ช่วยหน่อยค่ะ จิตใจชอบคิดลบหลู่ เมือ่ผ่านสิ่งศักดิ์ศิทธ์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย คลีโอ007, 4 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. คลีโอ007

    คลีโอ007 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +14
    โอมีเรื่องอยากให้เพื่อนๆใน พลังจิต ช่วยตอบหรือให้คำแนะนำที่ให้หายข้องใจหน่อยนะค่ะ
    คือว่า เวลาที่โอ ผ่านสิ่งศักด์สิทธ์ต่างๆไม่ว่า จะเป็น พระพุทธรูป ศาลเจ้า หรือ อนุสาวรีย์ต่างๆ ที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธ์ ที่เคารพบูชาของทุกคนนั้น โอ รู้สึกอยากจะหลบหลู่ อยู่เสมอทั้งที่ใจโอแล้วไม่อยากจะทำแบบนั้นเลย แต่มันก็รู้สึกขึ้นมาเอง แม้กระทั่งเวลาที่ โอ สวดมนต์ เวลาที่โอมองไปที่หิ้งพระ โอ ก็รู้สึกแบบนั้น โอ ไม่เข้าใจค่ะว่า โอเป็นอะไร ทั้งที่เมื่อมีเวลาโอก็ไหว้พระสวดมนต์ และทำบุญตลอด แต่ความรู้สึกแบบนี้ก็ไม่เคยหายไป หรือจะเป็นกรรมเก่าของโอรึเปล่าค่ะ ถึงทำให้โอเป็นแบบนี้ เคยได้ไปคุยกับพระอาจารย์บางองค์ ท่านก็บอกแต่เพียงว่า "ถ้าโยมหลบหลู่เขา แล้วเขามีญาณบารมีสูงเขาจะรับรู้ได้ว่าโยมหลบหลู่เขา" แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านี้
    โอ อยากทราบจริงๆค่ะ ว่าเหตุใดโอถึงได้เป็นแบบนี้มีสิ่งใดที่แก้ไขได้ หรือโอต้องทำอย่างไร ช่วยบอกโอด้วยนะค่ะ
     
  2. อาหลี_99

    อาหลี_99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    744
    ค่าพลัง:
    +2,992
    เออมันคงฝั่งเข้าไปในจิตใต้สำนึกแล้วอะครับ ลองดูวิธีนี้ จับตาดูผู้คิด ถ้าเจอมีความรู้สึกคิดอีกก้ให้ เราฟังเสียงที่ตัวเรากำลังคิดเรื่องนั้นฟังเสียงที่ก้องอยู่ในหูๆจับความรู้สึกอยากจะลบหลู่นั้นไว้อยู่ เหมือนมีอีกตัวของเรามองมันอยู่ ทำไปเลื่อยๆเมื่อมีความรู้สึกนั้นหรือคิดไม่ดีอยู่(แค่ให้จับความรู้สึกหย่าไปคิดต่อ) ทำครั้งเดียวไม่มีทางได้ผลทำไปเรื่อยๆจนกว่าความรู้สึกนั้นจะหายไป
    ผมว่าวิธีนี้หละครับเป็นการแก้ที่ต้นเหตุหละ แก้ที่ต้นเหตุ ผลก็ไม่เกิด.... ใช้วิธีนี้พายามลืมเรื่องกรรมเก่าว่าใช้เกิดจากกรรมเก่าไปก่อนนะครับมันไม่มีประโยชน์ที่จะคิด คิดไปช่วยอะไรไม่ได้
    อ้างอิงจากดัดแปลงจากหนังสือ THE POWER OF NOWเล่ม1 เหมาะสำหรับคนอ่านสือธรรม.แล้วง่วงนอน?? - -*
     
  3. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,795
    ผมว่าคุณห้ามมันไม่ได้ครับ มันเป็นการฝืนบังคับจิตไม่ถึงความพอดี

