เรื่องเล่า ตื่นนอน ตอนสายๆ

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย suwi, 30 มิถุนายน 2010.

  1. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    ในประเทศ อิตาลี มีองค์กรหนึ่งได้ออกไปทำตัวอย่างของ เด็กๆ อายุระหว่าง 7-11 ขวบ ที่ถูกขอร้องให้ตบหน้าเด็กผู้หญิง คุณคิดว่าพวกเขาจะทำอย่างไร?


    ในหลายๆ ครั้ง เด็กๆ ได้ให้ข้อคิด และบทเรียนแก่ผู้ใหญ่มากมาย เช่น ความโกรธของเด็ก แม้พวกเขาจะควบคุมไม่ได้ ควบคุมได้ยากกว่าผู้ใหญ่ ที่จะแสดงมันออกมาให้ผู้อื่นรู้ แต่ขณะเดียวกัน พวกเขาก็ดีกัน และลืมเรื่องที่เคยบาดหมางกัน กลับมาเป็นเพื่อนกันอย่างรวดเร็วกว่าผู้ใหญ่ ที่มีความคิดซับซ้อน จากสังคมที่สับสนเกินไป



    เช่นเดียวกันกับคลิปนี้ ก็ได้ให้ข้อคิดแก่ผู้ใหญ่ ที่สังคมในปัจจุบันเป็นสังคมนิยมวัตถุ และความรุนแรง แต่แท้จริงแล้ว ในเบื้องลึกของมนุษย์ทุกคนที่เกิดมา บริสุทธิ์ และใฝ่คิดแต่สิ่งดี ปรารถนาแต่สิ่งดีมาตั้งแต่เกิด โดยบางเรื่องผู้ใหญ่ไม่ได้สั่งสอนเขา แต่ภายในจิตใจลึกๆ พวกเขาล้วนมีหัวใจน่ากราบ(น่าเคารพ) มาตั้งแต่เกิดแล้ว กะทิเธอเขียนใส่อารมณ์เกินไปไหมเนี่ย??


    https://www.youtube.com/watch?v=b2OcKQ_mbiQ


    อ้างอิง : http://www.catdumb.com/asked-to-slap-a-girl/
     
  2. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    นิทานพลังอธิษฐานของกะทิ ตอน ชื่อนั่นสำคัญฉะนี้



    นอกจากเรื่องของการเปลี่ยนชื่อแล้ว สิ่งที่กะทิแนะนำไปก็คือการทำบุญชื่อใหม่ของน้อง เพื่อเปิดทางชีวิตให้กับน้องภูเป็นชื่อเล่นจากชื่อจริงใหม่ว่า น้องเณช ซึ่งในวันนั้นหมอสุวิก็หันมาถามกะทิเธอว่า “ถ้าชื่อนี้เทพท่านชอบรึไหม?” กะทิก็หันหน้าไปมองน้อง เห็นศีรษะของท่านลอยอยู่ที่ใบหน้าของน้อง อวดผิวสีชมพูชัดเจน พร้อมทั้งกับชูงวงขึ้นมา ส่งเสียงร้อง ดังยินดี


    กะทิจึงตอบหมอไปว่า “ชูงวงขึ้น คงชอบค่ะ” หมอจึงบอกกะทิว่า “ดูให้ดีสิ ว่ากายจริงท่านเป็นคนนะ หน้าตาของท่านเป็นอย่างไร?” กะทิจึงหันไปมองที่ใบหน้าของน้องอีกครั้ง สิ่งที่กะทิเห็นคือผิวสีขาวจัดแทนที่ผิวสีชมพู และตอบหมอไปว่า “เห็นแต่คิว(สองข้าง) หนะค่ะ คิ้วเข้มขัดเจนมากค่ะ เห็นแค่นั้น ไม่เห็นหน้าค่ะ” ที่กะทิเธอสังเกตได้อีกอย่างแต่ไม่ได้บอกหมอคือ ทรงผม ถ้าดูไม่ผิด ผมนั้นดำขลับ เกล้ามวยผมไว้อะนะคะ


    วันนั้นนอกจากเราจะช่วยกันหาฤกษ์ในการไปเปลี่ยนชื่อให้น้องเณชแล้ว ยังได้ทำการเปลี่ยนเบอร์ให้กับคุณแม่เพื่อจะได้สามารถดูแลน้องและเป็นกำลังสำคัญของครอบครัวได้ เนื่องจากในช่วงนั้นคุณพ่อของน้องดวงตก หมอจึงยังไม่ให้กะทิยุ่ง(ช่วย) คุณพ่อของน้อง รอจนกว่าเขาจะพ้นช่วงนั้นไปก่อน ในระหว่างที่เราคุยกันนั้น น้องเขาก็หยุกหยิกตามประสาเด็ก จึงทำให้เห็นได้ว่าน้องเขาแข็งแรงมากๆ (มีกำลัง) สามารถลากเก้าอี้หนักๆ ได้อย่างไม่รู้สึกว่ามันหนัก


    ก่อนจากกัน กะทิก็โอบกอดน้องเป็นการให้พรและบอกลา ระยะหลังจากนั้นคุณพ่อของน้องก็ยังส่งข่าวน้องมาบ้างนานๆ ครั้ง ทราบว่าน้องเติบโตเป็นอย่างดี แต่ยังคงต้องกินยาของหมออยู่ ซึ่งหมอก็ได้บอกว่ายังคงต้องกินยาต่อเนื่องต่อไปอีกระยะ


    คุณพ่อของน้องเณช ยังเขียนหลังไมค์มาให้ทราบเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ทุกวันนี้น้องเณชมีอายุ 3 ขวบแล้ว และมีอาการโดยรวมดีขึ้นมากอย่างเหลือเชื่อ ทั้งที่ไปหาหมอเฉพาะทางมาแล้วและวินิฉัยว่าน้องเข้าข่ายเด็กพิเศษ


    พัฒนาการในขณะนี้ของน้อง คุณพ่อรายงานมาว่า บางอย่างก็ตามวัยบางอย่างก็ช้ากว่าบ้าง ตอนนี้จึงยังไม่ทิ้งเรื่องการกระตุ้นพัฒนาการด้วยนักกิจกรรมบำบัดทุกเสาร์-อาทิตย์ แต่สิ่งที่คุณพ่อสังเกตเห็นได้ชัดกว่าเด็กในวัยเดียวกันของน้องก็คือ น้องมีความเป็นคนเจ้าระเบียบ และรักการเรียนมากค่ะ คุณพ่อของน้องเธอว่าอย่างนั้น



    ตรงนี้กะทิขอเสริมและให้กำลังใจกับคุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน ที่มีน้องที่อาจเข้าค่ายพัฒนาการช้านะคะ ว่ากะทิเธอเองก็เข้าค่ายเป็นเด็กอ๋อเหมือนกันค่ะ เป็นเรื่องของพัฒนาการการปรับตัวเข้ากับสังคมเป็นหลักอะนะคะ ไม่ได้เกี่ยวกับสมอง ตอนเด็กๆ นี่เป็นหนักเลย เป็นผู้ใหญ่ก็ค่อยๆ พัมนาการทางสังคมดีขึ้นตามอายุ ดังนั้น อะไรๆ มันก็ไม่แน่นอนหรอกค่ะในโลกนี้ เพราะทุกอย่างที่เรียกว่าแน่นอนแล้วนั้น ย่อมไม่มีความแน่นอน เป็นสัจจธรรมสำคัญค่ะ



    [​IMG]



    ยกตัวอย่างนะคะ เต่ากับกระต่ายวิ่งแข่งกัน ใครๆ ก็คิดว่าเต่าย่อมแพ้กระต่ายใช่ไหมคะ? แต่เพราะความไม่แน่นอน และเพราะความประมาทในการใช้ชีวิตของกระต่าย บวกกับเต่ามีความอุตสาหะ ไม่ย้อท้อ แม้รู้ว่าตัวเอาจะขาสั้น คลานช้า ก็ยังก้าวเดินต่อไปไม่หยุดหย่อน ไม่เสียกำลังใจ จึงทำให้เต่าชนะกระต่ายได้


