แสงสว่าง ในสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย วิษณุ12, 16 เมษายน 2015.

  1. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ลักษณะฌานในสมถะและวิปัสนา (หลวงปู่พุธ ฐานิโย )
    <O></O>

    มีอีกปัญหาหนึ่งของผู้ที่ทำกรรมฐานนั้น
    จะมีแสงเหมือนกัน เหมือนไฟฟ้า..ไฟฟ้าสถิตย์ออกจากเสื้อผ้าและผ้าห่มนั้น เกิดเนื่องมาจากสาเหตุอะไร
    ผู้ทำกรรมฐานเมื่อบริกรรมภาวนาเมื่อจิตสงบลงไปเป็นสมาธิ
    ถ้าสมาธิอันนั้นประกอบด้วย วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา
    หรือยังไม่พร้อมก็ตาม แสงยิบ..ยิบ..ยิบ..ยิบ
    จะบังเกิดขึ้น ปรากฏในสายตาของท่านผู้นั้น อันนี้เป็นวิสัยของผู้มีใจอ่อน <O></O>


    แต่สำหรับบางท่านไม่เป็นอย่างนั้น
    เมื่อจิตสงบลงไปจริงๆ แล้ว จึงเกิดความสว่างไสวขึ้น
    หรือบางท่าน ความสว่างไสวหรือแสงอย่างนั้น ไม่มีเลย

    แต่เมื่อจิตสงบลงไปแล้วรู้สึก มีความแจ่มๆ
    กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ภายในจิต
    อันนี้ซึ่งแล้วแต่อุปนิสัยของผู้ใด..จะเป็นไปเช่นนั้น

    แต่ขอยืนยันว่าสมาธิที่มีพลังงานอย่างเต็มที่
    จะต้องมีความสว่างเป็นเครื่องหมาย
    หมายถึง สมาธิขั้นสมถะกรรมฐาน ขั้นฌาน
    ถ้าสมาธิเดินฌานอย่างแท้จริงต้องมีความสว่างไสว

    ถ้าสมาธิเดินขั้นวิปัสสนามีความคิดเกิดขึ้น ดับไปอยู่ตลอดเวลา
    และสติเฝ้าดูเหตุการณ์ตลอดเวลา ความสว่างไสวอย่างว่านั้น
    จะมีบ้างไม่มีบ้างแล้วแต่จังหวะของจิต
    มีแต่ฌานหนึ่งและความรู้ธรรมอยู่ตลอดเวลา
    อันนี้เป็นลักษณะของสมาธิที่เดินขั้นวิปัสสนา..<O></O>

    เครดิต เพื่อนสมาชิก พลูโตจัง
    ฟังเสียงที่นี่ http://palungjit.org/threads/ลักษณะฌานในสมถะและวิปัสนา-หลวงปู่พุธ-ฐานิโย.238790/
     
  2. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    .
    เขียน ๑๗.๐๐

    แหม..แต่เราทำไมไม่ค่อยมีแสงเลยน๊า

    อาจจะเป็นเพราะว่า พอใกล้จะถึง เราก็จะถอย ไม่ไปต่ออีก
    อาจจะกลัวมีฤทธิ์ เพราะฌานรึเปล่า ก็ไม่ทราบได้
    พอเห็นอะไรแว๊บๆ ก็เปลี่ยนจังหวะจิต โยกไปทางอื่นตลอดตลอด ๕๕๕

    หรืออาจจะเป็นเพราะว่า รู้ทางมันดีแล้ว จากชาติก่อนๆ
    ชาตินี้เลยปรับระบบเป็นแบบใหม่ ไม่ยอมมองให้เห็นสิ่งใดโดยง่าย
    เป็นการก้าวข้ามสิ่งลวงตาไปแต่เนิ่นๆ ข้ามอายตนะทางตาไปโดยสิ้นเชิง
    เพื่อให้แน่ใจ ว่าจะไม่ต้องไปติดข้องกะอะไรแบบนั้นอีก ใช่ไม๊น๊า หึหึหึ

    แต่ก็ไม่รู้จะเลี่ยงไปได้อีกซักกี่น้ำแฮะ พักหลังมันขึ้นเข้าตาตลอดตลอด
    สงสัย "ฝั่งโน้น" คงยัดเยียดให้เราต้องมีฤทธิ์มีเดช ให้มันจริงจังซะที
    แหม...กลัวมีฤทธิ์จริงๆ แล้วจะเอาไปฆ่า หรือทำร้ายคนเลวซะจริงเล้ย หึหึหึ

    แต่ธรรมะของหลวงพ่อพุธนี่ เดินเส้นทางใกล้เคียงกันเลยครับ
    ต้องขอขอบคุณท่านปราบเทวดา ไว้ณ ที่นี้ด้วยครับ

