วิริยาธิกะพิเศษบันทึก

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย pco-, 7 มิถุนายน 2010.

  1. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814


    :cool:({) สวัสดีครับคุณ พี่ๆน้องๆทุกๆท่าน มันต้องยังงี้ สิครับ ในเมื่อปราถนา พุทธภูมิ มันต้องเอาของจริง มาช่วยกันยืนยัน ไม่ใช่ ให้ไอ้พวก ตำรา หรือคิดเอาเอง มาเหยียบย่ำ มันเสียจริยา ขององค์สมเด็จ องค์ต้น ถึงองค์ปัจจุบัน หมด และ เสียหน้า ของท่านที่เป็นพระโพธิสัตว์ จะไปเป็นครูเขา ไม่ยืนยัน แห่งความเป็นจริง ของถูกต้อง ให้คนอื่น มาตราหน้าไม่ได้ ที่เป็น เนื้อหน่อ พระบรมพงธิสมภารเจ้า จะได้น้อยได้มาก รู้น้อย รู้มาก ไม่สำคัญ สำคัญ ทำมาแค่ไหน ไม่ว่ากันครับ ตามกำลัง บุญญาบารมี จริงผมไม่อยากว่าใคร แต่ถ้า มันปิดเบือน หรือเอาความคิดเห็น ของตัวเอง ที่ ไม่มีประสบการณ์ ของจริง หรือสัมผัสมา ด้วยตนเอง ฉะนั้น มันค้าน กันครับ ไม่งั้นจะเรียกห้องพุทธภูมิทำไม


    มันไม่ใช่ของเล่น เขาทำกันมาขนาดหนัก อยู่ๆจะมาพูด ไม่รู้ไม่ได้ ต้องรู้บ้างพอสมควร ใครไม่ผิดไม่มีครับ ผิดแล้วแก้ไข คิดใหม่ ทำใหม่ครับจริงไหม ขอบคุณมากๆที่ออกมาช่วยกันแบบนี้ ไม่ใช่มายอกัน เอาของจริงมาพูดกัน ให้ผิดน้อย ให้ถูกมากที่สุดครับ ท่านว่ามา รู้สึกตัวมาตั้งแต่เล็กๆ ไม่ถึง ๑๐ ขวบ ใช่ผมก็เหมือนกัน ที่เคยเล่าไปบ่อยๆ อยากเป็นพระพุทธเจ้า อยากเหาะไปได้ทั้งโลก อยากสอน บุคคลอื่น อยากมีเมีย ประเทศละหนึ่งคน นี่มันแค่อยาก แต่ หลวงปู่หลวงพ่อต่างๆ หลายพระองค์ ท่านก็ยืนยันว่า เอาแค่คิด มันก็เป็นแล้ว จะทำได้แค่ไหนอีกเรื่องหนึ่ง ถึงไม่ถึง ก็อยู่ที่คนทำความปราถนา


    ผมก็เคย เล่าในกระทู้พี่พีซีโอ หรือที่อื่นๆ ผมเองลาพุทธภูมิ พ.ศ.๒๘ แต่ไม่ได้อะไรเลย ผ่านมา ๒๙ ปีแล้วครับ ผมเคยไปปรึกษาท่าน แม่ที่โคราช ที่ผมเคารพ ท่านเคยพูดว่า ผมลาไม่ขาด สัญญาเดิม ยังคงมีอยู่ ทำหน้าที่ไป มีหน้าที่อะไร ก็ทำไป ผมน่ะ เหมือนถูกปิด ทำกรรมฐานก็ไม่ขึ้น แค่จิตสงบบางครั้งคา แต่จิตใจ สบายกว่าเดิมมาก กับแต่ก่อน หลายเท่า ๑๐ กว่าปีมานี้ ทำบุญทุกอย่างที่ผมนำมาบอกส่วนหนึ่งเท่านั้นครับ พอค่าวๆ แต่เหตุการณ์ จริงไม่เป็นเช่นนั้นครับ มันยาก ที่อธิบายให้ใครฟัง ถ้าพูด ภาษา เดียวกันไม่รู้เรื่อง นี่ แม้ผู้ที่ปราถนาพุทธภูมิ ก็เฮอะ ยังเข้าใจกันยากมากๆ เจอมาเยอะ พอควร อย่างน้อย ก็มีหลายท่าน คุณ พี่พีซีโอ และที่ท่าน ขนาดแบบ หลวงปู่ ท่านเป็นฆราวาส ปู่บุญเหลือ อ.สุบิน ปู่โทน หลำแพ (พ่อครูทัน รุจิเรข) อ.ผมท่านเหล่านั้นตายกันไปหมดแล้ว


    และอีกหลายๆท่าน ยังว่าของใครของมัน ปู่บุญเหลือ นี่ ที่ ศาลาแก้วกู่หนองคาย ประวัติท่าน จะมาตรัสรู้ในกัปนี้ครับ ผมแค่เห็นเมื่อก่อน พอสัมผัสได้ ว่านี่ ท่านไม่ธรรมดา พุทธภูมิแหงๆเลย จริงๆยังว่า อ่านประวัติท่าน จะมาตรัสรู้ในกัปนี้ ไม่รู้ ท่านเป็นใคร และท่านที่เท่าไหร่ หรือเป็นใคร แบ่ง ภาคลงมาเกิด ผมไม่อาจรู้ได้ ผมไปเป็นเณร ท่านสั่ง ให้ลูกศิษย์ คนแก่ คราวพ่อ อายุ ๗๐ กว่า มาบอกว่า หลวงปู่สั่งมาให้เรียกผมว่า หลวงพี่เณร ให้ปรักกฎอยู่ที่นี่ ตอนเช้า หลวงปู่สั่ง ให้ ผม นำเอาอาหารมาถวายท่าน หลวงพี่เณร เอาแค่นี้ก่อนนะครับ เล่ามากไป มันจะลำคาญเปล่าๆ เอวังแค่นี้ก่อนครับ:cool:
     
  2. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ผมก็ว่าอย่างพี่Amarmyว่านั่นแหละ

    ต้นโพธิเมื่อแตกใบแค่ใบอ่อนมันก็เป็นต้นโพธิ ใบเลี้ยงคู่แรกมันก็เป็นใบโพธิ ต้นโพธิยังไงมันก็เป็นต้นโพธิ มันก็เจริญเติบโตไปตามประสาไม้ใหญ่ใบหนาเป็นร่มเงาให้กับหมู่สัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลายได้อาศัยใบบุญต่างๆ


    ใบของต้นโพธิไม่เหมือนใบของต้นถั่วงอก เพราะฉะนั้นแม้จะแค่แตกหน่อยังไม่ยืนต้นมันก็รู้ว่าต้นโพธิ
     
