เรื่องเด่น นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 16 กันยายน 2014.

  1. Trashma

    Trashma เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +489
    ท่านแม่เล่าให้ฟัง(ย่อ)

    มีศึกใหญ่เข้าตีชายแดนทั้ง ๔ ด้าน คือทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต้ กำลังที่เราจะระดมพลทั้งหมดแล้ว ข้าศึกเหนือกว่าเกือบ ๑๐ เท่า เป็นศึกที่หนักใจที่สุด กองทัพชาวทมิฬ พระเจ้าอารีย์ราชเป็นจอมทัพ พวกชาวป่าโหดร้ายมาก ทหารที่ถูกฆ่ามันจับกินเป็นอาหารทันที เห็นว่าเกินกำลังที่จะตั้งด่านสู้ได้ จึงสั่งให้ทหารทิ้งด่านเข้ามารวมตัวกันในเมืองให้หมด สั่งจัดค่ายคูประตูรบอย่างมั่งคง ฝ่ายวางแผนการรบก็เริ่มวางแผนการรบ ส่งนักรบที่มีความฉลาดออกนอกเมืองเพื่อหาทางทำลายข้าศึกด้านหลังและรวบรวมคนภายนอกไว้ สมัยนั้นส่วนใหญ่ข้าศึกมักใช้คนท้องถิ่นหาอาหาร ฟืนและน้ำ ท่านย่าจึงวางแผนให้ส่งนายทหารที่มีความฉลาดไปรวมกับพวกชาวเมืองที่นอกเมือง โดยกำหนดแผนว่า ถ้าในเมืองยกกำลังกองทัพออกปะทะข้าศึกและเห็นทหารในเมืองยิงธนูไฟ ให้ช่วยกันเผาค่ายข้าศึกทันที

    จากนั้นก็ส่งทหารแม่นธนูออกไปนอกเมืองอีก ๒ กอง ให้ดำรงตนเป็นชาวเขาคุมเชิงข้าศึกด้านหลัง เมื่อเห็นภายในเมืองยิงธนูไฟ ก็ให้ยิงธนูใส่ข้าศึกที่หนีไฟ ภายในเมืองก็ตั้งกองทหารไว้คอยรับมือข้าศึกกันการปล้นเมือง ป้อมเชิงเทินสรรพาวุธและทหารในเมืองฝีมือพร้อม ขณะนั้นทหารของเราชำนาญเป็นพิเศษเก่งและฉลาดในเชิงรบ ถ้าถูกล้อม ๓ ต่อ ๑ ทุกคนเอาตัวรอดได้ วิชาที่เราเอาชนะข้าศึกที่ต่อสู้ตัวต่อตัวที่ข้าศึกคาดไม่ถึงก็คือ กระโดดสูง กองทัพเราปกปิดเป็นความลับ เมื่อประจันบานให้ยั่วข้าศึกให้เกิดโทสะแล้วถอย ข้าศึกจ้วงฟัน เราจะกระโดดสูงเลยหัวเพื่อหลบอาวุธของข้าศึก เพราะเมื่อข้าศึกจ้วงฟันตัวจะเอาลงเมื่อเรากระโดดสูงจะเอาสันดาบตีท้ายทอยของข้าศึกได้ถนัดแบบนี้ตายทุกรายที่โดนเข้า ที่ใช้สันดาบแทนคมดาบก็กันข้าศึกหนังเหนียวฟันด้วยคมดาบไม่เข้า แต่ถ้าโดนสันดาบที่ท้ายทอยเป็นจุดรวมประสาท รายไหนรายนั้นต้องกลายเป็นศพ

    ข้าศึกเข้าประชดเมือง ตั้งค่ายล้อมเมืองอย่างหนาแน่น แม่ทัพรู้สึกว่ามีความฉลาดส่งกำลังทยอยเข้าเมืองมาเป็นหน่วยๆ และมาเป็นขบวนหลายทิศ

    เรื่องตั้งกองโจรเผาค่าย ทำลายขวัญ ท่านย่าเก่งมาก ท่านฉลาด เข้มแข็ง เด็ดขาด ถ้าใครฝืนวินัยนิดเดียว หัวขาดทันที ผิดตรงไหนหัวขาดตรงนั้น ท่านเองก็รบเก่ง เรื่องยิงธนูต้องยกให้ท่าน

    ตอนข้าศึกล้อมเมืองท่านลองยิงธงข้าศึกเป็นการข่มขวัญ ท่านยิงบนเชิงเทิน ยิงดอกเดียวถูกธงข้าศึกตกลงมาขาดเลย เป็นการทำลายขวัญอย่างหนัก เพราะกองทัพสมัยนั้นถือโชคลางมาก ทหารของเราเห็นเข้าก็มีกำลังใจอยากออกไปทำลายข้าศึก แต่ฉันยอมไม่ได้ เพราะกำลังเขาเหนือกว่า เราไม่ต้องการรบแบบเอาชีวิตเข้าแลก แต่ต้องการชนะด้วยกลยุทธ มากกว่ายุทธวิธี ข้าศึกตั้งค่ายแบบค่ายกล ถ้าเราเข้าปล้นค่ายเราจะเสียทีเขา เข้าเท่าไรตายเท่านั้น ข้าศึกหวังให้เราปล้นค่าย และอีกทางหนึ่งก็คือ จะล้อมเราให้อดข้าวอดน้ำตายเพราะทราบจากทหารที่ส่งออกไปและเข้าไปรวมกับข้าศึกได้ โดยข้าศึกเกณฑ์ให้ทำนาและขุดบ่อน้ำ

    ท่านย่าก็ห้ามส่งทหารออกรบเป็นหน่วยย่อย จะกลายเป็นเหยื่อให้เขาลิดรอน เราหวังเผด็จข้าศึกคราวเดียวเมื่อทหารภายนอกของเราพร้อม หน่วยจู่โจมที่ส่งออกไปเป็นชาวดง

    ลูกอาจจะสงสัยว่าพวกนี้เขาอยู่กันอย่างไรข้าศึกจึงไม่รู้ว่าเขาเป็นทหาร เขาออกไปอยู่ตามแผนของจอมวางแผนของเรา คือเขาทำตนเป็นชาวบ้านธรรมดา มีจำนวนมากที่ข้าศึกนำมาเป็นคนรับใช้ อย่างนี้ข้าศึกย่อมไม่ทราบความจริงแน่ ทุกคนเป็นเจนศึกทั้งนั้น เมื่อได้ฤกษ์วันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๕ ท่านย่าสั่งเคลื่อทัพออกจากเมืองพร้อมแจ้งข่าวเหล่าทหารที่อยู่ภายนอก ทัพที่ยกออกไปแบ่งเป็น ๓ ทัพ คือทัพหลวง ท่านปู่เป็นจอมทัพ ลูกวาสนาอยู่ในทัพหลวงปีกขวา ฉันเป็นแม่ทัพปีกซ้าย แม่ศรีเป็นแม่ทัพ

    เมื่อทัพประสานกัน ต่างก็ตั้งมั่นยับยั้งคอยทีกัน ข้าศึกก็ท้ารบแบบตัวต่อตัว เราขอให้แม่ทัพเขาออกรบ เขาบอกยังไม่พร้อม ขอให้ทหารชั้นนายกองประลองกันก่อน เขาส่งคนออกมาท่าทางเป็นนายทัพที่มีความสามารถไม่น้อยสวมเกราะทองคำ มีนายทหารหลายคนรับอาสาออกรับมือ แต่นายทหารของเราสวมเกราะเงิน ศักดิ์ศรีต่างกับนายทัพเขาอาจรังเกียจ "ลูกวาสนา" อาสารบกับข้าศึกเพื่อชิมลาง ฉันไม่อยากให้ลูกเสี่ยง แต่แม่เขาอนุญาต เขาเชื่อฝีมือลูกของเขา ท่านย่าเตือนว่าข้าศึกอาจเล่นไม่ซื่อ อาจใช้ลูกธนูลอบสังหารก็ได้

