ฝึก กรรม-ฐาน ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย ธรรม-ชาติ, 16 ตุลาคม 2013.

  1. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ จริง ๆ ตรงนี้ต้องเป็นคุณ Apinya17 กับคุณ อินทรบุตร ร่วมกัน "กำหนดตารางเวลา และ ระยะเวลากี่วัน" ส่วน 3-4 วัน หรือ 7-10 วันเป็นแค่ตัวอย่างเฉย ๆ จะ สั้น-ยาว กว่านี้ก็แล้วแต่ความสะดวกของทั้งสองฝ่าย นะครับ
     
  2. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ จากอาการ "รู้+รู้สึก ประดุจเห็น" (ญาณทัศนะ) ที่ปรากฏเป็น "พลังงานที่ก่อตัว" แล้ว "พลุ่งขึ้นออกมาเป็น ฐาน ดอกบัวที่กำลังบานออก" แล้ว "ปรากฏเป็น แท่นอาสนะ" ลอยอยู่ "กลางอากาศ เหนือ ฐานดอกบัว สูงขึ้นไปอีก" แล้วคุณ jsso "นั่งสมาธิอยู่บนแท่นนั้น"

    +++ สภาวะ "พลังงาน" ที่ปรากฏออกมาแบบนี้ เป็นสภาวะเดียว ที่มีภาพวาดการบรรยายสภาวะของ "ผู้ที่อยู่ในพุทธเกษตร" เท่านั้น และเท่าที่ผมฝึกมาหลายต่อหลายรุ่น ก็มีเพียงคุณ jsso คนเดียวเท่านั้น ที่ปรากฏสภาวะนี้ขึ้นมาเองโดยไร้เจตนาใด ๆ ทั้งสิ้น และเรื่องราวของ "พุทธเกษตร" นั้นผมเองก็พอรู้แค่คร่าว ๆ เท่านั้น

    +++ หากต้องการ "ลาพุทธภูมิ" ก็ควร "ลาต่อหน้าพระธาตุของพระพุทธเจ้า" แล้วก็ควร "เร่งการฝึก" จนกว่าจะ "เป็น" สภาวะรู้ ต่อเมื่อฝึกจนถึงขั้น "เห็นขันธ์ ฝึกขันธ์ ใช้ขันธ์" ได้แล้ว ก็จะเฉลยตนเองได้ ด้วยตนเอง และ "หากไม่สามารถลาได้ขาดจริง" ผมก็จะพยายาม "ส่ง" ให้จนถึงการ "สร้างขันธ์ กำเนิดขันธ์ ดับขันธ์" แล้วค่อยมาดูกันอีกที่ว่า "พุทธเกษตร" คืออะไรกันแน่ และ "ใช้สภาวะใด เป็น วิหารธรรม" (คงต้องเป็นช่วงที่คุณ jsso ลาพักร้อนแบบยาว ๆ ได้ ในปีนี้) และตรงนี้คงมีเพียงคุณ jsso คนเดียวเท่านั้นที่จะ "เฉลย" และเลือก "วิหารธรรม" ได้ ด้วยตนเอง

    +++ ส่วน "จิตเคลื่อนร่าง" หากเคลื่อนในฐาน "กายเวทนา" ก็จะเหนื่อยและเหงื่อออกทั้งตัว จนกว่าจะเคลื่อนได้ในฐาน "จิต" ก็จะแผ่วพริ้วเหมือนเคลื่อนตัวอยู่ในอากาศโดยไม่เหนื่อย แต่อาจมีอาการ เมื่อยกล้ามเนื้อ ได้บ้างหลังจากถอนจิตออกมาแล้ว นะครับ
     
  3. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ตรงนี้เป็นการขับรถด้วย "ฐานจิต" ส่วนการ "เบรคแล้วตัวจะเอนไปทางด้านหลัง" ตรงนี้เป็นระดับ "สัญชาติญาณ" ที่พัฒนามาจากฐานจิต โดยมือที่ถือพวงมาลัย จะดันตัวไปข้างหลัง สอดคล้องกับจังหวะของการเหยียบเบรค การเคลื่อนของร่างกายจะเริ่มเป็นไปตามธรรมชาติที่ควรเป็น อาการเกร็งของการเคลื่อนกายจะไม่ปรากฏเมื่อ "อยู่" ในฐานนี้