  3. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814


    :cool:({) สวัสดีครับ พี่ พีซีโอ พี่ๆน้องๆทุกๆท่าน แม่พี่ตอบมา ได้สวยจริงๆครับ คำคม จริงๆ นี่เผื่อสำหรับ คนที่มีบารมี อ่อนอยู่ เรียกว่า ในเบื้องต้น ท่ามกลาง และสุดท้าย มันคุมหมดแล้ว ฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  4. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    พี่บุญทรงการที่ผมนำเรื่องราวบางตอน อนาคตวงค์ของพระนรสีห์ท่านมาลงไว้ที่นี้ก็จะให้ระลึกถึงอคีตการบำเพ็ญของท่านบางตอนมาให้บางคนได้รับรู้ โดยฉะเพาะอย่างยิ่งนางสาวแก้วทั้งหลายในเว๊ปนี้ ก็ดูตัวอย่างนี้ ดูกำลังใจของท่าน ดูบุญญาธิการของท่านพระมงคลราชมเหสี

    วันหนึ่งสมเด็จพระเจ้ากรุงทราวดีเสด็จแวดล้อมพร้อมด้วยพระสนมข้างในประมาณ ๑๖ แสน ประสงค์พระทัยจะทดลองบุญแห่งพระมงคลราชมเหสีนั้น ให้ปรากฏแก่หมู่สาวสนมทั้งหลาย จึงมีพระราชโองการตรัสสั่งแก่หมู่นางทั้งหลาย ให้จัดแจงแต่งสำรับเข้าคนละสำรับให้ถ้วนทุกตัวนาง แล้วพระองค์ให้นั่งบริโภคอยู่ตรงหน้าพระที่นั่ง เหล่านางทั้งหลายก็นั่งบริโภคโภชนาหารเป็นปรกติ จะได้เห็นประหลาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งหามิได้

    แต่องค์พระมงคลราชมเหสีนั้น นางนั่งอยู่ในที่สุวรรณภาชน์ ล้างพระหัตถ์ลงในที่สุวรรณภาชน์นั้นแล้วก็รับเอาอาหารกระทำเป็นคำขึ้นเข้าไปในพระโอษฐ์ อันว่านิ้วพระหัตถ์ของนางที่จับเอาคำข้าวไว้นั้นก็กลายเป็นทองทุกนิ้วพระหัตถ์ ทุกคำเสวยในที่นั้น ด้วยเดชะผลทานที่พระนางได้ตกแต่งเป็นการกุศลอันประณีตบรรจงแต่บุพพชาติหนหลัง เหล่านางสนมทั้งหลายได้เห็นนิ้วพระหัตถ์พระลงคลราชมเหสี เป็นทองปรากฏแก่อาตมา ก็รู้แจ้งว่านางพระยาเจ้ามีบุญหาควรที่เราท่านทั้งหลายจะเกิดความริษยาหึงหวงไม่ ตั้งแต่วันนั้นมาก็ยำเกรงพระราชมเหสีเป็นอันมาก ฯ

    เดี๋ยวมาต่อนะพี่ คุณแก้วเล็กมารับบอกให้ไปดูงานครับ
     
  5. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814


    :cool:({) สวัสดีครับพี่ พีซีโอ ผมก็ว่าจะออกไปจากกระทู้ บังเอิญมันครื้มใจ และเห็นพี่เข้ามาตอบ และเปิดเผย นี่แบบนี้ผมชอบ มากๆ ไม่ได้เสแสร้ง มันต้องช่วยกันแบบนี้ สิครับ ถึงจะถูก ถูกมาก ถูกน้อย ให้มันถูก ยิ่งๆขึ้นไป สมกับ เป็นห้องพุทธภูมิ หรือพระโพธิสัตว์ ที่ทำความปราถนา พระโพธิญาณ ผมเอง ยังไม่กล้า ว่าจะเอาแบบไหน เพราะผมก็มีจุดยืนของผม และประสพการณ์ จริง แต่เล่ามาไม่ละเอียด มันจำ ไม่ค่อยได้หมด แม้เป็นเรื่องจริงก็เออะครับ แต่จะเอาแค่ค่าวๆ พอให้ได้ใจความ


    ผมน่ะกับพี่ มันก็เข้าวัยละอ่อนแล้ว ความจำผมมันสั้น มันใกล้ เข้าไปทุกๆที ใกล้เข้าไป หา เตาถ่านแล้ว ว่าจะ ว่าจะไม่ทำอีก ด้าน วิหารทาน แต่มันอดใจไว้ไม่ได้สักที จะไปทำตามใจ ของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ไปหรือทำ มันคงติดแหงกแบบนี้ ผมต้องขอขอบคุณ แทนน้องๆพี่ๆทั้งหลาย ที่ได้ เห็นความแน่วแน่ของพี่ ผมเอง ยังตกลงปลงใจไม่ถูก ว่าจะเลือกแบบไหน เพราะสิ่งที่ได้รับ ท่านผู้ใหญ่ก็เห็นดี แต่ว่าตัวเอง ก็ยังเอาตัวไม่รอด ทางโลก ผมถือว่าผมทำสำเร็จแล้วและพอใจแล้ว เหลือแต่ทางธรรมเท่านั้น ทางโลกนั้น มันเข้าตำรา ของพระพุทธองค์ จริงๆ ได้ ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ นินทราสรรเสริญ มันก็คู่กัน ตั้งอยู่ดับไป สุขทุกข์ มันก็คู่กัน ตั้งอยู่ดับไป ไม่จีรังยั่งยืน สักเรื่อง แค่นี้ก่อบครับ:cool:
     
  6. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    แล้วก็ฝากถึงพี่ Amarmy พุทธภูมิกำพร้าเมีย นี่ฟังของท่านพระนรสีห์ แม่แก้วใหญ่ คือท่านพระมงคลราชเทวี และพระสนมสิบหกแสนในสมัยแค่การบำเพ็ญพระบารมี นั่นยังไม่ใช่พระชาติสุดท้ายของท่าน


    แล้วเราก็หันมามองเรา กว่าเราจะมีคนเคราะห์ร้ายมารักเราสักหนึ่งร้อยคน เอาสวยแบบแค่ส่งประกวดนางสาวนพมาศ นางสาวสงกรานต์ก็พอ เอาสวยแค่นี้ก่อน เราจะต้องถึงพร้อมขนาดใหน จะต้องดีในความรู้สึกนึกคิดของน้องนางนั้นขนาดใหน

    แค่คนหรือสองคนให้เขามารักเรานี่ก็ต้องเหนื่อยตายแล้วตายอีก ตายไปหลายรอบกว่าเขาจะรักเราสักคน แล้วของท่านพระนรสีห์มีพระสนมกำนัลนางมารักท่านเป็นล้าน หนึ่งล้านห้าแสน ท่านจะต้องสั่งสมความดีสักปานใด นี่ต้องคิด พุทธภูมิน่ะมันต้องคิด คนหากว่าเขาไม่รักเราไม่ชอบเราเขาก็ไม่ฟังเรา ไม่ตามเรา

