ก่อนโลกล่มสลาย เปิดบันทึก "ชนเผ่าอินคา", ไขรหัสลับจิตวิ__าณมนุษยชาติ

เมื่อมะเร็งร้ายทั้ง 7 ได้เกิดขึ้นครบถ้วน ได้แก่

1.โรคร้ายต่างๆ
2.ผลประโยชน์
3.สงครามและการปฏิวัติ
4.การทุจริตคอรัปชั่น
5.สงครามระหว่างศาสนา
6.ยาเสพติด
7.โรคเอดส์

หลังจากนั้นมนุษชาติจะเริ่มทำลายตนเองโดยอัตโนมัติ และจะเกิดผลกระทบอันใหญ่หลวง
และอีก 50 ปีข้างหน้าจะถึงยุคอนาธิปไตย และเมื่อถึง ค.ศ.2106 หรือ พ.ศ.2649
เผ่าพันธุ์มนุษย์จะจบสิ้นอย่างไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้

สุริยศาสตร์ จึงเป็นแนวทางใหม่ในการวางแผนพื้นฐานหลักสูตรการศึกษาภาคบังคับ สำหรับเด็กเล็กทั่วโลก
ตั้งแต่อายุ 5 ปี ในศตวรรษที่ 21 นี้ อย่างเร่งด่วน ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้...

จากบทบันทึกของ กัปตันออสวัลโด กวันตานาเมรา ผู้สืบทอดแนวคิดและหลักปฏิบัติของชนเผ่าอินคา
(ทวีปอเมริกาใต้ หรือประเทศเปรูในปัจจุบัน ตั้งแต่ศตวรรษที่ 15) ถือเป็นมาสเตอร์สุริยศาสตร์คนสุดท้าย
แม้บัดนี้ร่างกายของเขาจะคืนสู่ธรรมชาติไปแล้ว แต่เขาได้เขียนเรื่องราวชีวิต, วิธีคิด, วิธีปฏิบัติของเขา
ผ่านการเรียนรู้จาก "พ่อแก่"
มาสเตอร์ผู้รวบรวมศาสตร์นี้อยู่ในตัว รวมทั้งข้อความที่เสมือนคำทำนายถึงเหตุการณ์สำคัญๆ ที่จะเกิดขึ้นไว้ล่วงหน้า

ดังนั้น อีก 4 ปีต่อมา หลังจากกัปตันออสวัลโดเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจขาดเลือด
บันทึก "ความลับของชนเผ่าอินคา" ได้ถูกเปิดเผยขึ้นอีกครั้ง นับตั้งแต่ศาสตร์แห่งสุริยะของชนเผ่านี้ได้สู_หายไปนานกว่า 500 ปี
ด้วยการแปลและเรียบเรียงเป็นภาษาไทย โดย วิไล วิทย์ประเสริฐกุล ภรรยาสาวชาวไทย

ช่างบังเอิญที่การไขความลับครั้งนี้เกิดขึ้นในห้วงที่มีเหตุวินาศกรรมครั้งประวัติศาสตร์ในสหรัฐอเมริกา
คล้อยหลังการตีความจากคำทำนายของ "นอสตราดามุส" ไม่นานนัก

ทว่า "ความลับของชนเผ่าอินคา" ยังได้บอกหนทางเยียวยาและแก้ไขความหายนะที่จะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้

ลองอ่านความคิดของชนเผ่านี้ ผ่านบันทึกของมาสเตอร์คนสุดท้าย อาจจุดประกายอะไรบางอย่างขึ้นในใจ
บางทีอาจทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้น

 

สุริยศาสตร์คืออะไร?

กัปตันออสวัลโด บอกความหมายของ "สุริยศาสตร์" ว่าเป็นศาสตร์ที่กลุ่มนักสังเกตชาวอินคาได้มีการทดลอง ค้นคว้าและผ่าตัดสมอง
จนในที่สุดพบความฉลาดของมนุษย์ ซึ่งมีความสัมพันธ์กับดวงอาทิตย์ และเก็บไว้เป็นความลับมานานหลายศตวรรษ
รอเวลาในการเผยแพร่เพื่อช่วยมนุษยชาติ

เมื่อมะเร็งร้ายทั้ง 7 เกิดขึ้นครบถ้วนแล้ว ก็ถึงเวลาที่ "ออสวัลโด" จะทำหน้าที่เผยแพร่ในสิ่งที่พ่อของเขากำชับไว้
เนื่องจากเขาได้เรียนรู้ศาสตร์นี้มาตั้งแต่ยังเด็ก ในขณะที่ช่วงนั้นการเรียนรู้ผ่านการบอกเล่าและถ่ายทอดลงบนหนังสัตว์
เมื่อมีสงครามและแผ่นดินไหว หนังสัตว์เหล่านั้นได้ถูกเผาและสูญหายไปหมด

ตอนหนึ่งเขาบอกว่าออกมาจากป่าพร้อมกับมีสุริยศาสตร์ติดตัว ขณะที่หลวงพ่ออัลโตนิโอออกมาพร้อมกับคัมภีร์ไบเบิ้ล

