ถวายมหาวิหารหลายแสนหลังมีอานิสงส์น้อยกว่าธรรมทาน....ธรรมทานเป็นต้นกำเนิดของความดีทั้งปวง

ในห้อง 'บุญ-อานิสงส์การทำบุญ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 18 มกราคม 2015.

  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    ธรรมทานนี้มีอานิสงส์มากดังที่มีการพรรณนาคุณไว้ในอรรถกถาธรรมบทว่า...

    - แม้ทายกจะถวายจีวรอย่างดีที่สุดแด่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันตเจ้าทั้งหลายที่นั่งติดๆ กันเต็มห้องจักรวาลนี้ก็ยังมีอานิสงส์น้อยกว่าการอนุโมทนาของพระพุทธเจ้า ด้วยพระคาถา(๒) เพียง ๔ บาท และจีวรทานนั้นมีค่าไม่ถึงเศษส่วน ๑๖ แห่งพระคาถาที่พระพุทธองค์ทรงอนุโมทนา

    - แม้ทายกจะถวายโภชนะข้าวสาลีกอปร ด้วยสูปะพยัญชนะอันประณีต เป็นต้น ให้เต็มบาตรพระพุทธเจ้าก็ดี จะถวายเภสัชทาน มี เนยใส เนยเหลว น้ำผึ้ง เป็นต้นให้เต็มบาตรพระพุทธเจ้าที่นั่งติดๆ เต็มห้องจักรวาลก็ดียังมีอานิสงส์น้อยกว่าธรรมทานที่พระพุทธเจ้า อนุโมทนาด้วยพระคาถาเพียง ๔ บาท

    - อนึ่งทายกจะถวายเสนาสนะ มีมหาวิหาร หรือโลหปราสาทหลายแสนหลังยังมีอานิสงส์น้อยกว่าธรรมทานที่พระพุทธเจ้า อนุโมทนาด้วยพระคาถาเพียง ๔ บาท

    - การแสดงธรรม การบอกธรรม การฟังธรรมมีอานิสงส์ยิ่งใหญ่และประเสริฐกว่าจีวรทาน บิณฑบาตทาน เสนาสนทาน ทุกอย่าง เพราะว่าชนทั้งหลายจะทำบุญมากมายขนาด นั้นได้ ก็ต่อเมื่อได้ฟังธรรมแล้ว ถ้าไม่ได้ฟังธรรมมีศรัทธาแล้ว จะถวายข้าวสวยสักทัพพี ข้าวต้มสักกระบวยก็ยังยาก แม้บุคคลสำเร็จมรรคผล จะสำเร็จอัครสาวกภูมิ ก็ต้องอาศัยการฟังธรรม

    - อีกประการหนึ่ง ยกเว้นพระพุทธเจ้า และพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว แม้พระสาวกทั้งหลาย มีพระสารีบุตร เป็นต้น ผู้เป็นเลิศด้วยปัญญาญาณ สามารถนับเม็ดฝนที่ตกอยู่ตลอดกัปได้ ก็ยังไม่สามารถจะบรรลุอริยผล มีโสดาปัตติผล เป็นต้น โดยลำพังตนเองได้ ต่อเมื่อได้ฟังธรรม จากพระอัสสชิเป็นต้นแล้ว จึงทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล และบรรลุธรรมสูงสุด ด้วยพระธรรมเทศนาของพระบรมศาสดา เพราะเหตุนี้ "ธรรมทานจึงประเสริฐที่สุด"ดังเรื่องปัญหาของท้าวสักกเทวราช (๓)

    ในสมัยหนึ่ง ท้าวสักกเทวราชพร้อมด้วยเทวดาหมื่นจักรวาลมาเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้นถึงแล้วจึงน้อมนมัสการทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
    "การให้อะไร ชนะการให้ทั้งปวง รสแห่งอะไร ชนะรสทั้งปวง ความยินดีในอะไร ชนะความยินดีทั้งปวง ความสิ้นไปแห่งอะไร ชนะทุกข์ทั้งปวง"
    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตอบปัญหาท้าวสักกะผู้เป็นจอมเทพยดา ปรากฏใน ตัณหาวรรค ธรรมบท ว่า

    สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ
    สพฺพรตึ ธมฺมรติ ชินาติ ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาติ
    การให้ธรรมทานชนะการให้ทั้งปวง
    รสแห่งธรรมชนะรสทั้งปวง
    ความยินดีในธรรมชนะความยินดีทั้งปวง
    ความสิ้นไปแห่งตัณหาชนะทุกข์ทั้งปวง
    ผู้ใดให้ธรรมเป็นทาน ผู้นั้นชื่อว่าให้พระนิพพานแก่คนทั้งหลาย
    <hr>
    อ้างอิง
    ๑) ธรรมบท ขุททกนิกาย พระสูตรและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏฯ เล่ม ๔๓ หน้า ๓๒๕
    ๒)คำประพันธ์ประเภทร้อยกรองในภาษาบาลี อัตราของฉันท์ คือ ๔ บาท เรียกว่า คาถาหนึ่ง
    ๓) ธรรมบท ขุททกนิกาย พระสูตรและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏฯ เล่ม ๔๓ หน้า ๓๒๓

    https://sites.google.com/site/sphrathewtheph/Home-8-4





    http://palungjit.org/threads/คนร่ำรวยมีโอกาสสร้างกุศลผลบุญได้มากกว่าคนจนจริงหรือไม่.15662/
     
  2. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    เหตุใดการให้ธรรมทาน จึงดีกว่าการให้ทั้งปวง ?

    พระพุทธเจ้าตรัสว่าผู้ให้ข้าวน้ำ ถือว่าให้กำลัง ผู้ให้เสื้อผ้าถือว่าให้ความสวยงาม แต่ ผู้ให้ธรรมะเป็นทานถือว่าเป็นผู้ให้ความเป็นคน ให้สติปัญญา ให้ความพ้นทุกข์ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะผู้ได้อ่านหรือฟังธรรมะแล้วย่อมเกิดความ สำนึกที่ดี มีความพากเพียรในการละชั่วทำดี มีสติปัญญาและมีความเพียรในการปฏิบัติตนให้พ้นจากทุกข์ สร้างสุขให้เกิดขึ้นแก่ตน คนรอบข้าง และสังคมต่อๆ ไป ไม่สิ้นสุด

    “สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ
    การให้ธรรมเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง”

    ….

    “อกฺขรา เอกํ เอกญฺจ พุทฺธรูปํ สมํ สิยา
    สร้างอักขรธรรมหนึ่งอักษร เท่ากับสร้างพระพุทธรูปหนึ่งองค์”

    ...

    ข้อมูลจาก คณาจารย์แห่งสำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง

    http://www.lc2u.org/th/know_tamtan.php
     
  3. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    ในเชตวันมหาวิหาร ณ กรุงสาวัตถี
    พระสารีบุตรเถระเจ้า ทูลถามกับพระพุทธเจ้า
    "ว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าชนทั้งหลายให้พุทธศาสนายืนยาวถึง ๕ พันวัสสา จะมีอานิสงส์เป็นประการใด พระพุทธเจ้าข้า "

    พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ดูกรท่านสารีบุตร ถ้าชนทั้งหลายมีจิตรศรัทธาเลื่อมใสเช่นนั้นแล้ว

    เมื่อตายไปแล้วก็จักรได้เสวยราชสมบัติเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราชถึง ๘ หมื่น ๔ พันกัลป์ ใช่แต่เท่านั้น
    เมื่อเคลื่อนจากความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิแล้ว ก็จะได้เป็นพระราชา มีอนุภาพอีก ๙ อสงไขย
    ต่อจากนั้นก็ได้เสวยสมบัติในตระกูลต่าง ๆ เป็นลำดับไป คือตระกูลพราหมณ์มหาศาล ตระกูลเศรษฐีคฤหบดี
    และเป็นภูมิเทวดาอากาศเทวดา อย่างละ ๙ อสงไขย
    ต่อแต่นั้นก็จะได้เสวยในสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้น เป็นลำดับไปชั้นละ ๘ อสงไขย

    เมื่อ จุติจากชั้นเทวโลกแล้ว มาถือกำเนิดเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะมีร่างกายบริสุทธิ์ผุดผ่อง เป็นที่รักใคร่แก่คนทั้งหลายที่ได้พบเห็นทั้งน้ำใจก็บริสุทธิ์
    สุจริตปราศจากบาปธรรมอกุศลทั้งปวง และเป็นผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาดรอบรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม


    ดังนี้เป็นต้น ดูกรท่านสารีบุตรเมื่อตถาคตสร้างบารมีอยู่ได้เกิดเป็นอำมาตย์ของพุทธบิดา แห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    พระนามว่า ปุราณโคดม ได้สร้างพระไตรปิฎกไว้ให้สืบองค์ได้ตั้งความปรารถนา ขอตรัสเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งเถิดในอนาคตกาลโน้น
    สมเด็จพระปุราณโคดมบรมศาสดาทรงพยากรณ์ไว้ว่า อำมาตย์ผู้นี้ต่อไปภายภาคหน้า จะได้ตรัสเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง
    มีพระนามว่า พระสมณโคดมก็คือพระตถาคต
    เรานี้เองดังนี้แลก็สิ้นสุดพระกระแสธรรมเทศนา ที่พระบรมศาสดาทรงแสดงแก่พระสารีบุตรเถระเจ้าแต่เพียงเท่านี้
     
