือปนราคะซัก50%แต่เมตตาไม่มีประมาณ และมีอารมณ์ความรัก100% แกนั่งคนเดียวอยู่คนเดียวก็ยิ้มได้คนๆๆไม่ได้บ้านะ แต่อารมณ์เนี้ยมันล้น มันจาเป็นกระแสนุ่มๆๆนวลๆๆและมีอะยึยๆๆของราคะและมีกระแสของความหงุดหงิด30%
     
  3. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182
    ดวงวิญญาณของเธอมีอยู่ 2ภูมิ ภูมิเดรฉานกับภูมิพรหม เธอตายไปเธอจาไปเกิดเป็นพญานาค ที่มีฤทธิ์มาก......

    เธอดูจิตก็ยาก ....พิจารณาก็ยากเพราะอารมณ์นี้มันเยอะ....เธอต้องคิดตัวนี้ก่อน

    1.โลกนี้เป็นทุกข์ ร่างกายเป็นทุกข์ตายเมื่อไหร่ขอไปนิพพาน ใช้นิพพานเป็นตัวดึงจิตเธอขึ้นมาชั้นพรหม จิตของเธอจาไม่เบลอๆเพราะอำนาจของโมหะมันเบลอ
    2.หรือภาวนา นิพพานบ่อยๆๆ
    3.พอทำบ่อยๆๆเข้าวิญญาณเธอจาสมารถละจากภูมิเดรฉานได้ แล้วค่อยมาดูกายดูจิตต่อ เธอไปเร็วแน่ไม่ยากเพราะเป็นผู้ที่มีฌานสูงอยู่แล้ว ทำมานานแล้ว ฌานมันเป้นวสีแล้ว
     
  4. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ขอขอบคุณ คุณ ball21 ครับ ที่กรุณาดูจิตให้ครับ

    ตามที่กล่าวมาเลยครับ สิ่งข้าพเจ้ายังติดอยู่คงจะเป็นเรื่อง ความรักและการทดแทนบุญคุณมั้งครับ ทั้งๆที่เคยถูกเตือนบ่อยๆจากหลายๆทาง แต่ข้าพเจ้าก็ยังพิจารณาไม่ลงครับ ตอนนี้ก็พิจารณาถึงเรื่องอุปาทานอยู่ครับ (คือปัจจุบันภาวะมันพิจารณามาถึงตรงนี้เองครับ และไม่ใช่แค่คิดนะครับ แต่เป็นการทำครับ)
    และก็อาจจะยังไม่ดีเท่าไหร่ เพราะหน้าที่การงานที่ข้าพเจ้าต้องโดดมาทำเต็มตัวเพราะรับผิดชอบหลายอย่าง การทำทางธรรมจึงไปได้ล่าช้า ทำได้แค่ประครองรักษาระดับไว้ ไม่ให้ตกลงไปกว่านี้ครับ

    เรื่องความหงุดหงิดอาจจะมีบ้างครับ เพราะรอบตัวข้าพเจ้ามีแต่คนไม่ดี คนเอารัดเอาเปรียบเยอะครับ ทั้งญาติ เพื่อนบ้าน คนที่ทำงาน แต่มันก็อยู่ไม่นาน มันคลายไปเองครับ มันเป็นแบบวันต่อวันครับ
    อีกเรื่องหนึ่งคือ กาม ข้าพเจ้าก็ยังมีอยู่ครับ แต่ไม่เคยผิดศีลครับ จริงๆแล้วข้าพเจ้าไม่ชอบการผิดในเรื่องนี้มาตั้งแต่ก่อนปฏิบัติธรรมแล้วครับ

    และอย่าเรียกว่าผู้ทรงฌาณเลยครับ แค่ผู้ปฏิบัติก็พอครับ

    ที่กรุณาแนะนำมาข้าพเจ้าจะนำไปพิจารณาครับ

    ปล.ลงข้อความแล้วเพิ่งเจอข้อความของคุณ nop ข้างล่าง ขออภัยครับ ข้าพเจ้าเอาเป็นของตนเสียแล้วครับ และขอขอบคุณที่ตอบให้ข้าพเจ้าครับ

