เปิดตำนานหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่

หลวงปู่ทิม อิสริโกแห่งวัดละหารไร่นั้นในยุคสมัยที่ท่านได้ศึกษาเรียนรู้กับศาสตร์ที่มันลี้ลับซึ่งด้วยกาลเวลาสัมผัสที่ใคร่ควรนั้นสามารถที่จะพิสูจน์ทราบได้ว่าศาสตร์ที่มันลี้ลับนี้กับสิ่งต่างๆหรือเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นเห็นได้กันอย่างประจักษ์ชัดขึ้นหรืออาจจะเป็นสิ่งที่มันเหลือเชื่อก็ว่ากันได้ โดยเฉพาะการใช้หลักของคาถาอาคมที่สามารถทำให้เกิดเป็นปรากฎการณ์ต่างๆหรืออภินิหารใดๆเพื่อให้มีความน่าเชื่อถือหรือเพื่อให้รู้ว่าอาคมและไสยศาสตร์นั้นมีจริง เราจะเห็นว่าการลองของหรือการลองอาคมเพื่อให้รู้ว่าอานุภาพของความศักดิ์สิทธ์นั้นเป็นสิ่งที่เชื่อถือได้ และเป็นเรื่องที่ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมาลบลู่กัน บางครั้งเราจะได้ยินคำกล่าวที่ว่า ไม่เชื่อแต่อย่าลบลู่ ซึ่งเป็นคำกล่าวที่มีกันมานานแล้ว มันเป็นคำกล่าวที่เป็นบทวิเคราะห์ความหมายอย่างที่จะต้องมีการแยกแยะกันเพื่อให้เข้าใจในหลักของความเป็นจริงได้ การที่จะมีการเชื่อถือกันได้ก็อยู่ที่การรับรู้ในจิตที่ดีที่จะวิเคราะห์กันในสิ่งที่มันถูกต้องหรือวิเคราะห์ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและกับสังคมที่ยอมรับได้ เราจะเห็นว่าไสยศาสตร์และวิชาอาคมต่างๆนั้นเป็นสิ่งที่ลี้ลับ การที่จะมีการเชื่อถือให้สอดคล้องกับหลักของความเป็นจริงนั้นอาจจะเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์กันเพื่อให้เป็นที่เชื่อถือและยอมรับกันได้ว่าสิ่งที่ลี้ลับหรือปาฏิหารย์ที่เกิดจากไสยศาสตร์และอำนาจของวิชาอาคมนั้นเป็นเรื่องจริงที่ควรค่าแก่การพิจารณาหรือวิเคราะห์กับสิ่งที่เป็นประโยชน์และโทษที่จะต้องเผชิญและสัมผัสกันได้ยิ่ง

เราเคยได้เรียนรู้บทธรรมจากหนังสือและเรื่องราวต่างๆที่บันทึกตามหลักของพุทธศาสนาและศีลธรรมอันดี โดยในหลักปฏิบัติของพระพุทธเจ้านั้นสอนให้ทุกคนทำความดีพึงละเว้นความชั่วหรือการปฏิบัติในศีล 5 เพื่อให้ชีวิตนั้นพบแต่ความสุขความเจริญในจุดมุ่งหมายของปั้นปลายชีวิตและจุดหมายปลายทางที่จะนำไปสู่ทางแห่งนิพพานได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนนั้นจะต้องดำเนินตามแนวทางชีวิตของตัวเอง การที่ได้กำหนดแนวทางการดำเนินชีวิตของตัวเองเพื่อให้รู้ถึงสิ่งที่จะต้องดำเนินการให้มีความรับผิดชอบชั่วดีว่าเป็นอย่างไรหรือให้มีแง่คิดดีๆที่จะดำเนินความถูกต้องในหลักทิศทางการดำเนินของชีวิตได้ ซึ่งการกำหนดแนวทางการดำเนินชีวิตนั้นพระพุทธเจ้าท่านได้วางหลักคำสอนต่างๆไว้เพื่อให้คนเรานั้นมีจิตสำนึกที่ดีและถูกหลักในการดำเนินชีวิตเพื่อให้รู้ถึงคุณค่าของความเป็นคนสามารถมีหลักและจุดยืนในชีวิตของแต่ละคน เราจะเห็นว่าทุกคนที่เกิดมานั้นทั้งอารมณ์ความเปลี่ยนแปลงหรือความรู้สึกนึกคิดนั้นต่างกัน แต่จุดมุ่งหมายของชีวิตที่จะต้องเหมือนกันหรือไปสู่ทิศทางเดียวกันคือการดับหรือความตายที่ทุกชีวิตจะต้องมุ่งสู่ในจุดมุ่งหมายเดียวกันทั้งหมดได้ซึ่งมันเป็นเรื่องของสัจธรรมชีวิตที่เป็นไปโดยหลักของธรรมชาติที่กำหนดขึ้นมา

การแสดงให้เห็นถึงอานุภาพของความยึดมั่นในหลักธรรมที่ดีที่ได้แสดงพลังอำนาจของพุทธานุภาพที่ดีออกมาหรืออิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นในหลักของศาสนานั้นพระพุทธเจ้าท่านมิได้กำหนดหรือสั่งสอนให้มีความเชื่อถือกันเพื่อเกิดประโยชน์อันดีหรือความสุขที่สรรค์สร้างก็ดีหรือทางแห่งการอำนวยความสะดวกก็ดี โดยที่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันก็ไม่ใช่หนทางแห่งการพ้นทุกข์หรือทางแห่งนิพพานไปได้ เป็นเรื่องที่จะต้องมีการศึกษาและวิเคราะห์กันอย่างจริงจังให้รู้ถึงที่มาแห่งผลของความเชื่อมั่นและศรัทธากันได้ ปาฏิหาริย์ไม่ได้อยู่เหนือธรรมชาติแต่เป็นไปตามกฎของธรรมชาติคือเกิดขึ้น ตั้งอยู่ หรือดับไป คนเราประสบความสำเร็จได้ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปตามกรรม เป็นไปตามกฎการกระทำของตัวเอง เพราะแต่ละคนทำกรรมมาไม่เหมือนกัน เราจะเห็นว่าในแต่ละคนนั้นจิตวิญญาณของความนึกคิดและการกระทำที่ได้ปฏิบัติตนไปในรูปแบบนั้นจะต่างกันออกไป ซึ่งการที่จะรู้ดีรู้ชั่วนั้นอยู่ที่การปลูกฝังของจิตสำนึก ซึ่งการปลูกฝังในจิตสำนึกที่ดีและถูกต้องนั้นเพื่อให้มีจุดมุ่งหมายในการยึดหลักธรรมที่ดีและเชื่อมั่นได้สามารถที่จะปฏิบัติตนให้เข้ากับสังคมได้ การที่ทุกคนได้เห็นหรือได้สัมผัสกับอานุภาพของหลักธรรมที่บ่งบอกถึงพลังแห่งพุทธานุภาพที่เชื่อมั่นได้ และพลังแห่งพุทธานุภาพที่ดีนั้นถือกันว่าเป็นพลังที่บริสุทธ์ที่ไม่มีพลังอำนาจใดที่จะเปรียบเหมือนหรือมาครอบงำได้ แต่การที่จะบ่งบอกได้ถึงพลังฤทธิ์อำนาจของพุทธานุภาพที่ดีนั้นอยู่ที่การเชื่อมั่นและความศรัทธาที่ดีกัน ซึ่งการที่ได้มีการเชื่อมั่นและศรัทธาที่ดีนั้นโดยเฉพาะการเชื่อถือในหลักพุทธศาสนาเพื่อให้ชีวิตได้ดำเนินไปให้ถูกต้องตามหลักทำนองคลองธรรมที่ดีซึ่งเมื่อได้ปฏิบัติให้ถูกหลักก็จะทำให้ปาฏิหาริย์ย่อมเกิดขึ้นในจิตที่ดีได้ ซึ่งเราจะเห็นว่าเมื่อเรามีจิตกุศลที่ดีปฏิบัติถูกต้องตามหลักพุทธศาสนาหมั่นดำเนินในการปฏิบัติแต่คุณงามความดีแล้วปาฏิหาริย์นั้นย่อมก่อเกิดขึ้นได้ในจิตที่มั่นคงและใจที่ปรารถนาอยู่อย่างเสมอได้ ซึ่งปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นมาอยู่ที่การเชื่อมั่นและศรัทธาในการประกอบคุณความดีได้ ซึ่งเราจะเชื่อได้ว่าเมื่อเราประกอบแต่คุณงามความดีมีจิตที่เชื่อมั่นแล้วผลบุญนั้นก็จะส่งผลที่ดีต่อตัวเราเองได้ซึ่งผลบุญที่ได้ส่งผลไปนั้นเราจะเชื่อกันได้ว่าคือปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นนั่นเองได้

เราจะเห็นว่าอนุภาพปาฏิหาริย์หรืออภินิหารนั้นไม่ได้บันทึกไว้ในหลักพระพุทธศาสนา แต่อาจเกิดขึ้นได้จากผลของบุญกุศลที่ดีที่สามารถมีพลังอำนาจพิเศษที่เกิดขึ้นได้ในสิ่งที่มนุษย์ธรรมดาไม่อาจที่จะมีได้ แต่ก็มิได้เกิดจากอภินิหารของคาถาอาคมหรือเวทย์มนต์ใดๆที่เกี่ยวเนื่องกันได้ ซึ่งก็เชื่อกันว่าอภินิหารอันบริสุทธิ์ที่เชื่อมั่นกันนี้เกิดจากบุญกุศลที่กระทำกันมาด้วยใจที่ยึดมั่นกันได้ การนับถือพระพุทธศาสนานั้นซึ่งการเกิดอภินิหารนั้นเริ่มตั้งแต่การสวดมนต์ นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ซึ่งอะระหะโตนั้นแปลว่าพระอรหันต์ คือผู้ตัดกิเลสทั้งปวงให้หมดสิ้นไป ซึ่งเป็นกิเลสที่ปุถุชนคนธรรมดาไม่สามารถจะตัดสิ้นไปได้ การที่จะตัดได้จะต้องมีฌานพิเศษอันเป็นอภินิหารหรือจะต้องเป็นผลของบุญกุศล และคำว่าสัมมาสัมพุทธัสสะซึ่งก็แปลว่าพระพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ซึ่งการตรัสรู้เองโดยชอบก็เกิดจากอภิหารของบุญบารมีที่พระพุทธเจ้าได้สร้างสะสมมา 500 ชาติ และการที่พระพุทธเจ้าสามารถมีพระโพธิญาณได้ด้วยด้วยอภินิหารที่เกิดจากการตรัสรู้เองโดยชอบได้ ซึ่งอภินิหารหรือปาฏิหาริย์ก็คือผลของบุญกุศลหรือบุญบารมี และการสร้างบุญสร้างกุศลแล้วได้ผลบุญขณะตายไปก็ได้ร่างเป็นเทพ เป็นพรม ได้วิมาน ได้ของทิพย์ ซึ่งก็เรียกได้ว่าเป็นอภินิหารที่ได้เกิดจากการสร้างบุญ หรือการนั่นสมาธิได้จิตสงบเป็นอุปจารสมาธิแล้วได้เห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเทวดา หรือได้จิตสว่างรู้แจ้งในธรรมก็สามารถเรียกว่าเป็นอภินิหารได้ ซึ่งคนที่ไม่มีอภินิหารหรือไม่เห็นอภินิหารของกุศลที่ตนสร้างมาแสดงว่าไม่เชื่ออภินิหารไม่เชื่อผลของบุญกุศลต่างๆอภินิหารจึงไม่เกิดให้เห็น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นจะต้องมีศรัทธาความเชื่อมั่นเสียก่อน แล้วอภินิหารหรือปาฏิหาริย์ต่างๆก็จะสามารถที่จะเกิดขึ้นได้ ซึ่งทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่จิตของแต่ละบุคคล ถ้าเพียงได้รู้และเห็นได้ไม่นำมาพิจารณาในจิตมุ่งแต่ในธรรมเราก็จะได้ธรรม ซึ่งเทวดาก็จะอนุโมทนาไปเพื่อให้จิตอยู่ในธรรม ซึ่งเมื่อเห็นเทพหรืออะไรก็ตามที่เป็นอภินิหารใดๆตามหลักของกรรมฐานนั้นจะไม่ให้ยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งเหล่านี้ จงปล่อยวางทำจิตให้ว่าง แยกกันออกเทวดาก็ส่วนหนึ่ง ธรรมก็ส่วนหนึ่ง จิตในธรรมคือจิตที่ไม่ยึดมั่นต่อสิ่งใดในโลกนี้ เมื่อจิตอยู่ในธรรมหนักๆเข้า ปัญญาในธรรมก็จะเกิดขึ้นมาเอง

