นั่งสมาธิแล้วเหมือนมีอะไรมาดันที่มือ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ton12331, 25 ธันวาคม 2014.

  1. ton12331

    ton12331 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +3
    คือ ผมมีเรื่องอยากถามผู้ที่มีความรู้ทางการ
    นั่งสมาธิหน่อยครับ คือผมมีเรื่องอยากถามว่า
    คือผมนั่งสมาธิ กำหนดลมหายใจเข้าออกตามปกติทุกวัน
    พอมาวันนี้ผมก็นั่งตามปกติเหมือนเดิมแต่จู่ๆพอกำหนดได้สักพัก
    ผมก็มีอาการ เหมือนมีลูกกลมๆหรืออะไรสักอย่างมาดันที่มือผมเหมือนโดน
    แม่เหล็กดัน
    และจากที่นิ่งๆก็ฟุ้งซ่านกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะไม่เคยเป็นมาก่อนครับ
    ผมอยากรู้ว่ามันเกิดจากอะไร แล้วผมต้องแก้ยังไงครับ
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    คล้ายๆลูกกลมๆที่ว่าเนี่ยคือมาจากภายนอก..
    หรือว่าเกิดขึ้นบนฝ่ามือของเราเอง.แล้วมันทำให้
    มีเหมือนพลังงานลมหมุนตามเข็มนาฬิกา(คือหมุนไปทาง
    ด้านขวาของตัวเรา)ขนาดเท่าๆฝ่ามือทั้ง ๒
    ทำให้มือเราต้องแยกออกจากกันแบบหน่วงๆหน่อย
    เพราะว่ามันเหมือนอะไรหมุนๆแบบนี้บนฝ่ามือเราเลยตกใจ
    พอมือแยกจากกันมันก็เหมือนมีพลังงานลมหมุน
    ตามเข็มนาฬิกาบนมือทั้ง๒ ข้างแต่ขนาดเล็กลงมา
    เท่ากับฝ่ามือแต่ละข้างเล็กน้อยครับ..
    ถ้าเป็นอย่างหลังเนี่ยถือว่าปกติและดีครับ.ยังไงลองสังเกตุ
    อาการอีกครั้งและเล่าให้ฟังอีกรอบก็ดีครับ
    เพื่อช่วยแนะนำได้ครับ
    .
    .
     
  3. ton12331

    ton12331 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +3
    ขอบคุณครับ เดียวผมจะลองสังเกตดูอีกทีครับ ขอบคุณคำแนะนำครับผม
     
  4. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844

    การแก้คือการละ การวาง การปล่อย ไม่ต้องสนใจ ให้อยู่ที่องค์ปฏิบัติ หากไม่ไปสนใจอาการต่างๆก็ไม่เข้ามารบกวนได้ เขาอาจเป็นอยู่สักพักแล้วก็จะหายไปเอง ยังมีอาการอื่นๆอีกมากที่จะเกิดมาก็ใช้วิธีเดียวกัน
    หากไปสนใจในอาการต่างๆ สมาธิจะเกิดต่อเนื่อง ต่อไปได้ได้อย่างไร
    เจริญในธรรม
     
  5. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687

    ถ้ากำหนดลมหายใจ พึงทราบว่ากัมมัฏฐานคือ มีสติรู้ลมหายใจตรงที่ลมกระทบ

    ถ้าไปรู้สภาวะอื่น ย่อมไม่ใช่องค์กัมมัฏฐานที่กำหนด หมายถึงสติละไปเรียบร้อยแล้ว

    เรื่องอาการดันนั้น หากใส่ใจโดยอาการ จะเป็นลักษณะธาตุให้หมายรู้

    สำหรับผู้กำหนดจตุธาตุววัฏฐาน คือ อาการเคร่งตึง เคลื่อน ผลัก แข็ง ร้อน

    หากใส่ใจอย่างนี้ ก็จะน้อมเข้าสักว่าธาตุโดยลักษณะที่เกิดอยู่

    ไม่ได้ไปหลงนิมิต อนุพยัญชนะว่าเป็นมือ เป็นแขน เป็นลูกลม เหล่านี้เป็นเรื่องของความคิด สัญญาจำมา ควมคุ้นชินในสักกายทิฏฐิ

