ความหายนะของการปรามาสพระรัตนตรัย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Saber, 8 เมษายน 2015.

  1. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ความหายนะของการปรามาสพระรัตนตรัย


    ท่านกล่าวไว้ว่า บุคคลที่เป็นพระโสดาบันแล้ว ถ้าปรากฏว่า มีผู้อื่นผู้ใดประมาทพลาดพลั้ง หรือคะนองปาก กล่าวตำหนิติเตียน หรือนินทาว่าร้าย ด่าบริภาษ
    แม้จะเป็นพระอริยะบุคคลที่เป็นคฤหัสถ์

    ท่านกล่าวว่า ห้ามมรรค ผล นิพพาน แม้บุคคลผู้นั้นจะพากเพียรปฏิบัติธรรม อย่างไรก็มิอาจสามารถ บรรลุมรรคผลได้

    การติเตียน ด่าบริภาษพระอริยเจ้า จึงมีโทษมาก

    เกิดความหายนะอย่างร้ายแรงที่สุด10อย่างคือ

    1.บุคคลผู้นั้นจะยังไม่บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ

    2.เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว ฌาณ สมาธิ จะเสื่อมทันที

    3.สัทธรรมของบุคคลผู้นั้นย่อมไม่ผ่องแผ้ว

    4.เป็นผู้หลงคิดว่าตนเป็นผู้บรรลุสัทธรรม

    5.ไม่ยินดีในการประพฤติพรหมจรรย์

    6.ถ้าเป็นภิกษุต้องอาบัติเศร้าหมองอย่างใดอย่างนึง

    7.ย่อมถูกโรคเบียดเบียนอย่างหนัก

    8.ถึงความเป็นบ้ามีจิตฟุ้งซ่าน

    9.หลงตามกาละ คือตายอย่างขาดสติ

    10.เมื่อตายย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก


    กรรมที่บริภาษ ด่าทอ พระอริยบุคคลนี้ เป็น
    กรรมตัดรอน มรรคผล นิพพาน
    มิใช่กรรมเก่า แต่เป็นกรรมที่สร้างขึ้นใหม่ และมีผลรุนแรงมาก มีอำนาจตัดรอนกรรมดีอื่นๆในทันใด


    http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=421.0;wap2
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    บุคคลที่ยังอยู่ใต้การครอบงำของกิเลส
    ก็ต้องเคยผิดพลาดด้วยกันมาแล้วทั้งนั้น

    เพราะปัญญาไม่ถึงมองไม่ออกว่าใครเป็นใคร
    อย่างไร??

    ใครพลาดมาก็ต้องขอขมากันไปเรื่อยๆ
    จนกว่าจะหายโง่ คือพบทางกำจัดกิเลส
    ที่ถูกต้องตามพระธรรมคำสอน

    หากลุงแมวประมาทพลาดพลั้งท่านอริยะผู้ใด
    ด้วยความโง่ กราบขอขมาไว้ตรงนี้ด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2015
  3. pukub

    pukub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2014
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +219
    ข้าพเจ้าค้นพบแล้วว่า บางคนอาจไม่ได้ตั้งใจปรามาศพระพุทธ ด้วยใจจริง
    อาจจะด้วยเพราะมีอินทีรย์ที่ยังแข็งอยู่
    จึงทำให้ใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสม หรือไม่สำรวม

    ปัญหาเลยเกิดขึ้น เพราะว่าผู้อ่านคนอื่นอ่านแล้ว ตีความผิด นึกว่าล้อเลียน
    บางทีลึก ๆ เขาอาจไม่ได้ตั้งใจ หรือมีเจตนาจะล้อเลียน แต่ด้วยภาษา ทำให้ตีความได้เป็นอย่างนั้น
    จึงทำให้
    1. สร้างความไม่พอใจ ให้ผู้ที่มีศรัทธามาก
    2. เป็นการสร้างศัตรูให้กับตัวเอง
    และอาจมีอย่างอื่นที่ข้าพเจ้าไม่รู้อีก

    จึงทำให้สรุปได้ว่า ถ้าจะคุยกันเรื่องธรรมจริง ๆ
    ต้องคุยด้วยความสำรวม และเคารพ
    เพราะพระพุทธเจ้าเองก็เคารพในพระธรรมนั้น