[FONT=&quot]ในยุคสมัยก่อน เกจิคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงกันในทางอาคมในแต่ละด้านรวมทั้งฆราวาสผู้ที่ เรืองอาคมต่างๆนั้นมีมากหลาย ด้วยการที่คนในสมัยก่อนนั้นจะมีความเชื่อในเรื่องของอานุภาพที่เกิดจากอำนาจ วิทยาคมและไสยศาสตร์ต่างๆที่เห็นกันได้อย่างประจักษ์ชัดซึ่งคนในยุคโบราณ นั้นเขาจะเรียนรู้ศึกษาร่ำเรียนและปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดมากด้วยความที่ วิชาอาคมต่างๆนั้นจะถือมีอิทธิพลสำคัญมากในชีวิตประจำวันอย่างเช่น การเจ็บไข้ได้ป่วยใดๆก็จะใช้หลักการนี้เป็นส่วนสำคัญในการรักษาได้ ซึ่งหลักของวิชาอาคมและไสยศาสตร์นั้นสามารถแยกแยะจำแนกกันไปในหลากหลายรูป แบบหรือไปตามแขนงต่างๆตามหลักวิชาการของแต่ละวิชานั้นๆที่ได้กำหนดและสืบทอด กันมาได้ โดยหลักวิชาสำคัญๆนั้นซึ่งการเรียนรู้เพื่อให้ทราบได้ถึงแก่นแท้ของหลักวิชา ที่ได้สืบทอดกันมาเพื่อให้เกิดประโยชน์กับมวลหมู่มนุษยชาติที่เกิดมาเพื่อ หวังผลให้ชีวิตนั้นมีความสุขปราศจากโรคาภาคใดๆหรือหวังความสันติสุขในชีวิต และเพื่อให้ชีวิตนั้นมีคุณค่าที่ดี ซึ่งโดยตามความเชื่อของอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆที่เกิดจากอานุภาพของสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์หรือวิชาการอาคมและไสยศาสตร์ต่างๆที่ทำให้เกิดผลเป็นที่น่า เชื่อถือกันและสามารถที่จะนำพาทุกชีวิตที่เกิดมาให้มีความยืนหยัดมั่นคงที่ ดีตลอดไปจนกว่าที่จะพบกันจุดจบของชีวิตที่ได้ลิขิตกันมาได้ ซึ่งความสำคัญของหลักวิชาอาคมและไสยศาสตร์ที่ไม่ได้บัญญัติกันไว้ในหลักของ พุทธศาสนาแต่ก็อาจจะถือเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งที่ทำให้มนุษย์เรานั้นได้เล็ง เห็นถึงความสำคัญของชีวิตและความเป็นอยู่ของคนเราหรือหลักของความเป็นจริง ที่ถูกต้องตามสัจธรรมที่ปรากฏขึ้นมาจากธรรมชาติที่กำหนดไว้ได้ ซึ่งความสำคัญดังกล่าวนั้นมันจะสอดคล้องกันได้กับหลักการของพุทธศาสนาที่จะ สื่อนำมนุษย์เราไปในแนวทางเดินของชีวิตหรือการปฏิบัติกับชีวิตให้ถูกหลักการ หรือจุดประสงค์สำคัญของหลักพุทธศาสนาในการดำเนินชีวิตให้ดีและถูกต้องต่อไป ได้[/FONT]

[FONT=&quot] ซึ่งโดยจากประสบการณ์ชีวิตการเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดมาจากธรรมชาติ ซึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาอาคมและไสยศาสตร์ต่างๆซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่าง หนึ่งที่จะต้องเรียนรู้ไว้เพื่อให้เกิดประโยชน์กับมนุษย์เราทั้งหลายซึ่ง เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษเราได้สืบทอดกันมาเพื่อให้มีชีวิตของคนเรานั้นมีความ เชื่อมั่นกับชีวิตของความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งฉะนั้นบรรพบุรุษของราจึงได้เล็งเห็นและให้ความสำคัญต่อหลักของวิชาอาคม และไสยศาสตร์ต่างๆที่จะสามารถทำให้เกิดมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อชีวิตคนเราได้ ซึ่งด้วยความเป็นไปในหลักทำนองคลองธรรมที่ดีนั้นด้วยเหตุฉะนี้หลวงปู่ทิม อิสริโกแห่งวัดละหารไร่ท่านจึงได้เพียรศึกษาและค้นคว้าหลักวิชาอาคมและไสย ศาสตร์ต่างๆหรือสรรพวิชาใดๆที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตคนเราหรือเพื่อ ให้เป็นไปในระบบของธรรมชาติที่ได้กำเนิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมาเพื่อให้การดำเนิน ชีวิตในสังคมของมวลหมู่มนุษย์ให้อยู่อย่างปรกติสุขได้ ซึ่งในทุกสิ่งต่างๆของวิชาอาคมนั้นการเลือกสรรในวิชาการต่างๆนั้นเป็นสิ่ง ที่จะต้องมีจิตวิเคราะห์ที่ดีและเชื่อมั่นได้ที่จะสามารถนำไปใช้ให้เกิด ประโยชน์กับมนุษย์เราได้มากและ การที่ได้เจริญตามรอยของพระพุทธศาสนาที่ดีและยึดมั่นในหลักคำสอนของพระ พุทธเจ้าและการที่ได้ศึกษาและเรียนรู้กับวิชาการอาคมและไสยศาสตร์อย่าง วิเคราะห์และเชื่อมั่นได้จึงทำให้ชื่อเสียงของ หลวงปู่ทิม อิสริโก นั้นเริ่มที่จะมีคนรู้จักด้วยประสบการณ์จากความเชื่อมั่นและความยึดถือใน สิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อสังคมในมวลมนุษย์เรา ซึ่งด้วยวัตรปฏิบัติที่น่าเลื่อมใสประกอบด้วยอาคมที่เพียรพยายามหมั่นฝึกฝน จนมั่นใจในอาคมที่เข้มขลัง จึงทำให้ลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านนั้นต่างให้ความนับถือกัน ด้วยความที่หลวงปู่ทิมนั้นท่านมีจิตวิเคราะห์ที่ดีที่จะรู้ถึงความสำคัญของ วิชาอาคมและวิชาไสยศาสตร์ต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ซึ่งมันเป็นสิ่งที่กำเนิด ขึ้นมาบนโลกมนุษย์เพื่อความต้องการที่จะให้รับรู้ในสิ่งที่ผิดชอบชั่วดีและ น่าเชื่อถือในการปฏิบัติตนของมนุษย์อย่างถูกต้องได้ ซึ่งความสำคัญต่างๆของวิชาอาคมนั้นมันเป็นหลักของความที่มีการเชื่อถือและ ความศรัทธาที่เป็นบ่อเกิดกัน ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ลึกลับแต่แฝงด้วยอำนาจที่มีฤทธิ์แห่งอานุภาพหรือจะเป็น ปาฏิหาริย์ที่ย่อมก่อเกิดขึ้นได้เสมอ ซึ่งศาสตร์ที่ลึกลับหรือลี้ลับนี้การที่จะสื่อได้ด้วยหลักของความจริงจาก สิ่งที่ลี้ลับนั้นต้องสื่อกันได้ด้วยจิตหรืออำนาจของจิตเพื่อให้รู้ถึงแก่น แท้ของศาสตร์นี้ได้ ซึ่งพระพุทธองค์ท่านได้ทรงตรัสรู้ให้เห็นถึงสัจธรรมของมนุษย์ว่าการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย นั้นเป็นสิ่งที่หลีกหนีกันไม่ได้ ต้องยอมรับในสิ่งที่เป็นวัฏจักรของมนุษย์ที่จะต้องเวียนว่ายตายเกิดกัน ซึ่งเราจะเห็นว่าพระพุทธเจ้าท่านทรงทรมานพระวรกายเพื่อต้องการตรัสรู้ให้ หลุดพ้นจากวัฏจักรนี้ แต่ก็ต้องเป็นไปตามสิ่งที่ธรรมชาตินั้นกำหนดขึ้นมาต้องยอมรับกับสภาพของ สังขารว่าเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง ไม่มีสิ่งใดๆหรืออำนาจอื่นใดที่จะเหนี่ยวรั้งกฏของธรรมชาติไว้ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่พระพุทธเจ้าท่านได้ทรงบัญญัติในหลักของพุทธศาสนาคือการทำ ความดี มีจิตที่เป็นกุศล ปฏิบัติในสิ่งดี ซึ่งจุดประสงค์หลักสำคัญของหลักธรรมที่จะพานำชีวิตไปสู่ความสำเร็จที่ดีๆที่ จะตรงต่อพระนิพพานคือการได้รับรู้ในสิ่งที่ดี ซึ่งการปฎิบัติของมนุษย์ที่ดีและเพื่อต้องการที่จะหลีกเว้นในสิ่งที่เกิดจาก กิเลสและอกุศลใดๆหรือในสิ่งที่ไม่เป็นความปรารถนาของมนุษย์หรือสิ่งที่จะนำ พาชีวิตให้พบกับสิ่งที่เป็นอบายภูมินั้น คือการรับรู้ในจิต ซึ่งการรับรู้ในจิตนั้นเป็นการปฏิบัติในสิ่งที่มีการรับผิดชอบชั่วดีนั้นก็ อยู่ในจิต ซึ่งตัวจิตนี้ก็จะนำพาวิถีชีวิตของคนเราให้ไปประสบในสิ่งต่างๆของธรรมชาติ ที่กำหนดขึ้นมาอย่างถูกหลักได้ เราจะเห็นว่าอาคมและไสยศาสตร์ต่างๆที่กำเนิดขึ้นมาพร้อมกับการกำเนิดของ มนุษย์บนโลกเรานั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ลี้ลับที่ไม่สามารถสัมผัสได้ด้วยกายเนื้อซึ่งอาจจะเกิดเป็น ปรากฏการณ์ในสิ่งที่น่าเชื่อถือโดยประจักษ์ให้เห็นกันเพื่อให้สอดคล้องกับ ความเป็นจริงในสิ่งที่ต้องเชื่อมั่นและพิสูจน์กันได้ [/FONT]