    +++ การมองระดับ 3 + กับการ "อยู่ในฐานจิต" ไม่นานจะพัฒนาเข้าสู่ "การรู้ล่วงหน้า" ได้เองตามธรรมชาติของจิต ส่วนเรื่องของ พีท ทองเจือ นั้นอาจได้สมาธิจากการขับรถ แต่การมองระดับ 3 นั้น คงไม่มีแน่นอน และยังไม่สามารถสำเหนียกรู้ "อาการของจิตส่งออก" ที่เข้ามาบดบัง สภาวะของความเป็นจริง ที่มีอยู่จริง ได้

    +++ ในเวลาขับรถนั้น อุปสรรคเพียงประการเดียวในฐานนี้ คือ "จิตส่งออก" ดังนั้น "เมื่อข้ามพ้นอุปสรรคตัวนี้ได้" ไม่ว่าจะเป็น "การขับรถ การเดิน การวิ่ง" ทุกอย่างจะเป็นอาการอย่างเดียวกัน

    +++ ให้ฝึก "การมองระดับ 3 + กับการอยู่ในฐานจิต (เพลิน+สบาย)" ในขณะที่ "เดินจงกรม หรือ เดินเล่น" ไปด้วย ไม่นานก็จะ "ได้ของเล่น" แบบจะ ๆ ทั้งกายเนื้้อเอง

    +++ ส่วนในขณะที่ กินก๋วยเตี๋ยว แล้วเสียงที่มาปรากฏนั้น ย่อมเป็น "ตัวพูดมาก" ของ "ใครสัก คน/ตน" แถว ๆ นั้นแหละ ฝึกไปเรื่อย ๆ ก็รู้แจ้งได้เอง นะครับ
     
  4. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    พี่คะ แล้วอาการตอนที่เมิลเป็นรู้แล้วเมิลรู้สึกถึงอาการวูบไหวอยู่บ่อย ๆ นั้นคือกิกริยาจิตไหมคะ

    แล้วอาการตอนที่เป็นตน แล้วรู้สึกถึงอาการวิบๆ กะพริบ ๆ ละคะ ทั้ง 2 อาการนี้เหมือนหรือต่างกันอย่างไรคะ
     
  5. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ขณะที่ "เป็นรู้" อาการวูปไหวที่ปรากฏ คือ อาการ "กำเนิดของตัวดู (กำเนิดอวิชชา กำเนิดขันธ์)" ซึ่งไม่นับว่าเป็น "กิริยาจิต" เพราะ "จิตยังไม่เกิด (ตัวดู)"

    +++ ณ ขณะนั้น ๆ "อณู" เป็น "เหตุปัจจโย"

    +++ การเคลื่อนต้วของอณู ก่อให้เกิด "หย่อมความกด (สภาวะธาตุเริ่มต้น)" เป็น "ธรรมารมณ์ตัวแรก" เป็น "อารัมมะณะปัจจะโย" (การก่อตัวของอวิชชา ตัวดูก่อหวอด)

    +++ "หย่อมความกด" เกิดแรงดึงดูดภายใน (สนามพลัง) ก่อเกิดสภาพ "หมุนวน" (สังขารา)

    +++ เมื่อ "วังวน" เป็นสภาพที่มั่นคงแล้ว "ตน ตัวกู ตัวดูฝ่ายนาม" ปรากฏ มีสภาพเป็น "อรูปฌาน" ตรงนี้เป็น "อธิปะติปัจจะโย"

    +++ เมื่อ "ตน ตัวกู" ตั้งมั่นดีแล้ว ก็ปรากฏ "อายตนะที่รู้รูป" (ตาน้ำวน ตัวดูฝ่ายรูป) ตรงนี้เป็น "วิญญาณัง" และเริ่มต้นของ "รูปฌาน"

    +++ ในขณะที่ "เมิลเป็นรู้" ให้คอยสังเกตุรู้ไปที่ "ต้นเหตุของอาการไหว" ก็จะรู้ได้เองว่า สรรพสิ่งย่อมมาจาก "อณู" นั่นเอง