    อุตส่าห์เรียนมาจนตายนับครั้งไม่ได้เพื่อจะสงเคราะห์ชาวบ้านเขาแล้วหากไม่มีแมวสักกะแมวรักเรา แล้วจะสงเคราะห์ใคร หากเราปรารถนาพระปัจเจกพุทธเจ้าก็อีกอย่าง ใครไม่ฟังท่าน ท่านก็ไม่สอนใคร ไอ้เรามันมันจำเป็นต้องรักเขา จำเป็นจะต้องรักลูกวิ่งไล่ป้อนข้าวป้อนน้ำให้กับลูก ลูกจะรักเราหรือไม่รักเรา เราก็ต้องบังคับให้กินจนได้ นั่นมันก็ทำได้แค่กะลูกเรา แต่หากเป็นลูกคนอื่นล่ะ แถมไม่รักไม่ชอบเราอีกขืนไปป้อนข้าวให้ลูกเขา พ่อแม่เขาก็จะขว้างกะบาลเรา ไปเสือกหวังดีป้อนข้าวน้ำให้ลูกเขาอยู่ได้ นี่มันเป็นอย่างนี้นะพี่

    เดี๋ยวมาต่อนะพี่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 ธันวาคม 2014
  7. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ก็ห้องนี้เป็นห้องพุทธภูมิ ก็คุยกันประสาพุทธภูมิ ผมเองเข้าใจแค่ใหนก็พูดแค่นั้น เรายังเป็นนักเรียน เรายังไม่ได้สอบการเป็นครู เพียงแต่เรียนวิชาครู เพราะฉะนั้นการคุยก็จะคุยแบบนักเรียนคุยกันนะพี่ ตอนแรกผมก็ยังไม่เข้าใจอะไรมากเรื่องการปรารถนาพระโพธิญาณ การต้องการสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้อื่น มันก็เป็นนิสัยที่ไม่นิ่งดูดาย ก็เข้าใจว่าเพราะพ่อแม่สอน เราจึงทำ แต่พอเรามาดูรอบๆตัว เอ คนอื่นพ่อเขาก็สอนแม่เขาก็สอนนี่หว่า แต่ทำไมถึงไม่ทำตามผู้ใหญ่อย่างที่เราทำตาม หนำซ้ำพอเราทำตามผู้ใหญ่ บางทีผ่าไปตามกำนัน เขาดันมาหมั่นใส้เราเข้าให้

    สมัยเด็กก็หาว่าเราเอาหน้า สมัยผู้ใหญ่ก็ตลอดทาง ว่าทำดีเพราะประจบเอาใจคน ไอ้ผมก็มามองๆใจตัวเอง เราทำอะไรมันก็ไม่เกินที่พ่อแม่สอนมา ไม่ได้ทำอะไรเอาใจใครเลย ทำแค่ตามหน้าที่ ที่คนเป็นผู้ชายควรทำเท่านั้น แต่พอมาอ่านตำราหนังสือประวัติหลวงปู่ปาน เอ ทำไมเราชักจะคล้ายย่องๆตามหลวงปู่ พออ่านเรื่องของหลวงพ่อก็ เอ เราทำไม เราดันไปแอบลอกเรียนลีลาของท่านมาตั้งแต่อีชาติใหน มันถึงว่า ท่านทำอะไรก็อย่างกะตัวเองไปย่องแอบไปทำกะท่าน จนท่านสะกิดถึงได้เข้าใจ ว่าเราแอบๆวิ่งตามเกวียนของหลวงพ่อมาซะไม่รู้ว่านานเท่าไร คำว่าหมาตามเกวียนน่ะคนสมัยนี้อาจไม่เข้าใจ แต่คุยกับพี่บุญทรงเราเคยอยู่บ้านนอกมาก่อนจะเข้าใจ บ้านนอกสมัยก่อนไม่ได้มีรถกระบะแคปหรือสี่ประตูอย่างในปัจจุบัน

    บ้านใหนฐานะดีก็มีเกวียนสำหรับบรรทุกสัมภาระในการขนส่ง แล้วส่วนมากเขาก็เลี้ยงหมาไว้เฝ้าบ้านเฝ้าของ หมาบางท่านหมาก็ติดเจ้าของงอมแงม เจ้าของไปใหนก็ไปด้วย ไปไร่ไปนาก็ติดตามเจ้าของไป หากเจ้าของเดินไปหมาก็วิ่งออกหน้าออกหลังเป็นกองกำลังคุ้มกัน เพราะหากไปพบเจองูเข้า ก็จะดวลกระบี่กันพอได้ตายไปหนึ่งข้าง ส่วนมากงูตาย บางทีผ่านบ้านคนอื่นในหมู่บ้านเป็นอันว่าพี่หมาจะต้องดวลกะหมาประจำถิ่น ฟัดกันเรื่อยทางไปตั้งแต่หัวบ้านยันท้ายบ้าน มีทั้งฟัดเดี่ยว แล้วก็แบบฟัดเป็นฝูง และท่านหมาที่ตามเจ้าของได้แบบถึงใหนก็ถึงกันนี่มันก็ต้องแข็งแรงล่ำสัน ไม่งั้นไปไม่ถึงปลายทางเพราะไม่ได้นั่งไปบนเกวียนนี่วิ่งตามเกวียนไป มันไม่ได้วิ่งปล่าววิ่งไปด้วยฟัดกะเขาไปด้วย

    คำว่าหมาตามเกวียนคือเวลาที่เจ้าของเทียมเกวียนจะไปไร่ไปนา พี่หมาก็เป็นอันว่ารู้หน้าที่เข้าประจำการ วิ่งออกหน้าเกวียนบ้าง ตามหลังเกวียนบ้างติดตามเจ้าของไปถึงใหนก็ถึงกันข้ามน้ำข้ามคลองไม่ได้นั่งเรือกะเขา ว่ายน้ำติดตามก็เอา นี่กิริยาอาการของคำว่าหมาตามเกวียน ที่วิ่งตามจนเหนื่อยหอบลิ้นห้อย ผมเองผมก็มั่วๆเอาว่าผมคงแอบๆตามแอบๆกำหนดจดจำลีลาของหลวงพ่อท่านมาเอาซะจนหลับตาก็จำได้ หลับยายก็ยังจะจำได้

    ก็เป็นอันว่าผมก็ตามหลวงพ่อมาแบบว่าท่านจะให้ขึ้นเกวียนหรือไม่ให้ขึ้นเกวียนผมก็ตาม ตามแล้วแม้อันตรายแบบเอาชีวิตเข้าแลกก็แลก แบบหมาที่วิ่งตามเกวียนนั่นแหละ ใครอยากจะรู้ก็ลองวิ่งตามดูเอานะ จนท่านสะกิดคำว่าพิเศษ เพราะหากไม่พิเศษมันตามกองเกวียนไม่ได้ ถึงตามได้ก็ตายกลางทาง หลวงพ่อท่านสะกิดใจผมถึงคำว่าวิริยาธิกะแล้วมีคำว่าพิเศษนะพี่ ผมก็หันมาดูใจตัวเอง ชักจะเข้าท่า จริงๆเพราะนิสัยชอบอะไรที่มันดีเป็นพิเศษมาซะตั้งแต่จำความได้ ถูบ้านก็สะอาดเป็นพิเศษกว่าทุกๆคนทั้งกลุ่มที่อยู่ด้วยกันเพราะความละเอียดปราณีต อีทีนี้ความเป็นพิเศษมันไม่ได้หาซื้อได้ที่ห้างเซเว่นนี่ มันต้องเพียรวิริยะอุตสาหะกันจนคลาน บางทีเพียรจนตายนั่นแหละพี่กว่าจะได้ถึงคำว่าพิเศษ