    เมื่อลูกวาสนาออกสู้รบกับข้าศึก แกแต่งตัวเป็นชาย ทรงสีเหลือง มีเกราะทองคำเช่นเดียวกับข้าศึก แม่ศรีกับฉันพร้อมทั้งทหารธนูทุกคนต่างก็เอาธนูพาดสายไว้เพื่อป้องกันชีวิตลูกเมื่อข้าศึกเล่นไม่ซื่อ ร่างของลูกกับข้าศึกต่างกันอย่างเด็กอายุ ๑๒ ปีกับนักกล้าม ตอนแรกข้าศึกท้ารบด้วยดาบสองมือปะทะกันไม่ถึง ๑๐ เพลง ข้าศึกก็ดาบหล่นจากมือ แทนที่ลูกวาสนาจะฆ่าแต่แกหยุด บอกให้ข้าศึกหยิบดาบสู้กันใหม่ ข้าศึกขอซื้อด้วยหอกซัด คราวนี้ข้าศึกเคราะห์ร้ายมาก เพราะลูกวาสนาแกซัดหอกได้คราวละ ๓ เล่ม และให้ถูกจุดหมายต่างกันได้ เขาใช้เท้าซัดกันสมัยนั้น ส่วนมือชุมถือดาบคุมเชิงไว้ เมื่อเข้าปะทะกันเพลงแรกข้าศึกก็ต้องสูญเสียชีวิตเพราะหลบไม่ทัน ข้าศึกซัดหอกได้เล่มเดียว วาสนาแกซัดคราวเดียว ๒ เล่ม เล่มหนึ่งสังหารม้าที่ข้าศึกขี่ อีกเล่มสังหารข้าศึกแม่นยำมาก โดนคอตรงใต้คางพอดี ข้าศึกตายทันที

    เมื่อนายทหารของเขาตาย มีลูกธนูแหวกอากาศอย่างห่าฝน รวมมาที่ลูกวาสนา แกเอาหอกประจำตัวแกว่งปัดลูกธนูอย่างคล่องแคล่ว ท่านปู่ให้สัญญาณตะลุมบอน พวกธนูไฟเริ่มยิงค่ายข้าศึกแบบไม่นับ พลพรรคที่รับใช้ข้าศึกเข้าเผาค่าย โดยมีนายธนูภายนอกยิงกันให้ ข้าศึกระส่ำระส่าย ชนะเด็ดขาดเพราะมือและสมองผู้หญิง

    แม่เขาเล่าให้ฟังอย่างนี้และเรื่องที่เขาเล่า ไม่ใช่เล่าให้ฟังเพื่อทะนงตนว่าเคยเป็นลูกกษัตริย์ หรือเคยเป็นนักรบ เล่าให้ฟังเพื่อให้รู้ตามความเป็นจริง เครื่องเพชรเครื่องทองสมัยเป็นลูกกษัตริย์นับไม่ถ้วนจะเอาอย่างไรก็ได้อย่างนั้น รูปร่างทรวดทรงหรือก็สวยงามมาก ดาราสมัยนี้ไม่มีทางทาบติด ผิวก็สวย ทรงก็งาม มารยาทก็นิ่มนวล แต่เดี๋ยวนี้มีอะไรเหลือบ้าง แม้แต่ชื่อก็จำไม่ได้ เกิดใหม่ตระกูลต่างจากเดิม ความเป็นอยู่ต่างกัน เคยมีคนรับใช้ แม้แต่น้ำล้างหน้าก็เกือบไม่ต้องหยิบ มีคนคอยหยิบส่งให้ เดี๋ยวนี้ต้องทำเองหมด แม้ท่านพ่อที่เป็นกษัตริย์มาเองก็เช่นกัน ไม่มีอะไรเหลือ

    จงเห็นตามความเป็นจริงของโลกว่า โลกไม่มีอะไรแน่นอน การเกิดเป็นลูกกษัตริย์ ลูกเกิดมาหลายร้อยวาระ แต่ความเป็นกษัตริย์เดี๋ยวนี้ไม่มี มันหายไปไหน ใครทำมันหาย ทั้งนี้ไม่ต้องโทษใคร โทษโลก โลกทำให้มันหาย โลกมันทำให้สิ้นสภาพ โลกมันทำลายสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างหมด แม้แต่แม่รักลูกเหมอืนดั่งแก้วตาก็ต้องอยู่ห่างลูก ลูกเป็นมนุษย์แต่แม่อยู่ข้างบน ที่ต้องแยกกันอย่างนี้เพราะเราหลงว่าโลกเป็นของดี

    ลูกอย่าหลงโลกต่อไปเลย มุ่งเอาพระนิพพานเป็นที่ตั้ง ปลดความรัดรึงในโลกเสียให้หมด ความสบายใจจะมีแก่ลูก การที่เล่าเรื่องในอดีตให้ฟังก็เพื่อให้รู้ว่เราสร้างวีรกรรมที่ชาวโลกสรรเสริญไว้มาก การรบเก่งโลกยกย่อง แต่ตามกฏของกรรมกลับลงโทษเราบางครั้งสุขบางคราวมีทุกข์ บางคนเราทำดีแก่เขา แต่เขาไม่เห็นความดีกรรมอย่างนี้มาจากสงครามเดิมเป็นผล กฏของกรรมตามสนอง แต่ที่ลูกมีผลด้านความเป็นอยู่พอสมควรก็เพราะผลทานที่สร้างร่วมกับแม่และพ่อมาจึงช่วยพยุงตัวไม่ให้ล่มจม การที่มีอายุยืนเพราะเหตุเกื้อกูลพระศาสนามีการรักษาศีล บำรุงพระศาสนาเป็นเหตุ ลูกจึงมีบุญเข้าถึงธรรมได้รวดเร็ว

    อีกชาติเดียวลูกจะถึงความสุขแล้ว เดิมแม่คิดไม่ออกว่าลูกจะมีโอกาสหรือ เพราะเห็นภาระหนัก เมื่อลูกตัดสินใจเด็ดขาดตามแบบฉบับเดิมได้ แม่ดีใจมาก แม่ดีใจด้วยกับลูกทุกคน

    บางคนแม่มาลูกไม่เห็น จึงต้องอาศัยพ่อเป็นล่าม แต่ก็ยังมีลูกมีบุญที่รู้เรื่องอดีตได้อย่างไม่ผิดพลาด ต่างกับคนอีกหลายพันเปอร์เซ็นต์ที่รู้อะไรไม่ได้เลย แม้แต่กินเหล้าเมายายังไม่รู้ตัวว่าเมา

    ขอลูกของแม่จงสุขสบายในธรรมของพระพุทธเจ้าตลอดชีวิตเถิด....
    (ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๔๗)

    ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๔๗
     
  2. chai8383

    chai8383 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,032
    ค่าพลัง:
    +6,348



    มีอีกไหมครับ ต่อได้เลยนะครับ


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กุมภาพันธ์ 2015
  3. berbapor

    berbapor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,845
    ค่าพลัง:
    +21,862
    สวัสดียามดึกครับพี่วรรณชัย,ท่านพี่วุฒิ,คุณsupatach,คุณtaoreedman,คุณfive304,คุณThis_old_man,คุณpalmcc38,คุณyommatood, คุณizeberry , คุณtossa ,คุณช่างชิต,คุณjj85,คุณ6ThSense,น้องแพน, พี่รุ่ง, พี่กฤต, คุณเพชร,คุณชาตรี ช้างน้อย ,คุณออกพราน,คุณrung847,พี่chopper,คุณระงับ,คุณsylvenus,คุณรัก_ในหลวง ,คุณramo , คุณCobraa ,คุณนิช,คุณpowergen, คุณKRITVEE ,คุณบารมี10 คุณเมฆดำ ,คุณหมาอ้วน และศิษย์วัดท่าซุงผู้มีจิตใจดีงามทุกๆท่าน.(^__^)
     
  4. Trashma

    Trashma เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +489

    กดเข้าไปอ่านข้อความเต็มที่ลิ้งได้เลยครับ พี่ Chai83

    ประสบการณ์การปฏิบัติธรรมของชาวต่างชาติ ณ วัดท่าซุง ธันวาคม ปี ๒๕๔๘ โดย...ลิม จิท ลี