    +++ ในขณะที่ "เป็นตน" (เป็นตัวดู) อาการ "วิบ ๆ กะพริบ ๆ" หากเกิด "ภายนอกความเป็นตน" ตรงนั้นเป็น "สัพเพธัมมาอนัตตา"

    +++ ในขณะที่ "เป็นตน" (เป็นตัวดู) อาการ "วิบ ๆ กะพริบ ๆ" หากเกิด "ภายในความเป็นตน" ตรงนั้นเป็น "ตัวจะ" ที่เป็นอาการ "ก่อนที่จิตจะส่งออก"

    +++ "กิริยาจิต" คือร่องรอยการขยับตัวของ "ตัวดู" ที่แฝงด้วย 1 เจตนาละเอียดทุกครั้ง ที่ผมเรียกมันว่า "ตัวจะ" นั่นเอง

    +++ คงชัดเจนขึ้นแล้วนะว่า "กิริยาจิต ต้อง มีจิตก่อน" หากยังไม่มีจิต ก็ย่อมเป็น "การขยับตัวของอย่างอื่น" สังเกตุให้ดีแล้วจะรู้จัก "อณู" ได้เอง นะครับ
     
  6. jadeprawit

    jadeprawit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +117
    อาจาร์ยคะ

    วันนี้พระจันทร์ดวงโต ฟ้าไม่มีเมฆหมอก เลยฝึกมองระดับ 3
    ขณะที่มอง ใช้วิธีมองไปข้างๆดวงจันทร์(คิดเอาเองว่าจะได้ไม่กลายเป็นเพ่ง) พักนึง พระจันทร์ขยับเหมือนหมุนตัวเอง
    ออกไปทางด้านซ้าย แต่ไม่ได้ไปแบบนิ่มนวล ขยับไปแบบแข็งๆค่ะ ตึ่กๆเป็นจังหวะค่ะ เลยรีบมาเล่าค่ะ ไม่รู้ว่าทำผิดหรือถูกอย่างไร ทดสอบ2 ครั้งค่ะ อาจาร์ย
     
  7. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    เดือน ก.พ. มีสมาชิกท่านไหน อยากฝึกอีกบ้างค่ะ
    พี่ธรรมชาติให้โอกาสฝึกแล้วน่ะ มาลงชื่อหน่อยๆ (f)(f)
     
  8. savesafe

    savesafe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +442
    อยากไปฝึกด้วยครับ ฝึกเองไม่ค่อยมีความก้าวหน้าสักเท่าไหร่เลยครับ
     
  9. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ การมอง ให้มองตรง ๆ ไปที่ใจกลางของดวงจันทร์ก่อน "เพ่งก่อน" (มองระดับ 1) จากนั้น ค่อย ๆ ผ่อนการเพ่ง (มองระดับ 2) จนกลายมาเป็น Super Vision (มองระดับ 3)

    +++ ให้ลืมตาเฉย ๆ "แบบลืมตาก็เห็นเอง" แล้วปรับการมองทั้ง ๆ ที่ยังลืมตาก็เห็นเองแบบนั้นจากการมอง 1-3 และย้อนกลับ 3-1 ลองเล่นดูสัก 4-5 รอบ

    +++ ถ้า "เห็น" อะไรแปลก ๆ ก็เอามาเล่าให้คนอื่นฟังบ้างก็แล้วกัน นะครับ
     
  10. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ผู้ที่ปรารถนาจะเข้าร่วมฝึก ก็ควรซ้อมการ "ทำความรู้สึกทั้งตัว" แบบคร่าว ๆ ให้ได้ เพราะทุกอย่างจะเริ่มต้นที่นี่

    +++ สำหรับผู้ที่ "ไม่สามารถทำความรู้สึกได้เลย" ก็ไม่แนะนำให้เข้าร่วมฝึก เพราะจะไม่ได้อะไรเลย และจะทำให้ "ท้อใจ" เปล่า ๆ

    +++ วิธีสร้าง "ความรู้สึกทั้งตัว" อยู่ในหน้าแรกของกระทู้นี้ และ มีเวลาเตรียมตัวล่วงหน้า 1 เดือน ดังนั้นน่าจะทัน นะครับ
     
  11. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ให้ฝึกซ้อมการ "ทำความรู้สึกตัวแบบคร่าว ๆ ให้ได้ทั้งตัว" หากรวมวสี 5 ได้ด้วยก็จะเป็นการดีอย่างยิ่ง