    คุณจะเห็นมันอารมณ์มันเกิดขึ้นคุณเพียงเป็นผู้ดูเฉยๆอย่าคล้อย

    ตามอย่าผลักดันต่อต้านมันเกิดขึ้นคุณก็ดูอยู่อย่างนี้เรื่อยมันจะดับเอง

    เมื่อคุณเห็นตามความเป็นจริง เหมือนคนอยู่บนฝั่งมองดูน้ำไหลเผลอ

    เมื่อไรก็เหมือนคนเล่นน้ำเปียกไปทั่งตัว น้ำก็คืออารมณ์ ถ้ามีสติก็เหมือน

    อยู่บนฝั่ง ถ้าเผลอก็เหมือนลงเล่นน้ำเปียกหมดคุณเลือกเอาครับ

    กระทู้อย่างนี้รู้สึกถามกันบ่อยจัง
     
  4. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    ไปตรวจสอบดูก่อนว่า มีพลังแฝงเข้ามาอยู่ในจิตใจด้วยหรือเปล่า

    เพราะปกติคนเราจะต้องระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในทางเคารพบูชากันทั้งนั้น น่ะ

    ถ้าเจอก็ต้องจัดการให้เอาออกไปเสีย
     
  5. จอกแหน

    จอกแหน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    272
    ค่าพลัง:
    +873
    ผมก็เป็นเช่นเดียวกันกับคุณคลีโอ007แหละครับเกือบ 2 ปีแล้วหลังจาก
    ที่ได้คุยเรื่องการปฏิบัติธรรมถึงจุดมุ่งหมายแห่งการปฏิบัติ ในช่วงสนทนา
    ค่อนข้างจะไม่ไปในทางเดียวกันซักเท่าไหร่ กลับถึงบ้านตอนเย็นเริ่มมี
    อาการทันทีครับ กะจะไปหาอาจารย์ครอบเศียรครูเชื่อว่าน่าจะหายนะครับ
     
  6. Bajang

    Bajang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +1,268
    เป็นเรื่องปกติของคนยังมีกิเลสครับ ไม่ต้องตกใจ บางคนไปฟังเทศน์ ด่าท่านไป ขอขมาท่านไปก้อมี ทุกวันนี้ผมเองก้อยังเป็นอยู่บ้าง วิธีแก้จริงคือต้องมีสติ ลองศึกษาวิธีดูจิต ตามแบบหลวงพ่อปราโมทย์ ดูนะครับ www.wimutti.net เป็นเรื่องสติล้วนๆ แต่ในเบื้องต้นแก้เฉพาะหน้าไปก่อน ลองใช้วิธีอธิฐาน หรือนึกในใจว่า "ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ดลบันดาลในอกุศลทีเกิดในจิตลูก จงแปรเปลี่ยนเป็นสติและปัญญา" ผมเองก้อลองใช้ดู ก้อได้ผลเหมือนกัน ขอให้กำลังใจนะครับ ผมเองก้อเป็นเหมือนกัน
     
  7. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    มีสติตามรู้อยู่กับปัจจุบันขณะ ภาวนาไว้ในใจตามอิริยาบถและการคิดคำนึง เป็นต้นว่า

    เดินหนอๆ , ขวาย่างหนอ - ซ้ายย่างหนอ


    หรือหากเมื่อหูได้ยินได้ฟัง ตาได้มองได้เห็น สิ่งอันไม่พึงใจ ให้ภาวนา ได้ยินหนอๆ ได้เห็นหนอๆ


    พร้อมระลึกรู้ แต่ไม่ทำอารมณ์ให้คล้อยตามด้วยความยินดียินร้าย


    การปฏิบัติเช่นนี้ เพื่อฝึกเอาสติตามจิตให้จดจ่อเป็นเบื้องต้น คือให้แลเห็นภาวะของจิต


    อันอาหารของจิตนี้คือความคิด และเป็นปกติของปถุชนมักมีจิตคิดแส่ส่ายไหลไปทางมิชอบได้บ่อยครั้ง


    การมองเห็นสภาวะภายใน เปรียบได้กับการกำกับจิต ครั้นจิตคิดในทางมิชอบให้รู้แล้ววางเสีย ว่า