    รถยนต์ยี่ห้อดีๆ ที่ว่าแข่งกันวิ่ง ต่อให้รถเครื่องแรงแค่ไหน พอเจอไฟแดงก็ต้องจอด รถยี่ห้อวิ่งช้า จึงมีโอกาสตีตื้นขึ้นมาเสมอรถดีๆ ได้เหมือนกัน เช่นเดียวกับชีวิตคนเรานะคะ


    ก็หวังว่าในอนาคตน้องจะแข็งแรงทั้งกายและใจ ไม่ต้องกินยาอีกค่ะ แต่น้องคงติดใจยาชุดใหม่ ที่กะทิแนะบอกคุณพ่อให้หมอสุวิใส่พลังยาลงไปในนมอัดเม็ดแทนยาสมุนไพรรสชาติสุดบรรยายของหมอไปเรียบร้อยแล้ว ดังกล่าวอะนะคะ อิอิ


    เรามาว่ากันต่อ ด้วยการคำนวณชื่อและสกุลของกะทิเธอกันหน่อยดีกว่าค่ะ หากใครเคยพยายามอย่างหนักในการเพ่งอ่านคำอธิษฐานของกะทิใต้ข้อความของนิทานแต่ละตอนในช่วงก่อนหน้านี้(อันเก่าๆ แรกๆ เลย) แล้วล่ะก็ จะเห็นได้ว่า กะทิเธอได้มีการใส่นามสกุลเอาไว้ถึงสองครั้ง คือ มีชื่อของเธอ และต่อด้วยนามสกุลสองนามสกุล ทั้งๆ ที่เธอยังไม่เคยออกเรือน (เรียกว่าจองคานเอาไว้เป็นของตนเองแล้วนั่นเอง) ทั้งนี้เพราะมีเหตุอยู่นะคะ แต่เรามาพูดกับถึงเรื่องการคำนวณชื่อ-สกุลกันอยู่ ก็เอาเฉพาะในส่วนเรื่องนี้ก่อนล่ะกันค่ะ



    /ยังมีต่อ



    ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจาก การเขียนข้อความให้ความรู้ ในการช่วยให้บุคคลผู้อ่านข้อความที่ข้าพเจ้าเขียนไว้นี้ทั้งหลาย ได้มีความรู้เพิ่มเติมเสริมตัว หรือมีพัฒนาการในการฝึกปฏิบัติสมาธิสมถะกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ในพระพุทธศาสนา ที่ดีขึ้นไม่ว่าด้วยประการใดประการหนึ่ง ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญนี้สรรเสริญและบูชาแด่องค์พระปฐมในพระพุทธศาสนา แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าในพระพุทธศาสนา พระอริยะเจ้าและพระธรรมในพระพุทธศาสนาทุกๆ พระองค์ในทุกๆ จักรวาล และขอบุญที่ข้าพเจ้าได้น้อมถวายนี้ จงเป็นพลังบุญส่งเสริมให้ข้าพเจ้ามีความสุขความเจริญในชีวิต อันประกอบด้วย กายธาตุ ทั้งกายหยาบและกายละเอียด มโนธาตุ กายทิพย์ และดวงจิต และขอบุญนี้จงคุ้มครองป้องกันข้าพเจ้าให้ปลอดภัยจากการเบียดเบียนจากมนุษย์ และอมนุษย์ทั้งปวง ตลอดสิ้นกาลนานเทอญ ฯลฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2015
  3. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ของวิเศษสุดขอบฟ้า 4 หนังสือพยากรณ์

    ว่าจะเขียนเรื่องจอกศักสิทธิ์ และหีบแห่งพันธสัญญา ให้ฟังกันหนุกๆ
    แต่พอจะเริ่มเขียน ก็มีพวกมาตามหาดาบวิเศษกันมากมายสุดคณานับได้ ทำเอาหมอมึน รับแขกไม่หวาดไม่ไหว

    ก็นึกถึงของวิเศษอีกชิ้นหนึ่ง เป็นหนังสืออีกเล่ม เขาเรียกกันว่า หนังสือแห่งการพยากรณ์
    ไอ้เจ้าหนังสือเล่มนี้ จะว่าเป็นสมุดก็ได้นะ เพราะในเล่มมันไม่มีตัวอักษรใดๆ เป็นสมุดเปล่าๆเล่มหนึ่ง
    ผู้อยากรู้เรื่องอะไร เพียงอยากรู้ แล้วเปิดสมุดเล่มนี้ออกมาดู ก็จะปรากฏตัวอักษร เป็นเรื่องราวต่างๆที่อยากรู้
    การใช้ไอ้ตำราพยากรณ์นี่ ในหนังสือประวัติเขาบอกว่า ให้เอาบุญก้อนหนึ่งใส่ให้สมุด
    บุญที่ใช้จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับเรื่องที่อยากรู้ เรื่องยากๆที่เกี่ยวพันธิ์กับชะตาโลกกับจักรวาลนี่ ต้องใช้บุญมหาศาล
    เพียงเอาบุญใส่ให้ตำราพยากรณ์และอธิษฐานขอรู้ เรื่องนั้นเรื่องนี้ แล้วเปิดอ่าน ก็เท่านี้

    ไอ้พวกที่มาตามหาดาบ มันบอกว่า มีเรื่องเล่าเป็นนิทานปะรัมปะรา มาแต่ต้นโลก เรื่องดาบ แต่เขาก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นเรื่องเท็จจริงแค่ใหน

    แต่ให้บังเอิญ มีคนอยากรู้ว่า จะทำอย่างไร จึงจะเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด แม้แต่อำนาจกฏแห่งกรรมก็ไม่อาจ แตะต้องเอาผิดตนได้
    เขาว่ากันว่า ท่านผู้นี้เป็นมาเฟียหญ่าย ทำมาค้าขายยาเสพติดและสิ่งผิดกฏหมาย ไปทั่วทุกจักรวาล ฝ่ายปกครองกำลังสืบจับกันอยู่ แม้พบตัวก็ทำอะไรไม่ได้

    และอยู่ๆไอ้เจ้าตำราพยากรณ์นี่ ที่มีสุดยอดอยู่เล่มเดียว ก็มีของปลอมออกมาอยู่ในตลาดมืดของจักวาลเกลือนกลาด
    ใครต้องการก็เอาบุญเข้าไปแลกได้ และทุกเล่ม ก็สามารถพยากรณ์ได้โป๊ะเซะ
    แรกๆก็ แค่ซุบซิบกันเป็นทอดๆ ใครรวยบุญ อยากเป็นนักพยากรณ์ ก็เพียร ไปเสาะหากันในร้านค้าที่เร้นลับต่างๆ (ยังกะร้าานขายของวิเศษใน หนังเฮนรีพ๊อตเตอร์ เลยวุ้ย)
    แต่หลังๆนี่มันวางแบกะดิน ขายกันเลย เรียกว่าเกลือนจริงๆ
    ใครที่อยากรู้เรื่องอะไร ก็เอาบุญใส่เข้าไป เรื่องราวที่ต้องการก็ปรากฏ

    แต่เรื่องเกี่ยวกับดาบที่จะครองโลก ครองจักรวาลนี่ ต้องใช้บุญจำนวนมหาศาล แต่ทุกคนอยากรู้
    หนังสือพยากรณ์ก็ให้ความรู้ออกมาให้คนอยากรู้คนละนิดคนละหน่อย แล้วแต่ละคนก็เอาไปปะติดปะต่อกัน จนป็นเรื่องราวจริงๆเท็จๆ หาจุดลงตัวจริงๆไม่ได้
    สรุปคำทำนาย ก็ได้เคร่าๆว่า อำนาจดาบ จะปกครองทั้งสามโลก ครองจักรวาล และมหาจักรวาล แต่จะครอบครองด้วยวิธีไหน ไม่มีใครรู้
    พูดกันไปพูดกันมา ก็เออออห่อหมกกันว่า ผู้ครอบครองดาบได้ คือผู้เป็นใหญ่ในจักรวาล