    +++ ส่วนตาราง และ สถานที่ในการฝึก ก็คอยติดตามดูเอาจากในกระทู้ นะครับ
     
  12. jadeprawit

    jadeprawit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +117
    วันนี้ กทม ฝนตกค่ะ เลยลองทำความรู้สึกตัวฟังเสียงฝนตกดู
    ขณะที่ฟัง รู้สึกเสียงฝนแยกเป็น 3-4 เสียง เหมือนว่าเสียงที่ดังสุดเป็นการรวมตัวของกลุ่มเม็ดฝน เมื่อรวมกันมีมวลรวมและน้ำหนักที่เกาะกลุ่ม เสียงที่ดังรองลงมา มีมวลรวมของเม็ดฝนที่หนาแน่นน้อยกว่า มวลรวมน้ำฝนลดหลั่นลงมาเป็นกลุ่มที่ 3-4 นอกนั้นเป็นเสียงของเม็ดฝนที่กระจายตกเป็น
    เม็ดใครเม็ดมัน แต่เป็นเสียงที่มีบริเวณกว้างขวางกระจายตัว
    ไปทั่ว กลุ่มนี้ถ้าเทียบเป็นเสียงดนตรีคงประมาณว่าเป็นเสียงคอรัส คลอไปเรื่อยๆ ส่วนเสียงที่รวมตัวกลุ่มใหญ่มีน้ำหนักเสียงดังที่สุดเป็นกลอง กีตาร์ และอื่นๆ เสียงใครเสียงมันแยก
    กันคนละระดับเสียง สักพักได้ยินเสียงทางด้านซ้ายมือที่มีคนกลุ่มใหญ่อยู่เป็นร้อยคนผู้ชายเกือบทั้งหมด แต่เสียงที่ได้ยิน
    เหมือนเสียงเด็กหลายๆคนร้องเพลงประสานเสียง ทำนองเพลงคล้ายๆเพลงที่ร้องในโบสถ์คริสต หรือว่าใครเปิดเพลงแต่
    แถวนี้ไม่น่าเปิดเพลงลักษณะนี้เลยค่ะ

    ลองทำดูค่ะ ไม่รู้ถูกผิดอย่างไรบ้างคะ อาจาร์ย

    ปล เมื่อคืนท้องฟ้าไม่อำนวยค่ะ ไว้จะหาเวลาฝึกมอง 3 ระดับกับพระจันทร์ใหม่อีกที
     
  13. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ให้สังเกตุ ในยามที่ไร้จิตส่งออก (ไม่มีการเพ่ง) ก็จะเป็นแบบ "การมองระดับ 3" หรือจะใช้การแยก "สัพเพธัมมาอนัตตา" ก็ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น "ภาพหรือเสียง" ก็ย่อมรับและสัมผัสได้ ตามสภาพที่มันเป็นอยู่จริง โดยไร้การบดบังจาก "จิตส่งออก" การรับรู้ด้วย "อายตนะ" ทั้งหมดก็จะเป็นแบบ Super Perception คือ ไร้ขีดจำกัด และ ไม่มีการบดบังทางจิต ดังนั้น ทั้งเสียงและภาพ ก็ย่อมปรากฏมา "ตามความเป็นจริง" ซึ่งย่อม "มีความแตกต่าง" ไปจากบุคคลผู้ไม่ได้ฝึก และมีปกติเป็น "จิตส่งออก" นั่นเอง

    +++ เรื่องของ "เสียงดนตรี หรือ เสียงสวดมนต์ ตามป่าเขา" ต่าง ๆ เหล่านี้ เมื่อฝึกจนถึง "สติทรงอรูปฌาน" ก็จะเข้าใจได้โดยไม่ยาก รวมทั้งสามารถใช้ "ตัวพูดมาก" ให้ผลิต "ดนตรีทิพย์" โดยมีเสียงแทรกซึมอยู่ในอณูอากาศได้ แม้ว่าจะไม่ง่าย แต่ก็ไม่มีอะไรที่ยากจนเกินไป หากคุณ jadeprawit ได้มีโอกาสเข้าฝึกอีกยกหนึ่งในรอบของคุณ Apinya17 ก็อาจจะมีโอกาสไปถึงตรงนี้ได้