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2015
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ขออนุญาตเล่าให้ฟังแล้วกันนะครับ
    สภาพร่างกายครับ มีส่วนส่งเสริมในการฝึกครับ...
    แต่ถ้ามีกำลังจิตที่เกิดจากตัวจิตในระดับใช้งานได้แล้ว
    ไม่ว่ามากหรือน้อย มันก็จะไม่เสื่อม มันจะอยู่ของมันอย่างนั้นหละครับ
    ไม่เสื่อมสลายเหมือนๆร่างกายครับ สังเกตุห่มเหลืองที่อายุมากๆซิครับ
    ทำไมกำลังจิตถึงสูงๆหลายๆท่าน แต่ว่าท่านฝึกตอนที่
    ร่างกายยังดีอยู่นะครับ.. นี้คือข้อดีนะครับ แต่ถ้าร่างกายมัน
    เสื่อมแล้วใช้ไม่ได้แล้ว กำลังจิตก็ไม่ไหวจะช่วยเหมือนกันครับ
    ตอนนั้นก็ตัวใครตัวมันนะครับ..๕๕๕๕
    และถ้าความเข้มข้นของกระแสจิต หมายถึงกำลังจิต หรืออำนาจจิต
    ตรงนี้ต้องมาฝึกฝน เพื่อเพิ่มความหนาแน่นครับ ถ้าไม่ขี้เกียจก่อน
    ก็น่าจะทำกันได้ทุกคนครับ เพราะมันใช้เวลานานครับ ในการเพิ่ม
    กำลังจิตในลักษณะที่เป็นพลังงาน และมันเข้าถึงสภาวะในขณะที่
    หลับตานั่งสมาธิเพื่อสร้างให้จิตเกิดและเพิ่มกำลังจิตได้ยากเช่นกัน
    และต้องเป็นกรรมฐานที่เกี่ยวกับการขึ้นรูปด้วยครับ..ถ้าไปทางที่
    ไม่ได้ขึ้นรูปมันจะไปได้ทางกำลังสมาธิสะสมและ
    สัมผัสภายในและกำลังสติทางธรรมแทน หรือไปทางกรรมฐาน
    ที่เน้นภายในแต่ไปในทางเกี่ยวกับธาตุ
    มันจะไปได้กำลังจิตในลักษณะ
    ใช้งานแบบท่องบ่นบริกรรมกับสัมผัสภายในแทนกับได้เรื่อง
    การตัดร่างกาย....
    เอาง่ายๆถ้าอยากได้กำลังจิต
    ต้องปั่นปฏิภาคนิมิตรในกำลังสมาธิระดับสูงให้ได้นั่นหละครับ
    แค่ปั่นได้วินาที สองนาทีในสภาวะนั้นก็เกิดผลเห็นๆตอนที่เราลืมตา
    แล้วครับ.. ส่วนที่เห็นๆได้ปั่นได้ในกำลังสมาธิไม่มากนั่นเป็นเพียง
    ให้แค่ทดลองใช้งาน ที่มักมาหลอกพอให้เราหลงตัวเองเล่นๆครับ
    แต่ไม่มีผลในการสร้างกำลังจิตครับ...

    ปล.ของคุณ Supop ส่วนตัวมองว่าถ้ากระแสเมตตาออกได้ทั้งตัว
    ถือว่าเป็นระดับมาตรฐานสากลแล้วครับ...ส่วนคุณ Ball21
    ที่บอกว่าคนคนนี้หรือเธอ หมายถึงใครครับ บอกชื่อก็ได้ครับ..
    เด่วจะพากันเสียวหลังวู๊บว๊าบ ๕๕๕ ขำๆเน้อ..
     
  6. domdom

    domdom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +51
    รบกวนดูให้บ้างสิครับ
     
  7. ผู้ธรรมดา

    ผู้ธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2015
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +369
    ผมเชียร์ ฌานสมาเคลิ้มหลับครับ คล่องเลย บางทีภาวนาไม่ทันจบบท ถอดจิตฝันได้เป็นเรื่องครับ หุหุ
     
  8. ผู้ธรรมดา

    ผู้ธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2015
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +369
    มาสอบถามคุณนพเพิ่มเติมครับ
    เนื่องจากปรกติเวลาผมทำสมาธิจะพยายามเพ่งดูลมหายใจเข้าออกเพื่อไม่ให้มันเผลอ แต่ไม่รู้ว่าการตั้งใจเพ่งเกินไปมันอาจจะกลายเป็นช่วยส่งเสริมให้จิตจดจ้องมากจนสติเผลอขาดช่วงไปซะหรือเปล่า ผมก็เลยลองย้ายจิตจากที่เพ่งดูลมหายใจเข้าออกไปที่ผนังกระโหลกศีรษะด้านบนส่วนหน้าดู วิธีคือเหมือนกับเรานั่งหน้าตรงๆแต่ใช้สายตาชำเลืองมองขึ้นไปบนกระโหลกศีรษะนั้น ผลปรากฏว่ารู้สึกเหมือนจะมีมวลหนาๆเกิดขึ้นที่กระโหลกที่เราส่งจิตไปนะครับ แต่สภาพตัวจิตเองนี้จะรู้สึกเบาโล่งดีครับ อาการเคลิ้มหลับเคลิ้มตื่นไม่ปรากฏเหมือนกับตอนเพ่งลมตรงปลายจมูกและรู้สึกว่าไม่ค่อยฟุ้งไปโน่นไปนี่เท่าไรครับ