    ผมชื่อ ลิม มาจากสิงคโปร์ ได้ทราบจากณัฐเพื่อของผมว่า จะมีการปฏิบัติธรรมที่วัดหนึ่งในจังหวัดอุทัยธานี และเขาก็จะไปปฏิบัติธรรมที่วัดนั้น คือวัดท่าซุง ณัฐสนใจอ่านหนังสือหลวงพ่อมาก ผมเห็นภาพหลวงพ่อจากหนังสือที่ณัฐอ่านและจากปกหนังสือสวดมนต์


    ดังนั้นต้นเดือนธันวาคม ๒๕๔๘ เราจึงวางแผนไปวัดท่าซุง เพื่อร่วมการปฏิบัติธรรม ๑๐ วัน ความจริงณัฐตั้งใจจะไป ผมอาสาขับรถไปให้เพราะเขาไม่สบาย เราเดินทางไปวัด เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๔๙ ผมศึกษาเส้นทางและข้อมูลของวัดจากอินเทอร์เน็ต เมื่อเราไปถึงวัดท่าซุง เข้าไปไหว้พระในวิหารแก้วรู้สึกประทับใจมากในความสวยงามของวิหารนี้ จากนั้นเราก็ได้ไปลงทะเบียนขอพักเต็นท์(กลด) ในป่า ๑๐ วันและไปรับอุปกรณ์สิ่งของจำเป็น เช่นกลด มุ้งฯลฯ ซึ่งทำให้ผมนึกถึงวันที่ผมฝึกวิชาทหารในสิงคโปร์ วันแรกนี้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
    วันรุ่งขึ้นตอนเช้า เรายังไม่รู้ว่าจะทำอะไรบ้าง เนื่องจากเป็นการมาร่วมกิจกรรมครั้งแรกของเรา เราเดินตามกลุ่มผู้คน ดูพิธีการบวชพระและณัฐบอกว่าเราต้องแต่งชุดขาว ถือศีล ๘ กินอาหาร ๒ มื้อ แล้วก็ไปลงทะเบียนขอฝึกกรรมฐาน มีการสวดมนต์ตอนเที่ยงที่ศาลา ๑๒ ไร่ ผมขอห้องฝึกฯ ที่ครูพูดภาษาอังกฤษ ก็ได้หมายเลขห้อง ๒๒ แต่เราไม่รู้ว่าห้องอยู่ไหนคิดว่าจะมีการนำไปห้องฝึกกรรมฐานหลังจากสวดมนต์ ณ ศาลา ๑๒ ไร่ จึงได้ร่วมสวดมนต์กลางวัน ผลปรากฏว่าผมเข้าใจผิด เลยไม่ได้ฝึกกรรมฐานวันนี้


    วันที่สาม

    วันที่สามเราไปลงทะเบียนแต่เช้าเลยเป็นคนแรก เราขอห้องที่ครูสอนเป็นภาษาอังกฤษอีก วันนี้เราเริ่มกินอาหารมื้อเดียว - มื้อเช้า เมื่อเราไปที่ห้องฝึกกรรมฐานตามที่เจ้าหน้าที่บอกเห็นคนนั้งอยู่มาก ก็งง คนไทย ๑๗ คน และผมชาวต่างชาติคนเดียว พอครูเข้ามาก็งงเช่นกัน คุณปาริชาต ซึ่งเป็นครูของเรา จึงอธิบายย่อๆ ถึงแนวทางการปฏิบัติกรรมฐาน และให้ภาวนานึกว่า "นะมะ - พะธะ" หายใจเข้าว่า "นะมะ" หายใจออกว่า "พะทะ" พร้อมขอบารมีพระพุทธเจ้า หลวงพ่อฯลฯ สงเคราะห์


    พอได้เวลาประมาณ ๑๒.๓๐ น. ได้ยินเสียงหลวงพ่อจากเทป ทุกคนฟังแต่ผมไม่เข้าใจภาษาไทย จากนั้นทุกคนนั่งกรรมฐานแล้วไปยังสถานที่บางแห่ง ส่วนผมไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลย แม้จะพยายามตั้งใจภาวนา "นะมะ - พะธะ" เต็มที่ ผมได้ยินครูพูดกับผู้รับการฝึกคนอื่นๆ และดูเหมือนว่าพวกเขาสามารถไปอยู่ ณ ที่เดียวกันเห็นพระพุทธเจ้า หลวงพ่อ เทวดา วิมาน ต้นไม้ บนสวรรค์ แถมยังได้กลิ่นหอมของดอกไม้สวรรค์อีกด้วย และภาพที่พวกเขาเห็นมีสีต่างๆ แล้วการไปก็ไปโดยลอยขึ้นไป...ช่างน่าแปลกจริงๆ ผมก็ได้แต่สงสัยว่า ทำไมผมสัมผัสอะไรไม่ได้เลย จะต้องหาคำตอบให้ได้


    วันที่สี่....

    วันที่สี่ผมเตรียมตัวแต่เช้า สวดมนต์นั่งสมาธิเวลา ตี ๕ พอสวดมนต์เสร็จก็ไปใส่บาตรพระภิกษุหลายรูป สวดมนต์เช้า กินอาหารเช้า จากนั้นผมก็ลงทะเบียนเรียนกับเจ้าหน้าที่ซึ่งคุ้นกับเราแล้ว และเราได้ห้อง ๑๖ ฝึกกับครูปาริชาตอีก ในวันนี้นอกจากมีผมกับณัฐแล้วยังมีชาวสิงคโปร์อีก ๔ คน แต่มีปัญหาว่าทั้ง ๔ พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ได้แต่ภาษาจีน ผมเลยช่วยครูแปลสรุปการปฏิบัติให้พวกเขาฟังตามหลวงพ่อสอนซึ่งวันนี้ ครูปาริชาตแนะนำการปฏิบัติให้ผมเป็นภาษาอังกฤษ และณัฐซึ่งทำได้แล้วกับชาวสิงคโปร์อีก ๔ คน


    เมื่อเริ่มการปฏิบัติ ตอนแรกก็ภาวนา "นะมะ - พะธะ" จับลมหายใจเข้าออก บางทีผมลืมคำภาวนา บางทีลืมจับลมหายใจ จึงไม่ได้ยินไม่ได้เห็นอะไรนอกจากความว่างความมืด ผมคิดว่าคงเป็นเพราะผมไม่ใช่คนไทย พระพุทธเจ้าจึงไม่มาหาผมกระมัง.....ครูปาริชาตเข้ามาแนะนำให้ใช้ความรู้สึก ของจิตไม่ใช่ตาเนื้อ มิน่าล่ะผมพยายามมองด้วยลูกตาที่หลับอยู่ จึงเห็นแต่เปลือกตาตัวเอง มันจึงมืด
    ผมก็ทำตามคำแนะนำ ภาวนา นะมะพะธะ ก็เห็นแสงสว่างปรากฏและทันใดนั้น ผมก็เห็นตัวเองไปนั่งอยู่หน้าพระพุทธเจ้า ถึงตอนนี้น้ำตาเริ่มไหลจากตาข้างซ้ายของผมขณะที่ยังหลับตาอยู่ เป็นน้ำตาแห่งความปิติยินดีที่ได้พบพระพุทธเจ้า ครูปาริชาตได้แนะนำต่อไป ผมรู้สึกและเห็นว่า ครูปาริชาตติดตามไปอยู่ใกล้ๆ ผมด้วย แต่ไม่ใช่ร่างกายที่นั่งในห้องฝึกกรรมฐานผมเห็นทุกอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และมั่นใจว่าไม่ใช่เป็นภาพจินตนาการ แต่เป็นของจริง จากนั้นครูแนะนำให้ขอบารมีพระพุทธเจ้าและหลวงพ่อขอให้นำไปที่พระจุฬามณี ผมก็ทำตาม แต่ไม่ค่อยกล้าไป เพราะว่าผมแม้เป็นชาวพุทธรู้จักพระพุทธเจ้า แต่ผมเพิ่งจะพบหลวงพ่อเป็นครั้งแรก หลวงพ่อจะพาผมขึ้นไป ผมกลัวหลวงพ่อเพราะดูท่าทางดุ โดยเฉพาะเวลาที่ท่านยืนถือไม้เท้าหลวงพ่อต้องฉุดผมขึ้นไปสวรรค์ ผมกลัวจริงๆ จึงเกาะหลวงพ่อแน่น แล้วหลวงพ่อก็ไม่ยอมปล่อยผมด้วย