    เรื่องวิหารทานหากมีแรงมีโอกาสก็ไม่ต้องหยุดหรอกพี่ ทำมันจนตายกันไปข้างนั่นแหละ แต่เอาเป็นว่าทำเท่าที่มีกำลัง ในเมื่อมีแรงแค่นี้ก็ทำแค่นี้ หากใครต้องการจะให้ทำแบบอลังการ ก็ลองให้เทวดาเอาสมบัติจักรพรรดิมาให้ดูซี จะทำให้ดู นี่เรามันต้องเอาแบบนี้นะพี่ สู้เขาไม่ได้ เราก็ยังจะหาเรื่องเถียง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 ธันวาคม 2014
  8. Armarmy

    Armarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +1,659
    เอาตามประสบการณ์ของผมพวกพุทธภูมิ นิสัยผ่าเหล่ากอเขาตลอดไม่ว่าจะเกิดเป็นตัวอะไรก็ตามเถอะครับ

    สมัยตอนเด็กบ้านผมนี่ จะให้ทานสัตว์หรือคน แทบไม่ได้เลย คือ ตะหนี่ถี่เหนียว จนไม่ค่อยยอมสงเคราะห์ใคร

    ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเอาเสียจนสงเคราะห์ไม่ได้กันเลย แต่เขาตระหนี่กันเกินไป

    ผมเลี้ยงแมว ก็ขโมยเอาแมวไปปล่อย เลี้ยงหมาก็โดนด่าว่าเหม็นขี้หมา หาเรื่องขโมยไปปล่อย

    ต้องขโมยไปด้วยนะ ต่อหน้าก็ด่าอย่างเดียว แต่ผมไม่ได้สนใจผมก็หาข้าวน้ำให้เอง

    ก็เอาส่วนของผมนี่แหล่ะแบ่งให้ ผมอดก็ได้แต่เด็กๆ ของผมต้องอิ่ม ผมมีนิสัยแบบนี้มาแต่เด็กๆ

    เป็นเองเสียด้วยจำไม่ได้ว่าใครสอนให้ทำแบบนี้ เพราะ ที่บ้านสมัยเด็กเขาก็ไม่ได้ทำแบบนี้กัน

    ไอ้เพื่อนกันสมัยเด็ก ก็อดๆ อิ่มๆ ผมก็เอาข้าวไปให้กิน บางทีก็เรียกมากินกับเรา

    ต่อหน้าเขาก็ไม่พูด เขาก็วางท่าใจดีกัน พอเพื่อนไปแล้ว ก็เล่นงานเราสิทีนี้ ว่าเปลืองข้าวเปลืองของ

    ทั้งๆ ที่ผมก็เอาส่วนที่เป็นของผมนี่แหล่ะมาให้ แกก็ยังว่ากันว่า ก็มึงไม่ได้หามาเองนี่ อ้าว..เป็นยังงั้นไป

    ผมก็หน้าด้านทำของผมมาเรื่อย ไม่ให้ทำต่อหน้า ขโมยทำก็ได้ จะทำเสียอย่างจะทำไมเรา

    พวกมาถามว่าเลี้ยงมันทำไม เหม็นขี้มัน ตอนโตแล้ว เขาก็พูดเหมือนเดิม ผมก็ถามว่า สงเคราะห์ชีวิตเขาแค่นี้มันยากนักหรือยังไง

    ผมทำของผมได้อย่าเสือก ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยไม่มีสิทธิเข้ามาเสือก ผมเลี้ยงของผมมา ข้าวน้ำผมหาให้เอง

    หยูกยาผมก็รักษาของผมอยู่ ไม่ได้ช่วยอะไรสักนิด ไม่ใช่ฐานะจะมาเสือกสอดอะไรด้วยได้ เพราะคุณไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว

    ผมก็พูดไปแบบนี้ จะโกรธก็ช่าง ผมด่าให้เกลียดผมเลย เพราะคนเหล่ากอพวกนี้ ผมไม่ง้อ แล้วก็ไม่สนด้วยครับ

    นี่ยังไม่นับเรื่องบุญทานอีกต่างหากนะนี่ แล้วเรื่องอื่นๆ ก็มีอีก โดนหาว่าเอาหน้า สารพัดที่จะดูถูกทับถม

    ปราถนาพระโพธิญาณต่อหน้าคน เขาพากันหัวเราะตลกขบขันกันก็มี ผมก็ไม่ได้ตลกด้วย เราทำด้วยใจจริงของเรานี่

    ใครจะไม่เห็นราคาก็ช่างมันสิ คนเห็นก็มีอยู่ มันมั่นใจว่าพ่อแม่มันเก่ง แล้วมันจะนึกว่ามันจะเก่งได้อย่างพ่อแม่มันเสมอไป

    มันประมาทมาก ถ้าพวกนี้ต่อไปภายหน้ายังหาทางเข้านิพพานกันไม่ได้ ก็อย่าคิดว่าจะรอดโดนเหยียบไปได้

    จากดาวเด่นในหมู่คณะ อาจกลายเป็น..ขออภัยนะครับ ขี้ ถ้าหากไม่ใช่คณะของตัวเอง แต่พุทธภูมิน่ะไม่เหมือนกัน

    เขาเดินคนเดียวเขาก็พอเอาตัวเขาไปได้ เพราะ กำลังเขามี ทุนรอนเดิมเขาก็มีสะสมมา

    ไม่ใช่เรื่องว่าแค้นเคืองกัน แต่สลดใจ ระคนสมเพชใจกับบุคคลเหล่านี้

    หัวเราะไม่ดูสารรูปตัวเองนี่แหล่ะมันจะหัวเราะแล้วพากันร้องไห้ภายหลัง

    พุทธภูมิน่ะยังไงเขาก็กำลังสูงกว่า กำลังใจมันผิดขนาดกันมากหัวเราะเขา แต่เวลาตัวเองโดนเองน่ะ จะร้องไห้เสียงดังลั่น

    เรื่องเล็กของพุทธภูมิ ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่มโหฬารของตัวเองได้ ถ้าเราเจอพวกที่ปราถนาพุทธภูมิ

    เวลารู้ว่าเขาปราถนาอย่าพากันไปหัวเราะขบขัน มันจะทุกข์ภายหลัง วงเล็บไว้ว่า สาหัส ดีไม่ดีถึงตาย

    สมัยที่ พระโพธิสัตว์ บารมียังไม่เต็ม ก็ย่อมมีอาการของปุถุชนธรรมดาอยู่มาก แต่มันไม่ได้แปลว่า ท่านทำมาน้อย

    เพราะ หลักสูตรการเรียนมันนานมากกว่าจะเต็มนับเวลากันไม่ไหว ต้องใช้อสงไขยเข้ามาเปรียบ

    พวกที่คิดว่าผู้ใหญ่ที่คุ้มเงาหัวยังอยู่ ก็คิดเผื่อไว้ด้วยว่าไม่อยู่วันไหนแล้วจะเป็นอย่างไร ตัวอย่างมันมีให้เห็นมาเยอะแล้ว

