อยากทำสมาธิ อยากเห็นวิญญาณ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย Superwoman1, 8 ธันวาคม 2014.

  1. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    เมื่อก่อนบ้านพี่สาวเลี้ยง ๒๒ ตัว บ้านที่อยู่อีก ๗ ตัวครับ
    มีตั้งแต่พันธ์เท่าๆน้องวัว ยันกระเป๋าถือผู้หญิง. ตอนนี้พี่สาว
    ไปทำงานที่อื่น ให้ไป ๒๑ ตัวเปลี่ยนภพภูมิไป ๒ ตัวคับ
    ๑ ใน ๒ ตัวไปดีมากเพราะจะชอบตามไปทำบุญทุกครั้ง
    เวลาพระสงฆ์ท่านเดินมาถ้าไม่เห็นเราออกไปมันก็จะมาเห่าเรียกเรา
    และกลับไปเห่าเรียกพระให้ท่านรอ. ตอนนี้เหลือ
    ทั้งหมด ๕ ตัว. มี ๒ ใน ๕ ตัวที่ตอนนี้จะตามไป
    ตักบารตตอนเช้าทุกครั้งครับ ส่วนแมวก็พอมีคับ
    ช่วงที่อยู่วัด ตอนไปฝึกนั่งสมาธิหน้าพระยืนองค์ใหญ่
    จะมีแมวตามมาด้วยเกือบทุกครั้ง ๑๒ ตัว
    และไม่นานมานี้จะมีแมวมาอยู่เองที่กำแพง
    ข้างหน้าต่าง ๒ ตัวไม่เคยให้อาหารแมว
    แต่เห็นเค้าคงลงมาทานอาหารน้องหมาที่เหลือ
    แต่ตอนนี้ไม่เห็นแมวแล้วครับ

    ปล.ประสบการณ์ที่พอจะมีบ้างครับ
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ดีครับ..มีโอกาสถ้าเค้าจัดไม่ไกลที่พักเราก็ควร
    ไปฟังธรรมนะครับ..หลังจากฟังธรรมก็จะมีเข้าพบ
    ครูฝึกหรืออาจารย์นี่หละครับจำไม่ได้..แต่ว่าต้องจองคิวเร็วหน่อยครับ..
    ลูกศิษย์ท่านที่เป็นคนสอน..แค่ท่านแรกส่วนตัวยอมรับว่าจิตเค้านิ่งและแน่น
    มากนะครับ..เป็น ผู้หญิงด้วย.คุณจะคุยได้ง่ายกว่า.
    เห็นอย่างนั้นเครื่องรู้เร็วมากนะครับ..นี่ขนาดลูกศิษย์นะคับ...
    คนที่ดูมีเนื้อหน่อย..ขาวๆหน้าออกกลมๆหน่อยครับ
    แต่จะเน้นการใช้เครื่องรู้เพื่อส่งเสริมไปทางด้านการเดิน
    ปัญญา ความเห็นส่วนตัวคิดว่าเหมาะสมมากครับ
    สำหรับการสอนบุคคลส่วนมากครับ บางกิริยาที่เกิดกับเรา
    ถ้าเราถามมันจะทำให้เราไปได้เร็วครับ..พอเค้าแนะนำอะไร
    เราก็มาทำตาม..ก็จะเกิดปัญหาครับ..การที่เรามีปัญหา
    แสดงว่าเราปฏิบัติไงครับ..การที่ได้รับคำแนะนำก็เสมือน
    เส้นทางลัดนั่นหละครับ..ส่วนการฟังธรรมไปพลางๆช่วงนี้
    ก็ได้เปิดแนวคิดและมุมมองของเราด้วยครับ และก็ทานบารมี
    อย่างหนึ่งด้วยครับ..ว่างๆใครเค้าพิมพ์หนังสือธรรมะแจก
    แบบ๔ สีคุณก็ร่วม
    ทุนตามศรัทธาด้วยยิ่งดีครับ.จะช่วยหนุนให้การปฏิบัติเราไป
    ได้เร็วยิ่งครับ...
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ท่านๆว่าให้คุณทำอย่างนั้นครับ..ณ ตอนนั้นนะครับ..
    แต่ถ้าถามส่วนตัวคิดว่า อ่านง่ายดีครับ..และดูน่าอ่านครับ.
    ไม่งั้นถ้าเหมือนทั่วๆไป คาดว่าจะมีผลเหมือนยานอนหลับครับ ๕๕๕
     