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

การมีจิตวิเคราะห์ที่ดีนั้นที่เราจะมองเห็นได้ถึงคุณค่าของความเป็นมนุษย์หรือความเป็นคนโดยมีชีวิตตามความเป็นอยู่ในสังคมของโลกมนุษย์ได้นั้น การปฏิบัติตนเพื่อให้เป็นประโยชน์ที่ดีแก่สังคมเรานั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยจรรโลงสังคมให้มีความน่าเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งการปฏิบัติตนที่ดีนั้นก็อยู่ที่การใช้จิตให้ถูกหลักหรือการใช้จิตวิเคราะห์ไปในสิ่งที่ถูกที่ควร ถ้าเรามีจิตวิเคราะห์ที่ดีหรือมีจิตที่เป็นกุศลการปฏิบัติตนของเรานั้นก็จะอยู่ในขอบเขตและความเหมาะสมของความเป็นคนโดยยึดตามหลักธรรมหรือหลักปฏิบัติของพุทธศาสนาที่ดี เราจะเห็นว่าทุกๆวันนี้สังคมของเราจะมีชีวิตที่หลากหลายรูปแบบและการปฏิบัติตนตามหลักเชื่อมั่นต่างๆนั้นแตกต่างกันไป แต่ก็เชื่อได้ว่าทุกๆคนที่เกิดมานั้นต้องมีจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์เช่นกัน ซึ่งไม่ว่าจะรวยหรือจน จะชั่วหรือเลวก็ต้องมีจิตวิญญาณความสำนึกของความเป็นมนุษย์กันบ้าง จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับการใช้จิตวิเคราะห์ที่ดีและความเชื่อมั่นที่เข้าใจกันได้ ซึ่งการมีจิตวิเคราะห์ที่ดีที่มั่นใจนั้นหมายรวมไปถึงการมีสติและปัญญาอันก่อให้เกิดทางที่เข้าใจแห่งการปฏิบัติที่ดี ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้คุณค่าของความเป็นคนก็จะมีมากขึ้นซึ่งก็เป็นไปตามหลักของพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าท่านได้ทรงบัญญัติไว้เพื่อให้ชีวิตนั้นมีความมั่นคงที่ดี ซึ่งการมีชีวิตที่ดีนั้นก็คือชีวิตของความเป็นอยู่ที่ดี แต่สิ่งสำคัญที่จะอยู่คู่กับชีวิตนั้นก็คือจิตใจ ซึ่งชีวิตจะอยู่ให้ได้อย่างมีคุณค่าที่ดีก็ต้องขึ้นอยู่กับการมีจิตใจที่ดีด้วยถึงจะอยู่กันได้อย่างสมบูรณ์ หรือเราจะเรียกกันว่าการมีชีวิตจิตใจที่ดี ซึ่งการมีชีวิตและจิตใจที่ดีนั้นเป็นสิ่งที่ปรารถนาอย่างยิ่งหรือตามความต้องการของมวลหมู่มนุษย์ เราจะเห็นได้ถึงหลักความสำคัญของจิตซึ่งเป็นสิ่งที่นึกคิดออกมาจากใจซึ่งมันก็เป็นเหตุผลสำคัญที่จะรับรู้ในสิ่งที่ดีๆที่สำคัญต่อชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับรู้ในหลักของพุทธศาสนาเพื่อประโยชน์อันดีที่จะก้าวนำไปสู่หลักการปฏิบัติเพื่อให้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องได้ ซึ่งการที่จะยึดตามหลักของพุทธศาสนาเพื่อให้เป็นไปตามหลักปฏิบัติของชีวิตที่ดี หรือเพื่อให้ชีวิตเราได้นำไปสู่แนวทางในการปฏิบัติที่ถูกต้อง ก็ขึ้นอยู่ที่การศรัทธาที่ดี ซึ่งการศรัทธาโดยตามหลักของพุทธศาสนาหรือการที่ได้ประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเพื่อประโยชน์ของชีวิตที่ดีที่จะนำไปสู่ทางแห่งความสำเร็จได้ในทุกประการ ซึ่งการที่ได้ยึดมั่นและศรัทธาอยู่เสมอนั้นก็จะสามารถช่วยให้โลกนั้นมีความน่าอยู่อย่างสดใสและสังคมก็มีความสุขอย่างร่มเย็นได้ และการที่ได้ประพฤติโดยตามหลักของพุทธศาสนาเราจะเห็นว่าการยึดมั่นและศรัทธานั้นสามารถที่จะทำให้จิตใจของเรามีชีวิตที่สมบูรณ์แบบได้และสามารถใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้อย่างมีความเชื่อมั่นและสามารถเข้าใจในหลักสัจธรรมของมนุษย์ได้อย่างแน่แท้ได้ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าชีวิตที่เกิดขึ้นมานั้นถ้าจิตใจไม่มีความมั่นคงที่ดีก็จะทำให้ชีวิตนั้นทำอะไรก็มีแต่พลั้งพลาดได้เสมอเพราะไม่มีสิ่งใดที่จะยึดเป็นหลักหรือเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวทางด้านจิตใจเพื่อให้ชีวิตนั้นไปในหนทางที่ดีและที่ต้องการอย่างเสมอได้

เมื่อเกิดความศรัทธาและความมั่นคงที่ดีได้โดยยึดตามหลักปฏิบัติของพุทธศาสนา ซึ่งโดยจิตอันมั่นคงที่ดีนั้นสามารถเกิดเป็นแรงบันดาลใจและกำลังแห่งศรัทธาที่ดีที่ได้ยึดมั่นเสมอในหลักธรรม ซึ่งในชีวิตของคนเรานั้นจะมีวิญญาณซึ่งประกอบด้วยรูปและนามอยู่ในตัวเราที่จะคอยบังคับชีวิตและร่างกายให้มีความเคลื่อนไหวในทุกๆอิริยาบทในทุกๆสิ่งของการกระทำไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ดีหรือในสิ่งที่เลววิญญาณก็จะพานำทางการปฏิบัติในสิ่งต่างๆได้ตามความต้องการ โดยที่มีตัวจิตนั้นเป็นตัวที่รับรู้และสื่อนำเพื่อที่จะนำทางเข้าไปสู่ในสิ่งที่ตัววิญญาณนั้นได้ด้วยการพิจารณาของการไตร่รู้ของตัวจิตได้ซึ่งเป็นสิ่งที่จะต้องสื่อสัมพันธ์กันหรือเชื่อมโยงกันเพื่อให้เป็นไปในสิ่งที่ธรรมชาตินั้นได้กำหนดไว้หรือสร้างมาเพื่อเป็นกลไกลหลักสำคัญต่อสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่เกิดขึ้นมาบนโลกมนุษย์ ซึ่งมนุษย์ทุกชีวิตที่เกิดขึ้นมาจะมีคุณค่าของความเป็นศูนย์หรือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะต้องมีการเรียนรู้และสื่อสัมผัสกับสิ่งที่มีชีวิตต่างๆที่ต้องสัมผัสกับธรรมชาติที่ได้สร้างหรือกำหนดมาควบคู่กันซึ่งมีทั้งคุณประโยชน์และโทษมากมายในการเรียนรู้สัมผัสกับสิ่งที่จะต้องเผชิญกับสิ่งต่างๆมากมายเพื่อเป็นประสบการณ์หรือบทเรียนต่างๆของการเรียนรู้จากจุดเริ่มต้นจนได้สัมผัสกับสิ่งต่างๆนั้นและสามารถรับรู้ได้ถึงคุณประโยชน์และโทษต่างๆอันที่จะก่อเกิดขึ้นได้เสมอ ซึ่งการที่ได้ศึกษาและเรียนรู้จากประสบการณ์ในสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นมาเพื่อให้ได้รับรู้และสัมผัสกับเรื่องราวต่างๆในสิ่งที่เป็นทั้งอัตตาและอนัตตา แต่ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นสัจธรรมของชีวิตที่คนเรานั้นจะต้องยึดหลักที่แท้จริงของมันที่ไม่สามารถหลีกพ้นไปได้ เมื่อคนเรานั้นมีชีวิตและวิญญาณอันก่อเกิดขึ้นมาซึ่งการที่จะหล่อหลอมจิตใจให้เข้ากับชีวิตและวิญญาณที่ดีได้นั้นก็อยู่ที่การได้รับรู้และได้สัมผัสกับสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่มีผลต่อคุณค่ากับชีวิตที่มีค่าอันมากหลาย เราจะเห็นโดยว่าหลักของศาสนานั้นสอนให้ทุกคนนั้นยึดตามหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเพื่อให้มนุษย์เรานั้นได้เรียนรู้ในสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์ หรือให้รู้จักความเป็นมนุษยธรรมที่ดีหรือธรรมที่ทำให้คนเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้คือความเป็นมนุษย์ที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งโดยยึดตามหลักของพุทธศาสนานั้นคือการที่ได้ยึดตามหลักธรรมคือปฏิบัติในศีล 5 ซึ่งหากมนุษย์เราไม่มีศีลเป็นเครื่องคุ้มครองจิตใจแล้วมนุษย์ก็จะมีพฤติกรรมและการดำเนินชีวิตที่ไม่แตกต่างอะไรจากสัตว์ทั่วๆไป หาชื่อว่าเป็นสัตว์อันประเสริฐไม่เพราะเมื่อไม่มีศีลแล้วมนุษย์ย่อมก่อความเดือดร้อนให้กันและกันเสมอหาความสงบในชีวิตได้ยาก การที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี้นั้นในทางพุทธศาสนาถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก ซึ่งต้องอาศัยบุญเก่าที่ได้กระทำมาคือบุพเพกตบุญญตาช่วยอุปถัมภ์ ซึ่งโดยในชาติที่ได้เกิดมากันนี้ถือว่าเป็นชาติที่สำคัญที่ทุกคนจะได้เรียนรู้กันให้รู้ถึงโดยที่ตั้งหมั่นในคุณแห่งการทำความดีทั้งหลายสามารถที่จะบำเพ็ญธรรมเพื่อให้ไปเกิดในภพภูมิที่ดี ตั้งแต่เบื้องต่ำไปจนถึงพระนิพพานได้ เราจะเห็นว่าการได้ยึดมั่นในศีลนั้นเป็นหลักพื้นฐานเบื้องต้นแห่งคุณธรรมที่ดีหรือเป็นทางเบื้องต้นแห่งกุศลกรรมทั้งปวงได้เมื่อยึดมั่นและปฏิบัติอย่างโดยแท้ เราจะเห็นแล้วว่าการยึดมั่นในจิตที่หลวงปู่ทิม อิสริโกท่านจะสอนและแนะแก่ลูกศิษย์ลูกหานั้น ก็เพื่อประโยชน์ที่ดีแก่ตัวของเราเองและเพื่อประโยชน์ในสังคมอันดีได้ถ้าได้นำไปใช้อย่างสม่ำเสมอและถือปฏิบัติอย่างถูกหลัก ซึ่งเมื่อเราได้เกิดมามีชีวิตที่ดีมีจิตใจที่บริสุทธิ์และมีการศึกษาเรียนรู้ในการยึดมั่นในจิตอย่างถูกต้อง ซึ่งการยึดมั่นในจิตอย่างถูกต้องและถูกหลักวิธีนั้นเราจะเห็นได้จากวัตรปฏิบัติของหลวงปู่ทิม อิสริโกแห่งวัดละหารไร่ในยุคสมัยที่ท่านเริ่มบวชท่านจะถือหลักในการยึดมั่นในจิตอย่างแน่วแน่ในการศึกษาและเรียนรู้ถึงแก่นแท้ในหลักพุทธศาสนาและมีการศึกษาในเรื่องของวิชาอาคมไสยศาสตร์และวิชาการแพทย์แผนโบราณอย่างถ่องแท้ ซึ่งการยึดมั่นในจิตหรือการได้ตั้งปณิธานความตั้งใจอย่างแน่วแน่จึงทำให้หลวงปู่ทิมท่านสามารถศึกษาและเรียนรู้จนประสบเป็นผลสำเร็จได้ การยึดมั่นในจิตนั้นก็เปรียบเสมือนแรงบันดาลใจหรือพลังแห่งความตั้งใจที่จะนำไปสู่ความสำเร็จที่ดีได้ด้วยจิตอันเป็นกุศลนี้