เมื่อออสวัลโดถึงแก่กรรม โดยที่ยังไม่ได้เผยแพร่ความลับของชนเผ่าในวงกว้าง
เพียงแต่เขียนไว้ในบันทึกภารกิจนี้จึงตกแก่ วิไล ภรรยาผู้ศึกษาศาสตร์นี้อย่างใกล้ชิด

""ท่านได้เคยฝากภารกิจนี้ไว้กับดิฉัน และนับเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วที่ดิฉันได้เรียนรู้และปฏิบัติตามคำสอนในศาสตร์นี้ของอาจารย์ออสวัลโด
ทำให้เกิดความชัดเจนและความสงบของจิตอย่างน่าประหลาด
ก่อให้เกิดสติปัญญาในการแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และน่าจะเป็นประโยชน์แก่มนุษย์ทุกคน""

วิไล ได้แปลต้นฉบับจากภาษาอิตาเลียนเป็นภาษาไทย
โดยมีความเชื่ออย่างเต็มเปี่ยมว่า "สุริยศาสตร์" เป็นวิทยาศาสตร์ที่สร้างจิตวิญญาณ
ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง

""จะทำอย่างไรให้คนรับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของคนอินคาได้ นักวิทยาศาสตร์ยังค้นพบรหัสลับของมนุษย์
ในเลือด ในดีเอ็นเออะไรทั้งหลาย แต่นี่เป็นรหัสลับในจิตวิญญาณ วิทยาศาตร์ต้องรวมเนื้อหนังมังสากับจิตวิญญาณเข้าด้วยกัน
เป็นสิ่งเดียวกันไม่ใช่แยกออกจากกัน เพราะฉะนั้นการพัฒนามนุษย์ให้ไปถึงจุดสูงสุด
จะพัฒนาตัวเนื้อสสารในร่างกายกับจิตที่อยู่ข้างในร่างกายและพลัง ต้องพัฒนาไปคู่กัน มันถึงจะเกิดความเจริญที่สูงสุด
แต่ตอนนี้เขาพัฒนาสสารหรือวัตถุ ไม่ได้พัฒนาทางด้านจิตวิญญาณ การวิวัฒนาการมันเอียงไปข้าง
จึงอยากสร้างกระแสให้เด็กไทยรู้""

แม้บันทึกนี้จะมีรากมาจากชนเผ่าอินคาเมื่อหลายร้อยปีก่อน แต่ยังสามารถใช้ได้กับคนทั่วโลก
และเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งวิไลบอกว่าเหมือนความบังเอิญ เป็นการเกิดขึ้นแบบ "ถึงเวลา" มากกว่า

 

""แปลอยู่ 2 ปี ทำงานของตัวเองด้วย ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บังเอิญมากกว่าที่ออกมาช่วงนี้
ที่จริงกะจะเสร็จเดือนสิงหาคม แปลกดีเหมือนกันถ้าออกช่วงสุริโยไทก็ถูกกลบไปเลย
แต่ออกในเดือนกันยายน หลังจากตึกถล่มไม่นาน ไม่ได้ตามกระแส อาจารย์พูดมาตั้งแต่ปี 2538
เรามีบรรยายเรื่องสุริยศาสตร์กันที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยพูดที่สมาคมดันเต้ เกี่ยวกับพระอาทิตย์
และประสบการณ์กี่ยวกับนักบินของอิตาเลียน คนสนใจมาก

""อาจารย์ฝรั่งอีกท่านหนึ่ง แกบอกหลังจากตึกเวิลด์เทรดถล่มว่ากัปตันออสวัลโดบอกเขาเมื่อ 7 ปีที่แล้ว
ถึงอิทธิพลจากการสร้างหนัง ทำให้เกิดอะไรๆ หลายอย่าง นี่ไง เกิดขึ้นแล้ว อิทธิพลหนังมันแรงขนาดไหน
ทำไมไม่เอาอิทธิพลตรงนี้มาสร้างสิ่งดีๆ ไม่ใช่ จัน ดารา...

""ปี 2539 ก่อนเสียชีวิต 1 ปี อาจารย์เคยบอกว่าอย่าซื้อหุ้น ห้ามซื้อที่ดิน ห้ามฝากทรัสต์
เอาเงินฝากธนาคารปกตินี่ถูกต้องแล้ว ถ้าฝรั่งให้เงินดอลลาร์มาก็เก็บไว้ เราก็ทำตาม ไม่ได้ดื้อดึง
แกพูดมาตั้งกี่อย่างทุกอย่างเป็นจริงหมดเลย

""อาจารย์พูดมาตั้งนานแล้วเรื่องเหล่านี้ ทุกอย่างเป็นพิษไปหมดแล้ว จะเหลืออะไรดี มนุษย์ต้องล้างพิษในตัวของตัวเอง
ต้องใช้เวลาอีกยาวนาน และยากมาก กว่าจะกลับคืนสู่ธรรมชาติที่บริสุทธิ์ แม้กระทั่งน้ำในผลไม้ก็ยังเป็นพิษ
อาจารย์บอกก่อนเสียชีวิต 2 ปีว่าขณะนี้อาหารในโลกเป็นพิษหมดแล้วยกเว้นข้าวกับขนมปัง""