  4. พระtoshi

    พระtoshi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +270
    อยากเห็นจริงๆหรือ ถ้าอย่างนั้นคุณต้องมีความเชื่อมั่นที่จะทำตามนะ และอย่าลังเลสงสัยเวลาปฎิบัติธรรมเจริญสมาธิลองนำวิธีนี้ไปใช้ดู เพราะทุกวันนี้ก็สอนปฎิบัติธรรมตามวัดเล็กๆที่มีคนศรัทธาที่จะเรียนรู้ทางนี้ จนพวกเขาเห็นเรื่องนี้จนชินแล้ว ยิ่งเด็กเล็กๆหรือวัยรุ่นเห็นเรื่องแบบนี้ง่ายที่สุด เพียงแค่มาเรียนแค่ไม่กี่ครั้งพอออกจากสมาธิก็จะถามพวกเขาว่าเห็นหริอไปที่ไหนมา โดยมากแล้วมักจะพาพวกเขานั่งสมาธิไปเห็นขุมนรกมากกว่า เมื่อเขาออกจากสมาธิแล้วจึงให้พวกเขาเล่าให้ฟัง เด็กๆน้องๆบอกว่าน่ากลัวกว่าภาพวาดที่เห็นนับเป็นร้อยๆเท่าเพราะมันคือเหตุการณ์จริงที่พวกเขาไปอยู่ที่นั่น บางคนติดใจอยากไปเห็นอีกบ่อยเข้าก็เลยไม่กลัว แต่จะเตือนทุกคนเสมอว่า อย่าหลงยึดติดกับสิ่งที่เราพบเห็นหรือทำได้ต่างจากคนอื่น มันเป็นแค่ฤิทธิ์จากการฝึกตนมาเท่านั้น ที่สอนให้ได้พบเห็นเพราะต้องการสื่อสารให้รู้ถึงกฎแห่งกรรมเท่านั้น ไม่ว่ายากดีมีจนถ้ายังขืนเห็นแก่ตัว ก่อความเดือดร้อนความเจ็บช้ำน้ำใจให้ผู้อื่นไม่เลิก ในอนาคตแทนที่เราจะได้ไปเห็นในนรกแต่คราวนี้จะได้ไปลงนรกเสียเอง ก็ดีนะทุกวันนี้เด็กๆน้องๆเข้าใจในกฎแห่งกรรมดีขึ้นสังเกตุพวกเขาดูความประพฤติดีมากขึ้นเข้าวัดมาทำบุญตอนเช้าทุกวันพระทุกครั้ง ปกติไม่ค่อยมีคนมาใส่บาตรเท่าไหร่ มาพักหลังกลับมีเด็กๆมารอใส่บาตรตอนเช้ามืดแทบทุกวัน ยิ่งวันพระแล้วเด็กๆมักจะอ้อนคุณยายให้พามาปฎิบัติธรรมรวมทั้งวัยรุ่นชวนกันมานั่งสมาธิกันช่วงเย็น วิญญาณที่เห็นน่ากลัวไม๊ถ้าเราเห็นในสมาธิ คำตอบคือไม่เลย เพราะโดยมากแล้วมักจะเป็นนางฟ้าหรือเทวดาเขามาให้เห็นเพื่อโมทนาบุญกับคนที่มีใจกุศล ถ้าได้พบพวกเขาในสมาธิเมื่อจิตนิ่งดีแล้ว คุณจะตอบตัวเองเลยว่าไม่ว่าดาราหรือใครที่คุณเคยเห็นที่ว่าหล่อหรือสวย สู้พวกเขาไม่ได้แน่นอน เมื่อเขามาปรากฎตัวให้คุณพบในสมาธิแล้วมักจะยิ้มน่ารักและอ่อนหวานเสมอ ลูกศิษย์ที่มาเรียนเขาบอกว่าถ้าเอารูปพวกเขาไปลงเฟสบุ๊ค มีคนกดไลค์กันแสนแน่ๆ บางครั้งลองพาพวกเขานั่งสมาธิไปสัมผัสแดนสวรรค์ดูว่าจริงๆแล้วมันเป็นยังไงกันแน่ เขาบอกว่าสวยกว่าภาพวาดที่เห็นกว่าเยอะพาไป แล้วไม่อยากกลับเพราะอยู่ที่นั่นแล้วมีความสุขที่สุดหลวงพี่ไม่น่าพากลับมาเร็วเลยอยากอยู่นานๆแต่ก็ต้องพาพวกเขากลับเพราะเหนื่อยตอนบรรยายธรรมพาเขาไปกัน คิดใจเลยให้พาไปประจำบ่อยๆช่วงวันพระ ลืมบอกไปอย่างนึงเวลาที่คุณได้พบเห็นเรื่องแบบนี้แล้วขอให้มีสติจำให้ได้จะพบว่าในเวลาที่พบเห็นหรืออยู่ในเหตุการณ์ในสมาธิเราจะไม่มีลมหายใจอยู่เลย ไม่ต้องการอากาศไม่ร้อนไม่หนาว แต่ร่างของเราจะถุกกำหนดให้อยู่ท่านั่งสมาธิอยู่อย่างนั้นลมหายใจจะละเอียดและนิ่มนวลกว่าที่เคยหายใจตามปกติเหมือนกบจำศีล วิธีที่สอนและทำให้พวกเขาสัมผัสของจริงนี้ มันคือ กสิณไฟ หรือเตโชกสิณ หรืออาโปกสิณ หรือกสิณน้ำ โดยให้เลือกเอาว่าชอบแบบไหน ถ้าตั้งใจแล้วได้เห็นเหมือนกันทั้งคู่นั่นแหล่ะ เพราะบอกทุกคนที่มาเรียนว่าหลวงพี่ไม่ใช่ผู้วิเศษ คุณก็ทำได้ไม่ต่างคนอื่นเหมือนกัน คนที่จะรู้ได้มันต้องเรียนรู้และฝึกตนเองไม่ยากหรอก เพียงแต่มีความตั้งใจเท่านั้น ใครๆก็ทำได้ทั้งนั้น คราวหน้าถ้ามีโอกาสจะเข้ามาบอกวิธีทำนะเพราะอยู่วัดบ้านนอกเล็กๆห่างไกลจากเมืองมากเน็ตมักหลุดบ่อย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • WP_000080.jpg
      WP_000080.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.2 MB
      เปิดดู:
      87
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 กุมภาพันธ์ 2015
  5. พระtoshi