    อ้อ คิดเช่นนี้หนอ อกุศลหนอ


    ตัดสัญญาณการคิดอันมิชอบนั้นเสีย พร้อมน้อมนำคำภาวนาดีๆ มีมงคลมาสถิตย์ไว้แทน


    เช่น พุทโธ , พุทธัง สรณํง คัจฉามิ - ธัมมํง สรณัง คัจฉามิ - สังฆํง สรณัง คัจฉามิ


    หมั่นทำบุญสร้างกุศลต่างๆ ในชีวิตประจำวัน คือ ทาน ศีล ภาวนา ไว้เนืองๆ


    อุทิศแก่ เทวดาผู้รักษาตน เจ้ากรรมนายเวร คุณบิดา - มารดา คุณครูอุปัชฌาจารย์ - ผู้มีพระคุณทั้งหลาย ฯ


    จิตจะละจากมโนกรรมฝ่ายอกุศลได้ในที่สุด
     
  8. amakig

    amakig Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2007
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +69
    ทำจิตใจให้สงบ
    แล้วปัญญาจะเกิด
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ของเราใช้วิธีจิตสอนจิต ถ้าจิตคิดอกุศลเกิดขึ้นพอสติรู้เท่าทัน จะคิดในใจว่า จิตเอ๋ยจิตเจ้าคิดอกุศลอยู่นะ แล้วขอขมาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และสิ่งศักดิ์สิ่งหลายเพื่อความสบายใจระดับหนึ่ง จะไม่ใช้วิธีห้ามเพราะยิ่งห้ามมันยิ่งคิด ส่วนใหญ่จิตใต้สำนึกอันนั้นของเราพอรู้ว่าเรารู้ทันมันจะละอายหยุดไปเอง แต่ถ้ามันดื้อด้านไม่ยอมหยุด จะคิดในใจต่อขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ช่วยมลายจิตอกุศลให้กลายเป็นกุศลด้วยเถิด ขอจิตนี้จงคิดแต่กุศล คุณงามความดี สำหรับเราจะมีเพิ่มเรื่องฟังธรรมก่อนนอนเพื่อกล่อมเกลาจิตใต้สำนึกด้วยเป็นการเพาะปลูกธรรมะให้เกิดในดวงจิต ในเว็ปนี้เรื่องเสียงธรรมะมีเยอะมาก เลือกฟังได้ตามจริตของตัวเอง ของเราเพิ่งเริ่มทำได้ไม่นานแต่รู้สึกว่าจิตมันสงบลงนะ
     
  10. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    มันแค่เป็นเรื่องของ ศรัทธาและความเชื่อ เท่านั้น
    คุณไหว้พระสวดมนต์แบบปฏิบัติตามๆกันมา
    ไม่รู้เรื่องศาสนาพุทธที่แท้จริง มันจึงปรากฏอาการดังว่า
    มีหลายรายเสพสังวาสกันในพุทธสถาน ปรากฏว่า เอาไม่ออก คล้ายสุนัข ปรากฏเป็นข่าวตามหน้า นสพ.อยู่บ่อยครั้ง
    พวกนั้นนอกจากจิตลบหลู่แล้ว ยังเอากายไปลบหลู่อีก
    จึงโดนเทวดาฝ่ายมิจฉาทิฐฐิเขาลงโทษเอา
    ของคุณแก้ไม่ยาก ศึกษาศาสนาพุทธให้ท่องแท้ เชื่อ และศรัทธาว่า ภพภูมิมีจริง
    เทวดามีจริง นรก สวรรค์มีจริง พยานาค มีจริง ผีมีจริง เหล่านี้ พอคุณเข้าใจและเชื่อมั่นและศรัทธาในพระธรรมแล้ว คุณก็จะเกิดอาการ"ไม่กล้าคิด"เพราะสิ่งนั้นเป็น"ของจริงแท้"
     
  11. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    มันคือการสงสัยในสิ่งที่พบ... เห็น... แล้วเกิดพิจารณา แต่หนักไปในทางไม่เชื่อ.. ต้องเห็นแล้ววางเฉยให้ได้ หรือไม่ก็กล่าวคารวะในใจ เพื่อจะได้ไม่คิดลบหลู่ ทำไปบ่อย ๆ เดี๋ยวก็หาย แต่ถ้าเราบังคับใจเราได้ มันก็จะหยุดคิดไปเอง
     