    อีกเรื่องที่หนังสือพยากรณ์ ถูกไถ่ถามมากที่สุด ก็เรื่องพระศรีอริยะเมตไตร และ การหักกลางของพุทธศาสนาขององค์ศรีศากยะมุณี
    เรื่องนี้ ก็ต้องใช้บุญจำนวนมหาศาลยิ่งกว่า เรื่องของดาป
    สรุปเรื่่องของพระศรีอริยะเมตไตร และการกู้ศาสนา ที่หนังสือพยากรณ์ แสดงออกมาให้รู้เห็นกัน ก็ต้องเอามาปะติดปะต่อกันเละ เละซะยิ่งกว่าเรื่องของดาบ

    สรุปอีกที
    ใครอยากได้หนังสือพยากรณ์บ้าง เขามีวางขายแบกะดินที่คลองถมนะ เล่มละไม่กี่บาทเอง
    กะทิ อยากได้ม้ายยยยยยยย
    ชะตาชีวิตของผู้คน จะอยู่ในกำมือเชียวนะ ทำนายอะไรก็ถูกหมด
    ไม่ดังตอนนี้ แล้วจะไปดังเมื่อไหร่
     
  4. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ของวิเศษสุดขอบฟ้า 4 (หนังสือพยากรณ์2)

    ก็ไอ้เจ้าหนังสือพยากรณ์นี้ มันให้คำทำนายไว้ว่า
    ในช่วงปลายของกึ่งพุทธกาล(๒๕๒๕ - ๒๕๗๕) จะมีคนสำคัญลงมาเกิด คนผู้นั้นจะทำให้โลกสงบสุข ภัยพิบัติต่างๆจะถูกระงับ ฯลฯ
    และก่อนที่ผู้นี้จะลงมา ก็จะมีบริวาร ลงมาเตรียมที่ทางให้ก่อนจำนวนมากทีเดียว
    ในคำทำนายนั้น ก็ไม่รู้เลยว่า ผู้มาเกิดเป็นหญิงหรือชาย ผู้ลงมาใช่พระศรีอริยะเมไตรหรือไม่ แล้วจะมาเมื่อไหร่

    ด้วยเหตุนี้เหล่ามารและมาเฟียหญ่าย จึงดำเนินการสะกัดกัน ผู้ลงมาเกิดในช่วงเวลาดัง
    กล่าว ทุกวิถีทาง
    ใครที่ลงจุติ มีบุญติดตัวมามาก หรือมีผู้ดูแลตามลงมาเฝ้าด้วย คนที่มาจุติพวกนี้ จะถูกหมายตาพิเศษ
    และถูกทำให้แท้งด้วยเหตุต่างๆ จนไม่สามารถเกิดได้ หรือทำให้พิการตั้งแต่เกิด พิการทั้งทางร่างกายและสมอง
    และที่มีผลมากก็คือการทำให้เป็นเด็กพิเศษ ออทิสติกแบบต่างๆกัน

    ทำให้เด็กพวกนี้แม้เติบโตได้ ก็ไม่มีความสามารถขัดขวาง การครองโลกของเหล่ามารได้
    ก็กายมนุษย์ที่ไร้ประสิทธิภาพ(พิการทางกายและจิต) จะเป็นที่กักขังดวงจิตของเหล่ามหาเทพ ได้วิเศษสุด)

    น่าฉงฉานนิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2015
  5. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    คุณอาคะ ถ้าหนังสือเป็นของปลอม แล้วคำพยากรณ์จะเชื่อถือได้เหรอคะ
    แต่ถ้าเรื่องจะยาวยืดเป็นมหากาพย์ขนาดนี้ สงสัยหนูคงไม่ได้เห็นโลกสงบสุข
    ในชีวิตนี้แล้วละมั้งคะเนี่ย
     
  6. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168

    สิ่งใดจักเป็นของเรา มันย่อมมาเป็นของเราวันยังค่ำ ไม่จำเป็นต้องเสาะแสวงหา และสิ่งใดไม่ได้เป็นของเรา ต่อให้เราเที่ยววิ่งแสวงหามาได้ สุดท้ายก็มีอันต้องจากเราไป


    ดังนี้ สิ่งที่แน่นอน จึงไม่แน่นอน และสิ่งที่ไม่แน่นอน จึงแน่นอนที่สุด


    อนึ่ง ไอ้ที่กะทิเธอมีอยู่ทั้งหลายนี้ เธอเองก็ยังไม่รู้วิธีจะใช้เลย ดังนี้จะมีมากมายไปทำไมมี มีแล้วก็ใช่กับเขาเป็นไหม? ถ้าเท่าที่มีก็ยังใช้ไม่ค่อยเป็น เช่นนี้แล้ว ทำไมมี เอวัง เจ้าค่ะ
     
  7. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    นิทานพลังอธิษฐานของกะทิ ตอน ชื่อนั่นสำคัญฉะนี้ (ตอนต่อ)



    ในความรู้สึกส่วนตัวของกะทิเธอนั่น การดูเบอร์โทรศัพท์เธอดูอย่างไร ในความรู้สึกของการดูที่เกิดขึ้น ณ ขณะนี้ หากให้เปรียบเปรยก็เหมือนกับการดูลายผ้า ในลำดับต้น คือเห็นลายผ้าอย่างไร ก็อธิบายออกไปแบบนั้น และหากดูลึกลงไปอีก ก็เหมือนกับการดูเนื้อผ้า เราก็จะได้องค์รวมของทั้งหมด

    แต่แค่นั้นยังไม่เพียงพอ เพราะความถูกต้องมันยังอาจจะสามารถคลาดเคลื่อนไปได้ ถึงอย่างไรเสีย สิ่งนี้ก็เกิดขึ้นจากสถิติของบรรพบุรุษที่ได้สะสมวิชาความรู้นี้กันมา ดังนี้กะทิเธอจึงจำต้องดูพื้นดวงของผู้ที่สนใจต้องการดู มาประกอบกันด้วย



    ในหลายๆ ครั้งที่กะทิเธอเคยได้ดูพื้นดวงและเบอร์โทรศัพท์ให้กับผู้มาขอใช้บริการ กะทิเธอมักสังเกตไปด้วยเสมอ พบว่าพื้นดวงของแต่ละคนนั้นหากว่ามีพื้นดวงที่เสียในหลายจุด หรืออาจเสียแค่จุดใหญ่เพียงจุดหนึ่งก็แล้วแต่ แต่เมื่อคิดคำนวณเป็นองค์รวมของพื้นดวงแล้ว เทพลิขิตมักจะประทานสิ่งดีบางอย่างมาทดแทนจุดด้อยนั้นไว้ด้วย หรือหากว่าผู้ใดมีพื้นดวงดีดี้ แต่เมื่อคำนวณเป็นองค์รวมของพื้นดวงแล้ว กลับตรปัตรให้ผลออกมาเป็นเสียซะงั้น

    มันก็แปลกดีนะคะที่ฟ้าได้ลิขิตให้ไม่ว่าชีวิตใครแม้ไม่ดี ท่านก็ไม่ได้ทอดทิ้งให้มันไม่ดีไปซะหมด มักจะทำสิ่งชดเชยเอาไว้ให้ ยกตัวอย่างเช่นคนพิการตาบอด ก็มักจะมีสัมผัสพิเศษหรืออาจได้กลิ่นที่ไวกว่าคนอื่น หรือหากเป็นเด็กพิเศษอย่างคุณพุ่ม เทพลิขิต ก็มักให้พรพิเศษอัจฉริยะในด้านอื่นมาทดแทน