    +++ ยามใดที่ "ไร้จิตส่งออก ทุกอย่างย่อม ถูกต้องเสมอ ตามธรรมชาติของมัน" นั่นเอง

    +++ การมอง 3 ระดับกับพระจันทร์นั้น หากเกินแรม 5 ค่ำขึ้นไป ก็จะมีส่วนเงามืดปิดบังมากเกินไป ความมันส์... ก็จะลดลงนะครับ
     
  14. ธรรมอยู่

    ธรรมอยู่ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +55
    อาจารย์คะ เมื่อคืนนอนอยู่คิดไป อยู่ๆก็นึกถึงหมู่บ้านหนึ่งขึ้นในหัว แป๊ปเดียวไม่กี่วินาที รู้สึกว่าทำไมไม่มีความสุขหดหู่เศร้าสร้อยจัง (รู้สึกว่าไม่ใช่อารมณ์ตัวเองแน่นอน) แว๊ปนึงเลยคิดได้ว่าเพื่อนอยู่หมู่บ้านนี้แล้วสามีรถชนตายเมื่อคืนวันที่ ๑ ค่ะ ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมากไม่กี่วินาที

    เมื่อวานตอนเย็นกำลังเคี้ยวข้าวอยู่ เหมือนปากกำลังเคี้ยวไป แต่ไม่มีความรู้สึกเราบังคับกล้ามเนื้อเหมือนปากเคี้ยวไปเอง งงๆอยู่ค่ะ เรื่องจิตเคลื่อนร่างรู้สึกไม่ค่อยเหนื่อยเหมือนเดิมเท่าไหร่เหมือนมันพลิ้วไปเองเรื่อยๆค่ะ
    เมื่อคืนเหมือนหนูฝันเห็นหลวงปู่มั่นด้วยค่ะฝันเห็นหลวงพ่อหลายองค์ หรือจะฟุ่งไปเองอีก อิอิ
    อาจารย์คะฤาษีที่เราพูดถึงกันเรื่องที่ท่านปรารถนาพุทธภูมิ เป็นตนเดียวกันค่ะ ที่บอกว่าท่านจะไปกับหลวงพ่อองค์นึงบ่อยๆ ที่อาจารย์บอกว่าท่านบวชพระไม่ได้ สังเกตุอีกอย่างนึงรูปท่านในเน็ตบางรูปเป็นภาพสมัยก่อนแบบขาวดำ ณ ปัจจุบันหน้าท่านไม่เปลี่ยนเลยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 มกราคม 2015
  15. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ อาการ "ไม่กี่วินาที" นี่แหละคืออาการ "สื่อสารทางจิต" เป็นอาการของ "ความเข้าใจ" แบบ concept ต่อ concept ซึ่งใน 1 concept จะเป็นแบบ "1 ความเข้าใจ + 1 ธรรมารมณ์" เสมอ คือมาทั้ง รูป+นาม ใน 1 วาระจิต ตรงนี้เป็น "จิตส่งออกของเพื่อนจากหมู่บ้านนั้น มาถึงเรา"

    +++ ส่วน "แว๊ปนึงเลยคิดได้ว่าเพื่อนอยู่หมู่บ้านนี้แล้วสามีรถชนตายเมื่อคืนวันที่ ๑" นั้นหากสังเกตุให้ดี จะรู้ได้ว่าเป็นการ ระลึกย้อนหลัง แล้วดึงความเข้าใจใน concept นั้น ๆ กลับมา จากนั้นจึง "ตรึง-แช่-อยู่" ใน concept นั้น ตรงนี้คือ basic ของการ map จิต และเป็น "มหาปัฏฐานสูตร (อธิปะติปัจจโย)" โดยมี "ตนเป็น ใส้เทียน และมี concept เป็นเปลวเทียน" ความละเอียดและความไวตรงนี้ เป็นแบบไม่กี่วาระจิต (ไม่กี่วินาที) ยามใดที่ฝึก "มหาสติ" ได้ละเอียดและมั่นคงกว่านี้ ก็จะสามารถ "เห็น" ปรากฏการณ์เหล่านี้ได้มากขึ้นเอง หากชำนาญแล้วก็จะเหลือเพียงแค่ "ตรึงวาระจิตนั้น แล้วจะรู้ได้เองว่า เป็นใครส่งมา"