    ที่พระจุฬามณี ผมมีความสุขมาก ทุกสิ่งทุกอย่างแพรวพราวระยิบระยับ แต่ผมก็ยังกลัวหลวงพ่ออยู่ดี ครูถามหลายคำถาม เช่นการแต่งกายของผม...มีร้องเท้าไหม ผมไม่มีรองเท้าก็อยู่ในโบสถ์ต่อหน้าพระ ผมจะแสดงอาการไม่เคารพด้วยการสวมรองเท้าได้ไง แล้วก็หมวกเครื่องประดับศีษระ ก็ต้องถอดออก มันไม่สุภาพ ไม่เรียบร้อย... แต่ว่าทำไมพระพุทธเจ้ายิ้ม และหลวงพ่อหัวเราะผม?
    จากพระจุฬามณีเราก็ไปเที่ยววิมานน้อยๆ ของเราที่แดนนิพพาน ก่อนไปครูบอกให้เราขอบารมีพระพุทธเจ้าและหลวงพ่อให้ช่วยนำเราไปที่นั่น ครูคอยตรวจสอบถามเราว่า ออกทางประตูไหน พระนำเราไปทางทิศใด...ประเดี๋ยวเดียวเราก็ไปถึงนิพพาน วิมานของเรามีเพดานสูง แต่ไม่มีฝากั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่นั่นเป็นประกายสว่างแพรวพราวทั้งหมด สว่างไสวมากรู้สึกอบอุ่นเหมือนว่า อยู่ในบ้านของเราเอง บ้านอันแท้จริงที่เราจะได้ไปอยู่เมื่อถึงเวลา....


    ครูปาริชาตบอกให้ผมถามพระพุทธเจ้าหรือหลวงพ่อถ้าอยากรู้อะไร ผมรับคำแต่ไม่ถามหลังจากเลิกกรรมฐานแล้ว ระหว่างสรุปความ ผมบอกครูว่า ที่ผมไม่ถามอะไรพระพุทธเจ้าหรือหลวงพ่อ เพราะคิดว่าพระพุทธเจ้าอยู่ในประเทศไทย หลวงพ่อเป็นคนไทย ก็ต้องใช้ภาษาไทย ถ้าผมถามท่าน คงไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ ผมก็เป็นตัวตลกอีก...ทีนี้ผมเข้าใจแล้วว่าพระพุทธเจ้าและหลวงพ่อมีอานุภาพ มาก เป็นสากลและท่านรอบรู้เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง ผมนี้ช่างโง่จริงๆ!
    ชาวสิงคโปร์อีก ๔ คนที่ร่วมฝึกกรรมฐานหนึ่งใน ๔ คนนั้นสามารถเห็นพระพุทธเจ้าและเทวดา แต่เขานั่งได้แค่อึดใจเดียวก็เลิก บอกว่า ร้อนและหิวน้ำมาก แต่ที่ประหลาดคือ เขาพูดซ้ำๆว่า "นรกในใจ" น่ากลัวจริงๆ


    วันที่ห้า....

    วันที่ห้าของการปฏิบัติ ผมเตรียมตัวฝึกเมื่อถึงเวลาฝึกกรรมฐานวันนี้ เราโชคดีที่หลวงพี่อาจินต์ได้กรุณามาก จัดให้เราได้ฝึกในห้อง ๑๖ กับครูปาริชาต วันนี้เป็นวันที่สองของการฝึกกรรมฐานของผม หลังจากผมภาวนานะมะ พะธะ ครู่หนึ่งผมเห็นพระพุทธเจ้าและหลวงพ่อ แต่ผมก็ยังกลัวท่านเช่นเคย หลวงพ่อต้องฉุดผมขึ้นไป บนสวรรค์ ซึ่งทำให้ท่านหัวเราะ ผมรู้สึกเบาสบายใจมากเมื่ออยู่ในพระจุฬามณี แม้ว่าผมจะไม่ค่อยคุ้นกับหลายท่านที่อยู่ ณ ที่นั้นและเห็นไม่ชัดว่าเป็นใคร แต่ก็สัมผัสได้ว่ามีหลายท่าน และมีการเคลื่อนไหวไปมาคล้ายเงา ผมเห็นตัวเองและณัฐในพระจุฬามณีด้วย สมาธิผมมักสั้น ถ้าครูไม่ติดตามตรวจสอบหรือไม่ถาม จิตผมก็ลอยไปโน่นไปนี่ไม่อยู่นิ่ง ข้อควรจำคือ อย่าเสียสมาธิแม้วินาทีเดียว ครูรู้เมื่อผมเสียสมาธิ แล้วจะดึงผมกลับมาจากพระจุฬามณี ท่านก็นำไปที่วิมานของเราที่นิพพาน ไปอยู่บนนั้น ครูถามว่าอยากรู้อดีตของเราไหม สามารถถามพระพุทธเจ้าและหลวงพ่อได้ คราวนี้ผมกล้าถามท่านเนื่องจากคุ้นกับท่านแล้ว...ผมอยากรู้ว่าในอดีต ผมกับณัฐเกี่ยวข้องกันอย่างไร ผมก็ได้รับคำตอบ ณัฐก็ถามคำถามเดียวกัน ต่างคนต่างถาม แต่ได้รับคำตอบพร้อมภาพที่ได้เห็นจากท่านเหมือนกัน!!! วันนี้การปฏิบัติของเราดีขึ้นประสบผลก่อนหน้านี้ผมยังต้องใช้เวลา ก่อนจะเคลื่อนตัวออกไป ครูแนะนำว่าก่อนจะเริ่มต้นภาวนาให้ตัดขันธ์ ๕ ไม่ยึดติดในร่างกายของเรา เมื่อไม่ห่วงร่างกายเราจึงจะมีสมาธิในการปฏิบัติกรรมฐานและสามารถพบเห็นพระ พุทธเจ้าและหลวงพ่อได้


    วันที่หก....

    วันที่หกมีผู้มาร่วมการปฏิบัติอีก ๒ คนเป็นเจ้าหน้าที่หญิงที่โต๊ะลงทะเบียน แต่ว่าทั้งสองเป็นแล้วจึงไม่ต้องการความช่วยเหลือมากนัก วันนี้ผมภาวนาเดี๋ยวเดียวก็เห็นพระพุทธเจ้าและหลวงพ่อ เราเริ่มต้นจากที่ที่เรานั่งอยู่ออกไปกับพระพุทธเจ้าและหลวงพ่อ ไปยังจุดแรกของเราคือ พระจุฬามณี ขณะที่อยู่ ณ ที่นั้น ครูถามผมว่ามีใครอยู่ที่นั่นบ้างที่ผมรู้จัก แต่ครูย้ำว่ายังมีบางคนที่ผมรู้จักและเป็นคนใกล้ชิดกับผมด้วย แต่ผมไม่เห็น ครูแนะให้ผมขอบารมีพระพุทธเจ้า และแต่ละครั้งที่ผมขอให้ท่านช่วย ผมจะกราบพระพุทธเจ้าและหลวงพ่อด้วยความเคารพและขอท่านช่วยสงเคราะห์ ตอนนี้ผมก็ทำอย่างนั้น ขอให้ท่านช่วยผมให้เห็นคนที่ครูพูดถึง...


    ผลปรากฏอย่างไม่น่าเชื่อว่า คนผู้นั้นคือพ่อผมเอง ซึ่งตายไปหลายปีแล้ว ไม่เพียงแต่เห็นท่านเท่านั้น ผมได้กอดท่านด้วยเป็นประสบการณ์ที่ผมไม่ลืมเลย......... ถ้าไม่เป็นเพราะพระพุทธเจ้าและหลวงพ่อช่วย ผมก็จะไม่ได้พบกับพ่ออีกเลย ผมน้ำตาไหล ผมบอกให้พ่อปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าและหลวงพ่อ ตามที่ครูแนะนำและให้ท่านโมทนา.....


