ฝันไปถึง เมืองบังบด เมืองผี แดนลับแล แล้วแต่จะเรียก

ไม่มีใครเล่า จะเล่าเอง

หลังจากฝันถึงเรื่องฤาษีตาไฟที่ยังหนุ่ม

เราก็คิดอยากฝึกกสิณไฟ

ไม่ได้ทำแบบชาวบ้านเค้านะ

เราจุดเทียน แล้วเพ่ง ตั้งเทียนห่างไปประมาณ เมตรครึ่ง

อาการแรกเลย จุดเทียนเปิดแอร์นะ

เหงื่อ ออกก่อน เราจ้องเทียนจนตัวร้อน

แต่เทียนไม่ไหวสั่นเลย

คราวนี้หลับตาเห็นเป็นจุดแดงอมส้ม
ไม่เป็นเทียน

ก็เลยเพ่งใหม่ คราวนี้ได้ผล เปลวเทียวสูงขึ้น ประมาณ 5 เซนติเมตร

แล้วก็เลยหลับตา

มีไฟขึ้นในนิมิต

แต่ไม่นาน ไฟดันหายไป แล้วตัวเราไฟลุกแทน

ก็พยามสงบจิต คิดว่าเป็นนิมิต

แต่มันสงบไม่ไหว เพราะมันร้อนเหมือนโดนเผาจริง

ก็หลุดจากสมาธิ

ออกแนวธาตุไฟแตก ในตัวร้อนไปอีกสามวัน

นอนก็ไม่หลับ

หลับไปก็เห็นแต่ไฟ

ตั้งแต่นั้นก็เลิกฝึกอีกเลย

กลัวเป็นบ้า

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0> <TBODY> <TR> <TD class=alt2 style="BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ suwi
ต้องการ น้ำหรือ
น้ำแข็งแห้ง(จากจักวาล)มาช่วยดับไฟ ไหม</TD></TR></TBODY></TABLE>

หมอ ไม่รู้ความปรารถนา ที่แท้จริงของผู้ป่วย

ไม่รู้ว่าต้องการให้รักษา
ต้องการให้ดับไฟ
หรือต้องการ ฯลฯ
ที่กล่าวมา คล้ายลำพึงให้หมอฟัง

ใจลึกๆ อาจชอบที่มีไฟลักษณะนี้ในตน

 

แต่อาการข้างเคียงยังไม่หมด

เราจะเป็นคนขี้ร้อนมาก

เช่นไปกินก๋วยเตี๋ยว ร้อนๆ

ธาตุไฟในตัวจะปรับไม่ทัน เหงื่อเราจะไหลมาเยอะมาก

แบบหยดที่คางติ๋งๆ นึกภาพอนาถมาก

พี่ที่ไปกินด้วยรู้เลย จะเตรียมทิชชู่ให้

ทั้งที่ก็ไม่ได้ร้อน แต่ธาตุไฟในตัวเหมือนโดนปลุก

กินส้มตำ กินไรก็ลำบาก

เวลานั่งสมาธิ ก็จะร้อนมาก(หรือเราจะเป็นคนบาป) 555

แล้วนั่งแล้วไฟลุกเนี่ยบ่อยมาก

แทบจะกระโดดหนีไฟเลย เวลาออกจากสมาธิ

หลังๆ เลยไม่นั่ง นอนสมาธิเอา

 

มันก็ยังอยากฝึกนะ ไม่รู้ทำไม
กสิณอื่นไม่เคยคิดฝึกเลย

แต่ก็ไม่เข้าใจ ทำไมต้องไฟลุกทั้งตัว มันน่ากลัวนะหมอ ถ้ามาแต่ภาพไม่เป็นไร นี่มาเป็นความร้อนเลย

ป.ล.คนนะ ไม่ใช่ ghost rider

ป.ล.2 ขอบใจนะ ที่ไม่ว่าบ้า อิอิ

 

อีกฝันนีง ที่ชอบไปแบบบังคับไม่ได้

ชอบฝันว่ากลายเป็นนางรำ
ไปรำให้เทวดาองค์หนึ่งดู

เบื่อมาก เรียกไปรำบ่อยมาก
เทวดาองค์นั้นคงชอบแนวนี้

รูปประกอบจากอินเตอร์เน็ต แต่ชุดเป็นสีเขียว

และมียันต์อุณาโลม บนหน้าผาก

พอรำเสร็จจะมีดอกไม้ทิพย์ โปรยลงมาเอง

แล้วท่านก็บอกกลับได้ จงมาบูชาข้าเสมอ แล้วเราจะได้พบกันอีก

น่าจะเป็นฝันที่หงุดหงิดทุกครั้งที่ตื่น

มันหงุดหงิดตรงที่ เทวดาองนั้น เสวยน้ำบางอย่าง
และเสียงที่บอกว่าเราจะได้พบกันอีก มันเหมือนการแดกดัน