    พระtoshi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +270
    เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย เลยต้องไปพักช่วงกลางวันแทน มาตอบคำถามให้แล้วครับ ที่คิดว่าคุณจะมองเห็นด้วยตาเนื้อสบายใจได้ครับมองไม่เห็นแน่ เพราะคนเราฝึกเหมือนกันแต่จะมองเห็นต่างกัน กรณีของกสิณไฟ ถ้าคุณฝึกไปจนรู้เห็นโลกวิญญาณได้แล้ว หรือจิตนิ่งดีพอ แค่คุณนั่งหลับตาโดยไม่ต้องนั่งสมาธิก็ได้
    แล้วอธิษฐานจิตแค่ไม่ถึงนาทีคนที่คุณต้องการสื่อสารเขาจะมาปรากฎตัวในสมาธิ ไม่ต้องกลัวเขานะ น่าตาเขาก็คนธรรมดาอย่างเรานี่แหล่ะ แต่ถ้าบางดวงวิญญาณเขามีบุญกุศล เขาอาจจะมาปรากฎตัวในชุดที่ขาวสะอาด น่ารักกว่ามนุษย์หลายเท่า แต่อย่าไปแอบหลงรักเข้าล่ะ หลวงพี่เองยังจำความน่ารักของพวกเขาได้จนทุกวันนี้ ปกติแล้วจะบวชเรียนเพื่อหาเหตุผลให้เข้ากับหลักวิทยาศาตร์เช่นทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ใครๆก็พูดได้ แต่นึกไม่ถึงว่ายิ่งเรียนรู้ไปแล้วคนเราตายไปแล้วมันก็ไม่ได้ตายไปจริงๆ เหลือแต่ความคิดที่ยังล่องลอยอยู่ ที่คนทั่วไปไม่รู้จึงเรียกว่าผีนั่นแหล่ะ ก็เลยเอาความรู้ทางพุทธศาสตร์ มาผสมกับวิทยาศาสตร์สอนความจริงให้คนรู้จะได้เลิกงมงายและหาเหตุผลรู้ได้ด้วยตัวเองเสียที คุณลองดูที่รูปแล้วตามมานะ คนแรกสาวน้อยเสื้อสีขาวที่นั่งติดเสา เธอเป็นคนแรกที่ได้สมาธิสามารถเปิดประตูนรกไปพบเห็นการฆ่าสัตว์นรกในขุมปาณาติบาต เพราะหลวงพี่บรรยายธรรมเรื่องนรกเพราะถามว่าสาวน้อยอยากไปเที่ยวไหน นรกหรือสวรรค์มีแต่ตอบว่านรกกันทั้งนั้น เมื่อหลวงพี่ให้ทุกคนออกจากสมาธิแล้ว จึงถามทุกคนว่าไปไหนพบกับอะไรมาบ้าง ดูเธอทำหน้าตื่นเต้นนะแล้วก็เล่าเรื่องนรกที่ไปเห็นมา ส่วนคนที่สอง คนนี้แล้วกัน ป้าเดือนในรูปที่ใส่ผ้าถุงสีแดง ความจริงป้าเกือบไม่ได้มานั่งสมาธิอย่างในรูปแล้ว ตอนที่หลวงพี่มาอยู่ที่วัดนี้หลวงพี่เริ่มเข้าไปสอนปฎิบัติธรรมระยะหนึ่งจนคนในหมู่บ้านเริ่มรู้จัก ป้าจึงมาเรียนบ้าง ครั้งแรกที่ป้าเขามาไหว้พอเห็นหน้าเท่านั้นหลวงพี่มองแกทีเดียวรู้เลยว่าป้าแกมีจิตหมองเหมือนคนที่กำลังหมดอายุไขแล้ว ก็เลยคิดว่ามาแล้วก็ดีช่วยต่ออายุได้ดีถ้ามาปฎิบัติธรรมสร้างบุญกุศล พอตอนเย็นเรื่มนั่งสมาธิ หลวงพี่จะให้น้องผู้ชายคนที่ยืนอยู่โบกมือปิดไฟ เพื่อแสงไฟจะได้ไม่รบกวน แล้วก็ให้น้องเดินตามหลังมาเพราะต้องการให้เขาฝึกบรรยายธรรมแทนหลวงพี่เพราะทุกวันนี้ยังไม่มีใครมาสืบทอดความรู้แบบที่หลวงพี่สอน เผื่อวันหนึ่งที่หลวงพี่จากพวกเขาไปที่อื่นแล้วจะได้พาทุกคนปฎิบัติธรรมแทน พอหลวงพี่เรื่มบรรยายธรรมแล้ว คนที่ฝึกกสิณไฟมักจะสัมผัสพวกวิญญาณได้เร็วมาก น้องก็ยังเดินตามหลังมาแต่รู้สึกอึดอัดมากเพราะคิดว่าน้องที่ให้เดินตามหลังมาเดินชิดไปจนน่ารำคาญพอหันหลังไปจะไปบอกให้น้องเดินห่างหน่อย ที่ไหนได้กลับมองเห็นเป็นร่างดำๆเดินตามจนติดหลังมิน่าถึงรู้สึกอึดอัด ถ้านึกไม่ออกก็นึกถึงหมอปลาจะคล้ายๆกัน แต่หลวงพี่ไม่ได้เปิดจิตมากขนาดเขาไม่งั้นอ้วกแตก ส่วนน้องไปยืนห่างติดกำแพงมองตาปริบๆ เพราะเขาเห็นตั้งแต่แรกแล้ว
    หลังจากบรรยายธรรมไปสักพัก ป้าเดือนแกก็ร้องโอยๆ ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรอีกสักพักพอเดินบรรยายธรรมใกล้จบแล้วอยู่ใกล้ป้าพอดี เห็นแกอึดอัดเหมือนคล้ายกับถูกบีบคอ หลวงพี่เลยหยุดบรรยายธรรม มองแก เท่านั้นแหล่ะมีอะไรที่มองไม่เห็นกระชากป้าแกลงพื้นอย่างแรงเหมือนกับโดนถีบหน้าจนหัวฟาดพื้นจนทุกคนตกใจ ตอนแรกหลวงพี่ก็ตกใจอยู่นะ เพราะแต่ละคนตกใจเริ่มคุมสติไม่อยู่ ตั้งสติได้จึงโทรไปให้ลูกหลานรีบพาแกไปส่งโรงพยาบาล แต่ละคนก็กลัวหลวงพี่จึงตัดสินใจแก้ไขให้ทุกคนตั้งจิตเป็นกุศลแล้วนั่งสมาธิทำจิตให้เป็นกุศลสูงสุด แล้วแผ่เมตตาให้ดวงวิญญาณเหล่านั้นแต่ที่แปลกคือตรงหน้าประตูกระจกน่ะ พวกเขายังไปไม่หมด รอที่จะฆ่าป้าให้ได้ พอป้าแกดีขึ้นแล้วหลวงพี่ก็ให้ป้าทำบุญสังฆทานให้พวกเขา แต่หลวงพี่ไม่ได้บอกความจริงกับป้าว่าพวกเขายังรอที่จะเอาป้าไปให้ได้ รออยู่เป็นอาทิตย์ป้าก็ยังมาปฎิบัติธรรมเหมือนเดิม จนพวกเขาได้บุญกุศลแล้วหลวงพี่ก็สัมผัสพวกเขาไม่ได้อีก ไปกันหมดแล้ว ส่วนเย็นวันที่เกิดเรื่องน้องผู้ชายที่เป็นลูกศิษย์หลวงพี่ก็กลัว ไม่ยอมห่างหลวงพี่คราวนี้หลวงพี่ขอตัวไปอาบน้ำก่อนเพราะค่ำแล้ว ความกลัวน้องก็เลยรออยู่แถวหน้าห้องน้ำนั่นแหล่ะ เขามักจะเรียกกสิณเวลาที่ว่างประจำ ระหว่างที่รอจิตเป็นสมาธิไปด้วย เขาบอกว่าเขามองไปทางต้นไม้ใกล้ๆห้องน้ำ ห่างไปสักสิบเมตร เขามองเห็นด้วยตาเนื้อ เห็นเป็นแสงเรืองมีคนผิวขาวสูงประมาณสองเมตร นุ่งโจงกระเบนสีแดงมือถือกระบองสามง่าม มีปากงุ้มเหมือนปากไก่กำลังคุยกับใครที่เหมือนการตำหนิอะไรสักอย่างน้องกลัวขาสั่นเพราะหลวงพี่อยู่ในห้องน้ำไม่ออกมาสักทีจนเขาหายไป คราวหลังจึงไล่เลียงเหตุการณ์จากลูกศิษย์อีกคนจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นสักครู่นะเดี๋ยวกลับมา
     