เมื่อจิตยิ่งสงบเท่าใดก็ทำให้จิตนั้นมีกำลังมากขึ้นก็เปรียบเสมือนกับคนเราเมื่อจิตสงบก็จะพบแต่ความสุขที่ปรารถนาหรืออาจจะเห็นแจ้งในหลักสัจธรรมของมนุษย์หรืออาจเป็นสื่อชี้นำทางแสงสว่างในการดำเนินชีวิตที่ดีและถูกต้องได้ เราจะเห็นว่าเกจิอาจารย์หรือฆราวาสผู้เรืองวิชาอาคมต่างๆการที่จะใช้จิตและสมาธิในการเสกเครื่องรางของขลังต่างๆหรือกระทำการใดๆในทางไสยศาสตร์ให้มีอานุภาพที่ศักดิ์สิทธิ์นั้นเมื่อการใช้จิตอันเป็นสมาธิหรือจะเป็นไปในระดับฌานสมาบัติที่จะก่อให้เกิดผลต่างๆที่ต้องการนั้นยิ่งเมื่อจิตยิ่งสงบหรือนิ่งก็จะทำให้วัตถุต่างๆนั้นเห็นผลได้ไวและมีฤทธิ์มากขึ้นได้ถ้ามีความปรารถนาและต้องการ ฉะนั้นเราจะเห็นได้ถึงความสำคัญของจิตที่มีอิทธิพลต่อความเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้น ซึ่งโดยการปฎิบัติตนนั้นเพื่อให้ชีวิตนั้นมีความปกติสุขหรือมีชีวิตที่ก้าวหน้าได้ การสร้างจิตให้เป็นกุศลที่ดีเป็นเรื่องที่จะต้องมีการเรียนรู้ได้จากประสบการณ์ชีวิตที่ได้ปฏิบัติกันมาเพื่อผลประโยชน์อันดีต่อตนเองและสังคมบนโลกมนุษย์ เราจะเห็นถึงวัตรปฏิบัติที่ดีของหลวงปู่ทิม อิสริโกนั้นท่านจะถือวัตรปฏิบัติอย่างเป็นสมถะที่สามารถเข้าใจถึงหลักอันสำคัญที่แท้จริงของมนุษย์ได้ ซึ่งความเข้าใจในหลักของความเป็นมนุษย์ที่ถูกต้องนั้น การเข้าให้ได้ถึงหลักของความเป็นมนุษย์จะต้องมีองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบได้นั้นซึ่งต้องมีทั้งความรู้ ความเข้าใจในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองได้ และความอดทน อดกลั้นต่อสิ่งที่มาเร้าจิตใจหรือสิ่งที่มาครอบงำจิตใจมนุษย์ให้เกิดกิเลสทั้งหลายซึ่งมันมีผลกระทบที่จะทำให้สังคมบนโลกมนุษย์นั้นมีแต่ความชิงดีชิงเด่นหรืออาจจะเรียกว่าไร้มนุษยธรรมที่ดีได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้มนุษย์เรามีจิตใจที่ดี มีชีวิตที่มั่นคงและแน่วแน่ได้ถึงจะมีความเป็นมนุษย์อย่างถูกต้องหรือถูกแบบหลักที่ดีคือการที่เข้าใจในหลักของความมีคุณธรรมที่ดี ซึ่งการมีคุณธรรมที่ดีตามหลักของพุทธศาสนาได้วางหลักปฏิบัติตามหลักของพรมวิหารธรรม ซึ่งมีองค์ประกอบอยู่ 4 ประการคือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ซึ่งในหลักปฏิบัติของพุทธศาสนาที่ได้วางหลักการเพื่อให้มีความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบที่ดี ซึ่งการใช้ชีวิตมนุษย์ที่ดีและมีคุณค่าที่ได้ยึดหลักปฏิบัตินั้นไว้เพื่อให้มีจิตที่เป็นกุศลที่ดีและมีคุณธรรมรู้จักมีสติในการใช้หลักธรรมะรู้จักปัญญาในการพิจารณาให้แจ่มแจ้งเพื่อให้คนเราเป็นคนดีมีศีลธรรมได้ โดยเราใช้หลักพรมวิหารธรรมนั้นเป็นเครื่องมือในการใช้ซึ่งเราจะเห็นโดยว่าหลวงปู่ทิม อิสริโกท่านก็จะยึดหลักพรมวิหารธรรมเป็นหลักพื้นฐานในการปฏิบัติกิจเพื่อความสำเร็จที่จะนำพาไปสู่หลักการปฏิบัติเพื่อดำเนินตามรอยของพุทธศาสนาที่ดีที่จะทำให้สังคมบนโลกมนุษย์มีความเป็นอยู่อย่างสงบร่มเย็นได้ ซึ่งการที่ได้พิจารณาอย่างแจ่มแจ้งโดยเน้นถึงหลักสัจธรรมของมนุษย์นั้น โดยที่ชีวิตที่เกิดมาบนโลกมนุษย์นี้นั้นล้วนมีความทุกข์ด้วยกันทั้งสิ้นหรือมีกันทุกตัวตน ซึ่งการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นทุกข์ประจำที่จะต้องเกิดขึ้นกับทุกชีวิตได้โดยที่จะมีความเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นเป็นทุกข์จรที่จะต้องเวียนมาโดยที่จะหลีกเลี่ยงกันไม่ได้ ซึ่งโดยชีวิตมนุษย์ที่เกิดมาจะปรารถนาหาแต่ความสุขอย่างเดียวย่อมเป็นไปไม่ได้ ซึ่งเราจะเห็นว่าคนเราเกิดมามีกรรมที่จะต้องมาใช้กรรมหรือจะสับสร้างผลบุญและบารมีเพื่อให้เป็นไปตามกฎของธรรมชาติโดยยึดตามหลักพุทธศาสนาที่ดี ซึ่งมนุษย์เรานั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ประกอบขึ้นด้วยรูปและนาม ซึ่งผู้ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ที่มีคุณธรรมที่ดีแล้วหรือได้ยึดปฎิบัติตามหลักของพรมวิหารธรรมหรือประพฤติตามหลักของศีล 5ได้ก็จะทำให้เกิดเป็นแรงพลังอำนาจที่ดีที่จะผลักดันให้จิตวิญญาณนั้นได้รับรู้ในสิ่งที่ได้เชื่อมั่นในหลักปฏิบัติธรรมที่ดีที่จะสามารถที่ให้เข้าอยู่ในร่างมนุษย์ ซึ่งเมื่อมีจิตวิญญาณที่ดีที่ได้ประพฤติปฎิบัติตนหรือมีคุณธรรมประจำอยู่ในใจแล้ว ก็ย่อมทำให้รูปและนามที่ได้รับแต่สิ่งที่ดีๆนั้นก็จะทำให้จิตใจของเรานั้นสงบทำให้ยอมรับในสิ่งที่เป็นสัจธรรมของมนุษย์เราได้

 

สวัสดีสมาชิกและผู้ศรัทธาวัตถุมงคลนามหลวงปู่ทิม อิสริโกทุกท่าน ทุกเรื่องราวของหลวงปู่นั้นถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่มีการกล่าวขานด้วยกันทั้งสิ้น หลวงปู่ทิมท่านเป็นพระอริยะสงฆ์อันเปี่ยมล้นด้วยบารมีธรรมและถืออาคมเพียรปฎิบัติอย่างเคร่งครัด วัตถุมงคลที่ท่านเสกไว้สามารถมีอานุภาพสร้างสรรค์ในสิ่งดีที่ทำให้เกิดความมีคุณธรรมในใจของคนที่นำไปใช้กันมากขึ้น ด้วยจิตอันน้อมรำลึกอย่างแรงกล้ากับคนที่มีจิตศรัทธาอย่างมั่นคง จะเห็นได้จากประสบการณ์ต่างๆของที่ผู้ศรัทธานำไปใช้อย่างเห็นผลกันแล

การเสนอนำเรื่องราววัตถุมงคลต่างๆของหลวงปู่ทิมด้วยความเคารพที่ดี ก็ควรศึกษากันอย่างถ่องแท้ก่อน เพราะนั่นคือจุดรับรู้ที่ผู้คนต้องเข้าใจอย่างถูกต้อง การแยกแยะประเด็นและการรับทราบที่ดีตามหลักเหตุผลอย่างพิจารณาคือคำตอบที่ดี การศึกษาจากคำบอกเล่าจากศิษย์และบุคคลที่สัมผัสกับวัดโดยตรงก็ควรฟังพิจารณาให้ถูกตามยุคสมัยของกาละเวลานั้นๆซึ่งผมได้ตีความหมายเป็นสามยุค คือ1.ยุคแรก (การสร้างวัตถุมงคลตั้งแต่ปีพ.ศ.2514 ขึ้นไป 2.ยุคกลาง( ยุคช่วงการสร้างโบสถ์ปีพ.ศ.2516 ) 3.ยุคปลาย ( ยุคสร้างศาลาภาวนาภิรัติตั้งแต่ปีพ.ศ.2517ลงมา)