    ทำให้เห็นไม่ตรงสภาวะ เพราะแทนที่จะหมายรู้อาการ กลับไปหมายรู้สัญญามาปกปิดทุกขสัจ

    ส่วนความฟุ้ง ความนิ่ง พึงทราบว่าเป็นการปรุงแต่ง

    ควรพิจารณาว่า เวทนาแตกจากจากสัญญาอย่างไร

    หรือจิตที่รู้อาการ แตกต่างจากอาการที่เกิดอยู่อย่างไร

    มันมีสภาพคงที่ถาวร หรือเปลี่ยนแปลง

    ในขณะที่ดู มีการห้ามหรือ บังคับสภาวะเหล่านั้นได้หรือไม่
     
  6. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ก็เกิด จากการนั่งสมาธิครับ
    จิตกับกาย ที่หันมาฝึกความสงบ

    พลังงาน จะมีเพิ่มขึ้น มีการปรับตัว หมุนเวียน ถ่ายเท ไป ต่างๆนาๆ
    ทำให้อาการ สารพัด 108 อาการ เกิดขึ้นได้

    ซึ่งไม่ใช่จะมี แต่อาการสิ่งที่เจ้าของกระทู้เป็น ยังมีอีกหลายอาการ

    พึงทำความเข้าใจว่า

    ในการฝึก ในการตั้งสมาธิ ในการตั้งกรรมฐาน
    พึงมุ่งอยู่ที่กรรมฐานที่เราตั้ง ขึ้นกรรมฐานอย่างไร พึง สนใจกรรมฐานที่เรามุ่งนั้น

    สิ่งแปลกปลอมอาการต่างๆที่เกิดเข้ามา ให้ปล่อยผ่านไป
    ทำเพียงเหมือนๆแค่รู้ และก็อยู่ในกรรมฐานต่อไป

    หากเราสนใจ ใคร่รู้ในสิ่งแปลกปลอมนั้น ไม่ว่าจะเป็นอาการ สารพัด108
    หรือ นิมิต สารพัดเทพเจ้า เราจะเดินหลงทางจากการฝึกทันที

    ในทางกลับกัน หากเรามุ่งตรงในกรรมฐาน
    เมื่อหนักแน่นในกรรมฐาน มั่นคง แน่วแน่
    เรื่อง ความเป็นทิพย์ สารพัด อาการ เราจะรู้และเข้าใจ
    และสามารถติดต่อ เปิดโลกทั้งสามได้ เป็นเรื่องที่พิศูจน์ได้ด้วยตัวเอง

    ฉะนั้นแล้ว เจ้าของกระทู้ ควรแก้ที่ วางความสงสัยไว้ก่อน
    จงมุ่งที่กรรมฐานให้มั่นคง
     