    +++ ถูกแล้ว เมื่อมันเริ่มพัฒนาจาก "ฐานกายเวทนา เข้าสู่ ฐานจิต" มันจะเป็นอาการแผ่วพริ้วไร้น้ำหนัก คล้ายกับ ลูกโป่ง เคลื่อนตัวไปในอากาศ หากยามใดที่พัฒนาจาก "ฐานจิต สู่ ฐานธรรมารมณ์" มันก็จะเป็นแบบ กระแสพลังงาน ชำแรกไปใน ความว่าง หากไม่มี "ความเบื่อ" เข้ามาเป็นอุปสรรคเสียก่อน (สิ้นสุดวาสนา เลยต้องวาง) ก็ให้ "เล่น" ไปเรื่อย ๆ จนถึงที่สุดของมัน

    +++ ในช่วงระหว่าง การพัฒนาจาก ฐานกายเวทนา เข้าสู่ ฐานจิต นี้ "ควรฝึกควบคู่ไปกับ การเดินจงกรมแบบ "ตามรอยพระพุทธบาท ท่าเท้าพระพุทธองค์" ไปด้วย เพื่อให้ได้ประสพการณ์แบบ "แตะและร่อน" ไปตามพื้น และให้ "คอยตรวจจับ" พลังผลักดันให้เคลื่อนตัว ไปด้วย ซึ่งมันจะเป็นอาการของพลังขับเคลื่อนแบบ "ตอนดูภิภพเคลื่อนตัว" ให้ลองสังเกตุ และลองใช้ "การเดินจิต" เล่นกับมันดู

    +++ ให้สังเกตุที่ "เจตนา" หากเรามี "เจตนาปรุง ก็เป็นฟุ้ง" หากเรา "ไร้เจตนาปรุง ก็เป็นจิตสื่อสาร" ตรงนี้เป็น เบสิก ในการแยกแยะว่าอะไรเป็นอะไร

    +++ ฤาษีตนนี้มีความเชื่ยวชาญในวสี ทั้งรูป+อรูปฌาน สูงมาก มีกำเนิดมาจากสายพระป่าหลวงปู่มั่น ยังมีพระอีกรูปหนึ่งที่ "บวชหน้าศพ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล" แล้วธุดงค์ลงไปอยู่ในแถบ 3 จังหวัดภาคใต้ ให้สังเกตุดูว่า ท่านเหล่านี้ล้วนมาจากสาย พระป่า และเชี่ยวชาญใน "มหาสติปัฏฐาน 4" อย่างยิ่ง ดังนั้นให้อ่านเพื่อเป็นการ "ประกอบความรู้ ในทางด้าน การเดินจิต" เพื่อความกว้างขวางใน องค์ความรู้ ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ นะครับ

    http://palungjit.org/threads/แชร์เล...โธประสบการณ์ในสามจังหวัดชายแดนใต้ครับ.465567/
     
  16. jadeprawit

    jadeprawit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +117
    อาจาร์ยคะ ช่วงนี้ฝึกสภาวะ สบาย เพลิน ว่าง เฉย แต่ยังรู้สึก
    ว่า ยังแยกไม่ได้เลย นั่งสมาธิปุ๊ปก็ยังเฉยอยู่ดี เฉยตลอดเวลากับเพลินค่ะ บางครั้งโยกตลอดจนออกจากสมาธิ

    นึกถึงคำพูดอาจาร์ย ที่เปรียบเทียบแก้วน้ำกับแก้วกาแฟ ความรู้สึกมันอยู่กลางๆ ไม่แยกชัดเจนค่ะ

    อยากให้อาจาร์ยทบทวนสภาวะอีกครั้ง เราสามารถลดเพิ่มเพื่อเปลี่ยนสบายเป็นเพลิน เพลินเป็นเฉยได้มั้ยคะ

    ถ้าได้ มีวิธี/สภาวะอาการ ความรู้สึกประมาณไหน

    มีครั้งนึง นั่งสมาธิ รู้สึกได้ว่ามีเส้นเลือด 2 เส้นอยู่ใกล้กับกระดูกสะโพก เส้นซ้ายและขวา ตุ๊บ ๆ ที่ทำให้ตัวเราสั่นโยก
    ก็สังเกตุอาการสักพักก็ออกค่ะ
     