 

@หมอ suwi ต้องขังเดี่ยวมั้ยอย่างนี้

 

เมื่อปรารถนาจะฝึกกสิณไฟ ก็จงฝึกเถิด

ได้ให้ยา เป็นน้ำทิพย์ ไว้แล้ว น้ำนี้ซึมซาบไปทั้งตัว
ทำให้สามารถฝึกกสิณไฟ ได้ โดยไม่ร้อน

แต่ไฟยังคงลุกท่วมตัวนะ แต่ไม่ร้อนแล้ว
อย่าได้กลัวไป

 

หมอ เก่งแฮะ ....ไปนอนก่อนนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

 

ไอ้ฤๅษีตาไฟ อยากได้ลูกศิษย์ที่เป็นหญิงท่านนี้ จึงเทียวมาเข้าฝันหลายรอบ
ใจลึกๆ อีหนูไม่ยอมสักที
เมื่อฝึกกสิณไฟ เลยเพิ่มไฟเผาซะ หากไม่ยอมรับกู กูก็จะเผามันซะ

ไอ้ท้าวสักกะนั่นก็เหมือนกัน ขี้หลีนัก แสดงอำนาจบาทใหญ่ ข่มขูให้สมยอม

เมื่อจารุจันทร์ปรารถนาฝึกกสิณไฟ ก็จงฝึกเถิด
แล้วภาวนา "กัมมาเว กัมมาเว ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"

ก็อยากรู้เหมือนกันว่า ไอ้ฤๆษีตาไฟ และไอ้สักกะปลอมๆนั่น จะทนไฟ "กัมมาเว" นี้ได้หรือไม่

 

หมอโหดซะงั้น ตกใจหมดเลยค่ะ

 