    ดังที่ข้าพเจ้าขอเล่าที่เคยได้เห็น ได้อ่านมา
    มีพราหม์ คนหนึ่ง เข้ามาถามปัญหากับพระพุทธเจ้า
    แต่ด้วยความจริงแล้ว ไม่ได้อยากรู้คำตอบ แต่ต้องการเอาชนะพระพุทธเจ้านั้นเอง
    สุดท้ายไม่ว่าพูดอะไร ก็ไม่สามารถเอาชนะได้ อันเนื่องพระพุทธเจ้าตอบมาล้วนเป็นความจริงที่เถียงไม่ได้
    จึงแล่บลิ้นใส่ แล้วเดินจากไป

    พราหม์คนนี้ พระพุทธเจ้ารู้แล้วว่าจะสามารถบรรลุธรรมได้ในอนาคตกาล
    แต่ก็ต่อเมื่อล่วงเวลาไปอีก 500 ปี นั้นเอง

    และสุดท้าย เมื่อผ่านไป 500 ปี พราหม์คนนี้ได้ไปเกิดใหม่
    เขาก็ไปบวชเป็นพระ และเชี่ยวชาญในพระธรรมวินัย พระไตรปิฏกมาก
    แต่ก็ถูกอาจารย์บึนปากใส่
    เขาจึงถาม ทำไมท่านอาจารย์ถึงบึนปากใส่ขอรับ?
    พระอาจารย์ก็บอกว่า รู้แต่อัตรอย่างเดียวจะสำเร็จธรรมได้อย่างไร?
    เขาจึงออกเดินธุดงธ์ และก็สำเร็จเป็นพระอรหัตน์ อีกรูปหนึ่ง

    เรื่องที่น่าคิดคือ
    ช่วงระหว่าง 500 ปี เขาไปอยู่ที่ไหน?
    เขาไปลงนรกหรือเปล่านะ? เหตเพราะแล่บลิ้นใส่พระพุทธเจ้า
    แล้ว ตอนที่อาจารย์บึนปากใส่ เป็นเพราะผลกรรมที่เขาทำใส่พระพุทธเจ้าหรือเปล่า?
    เรื่องนี้ไม่อาจรู้ได้

    รู้แต่ว่าคนอีโก้ สูง ๆ จัด ๆ ก็บรรลุธรรมได้เหมือนกัน
    แต่อาจต้องใช้เวลา?

    ที่สำคัญ แม้พระพุทธเจ้าเองก็ไม่มีความโกรธ ไม่พอใจ เมื่อถูกล้อเลียน หรือลองวิชา หรืออะไร
    จนแม้แต่พราหม์คนหนึ่ง (ที่ไม่ได้นับถือพระพุทธเจ้า) ยังชื่นชมพระพุทธเจ้าว่า
    พระพุทธเจ้าแม้ถูกถาม ถูกซักไซร้ขนาดนี้แล้ว ยังไม่มีอารมณ์ ไม่มีความโกรธ
    ใบหน้าพระพัตร ยังนิ่งเรียบ สบายดี ผิดกับ อาจารย์ อีก 6 สำนัก ที่ข้าพเจ้าถาม
    เขากลับไล่ข้าพเจ้าบ้าง หน้าแดงบ้าง

    เราก็อย่าได้วางความโกรธ หรือความไม่พอใจใส่บุคคล ผู้มีอินทีรย์หยาบ เหล่านั้นเลย
    ก็เพื่อเราจะไม่สร้างเจ้ากรรมนายเวร หรือศัตรูอีกต่อไป
    ก็แม้แต่พระพุทธเจ้าเอง ก็ยังไม่กระทำสิ่งเหล่านั้น
    เราควรเลียนแบบพระพุทธเจ้ากันเถิด

    แม้แต่ตัวข้าพเจ้าเอง อันไหนหากใช้คำพูดแรงไปก็ต้องขออภัย
    ขออโหสิกรรมด้วยเถิด
    ข้าพเจ้าเรียนรู้ข้อนี้แล้ว ในเร็ว ๆ นี้ เป็นเรื่องที่มีประโยชน์มาก ๆ
    และข้าพเจ้าก็จะปรับปรุงตัวด้วย