  6. พระtoshi

    พระtoshi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +270
    เอาล่ะมาแล้ว ที่เล่าให้ฟัง มาต่ออีกเล็กน้อยหลังจากนั้นจะได้แนะนำวิธีปฎิบัติอย่างถูกต้องและตอบที่คุณสงสัยนะ หลวงพี่ไม่ได้มีลูกศิษย์ที่เก่งแค่คนเดียวบางคนเก่งไม่เหมือนกัน บางคนเก่งทางติดต่อโลกวิญญาณเหมือนที่จะแนะนำคุณนั่นแหล่ะ คนที่สองหลวงพี่ก็ให้เขานั่งสมาธิส่วนหลวงพี่ก็บรรยายธรรมเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับป้าเดือน เมื่อเขาออกตจากสมาธิแล้วให้เขาบอกเหตุการณ์มา เขาบอกว่า ในวันที่เกิดเรื่อง จริงๆวันนั้นป้าแกหมดบุญแล้วแต่เพราะจิตที่เป็นกุศลอยากปฎิบัติธรรมทำให้ป้าแกรอดตาย เพราะตอนที่หลวงพี่เริ่มบรรยายธรรมและหันหลังไปไล่น้องนั้นที่จริงแล้วไม่ใช่ผี แต่เป็นสัตว์นรกที่ร้ายกว่าภูติผีใดๆ ไม่แปลกแน่เพราะขนาดห่มผ้าเหลืองสอนธรรมยังเดินติดหลังเลย มาทั้งหมด 4 ตนที่เขามาเดินติดหลังหลวงพี่จนน้องต้องหนี เขาพยายามกันไม่ให้ไปช่วยป้าเดือนเพราะแกหมดบุญแล้ว ส่วนอีก3ตนที่เหลือก็เข้าไปรบกวนคนอื่นเพื่อไม่ให้ช่วยป้าหลังจากนั้นก็มีคนร่างยักษ์สูงประมาณ2เมตรกว่าเดินเข้ามาใกล้ป้าถือกระบองยาวที่แปลกคือเมื่อเขากระแทกกระบองลงกับพื้นมันกลับตั้งเองได้โดยไม่ล้มแล้วก็เอื้อมมือไปข้างหลังผ้าโจงกระเบนสีแดงที่เขานุ่ง หยิบม้วนหนังที่้ม้วนไว้ เดาว่าน่าจะเป็นหนังหมา พออ่านแล้วเก็บไว้ด้านหลัง แล้วเดินไปบีบคอป้าอย่างแรง หลวงพี่จึงหายสงสัยว่าป้าแกร้องเหมือนคนถูกบีบคออย่างแรง แล้วก็จับคอป้าฟาดไปที่พื้นอย่างแรง หลังจากนั้นป้าก็ถูกเอาโซ่ล่ามแกไปในลักษณะของวิญญาณจนเดินทะลุศาลาที่นั่งสมาธิสักครู่เขาก็เอาป้ามาส่งแล้วกลับไปป้าถึงเริ่มร้อง จนกระทั่งพาส่งโรงพยาบาล หลวงพี่จึงถามลูกศิษย์อีกว่าทำไมป้าถึงไม่ตาย เขาบอกว่า เขาเห็นคนยุคโบราณไม่แน่ใจว่ายุคสุโขทัยหรือเปล่า เป็นผู้ชายหลายสิบคนช่วยกันสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่คงเป็นเพราะสาเหตุนี้มั้งความผูกพันร่วมสร้างกุศลในอดีตจึงได้มาช่วยป้าให้รอดตายจนทุกวันนี้
     
  7. พระtoshi

    พระtoshi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +270
    มาแล้ว คราวนี้มาฝึกกสิณกัน อธิบายง่ายๆนะ นอกจากวิปัสสนาที่กำหนดลมหายใจ ก็มีสมาธิอีกสายนึงคือกรรมฐาน มีอยู่40อย่างแต่ที่หลวงพี่เลือกฝึกกสิณไฟหรือเตโชกสิณ ตอนนั้นบวชใหม่ก็อยากลองดูไม่รูัจะฝึกอะไรอยากเป็นผู้วิเศษเหมือนกับเขามั่งว่าอย่างงั้นเถอะ ตอนแรกๆฝึกไปก็ท้อเหมือนคุณนั่นแหล่ะ พอตั้งใจฝึกไม่นานก็รู้มันคืออะไร จุดดีของกสิณไฟคือระดับสติปัญญาจะฉลาดหลักแหลมมาก สามารถเรียนรู้อะไรได้เร็วความแม่นเดินหน้าถอยหลังคิดคำนวนได้แทบเทียบเท่าชูเปอร์คอมพ์เลยทีเดียว เกิดฤิทธิ์ทางจิตและการกระทำบางอย่างเหนือมนุษย์ทั่วไป หลวงพี่ไม่ต้องบอกนะมันคืออะไร แต่คุณจะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองเท่านั้น เมื่อสติปัญญาเกิดแล้วหลวงพี่พิจารณาแล้วว่ามันก็เท่านั้น เอาความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่พระธรรมให้พวกเขาได้เรียนรู้อย่างมีสติและเหตุผลดีกว่า ไม่หวังลาภสักการะ ถึงจะเป็นพระจนๆก็ช่างมันสบายใจดี