กสิณไฟอย่าไปเล่นเพียวๆนะครับ..
แค่ช่วงฝึกที่พอใช้ได้ในนิมิตรก็ส่งผลต่อร่างกายแล้ว
ประเด็นนี้น่าจะพอสัมผัสได้...และโดยส่วนมากแล้ว
มักจะทำให้เราหลงตัวเองอีกครับ..ทั้งๆที่ความสามารถ
ในการใช้งานได้จริงๆ เกิดผลได้น้อย แต่ก็ยังหลงตัวเองได้
ซึ่งเป็นอะไรที่เกิดขึ้นจริงๆได้ครับแบบไม่น่าเชื่อ..
และเอา ณ ปัจจุบันนี้นะครับ..ห่มเหลืองท่านแรกที่คุณพูดถึง
ท่านจะเด่นในเรื่องพลังงานมาก..แต่เป็นลักษณะพลังงานแบบ
สายพระโพธิสัตว์ครับ จึงมีเอกลักษณะตรงเร็ว แรง และแน่น..
และก็หลักๆคุณสังเกตุที่มีท่าน..ก็คือกุสโลบาย ๒ เรื่องก็คือ
กรรมดีและกรรมชั่ว..คนเราเกิดมามีประมาณนี้หละครับ..
ส่วนอีกท่านที่คุณกล่าวถึง ณ ปัจจุบันนี้ท่านก็เริ่มที่จะวางเรื่อง
แบบนี้แล้วครับ..แต่ต้องใช้เวลาหน่อยเพราะว่า มันผ่านเวลามา
ตั้ง ๑,๓๐๐ กว่าปีแล้วครับ..ถ้าสัญญาในจิตเดิมคุณย้อนไป
อดีตคุณก็จะอาจยังไม่พบสิ่งที่เป็นปัจจุบัน..เพราะฉนั้นถ้า
ต้องการสัมพันธ์กับท่านนี้..ให้ตั้งจิตเอาเป็นปัจจุบันนะครับ..
และกสิณไฟถ้ายิ่งใช้ได้จริง..
หมายถึงว่าอย่างน้อย ต้องเคยปั่นปฏิภาคนิมิตรกสิณกองใด
กองหนึ่งมาก่อนได้แล้วนะครับ..จิตถึงจะพอมีกำลังจิตเพียงพอ
ที่จะสร้างเป็นพลังงานกสิณไฟขึ้นมาได้ครับ.และจะต้องเคยสามารถใช้ได้
ในขณะลืมตามาก่อนด้วย...การเพียวกสิณไฟ
จะส่งผลให้เกิดความร้อนขึ้นที่ดวงจิตตรงกลางลิ้นปี่.
ต่อให้ทานน้ำเย็นก็ไม่หาย.ไปแช่น้ำเย็นก็ไม่หายครับ..
นอกจากนั้นร่างกายก็จะยังร้อน..จิตใจก็จะร้อนรุ่มแต่ออกแนวบ้าพลัง
หงุดหงิดง่ายมาก..ต้องใช้เวลาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า ๓ วันถึง ๗ วัน
ถึงจะกลับคืนสู่ปกติครับ แต่นั่นคือพยายามดับและควบคุมอารมย์นะครับ..
และการเพียวกสิณไฟมีข้อเสียอีกอย่าง
ก็คือ..มันจะทำให้เราใช้กสิณกองอื่นๆได้ยากด้วยครับ..
เพราะจิตจะไม่สนใจกสิณกองอื่นๆ.และมันจะไม่ดึงกสิณกองอื่นๆมาร่วม
เป็นเหตุให้ไม่ผ่านบททดสอบ..และใช้งานกสิณกองอื่นๆร่วมไม่ได้ครับ.
ถ้าอนาคตคิดว่าอยากจะใช้งานได้จริงๆ.ไม่ใช่แบบรู้เห็นในนิมิตร
หรือสัมผัสได้คนเดียว.และใช้งานให้เกิดประโยชน์ในด้านอื่นๆได้
.ให้เปลี่ยนมาฝึกกสิณน้ำก่อนให้ได้..หรือ ไปขึ้นกสิณกองอื่นๆก่อนให้ได้
ในช่วงหนึ่งที่เกิดในนิมิตร..เราจะเจอบททดสอบการใช้งานอย่างหนึ่ง..
ก่อนที่เราจะสามารถใช้พลังงานพวกนี้ได้จริงๆในขณะลืมตาปกตินะครับ
ที่จะต้องใช้กสิณกลาง คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ เพื่อที่จะต้องผ่าน
ด่านที่จะเจอให้ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่าคืออะไร..
แต่ถ้าวาระมาถึงเราจะต้องเจอด้วยตัวเองครับ...
มันจะสามารถตั้งต้นเอากสิณน้ำ เข้ามารวมกับไฟได้ครับ ถ้าเราผ่านด่านได้..
ข้อดีก็คือ ในเวลาปกติที่เราต้องใช้กสิณไฟ มันจะไม่ส่งผลต่อตัวจิต
ไม่ส่งผลต่อร่างกาย ไม่ส่งผลในเรื่องอารมย์ แต่ประสิทธิภาพในการ
ใช้งานก็จะยังคงอยู่ตามความเหมาะสมด้วยครับ..
ถ้าอนาคตคิดว่าจะใช้กสิณได้ ถ้าออกทางตา กับ มือทั้งสองข้าง
อย่างเดียว.ความสามารถพื้นฐานเราจะยังไม่เพียงพอครับ.
เพราะเราจะสุ้พวกภูมิอสูรกายมีฤิทธิ์ต่างๆหรือพวกภูตที่เค้า
ชอบมาเป็นกลุ่มไม่ได้ครับ.หรือแม้กระทั่งพวกหมอธรรม
นิสัยไม่ดีต่างๆ..ออกจากตรงไหนของร่างกายถึงจะทำให้เรา
พอมีความสามารถต่อกลุ่มที่กล่าวได้
ก็แล้วแต่วาระที่จะเข้าถึงได้เองนะครับ.....
ปล.เรื่องเล่าส่วนเรื่องเล่าครับอ่านแล้วสนุกดี..
ส่วนถ้าจะใช้ได้จริงก็ตามที่เล่าให้ฟังครับ..

 

คุณ นพกาญจน์ ได้ปะทะกับฤๅษีตาไฟท่านนั้นแล้ว มิใช่หรือ
เป็นอย่างไรบ้างไม่เล่าสู่กันฟัง

 

อุต๊ะ

 

หมอ ได้ให้ยาแก้โทษของกสิณไฟแก่คุณ จารุจันทร์ ไว้แล้ว
เธอสามารถฝึกได้ง่ายๆ ไม่ต้องห่วงหรอก

อยู่ที่เธอจะฝึกหรือไม่
และไฟที่เธอจะฝึกนี้ จะร้อนยิ่งกว่า ไฟจากกสิณทั่วๆไปที่เขาฝึกกัน มาากมายนัก

 