  12. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    คือว่า สิ่งที่คุณมีนั้นคือ มานะทิฏฐิ

    เจ้าตัวนี้เป็นความยึดมั่นฝ่ายอกุศลที่ถอดถอนได้ยากมากๆ มันจะมีอาการสอง
    ด้าน

    ด้านแรก คือ เราดี กว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้า หรือ สิ่งที่เรามอง หรือ สิ่งที่เราเห็น

    ด้านสอง คือ เราแย่ เพราะเชื่อในใจว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้า หรือ สิ่งที่เรามอง
    หรือ สิ่งที่เราเห็น นั้นดีกว่า มีสภาพเหนือกว่า มีสภาพข่มเราได้ มีสภาพเยาะ
    เย้ยเราได้

    ทั้งสองด้านจะแสดงปฏิกริยาออกไปทางเดียวกันคือ เกลียดสิ่งตรงหน้า ไม่เชื่อ
    ไม่ศรัทธา ถ้าทิฏฐิปรุงต่อไป ก็จะปรุงมโนจิตออกมาว่าเขาตรงๆก็ได้
    หรือ ว่าตัวเราก็ได้แต่ประชดลึกๆ

    วิธีแก้หายขาดนั้นยาก ต้องปฏิบัติกันอีกนาน เหตุนี้ก็อย่าพึ่งไปให้
    น้ำหนักมันกับเรื่องแบบนี้ คือ อย่าทุกข์ใจมาก

    วิธีแก้ง่ายๆ คือ รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนไว้มากๆ เจอคนมีอายุที่ไหนผ่าน
    มาผ่านไป จะยากดีมีจนหรือขอทาน ก็ให้สำรวมกริยาอ่อนน้อมถ่อมตนไว้
    เช่นเดินผ่านคุณยายนั่งขอทานอยู่ ก็ก้มตัวเดินผ่านหน้าไป เจอครูบาอาจารย์
    จะโรงเรียนไหนก็ก้มตัวผ่านเขาไป เจอพระที่ไหนกริยาอย่างไรก็ก้มตัวผ่านเขา
    ไป เจอปฏิมากรณ์ปูนปั้นสิ่งศักดิ์สิทธิใดถ้าไม่ต้องการยกมือไหว้ ก็น้อมสาย
    ตาลงก็พอแล้ว แบบนี้ก็ได้ แล้วคุณธรรมที่อีกด้านเขามีจะไหลเข้ามาหาเอง

    เมื่อคุณธรรมเขาเหล่านั้นไหลเข้ามาแล้ว เราก็จะศรัทธาในคุณธรรมของเขา
    หรือ สิ่งเหล่านั้น เมื่อนั้นก็ให้พิจารณาเลือกรับให้ถูกต้องทางสัมมาทิฏฐิ ก็จะ
    ดีขึ้น จะไม่ผิดทาง จะไม่หลงกล จะไม่หลงทาง

    เมื่อคุณธรรมเขาไหลเข้ามามากๆ แล้วเป็นสัมมาทิฏฐิด้วย โอกาสที่จะก่นด่า
    สิ่งใดๆนั้นจะลดลงไปเอง เพราะเราจะเป็นผู้ที่มีความเสมอแล้ว ไม่ใช่เขาดีกว่า
    ไม่ใช่เราแย่กว่า ทิฏฐิมานะก็จะลดลงเอง

    แต่ก็ยังมีขั้นกว่านะ อันนั้นค่อยพูดกันทีหลัง ถ้าสงสัยก็ดูกระทู้ที่เขาทะเลาะกัน
    เป็นตัวอย่างไปก่อน โดยเฉพาะกระทู้ที่มีการกด อนุโมทนา กับ ไม่เห็นด้วย อันนั้น
    ชัดเลย ว่ามาจาก ทิฏฐิมานะ ขั้นกว่าที่ผมพูดถึง ให้ดูผ่านๆไป อย่าไปยึด อย่าไป
    เผลอเอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้อง เดี๋ยวแก้จุดแรกไม่ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2008
  13. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    นึกไปแล้วก็เสียดาย ผมพึ่งเจอเพื่อนคนหนึ่ง เด็กกว่า 10 กว่าปี ฐานะดี เพราะ
    มาซื้อคอนโดด้วยเงินสด