    สอบถามวิธีการที่ผมลองทำนี้ถ้าทำนานจะมีผลกับสมาธิเป็นอย่างไรบ้างครับ และใช่วิธีการที่สามารถเชื่อมต่อกับครูบาอาจารย์ข้างบนหรือเปล่าครับ ทำไมถึงรู้สึกเหมือนมีมวลอะไรสักอย่างมาอยู่ตรงกลางกระโหลกศีรษะครับ จะมีผลดีผลเสียอะไรบ้างครับ
     
  9. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182
    กระทู้นี้ดีจังได้ความรู้มากๆๆเลย มีคนเก่งเยอะ คนนึงก็เก่งไปทาง คนนึงก็เก่งไปอีกอย่าง ได้ประโยชน์จากการอ่านมาก copyเก็บไว้เลย เพราะบางอย่างเราก้ยังไม่ถึง
     
  10. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    วิธีล่าสุดที่คุณ ฌานสมาเคลิ้มหลับ เข้าใจล่าสุดถูกแล้วครับ
    และกิริยาเริ่มต้นที่สัมผัสได้มันก็เป็นอย่างนั้นหละครับ..คือว่า
    เป็นการปรับกระแสที่ออกจากตัวจิต หรือการปรับกระแสพลังงาน
    ที่ออกจากจิตฝั่งด้านหน้าตัวหรือตามแนวจักระเพื่อให้ขึ้นตรง
    และเชื่อมครูบาร์อาจารย์ข้างบนโดยตรง..ปกติถ้าจะให้เร็วขึ้นกว่านี้
    เค้าจะท่องบ่นคาถาแบบท่องไปเรื่อยๆในใจโดยไม่อิงกับลมหายใจ
    และลิ้นกับปากอย่าขยับเพื่อดึงให้จิตมีความเป็นทิพย์เร็วขึ้น
    ต่อไปเราจะรู้สึกว่า กระแสตรงกระโหลกศรีษะส่วนหน้ามันจะตรงๆ
    ทะลุศรีษะเราขึ้นไปตรงๆเลย อาการที่คันๆ อาการหยิบๆ หน่วงๆข้างบน
    กระโหลกศรีษะส่วนหน้าแต่ร่างกายภายในไม่รู้สึกแสดงว่ามีครูบาร์อาจารย์
    ข้างบนแต่ตัวจิตเรายังเชื่อมกับท่านไม่ได้.. หรืออาการเหมือนๆมีลมหมุนๆภาย
    ใต้กระโหลกศรีษะส่วนหน้าก็เป็นกิริยาปกติ ก่อนที่จิตเราจะมีความสามารถเชื่อม
    กับครูบาร์อาจารย์ข้างบนได้
    (ถ้าตรงกลางกระโหลกจะเป็นเรื่องพลังงานต่างๆ
    ที่โยงไปยังพลังงานภายนอก เช่น ไปเชื่อมพลังงาน ร้อนเย็น หยินหยาง
    จากฐานกำลังจิตของเราที่สร้างจากกรรมฐานกองต่างๆ หรือจากพวกกรรมฐาน
    แบบขึ้นรูปต่างๆ หรือการที่จุดจักระต่างๆในร่างกายเปิดเพราะเส้นสายพลังงาน
    มันจะวิ่งตามแนวกระดูกสันหลังนั้นเอง)
    และปกติถ้าทั่วๆไป ต่อไปเราจะจับได้ว่า จะมีเหมือนท่อลมวิ่งตรงจากท้องเรา
    วิ่งขึ้นไปตรงๆผ่านกระโหลกศรีษะส่วนหน้าขึ้นไปข้างบนเลย..ถ้าเราอยากรู้
    สัมผัสภายในเราเริ่มมีหรือยัง ให้ดูว่าที่ท้องเรามันมันมีคล้ายๆลมหมุน
    ภายในท้องวนไปตามทิศทางวนขวาของร่างกาย ขนานกับท้องหรือไม่นั้นเอง
    ถ้าเราเริ่มมีสัมผัสตรงนี้ ซึ่งเป็นลักษณะพลังงานของการที่จะมีพวกความสามารถ
    แบบภายในในด้านต่างๆนั้น แม้ว่าตรงท้องมันจะหมุนแต่ที่ปลายมันลักษณะลม
    มันก็จะวิ่งตรงขึ้นไปข้างบนออกกระโหลกศรีษะส่วนหน้าเลย..ถึงเรียกได้ว่า
    กระแสสัมผัสต่างๆของเราเชื่อมกับข้างบน นัยยะก็คือ ความคิดหรือสัมผัส
    ภายในของเราในเรื่องต่างๆนั้น ก็เสมือนกับอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ
    ครูบาร์อาจารย์ข้างบน ตลอดจนความคิดต่างๆของเราด้วย และความเข้าใจ
    ต่างๆทางด้านนามธรรมที่มันก็จะเริ่มดีขึ้นของมันตามลำดับนั้นเอง...
    ประมาณนี้..
     