เรื่องราวการสร้างวัตถุมงคลของวัดในแต่ละยุคนั้น คนที่จะให้คำตอบที่ดีและอธิบายกันอย่างถูกต้องได้ก็ต้องเป็นบุคคลที่ทันในยุคที่ทางวัดสร้างกระทำ การแยกแยะเหตุการณ์ในแต่ละยุคระหว่างปีนั้นหลายคนคงจะเข้าใจและมองภาพกันได้ไม่ยาก ซึ่งการตีความและการการันตีในความหมายทุกอนูความคิดของผู้ที่เคยมาสัมผัสก็ควรมีเหตุผลตามหลักคิดกันให้ถูกต้อง

วัตถุมงคลหลายๆอย่างที่ทางวัดได้สร้างกันไว้ตั้งแต่ในยุคแรกคือช่วงปีพ.ศ.2514ขึ้นไป จะไม่เคยคุ้นตาผู้คนที่มาในยุคหลังๆ เพราะไม่ได้มีการเปิดบูชากันในครั้งนั้น มีแต่การแจกจ่ายเพื่อนำมาติดตัวหรืออาจจะมีการทำบุญเล็กๆน้อยๆกันไปตามแต่กำลังศรัทธากันไป นี่คือเหตุผลของการสร้างพระในยุคแต่แรกของวัดละหารไร่ที่ทางวัดสร้างไว้เพื่อความศรัทธา จริงๆการสร้างนั้นมีหลายพิมพ์ แต่พิมพ์ที่สำคัญๆนั้นมีไม่กี่พิมพ์ยอมรับเพราะแจกกันไปมากตอนนั้น จึงมีรูปแบบบางพิมพ์ที่เห็นกัน ส่วนในรูปแบบอื่นที่สร้างในวาระยุคเดียวกัน ซึ่งความแน่นอนที่ไม่คุ้นตากับผู้คนในยุคหลังๆเพราะพระถูกเก็บเรื่อยมา ความที่ว่า พระไม่สวยเลย ไม่มีเสน่ห์ในการมอง แต่มีคุณภาพด้วยพลังอานุภาพที่เสกไปอย่างที่เน้น เพราะเป็นเหตุผลที่ผู้คนหลายคนชอบแต่ของสวยๆ ของไม่สวยที่ทางวัดทำกันจึงจำเป็นต้องถูกเก็บเรื่อยมา ปิดการเผยแพร่ออกไป เหตุผลจึงไม่มีการอธิบายกับวงการ แต่ข้อมูลก็คงหนีไม่พ้นกับบุคคลอีกหลายคนที่เคยเห็นและเคยได้สัมผัสและเคยทำก็มี ถึงแม้มันจะผ่านมานานกว่า 40ปีแล้วก็ตามที มันยังเป็นความทรงจำมิเคยลืมเลือนกัน...

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

เมื่อกล่าวถึง พระเครื่อง เมืองระยอง
ผู้คนล้วน ต้องจิต ให้คิดถึง
มากล้นด้วย เมตตา พาตะลึง
เป็นที่พึ่ง พาใจ ให้เห็นธรรม

พระรุ่นเก่า เก็บไว้ ใครไม่สน
บุญของคน มากน้อย คอยส่งถึง
ได้ของดี เก็บไว้ ไม่คำนึง
จิตติดตรึง มายา พาอ่อนกาย

พระเนื้อขาว สร้างไว้ มีหลายพิมพ์
ที่ได้ยิน ได้ฟัง เก็บไว้หลาย
เพื่อสืบทอด ของดี ไว้คู่กาย
ด้วยความหมาย ศรัทธา น่าชื่นชม

หลวงปู่ทิม ท่านเสก ด้วยมนต์ขลัง
อีกทั้งยัง ผงวิเศษ อีกมากหลาย
ให้คุ้มครอง ผู้นับถือ ไว้คุ้มกาย
ไม่เสียหาย จากภัยพาล มารผจญ

ปาฏิหาริย์ เกิดแก่ ผู้ศรัทธา
ด้านเมตตา การงาน พาส่งผล
มีพระท่าน อยู่กับตัว ไม่อับจน
จะส่งผล ดลบันดาล งานมากมี

มะอะอุ ทุกขัง อนิจัง อนัตตา
จะนำพา ชีวิต มีสุขขี
ไม่ไปอยู่ ในนรก และโลกี
ชัวชีวี มีสุข ทุกคืนวัน

น้อมดวงจิต ระลึก คุณของท่าน
ความดีนั้น คงอยู่ ไม่รู้หนี
เราลูกศิษย์ หลวงปู่ อยู่ตรงนี้
บุญที่มี บูชาคุณ หลวงปู่ทิม

 

สวัสดีปีใหม่ทุกๆท่านที่ร่วมศรัทธาหลวงปู่ทิม อิสริโกวัดละหารไร่ วัตถุมงคลที่ผมเปิดให้บูชาถือเป็นการสร้างที่อาจจะยังไม่เป็นแบบมาตรฐานของวงการซื้อขายเพราะความจริงในยุคเก่าเขาสร้างกันมาแบบใช้ฝีมือชาวบ้านล้วนๆ จะเห็นว่ารูปลักษณ์ขององค์พระยังไม่มีความเรียบร้อยใดๆจึงมีการสร้างทำแบบพัฒนาฝีมือและการยอมรับในหมู่กันไป เหตุผลจึงมีกันในหลายลักษณะตามแบบทรงและเนื้อหา

การสร้างทำในยุคของที่วัดสร้าง จะมีการทำด้วยมือแบบล้วนๆ และการสร้างตัวกดแบบไม้ขึ้นมาเองเพื่อให้ง่ายแก่การกดหรือความสะดวกต่อผู้ทำ ซึ่งคนที่อยู่ในเหตุการณ์จริงก็ยังมีชีวิตอยู่ การสร้างทำนั้นทำกันหลายครั้งหลายคราเพื่อความต้องการให้โบสถ์ของวัดเสร็จ ซึ่งเป็นยุคปี16 การสร้างทำในยุคนี้ถือเป็นยุคที่ยอมรับกันและทันต่อยุคการสร้างในหลายคนทั้งลูกศิษย์ลูกหาที่ได้รับกันไป จริงๆแล้วประเด็นข้อมูลนั้นยังมีอีกมากมายที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผยความจริง แต่บางครั้งการเปิดเผยไปมากก็ไม่ใช่ผลดีต่อวงการ คนที่รู้จักกับผมหรือแม้กระทั่งบุคคลที่เคยอยู่กับวัดโดยตรงคงเข้าใจกัน

การเสนอนำข้อมูลนั้นถือเป็นบทชี้นำเพื่อเป็นข้อคิดกับที่มาที่ไปของวัตถุมงคลต่างๆตามความเชื่อถือ ซึ่งผมจะเขียนตามข้อมูลจริงที่ได้รับมาและหลักฐานจากคนที่เท่าทันต่อเหตุการณ์นั้น โดยรายละเอียดนั้นผมขอให้ทุกท่านที่ร่วมศึกษาได้ติดตามกันต่อไป.....

 

กราบหลวงปู่ทิม ,ลุงสาย และ ข้อมูลดีๆ จาก อ.แก้วสว่าง ครับ

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

วัตถุมงคลการสร้างของวัดที่ทุกคนสงสัยมากคือพระขุนแผนพรายกุมาร จริงๆแล้วมีหลายครั้งที่สร้าง ตกแต่งกันไปก็หลายหน จนหาแบบมาตราฐานไม่ได้ในครั้งไหน แต่ถ้าเอากันจริงๆก็คงจะยึดในแบบการทำในครั้งท้ายๆ ไป แล้วแบบที่สร้างกันตอนแรกๆก็คงจะเริ่มสร้างกันในแบบลองสูตรพิมพ์และเนื้อหากันไปจนมีความชัดเจนขึ้นไปเรื่อยๆ มองแล้วควรค่าแก่การบูชา

สมัยก่อนพระขุนแผนยังไม่มีราคากันมากมายถึงในยุคนี้ จะเห็นว่าการสร้างขุนแผนนั้นทำกันมาหลายครั้งมีครั้งหนึ่งทำกันจนบล็อกแตกราน ซึ่งลูกศิษย์ลูกหาบางคนอาจเคยได้ยินว่าทำขุนแผนเคาะกันจนบล็อกแตกไปเลย แต่นั่นมันคือการทำในครั้งไหน และบล็อกที่แตกไปคือบล็อกอะไร รู้ทราบแต่เพียงว่าหลวงตารอดเป็นคนเคาะจนบล็อกแตกไป ซึ่งเป็นเพียงเหตุการณ์หนึ่งที่ทำกันในวัดเท่านั้น

แท้จริงการกดสร้างพระขุนแผนในวัดละหารไร่นั้นมีใครอยู่ในเหตุการณ์กันบ้างกับความจริงที่บังเกิด โดยเฉพาะบุคคลที่อยู่ในวัดที่ถือเป็นกุญแจสำคัญในเรื่องราว การถกเถียงในเชิงธุรกิจกันไปนั้นมันเป็นเรื่องปกติของการซื้อขายแบบผลประโยชน์โดยเฉพาะพิมพ์ขุนแผนนี้ ลูกศิษย์ลูกหาบางคนที่เคยไปทันยุคหรือเห็นเพียงบางครั้งคราวตอนกดที่วัดเขาก็คงจะทราบดีว่าลักษณะที่ทำในตอนนั้นขุนแผนมันมีรูปลักษณ์เป็นอย่างเช่นใด คำตอบคงมีในใจกัน

ปัจจุบันมีมาตรฐานแบบพิมพ์ที่วัดค่าราคาซื้อขายกันตามครรลอง แต่ใครจะอธิบายที่มาที่ไปได้หรือการแยกแยะให้มันถูกต้องได้ กับแบบทรงที่กำหนดกันในแต่ละบล็อก คนที่เข้ามาศึกษาเรื่องราวของพระขุนแผนถ้าเห็นแบบของที่ไม่สวยหรือไม่ต้องตา อาจจะหัวเราะหรือขำได้ จริงๆแล้วมันก็ถูกต้องนะ เพราะอะไร? เพราะการทำในยุคนั้นกดทำแต่ละหนแล้วคนในวัดดูกัน ก็ต้องหัวเราะเยาะเหมือนกัน บางคนพูดในเชิงเหน็บว่า “ แบบนี้ต้องเอาไปโยนลงคลอง” แล้วรูปลักษณ์แบบนี้ใครล่ะจะกล้าแขวน! เมื่อเจอคำตอบแบบนี้ สิ่งเดียวที่ต้องทำคือต้องทำต่อไปจนกว่าจะยอมรับกัน ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายกับการสร้างทำในแบบชาวบ้าน

การใช้เหตุผลในเชิงวิเคราะห์ถือเป็นบทหนึ่งในข้อคิดที่จะสามารถเรียนรู้ความจริงหรือความน่าจะเป็น กับบทพิสูจน์เรื่องราว เมื่อมีความจริงก็ต้องมีเหตุผลเป็นของคู่ควรกัน.....................