    ระหว่างไปโอนกัน เราในฐานะพยาน ก็ไม่รู้ทำอะไร ก็เลยชวนคุย ก็พบว่า
    เป็นคนมีศีลบริสุทธิดี ผิวพรรณดีจนสังเกตได้ ก็เลยถามแย๊บมาทางศาสนา
    ก็ทราบว่า เขานั้นทำดีทุกอย่าง ศีล 5 นี้ครบ รวยแต่ไม่เคยไร้สาระแก่นสาร
    เรื่องทางศาสนา เขากลับพูดว่าไม่เอา เพราะ ไปเห็นพระทะเลาะกัน อันนี้
    ยกของพระพยอมขึ้นกล่าว ไปเห็นพระเอาแต่รวยเงิน อันนี้ยกกรณีรังสิตขึ้น
    กล่าวนำเป็นหลัก ก็เลยขอทำบุญกับมูลนิธิที่ปฏิบัติให้เห็นผลอย่างเดียว ส่วน
    กิเลสหรือทางอบายเห็นตัวเดียว คือ เล่นพนันบอล แต่เขาเล่นแบบเศษเงิน
    (เงินแสน ล้าน) เขาบอกว่าเล่นเอาขำๆ ค่าน้ำจิ้มถูกกว่า เราก็อือออๆ ก็จะ
    ไปว่าเป็นอบายมันก็ไม่ชัด เพราะเขาเสียแล้วไม่สะดุ้ง ก็เลยจนปัญญาที่จะ
    ดึงมาทางธรรม คนอะไร ไม่เคยเจอปัญหา !!!????

    เราก็มานั่งเสียดาย เทวดา แท้ๆ แต่ไม่อาจเข้าสัมมาทิฏฐิ ทั้งนี้เพราะ ทิฏฐิ
    มานะตัวเดียวกันที่คุณถามนี้แหละ คือ ไปเห็นเขาทำอย่างนั้นอย่างนี้ แล้ว
    เอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้อง ไปยกว่าดีกว่าคนกลุ่มนั้นที่เขาทำกัน ก็เลยแยกตัว
    ออกมาเป็นอีกผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ ณ จุดดีกว่า แต่ทีนี้เพราะจุดๆนั้นมีเรื่องธรรมะ
    เกี่ยวข้อง เลยเหมาเอาไปว่าคนศึกษาธรรมะน่ารังเกลียด ก็เลยปิดทางไป ทั้ง
    ที่สามารถอ่านเฉยๆ รับรู้เฉยๆ โดยไม่มีตัวตนเข้าไปเกี่ยวข้อง เราก็จะอ่านเอาแต่นัยยะ
    เอาแต่ธรรมะออกมา แต่ถ้าเอาตัวไปเกี่ยวเมื่อไหร่ จะมีการ ยืน คนละฝ่าย
    ทันที และแสดงกริยาออกมาว่าเหนือกว่าเสมอไป ไม่ทันทิฏฐิมานะที่ปรุง
    ภพให้แก่ตนเสียแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2008
  14. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ถ้ามีคนเข้าใจแก่นแท้แห่งธรรมได้สักครึ่งหนึ่งของท่านเอกวีร์ โลกนี้คงน่าอยู่ขึ้นอีกมาก เว็บนี้ก็คงน่าเล่นอีกมาก
     