  11. leehonza

    leehonza Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +78
    ขอคำชี้แน่ะครับลมหายใจขึ้นลงเป้นเส้นตรงมีหรือป่าวแล้วเวลานั่งถึงช่วงหนึ่งลมเหมือนเส้นด้ายจะขาดแต่ไม่ขาดมันเริ่มบางลงๆมันเหมือนจะวูบเป็นอยู่หลายครั้งอยากทราบว่ามันคืออะไรหรือมันเป็นกิริยาของอะไรครับ
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    มีเป็นเรื่องปกติเป็นกิริยาทางจิตปกติระหว่างทาง
    ถ้าจิตเราเริ่มมีความละเอียด
    จากการหายใจได้ลึกถึงท้อง พูดง่ายๆว่ามันมองเห็นลมหายใจ
    ตัวเองได้ แรกๆอาจเห็นเป็นสีขาวขุ่นๆได้ก่อน แล้วก็เริ่มใสขึ้น
    เรื่อยๆถ้ารักษาอารมย์ในสภาวะนั้นต่อได้..อาจมองเห็นตอนที่ลมหายใจ
    ออกจากจมูกและกำลังเข้ามาในจมูก..บางครั้งจิตมันก็ทำให้
    เห็นภาพตอนที่ลมหายใจวิ่งผ่านร่างกายเข้าไปในท้องก็มี
    โดยความรวมถือว่าดี.สามารถใช้อารมย์ตรงนี้ได้ ๒ นัยยะ
    นัยยะแรก.ถือว่าเป็นฟอกปรับธาตุร่างกายไปในตัว
    คือถ้ายังเป็นสีขาว ขุ่นๆอยู่แสดงว่าร่างกายยังมีปัญหา ให้ทำต่อ
    ไปจนกว่าจะมองเห็นเป็นสีใส ร่างกายจะปกติ และหลังจากเห็น
    ใสได้แล้วและก็ให้อุทิศส่วนกุศล
    ..และอีกนัยยะเป็นนัยยะในการส่งผลสำเร็จใน
    การฝึกกรรมฐานกองนั้นๆในช่วงนั้นๆ..เล่าให้ฟังเฉยๆนะ
    สำหรับนัยยะนี้..ถ้าจะเอาเทคนิคอีกขั้น
    หลังจากอุทิศส่วนกุศล เวลาหายใจเข้าให้นึกถึงแต่เรื่องดีๆ
    (ปัญญา ทรัพสิน สุขภาพที่ดี บริวารที่ดี กัลยาณมิตร ความสุขใจฯลฯ)
    และหายใจออกให้นึกถึงเรื่องไม่ดี
    (..ตรงข้ามเช่น โง่เขล่า ยากจน เจ็บป่วย บริวารไม่ดี มิตรไม่ดี โรคภัย ฯลฯ..)
    คือหายใจคิดเอาแต่เรื่องดีๆเข้ามา
    หายใจออกเอาแต่เรื่องเน่าๆออก เป็นเทคนิคการเคลียร์กระแส
    หรือพลังงานไม่ดีต่างๆที่มันเคยเกาะจิตเราให้ออกไปได้อีกทางหนึ่ง..
    ซักประมาณ ๑๐ ถึง ๒๐ รอบ หลังจากนั้นก็ให้ภาวนาธรรมดาลมหาย
    ใจลึกถึงท้องอีก
    ซักถึง ๑๐ ถึง ๒๐ รอบ และก็ให้อฐิษฐานจิตว่า ข้าพเจ้านาย....ว่าไป
    ขออะไร(.....)ได้แค่ ๑ เรื่องเท่านั้นนะและก็ภาวนาธรรมดา
    แต่ลมหายใจเข้าออกต้องลึกถึงท้องนะครับอีก ๑๐ ถึง ๒๐ รอบ
    แล้วก็ให้อุทิศส่วนกุศลและก็ให้ อฐิษฐานจิตซ้ำในเรื่องเดิมก่อนหน้าที่
    ส่วนจะนั่งสมาธิต่อไปอีกเพื่อฝึกกรรมฐานกองที่เราฝึก
    หรือไม่ก็สุดแล้วแต่.ถ้าไม่หลับก่อน ๕๕๕