  17. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    คอมพังครับ เลยไม่ได้เข้ามาดูพักใหญ่ ตอนนี้กลับใช้ได้แล้วครับ :cool:
     
  18. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    คอมพังก็เปลี่ยน hardware กันไป
    แต่มาฝึกในกระทู้นี้ก็ได้เปลี่ยน core processor เป็นตัวใหม่เหมือนกันนะ
    เปลี่ยนจาก จิต เป็น สภาวะรู้ >_< อิอิ
     
  19. สัมภิทา

    สัมภิทา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +77
    รู้สึกทั้งตัวได้เร็วขึ้น ...ยังฝึก เพิ่มและ ลด ที่ไม่ต้องอาศัยลมหายใจอยู่ครับ...เริ่มเข้าใจการฝึก ที่เพิ่ม 100 % แรงดันจากภายในตัวออกมาที่ผิวหนังด้านใน..กลายเป็นฌาณ...การฝึก ที่0%คือความต้องการอย่างแท้จริง คือไร้เจตนา เพื่อการหลุดพ้น ผมขอใช้คำว่า สุญญตา ได้ไหมครับอาจารย์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2015
  20. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ หากจะฝึก "แยกเวทนา" ต้องเข้าที่ "กายเวทนา" เมื่อได้ "กายเวทนาทั้งตัวแล้ว" จึง "ย้ายออก" มา จากนั้น "การแยก" จึงเกิดขึ้นได้

    +++ หากจะฝึก "ไล่ฌาน" ต้องไล่ "สภาวะของอารมณ์" เช่น "เพลิน-สบาย-เฉย" จากนั้น "ว่าง-รู้-โล่ง-กิริยาจิต" แล้วไล่ย้อนกลับมาที่ "โล่ง-รู้-ว่าง-เฉย" จากนั้นจึงพลิกขี้นมาเป็น "ตื่น-ตื่นอย่างยิ่ง-พลังงาน-อาการแผ่ซ่าน-อนุภาคที่ยิงออกไป-แนวแรงของอนุภาคที่พุ่งผ่าน" จากนั้นจึงเป็น "จิตเปล่งรังสี" (จิตเดิมแท้เปล่งประกายประภัสสร - อาภัสสระพรหม)

    +++ แก้วน้ำเป็น "เพลิน-สบาย" เป็น ฌาน 2-3 แก้วกาแฟเป็น "กายเวทนา" เป็นฌาน 1

    +++ ตรงนี้ "ไม่ต้องแยก" ก็ได้ ให้รู้ "คร่อม" มันไปทั้งหมด ก็จะได้ออกมาเป็น "การคร่อม 2 ฐาน" คือ "กายเวทนา+กายจิต"

    +++ ตรงนี้เป็นวิวัฒนาการเข้าสู่ "กายจิต+จิตตานุปัสสนา" แต่ควรจะทำ กายเวทนา ให้คล่องแคล่วจนเป็น "กายในกาย ซ้อนอยู่ในกายเนื้อ" ให้ได้เสียก่อน จากนั้นจึงเป็น "กายจิต" คร่อมและครอบคลุม กายเนื้อ+กายเวทนา อีกชั้นหนึ่ง ซึ่งตรงนี้จะทำให้ "กายเนื้อ+กายเวทนา" ถูกรู้ และ แยกออกเป็นคนละกาย

    +++ คำตอบอยู่ข้างบนนี้ เรียบร้อยแล้ว

    +++ ถูกแล้ว "อาการตัวโยก" เกิดมาจากการ "นั่งทับเส้นเลือดใหญ่" นั่นเอง แต่เราใช้ตรงนี้เพื่อการอยู่ใน "เพลิน" ของฌาน 2 ได้ง่าย ๆ

    +++ การฝึกแบบต่อหน้าในรอบต่อไปคือ เดือน ก.พ. ของคุณ Apinya17 หากใครต้องการเข้าร่วมฝึกก็ให้ pm ติดต่อคุณ อินทรบุตร เสียแต่เนิ่น ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความฉุกละหุกจนเกินไป นะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...