  15. GenerationXXX

    GenerationXXX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +2,163
    เกิดจากกรรมเก่าที่เคยทำไว้ครับ สังเกตได้ง่ายๆ ในเมื่อเรามีเจตนาจิตที่จะเคารพ แต่อยู่กลับมีจิตที่จะคิดลบลู่ขึ้นกระทันหันแบบนั้นทั้งที่ดูจิตใจตัวเองอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าไม่มีเจตนาจริงๆ เป็นกรรมที่เคยคิดไม่ดีกับพระตั้งแต่พระในบ้านจนถึงพระอริยะ และพระพุทธเจ้าในอดีต ที่กล้ายืนยัน 100% เพราะเกิดกับตัวเองเต็มๆ และหาทางปฎิบัติจนคลายอำนาจกรรมนี้แทบหมดแล้ว
    กรรมเก่าที่ผมเคยทำไว้ก็คือตอนเด็กๆ ประมาณช่วง ป.4-6 เป็นช่วงอยากศึกษาหาความรู้ชอบวิทยาศาสตร์มาก พอศึกษามาเจอประวัติพระพุทธเจ้าก็ไม่เชื่อคิดว่าพระพุทธเจ้านี้โง่มากๆ ไม่มีประโยชน์ คือขณะนั้นตั้งใจแบบเข้าใจจริงๆ ว่าพระพุทธเจ้านี้โง่มาก ไร้สาระมากๆ ตั้งแต่นั้นมา ก็ศึกษามาจนพบพระธรรม แต่เมื่อขณะจิตใดที่มีความเคารพในธรรม จะมีความรู้สึกอยากจะลบลู่ขึ้นทันที ซึ่งคิดไปได้ต่างๆ นานา ทั้งที่เราเองก็ดูใจตัวเองแล้วก็ไม่น่าจะมีเหตุอันใดให้คิด ผิดปกติวิสัยมาก แม้แต่บิดา มารดา ก็เช่นกัน เมื่อใดรู้สึกถึงคุณอันประเสริฐก็จะมีจิตคิดไม่ดีกับท่านขึ้นเสมอ อยากจะฆ่าท่าน อยากจะทำร้ายต่างๆ นานากับท่าน ถ้าตอนนั้นครองสติไม่พอก็อาจกระทำก็ได้ น่ากลัวยิ่งนัก

    หนทางที่จะก้าวพ้นจากกรรมนี้อย่างสิ้นเชิง ก็ต้องอาศัยความเคารพจริงในพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระอริยะสงฆ์ แบบถวายชีวิตเลย ตั้งสัจจะเลยว่าจะเชื่อมั่นศรัทธาในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอย่างจริงใจ โดยเอาชีวิตตนเองเข้าแลก ตามแต่พระประสงค์ของพระองค์จะให้มีชีวิตอยู่หรือจะให้ตายก็สุดแท้แต่พระองค์ เมื่อทำได้ดังนั้นก็ให้พิจารณาทุกข์ให้มากเห็นทุกข์ให้มากจนขณะจิตนึง สามารถเข้าใจองค์ธรรมนี้โดยอัตโนมัติ คือเข้าใจในความเป็นจริงว่าทุกสิ่งนั้นเป็นทุกข์และจิตใจของตนเองไม่ยอมรับที่จะทุกข์ตามมันโดยเห็นว่าเป็นสุข ถ้าสามารถทำได้ถึงเพียงนี้แม้อกุศลกรรมใดๆ ที่ร้ายแรงจะเกิดขึ้นกับตนหรือคนรอบข้างที่ตนเองรัก เราก็สามารถที่จะช่วยตัวเราและเขาได้บรรเทากรรมเหล่านั้นได้มากนัก สำคัญที่ว่าเราตั้งใจจริงๆ ได้มากแค่ไหนนั่นแหละที่สำคัญ
     
  16. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ก็ดีนะครับแบบ คุณคนยุคใหม่ ต้องกำลังจิจกำลังใจแข็งแกร่งทีเดียว
    เหมือนพระสมัยพุทธการ ท่านมุ่งมั่นมาก ลั่นวาจาว่าถ้าไม่สำเร็จผล
    นี้จะยอมตาย เลยพากันปีนไปบนยอดเขาแล้วถีบบันไดทิ้ง ปฏิบัติกัน
    อย่างเดียว สุดท้ายก็สำเร็จกัน แต่จะเห็นว่าใจเด็ดมาก

    ทีนี้ ถ้าเราเลือกทางนี้ ก็มีโอกาสเป็นไปได้ แต่นั่นหมายถึงสภาวะแวด
    ล้อมต้องเอื้ออำนวย แล้วกรณีที่เป็นฆารวาสนี้โอกาสตั้งปณิธานสูงๆแล้ว
    ทำนี้ โอกาสท้อแท้จะมีเยอะ เพราะเครื่องกั้นมีเยอะกว่า เมื่อตั้งปณิธานไว้
    สูงมาก แล้วเกิดมีคน หรือ ใครมาขวางกั้นนี้ อันตราย เราจะยกความผิด
    ผลาดประเคนไปที่ผู้ขวางกั้น ทำให้ไม่อาจบรรลุได้ เพราะไปก่อกรรม ก็
    นับว่าต้องระวังพอสมควร