    ครูถามว่าอยากไปดูนรกไหม ครั้งแรกผมไม่อยากไปเพราะชื่อมันฟังดูน่ากลัว นรกเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน แต่ณัฐอยากไปดู ผมก็เลยตามไปด้วย พระพุทธเจ้าและหลวงพ่อนำให้เราดูนรกขุมหนึ่ง ภาพปรากฏไม่ค่อยชัดเพราะผมกลัว แต่ผมรับรู้ได้ว่าเป็นดินแดนแห่งทุกข์ทรมานมากแล้วก็มีผู้ถูกลงโทษฑัณฑ์อยู่ ในนั้น


    วันที่เจ็ด....

    วันที่เจ็ดของการปฏิบัติ เรามีสมาชิกมาเพิ่มคนหนึ่ง คือ คุณชุติมา เรา ๓ คน ร่วมกันปฏิบัติขึ้นไปพร้อมกัน มีพระพุทธเจ้า หลวงพ่อและหลวงปู่ไปด้วย เทวดา ๔ องค์ ทักทายเราที่บริเวณทางเข้าพระจุฬามณี ผมเห็นภาพเรา ๓ คน ชัดมากขึ้น ในพระจุฬามณีพระพุทธเจ้านั่งตรงหน้าผม หลวงพ่อนั่งด้านซ้ายและหลวงปู่นั่งด้านขวาของพระพุทธเจ้า คุณชุติมาอยู่ทางซ้ายของผมและณัฐอยู่ทางขวา ครูปาริชาตคอยแอบติดตามดูพวกเรา บางครั้งครูอยู่ระหว่างพระพุทธเจ้ากับหลวงพ่อ บางทีก็ไปอยู่ระหว่างพระพุทธเจ้ากับหลวงปู่ เครื่องแต่งกายครูไม่เหมือนข้างล่าง และไม่มีเครื่องประดับศีษระเมื่อครูอยู่ที่นั้น แต่ขอเห็นภาพครูในเครื่องแต่งกายแบบชาวโลก เหมือนกับที่ผมเห็นภาพหลวงพ่อและหลวงปู่
    ครูถามว่าอยากพบพ่ออีกไหม ผมดีใจผมขอบารมีพระพุทธเจ้าและหลวงพ่อ ขอพบพ่อของผม ทุกคนเห็นพ่อของผมมายืนหลังผมแล้วแต่ผมไม่เห็น ผมขอให้พระพุทธเจ้าและหลวงพ่อช่วยอีกครั้ง ผมจึงเห็นพ่อในภาพที่ผมจำไม่ได้ในตอนแรก ผมดีใจมากกอดพ่อร้องไห้ เราสนทนากันอยู่ครู่ใหญ่ ส่วนคุณชุติมาก็ได้พบกับพ่อแม่ ณัฐได้พบน้องสาว เราอยู่รวมกัน ต่างคนก็ต่างช่วยกัน จากนั้นเราก็ไปวิมานของเราที่นิพพาน และอยู่ที่นั่นอย่างมีความสุข ผมเห็นต้นไม้ สระ สวนดอกไม้ ล้วนเป็นสีแก้วประกายสว่าง ไม่ใช่สีเขียว ต่อมาเราไปชมวิมานหลวงปู่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวิมานของพระพุทธเจ้าองค์ต่อ ไป(พระศรีอาริย์) ไปกราบท่านปู่ท่านย่าที่วิมานของท่าน ซึ่งใหญ่โตสว่างไสวสวยงามกว่ามาก


    วันที่แปด

    วันที่แปดก็มีเพียง ๓ คนในห้องฝึกกรรมฐานครูปาริชาต ซึ่งเป็นการดี คือผมจะได้รับคำแนะนำเป็นภาษาอังกฤษ เราเริ่มต้นไปที่ พระจุฬามณี เห็นมีหลายท่านซึ่งมากกว่าวันก่อนๆ เรากราบพระพุทธเจ้า หลวงพ่อ หลวงปู่ และท่านปู่ท่านย่า ซึ่งนั่งทางด้านขวาของพระพุทธเจ้า ถัดจากท่านไปก็มีท่านแม่ทั้ง ๓ คือ ท่านแม่ศรี ท่านแม่กลาง ท่านแม่เล็ก ท่านแม่ทั้ง ๓ เมตตาเรามาก ท่านให้พรเรา ผมรู้สึกใกล้ชิดกับท่านแม่องค์ที่ ๓ มาก ท่านวางมือทั้ง ๒ ของท่าน บนศีรษะและไหล่ของผม เมื่อผมกราบท่าน ผมมีความสุขมากเมื่ออยู่ใกล้ท่าน ต่อมาเราก็ไปวิมานของเราที่นิพพาน ระหว่างการขึ้นไปอย่างช้าๆ เราผ่านวิมานมากมายบนสวรรค์ พรหม ๑๖ ชั้น และอรูปพรหมที่ไม่มีรูปร่าง แต่เป็นคล้ายดวงไฟสว่างลอยอยู่


    งานมโนมยิทธิเต็มกำลัง

    สำหรับ ๒ วันสุดท้ายเป็นการปฏิบัติรวมในห้องโถงใหญ่(ศาลา ๑๒ ไร่) ผมได้รับคำแนะนำว่า ถ้าได้ยินเสียงอะไรก็ตาม อย่าสนใจอย่าตกใจ ให้ทำจิตให้เป็นสมาธิขอบารมีพระพุทธเจ้าและหลวงพ่อสงเคราะห์ อย่าสนใจสิ่งรอบข้างเป็นประสบการณ์ที่น่าหวั่นทั้ง ๒ วัน ขณะปฏิบัติกรรมฐาน ผมเกาะหลวงพ่อแน่นเลย และขอให้พระพุทธเจ้านำผมไป บางคนร้องไห้ บ้างก็หวีดร้อง บ้างครวญคราง บ้างส่งเสียงคล้ายสัตว์ บ้างก็ตบมือ บางคนก็ทุบหน้าอกตัวเองฯลฯ ผมสมาธิตกบ่อย ต้องคอยขอบารมีพระพุทธเจ้าและหลวงพ่อช่วยให้ผมเข้มแข็ง และก็ได้ผล นี่เป็นประสบการณ์อันยิ่งใหญ่ไม่รู้ลืมจากวัดท่าซุง


    ทีนี้เมื่อถึงเวลาต้องอำลาผู้ที่มีความสำคัญ กับผมและณัฐคือครูปาริชาตผู้ให้คำแนะนำแก่เรา ครูจะกลับกรุงเทพฯ มันยากยิ่งที่จะลาจากกัน ครูเป็นเสมือนแม่ผมกับณัฐ ผมร้องไห้ตอนครูกลับ แล้วครูเกี่ยวข้องอะไรกับเรามาก่อน
    วันที่สิบเอ็ด เป็นวันสุดท้าย ณ วัดท่าซุงมีการสวดมนต์เช้าตามปกติ รับประทานอาหารเช้าและสวดมนต์อีกครั้ง ก่อนที่เราจะออกจากวัดและจากลาผู้ที่มีเมตตาเราตลอดเวลาของการอยู่ที่วัดของ เรา....

    การไปวัดท่าซุงครั้งนี้เป็นเหตุบังเอิญ หรือเป็นการสงเคราะห์จากพระพุทธเจ้า? ทำไมต้องเป็นผมจากสิงคโปร์? ความจริงผมตั้งใจเพียงช่วยณัฐ และผมอาจอยู่โรงแรมก็ได้ แต่ทำไมผมจึงเต็มใจฝึกกรรมฐานและศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าและหลวงพ่อ? ทำไมจึงมีคนดีๆช่วยเหลือผม? ผมกินอาหารวันละมื้อโดยไม่หิวและไม่เพลียได้อย่างไร?