    ง่ายๆมาเริ่มกัน อันดับแรกทำจิตให้สบายๆไม่ต้องคิดอะไรให้วุ่นวายก่อนนะ
    อาบน้ำให้ร่างกายสดชื่นก่อน หลังจากนั้น เตรียมเทียนไข 1เล่มก็พอ หลังจากที่พร้อมแล้วจุดเทียนไว้ใกล้ๆพอมองเห็นได้ชัด ก็เริ่มสวดมนต์ก่อนให้จิตเป็นสมาธิสักเล็กน้อย นะโม3จบต่อด้วยอะระหังสัมมา แล้วก็พุทธัง สรณัง คัจฉามิ เมื่อพร้อมแล้วก็อธิษฐานจิต ขอมหาบารมี แห่งองค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นบรมครูสอนโลกและสัตว์ทั้งหลายให้พ้นจากห้วงทุกข์ รวมทั้ง....หลวงพ่อหรือพระที่เรานับถือศรัทธาท่านเพราะแต่ละคนนับถือไม่เหมือนกัน ...โปรดแผ่มหาบารมีเมตตาจิตในการเจริญสมาธิภาวนา ขอให้ได้สมาธิเกิดปํญญา รู้แจ้งเห็นธรรม ขออย่าให้มีสิ่งใดฟุ้งซ่านรบกวนในสมาธิ หลังจากนั้นก็กราบ3ครั้ง แล้วเริ่มนั่งสมาธิ มองไปที่เปลวเทียนสักครู่นึงจนจำภาพไฟติดตานั้นไม่ต้องเพ่งแค่จำให้ได้ก็พอ แล้วหลับตาจำแต่ภาพไฟนั้นไว้แต่สักครู่ภาพไฟที่คุณจำได้จะเริ่มเปลี่ยนไปเป็นประกายเพชรบ้าง แสงส่วางจ้าบ้าง เป็นสีรุ้งบ้าง ไม่ต้องสนใจปล่อยมันไปเห็นอยู่แค่นั้น จนจิตนี่งสักพักบางคนจะเกิดอาการขนลุกซู่บ้าง ตัวโยกบ้าง ตัวเบาบ้าง ช่างมันจำภาพไฟที่เคยเห็นต่อไป นั่นเขาเรียกว่า ปีติ เป็นความสุขทางใจ หรืออุปจารสมาธิขั้นที่2 ถ้ามีภาพความจำที่ฟุ้งซ่านเช่น ไปซื้อของ ทำกับข้าว ภาพจินตนาการเลอะเทอะ หลวงพี่ใช้วิธีลบภาพเหล่าให้มันเป็นภาพกระจกที่แตก ถ้ามันยังเป็นอีกก็ทำอีกให้เป็นภาพกระจกแตก เดี๋ยวมันก็หยุดฟุ้งซ่านไปเอง ต่อมาถ้าจิตเริ่มนิ่งแล้ว ลมหายใจจะตัดในทันที เริ่มหายใจละเอียดขึ้น เบาขึ้น ถ้านิ่งไปอีกระดับ ลมหายใจจะตัดและเบาไปอีก จนลมหายใจนิ่มที่สุด สบายที่สุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หลังจากนี้คุณจะเริ่มเจออะไรที่คุณคาดไม่ถึง เช่นไฟที่คุณมองเห็นจะขยายใหญ่จนลุกท่วมตัวคุณตอนนี้ ที่คุณจะได้เห็นอะตอมธาตุของไฟที่เล็กที่สุดเป็นอย่างไร หรือคุณจะเห็นคนแต่งตัวสวยงามน่าตาน่ารักมาหาคุณต่อหน้า แต่ก็อย่าไปหลงกับสิ่งที่เห็นนะ จำแต่ภาพไฟที่เรายังพอจำได้เพื่อไม่ให้สมาธิหลุดก็พอ ยังมีอีกเยอะที่คุณจะพบเห็น ถ้าคุณตั้งใจทำทุกวันวันละครึ่งชั่วโมงก็พอ คุณอาจจะติดต่อสื่อสารกับโลกวิญญาณได้ไม่ยากเลย แต่ข้อแม้ว่าเมื่อคุณกลับไปใช้ชีวิตตามปกติแล้วขอให้เปลี่ยนแปลงตัวเองมีสติในการพูดดี ทำดีต่อผู้อื่นด้วยน้ำใจ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เมื่อคุณเริ่มพัฒนาตัวเองในทางดีขึ้น เวลาคุณกลับมานั่งสมาธิอีกก็จะเข้าถึงสมาธิได้ง่ายมาก แต่ย้ำว่าห้ามเด็ดขาด เรื่องเหล้ายาเสพติด เพราะมันจะทำลายสมาธิที่ทำมาแทบไม่เหลือ ลูกศิษย์หลวงพี่ที่เขาเก่งกันก็เคยเสพยามาก่อนพอมาเรียนกับหลวงพี่ก็เลิกอย่างเด็ดไปเลย เพราะหลวงพี่เคยจับโกหกเขาได้ว่าเขาเสพยามาแล้วมานั่งสมาธิหลวงพี่อ่านจิตรู้ทันที เพราะจิตเขาจะเป็นควันที่ดูสบสนหลวงพี่จึงเตือนเขาและตั้งแต่นั้นมา เขาก็เลิกเสพยา เลิกเหล้าอย่างเด็ดขาด มีน้ำใจช่วยเหลือผู้คนเหมือนที่หลวงพี่สอนเขาจนทุกวันนี้ เดี๋ยวจะมาสอนกสิณน้ำให้นะ เผื่อสนใจเดี๋ยวมา
     
  8. พระtoshi

    พระtoshi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +270
    คราวนี้มากสิณน้ำกัน ทุกอย่างเหมือนกับเตโชกสิณ แต่เปลี่ยนเป็นเอาน้ำใส่แก้ว หรือใส่ขันก็ได้แล้วมองไปที่น้ำเหมือนกับไฟนั่นแหล่ะ แต่จะต่างกันก็คือไฟจะไม่ลุกทั่วตัวแต่ล้อมรอบตัวคุณจะเต้มไปด้วยน้ำ หรือไม่ก็คุณจะไปตกอยู่ในทะเลที่ใดที่หนึ่ง ไม่ต้องกลัวเมื่อจิตคุณนิ่งจนมีสติแล้วจะว่ายไปในทะเลลึกมองเห็นปะการังหรือปลาต่างๆได้แล้วแต่ว่าจิตคุณจะไปโผล่ที่แม่น้ำหรือทะเลไหนก็ไม่รู้ ขอให้สุขกับสมาธิใหม่ๆนะ อย่าลืมเด็ดขาดว่าก่อนจะออกจากสมาธิ ขอให้ทำจิตแผ่เมตตาให้เหล่าดวงวิญญาณหรือผู้ที่เราต้องการส่งบุญกุศลให้พวกเขา เมื่อออกจากสมาธิแล้วให้กรวดน้ำให้พวกเขาขอบุญกุศลจากการเจริญสมาธิภาวนาครั้งขออุทิศให้....อะไรก็ว่าไปช่วงที่คุณกำลังเทลังเทน้ำลงต้นไม้แล้วอธิษฐานให้พวกเขา ตอนนี้แหล่ะเขาจะได้รับบุญกุศลมากมาย หลังจากที่หยุดกรวดน้ำแล้วเขาก็จะได้ไปถึงตอนที่หยุดกรวด หลวงพี่เคยถามพวกเขาอยู่นะคงไม่ต้องบอกว่าเป็นอะไร ถ้าคุณทำอย่างนี้ทุกวันไม่ขาด ลองสังเกตุดูว่าจะเริ่มมีคนอ่อนน้อมต่อเรามากขึ้น ไปไหนคนก็รักก็คิดถึง แม้คนที่มีอำนาจเหนือเราเขาจะอ่อนน้อมต่อเราเอง ภูติผีปีศาจ ของต่ำทำอะไรไม่ได้ เพราะมันจะเกิดมหาอำนาจบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในตัว เพราะลูกศิษย์หลวงพี่ได้ดี เรียนเก่ง มีแต่คนรัก ผิดหูผิดตาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่จงจำไว้ว่าเมื่อมีฤิทธิ์ ก็เสื่อมได้นะ จงเป็นคนที่น่ารักอ่อนน้อม และมีน้ำใจต่อผู้อื่นเสมอ จริงๆแล้วมันมีฤิทธิ์ที่มากมายกว่านี้หลายเท่าแต่หลวงพี่ไม่อยากพูดเดี๋ยวโดนว่าอวดอุตริ น่าเบื่อ คุณเท่านั้นที่จะรู้ได้ด้วยตัวเอง เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ พระศาสดาท่านทรงรับรองไว้ว่ากสิณเข้าถึงทางพ้นทุกข์ได้เช่นกัน และก็ไม่ใช่เดรัจฉานวิชชา เพราะไม่ชอบสายเดรัจฉานวิชชาอยู่แล้ว
     