อย่างไรก็ตาม วิไลบอกว่า ออสวัลโด เคยบอกว่าจะยังไม่เกิดสงครามใหญ่ในขณะนี้
เพียงแต่โลกจะประสบปัญหาทางเศรษฐกิจที่หนักขึ้นทุกวัน

องค์การเรียนการสอนของอินคา

ชนเผ่าอินคาอยู่ท่ามกลางป่าดงดิบ พึ่งพิงและใช้ธรรมชาติอย่างรู้คุณค่าและนับถือธรรมชาติยิ่ง
ซึ่งบ่งบอกถึงความเข้าใจในธรรมชาติอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ หากมนุษย์นำพลังธรรมชาติ หรือพลังแห่งดวงอาทิตย์
ซึ่งเป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกมาพัฒนาความเป็นอยู่จะช่วยให้สังคมรอดพ้นจากปัญหาทั้งหลายทั้งปวงต่างๆ เหล่านี้จึงเหมาะแก่กระบวนการศึกษาของเด็ก

"วิชาที่เรียนเขาจะสอนลูกหลานว่าสัตว์ชนิดนี้มีลักษณะอย่างนี้ ถ้าเธอทำพลังแม่เหล็กในตัวเธอให้นิ่ง
ในขณะที่เห็นเสือ เสือจะไม่กล้ากระโจนใส่เธอ ถ้ารู้จักควบคุมพลังแม่เหล็กให้นิ่งและสม่ำเสมออยู่ตลอดเวลา
เป็นเรื่องที่ยาก ต้องมีการฝึกฝนแต่เล็ก ทำให้สุขภาพดี ทำให้ความคิดนิ่ง เราไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร""

หากจะสืบย้อนไปถึงรากเหง้าของการเรียนการสอนของชนเผ่าอินคา โดยตัดตอนช่วงก่อนที่จะมาถึงรุ่นของออสวัลโดถัดไป 2 รุ่น

 

ควิสเป้ มาสเตอร์สุริยศาสตร์คนที่ 6 เป็นพ่อเลี้ยงของออสวัลโด มีแม่บุญธรรมเป็นมิชชั่นนารีที่เข้าไปเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในสมัยนั้น
ออสวัลโดไม่มีพี่น้อง เมื่ออายุ 5-6 ขวบ พ่อเริ่มสอนในสิ่งที่เรียกว่า "โรงเรียนของสุริยศาสตร์" เขาเรียนรู้จากในป่าบริเวณนั้น

ชาวบ้านทุกคนเรียกควิสเป้ว่า "มาสเตอร์" เพราะเขามีหน้าที่อยู่อย่างหนึ่งเหมือนกับผู้ที่คอยพิทักษ์ความยุติธรรม
เป็นหมอรักษาโรค เป็นครู เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่คอยดูแลคนในหมู่บ้าน แม้กระทั่งทำคลอดลูก แต่วิชาเหล่านี้ไม่มีการเผยแพร่
คนเปรูทุกวันนี้ก็ไม่ทราบศาสตร์นี้ ควิสเป้ไม่ใช่คนอินคา แต่เป็นนักเรียนของอาจารย์ซานโตส ซึ่งเป็นมาสเตอร์ที่ยิ่งใหญ่คนที่ 5
ซานโตสเป็นคนเชื้อสายอินคาและเก็บศาสตร์นี้ไว้เป็นความลับ ตั้งแต่ชนเผ่าอินคาถูกทำลาย

ช่วงนั้นมีการเปลี่ยนแปลงภาษาพูดภาษาเขียน อาจารย์ซานโตส กับเพื่อนนักบวชช่วยกันแปลและถอดรหัสภาษาเก่าที่เขียนบนหนังสัตว์
และพยายามเอาหลักสูตรกรเรียนรู้ธรรมชาติและสีมาใช้กับเด็ก โดยครั้งแรกเริ่มฝึกกับเด็กวัยรุ่น ซึ่งประเมินผลแล้วไม่ดี
ต่อมาจึงฝึกกับเด็กเล็ก ปรากฏว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ แต่เกิดปัญหาตามมาอีกคือเมื่อเด็กจบออกมาก็จะเข้าเรียนต่อในเมือง
บางคนที่เรียนต่อเพื่อเป็นหมอได้ก็สนับสนุน แต่ซานโตสไม่เห็นด้วยกับคนที่ไปทำงานราชการ
เพราะเขาอยากให้เด็กทำงานด้านเกษตรกรรมมากกว่า ซึ่งจำเป็นต้องใช้คนจำนวนมาก
จึงเหลือแต่ควิสเป้คนที่เรียนไม่เก่งคนนี้ที่ฟังคำสอน ควิสเป้จึงออกไปเลี้ยงฝูงแกะ