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

การที่เรามีจิตศรัทธาที่ดีและยึดมั่นในหลักของพุทธศาสนา โดยเฉพาะคนในยุคสมัยก่อนนั้นเขานับถือกันอย่างเคร่งครัดเพราะเชื่อในเรื่องของอำนาจพุทธคุณที่สามารถบ่งบอกถึงอานุภาพและความน่าเชื่อถือ เราจะเห็นว่าวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังนั้นมีกันมานมนานแล้ว ในสมัยก่อนการยึดถือกับวัตถุมงคลใดๆที่ได้สร้างกันมาเพื่อเป็นแรงอานิสงฆ์ผลบุญที่ได้ร่วมสร้างในการดำเนินงานในพระพุทธศาสนาเพื่อให้เกิดมีพุทธานุภาพที่ดีตามที่ได้ร่วมทำบุญกุศลโดยมีจิตที่ยึดถือกับวัตถุธรรมกันโดยแท้ เพื่อให้ผู้ที่มีจิตศรัทธาที่เชื่อมั่นในหลักพุทธศาสนาที่ดีได้นำไปใช้คุ้มครองตัวและเกิดประโยชน์ในสิ่งที่ดีได้ ตามความเชื่อถือกัน แต่การถือเครื่องรางของขลังและวัตถุมงคลใดๆให้มีอานุภาพที่ดีได้นั้นก็จะต้องถือสัจจะอย่างมั่นหรือให้มีใจเป็นคุณธรรมที่ดีก็จะสามารถที่จะทำให้อานุภาพของเครื่องรางของขลังนั้นคงความศักดิ์สิทธิ์ของอำนาจฤทธิ์ ตามความเชื่อที่ครูบาอาจารย์ท่านได้สร้างวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังเพื่อให้ผู้ที่นำไปใช้นั้นได้มีจิตที่ยึดมั่นและศรัทธาตามหลักวัตถุประสงค์ของพุทธศาสนาที่กำเนิดขึ้นมา อาจจะสอดคล้องกันได้ด้วยลักษณะเช่นนี้หรือเพื่อให้เป็นไปตามกลไกลของธรรมชาติได้ที่กำเนิดขึ้นมา การที่ได้ศึกษาและเรียนรู้ในหลักธรรมพุทธศาสนานั้นการถือวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังเพื่อให้เกิดอานุภาพที่เชื่อมั่นกันโดยตามหลักธรรมนั้นการที่จะกล่าวถึงเครื่องรางของขลังและวัตถุมงคลต่างๆนั้นเป็นเพียงให้ทุกคนมีจิตศรัทธาที่ยึดมั่นเพื่อให้เกิดประโยชน์อันดีต่อชีวิตของแต่ละบุคคล แต่ไม่ได้ให้ยึดติดเพื่อหวังผลประโยชน์อื่นใด ซึ่งตามหลักธรรมนั้นสอนให้มนุษย์ทุกคนกระทำแต่ความดีและละเว้นความชั่วหรือให้มีจิตสำนึกที่ดีที่จะหลีกพ้นจากสิ่งอันก่อให้เกิดในด้านอกุศลกรรมต่างๆได้ โดยจุดมุ่งหมายหลักก็เพื่อให้เข้าใจในหลักธรรมและหวังผลทางแห่งนิพพาน แต่ถ้าสามารถปฏิบัติตามหลักของพุทธศาสนาที่ดีและเข้าใจในหลักธรรมได้การถือวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังต่างๆก็สามารถก่อให้เกิดพุทธคุณอย่างเชื่อมั่นซึ่งมันเป็นอานุภาพที่เกิดจากอำนาจพลังของพระพุทธศาสนาที่นับถือกันโดยแท้หรือที่เราเรียกกันว่า พลังของพุทธานุภาพที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องศึกษาและเรียนรู้กันอย่างถ่องแท้ โดยฉะนี้การทำความดีก็เปรียบเสมือนการสร้างบารมีเพื่อให้จิตใจของเรามีจิตที่เป็นกุศลและมีอำนาจพลานุภาพของตัวเองอันก่อเกิดจากบุญกุศลที่เป็นเสบียงบุญสะสมกันมาได้ ดั่งตัวอย่างคำเทศนาของสมเด็จพุฒาจารย์โต พรมรังสีแห่งวัดระฆังที่ท่านได้กล่าวไว้แก่ปวงชนทั้งหลายว่า “ลูกเอ๋ย ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใดเจ้าจะต้องมีทุนบารมีของตนลงทุนไปก่อนเมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วยมิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สินในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมจนพ้นตัว เมื่อทำบุญทำกุศลจนได้บุญบารมีมาก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมดไม่มีอะไรเหลือติดตัว…แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้าหมั่นสร้างบารมีไว้แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง…!”

“จงจำไว้นะ…เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้…ครั้นถึงเวลา ทั่วฟ้าจบดิน ก็ต้านเจ้าไม่อยู่จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดินเมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลยจะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า…”

นี่คือคำเทศนา ของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต )พรหมรังษี ที่ได้โปรดชี้ธรรมไว้ในนิมิต หลังจากที่ท่านล่วงลับไปแล้วเมื่อร้อยกว่าปี อันเป็นปฐมเหตุที่ต้องสร้างความดี อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งเราจะเห็นว่าก่อนที่เราจะให้เกิดอานุภาพใดๆที่ใจเราต้องการนั้นเราจะต้องหมั่นทำคุณความดีเพื่อสร้างบารมีไว้กับตัว แล้วบารมีที่สร้างมานั้นก็จะเป็นผลช่วยย้อนให้เกิดเป็นแรงอานุภาพที่ดีแก่ตัวเราได้ ซึ่งเราจะเห็นว่าตามหลักพุทธศาสนานั้นกล่าวว่า คนทำดีย่อมได้รับผลดีคนทำชั่วย่อมได้รับผลกรรมกัน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ดีที่จะเป็นคำสอนให้ทุกคนได้ระลึกอยู่ในจิตอยู่เสมอในการกระทำในสิ่งใดๆที่ตนกำลังพึงปฏิบัติอยู่

หลวงปู่ทิม อิสริโก แห่งวัดละหารไร่ท่านได้ศึกษาและเรียนรู้ถึงหลักธรรมคำสั่งสอนในพุทธศาสนาตามจริยวัตร เพื่อการเผยแพร่หรือปฏิบัติเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้คนร่วมศรัทธากันให้เข้าใจในจุดมุ่งหมายหลักสำคัญ การศึกษาและเรียนรู้ในวิชาอาคมและไสยศาสตร์ถือเป็นศาสตร์สำคัญอย่างหนึ่งที่ต้องศึกษาเรียนรู้ควบคู่กับหลักคำสอนของพุทธศาสนาเพื่อให้เข้าใจร่วมกัน เมื่อศึกษาเรียนรู้เข้าใจกันอย่างลึกซึ้งและสื่อสัมพันธ์กันได้ดีก็สามารถเข้าใจในศาสตร์สำคัญต่างๆได้ตามความเชื่อถือความบังเกิดผลในสิ่งดีก็ติดตามมา เมื่อเป็นเช่นนี้การถือครองวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังนั้นจะมีอิทธิพลสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อชีวิตคนเราเป็นอย่างมากและเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตคนเราให้นำพาชิวิตที่เกิดศรัทธาจากใจจงไปสู่จุดมุ่งหมายในสิ่งที่ดีตามเฉกความต้องการได้ เราจะเห็นว่าการสร้างพระเครื่องและเครื่องรางของขลังโดยตามหลักธรรมนั้นเกจิอาจารย์ที่จะสามารถปลุกเสกตามแนวพระพุทธองค์จะต้องมีจิตอันบริสุทธิ์สามารถเรียนรู้เข้าใจในหลักของพุทธศาสนาโดยถ่องแท้ เพื่อเป็นปราการให้ผู้ที่นำวัตถุมงคลไปใช้ให้ถูกตามทำนองคลองธรรมของแต่ละคนสามารถสื่อเข้าถึงหลักธรรมของพระพุทธเจ้าอันเป็นผลแห่งนิพพานโดยแท้จริง

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

ผมจะขอเล่าเกริ่นเรื่องราวการสร้างพระพิมพ์เศียรโตที่ถือเป็นการสร้างรูปเหมือนหลวงปู่ทิมเนื้อผงที่เป็นการยอมรับกันด้วยความศรัทธาอย่างยิ่งยวดของผู้คน โดยผู้ที่กำเนิดการแกะแบบสร้างก็คือนายสาย แก้วสว่าง ไวยาวัจกรวัดละหารไร่ เมื่อก่อนนี้ผมได้ออกนำแบบพระพิมพ์เศียรโตแบบซุ้มหนามาให้ชม เราอาจจะมองว่ารูปทรงหน้าตายังไม่เป็นที่คุ้นกันเพราะยังเป็นพิมพ์ที่สร้างกันในยุคแต่แรก ซึ่งพิมพ์เศียรโตนี้ลักษณะการสร้างจะเหมือนกับพระพิมพ์ขุนแผนและพิมพ์อื่นๆในตระกูลเนื้อผงที่การสร้างนั้นจะมีทั้งการตกแต่งแม่พิมพ์และการถอดแบบพิมพ์เพื่อความรวดเร็วและสะดวก ซึ่งโดยลักษณะการสร้างค่อนข้างอาจจะดูสับสนเพราะเป็นการทำที่ไม่ได้กำหนดแบบมาตราฐานการทำในครั้งเดียวแล้วเสร็จสิ้น แต่เป็นการสร้างทำในลักษณะสูตรทดลองหรือลองพิมพ์และสูตรยอมรับตามความพึงพอใจกันในแบบที่ยอมรับกัน

จริงๆแล้วการสร้างพิมพ์เศียรโตนี้ ถ้าเล่ากันจริงๆตามเหตุผลที่ควรค่าแก่การศึกษาคือการสร้างจริงตามแบบภูมิปัญญาชาวบ้านที่ต้องมีการพัฒนาฝีมือตามศักยภาพเพื่อให้มีการยอมรับทั่วกัน ซึ่งมีทั้งแบบยุคแรกการสร้างที่ยังไม่เข้าเนื้อหาเรื่อยมาจนสู่ยุคที่ตั้งค่าเป็นการบูชาออกไป
พระพิมพ์เศียรโตกำเนิดแบบแม่พิมพ์มาจากบล็อกหินมีดโกน โดยมีการแกะสร้างขึ้นมาก่อนเพื่อทดลองแบบความเหมือนและเนื้อหาให้เข้าสูตรตามที่ต้องการ จากนั้นจึงมีแบบบล็อกถอดพิมพ์ขึ้นมาอีกโดยมีหลวงตารอด ขรัวรองของวัดกำหนดทำขึ้นมาอีกเพื่อความสะดวกแก่เวลา แต่อย่างว่านะครับฝีมือชาวบ้านแกะทำจะให้ใช้ได้เลยก็คงกระไรอยู่ ถ้าจะให้เอามาเปรียบเทียบกันกับในยุคที่ทันสมัยนี้ คงเอามาเทียบชั้นกันไม่ได้ แต่ในยุคดังกล่าวถือความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองที่ไม่เหมือนกับการสร้างทำในยุคนี้