  7. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    ตามมาดู

    เขาทําอะไรกันหว่า
     
  8. marasri

    marasri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +293
    มารอดูคำอธิบายด้วยคน อาการคล้ายกันค่ะ บางครั้งพอเริ่มนิ่งจะเหมือนมีลูกกลมหน่วงอยู่บนฝ่ามือ กลมนิ่งๆ ไม่หมุน หน่วงๆ แบบแม่เหล็กดัน แต่ว่าทำสมาธิไปต่อได้ค่ะ
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    อืมมมม...เจ้าของกระทู้คงไปสังเกตุกิริยาอยู่นะครับ.และคงไม่ได้ถาม
    ที่แห่งนี้ที่เดียวนะครับ..เด่วจะเล่าอะไรให้ฟังนะครับ..โดยปกติแล้ว
    ถ้าเราไม่สนใจอาการอะไรตรงนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ..
    แต่โดยธรรมชาติของจิตบางดวงนั้น จะมีความสามารถในการรับรู้และ
    สัมผัสพลังงานภายนอกได้ดีกว่าทั่วไป การรับรู้ในที่นี้มันจะมากกว่า
    แค่ความรู้สึกภายใน แต่จะสามารถสัมผัสในรูปแบบของพลังงานต่างๆ
    ที่เป็นคลื่นความถี่ได้ครับ..เนื่องจากตัวจิตเดิมมันคุ้นเคยและเคยฝึก
    ทางด้านนี้มาก่อน..เช่น พวกที่สามารถใช้กำลังจิตในการรักษาคนได้
    ในอดีตมาก่อน..พวกที่เคยเข้าถึงในระดับวิญญานธาตุมาก่อน..
    พวกนี้ตัวจิตจะเริ่มทำงานหรือมีความเป็นทิพย์ในลักษณะของแสงนำทาง
    หรือไม่ก็เส้นสายนำทาง...ไม่ใช่ตัวจิตเป็นทิพย์แล้วเริ่มทำงานในลักษณะ
    รับรู้สัมผัสแล้วเกิดเครื่องรู้ภายในเหมือนคนที่มีญานพิเศษอะไรทั่วๆไปครับ..
    การสัมผัสรับรู้ตรงนี้ไม่ใช่อะไรที่เสียหายครับ กลุ่มดวงจิตแบบนี้สังเกตุ
    ง่ายๆครับ ในสภาวะลืมตาปกติหากหงายมือออก แล้วภาวนาเล็กน้อย
    ก็จะเกิดเป็นพลังงานคล้ายๆลมหมุนอยู่ที่บนฝ่ามือได้ครับ.ถ้าทำตอนกลางวันก็จะอุ่นๆก่อน ส่วนถ้าทำตอนกลางคืนที่มีดวงจันทร์ก็จะเย็นๆก่อนหาก
    ว่าทำนานเกินไปก็จะตึงๆและอุ่นได้เช่นกันครับ.แต่หากเรารู้หลักในการปฏิบัติ..เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายสัมผัสพลังงานลมหรือคลื่นพวกนี้ได้นั้น แสดงว่าจิตตอนนั้นมันทำงานในสภาวะที่เลยเรื่องส่วนประกอบต่างๆที่เป็นร่างกายเราไปแล้ว..ให้เราปล่อยมันเป็นไปตามธรรมชาติไม่ต้องสนใจ..
    พอเรานั่งสมาธิเป็นพิธีการก็ให้เปลี่ยนมาหงายมือแล้ววางที่ตรงหัวเข่าแทน
    และเป็นไปได้ควรนั่งสมาธิในท่าขัดเพชรให้ได้..เพื่อให้การไหลเวียนของ
    พลังงานพวกนี้เป็นไปโดยธรรมชาติ..ซึ่งต่อไปพลังงานพวกนี้ก็จะขึ้นไปข้าง
    บนออกไปเชื่อมกับครูบาร์อาจารย์ข้างบนได้..ต่อไปบุคคลกลุ่มนี้ก็จะสามารถมองเห็นเส้นสายพลังงานแบบนี้ได้ แรกๆถ้าทำได้อาจจะเห็นเป็นควันก่อน จะสีดำหรือสีขาวก็ช่าง แสดงว่าร่างกายมันกำลังปรับสมดุลย์
    ของมันอยู่ครับ..ให้เรานั่งจนกระทั่งเห็นด้วยตาเปล่าๆเป็นสีใส..
    เวลาสวดมนต์หรือทำสมาธิอะไรจิตก็จะเข้าสู่ความสงบได้ง่ายของมันเองครับ

    ปล.แค่เพียงแต่เล่าให้ฟังครับ
     
  10. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    ... ร่างกายของเรามีกระแสไฟฟ้าคะ...

    จึงไม่แปลกที่ จะมีความรุ้สึกแบบนั้น ยิ่งเรานั่งทำสมาธิ
    มันก็จะยิ่งชัดเจน ในพลังงานคะ เพราะการทำสมาธิ
    มันเหมือนปรับ จูนคลื้น ในร่างกายเราให้อยุ่ในสมดุลคะ
    ไม่มีอะไรน่ากลัว น่าแปลกใจอะไร ยิ่งทำบ่อยๆ สม่ำ เสมอ
    ยิ่งดีต่อตนเองคะ
     
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ร่างกายเรามันมีกระแสไฟไฟ้เป็นปกติ
    ครับจากปริมาณแร่เหล็กที่อยู่ในเส้นเลือดครับ..
    หรือกระแสคลื่นความถี่ต่างๆก็มีในวัตถุอื่นๆเป็นปกติเช่นกันครับ
    การทำสมาธิบ่อยๆช่วยปรับสมดุลย์ตรงนี้ได้..แต่หากว่ามันมีมากเกินไป หรือว่าเกิน
    สมดุลย์ก็จะทำให้เกิดการสะสมจนกระทั่งกลายเป็นโรคร้ายแรงขึ้นได้ในอนาคต
    ข้างหน้าครับ เช่น โรคมะเร็งเป็นต้น หรือโรคกระดูกบวมๆตามนิ้วโป้เท้า หรือนิ้วโป้
    หัวแม่มือ สังเกตุง่ายๆโดยเฉพาะคนที่เป็นร่างทรงประเภทวิญญานเข้าแทรกทั้งหลาย
    ร้อยละร้อยพอเริ่มชราจะเป็นทุกรายครับ...