    ทางที่ดี หาทางเบาๆ ง่ายๆ ค่อยๆทำ ค่อยๆไต่ เผื่อทางลงไว้หน่อย แต่
    ก็ไม่ลงตะพึด เช่น กำลังปฏิบัติ เพื่อมมาชวนไปงานเลี้ยง ทีแรกปฏิเสธ
    แต่พอขยั้นขะยอก็ลอยตาม ถ้าทำบ่อยๆ ก็จะติดเป็นวินัยที่ไม่ดีต่อการปฏิบัติ
    ก็คงต้องหาวิธีตั้งข้อวินัยที่เหมาะสมกับตัว แก้ไปตามสถานะการณ์ครับ
     
  17. O๐.AnGle.๐O

    O๐.AnGle.๐O เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +861
    55+

    ผมก็เคยเป็น

    แบบว่า มันคิดเอง เราบังคับไม่ให้มันคิด ไม่ได้ อ่ะ

    บางทีนั่งสวดมนต์ อยู่ อยู่ดีดี ก็กลายเป็นเรื่องตลกไป หัวเราะไม่หยุดเลย

    เราต้องควบคุมความคิดเราให้ได้ อ่ะ

    ไม่ใช่ทำให้สงบหรอก ทำให้สงบ ทำยาก อ่ะ

    หาเรื่องไรก็ได้มาคิดแทน เรื่องอะไรก็ได้

    ตอนนี้ผมหายแล้ว อ่ะนะ

    เพราะไม่ค่อยได้ คิด อยู่ ดีดี มันก็หายเอง
     
  18. คลีโอ007

    คลีโอ007 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +14
    ขอบคุณนะค่ะ สำหรับคำแนะนำของทุกๆๆคน โอจะลองไปปฎิบัติตามดูนะค่ะ
    ขอบคุณมากค่ะ
     