    ระหว่างการอยู่วัด ๑๐ ผมสามารถสวดมนต์ทำวัตรเย็น สวดคาถาเงินล้าน นะโม เม สัพพุทธานังฯ เมตตัญจะ สัพพะโลฯ คาถาปริต คาถาโดยณัฐอ่านให้ผมฟังช้าๆ แล้วผมจดเป็นภาษาอังกฤษ


    คำตอบข้อสงสัย คือท่านผู้มีพระคุณบนโน้นบางท่าน เช่นพระพุทธเจ้า หลวงพ่อ หลวงปู่ฯลฯ คอยดูแลผมตลอดเวลาและสงเคราะห์ผม ต้องการให้ผมไปอุทัยธานี วัดท่าซุง ศึกษาการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง ท่านผู้มีพระคุณเหล่านั้นช่วยเหลือผมและส่งคนดีๆ มาให้คำแนะนำ


    ผมขอขอบคุณทุกท่าน ประสบการณ์พิเศษครั้งนี้ ผม ณัฐ ครูปาริชาต เคยเกี่ยวข้องอันใดกันมา ท่านต้องถามหลวงพ่อ หรือพระพุทธเจ้าเอง.... โดย ลิม จิท ลี


    จากนิตยสารธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๓๐๒ ปีที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๔๙
     
  5. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]



    น้อมกราบสมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษี -/\-


    สวัสดีพี่วรรณ และลูกหลานหลวงพ่อทุกท่านครับ
     
  6. nichaojung

    nichaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    392
    ค่าพลัง:
    +8,247
    มวลสารสมเด็จองค์ปฐมรุ่น5


    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]
     
  7. nichaojung

    nichaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    392
    ค่าพลัง:
    +8,247
    [​IMG]


    [​IMG]
     
  8. nichaojung

    nichaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    392
    ค่าพลัง:
    +8,247
    ห้อยพระ

    ยกทรง : ข้อสีลัพพตปรามาส หลวงพ่อแปลว่า ไม่ลูบคลำศีล แต่ไอ้สมาทานศีล ให้รักษาศีล เห็นได้ชัด ที่อื่นเขาแปลว่าไม่ให้ห้อยพระเครื่องรางของขลัง

    หลวงพ่อ : โอ้ย ก็คนละเรื่อง ก็คนละองค์นี่

    ยกทรง : อ้อ คนละองค์ ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นเลยหรือครับ

    หลวงพ่อ : ไม่เกี่ยว การห้อยพระไปตำหนิเขาไม่ได้ คุณจะลืมไหมล่ะ คุณยังห้อยพระอยู่ที่คอ ถ้าจิตคุณยังนึกว่านั่นเป็นพระอยู่น่ะ ถ้าคุณตายเวลานั้นจริงๆ สุดท้ายคุณไปสวรรค์ทันที คือว่ากำลังของคนไม่เท่ากันนะ ใช่ไหม

    ยกทรง : ครับ

    หลวงพ่อ : ไอ้การไม่ห้อย ไม่ห้อยอะไรนี่ จะถือนี่เหรอ ถ้าจิตเขามั่นคงจริงๆ อย่าลืมบารมีคือกำลังใจ นี่มันมี 3 ขั้น บารมีต้น อุปบารมี ปรมัตถบารมี เข้าใจไหม บารมีคือกำลังใจ ความเ้ข้มข้นของกำลังใจไม่เสมอกัน เหมือนกับเด็กตัวเล็กๆนี่ ถ้าคุณนั่งอยู่บนบันไดขั้นสูง ตอนนี้ ขึ้นมาไอ้เด็กมันก็เดินเตาะแตะ มันขึ้นได้ไหม ไม่่ไหวใช่ไหม

    ยกทรง : ไม่ไหว

    หลวงพ่อ : ถ้าเด็กโตขึ้นมาหน่อย ยังเดินไม่แข็งนัก ยังต้องเกาะราว ใช่ไหม ถ้าเด็กที่แข็งแล้วก็เดินขึ้นไปได้ ยืนได้ นี่ก็เหมือนกัน บารมีนี่ก็เหมือนกัน คือ คนที่เขาห้อยพระอยู่เราควรภูมิใจว่าเขายังมีสรณคมน์เขาอยู่ ว่านี่คือพระ ใช่ไหม ก็ยังถือเป็นบุญได้ ถ้าเขาถือว่าในคอเขาเป็นพระ ถ้าจิตก่อนจะตาย จิตเขานึกถึงพระนี้เมื่อไร เขาจะไปสวรรค์ทันที นี่อย่างน้อย แล้วก็หากว่าเป็นปรมัตถบารมี ถ้าเป็นปรมัตถบารมีต้องห้อยพระหรือเปล่า ฉัีนไม่เห็นท่านห้อยเลย พระอรหันต์นี่เคยเห็นห้อย

    ยกทรง : พระอรหันต์นี่นะ

    หลวงพ่อ : ห้อย แต่ฉันว่าท่านเป็นอรหันต์ ท่านเป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้ อย่างหลวงพ่อเนียม ท่านมีพระ หลวงพ่อโหน่ง ก็มีพระ ใช่ไหม มีอีกหลายหลวงพ่อที่เราเข้าใจ มีพระผู้ใหญ่สมัยนั้น พระชุดนี้มีจริยาคล้ายพระอรหันต์ หลวงพ่อปาน ท่านพูด ท่านจะไม่พูดตรงๆนะ แต่ว่าถ้าเราพิสูจน์กันตามแบบแล้ว ก็เป็นแท้ เป็นปฏิสัมภิทาญาณด้วย ท่านเป็นพระ เวลาจะทำน้ำมนต์ควักในกระเป๋าอังสะ ใส่ขันน้ำปั๊บ ถามอะไร พระพุทธเจ้าโว้ย ยกมือ ถามทำไม กูไหว้พระพุทธเจ้าในขันเมื่อกี้ (หัวเราะ) เห็นไหม

    ยกทรง : ครับ

    หลวงพ่อ : จิตก็ตั้งไว้จุดหนึ่ง คือรูปพระนี่จะเป็นนิมิตอันหนึ่ง เป็นการนึกถึงพระพุทธเจ้า เป็นเครื่องจูงใจ เลยคิดว่าการห้อยพระของเขาไม่ดี ความจริงก็ไม่น่าจะมี หรือคุณว่าอย่างไร

    ยกทรง : ครับ ความจริงธรรมดาก็ชอบห้อยไว้หลายๆ องค์ จะว่าเขานี่เสียงอ่อน แล้วครับ


    (จากสนทนาสายลม หนัีงสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 15 หน้า 403)

    [​IMG]


    http://palungjit.org/threads/นานาเรื่องราวต่อองค์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน.310631/page-15
     
  9. เช่นนี้เอง

    เช่นนี้เอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2014
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ผมไปสายลมต้นเดือนไม่เห็นเลยครับมีแต่เหรียญเศรษฐีพิมพ์ใหญ่พิมพ์เดียว ที่ศูนย์โคราชก็มีแล้วทั้ง 3 ขนาดทำไมสายลมชอบกั๊กไว้แบบนี้เรื่อยเลยสังเกตุหลายครั้งแล้ว ที่วัดมีที่โคราชมีแต่สายลมสาขาใหญ่กลับไม่มี อย่างตอนเหรียญพระนอนก้อใช่วัดออกหลายเดือนที่อื่นมีกันหมดแต่สายลมดันไม่มี ใครรู้จักจนท.ที่สายลมเตือนไปหน่อยก็ดีครับ จะกั๊กไว้ไม่เอามาวางจำหน่ายทำไมผมไม่เข้าใจเอาเลยเนื้อที่ตู้โชว์จัดหน่อยก็วางได้ จัดเนื้อที่ไม่เป็นผมไปช่วยจัดให้ก็ได้
     
  10. Trashma

    Trashma เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +489
    "ทำบุญอย่างคนโง่"

    "แล้ววิธีที่เราหนีเวลานี้ ก็ง่าย เราก็ทำบุญอย่างคนโง่สิ พระพุทธเจ้าว่าอย่างไรเราเชื่อตามท่านซะ ใช่ไหม พระพุทธเจ้าท่านบอกว่ากัปนี้ยังมีพระพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่ง คือ "พระศรีอาริย์" จะมา ทีนี้การทำบุญทุกครั้งเราก็ไม่ตั้งเขตไปไหน เราตั้งเเขตไปนิพพานจุดเดียว เราตั้งจุดไว้ให้สูง"