    กรณีที่ดวงจิตบางคนมีแต่เรื่องสัมผัสพิเศษแบบที่เรารู้เห็นคนได้คนเดียว
    แถมคลื่นจากกระแสจิตยังเป็นแบบเชื่อมต่อกับครูบาร์อาจารย์ข้างบน
    แบบติดๆขัดๆได้บ้างไม่ได้บ้าง
    ทำให้เราไม่แน่ชัดในเรื่องนามธรรมที่สัมผัสได้แล้วนั้น
    เพราะมีกระแสความคิดที่เกิดจากความคิดปรุงร่วมกับจิตมันมาขวางไว้
    เราจะไม่เข้าใจในกรณีเกี่ยวกับเรื่องพลังงานแบบนี้ครับ.
    .บางครั้งเผลอคิดว่าการที่ร่างกายไปจับ
    โดนเหล็กเข้าแล้วไฟซ๊อตเป็นเรื่องที่ดี หรือไม่ก็ไม่จับวัตถุต่างๆแล้วเราสามารถ
    สัมผัสได้สัมผัสได้ถึงพลังงานต่างๆนั้น..
    หารู้ไม่ว่านั่นคือกิริยาที่ร่างกายมันเริ่มจะเข้าสู่สภาวะขาดสมดุลย์ได้หากเราไม่รู้จักการถ่ายเทพลังงานตรงนี้ครับ.
    .บางคนเผลอคิดไปว่าเป็นเพราะผลของสมาธิ
    คิดว่าตนวิเศษยิ่งจะไปกันใหญ่ครับ..

    กรณีที่ดวงจิตบางดวงที่มีทุนในเรื่องสัมผัสพลังงานคลื่นแม่เหล็ก หรือคลื่นกระไฟฟ้าพวกนี้ได้
    โดยปกติจิตจะมีความสามารถในการรับพลังงานภายนอกต่างๆในรูปแบบเดียวกันเข้า
    มาได้เองเป็นปกติ.เช่นไปอยู่ใกล้ๆห่มเหลืองที่ท่านมีกระแสเมตตาเย็นๆ
    เราก็จะรู้สึกเย็นๆได้เช่นกันเพราะตัวจิตมันรับกะแสตรงนี้ได้เป็นต้น
    แต่ถ้าไม่รู้จักการถ่ายเทพลังงานให้เกิดความสมดุลย์แล้วก็จะส่งผล
    ต่อร่างกายได้เช่นกัน อย่างความเครียด ความกังวลก่อให้เกิดอาการ
    เบื้องต้นคือ ง่วงตลอดวัน
    ปวดศรีษะแบบทานยาไม่หาย แน่น
    บริเวณกระโหลกท้ายทอย เนื้อตัวร้อนกว่าปกติ
    หงุดหงิดง่ายเป็นต้นครับ..

    ถ้าในเรื่องของพลังงานที่มีประโยชน์ก็คือ
    นอกจากกำลังจากตัวจิตแล้ว
    เราจะต้องรู้จักวิธีการเรียกพลังงานขึ้นมาใช้ หรือรู้จักการดึงแหล่งอื่นๆมาใช้
    ไม่ว่าจะพลังงานจากธรรมชาติ หรือจากกสิณกองต่างๆ
    แต่การจะใช้ได้ผลจริงนั้น
    นอกจากจะต้องรู้หลักในการเรียกแล้ว จะต้องรู้วิธีการหนุน
    วิธีการส่งพลังงานไปยัง
    สถานที่หรือตำแหน่งต่างๆได้
    เพียงแต่นึกปลายทางออก ตลอดจนรู้วิธีการดึงและดูด
    พลังงานไม่ดีต่างๆออกตลอดจนการอัดพลังงานที่ดีเข้าไปแทน
    แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องการรู้จักรักษาสมดุลย์
    ในเรื่องของพลังงานส่วนเกินตรงนี้ครับ ถึงจะพอใช้คำว่ามีประโยชน์ได้..

    คนสมัยก่อนที่เดินเท้าเปล่าเหยีบบพื้นจึงค่อนข้างมีอายุยืน
    เพราะว่าพื้นดินเป็นตัว
    ช่วยปรับความสมดุลย์เรื่องพลังงานให้ร่างกายได้เป็นอย่างดี..
    ลองดูได้ ถ้าเราตึงๆศรีษะ
    เนื่องจากความเครียด ไปถอดรองเท้าแล้วยืนบนพื้นดิน
    พื้นหญ้าซักพักอาการก็จะดีขึ้นได้ของมันเองโดยไม่ต้องทานยาแก้ปวดศรีษะ
    แต่จะให้ดีที่สุดก็คือการนอนลงไปเลยครับ ถ้าสภาพแวดล้อมให้นะครับ
     
  12. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    :cool: ระเอียดดีคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...