    นายว่าขี้ข้าพลอยนี่แหล่ะ อันนี้ก็ไม่ได้ว่าใคร แต่ถ้าไปชนกับใครเข้า แบบนี้ผมไม่ทราบ ไม่มีเจตนา

    เพราะ เล่าตามประสบการณ์กัน แลกเปลี่ยนกัน ในหมู่พี่ๆ น้องๆ เราคุยกันแบบนี้ภาษาเรา คุยกันชัดๆ ไม่ต้องอ้อมทุ่งเสียเวลา


    ไว้มาคุยด้วยใหม่ครับ เจริญในธรรมครับทุกท่าน
     
  9. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ... ขอเสริมเรื่องท่านโตเทยยะพราหมณ์นะครับ ท่านหลวงปู่อ่ำเล่าเอาไว้ว่า

    ... กระทั่งพุทธกาลพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น นันทมาณพก็ได้มาอุบัติเป็นโตไทยพราหมณ์(ไทยใหญ่) ณ หมู่บ้านไทยใหญ่ชื่อว่า โตไทยคามและกุมารีมงคลราชเทวี นั้นก็ได้มาเกิดในสกุลพราหมณ์ชื่อว่า มงคลาณีพราหมณี ซึ่งได้มีพราหมณ์พิธีเษกสมรสแล้ว ได้มีลูกชายทรวดทรงงดงามคนหนึ่งชื่อว่า สุภพราหมณ์

    ... โตเทยยพราหมณ์เป็นปุโรหิตพราหมณ์ของพระเจ้าปเสนทิโกศลราชา จึงเป็นราชการด้วย ทั้งเป็นผู้มีทรัพย์ถึง ๘๗ โกฏิ แต่เป็นผู้ตระหนี่ถี่เหนียวแน่นยอดยิ่ง เป็นทั้งปุโรหิตพราหมณ์และเป็นเศรษฐีพราหมณ์มหาศาลด้วย กับมังคลาณีพราหมณ์ มีลูกชายคนหนึ่งชื่อ สุภมาณพ ผู้มีรูปน่าชม และมีผิวพรรณผ่องใส

    ... ในอนาคตวงศ์ ตรัสว่า ทั้ง ๒ นี้เป็นนิยตโพธิสัตว์จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูพุทธองค์แน่นอน คือ สุภมาณพจะได้ตรัสรู้เป็นพระองค์ที่ ๗ พระนามว่า เทวเทพพุทธองค์

    ... โตไทยพราหมณ์นี้จะได้ตรัสรู้เป็นพระองค์ที่ ๘ พระนามว่า นรสีหพุทธองค์ ฉะนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระสมณโคดม จึงเสด็จเสมอเพื่อเป็นหลักฐานสถานที่สำคัญนั้นด้วย ทั้งทรงต้องการโปรดพระพุทธางกูรคือเนื้อหน่อพระพุทธองค์ด้วย สำหรับโตไทยพราหมณ์นั้น ได้เกิดเป็นนันทมาณพพาณิช ได้ถวายทานและตั้งปรารถนาเป็นพระสัพพัญญูพุทธองค์กับสมบัติสุวรรณจักรพรรดิต่อพระปัจเจกพุทธองค์แล้วจึงได้เป็นพระเจ้าบรมกษัตริย์มั่งคั่งทรัพย์สมบัติแล้วก็ตาม

    ... ครั้นมาเกิดในพระพุทธกาลนี้ คงจะเป็นมัจเฉรจิตบังเกิดขึ้น แม้ได้เป็นปุโรหิตพราหมณ์มหาศาล ถึงกระนั้นก็ปลูกปั้นให้เป็นผู้ตระหนี่เหนียวแน่นอย่างยอดยิ่ง ถึงมีนามระบุคุณลักษณะพิเศษว่า ปรมมัจฉรี หรือ บรมตระหนี่ จึงคิดเสมอว่า ผู้ให้ท่านนั้นชื่อว่าโภคะจะไม่สิ้นไปไม่มี จึงได้กล่าวคำนี้เสมอว่า อญฺชนานํ ขยํ ทิสฺวา วมฺมิกานยฺจย สญฺจยํ เพราะเห็นการสิ้นไปแห่งยาหยอดตา และการสะสมของเหล่าปลวก มธนญฺจ สมาหารํ ปญฺฑิโต ฆรมาวเสติ กับการรวบรวมของปวงผึ้ง บัณฑิตพึงครองเรือนได้ฯ ก็เพราะได้ประกาศให้รู้ทั่วกันอย่างนี้ตลอดกาลนานทีเดียว

    ... พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จเสมอเพื่อโปรดให้สร้างเสริมบารมีในฐานะหน่อเนื้อพระพุทธางกูร ก็มิได้เคารพนับถือ ถึงแม้ว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าพุทธองค์ จะได้เสด็จมาประทับอยู่ ณ พระธูรวิหารใกล้ๆ กันนั้น ถึงจะทักทายรู้จักบ้าง ก็มีแต่คำข่มและขับขามเท่านั้น ไม่เคยถวายข้าวต้มเลยสักกะบวยหนึ่งหรือข้าวสวยสักทัพพีหนึ่งเลย เพราะโลภทรัพย์สมบัติและ มีมัจฉริยจิต ครอบงำแล้วตลอดกาลชีวิตนั้น

    ... ครั้นกระทำกาลกิริยาแล้ว ก็ได้เกิดเป็นสุนัขในบ้านนั้นนั่นเอง สุภมาณพมีความรักใคร่สุนัขนั้นยิ่งนัก ได้ให้กินข้าวที่ตนบริโภคนั่นเองกับอุ้มให้นอน ณ ที่นอนอันประเสริฐสะอาดเรียบร้อยตลอดกาลนั้น

    ... ต่อมา ณ วันหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงตรวจดูโลกในกาลสมัยเช้ามืด ได้ทอดพระญาณเห็นสุนัขนั้น ทรงดำริรู้ตลอดว่าเพราะธนโลภ โตไทยพราหมณ์จึงเกิดเป็นสุนัขในเรือนของตน ในวันนี้เมื่อเราไปสู่เรือนของสุภมาณพแล้วสุนัขเห็นเราจะเห่าขึ้น เราจะกล่าวคำหนึ่งแก่เขานั้น สุนัขนั้นจะรู้แจ้งว่าพระสมณโคดมรู้จักเราอยู่ จะไปนอน ณ ที่ใกล้เตาไฟ จากต้นเรื่องนั้นจะมีถ้อยคำสนทนาถามตอบขึ้นระหว่างเรา กับสุภมาณพ สุภมาณพนั้นฟังธรรมแล้วจะตั้งอยู่ในสรณคมน์ ส่วนสุนัขนั้นทำกาละแล้วจักไปเกิดในนรก พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นทรงทราบอย่างนี้แล้ว