    / ยังมีต่อ



    ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจาก การเขียนข้อความให้ความรู้ ในการช่วยให้บุคคลผู้อ่านข้อความที่ข้าพเจ้าเขียนไว้นี้ทั้งหลาย ได้มีความรู้เพิ่มเติมเสริมตัว หรือมีพัฒนาการในการฝึกปฏิบัติสมาธิสมถะกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ในพระพุทธศาสนา ที่ดีขึ้นไม่ว่าด้วยประการใดประการหนึ่ง ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญนี้สรรเสริญและบูชาแด่องค์พระปฐมในพระพุทธศาสนา แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าในพระพุทธศาสนา พระอริยะเจ้าและพระธรรมในพระพุทธศาสนาทุกๆ พระองค์ในทุกๆ จักรวาล และขอบุญที่ข้าพเจ้าได้น้อมถวายนี้ จงเป็นพลังบุญส่งเสริมให้ข้าพเจ้ามีความสุขความเจริญในชีวิต อันประกอบด้วย กายธาตุ ทั้งกายหยาบและกายละเอียด มโนธาตุ กายทิพย์ และดวงจิต และขอบุญนี้จงคุ้มครองป้องกันข้าพเจ้าให้ปลอดภัยจากการเบียดเบียนจากมนุษย์ และอมนุษย์ทั้งปวง ตลอดสิ้นกาลนานเทอญ ฯลฯ
     
  8. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    นิทานคั่นเวลาค่ะ เนื่องจากเห็นว่าเรื่องนี้น่าสนใจ และทำให้ตื่นเต้นในความรู้สึกอยู่ไม่น้อย


    QUANT e-Sportlimousine with nanoFLOWCELL® drive


    เช้านี้น้องชาย(น้องที่ออฟฟิศ) เขียนเฟสบุ๊กมาบอกเล่าเก้ายี่สิบว่า รถยนต์โตโยต้าได้ออกมาพูดถึงเรื่องพลังงานอนาคตแทนน้ำมัน ด้วยการใช้พลังงานที่แยกจากน้ำเอา hydrogen ตอนนี้ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เล่นเอาจะน้ำเกลือจากทะเลมันเกทับทันที

    โดยมีชื่อว่า nanoFLOWCEL ต่อไปเราจะใช้น้ำทะเลกันเลยทีเดียว และก็จะเห็นวิ่งในเยอร์มันเป็นที่แรก



    https://www.youtube.com/watch?v=RqLpqR0SPnQ&feature=share



    ยัยกะทิเธอที่ไม่ค่อยได้รู้เรื่องรู้ราวทางเทคโนฯ (Low Tec) จึงเขียนคคุยกับน้องเขาว่า : ใครเป็นคนแรกที่คิดเอาน้ำมันมาใช้เป็นพลังงาน โลกเลยตกอยู่ในยุคต้องใช้น้ำมัน ถ้าคนแรกของโลกคิดเอาการใช้น้ำมาเป็นพลังงาน ตอนนี้โลกจะเป็นอย่างไร?


    น้องชาย :เทคโลโลยีที่จะใช้น้ำเป็นพลังงานสมัยนั้นมันยังแยกเป็นพลังงานสะสารยังไม่ได้เลย ไอ้ตัวนี้มันเริ่มโครงการทำตั้ง 10 กว่าปี ไอ้น้ำทะเลเนี้ย พูดง่ายๆ สมัยนั้นเครื่องมือที่จะใช้ที่จะสร้าง ยังไม่มีสิ่งของที่จะเอามาแยกได้วิวัฒนาการและการผลิตเครื่องมันแพงกว่าที่โลกจะจ่ายได้

    ซึ่งเหมือนเทคโนโลยี นาซี ที่สร้างอย่างใหญ่จนเป็นอันเล็กๆ ให้เราได้ใช้นี้แหละ (เทคโนและการแยกสะสาร และ เครื่องมือการแยกต่างๆ ที่ปัจุจบันเราใช้กันอย่างสุขสบายก็มาจากต้นฉบับแบบแปลนจาก นาซี นี้แหละ)


    กะทิเธออ่านจบแล้ว ก็ยัง งง สงสัยว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับนาซีหว่า แต่ช่างมันเถอะ ถึงถามน้องต่อไป มีหวังเรื่องยาวแน่เลย (เราชอบถกเถียงกันหนะค่ะ จนเป็นทะเลาะกันเคยอะนะคะ เพราะเขาเลี้ยงหมาในปากอะ แต่ก็ให้อภัยกันตลอด เพราะเอ็นดูอะนะคะ แม่เขาฝากไว้หนะค่ะ ไม่งั้นไม่พยายามเอ็นดูมันขนาดนี้หรอก 555)


    ทั้งนี้คุยกับน้องเขาไปเพิ่มเติมก็ได้ความมาจากน้องเขาเล่าให้ฟังอีกว่า โตโยต้า เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการของรถยนต์ไป โดยใช้ ไฮโดเจน เป็นพลังแยกจากน้ำอีกที พวกรถญี่ปุ่นทำออกมากันแล้วใช้ได้จริง

    ส่วนพลังงานจากน้ำเกลือ น้ำทะเลก็วิ่งโชว์งานเปิดรถไปเมื่อปีที่แล้ว เหมือนกัน แต่พลังงานที่ออกมาขายก่อนคือก็ โตโยต้า ที่ราคาเท่ากับ น้ำมัน


    กะทิเธอจึงเขียนตอบกลับไปคุยกับน้องเขาว่า : จริงดิ งั้นรออีก 5 ปี (นึกถึงโทรศัพท์มือถือ พัฒนามาให้ถ่ายรูปได้ ส่งเน็ตได้ ก็ประมาณ 5 ปี เท่านั้น ชิมิคะ?)


    น้องชาย : ไม่รู้ แต่ตัวรถยนต์น่าจะแพงบัคซบอยู่ รองดู ไฮบริดดิ รถราคายังแรงสุดๆ อยู่ และค่าแบตเตอรี่ยังหูฉีก ถ้าเปิดตัวแล้วเอามาขาย แล้วตัวเก็บประจุพลังงานเสีย ตอนนี้ไม่อาจจะคิด แต่ส่วนตัวพลังงานจากน้ำทะเลน่าจะแหล่มกว่า เพราะโลกมีพื้นที่เป็นทะเลเยอะ

    และอีกอย่างรถพวกนี้ใช้ไป พลังงานที่ออกจากไอเสียก็คือ ไอน้ำ ซื้อฮอนด้า แม...เอารถพลังงานน้ำมันสตาร์เครื่อง แล้วรองน้ำจากท่อไอเสียมาดื่มกันในงานเปิดตัวรถพลังงานน้ำของพวกเขาล่ะ


    กะทิ : .... (เอออ... คนเรา...คิดได้ไง...สร้างสรรค์ ฝุดๆ น้ำสะอาดจากท่อไอเสีย เลิศมากก้าาาา)



    http://youtu.be/VMdS65_E_X4





    http://youtu.be/ODbgKXFED5o



    นี่จึงเป็นที่มาที่กะทิเธออยากได้ความเห็น ความรู้สึกจากทุกคนหนะค่ะ ว่าขนาดเรามีน้ำมันใช้กัน เรายังใช้พลังงานกันกระจายขนาดนี้(ไม่เห็นคุณค่า) แล้วถ้าในอนาคตต่อไป เราเปลี่ยนไปใช้น้ำ โลกจะเป็นเช่นไร


    เท่าที่กะทิเธอทราบมา เมื่อ 10 ปีก่อน มีสารคดีชุดหนึ่งของต่างประเทศ ได้ทำออกมาให้ เด็กๆ ของพวกเขาได้ตระหนักว่า น้ำนั้นมีอยู่กระจายทั่วโลกจริง แต่ทว่า น้ำสะอาดจริงๆ ที่มนุษย์ใช้ดื่มได้ มีน้อยกว่าเท่าที่เรารู้กัน คือน่าจะมี 1 ส่วนใน ล้านส่วนเท่านั้น เรียกว่าน้อยมากจริงๆ


    แต่เมืองไทย เป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ จึงไม่ค่อยจะรู้สึกอะไรกันมั้งอะนะคะ แต่ในตปท. เนี่ย ถ้าคุณใช้จ่ายน้ำ เขาคิดค่ากำจัดน้ำเสียกับคุณด้วย ค่าน้ำจึงแพงมากกกกกกก