  19. i_cad

    i_cad สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +12
    [FONT=&quot] อาการนี้เหมือนกันกับที่เกิดกับผม[/FONT] [FONT=&quot]ผมเลยใช้วิธีหาต้นตอของอาการ[/FONT] [FONT=&quot]พบว่ามาจากจิตที่เรามีความศรัทธา ต่อสิ่งศักสิทธิ์นี้เองครับ[/FONT] [FONT=&quot]เมื่อเราอยู่ต่อหน้าสิ่งที่เราศรัทธา เราวิตกกลัวที่จะคิดหรือแสดง[/FONT] [FONT=&quot]สิ่งไม่ดีไม่งามให้เกิดขึ้น เมื่อความคิดนี้สะสมทุกครั้ง[/FONT] [FONT=&quot]ที่เราเห็นหรือต้องมีกิจ แสดงความเคารพต่อสิ่งที่เราศรัทธา[/FONT] [FONT=&quot]มันจะแปรปรวนกลายเป็นวิตกจริต[/FONT] [FONT=&quot]ส่งผลถึง การสื่อสารคลื่นไฟ้ฟ้าของ[/FONT] [FONT=&quot]สมองแปรปรวนคล้ายอาการที่เราเครียด[/FONT] [FONT=&quot]ซึ่งเราจะยิ่งรู้สึกผิดตอกยำ้ำความคิดนี้ ความแปรปรวนจะเพิ่มขึ้นเรื่อย[/FONT] [FONT=&quot]จนกลายเป็นสัญญาวิปลาส สมองจะหาทางออก ให้เรามองเห็นภาพและคิดตาม[/FONT] [FONT=&quot]สิ่งที่เรากังวลอยู่[/FONT] [FONT=&quot]จะสังเกตุได้ว่าถ้าเรา[/FONT] [FONT=&quot]ได้ปล่อยภาพการลบหลู่เหล่านั้น สมองจะรู้สึกโล่ง[/FONT] [FONT=&quot]เพราะคลื่นไฟฟ้าที่แปรปรวน ได้ปลดปล่อยพลังงานให้สลายไป จากจิตที่เราวิตก[/FONT] [FONT=&quot]และตัวเราจะบันทึก อาการเหล่านี้เป็นอัตโนมัติ เมื่อเราอยู่ในสถานการณ์นี้[/FONT] [FONT=&quot]เมื่อเข้าใจที่มาของเหตุเกิด ผมแก้ไขโดยสร้างตัวรู้คือ ความมั่นใจว่า[/FONT] [FONT=&quot]จิตใต้สำนึกแท้ของเรา ไม่มีทางคิดลบหลู่ หรือเสื่อมศรัทธา[/FONT] [FONT=&quot]กระด้างกระเดื่องต่อสิ่งที่เราเคารพ อย่างแน่นอน ภาพที่ทำให้เรานึกเห็น[/FONT] [FONT=&quot]หรือคิดตามภาพเหล่านั้น คือกระบวนการจิตไร้สำนึกที่ออกไปรับรู้เรื่องราว ประมวลความคิดถูกหรือผิด ตามหน้าที่ของมัน และใช้จิตรู้ไปรับรู้ดูสภาวะอาการ คลื่นไฟฟ้าสมองแปรปรวน โดยใช้กำลังอารมณ์ จากที่ฝึกสมาธิเข้ามาช่วย ถึงจะได้ผลดี จะรู้สึกถึงความตึงเครียดของสมองซีกใดซีกหนึ่ง เมื่อจิตเข้าไปรู้เหมือนมองดูอาการ และไม่กังวลด้วยเราเข้าใจถึงเหตุของอาการและอุบายที่เราเชื่อมั่น ความเครียดนี้จะไม่มีกำลังผลักดันความแปรปรวนต่อและจะเห็นอาการสงบของสมองทั้งสองซีก เมื่อเกิดความสมดุลย์ของการทำงานของสมอง อาการอุปทานของสัญญาความจำนี้ก็จะบรรเทาลง [/FONT]
    [FONT=&quot]อาการเหล่านี้เกิดกับผมมาประมาณ 10 ปี สิ่งที่ ทำให้ผมลุกขึ้นต่อสู้ หาวิธีหรืออุบายที่จะทำให้ อาการเหล่านี้ระงับเพราะเข้ามาอ่านกระทู้ ในเว็ปพลังจิต เรื่องท่านที่มีลักษณะอาการคล้ายกัน เมื่อไม่นานมานี้เอง ทำให้ผมเห็นความธรรมดาของธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้น ได้กับมนุษย์อย่างเรา แม้จะเลือกคิดดี ก็ยังมีขยะของความคิด จากสิ่งที่เราไม่ต้องการเห็นหรือรับรู้ คอยมาสะกิดทำจิตใจเราปั่นป่วน ชักดิ้นไปกับมัน ผมลองใช้วิธีนี้มาพักหนึ่ง รู้สึกว่าได้ผลดี จึงนำข้อความมาตอบกระทู้ เผื่อเป็นหนทางสำหรับผู้มีอาการคล้ายกัน ลองนำไปสังเกตุอาการดู<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot] สุดท้ายนี้ผมไม่รู้ว่าจะขอบคุณมารจิตตัวนี้ดีหรือไม่ เพราะยังเคืองอยู่ทำเรามาได้เป็น 10 ปี แทบเป็นบ้าเป็นหลัง แต่ก็ทำให้นำวิธีระงับแบบนี้ ไปต่อยอดสังเกตุอาการจิตอื่นๆ ลองนำไปใช้กับอาการหงุดหงิดหรือโกรธแบบฉับพลันรู้สึกว่าอาการระงับได้ดีครับ<o:p></o:p>[/FONT]
     
  20. noone

    noone เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +392
    ผมก็เป็นครับ คือใจมันชอบท้าทายสิ่งที่มองไม่เห็น แล้วจะปวดหัว หนักหัวมาก ทุกวันนี้ต้องไปหาจิตแพทย์ครับ จริงๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...