มิเคยปะทะครับ.ท่านเป็นหนึ่งใน ๕
ครูบาร์อาจารย์ของพราหม์ท่านหนึ่งที่ส่วนตัว
ให้ความเคารพมาตั้งแต่เด็กๆแล้วครับ.
ก็ให้ความเคารพครับ..เรานับถือใครก็ให้ความเคารพ
ครูบาร์อาจารย์ท่านด้วยเช่นกันครับ.และ
ไม่ว่าจะผู้มืชื่อศาสนาใดๆก็ตาม...
.ตอนนี้ส่วนตัวทราบว่า..ดวงจิตท่าน
ปัจจุบันตอนนี้เริ่มวางเรื่องฤิทธิ์แล้วครับ..เหตุเพราะท่าน
ได้พบกับ...........ท่านหนึ่งแสดงธรรมให้ท่านฟัง
เมื่อประมาณ ๑ ถึง ๒ ปีที่ผ่านมาครับ.
ส่วนสัญญาจรในอดีตชาติ.ที่ทำให้ใครเห็นในลักษณะใดๆนั้น
ก็สุดแล้วแต่ความสัมพันธ์ของแต่ละบุคคลครับ.
อืมมม เอกลักษณะท่านก็คือ..
ปกติดวงตาท่านจะยังไม่เปิดให้เห็นครับ..ยกเว้นว่า
ตอนที่จะใช้งานครับ..ถ้ามาแบบอื่นๆหรืออย่างที่
คนอื่นๆเห็นโดยส่วนตัวไม่ขอวิจารณ์ครับ..
ยังไงเรื่องที่เล่า คุณลองย้อนตรวจสอบดูได้
ครับว่าใช่หรือไม่ใช่ครับ..

 

ท่าน นพกาญจน์
ฤๅษีตาไฟที่ข้าน้อยกล่าวถึง เป็นไอ้พวกแอบอ้าง มาเข้าฝัน คุณจารุจันทร์ ผู้นี้

ไม่ใช่ท่านที่คุณกล่่าวถึง
ท่านที่คุณกล่าวถึงท่านเป็นสัมมาทิฐิ เป็นบุคคลที่น่าเคารพกราบไหว้บูชา
แต่ท่านก็จะเสีย เพราะไอ้พวกแอบอ้างแสดงตนเหล่านี้

ทำอย่างไรจึงจะช่วยท่านสะสางปัญหาโลกแตกพวกนี้ได้

 

ขอบคุณครับ..
พอทราบครับท่าน...แต่ส่วนตัวมองว่าเป็นกรรมวิบาก
เฉพาะตนครับ..เลยไม่อยากยุ่งครับ..
ให้พิจารณาเป็นกรณีๆไปครับ...
ถ้ามาเพื่อแสดงให้เห็นถึงศรัทธาเพื่อหนุน
ให้บุคคลที่เห็นสร้างความดี เพื่อความหลุดพ้น
เพื่อความไม่มี เพื่อความสว่างของจิต
ที่เป็นไปตามแนวทางพุทธศาสนา..
แม้ว่าจะไม่ถึงที่สุดก็พอรับได้ครับ..
ถ้ามาแบบเจาะเข้ามาคุมจิต..แล้วหลอกให้ด้วยฤิทธิ์
ด้วยสัมผัสพิเศษที่เหนือกว่าคนอื่นๆ หนุนให้ โลภ
ให้หลง สร้างความร่ำรวย สร้างความมีต่างๆ
แต่ว่าดวงจิตตนรับบารมีรับบุญไปฝ่ายเดียว
.แบบวิญญานมีฤิทธิ์มิจฉาทิฐิ
ชอบทำนั้น..ก็เชิญท่านส้อยได้ตามอัฐธาศัยครับ...
ถ้าท่านรู้ตัวว่าท่านมาในภาคฝ่ายปราบก็ทำได้ไม่ยากครับ
แต่ต้องเว้นไว้ในกรณีที่เค้ามีวิบากกรรมร่วมกันมาก่อน
ไว้ด้วยเล็กน้อยครับ.
..ไม่น่ามีอะไรครับ.แต่ขออนุญาตแนะนำครับ..
คือมีหลักการอย่างหนึ่งคือ ดึงผ่านประตูมิติที่ท่านเปิด
ให้ได้แล้วให้ข้างบนเคลียร์ก็จบครับ..

 

มาตามอ่านกะเค้าบ้างเหมือนกัน
เผื่อจะได้ฝึกวิทยายุทธ..อิอิ

 

อ่อ........มิน่าละ พึ่งรู้ว่าไฟ กับน้ำ อยู่ด้วยกันได้ เก็บๆๆความรู้ประดับสมอง อ่านไปเหมือนไฟเผาตัวเองไป หุหุ วิ่งหาน้ำแทบไม่ทัน

 

ไฟสุมทรวง เหรอจ๊ะ