  9. ในแสงสว่าง

    ในแสงสว่าง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2014
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +73
    เราก็อยากทำสมาธิเช่นกันค่ะ แต่เรื่องเห็นวิญญาณปัจจุบันก็เป็นอยู่ แต่ไม่ได้เห็นไปซะหมดจะเห็นจะๆแค่บางครั้งบางคราวค่ะ ส่วนมากจะเห็นในฝันจะสื่ออะไรก็มาทางนี้หมดเลย

    เรื่องทำสมาธิเราก็พยายามฝึกค่ะ แต่ทำนานๆไม่ได้ หรือแม้กระทั่งนั่งสวดมนต์นานๆเราก็ทำไม่ได้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรร่างกายมันถึงร้อนวูบวาบไปหมดทั้งๆที่ก็ไม่ได้เป็นไข้ค่ะ มันร้อนเป็นไอๆออกมาวาบๆพร้อมกับมีอาการเสียวสันหลังตามมาอีก บางครั้งกลับมีเสียงคนสวดซ้อนด้วยแหละเลยทำให้เข็ดไปเลยค่ะ

    ที่สำคัญบางครั้งเราก็ตกใจง่ายเกินไปเจออะไรก็ผวาสุดตัวเหงื่อผุดขึ้นมาเยอะเลย ยิ่งมีเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่มอง(ไม่เห็น)มาเกี่ยวข้องก็ยิ่งทำให้กลัวไปใหญ่ ไม่รู้จะหาทางออกยังไงเหมือนกันค่ะ เราเคยเจอวิกฤษหนักๆมาหลายครั้งจนเกือบจะพบจิตแพทย์เพราะคิดว่าตัวเองเห็นภาพหลอน ทั้งเรื่องสือสารกับญาติที่เสียไปแล้วหรือคนอื่นๆ

    จนทุกวันนี้ต้องอยู่กับสิ่งที่เป็นด้วยความกังวลและหวาดระแวงค่ะ ต่อให้ในฝันจะมีคนมานำสวดมนต์หรือพาไปนั่งสมาธิอยู่บ่อยๆ พาไปพบเจอกับสิ่งที่เราไม่เคยได้เจอ ไปสอน ไปทำให้รู้ก็เถอะ หรือบางครั้งก็ทำให้ได้เห็นเราที่ไม่ใช่เรา อาจจะเป็นในชาติภพอื่นหรือเปล่าไม่แน่ใจแต่มันเห็นซ้ำๆหลายครั้งน่ะค่ะมันเลยเริ่มคิดแบบนั้น แต่ไม่ว่าจะยังไงตอนนี้ก็เป็นเราอยู่ดีนั่นแหละ

    ทุกวันนี้ก็เยียวยาตัวเองด้วยการสิงอ่านกระทู้ประสบการณ์ของคนอื่น แต่ถ้าเรื่องไหนตรงกับเราเราก็อยากจะตอบ(พูดง่ายๆคืออยากจะระบายบ้าง)ไม่รู้ว่าจะมีใครเชื่อหรือเปล่า แต่อยากจะบอกว่าอยากได้ใครสักคนที่มาพูดคุยด้วยกันบ้าง ไม่อยากให้ใครว่าเราบ้า เพราะสิ่งที่ได้เจอบางครั้งมันก็สาหัสแต่เล่าให้ใครฟังไม่ได้ก็ทุกข์ใจเหลือเกิน ทั้งชีวิตที่พัวพันอยู่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกรรมหรือเปล่า?

    ขอโทษด้วยนะคะถ้ามันดูน่ารำคาญ
     
  10. Superwoman1

    Superwoman1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +244
    @ในแสงสว่าง พูดคุยกันได้ค่ะในกระทู้นี้ไม่เป็นไร เจออะไรมาก็มา post ได้เนาะ
     
  11. ในแสงสว่าง

    ในแสงสว่าง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2014
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +73
    ขอบคุณมากๆเลยค่ะ เวลานี้อยากจะหาวิธีที่จะทำให้จิตใจสงบเหลือเกินค่ะ ความรู้สึกตอนนี้มันกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก อยากจะทำสมาธิให้ใจโล่งๆไม่ต้องไปนึกถึงเรื่องที่ทำให้เราทุกข์อีกแล้ว ถ้ามีคำแนะนำเรื่องการฝึกสมาธิก็ช่วยแนะนำด้วยนะคะ
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040


    ฟังผมเล่าอะไรให้ฟังเล่นๆนะครับ อาจจะยาวหน่อยครับ
    แต่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ครับ
    น้องชายที่เคารพกันคนหนึ่งของผมนะครับ..
    ตอนนี้บวชเป็นเณรอยู่..เนื่องด้วยเกิดมาพร้อมกับ
    ความสามารถพิเศษ ไม่ว่าตาทิพย์คือมองเห็นภพภูมิได้ทุกระดับเหมือนๆ
    เรามองกันแบบตาเปล่านี้หละครับ จนเมื่อก่อนจะเดินไปไหนต้องคอยหลบ
    โน้นหลบนี้ มีหูทิพย์ชนิดที่ว่า นึกถึงเพื่อนที่อยู่เมืองนอกจะได้ยินชัดเจน
    เหมือนยืนคุยกันอยู่ใกล้ๆ..ทุกวันนี้ก็ยังมีความสามารถแบบนี้อยู่ครับ..
    นี่ยังไม่นับความสามารถทางจิตอื่นๆที่ไม่เหมาะที่จะเล่าให้ฟังอีกเยอะนะครับ..

    และธรรมดาครับ.
    .หลายๆคนเกิดมาพร้อมกับความสามารถพิเศษเดิม
    ที่มันเคยมีอยู่ในดวงจิตที่มาเป็นร่างกายเราตอนนี้..แล้วก็จะเกิดปัญหา
    กระทบต่อตัวเองอย่างนี้..ปัญหาการมองมาจากสังคมภายนอก..
    ส่งผลให้บางครั้งเหมือนว่าเราไม่ได้อยู่ในกลุ่มของสังคม..จนทำให้เรา
    คิดว่าเรามันแตกต่าง หรือเป็นเวรเป็นกรรมอะไร....