ผมจะนำแบบพิมพ์เศียรโตอีกพิมพ์หนึ่งที่สร้างออกมาตามแบบทรงรูปลักษณ์ ซึ่งหน้าตาจะดูไปแปลกชั้นขึ้นไปหรือจะเรียกกันในลักษณะบล็อกซุ้มหนาหน้ามนุษย์ต่างดาว แบบทรงนี้ลูกศิษย์บางคนหรือคนที่เคยไปวัดอาจจะเคยเห็นหรือคุ้นตากันบ้างกับแบบทรงนี้ โดยแบบทรงองค์นี้ผมจะกล่าวถึงแบบบล็อกที่หลวงตารอดท่านสร้างไว้กาลก่อนนะครับจะยังไม่กล่าวถึงบล็อกหินมีดโกนที่เป็นเอกลักษณ์อีกระดับหนึ่ง แน่นอนครับที่วงการอาจจะไม่เคยเห็นเพราะออกมากันไม่มาก ด้วยเหตุที่ทางวัดอาจจะยังไม่ตั้งค่าการบูชาในยุคกระนั้น แต่อาจได้รับกันไปบ้างในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาคนรู้จัก และมันก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ต้องมีการพัฒนารูปทรงขึ้นไปอีกจนถึงแบบทรงที่คุ้นเคยหรือแบบมาตราฐานกัน ฉะนั้นเรื่องราวการสร้างพระพิมพ์เศียรโตของหลวงปู่ทิมยังต้องมีการศึกษาเพื่อความเข้าใจกันดีต่อไป..........................

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

การสร้างพระเครื่องของวัดละหารไร่ในยุคเหตุการณ์ที่สร้างกันในวัด มีหลายลักษณะในการทำที่บ่งบอกความเป็นธรรมชาติ เราจะใช้เหตุผลจุดนี้มาชี้นำเพื่อความเข้าใจกันขึ้นมาก่อน ถ้าเราเอาผลประโยชน์การซื้อขายเข้ามาชี้นำ ความเป็นเรื่องราวที่จริงแท้ก็ไม่เกิด ตำนานเรื่องราวก็ถูกบิดเบือนไป ด้วยเหตุผลหลายสิ่งหลายอย่างที่ถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อเป็นหลักตามความเชื่อที่ยังห่างความชัดเจน

ในความเป็นเรื่องราวและเหตุการณ์อันจริงแท้นั้น การสร้างพระเครื่องที่เป็นหลักแน่นอนของวัดละหารไร่นั้น คนในยุคหลังๆที่เข้ามาศึกษาคงหาความจริงได้ไม่ชัดเจน เพราะอาศัยตามคำบอกเล่าหรือแบบเนื้อหาที่เขาว่ากัน ยกตัวอย่างเช่นพระขุนแผนพรายกุมารส่วนใหญ่แล้วต่างจะเห็นมีแต่คนวิจารณ์หรือสาธยายกันไปต่างๆนาๆ โดยในทางกลับกันกับไม่มีใครเล่าอธิบายแยกแยะความจริงได้ให้มันถูกต้องชัดเจน และในแบบเนื้อหาการสร้างเป็นเช่นใดในยุคที่สร้างในตอนนั้นใครกันบ้างที่เล่าแบบโดยใช้เหตุผลความจริง
โดยบุคคลที่ให้การอธิบายตามเหตุผลอันควรนั้นก็คือบุคคลที่อยู่ในวัดจริงและต้องมีการยอมรับกันทั้งหมดทั้งในลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่อยู่รอบวัดและในวัดที่ทันยุคนั้น

โดยยุคที่เห็นความชัดเจนต่อการสร้างพระเครื่องในวัดละหารไร่นั้นคือยุคสร้างโบสถ์ ยุคนี้ถือว่าเป็นการสร้างพระเครื่องของวัดในช่วงยุคกลางที่มีการสร้างทั้งแบบทรงขุนแผน เศียรโต พลายเดี่ยว พรายคู่ สีวลีฯลฯ เรื่องราวการสร้างพระเครื่องในยุคนี้ว่ามีการยอมรับแบบทรงเพราะทางวัดมีการเปิดเป็นราคาบูชากัน ไม่เหมือนกับยุคแต่ก่อนที่สร้างเพื่อการแจกจ่ายสำหรับผู้ศรัทธากันเท่านั้น

ความจริงผมอยากให้ทุกท่านมองในภาพรวมอย่างกว้างๆก่อน อย่าเพิ่งแบ่งแยกทิศทางการเล่นโดยเฉพาะสำหรับพระเครื่องเนื้อผงที่สร้างกันในวัดละหารไร่เพราะยังงัยความจริงก็ยังไม่เป็นรูปแบบชัดเจนอยู่ดี แบบก่อนหน้าแบบหลังการตกแต่งแม่พิมพ์ถ้าจะให้เข้าใจตามกระบวนขั้นตอนต้องมีการศึกษากันอีกมาก ส่วนเรื่องประเด็นทำเก๊ทำเสริมที่ออกกันมาจนสับสนจนบางรุ่นเอามาเป็นพิมพ์มาตรฐานการซื้อขายในวงการก็มีมาก อันนี้ก็ว่ากันไปอีกหนึ่งขั้นตอนตามความเชื่อกันมาครับ .....

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

"สรรพสิ่งทั้งหลายในโลกนี้ เป็นเพียงเครื่องอาศัยสำหรับไว้สร้างบารมี ไม่ใช่มีไว้สำหรับให้ยึดมั่นถือมั่น เพราะเราเกิดมาในโลกนี้ ก็เพียงอาศัยสิ่งเหล่านี้สร้างบารมีเท่านั้น อย่าไปคิดว่ามันเป็นจริงเป็นจังอะไร สมบัติทั้งหลายเป็นของกลางของโลก ที่จะช่วยให้เราสร้างบารมีได้สะดวกสบาย เราจะได้มุ่งแสวงหาสิ่งที่เป็นสาระของชีวิต ที่เป็นความจริงของพระอริยเจ้า ที่เรียกว่า อริยสัจ มีใจมุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพาน ชีวิตเราจะได้เข้าถึงความสุขที่แท้จริง"

 

กราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ในวันพระครับ หลวงปู่ทิม หลวงปู่แก้ว หลวงพ่อสาคร วัดละหารไร่ กราบกราบกราบ

​

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

การสร้างพระเครื่องในบล็อกแม่พิมพ์ของวัดละหารไร่ที่มีทั้งแบบบล็อกหินมีดโกน บล็อกทองเหลือง บล็อกถอดพิมพ์(บล็อกหลวงตารอด)โดยหลักการสร้างตามแบบพิมพ์ที่ให้เข้าใจในสัดส่วนต้องการความพอใจกันในรูปแบบความเห็นชอบ จะเห็นว่าแบบอย่างแต่พิมพ์ในการตกแต่งแต่ละครั้งนั้นส่งผลให้เกิดความรู้สึกนึกคิด และอารมณ์ของคนมอง เมื่อมีความเข้าใจที่ต่างความรู้สึก การกระทำที่ส่งผลขึ้นไปย่อมเกิดขึ้นได้เสมอทุกเมื่อ

จะเห็นว่าในการสร้างกระทำในแต่ละอย่างกว่าจะให้ถึงแบบพิมพ์ที่ตรงตามความพอ ใจในสิ่งนั้น ต้องมีการลองพิมพ์ ลองเนื้อหา ลองสูตรกันตามขั้นตอนการทำ การแกะสร้างตามแบบชาวบ้านในแต่ละครั้งคงเลี่ยงกันไม่ได้ ตามขบวนการสร้างพิมพ์แบบนี้กัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นพิมพ์เศียรโต พิมพ์ขุนแผน พิมพ์พลายเดี่ยว พรายคู่และพิมพ์อื่นๆที่แกะสร้างขึ้นมานี้ถือว่ามีการสร้างในหลายครั้งที่กว่าจะถึงแบบมาตราฐาน ความพึงพอใจหรือการยอมรับโดยทั่วกัน

ทุกท่านที่เข้ามาศึกษาเรื่องราวในกระทู้เปิดตำนานหลวงปู่ทิมต้องเข้าใจในกระบวนการสร้างของวัดและหลักเกณฑ์ความถูกต้องเป็นหลัก ถึงแม้บางครั้งวัตถุมงคลในสิ่งที่เห็นนั้นมันอาจจะยังไม่แบบมาตราฐานการยอมรับในวงการที่ตั้งเป็นราคาในการซื้อขาย ข้อบ่งชี้นี้ถือเป็นการทำตามขบวนการยอมรับในอีกขั้นตอนหนึ่งตามแบบอย่างความเข้าใจ ซึ่งโดยความจริงในส่วนลึกแล้วนั้นวงการไม่ได้รับรู้รายละเอียดที่ชัดเจนในส่วนนี้มาก่อน เล่นกันในประเด็นแยกแยะความน่าจะเป็นและความเชื่อหรือซึ่งโดยความจริงในบางประการเท่านั้น ทำให้เหตุผลสำคัญจึงต่างรูปแบบหรือการแยกแยะในประเด็นกันไป

ทุกวันนี้คนที่จะมาชี้ชัดให้มีความถูกต้องและชัดเจนกับเรื่องราวการสร้างได้อย่างเป็นรูปแบบ คงยากยิ่งนัก จะมีได้ก็คงเป็นบุคคลที่อยู่ในสถานะการณ์จริงกับการสร้างในครั้งกระนั้น แม้ลูกศิษย์ลูกหาที่เข้าไปทันยุคหรือไม่ทันยุคช่วงสร้างโบสถ์ของวัดในปีพ.ศ.2516หรืออาจเข้าไปสัมผัสในบางโอกาสก็ตาม อาจจะไม่เคยได้สัมผัสหรือรับทราบเรื่องราววัตถุมงคลที่เขาสร้างกันมาในคราวนั้นก็ตาม นั่นก็ไม่ได้จะหมายความว่าวัตถุมงคลสิ่งนั้นจะต้องเก๊และไม่มีหรือต้องให้ยอมรับกันเสมอไปทุกอย่างโดยตามหลักเหตุผลความจริงการทำของวัด เป็นการสร้างตามกระบวนการตามแบบภูมิปัญญาชาวบ้านที่มีการกดลองแบบสูตร เรื่อยๆขึ้นไป พระเครื่องที่ทำยังไม่ถูกรูปแบบในการออกให้บูชาตามวัตถุประสงค์นั้นก็ถูก เก็บไปเพราะด้วยการที่ลงความเห็นพร้องกันว่าพระยังไม่สวยพอหรือไม่สวยเอาซะเลย

บทบาทการสร้างพระเครื่องของวัดละหารไร่ในแต่ละยุคที่มีทั้งยุคแรกและยุคกลาง(ก่อนปีพ.ศ.2517) โดยการสร้างวัตถุมงคลในยุคกลางที่มีจุดประสงค์ในแบบองค์รวมก็คือทางวัดต้องการนำปัจจัยมาร่วมทำบุญสร้างโบสถ์ของวัดที่มีจิตใจน้อมรำลึกทั่วกันด้วยแรงศรัทธาของพระเณรในวัดและชาวบ้าน พระเครื่องและวัตถุมงคลในการออกบูชาจึงมีลักษณะการสร้างหลายแบบอย่างที่ต้องย้อนรอยตำนานการสร้างจริงกันตามความศรัทธาที่มีทั้งเรื่องราวและเหตุการณ์ สำคัญต่างๆที่กล่าวขานกันมา เรื่องผงพรายกุมารจะมีหรือไม่มีนั้นยังเป็นข้อขบคิดกันถึงทุกวันนี้ที่ยังหาข้อยุติกันไม่ได้ การใช้เหตุผลถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากอยากให้ทุกท่านลองตรึกตรองให้ดีกับเรื่อง”ผงพรายกุมารนี้” มันมีความหมายและที่มาที่ไปอย่างไรทำไมถึงมีอานุภาพคุณวิเศษยิ่งนักแล.......