    ว่าแต่ ท่านเจ๋งแค่ไหนกันครับ ถึงคิดจะปราบเทวดา ๕๕๕ ล้อเล่นนะ


    กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง

    .
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    จิตทำงานเมื่อเห็นเส้นสายหรือแสง แล้วแต่เนื้อหาเดิมของจิต
    ของแต่ละบุคคล..แสงสว่างรอบตัวชนิดที่ว่า นั่งอยู่ในที่มืดๆ
    บริเวณรอบตัวเราก็สว่างไสวได้ ไม่ว่าจะนั่งแบบหลับตา
    หรือลืมตาก็ตาม..พวกนี้ไม่ต้องไม่อะไรมากครับ..
    เป็นเพียงกิริยาและความสามารถปกติของจิตที่มัน
    เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว ก่อนที่จะเข้าระดับปฐมฌานครับ...
    ถ้าเราไม่เข้าใจว่ามันเป็นกิริยาปกติ บางคนเจอกิริยา
    แบบนี้หลงคิดว่าตัวเองบรรลุธรรม บรรลุคุณธรรม
    ขั้นสูงไปเลยก็มีครับ.ทั้งๆที่พอออกจากอารมย์
    ก็ไม่ได้กำลังจิต ได้ตบะ ฌาน ญาน
    หรือเกิดปัญญาอะไร และมีความเข้าใจอะไร
    ในนามธรรมทั้งหลายนะครับ
    เพราะฉนั้นพึงระมัดระวังให้ดีครับ..

    .แต่ถ้าสามารถรักษาอารมย์ได้ต่อเนื่อง
    แล้วแสงสว่างค่อยๆมืดลงและค่อยๆกลับสว่างขึ้นมาอีกครั้ง
    ถ้าเป็นตรงนี้ได้ท่านจะไปได้ทางด้านปัญญาทางธรรมแทนครับ..
    และถ้าเกิดกิริยาอย่างท่านห่มเหลืองเจ้าของบทความนั้นได้
    มันถึงจะได้ทั้งกำลังสติและเกิดเป็นปัญญาทางธรรมได้ครับ..
    เพราะเรื่องผุดๆมันจะขึ้นมาตอนปฐมฌานนั่นหละครับ
    แต่มันเป็นการผุดที่ตัวจิตยังสามารถอยู่ในอารมย์นั้นๆได้
    คือพูดง่ายๆว่า แม้ว่าจะเกิดแสงสว่างจร้าขนาดไหน
    เรื่องก็ยังผุดอยู่และไม่หายครับ..

    กิริยาก็คือเป็นเรื่องที่ผุดแต่สภาวะอารมย์เราไม่กลับสู่สภาวะก่อนนั่ง
    ถ้ากิริยาตรงนี้กำลังสติเราไม่พอหรือปัญญาทางธรรมไม่พอมันก็จะ
    ติดปัญหาในเรื่องการยกระดับฌานครับ.แม้มันจะยังอยู่
    ในอารมย์นี้ได้นาน แต่ว่าซักพักก็ตรงออกจากอารมย์นี้.
    .ตรงนี้อย่าเห็นว่าไม่มีอะไรนะครับ
    บางคนติดตรงนี้มาเป็นปีๆถึงหลายปีก็มีครับ..
    เพราะว่ามันจะต้องอาศัยองค์ประกอบหลายๆในเวลาใช้
    ชีวิตประจำวันปกติที่จะมาหนุนหลักการอย่างที่ หลวงพ่อ
    ท่านกล่าวนอกจากเทคนิคที่ท่านได้แนะด้วยครับ..

    เช่น ความมั่นคงในศีล การรู้จักเสียสละต่อส่วนรวม
    การลดความอยากต่างๆ ไม่ว่าจะอยากได้ อยากไป อยากมี
    การไปวุ่นวาย วิพากย์ วิจารณ์ โน้นนี้..
    การรับผิดชอบทางภาระหน้าที่ตนเอง ฯลฯ เพราะเรื่องพวกนี้
    มันจะสามารถผุดขึ้นมารบกวนเราได้ทั้งนั้น
    ในขณะที่เกิดแสงสว่างจร้านั่นหละครับ
    แถมถ้าเข้าถึงสภาวะอารมย์นี้ได้บ่อยๆ หากไต่ระดับ
    ไม่ได้ก็จะกลายเป็นการแช่ในอารมย์แสงสว่าง
    ในระดับสมาธิขั้นนี้อีกครับ..
    เพราะฉนั้นต้องไม่ไปอะไร กับอะไร หรือไปให้ความสนใจ
    หรือไปคาดหวังอะไรเลยนะครับ..เด่วจะกลายเป็นตัณหา
    นำสมาธิอีก..ประมาณนี้ครับ
     
  4. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ผมไม่ทำสมาธิก็มีแสงครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...