หลักสูตรของซานโตส เป็นการสอนเกี่ยวกับสี ให้มองสีพร้อมการเล่าเรื่องและเสียงเพลงประกอบ
เป็นการสร้างจิตวิญญาณข้างในเพื่อเปลี่ยนแปลงความคิดของเด็กที่ไม่ดี ซานโตสรู้ว่าสีในความคิดมีอะไรบ้าง
ถ้าสีไม่ดีก็เอามาแก้ให้เป็นสีที่ดี สีดีคือสีเขียว สีแดง สีน้ำเงิน หรือสีฟ้า

เนื่องจากค้นพบว่าสีมีอิทธิพลกับจิตใจของมนุษย์ ซึ่งไม่มีใครทราบ แม้กระทั่งวงการแพทย์
ไม่มีใครคิดว่าความฉลาดของมนุษย์หรือเชาวน์ปัญญาเกิดขึ้นได้อย่างไร
แต่อินคาค้นพบโดยบังเอิญโดยการผ่าตัดสมองและทดลองกับเด็ก โดยในยุคแรกนำเด็ก 3 คนมาทดสอบ
ปรากฏว่าทั้ง 3 คน ชอบสีแดงเหมือนกัน ท่าทางฉลาดหมด แต่มีส่วนที่ไม่เหมือนกันแสดงว่าเด็กมีสีอื่นอีก
บางคนอาจมีสีเหลือง สีเขียว หรือมีสีฟ้าประกอบ บางคนมีสีน้ำตาล อาจารย์จะเห็น และมองเด็กออก
เพราะในการแสดงออกทางพฤติกรรมและความคิดของเด็ก สามารถบ่งบอกถึงสีได้

หลักของสีมีอยู่ว่า สีน้ำเงิน หมายถึงการเดินทาง รักอิสระ รักเพื่อนฝูง อยากรู้อยากเห็น
สีแดงหมายถึงความกล้าหาญ มีลักษณะเป็นผู้นำ รักความก้าวหน้า
สีเขียว มองโลกในแง่ดี และมองโลกกว้าง ยอมรับความคิดคนอื่น โอบอ้อมอารี รักเสียงเพลง รักสัตว์และธรรมชาติ
ส่วนสีเหลือง คิดแต่เงิน

"บางครั้งเราไม่รู้ว่าต้องการอะไร คาเรคเตอร์ที่เราแสดงออกจะตรงกันข้าม นี่เป็นวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ซึ่งเริ่มจากจิต
ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มจากจุดนี้ทั้งสิ้น ถ้าพื้นฐานความคิดของคนไม่ถูกต้องแล้ว เส้นทางชีวิตจะเฉไปเรื่อยๆ"

ศาสตร์เรื่องสีเป็นบทที่ 1 ของวิทยาศาสตร์ที่ต้องเรียนนี้ ต้องรู้ตัวเราให้ดีเสียก่อน ถึงจะไปศึกษาอย่างอื่นเพิ่มเติม
ถึงบอกว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะที่จะเป็นหนังสือประจำบ้าน

 

สื่อสารกับดวงอาทิตย์ได้

การหยั่งรู้สิ่งต่างๆ คนอินคาเชื่อว่า ดวงอาทิตย์ซึ่งเปรียบเสมือนพ่อเป็นผู้บอก
เพียงแต่เราต้องฝึกจิตและฟังสิ่งที่ดวงอาทิตย์บอกอย่างตั้งใจ

"เรารู้ได้ เป็นพลังจิตกับกระแสแม่เหล็ก สมมติในใจเราตั้งคำถาม แล้วจะมีคำตอบมาให้รู้เอง แต่ต้องเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่เรื่องอะไรก็ถามได้ ดิฉันเองก็เจออย่างนั้นในใจ ความรู้สึกบอกทุกครั้ง ดิฉันฝึกจิตมานานแล้วเหมือนได้ถูกแนะนำให้รู้จักดวงอาทิตย์ แต่เรื่องนี้ไม่อยากพูดให้คนรู้ เพราะคนไม่รู้จักศาสตร์นี้ ยากที่จะอธิบายแต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นธรรมชาติ เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ไสยศาสตร์หรืออะไรทั้งสิ้น"

"อย่างรูปปกหนังสือก็ไปตรงกับเนื้อหาของหนังสือที่มาสเตอร์พาเด็กพิการคนหนึ่งที่เดินไม่ได้ ไปขอให้เดินได้ บอกว่าถ้าศรัทธาในดวงอาทิตย์ ก็คุยกับพ่อหมายถึงพระอาทิตย์ ถ้าแรงศรัทธาที่มีมากพอที่พ่อช่วยได้ แต่มาสเตอร์ก็ช่วยด้วย อยู่ดีๆ เด็กคนนั้นก็เดินได้อย่างมหัศจรรย์ สีธรรมชาติให้ความฉลาด ความนึกคิดของมนุษย์ นี่เป็นพลังอย่างหนึ่งที่ให้กับจิตวิญญาณ"