    ... ในเช้าวันนั้น ทรงกระทำพระสรีรกิจแล้ว เฉพาะพระองค์เดียวเท่านั้นเสด็จเข้าไปสู่บ้าน ในกาลที่มาณพออกไปนอกบ้านแล้วจึงเสด็จสู่เรือนนั้นเพื่อทรงบิณฑบาต สุนัขได้เห็นแล้วจึงเห่าขึ้นอยู่ได้เดินเข้าไปใกล้แล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะสุนัขนั้นว่า โตไทย แม้ในกาลก่อน ท่านได้กล่าวคำข่มขับขามเราว่า โภ โภ ผู้เจริญๆ ดังนี้ จึงเกิดเป็นสุนัขแล้ว แม้ในกาลนี้ก็กระทำการเห่าจักไปสู่อเวจี สุนัขได้ฟังพระดำรัสนั้น จึงเกิดความเดือดร้อนว่า สมณโคดม รู้เราอยู่ได้ลดคอลงไปนอนลงบนเถ้าระหว่างเตาไฟ คนเหล่านั้นไม่อาจเพื่ออุ้มยกขึ้นให้นอนบนที่นอนอันประเสริฐได้

    ... เมื่อสุภมาณพกลับมาเห็นแล้วกล่าวว่า สุนัขนี้ใครให้ลงจากที่นอน ได้ฟังตอบว่า ไม่มีใครเลยและได้ฟังประวัตินั้นแล้ว มาณพได้ยินจึงโกรธว่า บิดาของเราไปเกิด ณ พรหมโลก สุนัขชื่อโตไทยไม่มี แต่สมณโคดมทำพ่อให้เป็นสุนัข ท่านนั่นแลจะกล่าวคำอะไรเล่นคล่องปากเท่านั้น ต้องการข่มพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยมุสาวาทจึงไปสู่วิหารเข้าไปทูลถามประวัตินั้นแล้ว แม้พระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ได้ตรัสแก่เขาอย่างนั้นนั่นเอง เพื่อไม่ให้โต้แย้งกันมากจึงตรัสว่า มาณพ ก็ทรัพย์ที่บิดาของท่านไม่ได้บอกไว้นั้น มีอยู่หรือ ก็ได้ทูลว่า พระโคดมผู้เจริญ มีอยู่ คือสุวรรณมาลามีค่าแสนหนึ่ง รองเท้าทองคำมีค่าแสนหนึ่ง ถาดทองคำมีค่าแสนหนึ่ง และกหาปนะอีกแสนหนึ่ง พระองค์ได้ตรัสต่อไปว่า ท่านจงไปให้สุนัขนั้น บริโภคข้าวปายาสมีน้ำน้อย แล้วให้นอนบนที่นอน ในกาลที่หลับไปแล้วหน่อยหนึ่ง จงถามดูเถิด จะบอกทั้งหมดแก่ท่าน ลำดับนั้นแลท่านพึงรู้ซึ่งสุนัขนั้นว่า บิดาของเราแน่ สุภมาณพยินดีด้วยเหตุ ๒ อย่างว่า ถ้าเป็นความจริงก็จะได้ทรัพย์ ถ้าไม่จริงจะข่มพระสมณโคดมด้วยมุสาวาท

    ... จึงกลับไปแล้วได้กระทำอย่างนั้น สุนัขรู้แล้วว่าลูกนี้เป็นผู้รู้เราแล้ว จึงกระทำเสียงฮื่อๆ เดินไปสู่ที่ฝังทรัพย์แล้วใช้เท้าคุ้ยแผ่นดินเป็นการให้สัญญาแล้ว สุภมาณพเก็บทรัพย์หมดแล้ว มีจิตเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ร่องรอยปฏิสนธิอันสุขุมอย่างนี้ชื่อว่าภพปกปิดแล้ว ยังปรากฏแก่พระสมณโคดมแล้ว พระองค์ต้องเป็นพระสัพพัญญูแน่นอน จึงปรับปรุงแต่งปัญหา ๑๔ ข้อ เกียรติคุณเลื่องลือว่า เขานั้นเป็นนักบรรยายองค์วิทยา เพราะเหตุนั้นเขาจึงมีความคิดอย่างนี้ว่า เราจะถือเอาธรรมบรรณาการไปถามเป็นปัญหากะพระสมณโคดมโดยครั้งที่ ๒ นั้นจึงเข้าไปเฝ้าถึงที่ประทับแล้วได้นำปัญหา ๑๔ ข้อนั้นทูลถาม คราวแรกตรัสตอบรวมกันเป็นอย่างเดียวกันว่า เพราะกรรมจำแนกให้ดีและเลว เมื่อมาณพทูลว่าไม่เข้าใจ จึงตรัสจำแนกเป็นอย่างๆ ได้ ๑๔ อย่าง เป็นจูฬกัมมวิภังคสูตร (สูตรจำแนกกรรมน้อย) คู่กับ มหากัมมวิภังคสูตร (สูตรจำแนกกรรมใหญ่) พอจบแล้ว สุภมาณพได้กราบทูลสรรเสริญกับกล่าวถึงสรณะและได้ประกาศตนเป็นอุบาสก
     
  10. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ... เป็นที่น่าสังวรอย่างยิ่งครับ ท่านโตเทยยะเป็นศรัทธาธิกะโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ผู้ยิ่งด้วยศรัทธา แถมยังอยู่ขั้นอุปบารมีอีกไม่กี่มากน้อยก็จะเข้าเขตปรมัตถบารมีแล้วยังประมาทพลาดพลั้งได้เพียงนี้ น่าสังเวชครับ

    ... อย่างผมชาตินี้จะพ้นนรกหรือเปล่าไม่รู้ มันเจ็บปวดมาทีสมถะวิปัสสนานี่ไม่รู้หายไปไหน เพื่อนๆ ที่ฟอกเลือดด้วยกันทยอยตายเดือนละคนสองคน ไม่รู้วันไหนจะเป็นทีของเรา รู้ว่าทุกคนต้องตายนะครับ แต่จะตายจริงๆ ใจมันหวั่นๆ ยังไงไม่รู้ครับ
     
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,376
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    *************************
    คอหอยตีบตัน เอายามาฝากท่านธรรมะสามีค่ะ ยังก่อนๆ
    Mr Bean - Getting up late for the dentist

    https://www.youtube.com/watch?<wbr>v=IacjiYGj9l4
    Mr Bean - At the Dentist

    https://www.youtube.com/watch?<wbr>v=J0cZK1c0wpE




    Attachments area
    Preview YouTube video Mr Bean - Getting up late for the dentist[​IMG][​IMG]



    Preview YouTube video Mr. Bean - At the Dentist[​IMG][​IMG]



     
  12. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    สิ่งที่พวกเรารู้แล้ว และควรสังวรระวังอย่างยิ่งคืออบายภูมิ ขนาดนิยตพุทธภูมิก็ยังมีไปนรก ฉะนั้นเมื่อเรามีแบบอย่าง ก็ควรเดินให้ห่างจากกองไฟ รู้กันแล้วไฟมันร้อน หากอ้อมๆกันได้ก็พากันอ้อมไป มันทั้งเสียเวลา ทั้งยังจะพาคนอื่นที่รักเราลำบากไปด้วย เวลาห้านาทีสิบนาทีมันควรจะทำคุณทำประโยชน์ หากเราไปถูกมัด ถูกพันธนาการ แม้ถูกมัดคนเดียวแล้วคนที่เหลือเขาจะเป็นอย่างไร ง่ายๆเราก็เห็นกันแล้วคนที่พลาดไปติดคุก ติดตะราง