    และอีกนั่นแหละที่กะทิเธอเองก็พอจะรู้อยู่ก่อนหน้านี้บ้างแล้ว ว่าในโลกอื่น (ดาวเคราะห์ดวงอื่นหนะ เขาใช้พลังงานน้ำมาตั้งนานแล้ว) โดยไม่ได้ใช้สะสารแยกส่วนอะไรออกจากน้ำ แต่เป็นพลังงานสั่นละเทือนจากหยดน้ำ


    ค่ะ อย่างที่ผู้อ่านทราบดี ว่าพลังงานน้ำนั้น มีพลังมหาศาล สามารถพัดคน หรือดูคนให้จมได้ หรือให้พัดพาไปได้ หรือทำลายสิ่งปลูกสร้างก็ได้ เช่น ซึนามิ


    และยิ่งกว่านั้น ทุกอย่างในโลกนี้ มีพลังงานจากการสั่นสะเทือน เช่น แผ่นดินไหว การไหวของแผ่นดิน ทำให้ตึกพังทับสรรพสิ่ง สรรพสัตว์ได้


    ดังนี้ การสั่นไหวของน้ำ แม้เพียงแค่น้ำหยดเดียว ด้วยความถี่สูงมากกว่าคลื่นเสียง และคลื่นเสียง ย่อมจะทำให้น้ำเพียงหยดเดียว มีพลังงานมหาศาลได้ใช้รึเปล่าคะ?


    กะทิก็คิดและมองเช่นนี้ค่ะ ซึ่งสิ่งนี้มีอยู่แล้วจริงในโลกอื่นนะคะ ไม่ได้เป็นความคิดความรู้ใหม่ของกะทิเธอค่ะ


    ผู้อ่านท่านไหนมีใครอยากแชร์เรื่องนี้ไหมคะ? มันน่าตื่นเต้นจนน่าจะเป็นหัวข้อที่ทำมาคุยกันได้ชิมิคะ? อยากให้มีส่วนร่วมหนะค่ะ กะทิเธอเล่านิทานแล้วยังรู้สึก เง้าเหงา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2015
  9. Pdon60

    Pdon60 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +795
    ขอร่วมความคิดเห็น
    เรื่องเอาน้ำมาเป็นพลังงาน ผมว่ามีคนคิดได้ตั้งนานแล้วนะครับ เพราะน้ำมีส่วนประกอบของอ๊อกซิเจนกับไฮโดรเจน ถ้าแยกของเหลวนี้ด้วยขั้วไฟฟ้า เราก็จะได้ก๊าซทั้งสองออกมา ซึ่งมีคุณสมบัติทำให้ติดไฟได้ทั้งคู่ โดยเฉพาะก๊าซไฮโดรเจนถ้าเก็บไม่ดีมันก็คือระเบิดดีๆนี้เอง และเท่าที่รู้มามีคนไทยคนหนึ่งที่คิดค้นรถที่ใช้น้ำเป็นเชื้อเพลิงตั้งต้น และวิ่งได้จริงๆด้วย แต่เห็นเงียบไป
    https://www.youtube.com/watch?v=GVi6cyjPW2E

    ในความคิดผมเป็นไปได้ไหมที่จะมีใครเป็นผู้คุมอำนาจ คอยกำหนดทิศทางพลังงานในโลกนี้อยู่ เพราะว่าน้ำมันเป็นทรัพยากรณ์สิ่งหายากต้องขุดเจาะและนำมากลั่น ปริมาณก็มีอย่างจำกัดและเฉพาะที่ด้วย แถมเป็นทรัพยากรณ์ที่สร้างความขัดแย้งอย่างมากในโลกใบนี้ ดังนั้นปัจจุบันประเทศที่มีทรัพยากรณ์นี้อยู่มากจะวุ่นวายด้วยประเทศที่มีอำนาจมาสร้างความขัดแย้งเพื่อแย่งเอาทรัพยากรณ์ไป และใครก็ตามควบคุมเรื่องน้ำมันในโลกนี้ได้ยอมมีอำนาจทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจในอนาคต ด้วยเหตุนี้พลังงานด้วยเลือกอื่นถึงไม่ได้พัฒนาให้ขึ้นเพื่อเอามาทดแทนน้ำมันสักที
     
  10. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    น่าคิดค่ะ นึ่เป็นเหตุหนึ่งที่ประเทศญี่ปุ่น และประเทศที่ไม่มีน้ำมัน แต่มีแต่ทะเลสาปล้อมรอบ จึงพยายามแหกอำนาจจากประเทศผู้ยึดครองทรัพยากรเหล่านี้

    อย่างที่กะทิเธอเคยบอกนะคะ ว่าประเทศญี่ปุ่นนี้ดีมากตรงที่ เขาจะสอนเด็กตั้งแต่เล็กว่า ประเทศของเขาไม่มีทรัพยากรเป็นของตัวเอง จึงต้องประหยัด และไผ่หามาหนะค่ะ


    มีผู้อ่านท่านใดเป็นวิศวกร หรือที่เกี่ยวข้องอีกไหมคะ? เข้ามาแชร์ความคิด มีส่วนร่วม กันหน่อยค่ะ
     
  11. chaivat chinkidjakar

    chaivat chinkidjakar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    1,601
    ค่าพลัง:
    +21,786
    เรื่องนี้ก็ต้องเรียกคุณดาวมาช่วยแจมแล้วครับ...555
    สมัยก่อนคนก็คิดได้หลายอย่างแล้วครับ แต่ถูกพวกมีอำนาจซื้อปิดปากหมด เพราะไปกระทบกับผลประโยชน์เข้า ตอนนี้เรื่องนํ้าสะอาดก็ยังขาดอยู่เลยครับ หน้าร้อนมีการห้ามใช้นํ้ามากอีก
    ใช้ออลตร้าซอนิคร์สั่นสะเทือนนํ้าก้มีพลังมากเลย...
     
  12. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,424
    ค่าพลัง:
    +13,166
    เรื่องพลังงาน ที่จะมาทดแทน น้ำมันเชื้อเพลิง ทางเทคนิค มันทำได้ อยู่แล้ว
    แต่ยังติดอยู่ ที่ ต้นทุน ราคา และความคุ้มค่า ยังสูงอยู่ กลายเป็นว่า ใช้แล้ว แพงกว่า
    เมื่อเทียบกับราคาน้ำมันปิโตเลียม

    น้ำมัน เค้าก็ ขึ้นราคาให้มันแพง ขึ้น แพงขึ้น เพื่อความร่ำรวย ของคนขาย

    เป็นแรงผลักดัน ให้ เทคโนโลยี่ใหม่ๆ ดูว่าจะคุ้มค่า เป็นไปได้

    พอ ค้นคว้า ทำขึ้นมา ฝ่ายขายน้ำมัน ก็ มองออก อีกแหละว่า หากปล่อยให้ เทคโลโยยี่ เหล่านี้ พัฒนา ออกมา รวดเร็วไป เค้า ก็ จะกระทบ กับ รายได้

    น้ำมัน ก็ จะ ลดราคาลงมา ให้ เห็นว่า เทคโนโลยี่ ที่ราคาแพงเหล่านี้ ไม่คุ้ม ค่า การพัฒนาก็ ชะลอตัว หรือ หยุดไป

    วัฐจักร ยุทธศาสตร์ การตลาด มันก็ เป็นอย่างนี้

    ....................................

    เรื่อง รถยนต์ ที่ ขับเคลื่อนด้วย ไฮโดรเจน คนแก่คนเฒ่า เค้าคิดกันมา ตั้งนานแล้ว

    มีตั้นแต่ เอาน้ำมาแยกเป็นแก๊ส ไฮโดรเจน+ น้ำ เอามาใช้เป็นเชื้อเพลิง ( แบบนี้ เปลืองพลังงานไฟฟ้ามาก ) ได้ แก๊ส น้อย เมื่อเทียบกับ พลังงานที่ ลงไป

    กับ อีกแนวคิดหนึ่ง เอาไฮโดเจน มา รวมตัวกับ ออกซิเจน ได้ น้ำ + ไฟฟ้า ออกมา
    แนวคิดแบบนี้ เค้าทำได้ มาตั้งแต่ สมัย ผม ยังเล็กๆ เป็นวิธีผลิตไฟฟ้า ที่สะอาด ไร้มลภาวะ

    อเมริกา เค้าก็นำในใช้ใน โครงการอวกาศ มานานมาแล้ว

    จึงไม่แปลก อะไร หากมีใครจะนำ เทคนิคเหล่านี้ มาใช้ กับ รถยนต์ในโลกมนุษย์ เรา

    ประเด็นมันอยู่ที่ ว่า ราคา เท่าไหร่ ความคุ้มค่า ในปัจจุบัน

    .....................