    ความจริงคลิ๊กมันนิดเดียวครับ..หากเรารู้จักน้อมนำสิ่งที่เห็นได้ยาก
    สิ่งที่สัมผัสได้ยาก สิ่งที่บุคคลทั่วๆไปรับรู้ได้ยาก ตรงนี้...
    ให้มองให้โน้มเห็นให้ถึงว่ามันเป็นสาเหตุของความทุกข์
    ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม
    ที่เป็นการรับรู้มากกว่าปกติมันก็ทำให้เราทุกข์ทั้งนั้น..ทุกข์เพราะอะไร
    พอเรารับรู้ได้ สัมผัสได้ เราก็จะเกิดตัวเข้าไปรู้ในเรื่องของตัวนามธรรม
    ตัวที่ทำให้เรารับรู้ สัมผัสได้แบบพิเศษนั้น เพิ่มเข้าไปอีกตัวหนึ่งนั่นเองครับ
    ..ตัวรู้นี้เพิ่ม
    นี่หละครับ ที่มันสร้างปัญหาให้เราตอนนี้ครับ..เพราะรู้ไปแล้ว..เราก็มีแต่
    จะคิดไปต่างๆนาๆ และด้วยนิสัยเดิมของจิต มันก็ไม่ค่อยจะคิดในทางที่
    ทำให้จิตสว่าง สไหว หรือคิดในทางที่ทำให้จิตสงบเสียด้วยครับ เพราะ
    ปกติวิสัย ตัวจิตมันชอบคิดทำนองนี้ นอกจากเราจะเปลี่ยนกระแสความคิด
    ให้ตรงกันข้ามกับที่มันคิดให้ได้ก่อนครับ...เพื่อล้างกระแสที่ทำให้จิต
    เศร้าหมองต่างๆตรงนี้ออกไปให้ได้...ต่อมาไม่ว่าการรู้อะไรก็ตามให้เรา
    ตั้งต้นเอาไว้ว่า ไม่สนใจทุกๆอย่าง ไม่ยึดทุกๆการรู้ แม้ว่าบางครั้งมันจะ
    เป็นไปได้อัตโนมัติโดยที่เราไม่ต้องการรับรู้
    เราก็ต้องสร้างสติทางธรรม
    เอาไว้ เพื่อให้ระลึกขึ้นมาได้ว่า.ไม่ต้องการเห็น ไม่ต้องการสัมผัส ไม่ต้อง
    การรู้...ก็เพื่อที่ต่อไป มันจะกลายเป็นการรู้แต่ว่าไม่ยึด ถึงจะไม่ส่งผลใดๆ
    ต่อตัวจิตของเราที่จะทำให้เรารู้สึกเศร้าหมองได้ครับ...

    นึกภาพออกไหมครับ เราห้ามตา ห้ามหู ไม่ให้มันเห็น ไม่ให้มันได้ยินไม่ได้
    เราจะแก้ปัญหาด้วยการปิดหูปิดตา ก็ไม่ได้ เพราะลืมขึ้นมามันก็ได้ยิน
    มันก็เห็น..นอกจากว่า เราจะมีสติสร้างปัญญามีความเข้าใจได้ว่า..
    สิ่งที่เราเห็น สิ่งที่เราสัมผัสได้นั้น เป็นเรื่องธรรมดา แค่รู้ แค่สัมผัส..
    แต่เราไม่ยึดครับ...ความสามารถพิเศษก็เฉกเช่นเดียวกันครับ...
    จะเห็นอะไร จะรู้อะไรก็ตาม จะสัมผัสอะไรได้ก็ตาม ไม่ว่าเรื่อง
    ในอดีต เรื่องในอนาคต จะดีหรือไม่ดี จะมีหรือไม่มี ไม่ว่าอะไรๆ
    ก็ไม่เอามันซักเรื่องครับ..ยกเว้นเรื่องการดำรงชีพครับ...

    ถ้าทำได้สภาวะปกติของเรา ก็จะเปรียบเสมือนเราเห็นสิ่งที่อยู่รอบๆตัว
    เราได้เป็นปกติ..เหมือนเราเห็น รถยนต์เคลื่อนที่ ถ้าเรามองอยู่บนตัวอาคาร
    เราก็รู้ว่ามันเป็นรถยนต์ แต่เราไม่ได้เก็บมาคิดว่า เราจะต้องเก็บเงินซื้อ
    รถคันที่มันวิ่งไปให้ได้นั่นหละครับ..แม้ว่าเราจะรู้ว่ามันยึ่ห้อนั้นยี่ห้อนี้
    เราก็แค่รู้.แต่การรู้ตรงนี้ก็แค่รู้แล้วผ่านไป..เราไม่ได้เก็บมันมาคิดว่า
    เราจะต้องไปอยากได้มันนั่นหละครับ..แต่พอเราจะเดินข้ามถนน
    เราก็ต้องมองมันไม่ว่าจะยี่ห้ออะไรก็ตามที่มันวิ่งอยู่บนเส้นทางที่เรา
    จะข้ามถนนเพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง..เปรียบเสมือนได้ว่า

    ความสามารถพิเศษอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นมาสำหรับเรา..เราก็แค่รู้
    แค่มองมันไม่ได้ไปสนใจมัน แต่พอเราจะต้องใช้งานเราก็พร้อม
    ที่จะต้องมอง ต้องสนใจมัน แต่เราก็จะสนใจมันก็ต่อเมื่อมันมี
    ประโยชน์ต่อตัวเราหรือคนอื่นๆ เปรียบเสมือนว่าเราจะพาคนอื่นๆ
    ข้ามถนนที่รถวิ่งอยู่นั้นหละครับ..พอข้ามถนนเสร็จเราก็ไม่ได้
    ไปสนใจว่ารถมันยี่ห้ออะไร..หรือต้องไปสนใจว่าคนที่เราพาข้าม
    จะต้องมาขอบใจเราด้วยนั่นหละครับ...และพอเราเดินต่อไป
    ตาเราก็มองแต่เส้นทางที่เราเดิน..ผ่านสถานที่อื่นๆที่คนเค้าคุยกัน
    เรื่องๆอื่นๆ ถ้าเราไม่ไปหยุดฟังตัวเราก็จะไม่สนใจ
    เราก็เลยไม่ได้ต้องเก็บเรื่องเค้ามาคิดนั้นหละครับ

    ปล.ค่อยๆเป็นค่อยๆไปครับ.พอจะมองภาพออกไหมครับ..
     