  4. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    พุทธพจน์:
    “...ดูกรสุภูติ หากชายคนหนึ่งทำทานโดยการ
    ถวายทานด้วยสมบัติกองสูงเท่ากับภูเขาพระสุเมรุทั้งจักรวาลมารวมกัน
    ส่วนอีกคนหนึ่ง รับฟังคำสอนไว้ในใจ อ่าน เรียนรู้ จดจำ แล้วสั่งสอนผู้อื่น
    บุญกุศลของชายคนแรกยังไม่มากเท่าหนึ่งในร้อย หนึ่งในพัน หนึ่งในแสน
    ของบุญกุศลที่ชายคนที่สองได้รับ เพราะไม่สามารถจะเปรียบกันได้เลย”
     
  5. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    [​IMG]

    ผู้ให้ธรรมทาน ได้ชื่อว่า
    ให้มนุษยสมบัติ สวรรค์สมบัติและนิพพานสมบัติ


    การให้ธรรมทาน ขอเพียงแต่ผู้ให้มีศรัทธาทางธรรม ก็สามารถให้ธรรมเป็นทานได้
    คนที่รู้ธรรมมากก็ให้ได้ คนที่รู้ธรรมน้อยก็ให้ได้ ไม่รู้เลยก็ให้ได้
    เป็นพระหรือเป็นฆราวาสก็ให้ได้ การสร้างธรรมทานจึงทำได้ทุกคน
    ฉะนั้นผู้ที่ปราถนาอยากได้บุญสูงสุด ควรสร้างมหาบุญอันประเสริฐ
    ด้วยการสร้างหนังสือบทสวดมนต์ที่มีคำสอนของพระพุทธเจ้าให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

    ส่วนผู้ที่รับธรรม เมื่อรับแล้วก็ต้องนำเอาไปปฏิบัติ ถ้าไม่ปฏิบัติก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด
    เปรียบเหมือนมีดินแล้วไม่ยอมปลูก มีอาหารแล้วไม่ยอมกิน มีไม้แล้วไม่ยอมปลูกบ้าน
    มีเงินแล้วไม่ยอมใช้ สิ่งเหล่านี้ถึงจะมีก็เหมือนไม่มี ผู้รับนำเอาธรรมนั้นไปใช้
    เมื่อปฏิบัติตามก็จะได้ประโยชน์นับภพนับชาติไม่ได้
    ย่อมได้สมบัติในสุคติภพและถึงพระนิพพานสมบัติอันเป็นที่สุด

    เพราะฉะนั้น ผู้ใดให้ธรรมเป็นทานก็เท่ากับเอา มนุษยสมบัติ สวรรค์สมบัติ
    และนิพพานสมบัติ ไปให้กันเลยทีเดียว มีแต่ความสุขความเจริญหาที่สุดมิได้
    ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ธรรมที่บุคคลประพฤติอยู่เป็นนิจ ย่อมนำสุขมาให้"

    โอวาทธรรม สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
    จากหนังสือ พลังบุญเหนือพลังบาป อมตะธรรมสมเด็จโต
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 57 - 1.jpg
      57 - 1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      38.6 KB
      เปิดดู:
      573
  6. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    ครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงมีพระพุทธฎีกาว่า

    “ดูก่อนพระสารีบุตร อันบุคคลผู้ใดสร้างพระไตรปิฎกถวายในพระศาสนานี้ ย่อมได้อานิสงส์เป็นอันมาก
    สุดที่จะนับจะประมาณได้ก็ป่วยการกล่าวไปใยถึงอานิสงส์สิ้นทั้งนั้นเล่า เฉพาะอานิสงส์แห่งอักขระตัวเดียว ก็จะนับประมาณมิได้
    สารีบุตรผลานิสงส์แห่งบุคคลผู้ใดสร้างซึ่งอักขระตัวเดียวไว้ ในศาสนา นี้ก็อาจให้ผลยังตนให้ประสบสุขสิ้นกาลช้านานคือ


    จะได้เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิ์เป็นเวลานานถึง 84,000 กัลป์
    จะได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินในประเทศราชเป็นเวลานานถึง 9 อสงไขย
    จะได้เป็นมหาเศรษฐีคหบดีผู้ใหญ่มีทรัพย์สมบัติมากเป็นเวลานาน 9 อสงไขย
    และเสวยทิพย์สมบัติในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ดาวดึงส์ ยามา นิมมานรดี และปรนิมมิตวสวดีเหล่านี้ ชั้นละ 9 อสงไขย เป็นกำหนด