""เราไม่ได้ว่าศาสตร์นี้เลิศเลอวิเศษ แต่จะหาอะไรที่เป็นวิทยาศาสตร์เป็นเหตุและผลได้ในตอนนี้ ศาสนาเป็นสิ่งที่จรรโลงจิตใจ ทุกศาสนาเป็นศาสนาที่ดีทั้งสิ้น เป็นเพื่อนกันหมด แต่ทุกวันนี้ศาสนาก็ไม่สามมารถเยียวยารักษาจิตของมนุษย์ได้ ได้เฉพาะคนบางคนเท่านั้นที่ใฝ่รู้ ใฝ่ศึกษาเท่านั้น แต่ผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ไม่มีอะไรนำทางล่ะ เพราะฉะนั้นเขาเป๋ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาตกหลุมพราง เจ็บตัว หรืออาจจะต้องเสียชีวิตไป โดยที่เขาก็ไม่รู้อะไรเลยในสิ่งที่น่าจะรู้""

มีคำถามว่าหากศาสตร์นี้เป็นศาสตร์ที่ดีแล้วทำไมถึงอยู่ไม่ได้ มีเพียงการบอกเล่าจากพ่อถึงลูก หรือจำกัดในวังแคบๆ เท่านั้น วิไล ตอบว่า

""เพราะดวงอาทิตย์มีการลงโทษ และมนุษย์ตั้งพระเจ้าขึ้นมา ที่ยิ่งใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ และพระเจ้าให้อภัยกับมนุษย์ได้ มนุษย์ก็อยู่กับพระเจ้า เพราะทำผิดก็ได้เดี๋ยวไปล้างบาปขอโทษ""

พร้อมกันนั้นเธอรีบปฏิเสธว่าความคิดนี้ไม่ได้ก้าวล่วงถึงศาสนาอื่น เพราะออสวัลโดก็นับถือศาสนาคริสต์ เธอเองก็เป็นพุทธศาสนิกชน

""พระเจ้ามีจริง แต่โลกมนุษย์ขึ้นกับดวงอาทิตย์ดวงนี้ เขาเป็นที่ถ่ายทอดส่งพลังจากพระเจ้ามาให้พวกเรา เพราะฉะนั้นเป็นผู้ที่ดูแลพวกเราแทนพระเจ้า ก่อนที่จะไปถึงพระเจ้าเราต้องผ่านเขาทุกคน แต่ทุกคนลืมเขา""

เหตุที่ชนเผ่าอินคารู้ความลับของพระอาทิตย์ วิไลอธิบายว่า เพราะคนอินคาอยู่ในป่าดงดิบ อยู่กับธรรมชาติ การสังเกต ความนึกคิดและแรงบันดาลใจทั้งหลายล้วนมาจากธรรมชาติ

""ถึงได้บอกว่า เรื่องของดวงอาทิตย์เป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ไม่เกี่ยวกับศาสนาใดๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น กฎของมาสเตอร์ หรือที่เขียนข้อที่ 1 ให้เคารพทุกศาสนาและทุกวัฒนธรรม""

วิไลเล่าย้อนกลับไปว่า ก่อนแต่งงาน ออสวัลโดได้เคยเขียนบันทึกมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่พระอาทิตย์บอกให้เผาทิ้งเพราะยังไม่ถึงเวลา

""ถ้าเราได้อยู่นิ่งๆ มีสมาธิ สงบก็จะมีสติ นี่เป็นหลักของพุทธศาสนา สุริยศาสตร์ก็เหมือนกัน มีการฝึกสมาธิ สติ โดย ตา สมอง หัวใจ การจะทำอะไรต้องดูก่อน คิดแล้วทำ จะไม่พลาดอะไรทั้งสิ้น ทุกคนสามารถทำได้ ถ้าได้มีการปฏิบัติฝึกฝนตามสิ่งเหล่านี้ และมีความศรัทธาในดวงอาทิตย์ก็จะสื่อสารกันได้ ในวิทยาศาสตร์เราเรียนมาก็เป็นอย่างนั้น ดวงอาทิตย์ให้แม้กระทั่งอากาศ น้ำ ดิน ลม เป็นกฎในข้อ 1 ในกฎ 7 ข้อ ของดวงอาทิตย์ คือให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ไม่เรียกร้องอะไร""

 

เพื่อสันติภาพของโลก

ยังมีรายละเอียดอีกมากมายในเล่มนี้ หากจะสรุปถึงจุดมุ่งหมายในบันทึกของออสวัลโด คงหมายถึงสันติภาพของโลก

""อาจารย์ต้องการให้เราดำรงไว้ซึ่งจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์ และอยากให้เกิดหลักสูตรของสุริยศาสตร์ เพื่อเป็นการสร้างจิตวิญญาณของเด็ก เหมือนภูมิคุ้มกันให้กับชีวิตในการเผชิญความจริงกับโลกเรา อย่างเป็นตัวของตัวเอง""