    ปล.พูดง่ายๆว่าเป็นการช่วยหนุนการฝึกกรรมฐาน
    กองที่เราฝึกอยู่นั่นเองสำหรับนัยยะที่ ๒ นะ...
     
  13. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เขียน ๒๑.๓๐

    ลองฟังคำตอบแบบบ้านๆ ดูมั่งดีกว่านะ เนอะ

    มีแน่ จะเส้นตรงหรือเส้นโค้งก็มีได้ เค้ามีหลากหลายเยอะแยะ
    เราเคยลองฝึกมาสิบกว่าแบบได้ล่ะมั้ง นะ
    เอ..หรือน่าจะมีมากกว่านั้นอีก ก็เป็นได้นะ ลืมไปแยะแล้วอ่ะ
    อ้อ..เฉพาะของโยคี ก็มีมากกว่าสิบแบบแล้ว ที่เคยฝึกฝนและค้นหามา

    ถ้าแบบเหมือนเส้นด้าย จะขาดมิขาดแหล่นั้นน่ะนะ
    เราก็เคยเป็นเช่นนั้น และใช้วิธียื้อมันเอาไว้ แบบแผ่วๆ
    ดึงให้ลมหายใจยืดๆ ยาวๆ เบาๆ ละเอียดๆ ลงไปเรื่อยๆ น่ะครับ

    กิริยาของอะไร ก็ขอเดาจากที่เคยลองน่ะนะ ว่า
    เป็นเรื่องของปราณที่ต่อเนื่องลื่นไหล ไปพร้อมกับลมหายใจนั่นเอง
    การที่มันบางลง ก็แปลว่าละเอียดขึ้น เล็กลง น้อยลง และยาวขึ้น

    นั่นแหละคือสิ่งที่ต้องทำ สำหรับการฝึกปราณ หรือลมหายใจ
    คือทำให้มันยืดยาวขึ้น ละเอียดขึ้น เบาบางลงไปเรื่อยๆ
    จิตจะละเอียดตามลมหายใจไป เพราะจิตเชื่อมต่อกับลมหายใจ

    แบบว่ากายลม (ในที่นี้หมายถึงจิต)
    จะเป็นไปตามกายเนื้อ (ในที่นี้หมายถึงลมหายใจ)
    และกายทิพย์ ก็จะเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล ไปตามกายลม หึหึหึ

    ทำบ่อยๆ ยืดยาวเบาบางไปได้เรื่อย กระแสจิตจะเรียบเนียน สวยใส ๕๕๕
    สติจะมั่นคงไปตามนั้น สมาธิก็จะเพิ่มพูนขึ้นไปได้ ด้วยการหายใจเช่นนี้ นี่เอง


    กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง

    .
     
  14. leehonza

    leehonza Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +78
    ไม่รู้จะขออะไรไม่อยากได้อะไรมีก็เหมือนไม่มีมีก็เหมือนไม่มีพระท่านเคยบอกให้ท่องจงเป็นสุขๆเถอะทุกวันไม่ว่ากิริยาใดๆท่านบอกให้เมตตาออกจากจิต
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    .''และอีกนัยยะเป็นนัยยะในการส่งผลสำเร็จใน
    การฝึกกรรมฐานกองนั้นๆในช่วงนั้นๆ..เล่าให้ฟังเฉยๆนะ''