    เมื่อผู้นำครอบครัวไม่อยู่ติดคุุกยี่สิบปี เมื่อออกจากคุกมา ครอบครัวตัวเองก็ล่มสลายไปแล้ว ใครยังมีความพอใจจะไปอบายภูมิก็ปล่อยไป สำหรับผมและฝากถึงพวกเรา ขอให้มันสุดวิสัยจริงๆไม่มีทางเลี่ยงจริงๆ อย่างพี่ฮิตเล่อร์ของผม พี่ท่านก็ลงไปมาหน่อยหนึ่งแล้ว ตอนนี้หลวงพ่อรับเข้าทำงานเป็น รปภ อยู่ที่วัดท่าซุง นี่พวกเราก็รู้กันดีอยู่แล้ว

    หลวงพ่อท่านก็เป็นห่วงลูกหลาน ไอ้ประเภทซ่าไม่เลิกอย่างพวกเราที่ปรารถนาในพระโพธิญาณ ท่านก็ออกหนังสือคู่มือหนีนรกไว้ ที่เป็นสมบัติพ่อให้

    เดี๋ยวมาต่อครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 ธันวาคม 2014
  13. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814


    :cool:({) สวัสดีคับพี่ พีซีโอ พี่ๆน้องๆทุกๆท่าน ผมเข้าใจ ที่พี่พูดมา ทุกๆอย่างมันเป็นแบบที่พี่พูดมา ทั้งหมด ผมเจอมาแล้ว ในสมัยเด็กๆ วัยรุ่น เป็นหนุ่ม จนกระทั่ง ณ บัดนี้ ก็ยังมีอยู่ แต่น้อยลง ผมน่ะเข้าๆออก วัดท่าซุงเป็นว่าเล่น มาอยู่ในวัดทีไร ไอ้คนรุ่นใหม่ มันก็ ข่มเอา เราขี้เกียจ ให้มัน ข่มบ่อยๆ จึงอาละวาดสักครั้ง คนไหน อวดเบ่งหน่อย ไอ้เราก็ ผมน่ะ เคยมาอยู่ตั้งแต่ในสมัยโน้นนู่นแน่ะ เป็นอย่างนั้นๆ ไอ้พวกคนข่มนี่ ผมไม่ค่อยชอบ มานานแล้วพี่ ในสมัยหลวงพ่อนี่ ผมยอมหมด ใครทำอะไร ก็ได้ หลวงพ่อไปแล้ว ผมไม่ยอม จะให้ใครมารังแก หรือเบ่งจนเกินไป มีโอกาศผมจะตอบโต้บ้าง ทันที ยอมมานานแล้วครับ


    จะเป็น นักบวช เสื้อลายเสื้อเหลือง ผมไม่ยอมแน่นอน นี่แหละ ทำให้ผมเกิดทิฏฐิ มีมานะถือตัวตน ผมโดนคนในสายเดียวกัน นี่มาก พอควร สายอื่นๆ ก็โดนมาพอควร ไอ้ที่เข้าไปกระทู้ต่างๆ หรือแสดงความคิดเห็น ก็พอมีประการณตรงอยู่บ้างพอสมควร ถึง ๙๐ เปอร์เซ็น เมื่อก่อนผมน่ะ ไม่รู้หรอก แค่อยากเป็นพระพุทธเจ้า อยากเหาะ ไปได้ทั้งโลก มีเมียทั้งโลก ประเทศละ ๑ คน มารู้จริงๆ ก็ฟังพ่อเทศ บ้าง เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยบ้าง หนังสือ เทป อ่านตำราท่าน นี่แทบ จะไม่อ่านเลย มา ๒๐ กว่าปีแล้ว ถึงค่อนข้างจะลืม ปี ๒๘ ที่ผมลาพุทธภูมิ ที่เคยเล่าไปแล้ว ในกระทู้พี่


    และต่อมา ปี ๓๐ พ่อบวชให้ หมา ปีนั้นบวช รุ่นเดอะ ๓๐ องค์ เป็นปีแรก ที่พ่อ บวชพระเยอะครับ หลวงพ่อตั้ง ฉายาให้ ว่า พระสุธรรมะวิระโญ ไอ้ผมไม่ชอบ ผมชอบ ต้องการมีปัญญามาก ในชาตินี้ ทั้งทางโลกและทางธรรม จึง คิดในใจ ว่า ถ้าปีหน้า บวชอีก กูไม่เอาหรอก ฉายานี้ เราจะขอฉายาใหม่ ชื่อว่า พระสุธรรมะปัญโญ เป็นฉายา ของ อ.หลวงพี่เล็ก วัดท่าขนุน ทันใดนั้น หลวงพ่อ พูด สวน มาเลยครับ ว่า บัญชา ตอนนั้นเป็นพระติดตามหลวงพ่อ ตอนนี้สึกไปนานแล้วครับ ท่านบอกว่า บัญชา ถ้าปีหน้า ใครบวชใหม่ ให้ใช้ ฉายาเดิม ของใครของมัน ห้ามเปลี่ยน เด็ดขาด


    ไอ้ผม ก็ขัดเคืองใจนิดๆ ว่างั้นเถอะ แต่ก็ยอมรับโดยดุษดีครับ และต่อมา ปี ๓๖ ไปเดินธุดงค์ ห้วยขาแข้ง กับ ท่าน อ.เล็ก ป่าห้วยขาแข้ง ฝนตก หน้าแล้ง ตลอด ๑๓ วันครึ่ง หรือ ๑๔ วันครึ่ง ที่ไปกัน ท่านบอกว่า ที่พ่อตั้งฉายาให้แบบนั้น องค์ สมเด็จองค์ปัจจุบัน ท่านสั่งหลวงพ่อมา ให้ ตั้งฉายาแบบนั้น ให้ตรงจุด แต่ละคน ที่บำเพ็ญมาในอดีด มิหน้า ผมถึงได้ เตาะแตะๆๆ อยู่ร่ำไป มีความเพียร นำหน้า ยิ่งด้วยวิริยะบารมีนั่นเอง มันจึงไปไม่ถึงไหนสักที ฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่จริงๆ ก็รู้มานานแล้ว แต่ไม่ละเอียด ตอนหลวงพ่อให้ตั้งฉายา และ อ.หลวงพี่เล็ก มาสัมทับอีกที ครับ


    เอาแค่นี้ก่อนครับ ว่างๆก็มาต่อกันเรื่อยๆไปครับ :cool:



     
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,376
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    ท่านธัมมะสามีมีอีเมล์ไหมคะ มีไฟล์อันหนึ่ง(ลงไม่เป็น) เพื่อนได้ 2 ดอกเตอร์ ส่งมาให้ เพิ่งจะโทรมาบอกว่าให้ลงเวปนี้ได้ห้ามจําหน่ายเพราะเขาขายอยู่ มีบางตอนที่อาจจะเป็นประโยชน์บ้าง
     