    "อย่างหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ หลวงพ่อสด เคยไปอบรมกับท่าน เคยไปอยู่กับท่านมาเดือนหนึ่ง ท่านบอกว่าถ้าเราปฏิบัติกรรมฐานเราต้องหวังนิพพาน เคยถามหลวงพ่อครับ ถ้ามันไปไม่ถึงนิพพาน..."เฮ้ย!!ไปไม่ถึงนิพพานก็ค้างพรหมซิโว้ย กำลังอ่อนหน่อยก็ค้าสวรรค์ อ่อนมากเกินไปค้างมนุษย์ ยังไม่ลงนรก"...ท่านพูดของท่านถูกนะ ท่านบอกเราต้องหวังนิพพาน"

    "ทีนี้มานั่งใคร่ครวญดู ก็จริงของท่าน ให้ตั้งใจไปนิพพานตรง ไม่ไปไหนล่ะ ทีนี้ถ้าบังเอิญบุญวาสนาบารมีของเรายังไม่ถึงนิพพาน มันก็ไปค้างสวรรค์บ้าง พรหมบ้าง ใช่ไหม ถ้าไปค้างสวรรค์ ค้างพรหม ก็ทันพระศรีอาริย์แหงๆ ทันกันแน่นอน พระศรีอาริย์เทศน์จบเดียวไปนิพพาน"

    "ทีนี้การตั้งเขต ต้องตั้งยันนิพพานสุดไว้ก่อน อย่าถอย ถ้าหากบังเอิญมันไม่ถึงนิพพาน ไปค้างที่สวรรค์ก็ดี ที่พรหมก็ดี ไอ้จิตดวงเดิมมันไป ที่เราไป จิตมันไป จิตมันก็อยากไปนิพพานต่อไป ถ้าฟังเทศน์จากพระศรีอาริย์จบ พระพุทธเจ้าเทศน์ท่านจะจี้จุดบุญเก่าเรา บุญเก่าเรามีความเข้มข้นตรงไหน ท่านจะจี้จุดนั้นก็ถึงนิพพานทันที ก็เท่านี้ไม่ยาก"

    "ก็รวมความว่า เราทำบุญอย่างคนโง่ ยอมโง่กว่าพระพุทธเจ้า ฮึหมอ อาจจะไม่ยอมโง่กับคนอื่นก็ได้นะ(หัวเราะ) ใช่ไหม เรายอมโง่กับพระพุทธเจ้าองค์เดียว พระพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์ก็ดี เรายอมโง่กับท่าน แต่คนอื่นไม่แน่ ใช่ไหม เดี๋ยวบอกตายแล้วสูญ ข้าไม่เอากับแกหรอกโว้ย!! ไอ้พวกตายแล้วสูญ พวกนี้สูญหมด ลงโลกันต์หมด"

    ที่มา...ธรรมปฏิบัติ เล่มที่ 29...
    โดย พระเดชพระคุณ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

    ผมล่าสุดที่ไปบ้านสายลม ท่านป้าใจดีมากเลยนะครับ ท่านทั้งสองยิ้มให้ด้วยเสมอ โดยเฉพาะท่านป้า ที่อยู่ตรงจุดที่ชำระเงินหนังสือธัมวิโมกข์ เข้าไปคุยกับท่าน ว่าลุงๆ ป้าๆ ที่นี่ทานกลางวันกันไหม ท่านป้าบอกทาน หนหน้าผมเลยจะซื้อขนมจีบที่ชลบุรีไปฝาก หนล่าสุดผมซื้อไปแค่ถวายเพลพระเท่านั้นนะครับ

    หนแรกที่ผมไป ผมขอถ่ายรูป ท่านก็ไม่ว่านะครับ มีพี่บางท่านมาทักในเฟสว่า ถ่ายรูปได้ไง เขาไม่ให้ถ่าย ผมก็เลยงง ว่าเขาไม่ให้ถ่ายหรือยังไงครับ 5555 หรือเพราะว่าผมขอก่อน ท่านถึงให้ถ่าย
     
  11. berbapor

    berbapor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,845
    ค่าพลัง:
    +21,862
    สวัสดียามดึกครับพี่วรรณชัย,ท่านพี่วุฒิ,คุณsupatach,คุณtaoreedman,คุณfive304,คุณThis_old_man,คุณpalmcc38,คุณyommatood, คุณizeberry , คุณtossa ,คุณช่างชิต,คุณjj85,คุณ6ThSense,น้องแพน, พี่รุ่ง, พี่กฤต, คุณเพชร,คุณชาตรี ช้างน้อย ,คุณออกพราน,คุณrung847,พี่chopper,คุณระงับ,คุณsylvenus,คุณรัก_ในหลวง ,คุณramo , คุณCobraa ,คุณนิช,คุณpowergen, คุณKRITVEE ,คุณบารมี10 คุณเมฆดำ ,คุณหมาอ้วน และศิษย์วัดท่าซุงผู้มีจิตใจดีงามทุกๆท่าน.(^__^)
     
  12. nichaojung

    nichaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    392
    ค่าพลัง:
    +8,247
    ความจำไม่ดี



    ผู้ถาม : กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง คือลูกอยากจะทราบว่า คนที่เกิดมาอย่างเช่นลูกนี้เป็นต้น ความจำไม่ค่อยดี ได้หน้าลืมหลัง สวดมนต์ภาวนาไปก็เลอะๆเลือนๆ ก็อยากจะเรียนถามหลวงพ่อว่า วิธีที่จะทำบุญทำกุศลให้เกิดปัญญาบารมี ปัจจุบันทันด่วนคือให้จำได้เหมือนกับเขาทั้งหลายนั้น มีบ้างหรือเปล่าเจ้าคะ ขอหลวงพ่อได้โปรดเมตตาด้วยเถิดเจ้าค่ะ

    หลวงพ่อ : มี ต้องไปใช้ชาติหน้า

    ผู้ถาม : ทำชาตินี้ได้ชาตินี้ไมมีหรือครับ

    หลวงพ่อ : ไม่มี เขาเอาปัจจุบันทันด่วนนี่

    ถ้าค่อยๆทำมันมี คือใช้อานาปานุสสตินะ จิตจะค่อยๆ ทรงตัว ความจำจะดีขึ้น ในเมื่อความจำดี้ขึ้น ปัญญามันก็ดีขึ้น ใช้ลมหายใจเข้า-ออกทุกวัน

    เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนับ 1 ถึง 10 หายใจเข้า - ออก นับเป็นหนึ่ง หายใจเข้าออกนับเป็นสอง ตั้งใจอย่างนี้ครั้งละ 10 ก่อนหลับ 10 ตื่นจากหลับ 10 เท่านั้นพอ ไม่กี่วัน ค่อยๆไปนะ


    (จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ กรกฏาคม 2533)
     
  13. nichaojung

    nichaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    392
    ค่าพลัง:
    +8,247
    ขอลงหลวงพ่อตอบปัญหาเรื่องทรายเสกอีก 2 คำถามนะครับ




    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]

    (จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ มีนาคม 2531)
     
  14. nichaojung

    nichaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    392
    ค่าพลัง:
    +8,247
    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]
     
  15. jj85

    jj85 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,754
    ค่าพลัง:
    +7,599
    เวลาเลือกพระก็เหมือนกันครับ เลือกไม่ได้ ผมก็สงสัยว่าทำไม บางทีพูดไม่ดีใส่อีก งงมากครับ คนที่จะมาเป็นเจ้าหน้าที่ส่วนต่างๆเปรียบได้กับหน้าตาของหลวงพ่อท่านเลยนะครับ ทำดีก็ไปไกลทำเสียก็ไกลเช่นกันครับ
     
  16. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]