    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมตามที่หวังไว้


     
  4. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    :cool: กรรมทุกอย่าง อยู่ที่เจตนา..นี่คือพุทธของเราครับ การคัดค้านธรรม เถียงธรรม ไม่เชื่อธรรมที่คนอื่นแสดง ด้วยเจตนาอะไร ต้องดูตรงนี้ครับ
    (k)ดูครั้งพุทธกาล ชฎิล 3 พี่น้อง- พาท่านไปพักที่ไหนเจตนาอะไร เหตุใดจึงสำเร็จอรหันต์ได้ มันค้านกันไหมคัรบ ที่ท่านsaber ยกมา
    (k)อย่างนั้น เถียงใครก็กลัวไปหมด พวกหากินกับกาารหลอกลวงก็เต็มบ้านเต็มเมือง เปิดสำนักกันเป็นว่าเล่น ..หลอกลวงเพราะไม่มีใครกล้าวิจารณ์ ผมไม่เชื่อเด็ดขาดครับ มันแค่เป็นวิธีการของพวกสัทธรรมปฏิรูป-พราหม์ คิดปิดปากผู้คนไม่ให้วิจารณ์ เอาความกลัว บาปกรรม มาปิดปากพวกเขา เพราะกลัวความจริงจะถูกเปิดเผยเท่านั้น..
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    นัยยะ
    ''ถ้าเราหลงแล้วถึงมาถูกทางก็หลง แต่ถ้าเราไม่หลงแม้มาไม่ถูกทางก็ไม่หลง''

    ที่สุดคือการปล่อยวาง เพราะใจไปหลงยึดจึงกลายเป็นอุปทาน
    เคารพนับถือไม่ใช่ยึดถือ ถ้าอยู่ด้วยการเคารพกันก็ไม่เบียดเบียนกัน
    ไม่ว่าจะอยู่ในศาสนาใดๆก็ตาม
    เพราะใจเราเองมันไปเผลอตั้งเอาพระธรรมวินัย
    ถ้ายึดพระธรรมก็ผิดพระธรรม
    ยึดวินัยก็ผิดวินัย วินัยควรงดควรเว้น
    ถ้าไปยึดก็กลายเป็นว่าไม่งดไม่เว้น

    ไม่ควรไปยึดให้นับถือ..พอไม่ไปยึดพระธรรมวินัย
    มันก็กลายเป็นพระธรรมเป็นวินัย ในตัวเอง
    เหตุเพราะไปยึดก็เลยไป
    ตำหนิบุคคลอื่นๆไปเรื่อย
    ยิ่งไปตำหนิคนอื่นตัวเองก็ยิ่งศีลผิดมากขึ้น..
    ให้เคารพนับถือ ไม่ใช่ให้ไปยึดไม่ว่าอะไรก็ตาม..
    ใจเราต้องหัดเอาตัวยึดต่างๆออกจากหัวเราบ้างครับ
    มันถึงจะไม่ยึด จนกลายเป็นอุปทานสุดท้ายกลายเป็นหลง
    หลงไปหลงมามันก็ซึมจนกลายเป็นตัวเราเอง
    โดยที่เราไม่รู้ตัวเหตุเพราะเราไปตั้งต้นยึดนั่นหละครับ

    ...ปล.สุดแล้วแต่พิจารณาครับ
     
  6. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ตายไปเดียวรู้เอง ^^

    จริงๆ ไม่ต้องรู้ตอนตายหรอก

    เอาแค่ โดนไปกี่ข้อ ลองพิจารณาตัวเองดู เดี่ยวก็รู้เรื่องเอง ^^
     
  7. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    แบบนี้ถ้าหันไปถือ พุทธวจน ก็ด่าได้ซิ ปรามาสได้เป็นประจำๆ แบบพูดให้ถูกต้องๆตามธรรมหน่อยๆ ไม่ให้เป็นคำกล่าวร้าย หรือดูหยาบๆ

    เพราะถือว่าพระพวกนั้นไม่ทำตามพระพุทธเจ้าสอน ไม่ยึดธรรม ไม่ยึดวินัย ทำในสิ่งที่พระพุทธเจ้า บัญญัติ ห้ามไว้

    เพราะของเขา มีข้อกำหนด นิยามไว้แล้ว ว่าการกระทำแบบไหน ไม่ถือว่า เป็นการกระทำ ของอริยะ (พระโสดาบันขึ้นไป) ดังนั้นปรามาสไปยังไงก็ไม่โดน พระโสดาบัน :cool:
     
  8. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,398
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,633
    ขอบคุณที่เตือนครับ เท่าที่สังเกตุทั้งตัวเองและคนใกล้ตัวมา ถูกทุกข้อเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...