""ให้เด็กรักธรรมชาติ ให้รักพ่อแม่ ให้รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น ให้รู้จักสิทธิ และหน้าที่ของตัวเองในความเป็นมนุษย์ ที่จริงหลักสูตรเรียน 7 ปี เหมือนการเรียนระดับประถมขั้นพื้นฐานของเรา จะฝังแน่นในจิตใจแล้วเราสามารถปล่อยเด็กให้ ดำเนินชีวิตเป็นตัวของตัวเอง แล้วจิตวิญญาณที่ถูกสั่งสมไปบวกกับความรู้ที่ศึกษาเพิ่มเติมจากภายหลัง เพื่อไปพัฒนาในสายอาชีพและการงานให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป เพราะฉะนั้นเด็กเหล่านี้เมื่อได้เรียนโตเป็นผู้ใหญ่ เข้าไปอยู่ในกลไกขององค์กรต่างๆ แล้วจะแก้ไขสิ่งที่ไม่ชอบธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม สร้างกระแสนิยมในทางที่ถูกต้อง""

วิไล ยอมรับว่าคงต้องใช้เวลายาวมาก นับไปอีก 20 ปีข้างนี้ก็ยังไม่กล้าคิดว่าหลักสูตรนี้จะเกิดขึ้นสมบูรณ์แบบหรือเปล่า การเปิดบันทึกครั้งนี้ จึงหวังว่าเป็นการจุดประกายให้ได้คิด ขณะเดียวกันในขั้นพื้นฐานนี้ผู้แปลหวังว่าได้อ่านแล้วจะสามารถนำไปใช้ได้เลย ไม่ว่าพ่อ-แม่ หรือครูนำไปใช้กับเด็ก

""นำศาสตร์นี้มาประยุกต์ใช้ได้ สิ่งที่ได้ปฏิบัติจะมีคุณค่าและสง่างามในตัวของเราเอง จากความคิดความอ่านของเรา และจากการปฏิบัติตัวของเรา""

""ยุคต่อไปความเชื่อถือในศาสนาคงน้อยลง เพราะเรามีตัวอย่างจากการทะเลาะกันระหว่างศาสนา ความจริงทุกศาสนาสอนให้รักกัน สอนให้สามัคคีกัน แต่คนที่นับถือศาสนามาทะเลาะกัน...ในชีวิตเราจะนับถืออะไรก็ได้ จะเชื่ออะไรก็ได้ ขอให้เชื่อสักอย่าง แต่ส่วนใหญ่คนไม่เชื่ออะไรเลย ถึงทำให้คนเคว้ง ในโลกเราเกิดมาเป็นมนุษย์ อย่างน้อยควรมีความเชื่อเป็นหลักในการดำเนินชีวิต มีแก่นสารสักอย่าง""

""ใครจะสามารถหยุดปัญหาคอรัปชั่น ผลประโยชน์ โรคร้าย ยาเสพติด ฆาตกรรม โรคเอดส์ ไม่มีใครช่วยได้ มีแต่ศาสตร์อันนี้เท่านั้น มนุษย์ ถ้าไม่แก้ที่ตัวมนุษย์ ไม่ต้องไปแก้อย่างอื่น ทุกอย่างเกิดจากตัวมนุษย์""

""ดิฉันเป็นพุทธศาสนิกชน แต่เห็นสุริยศาสตร์มีประโยชน์ก็เอามาฏิบัติ เพราะพื้นฐานจิตที่เรามาดีมาตั้งแต่เล็กๆ ที่เรียนโรงเรียนก็สอนให้เป็นคนดี ไม่ได้สอนอะไรมาก ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นนพื้นฐานทางจิตวิญญาณได้ดีอยู่แล้ว เมื่อมารู้สุริยศาสตร์ทำให้เราเข้มแข็งมากขึ้น ไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีหรือร้ายคนเราต้องมีสติ""

วิไล ทิ้งท้ายว่ามนุษย์จึงควรละ ลด เลิกความรู้สึกโกรธแค้นในอดีต และหันมามองความเป็นจริงในปัจจุบัน แต่ตอนนี้เหมือนเป็นไปไม่ได้ แต่มนุษย์จำเป็นต้องทำและกลับมาเริ่มต้นใหม่ เพื่อเด็กๆ ของเราที่เกิดมาบนโลกใบนี้ให้อยู่อย่างมีความสุขและโดยสันติ โดยไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ใหญ่ที่เห็นแก่ตัว ประวัติศาสตร์เป็นเพียงเหตุการณ์ในอดีตที่เราต้องเรียนรู้ถึงข้อบกพร่องอย่างเป็นธรรม ไม่ควรเข้าข้างตนเอง และการเรียนรู้จะก่อประโยชน์สูงสุดในการแก้ปัญหาร่วมกัน

รายได้จากการขายหนังสือส่วนหนึ่งที่จะมาทำมูลนิธิสาธารณประโยชน์เพื่อศึกษาค้นคว้าพัฒนาจิตวิญญาณต่อไป

ความปรารถนาของเธอคงไม่ต่างจากคนอื่น คือปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำให้เกิดสันติภาพบนโลกใบนี้

o o o o o o o o o o o o o o o o o

 