    ที่บอกว่าขอหมายถึงตามข้อความเดิมข้างบนนะครับ.
    ต้องอ่านดีๆ...เพื่อให้จิตมีแนวทางในการเดิน...
    ไม่งั้นจิตเด่วมันจะแตกกิ่งก้านสาขาไปเรื่อยเปื่อย
    เด่วเจอโน้นก็ชอบ ก็นี่ก็ใช่ ฝึกไปเรื่อยเปื่อย
    สุดท้ายฝึกไม่สำเร็จซักอย่าง.ประมาณนี้...
    ..เช่นขอสำเร็จกรรมฐานกองนั้นกองนี้เพื่อเป็นต้นทุน
    ในการหนุนส่งให้เข้าสู่นิพพานในชาตินี้เป็นต้น ฯลฯ
    (ยกตัวอย่าง)
    ปล.แค่เพียงแต่เล่าให้ฟังเฉยๆนะครับ
     
  16. leehonza

    leehonza Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +78
    ถ้าอธิฐานขอปฏิสัมภิทัปปัตโตจัดอยู่ในกองไหนครับ
     
  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    แนวทางไปถึงปฏิสัมฯ
    มันครอบคลุมหลายกรรมฐาน แบบห่มเหลืองที่ท่านทำได้.
    ยืนพื้นด้วยกสิณ ๑๐ คล่องทุกกอง(ถ้ากองเดียวจะเป็นสมาบัติ ๘)
    ในระดับใช้งานพื้นฐานปกติแบบลืมตาหรือ
    ใช้ชีวิตทั่วไประดับกำลังสมาธิระดับสูงเป็นฐาน
    แล้วไปต่อโหมดวิญญานธาตุระดับกำลังสมาธิระดับสูงเพื่อให้จิตสามารถ
    เข้าถึงอรูปฌานได้ตามลำดับของมันเอง(ย้ำว่าต้องผ่านกสิณ)
    ไม่งั้นกำลังจิต
    จะไม่พอ ภูมิต้านท้านภายนอกจะน้อย
    จะเสร็จพวกภูมิภูตอสูรกายต่างๆ
    หรือพวกภูมิอสูรกายที่ชอบ
    แฝงแอบเจาะท้ายท้อยกลุ่ม
    ที่หลงโฆษณาชวนเชื่อ
    ว่าจะมีพลังพิเศษ
    (พลังภายนอกต่างๆ)
    หรือเป็นอะไรพิเศษทั้งหลาย
    แบบไม่ต้องฝึกอะไรมาก ไม่ต้องมีพื้นฐานทั้งหลาย
    และพวกวิญญานมีฤิทธ์นิสัยไม่ดีต่างๆ(ตำหนักต่างๆ)
    หรือไม่สามารถใช้งานได้ทางด้านกสิณได้
    จะไปได้แต่ทางพลังงานภายนอกอย่างดียว
    รวมทั้งไม่เกิดเครื่องรู้ต่างๆที่จำเป็น

    สุดท้ายวัดที่ระยะเวลาในการคลายสิ่งยึดเกาะทุกสิ่งทุกอย่าง
    ออกจากตัวจิตได้ ในระหว่างได้มากน้อยแค่ไหน
    เพื่อเข้าสู่ระดับสุดท้ายคือระดับจิตธาตุ(จิตคลายตัว
    โล่ง โปร่งและ ไม่มีอะไรมาเกาะได้เกือบๆทั้งวัน)

    ส่วนฆารวาสก็ปรับกำลังและผลลงมาตามระดับ
    กำลังสมาธิใช้งานได้และระยะเวลาคลายตัวของจิต
    ในระหว่างวันและดูในสภาวะขณะลืมตาปกติเป็นเกณฑ์.
    ประมาณนี้

    ปล.ง่ายๆ ก็ขอ อภิญญา ๕ ขอสมาบัติ ๘
    ปฏิสัมฯ ก็ว่ากันไปตามแต่ชอบ
    แค่เล่าให้ฟังเฉยๆ
    แค่เพียงแต่เล่าให้ฟังเน้อ
     
  18. leehonza

    leehonza Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +78
    เรื่องลมหายใจขึ้นสุดลงสุดมันมีกิริยาทับซ้อนเป็นชั่นๆหรือป่าวมันเหมือนจะเป็นก้อนหรืออะไรสักอย่างอธิบายมะถูกเหมือนจะถูกบีบให้เล็กลงๆจนบ้างครั้งรู้สึกกลัวเพราะเป็นมาตั้งแต่เด็กๆแล้วพอลมมันเล็กลงๆมันจะรู้สึกเย็นทีปลายจมูกเหมือนมีอะไรมาเกาะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...