    ครั้นจุติจากเทวโลกแล้ว ก็จะเกิดมาในโลกมนุษย์อีก
    จะได้เป็นคนมีทรัพย์นับวิชามากด้วยสมบัติศฤงคารบริวาร
    จะได้เป็นคนดีมีศีลมีสัตย์ยินดี อยู่ในการบำเพ็ญกุศล
    จะได้เป็นคนมีรูปโฉมงาม มีน้ำใจโอบอ้อมอารีแก่ชนทั่วไป
    จะบริบูรณ์พูนเกิดไม่รู้จักพกพร่อง

    ทั้งนี้เพราะอานิสงส์อักขระตัวเดียว ของบุคคลผู้สร้างพระไตรปิฎกไว้ในพระศาสนา การที่จะกำหนดอานิสงส์แห่งการสร้างพระไตรปิฎกนั้นเป็นอาจินไตร”
     
  7. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    ทำธรรมทานอย่างไรให้ได้อานิสงส์สูงสุด ?

    [​IMG]

    ถาม : ธรรมทานที่ทำได้อานิสงส์สูงสุดคือ ธรรมทานอย่างไรครับ ? คือการใช้เงินบริจาคเป็นธรรมทาน หรือการบริจาคหนังสือธรรมะ ได้อานิสงส์เท่ากันหรือเปล่าครับ ?

    ตอบ : อานิสงส์ธรรมทานสูงสุดคือเราปฏิบัติธรรมนั้นได้ สามารถยืนยันผลด้วยตนเอง แล้วนำเอาสิ่งนั้นไปสอนต่อ ทำให้ได้เองก่อนแล้วไปสอนคนอื่น จะได้มีรายละเอียด เวลาเขาซักถามอะไรจะได้ตอบได้
    การที่เราบริจาคปัจจัยในเรื่องของธรรมทาน ตัวเราก็ไม่สามารถปฏิบัติธรรมนั้นเองได้ บริจาคเป็นหนังสือหรือพระไตรปิฎกก็ลักษณะเดียวกันเพราะฉะนั้น..จะเอา อานิสงส์สูงสุดจริงๆ ต้องตัวเองทำได้และสอนคนอื่นให้ทำได้ด้วย
    แม้แต่ตรงนี้อาตมาก็รำคาญมาก เพราะโยมมักจะเอาหนังสือธรรมะมาถวายเยอะแยะไปหมด ไม่ใช่ไม่ต้องการ แต่สงสัยว่าทำไมไม่อ่านแล้วทำเสียเอง ?

    ถาม : การโพสต์ตั้งกระทู้ธรรมะในอินเตอร์เน็ตเป็นการบริจาคธรรมทานหรือเปล่าครับ ?
    ตอบ : ถ้าเป็นหลักธรรมคำสอนในพระไตรปิฎก หรือของหลวงปู่หลวงพ่อต่างๆ ก็ถือว่าเป็นธรรมทานอย่างหนึ่ง เอาให้แน่ๆ ก็คือ ตรวจสอบให้ถูกต้อง อย่าให้มีข้อผิดพลาด
    ขณะเดียวกัน ต้องมั่นใจอย่างแน่ว่าคำสอนเหล่านั้นถูกต้องอย่างแท้จริง ไม่ใช่ประเภทคำสอน "อย่าไปไหว้พระพุทธรูป เพราะเป็นแค่ทองเหลือง" ถ้าอย่างนี้ก็บรรลัย..!


    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    ณ บ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

    ที่มา http://palungjit.org/threads/%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94.536818/


    ถาม : การอภัยทานกับธรรมทานมีอานิสงส์ต่างกันอย่างไรครับ ?

    ตอบ : อภัยทานเป็นในส่วนของพรหมวิหารธรรม ถ้าใครทำได้ จิตใจจะสงบเยือกเย็น ลักษณะนั้นจะสามารถรักษาศีลได้ทุกข้อ จัดเป็นศีลบารมีและเมตตาบารมี ส่วนธรรมทานนั้นจัดอยู่ในส่วนทานบารมี ต่างกันตรงที่ทำอย่างหนึ่งได้บารมีสองข้อ ทำอีกอย่างหนึ่งได้บารมีข้อเดียว

    ถาม : ในอินเตอร์เน็ตมีการบอกว่า "การให้อภัยทานสูงกว่าธรรมทาน" ซึ่งพระพุทธเจ้าไม่ได้สอน อยากจะทราบว่าเป็นอย่างไรครับ ?

    ตอบ : ก็แปลว่าไม่ได้สอนเท่านั้นเอง..!


    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    ณ บ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • b8evp.jpg
      b8evp.jpg
      ขนาดไฟล์:
      110.3 KB
      เปิดดู:
      831
  8. ไม้ขีด

    ไม้ขีด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,421
    ค่าพลัง:
    +3,023

แชร์หน้านี้

Loading...