    หากน้ำมันเชื้อเพลิง แพงมากๆๆ ลิตร ละ สองสามร้อย เมื่อไหร่ ได้ ใช้ กันแน่
     
  13. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168

    น่าจะมีแววนะคะ รึไงคะพี่ดาว และท่านผู้อ่าน เพราะถึงยังไง ซักวันน้ำมันคงต้องหมดไป เป็นวัฎจักรของ...

    1.การเกิด มีอยู่ ดับไป

    2.คลื่นลูกใหม่ ย่อมแซงคลื่นลูกเก่า

    3. เก่าไป ใหม่มา

    และเป็นไปตามทฤษฎีอะไรหว่า สมัยเรียน กราฟคณิตศาสตร์ระฆังคว่ำ ซึ่งซ่อนสัจจะไว้ในนั้นอะนะคะ อยากให้มีการแพร่หลายเร็วๆ จังค่ะ แต่ตอนแรกคงเป็นแค่ของเล่นของคนรวยไปก่อนอย่างเคย
     
  14. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    ขอต่ออีกหน่อยในเรื่องนี้นะคะ เพราะกะทิเคยเห็นผู้ที่สามารถทำให้วัถตุธาตุสั้นสะเทือนได้มีอยู่คนหนึ่งที่กะทิเธอรู้จัก นั่นก็คือคุณ พลังไฟ

    (ท่านอื่นๆ อาจจะทำได้เหมือนกันนะคะ แต่ว่าพอดีกะทิไม่ทราบ แต่ที่เห็นด้วยตัวเองนี่
    คือคุณพลังไฟ)


    อย่างที่กะทิเธอเคยเขียนเล่าไว้ในกระทู้นี้ ว่าพวกเราจะมีวันรวมตัวกันไปสวัสดีใกล้ๆ วันคล้ายวันปีใหม่ที่บ้านหมอสุวิ เป็นการรวมตัวกันปีละครั้ง ซึ่งในช่วงปีที่แล้ว คุณพลังไฟก็ได้ทำการสั่นสะเทือน ใส่พลังให้ แผ่นนพเก้า สั่นอย่างรวดเร็ว ให้กะทิได้เห็น


    ซึ่งตรงนี้กะทิเธอนำไปเล่าให้หมอสุวิฟัง และหมอก็ได้พูดถึงประเด็นนี้ว่า ทุกสิ่งอย่างประกอบด้วยธาตุต่างๆ ดังนี้ไม่เพียงแต่ ธาตุน้ำที่จะทำให้สั่นสะเทือนแล้วนำมาทำเป็นพลังเชื้อเพลิงได้ แต่ธาตุอื่นๆ ก็สามารถทำให้เกิดเป็นพลังงานได้เช่นกัน

    ดังนี้กะทิเธอจึงได้นึกถึงคุณพลังไฟอีกครั้ง และพยายามติดต่อเพื่อคุณกับเธออยู่ แต่ว่าเธอยังเงียบฉี่อยู่ค่ะ


    ขอจบนิทานคั่นเวลาแต่เพียงเท่านี้นะคะ ^^
     
  15. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    น้ำตาไหลด้วยความปลื้มใจ


    ในวัยเด็ก หรือแม้แต่เมื่อคุณโตเป็นผู้ใหญ่ อยู่ในสถานะทางสังคมที่แวดล้อมด้วยคนอื่นๆ ใครเคยมีประสบการณ์ตกเป็นผู้ต้องหาแบบว่าไม่ใช่ความผิดของฉันบ้างไหม?


    แม้แต่เมื่อเราเป็นผู้ใหญ่ การถูกใส่ความโดยที่เราไม่ได้เป็นผู้กระทำ ก็มีให้เห็นอยู่มากมาย หรือที่หนักที่สุดคือ ต้องโทษโดยไม่ได้กระทำความผิด


    ที่อยากให้อ่านเรื่องนี้กัน เพราะว่า แม้ใครๆ จะติดตามอ่านเรื่องราวนิทานจากกะทิเธอ แต่อย่างที่เคยเขียนเล่าให้ฟังไปบ้างแล้วถึงเด็กพิเศษ บางกลุ่มไม่ได้ด้อยที่สติปัญญา แต่ว่ามีปัญหาพัฒนาการด้านอื่นๆ นั่นก็รวมไปถึงกะทิเธอด้วย

    แต่อะไรที่เรียกว่าความแน่นอนนั้น ก็คือความไม่แน่นอน และความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน เช่นเดียวกันกับเต่าที่มีโอกาสชนะกระต่าย ที่มีหิริโตตัปปะ และไม่ประมาทในชีวิต

    วิถีทางในการชนะตัวเองของกะทิเธอ จึงมีทางออก เช่นเดียวกันกับประตูโรงหนัง ที่มีทางออกหลายประตูเสมอ


    ดังนี้หากคุณมีเด็กๆ ในปกครองที่มีปัญหาก็อย่าได้ท้อใจ หรือในวัยผู้ใหญ่แบบเราๆ มันจะต้องมีทางออก

    แต่สำหรับเด็กๆ นั้น น่าสงสาร เพราะยังมีประสบการณ์ในการแก้ปัญหาได้น้อยกว่า จึงจำต้องได้รับการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ การเอื้อมมือของผู้ใหญ่เข้ามาช่วยเหลือ


    " ดังหยาดฝน บนฟากฟ้าไกล ที่หยาดริน สู่พื้นดินแห้งผาก"

    ไปอ่านเรื่องนี้กันค่ะ แล้วจะเข้าใจว่าเหตุใดจึงต้องกล่าวด้วยประโยคนี้นะคะ


    คลิ๊กเข้าไปพบวิธีการแก้ปัญหาของผู้ใหญ่ใจดีกันค่ะ ต้นกล้าน้อยๆ กำลังรอการเติบโตอยู่นะคะ


    เด็กชาย ป.4 ถูกเพื่อนทั้งห้องเพิกเฉยและภารกิจสุดซึ้งจนคุณต้องน้ำตาไหล - momypedia.com


    อย่าให้ความแตกต่างใดๆ ......มาเป็นช่องว่าง ในการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน


    แล้วเราจะกลับมาเข้านิทานที่ค้างคาไว้กันต่อนะคะ ^ ^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2015
  16. พลังไฟ

    พลังไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +845
    เรื่องธาตุสี่ กับพลังสั่นสะเทื่อนหรือ ​vibration ม้นเป็นเรื่องที่สัมพันกัน มันคงพูดได้ยากระหว่างวิทยาศาสตร์ กับพุทธศาสนา วิทยาศาสตร์ก็พยามไล่ตามในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงกล่าวไว้ เช่นเรื่องกลาปะ วิทยาศาสตร์พุดถึง โมเลกุล อะตอม โปรตอน อีเลกตรอน พระพุทธเจ้าทรงกล่าวถึงการมองวัตถุให้เห็นเป็นแสง โดยตาปุถุชนก็เป็นเรื่องที่ยาก วัตถุก็เห็นเป็นวัตถุ ความละเอียดของพลังจิตเราไม่เพียงพอ แต่วิทยาศาตร์ก็ไล่มาเรื่อยๆ เขาเอากล้องจุลทรรศน์ มาส่องที่หนังปลายนิ้ว แล้วใช่กล่องขยายเข้าไปเรื่อย จากชิ้นหนัง เป็นช่อง เป็นกลุ่มก้อน เป็นโพลง เป็นโมเลกุล เป็นอตอม ละเอียดกว่าอะตอมไปเรื่อยๆ สุดท้ายของชิ้นเนืั้อที่เราเห็นด้วยตาหยาบ กลายเป็นแค่กลุ่มของแสงสีต่างๆกัน ดั่งที่พระพุทธองค์กล่าวไว้อย่างทึ่ง และที่น่่าทึ่งกว่านั้นในตัวเราและจักรวาลก็ติดต่อและสัมพันกันด้วยแสงโดยมีพลังการสั่นสะเทือนหรือ vibration เป็นสื่อเชื่อม เพราะอย่างที่กระทิเห็นก็คงเป็นอย่างนี้ ที่จริงธาตุสี่ ก็ยังเป็นของหยาบที่พลังจิตของเรา สามารถนำเอามาใช้้งานได้ ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ผิดศีลธรรม เช่นการรักษาโรค แต่โดยรวม สิ่งนี้ที่เกิดขึ้น มีผลมาจากการปฎิบัติธรรม เหมือนผลพลอยได้ ที่เป็นเพียงกำลังใจ ว่ามันมีจริงเห็นจริง แต่ไม่ควรยึดติด เพราะการปฎิบัติธรรม ย่อมผ่านสมถะก่อนเข้าสู่วิปัสนาญาน ทุกคนต้องผ่าน รูปนาม ผ่านธาตุสี ที่เป็นธาตุสี่ในเชิงประจักษ์ ไม่ใช่ท่องจำหรือนึกเอา น้ำจึงเป็นต้วเลือกที่นิยมใช้ก้น เหมือนที่ครูบาร์อาจารย์ใช้น้ำเป็นน้ำมนต์ ในการรักษาโรค และอื่นตามที่ใจท่านปราถนาให้เป็นไป ได้อย่างน่าอัศจรรย์
     
  17. ชาวฟ้า

    ชาวฟ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +1,493
    ทำบุญปล่อยชีวิตสัตว์ ร่วมกับ อ.สุวิ 100 บาท
    โอนเงินแล้ว 23/1/58
     
  18. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    นิทานพลังอธิษฐานของกะทิ ตอน ชื่อนั่นสำคัญฉะนี้ (ตอนต่อ)




    ในหลายๆ ครั้งที่กะทิเธอเคยได้ดูพื้นดวงและเบอร์โทรศัพท์ให้กับผู้มาขอใช้บริการ กะทิเธอมักสังเกตไปด้วยเสมอ พบว่าพื้นดวงของแต่ละคนนั้นหากว่ามีพื้นดวงที่เสียในหลายจุด หรืออาจเสียแค่จุดใหญ่เพียงจุดหนึ่งก็แล้วแต่ แต่เมื่อคิดคำนวณเป็นองค์รวมของพื้นดวงแล้ว เทพลิขิตมักจะประทานสิ่งดีบางอย่างมาทดแทนจุดด้อยนั้นไว้ด้วย


    หรือหากว่าผู้ใดมีพื้นดวงดีดี้ แต่เมื่อคำนวณเป็นองค์รวมของพื้นดวงแล้ว กลับตรปัตรให้ผลออกมาเป็นเสียซะงั้น มันก็แปลกดีที่ฟ้าได้ลิขิตให้ไม่ว่าชีวิตใครแม้ไม่ดี ท่านก็ไม่ได้ทอดทิ้งให้มันไม่ดีไปซะหมด มักจะทำสิ่งชดเชยเอาไว้ให้ ยกตัวอย่างเช่นคนพิการตาบอด ก็มักจะมีสัมผัสพิเศษหรืออาจได้กลิ่นที่ไวกว่าคนอื่น หรือหากเป็นเด็กพิเศษอย่างคุณพุ่ม เทพลิขิต ก็มักให้พรพิเศษอัจฉริยะในด้านอื่นมาทดแทน


    ในเรื่องของการคำนวณชื่อบุคคลก็เช่นกันค่ะ ขอบอกเลยว่า ชื่อจริงของกะทิเธอเมื่อคำนวณออกมารวมกับชื่อแล้ว เป็นองค์รวมที่ไม่ดีนัก ท่านผู้อ่านอาจสงสัยว่า หากเป็นเช่นนี้แล้ว กะทิเธอก็น่าจะเปลี่ยนชื่อใช่ไหมล่ะคะ แต่เพราะว่ามันมีเหตุผลที่จะเล่าเป็นนิทานย้าววววยาว ดังนี้ค่ะ


    1. เพราะว่าแม้จะเป็นชื่อที่ได้ผลรวมที่เสีย แต่เพราะพ่อแม่เป็นผู้ตั้งให้ หากไม่ได้ถึงกับเจ็บป่วยเข้าข่ายร้อยแรงอย่างน้องภู(นามสมมติ ที่ยกตัวอย่างไว้ในตอนต้น) ก็จะไม่ขอเปลี่ยนชื่อ นั่นเพราะกะทิเธอเชื่อมั่นในสัจจะขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงตรัสถึง คุณของบิดามารดา (ถ้าจำไม่ผิด กะทิเธิจำมาจากหนังสือหลวงปู่ดู่มา ประมาณที่จำได้ค่ะ) ท่านได้ทรงยกให้บิดามารดาเป็นผู้สูงสุดเหนือเศียรเกล้ากว่าพระรูปใด จนมีอยู่ประโยคหนึ่งที่กล่าวประมาณนี้นะคะว่า “อย่าได้เที่ยวออกตามหาเพื่อกราบไหว้พระอริยเจ้าผู้ใดว่าให้ได้บุญสูงแก่ตนเองเลย เพราะนั่นก็ยังไม่เท่ากราบไหว้ “พระในบ้าน” อันคือคุณของบิดามารดานั่นเอง ดังนี้กะทิจึงถือว่าชื่อที่กะทิมีพ่อเป็นผู้ตั้งให้ จากการไปขอจากพระคริสตเจ้า ซึ่งได้มาจากความหมายในเนื้อเพลง Sweet Hour of Prayer (http://library.timelesstruths.org/mu...our_of_Prayer/) นี้นั้น เป็นชื่อที่เป็นมงคลหาที่สุดมิได้ แม้จะได้ผลรวมที่เสียหรือเป็นโทษก็ตาม ก็จะขอใช้ชื่อนี้ไปจนกว่าจะหาไม่


    ทั้งนี้หลังจากคิดไปคิดมาในหลายๆ ตลบแล้ว ก็ให้ได้พบอีกว่า ชื่อนี้ที่พระคริสตเจ้าประทานให้นั้น มีความนัยในอีดตชาติของเธอแฝงอยู่ด้วยมาตั้งแต่เกิด อย่างน่าพิศวง (น่าแปลกมากๆ) ซึ่งจะขอนำมาเล่าในนิทานในตอนต่อๆ ไปค่ะ


    2. เมื่อรวมผลรวมของชื่อและนามสกุลก็ยังได้ผลเป็นเลขเสีย แต่เมื่อนำมาคำนวณซ้ำ กลับได้ผลรวมที่ผลิกมาเป็นจุดเสริมให้กับวันเกิดของกะทิเธอซะงั้น ก็อย่างที่กะทิเธอได้กล่าวไว้อะนะคะ ว่าเป็นไปได้นะที่บางทีนะ บางที เทพลิขิตท่านไม่ได้ทอดทิ้งเราให้ชีวิตใครคนใดคนหนึ่งผจญแต่เรื่องร้ายๆ ไปซะหมดหรอก ในจุดเสีย ย่อมต้องมีจุดดี เปรียบเหมือนเหรียญสองด้านอย่างมิต้องสงสัย