ความรักอันบริสุทธิ์ ระหว่างสาวไทยกับหนุ่มเปรู
กัปตันออสวัลโด กวันตานาเมรา เกิดเมื่อ 17 ตุลาคม 2456 ในป่าแถบเทือกเขาคอร์ดิเจียร่า ประเทศเปรู พ่อแม่เสียชีวิตเนื่องจากแผ่นดินไหว มาสเตอร์ควิสเป้ ซึ่งเป็นมาสเตอร์สุริยศาสตร์คนที่ 6 เป็นผู้เก็บมาเลี้ยง และกลายมาเป็นพ่อบุญธรรมในเวลาต่อมา

ออสวัลโด รอดตายดั่งปาฏิหาริย์ เนื่องจากตอนนั้นเขาถูกอุ้มลงไปนอนในกล่องไม้ที่ควิสเป้มอบให้เป็นของขวัญวันเกิด ขณะที่ทุกคนถูกหินถล่มทับตายหมด ยังมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นอีกตลอดชีวิต เหตุที่เป็นเช่นนี้ควิสเป้บอกว่าออสวัลโดได้รับความคุ้มครองจากดวงอาทิตย์มาตั้งแต่กำเนิด ทั้งยังสามารถสื่อสารกับดวงอาทิตย์ได้

อันที่จริงออสวัลโด ยังมีชื่อก่อนหน้านี้ว่า "โคโรราโด" เนื่องจากมีผมสีแดง ทารกน้อยต้องดื่มนมแพะแทนน้ำนมแม่ จึงเห็นแพะแม่นมเดินเคียงข้างตามเขาไปทุกที่ วัยเด็กในป่า ช่างเป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขที่สุดในโลก

ออสวัลโดเรียนรู้ทุกอย่างจากพ่อบุญธรรม รวมทั้งการสังเกตธรรมชาติ เขาจบหลักสูตรสุริยศาสตร์ในวัยเด็ก และมาศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาที่ประเทศอิตาลี พร้อมกับจบหลักสูตรนักบินอาชีพ ได้เข้าร่วมรบในฐานะนักบินของกองทัพอากาศอิตาลี ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

หลังเสร็จสิ้นสงคราม เขาประกอบอาชีพนักบินรับจ้าง และเป็นครูฝึกนักบิน เคยไปทำงานอยู่ที่ประเทศกัมพูชาและลาว ก่อนที่จะเข้ามาทำงานในโรงแรมแห่งหนึ่งพร้อมกับรับจ้างสอนภาษาในไทย เพราะสามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา

เขาสามารถสื่อสารกับดวงอาทิตย์ได้ อ่านความคิดของผู้อื่นได้จากพลังแม่เหล็ก สามารถคาดคะเนเหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ สามารถรักษาผู้ป่วยทางจิต และผู้มีจิตใจอ่อนแอ

มีภรรยาเป็นคนไทย และมีลูกกับภรรยาคนนี้ 2 คน ต่อมาได้เลิกร้างกันก่อนที่จะมาแต่งงานกับ วิไล วิทย์ประเสริฐกุล มัคคุเทศก์สาวสวย

ออสวัลโดถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2540 ด้วยโรคหัวใจขาดเลือดที่จังหวัดชุมพร

 

ทางด้าน วิไล วิทย์ประเสริฐกุล ภรรยา ซึ่งเป็นผู้แปลและเรียบเรียง "ความลับของชนเผ่าอินคา" เธอเกิดเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2508 เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ จบมัธยมปลายที่โรงเรียนสายปัญญา ปริญญาตรี คณะมนุษย์ศาสตร์ วิชาเอกภาษาฝรั่งเศส โทภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

เมื่อ 10 ปีก่อน วิไลพบออสวัลโด ขณะทำงานที่บริษัททัวร์แห่งหนึ่ง เธอเป็นเลขาฯ ให้เจ้านายชาวฝรั่งเศส บังเอิญที่ออสวัลโดเป็นพ่อทูนหัวของเจ้านาย (ครั้งที่ออสวัลโดเป็นนักบินอยู่ประเทศลาว และพ่อของเจ้านายเป็นทูตอยู่ที่นั่น)

พอรู้ตัวว่าต้องสานภารกิจอันยิ่งใหญ่ของสามี วิไลจึงเข้าต่อภาษาอิตาเลียน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทุนศึกษาต่อโรงเรียนสอนภาษา Studienkreis Italia จากสถานทูตอิตาลี เพื่อจะแปลบันทึกของออสวัลโดให้ดีที่สุด

จากพลังความรักอันเต็มเปี่ยมที่มีแด่สามี พลังความศรัทธาอันแรงกล้าที่มีต่อดวงอาทิตย์ จึงทำให้เกิดหนังสือเล่มนี้ขึ้น โดยคงสำนวนและความหมายดั้งเดิมที่สุด

วิไลกล่าวถึงสามีต่างวัยคนนี้ด้วยความรักไม่เสื่อมคลาย

""พื้นฐานความรักเกิดจากให้เกียรติซึ่งกันและกัน และความเข้าใจ ถ้าคุณมีสองสิ่งนี้ จะพัฒนาเป็นความรัก และเป็นความรักที่บริสุทธิ์ด้วย ไม่ต้องการอะไร มีความรู้สึกว่าถ้าเรารักสิ่งใดเป็นสิ่งที่ถาวร สิ่งนั้นจะอยู่กับเราตลอดไป ถ้ารักสิ่งไหนที่ไม่ใช่สิ่งที่ถาวร เป็นประเภทฉาบฉวย มันก็ต้องจากไป