  13. parichatkreepat

    parichatkreepat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    463
    ค่าพลัง:
    +538
    อุ๊บ๊ะ แม่เจ้า ชอบมากเลยความเห็นนี้ บอก อธิบายได้ดีสุดๆ เข้าใจได้ง่าย

    พวกมีสัมผัส ปอนว่ามีทั้งดีและเสียในตัวนั้นละ ก็เหมือนสิ่งของมันมีดีและไม่ดีในตัว แค่อยู่ที่เราจะคิดจะมอง อย่างน้อยของแบบนี้เป็นสิ่งที่เคยฝึกมาเคยมีมาเป็นสิ่งที่ตัวเราเองเป็นจุดเริ่มที่ทำให้สิ่งนี้มันเกิดมา

    ปอนเป้นคนนึงนะที่อยากมีสัมผัสแบบนี้ แต่ปอนก็ไม่มี เคยคิดจะทำพิธีเปิดตาที่สามนี่ละแต่ก็ไม่ทำเพราะคิดถึงผลเสียที่เรากลัวเราคงรับไม่ได้แน่ๆ ที่อยากมีสัมผัสมันมีหลายสาเหตุเลย

    อยากเห็นและรับรู้ในสิ่งที่ตัวเราสงสัย ง่ายๆว่าอยากจะถาม

    อยากช่วยในสิ่งที่เขาไม่สามารถบอกกับคนที่เขาอยากบอกได้

    อยากคุยอยากเห็นหน้าลูกกุมารว่าน่ารักแค่ไหน

    แต่ใจไม่กล้าพอที่จะเห็น เราเห็นสิ่งที่ดีได้ เราย่อมเห็นสิ่งที่ไม่ดีได้เช่นกัน

    พร่ำยาวเลย ได้พิม พิมยาวเลย ขอโทษนะค่ะ
     
  14. parichatkreepat

    parichatkreepat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    463
    ค่าพลัง:
    +538
    กระทู้นี้เงียบไปเรย.
     
  15. พระtoshi

    พระtoshi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +270
    ลืมบอกไปเรื่องนึง ขอให้ใช้วิธีคิดง่ายๆอย่างนี้ว่า โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ แต่ก็อย่าคิดว่าทำไม่ได้ หลวงพี่ใช้หลักคิดตอนสวดมนต์แล้วแปลออกมา ที่เราสวดอิติปิโสนั่นแหล่ะ มีประโยคนึงที่กล่าวว่า เอหิปัสสิโก หมายถึง จงมาดูเถิด ตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าคืออะไรแต่พอรู้ความหมายที่แท้จริงคือ ลองทดลองปฎิบัติเหมือนที่พระศาสดาแนะนำเป็นแนวทางที่ท่านให้ความรู้นั่นเอง อย่าเพิ่งรู้อะไรที่มันยากเกินเข้าใจ แต่จงปฎิบัติเริ่มต้นจากง่ายๆไปก่อน นักดนตรีที่เก่งๆ พระปฎิบัติที่เราศรัทธามากมาย หรือใครๆก็ตามที่เราเห็นว่าเขาดีหรือเก่ง ล้วนแต่ฝึกมาจากฐานเริ่มต้นง่ายๆทั้งนั้น ไม่ได้มีพรวิเศษอะไรหรอก ลูกศิษย์น้องๆคนที่มาปฎิบัติธรรมกับหลวงพี่บอกว่าหลวงพี่ต่างจากที่เคยเห็นมา หลวงพี่จะถามเขาทุกคนว่า เราเคยเห็นหลวงพี่เหาะได้ ปล่อยแสงได้เหมือนยอดมนุษย์อุลตร้าแมนไม๊ล่ะ ตอบไม่ หลวงพี่ก็เหมือนพวกเรานี่แหล่ะ ก็เริ่มฝึกมาจากง่ายๆเหมือนที่สอนพวกเราเหมือนกัน อะไรก็ได้แต่จงทำก่อนไม่ยากหรอก คติประจำใจของหลวงพี่เวลาที่จะทำอะไรสักอย่างคือ "เราชื่นชมในความสามารถของคุณ แต่เราก็ทำได้ไม่แพ้คุณ" ถ้าคุณคิดได้อย่างนี้แล้วลงมือทำเริ่มจากง่ายจนชำนาญก็จะพบว่าเราก็เก่งไม่แพ้ใครนะ ใบไม้ในวัดมันเยอะมองไปแล้วคิดว่าคงกวาดมันไม่ไหวแน่ไม่สนใจกวาดมันไปเรื่อยๆจนเหนื่อยระหว่างกวาดก็คิดอะไรไปบ้างหรือบางครั้งก็นิ่งตั้งใจทำจนจิตเป็นสมาธิเล็กๆ มองไปข้างหน้า มันก็ยังพอมีอยู่เริ่มไม่ไหวแล้ว หันกลับไปมองข้างหลังที่กวาดไปแล้ว เออ มันก็เสร็จไปมากแล้ว มีกำลังใจเพิ่มกวาดต่อจนเสร็จ คุณสังเกตุคนขี้อิจฉาคนดูสิ คนพวกนี้มักมีนิสัยขี้เกียจ พอเห็นใครดีกว่าก็มีแต่อิจฉาคิดร้ายคนที่ดีกว่า แต่ตัวเขาเองไม่เคยจะอดทนทำหรือฝึกตน หลักคิดง่ายๆแต่น่าสนใจนะ โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆแต่ก็ไม่ยากเกินถ้าเราจะลงมือทำนะ อีกตัวอย่างสบายๆ เดือนที่แล้ว ภาคอีสานอากาศหนาวพอกับน้ำในตู้เย็น ยิ่งวัดป่ากันดารต้องสูบน้ำจากบาดาลมาใช้ นึกไม่ออกก็ลองเอาน้ำที่แช่ตู้เย็นเกือบเป็นน้ำแข็งมารดตัวแล้วเอาพัดลมมาเป่าตัวไปด้วยจะรู้ว่าเป็นไง เวลาอาบน้ำไม่ต้องสนอะไรแล้วตักน้ำอาบทันทีหนาวช่างมัน ปากก็ท่องไปด้วย เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ที่ท่องอย่างนี้ก็คือ ถ้าไม่อาบเดี๋ยวก็ติดนิสัยอ้างไปเรื่อย ยังไงก็ต้องหนาวทนไปเดี๋ยวก็เสร็จไปเอง สบายตัวไม่สกปรก หลับสบายดีกว่าขี้เกียจอาบน้ำ คงเป็นอะไรที่เป็นกำลังสำหรับผู้ที่เริ่มปฎิบัติธรรมนะไม่ยากหรอกค่อยๆทำไปอย่าขี้เกียจ ถ้าทำไปบ่อยๆอาจจะท้อไปบางครั้งแต่ให้สังเกตุตัวเองดูสิ จะพบว่ามีสมาธิที่ดีเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว ฝึกต่อไปก็จะดีขึึ้นแน่นอนไม่มีหรอกที่ยิ่งฝึกยิ่งแย่ลง เพียงแต่ไม่ได้เรียนรู้อย่างถูกวิธีเท่านั้นเอง ถ้ายังไงลองกลับไปดูที่หลวงพี่แนะนำวิธีนั่งสมาธิดูนะ ช่วงนี้มีเวลาเข้าดูที่เพจนี้อยู่เพราะยังยังไม่ได้ย้ายวัด ถ้าติดขัดยังไงก็จะมาช่วยแก้ไขให้นะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ เฟสบุ๊ค motoro but เข้าไปแลกเปลี่ยนหาความรู้ทางธรรมก็ดีนะ:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 มีนาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...