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

" .. ในทางพุทธศาสนารวมลงแล้วถือเอา สติเป็นใหญ่ สติกับปัญญามันมาด้วยกัน
เพราะฉะนั้นทุกคนเมื่อฝึกฝนอบรม สมาธิ - ภาวนา อย่าลืม สตินั้นต้องตั้งให้มั่น
สตินั้นให้พร้อมอยู่เสมอทุกขณะ เมื่อสติตั้งมั่นพร้อมอยู่เสมอแล้ว
ตัวปัญญาเกิดจากสตินั่นแหละ

ปัญญา คืออะไร คือรู้ตัวเอง เห็นตัวเองอยู่ทุกขณะ คิดดีคิดชั่ว คิดหยาบละเอียดก็รู้ตัวทุกเมื่อ
อันนั้นเป็นปัญญา ปัญญาที่กว้างขวางไปสักเท่าไรก็ตาม ก็มารวมอยู่ที่สติตัวนั้น
ถ้าสติไม่มีเสียแล้วปัญญาก็จะไม่เกิด

สิ่งสารพัดทั้งปวงหมดที่มากระทบจิต เกิดความรู้สึกตัวเห็นตัวเองขึ้น นั่นตัวปัญญา
ถ้าไม่มีสติเสียแล้ว ถึงรู้สึกขึ้นก็ไม่รู้ไม่เห็นตัวเอง ไม่ทราบว่าอะไรต่ออะไรจะไม่รู้สึกตัว
สติจึงเป็นหลักสำคัญ

เมื่อพระพุทธเจ้าทรงเทศน์ให้สาวกทั้งหลายฟัง ทรงเทศน์ถึงที่สุดหมายถึงมรรค ผล นิพพานเป็นที่สุด
ก็คือสติตัวนี้เอง แต่หากว่าผู้ทำนั้นจะถึงหรือไม่ถึง นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

จึงตรัสว่าเทศน์ถึงที่สุดแล้ว หมดเรื่องเท่านี้เรื่องศาสนา มีสติสมบูรณ์แล้วก็หมดเพียงเท่านั้นที่จะปฏิบัติเป็นไปได้หยาบละเอียดสักเท่าใด มันอยู่ที่ตัวเรา .. "

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

แบบการสร้างพระผงพิมพ์รูปเหมือนของวัดละหารไร่ที่เป็นนวัตกรรมอย่างยอมรับกันคือพิมพ์เศียรโตที่ถือเป็นรูปทรงหลวงปู่อย่างสร้างศรัทธาการน้อมนำ โดยผู้แกะแบบสร้างคือ นายสาย แก้วสว่าง ไวยาวัจกรของวัด ซึ่งผมเองก็ได้รับการถ่ายทอดข้อมูลมาจากท่านในยุคสมัยก่อนมา โดยตามแบบสร้างในพิมพ์นี้จะมีการพัฒนาตกแต่งขึ้นไปตามมุมมอง เมื่อได้แบบตามคิดก็จะกดลองเนื้อขึ้นมาก่อนเพื่อดูความชัดเจน เมื่อยังไม่ได้ที่ตามต้องการก็ต้องแต่งเรื่อยๆขึ้นไป โดยใช้หินมีดโกนมาแกะทำแบบบล็อกแม่พิมพ์ขึ้นมา ถ้าเราจะใช้แนวคิดตามความเป็นจริงจะเห็นถึงขั้นตอนการทำที่เป็นรูปแบบการสร้างและความพิถีพิถันในการทำแต่ละครั้ง จะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำการให้สำเร็จได้โดยไม่มีจุดเริ่มต้นขึ้นมาก่อน

จะเห็นว่าการสร้างทำในแบบพิมพ์นี้จะมีหลากหลายเนื้อหาด้วยกันเพราะส่วนผสมการสร้างในแต่ละหนนั้นสัดส่วนจะไม่เท่ากัน เนื้อหาในตัวประสานจึงต่างกัน รูปทรงองค์พระก็มีลักษณะคล้ายดั่งเดียวกัน คือการตกแต่งตามความต้องการที่ให้การยอมรับกันในวัด

ในยุคการสร้างแต่ก่อนนั้นเนื้อหาหลักที่นำมาสร้างพระเครื่องของวัดจะใช้ผงที่หาได้กันซึ่งมีทั้งผงดินสอพอง ผงช๊อกหรือจะเป็นผงปูนก็ตามแต่ การสร้างทำที่เป็นจุดเริ่มต้นคือการลองแบบเนื้อหาหรือการเอาความได้ มีกันได้ทั้งนั้น เพราะแน่นอนครับการสร้างตามแบบชาวบ้านจะให้สวยเลยคงไม่ได้
แบบเนื้อหาในยุคสร้างกันส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อหาสีขาว โดยถือเป็นโทนเนื้อหาหลักในการสร้าง และจะมีทุกพิมพ์กับการทำในวัดละหารไร่ แต่ในที่นี้ผมจะกล่าวถึงพระพิมพ์เศียรโตขึ้นมาก่อนเพราะถือเป็นพิมพ์ที่มีเอกลักษณ์เด่นในรูปทรงของหลวงปู่ทิมที่มีการจิตนาการแบบชาวบ้านที่มีความเลื่อมใสกันอย่างเป็นเอกอุ

รูปทรงในการสร้างพระเครื่องนั้นทุกท่านจะต้องมีความเข้าใจในหลักการทำของวัดขึ้นมาก่อน ก่อนที่จะเชื่อกับเหตุอันใดๆ กับคำตอบที่ยังไม่เกิดผล เพราะบทบาทการทำจะต้องให้มีขั้นตอนความคิดอย่างพิถีพิถันหรือความมุ่งมั่นกันตามจุดมุ่งหมายดั่งที่ต้องการ

ครั้งที่แล้วผมเคยได้เขียนถึงโซนการสร้างในเนื้อหาสีขาว ที่เป็นการสร้างทำจริงอย่างต้องยอมรับเพราะ โซนเนื้อขาวเป็นโซนแรกเริ่มการสร้าง เราลองเอามาเปรียบเทียบกับสมเด็จวัดระฆังของสมเด็จโต โดยเนื้อหาโชนหลักก็เป็นเนื้อหาสีขาวทั้งนั้นแต่จะแปรเปลี่ยนเนื้อหาไปขึ้นอยู่กับตัวประสานเนื้อและส่วนผสมรองลงมาอย่างเช่นผงว่าน น้ำว่าน ผงอิฐ ผงถ่าน ผงธูปหรือผงจากเกสรดอกไม้ต่างๆฯลฯ แบบการสร้างที่เป็นไปตามหลักขั้นตอนคงเข้าใจกันไม่ยาก ตามแบบรูปทรงของพิมพ์เศียรโตจึงมีแบบที่ค่อนข้างจะมีการลองแบบกันไปเรื่อยๆเพื่อความให้เป็นรูปเหมือนอย่างที่สุด โดยแบบแต่ละครั้งแต่ละหนจึงยังที่จะให้ความเป็นมาตราฐานไม่ได้ ในตอนนั้น

ผมขอนำภาพพระพิมพ์เศียรโตที่ยังลองแบบเนื้อหาและพิมพ์ทรงในยุคแรกเริ่มการสร้างมาให้ชมเพื่อเป็นการศึกษาตามลำดับชั้นความเข้าใจกัน................

 

กราบหลวงปู่ทิม ,ลุงสาย และ ข้อมูลดีๆ จาก อ.แก้วสว่าง ครับ

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

คำว่า "อนิจจัง" คือ ความแปรปรวนนั้น มีอยู่รอบตัวทั่วสรรพางค์ร่างกาย ไตร่ตรองไปตามสภาวะซึ่งมีอยู่ในตัวอย่างสมบูรณ์ให้เห็นชัด แม้ "ทุกข์" ความบีบคั้นก็มีอยู้ทั้งวันทั้งคืน ไม่เพียงแต่ทุกข์ทางกาย ทุกข์ทางใจที่เกิดขึ้น เพราะอารมณ์ต่างๆ ก็มีอยู่เช่นเดียวกัน จงกำหนดให้เห็นชัด คำว่า "อนัตตา" ก็ปฏิเสธในความเป็นสัตว์ เป็นสังขาร เป็นเรา เป็นเขาอยู่ทุกขณะ เมื่อพิจารณาจนมีความชำนาญ กายก็จะรู้สึกว่าเบา ใจก็มีความอัศจรรย์และสว่างกระจ่างแจ้งไปโดยลำดับ

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

ผมจะขอย้อนนำภาพพระเศียรโตยุคแรกพิมพ์ซุ้มหนา ซึ่งเป็นการสร้างในยุคแรกๆที่ถือเป็นแบบมาตราฐานของวัดแต่ยังไม่ถือเป็นแบบมาตราฐานการบูชาออกไป ด้วยเพราะทางวัดคงยังไม่ลงความเห็นว่าเหมือนหลวงปู่กัน นายสาย แก้วสว่างอดีตไวยาวัจกรคนแกะแม่พิมพ์จึงยังต้องมีการตกแต่งพัฒนารูปแบบกันต่อไป ......

 

น้อมกราบพระรัตนตรัย กราบหลวงปู่ทิม กราบหลวงปู่แก้ว สวัสดีครับ พี่แก้วสว่าง และพี่ๆ ทุกท่าน

 

ตอนนี้เริ่มมีการรวบรวมพิมได้แล้วในบางส่วนครับ