    น้อมกราบสมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษี -/\-


    สวัสดีพี่วรรณ และลูกหลานหลวงพ่อทุกท่านครับ
     
  17. palmcc38

    palmcc38 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +938
    999

    รบกวนสอบถามครับ


    ที่บ้านมีตะกรุดเมติดที่บ้าน ที่รถ ที่นี้พี่สาวผมท้องใกล้จะคลอดแล้วครับ ไม่ทราบว่าจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า หรือห้ามแค่อย่าใส่เข้าไปใกล้ตอนคนใกล้คลอดครับ
     
  18. crystalnirvana

    crystalnirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2014
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +1,563
    อีกเรื่องครับคือทำไมเจ้าหน้าที่บนตึกสายลมวัตถุมงคลชอบทอนเงินผิดๆ ให้แบงค์พันแต่ทอนให้เหมือนแบงค์ 500 ผมเจอครั้งไม่แปลกแต่มีเพื่อน 2 คนเจอเหมือนกันนี่ซิแปลก ไม่ทราบว่าไงแน่ครับถ้าชุ่ยก็ต้องบอกชุ่ยต่อเนื่องได้หลายครั้งไม่เคยแก้ไม่ได้มองแบงค์หรือครับว่าเป็นแบงค์ไรก่อนทอน สรุปว่าต้องแบงค์ 500 หมด เกิดถ้าคนรับเงินไม่ได้ดูเงินทอนเพราะเชื่อไว้ใจว่าทอนไม่ผิดละทำไง นี่ผมมองในแง่ดีนะครับว่าเกิดจากชุ่ยไม่มองให้ดี ไม่อยากคิดแง่อื่นเพราะเห็นอายุมากคนเก่าแก่

    เพื่อนๆลองดูก้อได้ครับซื้อของไม่ถึง 500 แล้วลองให้แบงค์พันไปดูว่าจะทอนยังไงมา
     
  19. Trashma

    Trashma เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +489
    เรื่อง...ฝึกมโนมยิทธิทายผิด

    ผู้ถาม : กราบหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกมีปัญหาเรื่องการฝึกมโนมยิทธิ คือครั้งแรกที่ลูกมาฝึกปรากฏว่าดีมาก แต่นานเข้ายิ่งแย่ลงทุกที ลูกลองทายโน่นทายนี่ แต่ทายไม่ถูกสักที ไม่รู้ว่าจะต้องทำอารมณ์อย่างไร กลัวอุปาทานเข้าแทรก หลวงพ่อช่วยชี้แนะด้วยเถิดเจ้าค่ะ

    หลวงพ่อ : ก็ไม่มีอะไร ก็เก่งนะ เป็นหมอดูได้ เอ..เมื่อคราวแข่งขันซีเกมส์ดูบ้างหรือเปล่า เอายังงี้ ทำให้มันได้จริงๆ สินะ!

    ประการแรก ฌานโลกีย์ อย่าให้ศีลบกพร่อง เรื่องศีลนี่สำคัญมาก

    ประการที่สอง เวลาที่เราจะใช้ดูเขาหรือใช้กำลัง มโนมยิทธิ ต้องระงับนิวรณ์ ๕ ประการ อย่าให้กวนใจ นิวรณ์ ๕ ประการ คือ
    ๑) จิตรักในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศ
    ๒) อารมณ์ไม่พอใจ
    ๓) ความง่วง
    ๔) จิตฟุ้งซ่าน
    ๕) สงสัย

    ถ้าเวลานั้นสามารถระงับนิวรณ์ได้ อุปาทานก็ไม่มี และสมาธิจะมีการทรงตัว แล้วก็ต้องใช้ปัญญา ก่อนจะทำทั้งหมดใช้ปัญญาพิจารณาร่างกายเสียก่อน ถือว่าร่างกายมันเต็อไปด้วยความทุกข์ โลกนี้เป็นทุกข์ หาทุกข์ให้พบ แล้วก็ไปดูเทวโลก พรหมโลก เป็นทุกข์ เราไม่ต้องการ เราต้องการนิพพาน ทำอารมณ์ให้ทรงตัว เมื่ออารมณ์ทรงตัวดีแล้วก็ไม่มีอะไรยาก ไม่มีอะไรมาก เวลานั้นก็ยกใจไปพบพระพุทธเจ้า ถามท่านโดยตรง

    การรู้ทั้งหมดอย่ารู้เอง รู้เองนี่ผิดได้ ถ้าถามพระพุทธเจ้าไม่ผิด

    แต่ก็ต้องระมัดระวังนะ การไปหาพระพุทธเจ้า ถ้าเราตัดอุปาทานหรือตัดนิวรณ์ไม่ลด แทนที่จะไปพบพระพุทธเจ้าองค์จริงๆ กลับไปพบมารแทนพระพุทธเจ้า นี่สำคัญ นี่ฉันโดนเข้ามาแล้ว เมื่อ ๒ - ๓ เดือนที่แล้วมา วันนั้นมันป่วยไม่ค่อยสบาย ก็นอนภาวนาไปเรื่อยๆ รักษากำลังใจจวนถึงเวลารับแขก เคยถามท่านทุกวันว่า วันนี้คนมากี่คน มีใครบ้าง มีกำลังบุญพิเศษจำต้องพูดเรื่องนั้น จะต้องเป็นพระสูตรหรืออะไรก็ได้ ให้ตรงกับกำลังบุญที่เขาทำมา

    วันนั้นก็จับพลัดจับผลูไม่ได้พิจารณาร่างกายเสียก่อน ขึ้นไปก่อนพบพระพุทธเจ้าใสแจ๋ว สว่างมาก ก็ถามพระพุทธเจ้าท่านว่า "วันนี้คนมาหลายคนไหม?" ท่านก็บอกมาหลายคน และใครบ้างที่มีกำลังใจสูงเป็นพิเศษ บอกลักษณะเสร็จ บอกเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มเสร็จ ผิดหมดร้อยเปอร์เซ็นต์

    วันรุ่งขึ้นก่อนจะขึ้นไปรับแขก ก็ไปหาพระพุทธเจ้า วันนี้ทำใจสบาย นึกในใจว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยบอกอะไรผิด เมื่อวานทำไมบอกผิด วันนั้นขึ้นไปหาท่านใหม่
    ถามท่านบอกว่า "เมื่อวานทำไมที่บอกถึงผิดหมด?"
    ท่านบอก "เมื่อวานคุณไม่ได้ถามฉันนี่"
    ถามว่า "ถามใคร?"
    ท่านบอก "หันหลังไปดูสิ"
    เห็นพระพุทธเจ้าเป็นองค์ใสแจ๋วสว่างกว่าและก็ค่อยๆ หายไปทีละหน่อยๆ เหลือแค่เขี้ยว ๒ เขี้ยว เขี้ยวลอยหายไปในอากาศ ตัวหายไป ท่านบอก " คุณทำใจแบบนั้น มารเข้าแทรก"

    ผู้ถาม : โอ... ขนาดหลวงพ่อยังเอาเลยหรือครับ?

    หลวงพ่อ : ขนาดนี้ก็เอา คือจับพลัดจับผลูเกินไปไงล่ะ รวบรัดเกินไป ท่านบอกอย่ารวบรัด แต่ความจริงถ้าถามท่านนะ ไม่ผิด คนมากี่คน ท่านจะบอกครบ และเรื่องทำบุญมากน้อยไม่เคยถาม ถามว่าคนที่มาน่ะ ใครเป็นนักบุญที่เด่น และจำเป็นต้องพูดเรื่องนั้น ถ้ามีความจำเป็นท่านจะบอก วันนี้ใช้พระสูตรนั้น พระสูตรนี้ และธรรมะบทนั้นบทนี้นะ ท่านบอกไปก่อน ท่านบอกรูปร่าง ลักษณะและการแต่งตัวเสร็จ

    จากนิตยสารธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๓๑๖ เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๐


    **เรื่องตะกรุดเม ตามความเข้าใจผม ผมรู้แต่คาถา องคุลิมานปริตร ทำให้คลอดง่ายนะครับ กับทำน้ำมนต์จากเหรียญทำน้ำมนต์ ขออาราธนาบารมีพระรัตนตรัยครับ
     
  20. thekiss

    thekiss สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2007
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +24
    มาเคารพหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ด้วยจิตเคารพรัก ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...