""เขาเป็นคนติดตลก เวลาชวนทางอะไรเผ็ดมาก บอกว่าเผ็ดฉิบห... ไม่รู้ใครสอน"" (หัวเราะ)

""ตอนแต่งงาน ดิฉันต้องฝ่าด่าน เหมือนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง สอนให้ดิฉันรู้จักคิดด้วยตัวของตัวเอง ชีวิตก็เปลี่ยนไป เมื่ออยู่กับเขา""

ออสวัลโดไม่ใช่คนร่ำรวย แถมก่อนหน้านี้ต้องดูแลลูกๆ ครั้งที่ตกลงแต่งงานกับวิไล ยังต้องเช่าห้องพักแถวประตูน้ำอยู่นานกว่าที่วิไลจะซื้อบ้านใหม่ ซึ่งในเวลานั้นออสวัลโดก็ได้เสียชีวิตแล้ว

""ดิฉันไม่ได้มองที่รูปร่างหน้าตา แต่เขามีจิตใจที่ประเสริฐและมีบุคลิกภาพที่สง่างาม มีความคิดอันเฉียบคม มีหลักปรัชญา มีหลักในการดำเนินชีวิต ไม่ยอมให้กับความอยุติธรรม สิ่งนี้ต่างหากที่ชอบที่สุด จึงเลือกเขา""

 

พี่เวบสโนว์ น่าจะเอาหนังสือเจ็ดพิภพจักรวาล มาแสกนและให้ชาวเวบอ่านดูกันบ้างนะคะ เรื่องข้อมูลแนวๆที่คุณซิปเปอร์เอามาลงก็เจ๋งดี เอามาลงเสริมน่าจะสนุกมากน่าสนใจมาก

 

มีหนังสือขายเกี่ยวกับสุริยศาสตร์ของชาวอินคานี่แหละ เขียนวิธีฝึกด้วย ชื่ออะไรจำไม่ได้แล้ว เคยเห็นนานมาก ลองไปด้อมๆมองๆที่ร้านหนังสือน่าจะเจอ (งานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตก็เห็นมีพูดเรื่องนี้ด้วย)

 

เรามี เยอะ แต่ จะทยอยๆ ลง

พิมพ์ ช้า แต่จะ พายาม(kiss)

 

เอ๋ เรื่องเกี่ยวกับสุริยศาสตร์ของชาวอินคาเนี่ยเหรอ

 

ขอบคุณค่ะที่นำสิ่งดีๆมาให้อ่าน (kiss)

 

น่าสนใจดี

 

ถ้าจำไม่ผิดปฎิทินของชาวอินคา
จะสิ้นสุด 26 ธ.ค. ปี คศ. 2012
ทำให้สงสัยว่าหลังจากนั้นละ...หรือเขารู้อะไร

น่าสนใจคงต้องติดตามดูว่าระยะเวลา
จะคล้องกับพุทธพยากรณ์ของ
พระบรมศาสดาพระพุทธชินสีห์
สัมมาสัมพุทธเจ้าพระสมณโคดม
ที่ทรงได้ตรัสไว้หรือไม่...

ใครจะใหญ่เกินกรรม

 

อยากได้หนังสือเล่มนี้จังจะหาซื้อได้ที่ไหนค๊าเนี่ย

 

4-5 ปีก่อนเคยเจอที่ร้านหนังสือ แล้วก็หาไม่ค่อยเจอแล้ว แล้วก็มาเจอโดยบังเอิญในงาน 4 ปี ทีวีบูรพา เจอลุงเสริฐเอามาขายพอดีก็เลยซื้อกลับมา (ช่วยเค้าด้วยแหล่ะ)

 

มาแอบดันกระทุ้ เพราะก็เพิ่งได้เล่มนี้มาไม่นานเหมือนกันค่ะ หาอยู่เป็นปี สุดท้ายก็มีฟ้าส่งคนมาช่วยหาเจอจนได้

 

ช่างน่าสงสารเสียจริง

ขออนุญาตครับ

ผ่านไป 10 ปี ก็ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติม
แม้กระทั่ง

ปกหน้า
ปกหลัง
คำนำ
สารบรรณ

แล้วตกลงเขียนกระทู้เพื่อจุดประสงค์อันใด?

สงสัยๆๆ

ลุงมหา

 

คุณโลกสมมุติ พอจะถ่ายทอดเนื้อหาในหนังสือลงได้หรือเปล่าค่ะ หาไม่เจอค่ะ แต่อยากอ่าน แนวคิดในการพัฒนาให้เด็กๆ เข้าใกล้ธรรมชาติ มีความรัก และเมตรา มีอิสระแบบนี้ คล้ายแนวคิดของวอลดอร์ฟค่ะ ก็เลยทำให้อยากอ่านรายละเอียด...