    3. ในขณะเมื่อเราเกิอมาในชาติปัจจุบัน และได้รับการตั้งชื่อ สกุล ท่านยมจะทำการจดบันทึกชื่อของเราในชาติปัจจุบันไว้ แล้วปั้มตราลงสีแดงไว้ในบันทึก เช่นนี้ เจ้ากรรมและนายเวรในอดีตชาติจึงสามารถตามหาเราในชาติปัจจุบันได้ และเจอในที่สุด หากว่าเราเปลี่ยนชื่อไป แน่นอนที่ในช่วงแรกเจ้ากรรมและนายเวรอาจยังไม่ทราบ และนั่นเป็นจุดที่ใครๆ มักจะพูดว่า การเปลี่ยนชื่อใหม่นี้ดีเนอะ รู้สึกว่าอะไรๆ ดูดีขึ้นจริงๆ


    ในทางกลับกันหากนายเวรท่านตามคุณไม่ทัน กรรมที่คุณควรชดใช้ก็ไม่ได้ชดใช้ใช่ไหมคะ? และในยุคนี้กะทิเธอก็มักได้ยินคนส่วนใหญ่อธิษฐานว่า “ขอให้ข้าพเจ้าเข้าสู่พระนิพานในชาตินี้เทอญ หรือไม่แล้วก็ขอให้ได้พระนิพานในเร็ววัน”

    เช่นนี้กะทิขอถามหน่อยเถิดว่า ท่านจะได้เช่นนั้นจริงๆ รึเปล่า? ในเมื่อกรรมของท่านยังติดอยู่เช่นนี้ และที่หนักกว่านั้น หากกรรมของท่านไม่ได้รับการชดใช้ในชาตินี้ จะเป็นไปได้รึไม่ ที่มันจะติดตามข้ามภาพชาติไปยังชาติใหม่ของท่านต่อไป นั่นเท่ากับท่านยังคงต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่กับความเบื่อหน่ายในชีวิตเช่นนี้อยู่ต่อไปใช่หรือไม่?

    ถ้าเช่นนี้ไม่สู้ เราตั้งหน้ารับกรรมที่เราเคยกระทำให้จบสิ้นกันไปในชาตินี้ให้จบๆ กันไปซะ และได้กล่าวคำขอขมา และอโหสิกรรมให้แก่กันและกันจะไม่ดีกว่ารึ? สู้ปัญหาไม่ใช่เอาแต่หนีปัญหาจะไม่สวยกว่ารึ?



    นี่จึงเป็นสาเหตุที่กะทิเธอเขียนนามสกุลไว้สองนามสกุลนะคะ นามสกุลหนึ่งเป็นนามสกุลเมื่อแรกเกิด และอีกนามสกุลเป็นนามสกุลที่ถูกเปลี่ยนมาโดยการเห็นชอบของผู้ใหญ่ที่จะยกลูกให้กับผู้อื่น สำหรับคนคริสต์ก็คงเข้าใจในแง่ของพ่อแม่อุปถัมภ์ที่เด็กๆ เมื่อถึงพิธีล้างบาปกำเนิด ก็จะต้องมีพ่อแม่อุปถัมภ์อยู่ตามพิธี แต่ถ้าพูดถึงในทางพุทธไทยโบราณก็จะต้องเรียกว่าแม่ซื้อ ซึ่งจะเป็นตัวแทนของแม่ที่คอยอุปถัมภ์เด็ก ซึ่งเป็นการทำพิธีหลอกผีไม่ให้มาเอาตัวไป ตามความเชื่อในสมัยโบราณนั่นเอง ดังนี้กะทิเธอจึงตั้งใจเขียนนามสกุลทั้งสองไว้ เพื่อตั้งใจให้นายเวรของเธอตามมาเจอ เพื่อยินยอมรับผลกรรมหากว่ามีกับใครไว้นั่นเองค่ะ


    พูดมาถึงตรงนี้ กะทิเธอก็ขอเสริมหน่อยในเรื่องของกรรมนะคะว่า โรคบางโรคนั่นเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากเชื้อโรคในชาติปัจจุบัน แต่โรคบางโรคก็เป็นผลจากกรรมเก่า

    ยกตัวอย่างเช่น อยู่ดีๆ ก็เจ็บหัวไหล่ ไปหาหมอเท่าไหร่ก็รักษาไม่หาย อันนี้ขอยกเรื่องจริงมาเล่าจากคนผู้หนึ่งนะคะ กะทิก็จำชื่อเธอไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าเป็นพิธีกรชื่อดังล่ะค่ะ จนเมื่อเธอคนนี้ได้ทราบอดีตชาติของตัวเอง จึงพบว่า เธอเคยเป็นบุคคลสำคัญในยุคก่อน ซึ่งในอดีตนั้นเวลาที่จะไปไหนมาไหน เธอจะนั่งบนเกี้ยวให้คนแบกหาม ดังที่เธอปวดไหล่รักษาไม่หายนี้ เพราะในอดีตชาตินั่น คนผู้หนึ่งที่แบกเธอ ได้รับความทรมานจากการปวดไหล่ที่ต้องแบกเธอ และได้จ้องมองเธอตลอดในช่วงที่เขาทรมานจากการแบกกเกี้ยวนั่นไว้บนบ่า จึงกลายเป็นแรงพลังแห่งกรรมส่งมาถึงเธอในชาตินี้


    /ยังมีต่อ(อีกแย้ว)



    ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจาก การเขียนข้อความให้ความรู้ ในการช่วยให้บุคคลผู้อ่านข้อความที่ข้าพเจ้าเขียนไว้นี้ทั้งหลาย ได้มีความรู้เพิ่มเติมเสริมตัว หรือมีพัฒนาการในการฝึกปฏิบัติสมาธิกับองค์สังฆราชราชา ซูเปอร์บาบา มีสมาธิ วิริยะในการฝึกสมถะกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ในพระพุทธศาสนา และบุญฤทธิ์ ที่ดีขึ้นไม่ว่าด้วยประการใดประการหนึ่ง ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญนี้สรรเสริญและบูชาแด่องค์พระปฐมในพระพุทธศาสนา แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าในพระพุทธศาสนา พระอริยะเจ้าและพระธรรมในพระพุทธศาสนาทุกๆ พระองค์ในทุกๆ จักรวาล และขอบุญที่ข้าพเจ้าได้น้อมถวายนี้ จงเป็นพลังบุญส่งเสริมให้ข้าพเจ้ามีชีวิตที่อยู่เย็นเป็นสุขในชีวิต อันประกอบด้วย กายธาตุ ทั้งกายหยาบและกายละเอียด มโนธาตุ กายทิพย์ และดวงวิญญาณ และขอบุญนี้จงเป็นกุศลผลบุญคุ้มครองป้องกันข้าพเจ้าให้ปลอดภัยจากการเบียดเบียนจากมนุษย์ และอมนุษย์ทั้งปวงที่คิดและทำสิ่งใดที่ไม่ประสงค์ดีกับข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าพ้นภัยจากสิ่งเหล่านี้ตลอดสิ้นกาลนานเทอญ ฯลฯ
     
  19. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ยอดเงิน ในกองทุนไถ่ชีวิตสัตว์ วันนี้เพิ่มขึ้นถึง สองหมื่นบาทอีกแล้ว

    ได้พูดคุยกันในแวดวงว่า งวดนี้จะไปทำบุญปล่อยสัตว์ที่ไหนดี

    ผลตกลงกันไปที่วัด สวนแก้วอีกครั้ง


    หลวงพ่อพระพยอม ท่านอยู่วัดในวันเสาร์ที่ ๓๑ มกราคม ๕๘ พอดี(ช่วงบ่ายท่านจะไปที่อื่น)
    จึงนัดกันไปเจอกันที่วัดสวนแก้ว ในช่วงเวลา ๑๐.๓๐ ไม่เกิน ๑๒.๐๐ น.
    หากพระติดฉันเพลก็นั่งรอกัน
    ใครอยากไปร่วมด้วย ก็ไปเจอกันที่วัดนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2015
  20. พ่อณภัทร

    พ่อณภัทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    7,877
    ค่าพลัง:
    +3,633

    ร่วมทำบุญกองทุนไถ่ชีวิตสัตว์กับคุณหมอสุวิ จำนวน 1,000 บาทครับ ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1000.jpg
      1000.jpg
      ขนาดไฟล์:
      72.5 KB
      เปิดดู:
      88

แชร์หน้านี้

Loading...