  15. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814


    :cool:({) สวัสดีครับ คุณ พี่ๆน้องๆทุกๆท่าน ผมเห็นด้วยอยู่แล้ว เรื่องแบบๆนี้ เจอมาเยอะ พอควร เคยเกิ่นไปแล้ว ในกระทู้พี่ พีซีโอ และอีกหลายๆที่ ผมไม่อยากว่าใคร ถ้าไม่จำเป็น มันคัญปาก หรืออดไม่ได้ ที่ชอบเข้าไป ให้ ความอนุเคราะ ซึ่งกันแลกัน ไม่ได้คิดไปสอน แต่อยากให้ ปรับเปลี่ยน แนวให้ถูก เท่านั้น เอง แต่ใช่ว่า ผมน่ะ จะดี ยังดีไม่พอ กระทู้ต่างๆ นอกจาก ห้องของพี่พีซีโอ แล้วไม่อยากเข้า แต่บางที ด้วย ใจผมเป็นมิฏฉาทิฏฐิ เห็นใครดีเกินหน้าไม่ได้ ต้องไปขอแจม เสมอๆ หรือไปเสริม และทำให้ถูกต้อง ให้ ถูกมากที่สุด ให้ผิด น้อยๆหน่อย ดีแล้วครับ สิ่งใด ที่ทำให้ดีขึ้น หรือผิดพาดไป ให้เตือนกันไว้ เหมือนพระลง สังฆกรรม หรือปลงอาบัติครับ


    เพราะยังเป็นผู้ศึกษากันอยู่ อย่างอื่น ผมถือว่า เอาตัวรอดได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าทำให้ตัวเองพ้นทุกข์ ยังเอาอะไรเป็นแก่นสาร ไม่ได้เลย ผมขอยกตัวอย่าง ในสายลูกหลวงพ่อ มาให้อ่านกันครับ แต่จะไม่บอกชื่อเสียงเรียงนาม เพราะท่านผู้นี้ มีชื่อเสียงพอควร และทำบุญใหญ่ มามากครับ มีลูกศิษย์ หลวงพ่อ ใกล้ชิด มากด้วยกัน หลายคน สึกไปแล้ว หรือ อยู่ในวัด ยังกินเหล้า เมายา อยู่หลายท่าน และมีอยู่ท่านหนึ่ง สึกไปแล้ว กินเหล้าเมายา เที่ยวผู้หญิง ทุกรูปแบบ พอได้ หลวงพ่อเคยพูดถึง ว่า ท่านผู้นี้ เก่งพอสมควร ติดต่อผี พระได้พอสมควร และมาจาก พุทธภูมิ เมื่อท่านพ่อ ดับขันเข้าสู่พระนิพพาน แล้ว ท่านผู้นี้ กินเหล้าเมายา ผมนี้ เห็นบ่อยๆมากๆ

    และแกบอก กูรู้ตัวดี สติยังดีอยู่ แกกินเหล้ว แทนข้าวว่างั้นเถอะครับ ผมก็ได้แต่ สลดใจครับ แกเป็นขนาดนี้ และได้ดี พอสมควร แต่ทำไม ถึงทำแบบนั้น ผมได้แต่ปลง และคิดมุมกลับ คงเป็นกรรม ของท่านมากกว่า และไม่ดูถูกแก เพราะ ท่านสร้างกุศลไว้ เยอะ เฉพาะ วัดท่าซุงนี่ ไม่ธรรมดาเหมือนกัน ผมพูดแบบนี้ ท่านทั้งหลายบางคนอาจจะถึงบางอ้อ แต่อย่าให้ผมเอ่ยชื่อท่านเลยครับ ก่อนตาย ๒-๓ เดือน ไปนอนโรงพยาบาล หมอให้เลิกเหล้า แกเลิกเหล้า ตรงนี้ น่าจะ ให้ท่านนึกถึงทาน กองการกุศลที่ท่านทำ ถึงเวลา ลูกได้นำไป รักษาไม่กี่วัน ก็ตาย ผมไปไม่ได้ ๆฝากเงินไปทำบุญกับท่าน ๓๐๐ บาท ตอนกลางคืน กล้อง ดูดยา เป็นเงิน ที่ผมได้มา มันกระเด็นมาใกล้ หัวผม

    ไม่รู้มันมาได้ไง ไกลขนาดนั้น ตอนได้ยินไม่ได้สนใจ ผมก็คิดในใจ ท่านผู้นี้ คงรับรู้ ในการ ฝากเงินไปทำบุญ และไปสู่สุขติภพ ที่ดีแน่นอนครับ ผลกรรมอะไร ถึงทำให้ท่านผู้นี้ กินเหล้า แทนข้าว อยู่นานเป็นปีๆ แกสึกไป เป็นสิบปี ตอนใก้ตายนี่ เรียกว่า กินเหล้าแทนข้าวเลยทีเดียว พูดนี่ ลิ้นลัวพันกันไม่ค่อยชัด ผมเองไม่เคยดูถูกเหยียกแกเลย ได้แต่สลดใจครับ


    สิ่งที่ท่านผู้นี้กระทำ สิ่งดีๆ ไว้ที่วัดท่าซุงมากมายครับ จึงไม่ว่ากัน กรรมใครกรรมมันครับ ทุกอย่างมิอาจรับแทนกันได้ แต่การเตือนกันนั้น ทำได้ แต่จะกับตัวกับใจหรือไม่ อยู่ที่ผู้กระทำ ถ้ากับตัวกับใจไม่ได้ ก็ต้องวางเป็นอุเบกขาแล้วครับ :cool:
     
  16. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814


    :cool:({) สวัสดีครับ ท่านธัมมะสามี พี่ๆน้องๆทุกๆท่าน การป่วยนี้ ถือว่า เป็นธรรมดาครับ ผมนี้ เป็นมา ๓๐ กว่าปีแล้ว ยิ่งแก ยิ่ง ป่วย มีหลายโรค เข้ามารุมล้อม คงไม่น้อยหน้ากันเท่าไหร่ ครับ ยิ่งในสมัยเด็กๆนี่ มันป่วยเป็นว่าเล่น ไอ้ไข้ มาลาเลีย ไข้จับสั่นนี่ มันเป็นปรกติ ว่างั้นเถอะ ถึงเวลาปุ๊บ มันเคยเป็นเวลาไหน มันสั่น เหมือนเจ้าเข้า สั่น พัพๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆงันๆงกๆๆๆๆๆๆๆๆหนาวมาก ใครเป็นถึงจะรู้ พิษสงของมันเลย บางที ต้องไปนอนกลางแจ้ง ให้แดนมันเผา จึงจะคลายหนาวได้บ้าง ถ้าไข้ ธรรมดา ท่านพ่อผม ในสมัย ย้อนหลังไป ๔๐ กว่าปี ใช้หัวเสือก เข้าไปใต้ หิ้งพระ สักพักไข้ ก็จะหาย ขี้ไก่ แห้ง บนขอนไม้นี่ ถูกขั้ว นำมาต้มกินประจำ ถ้าไม่กิน คงโดนไม้กายสิทธิ์ของพ่อ แน่นอน ฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นั่นคือ ไม้เรียวครับ


    ขี้ไก่ แห้ง ขี้แห้ง ของคน รักษา โรค มาลาเลียได้ด้วยดี ทีเดียวครับ และโรคอื่นๆอีกจำไม่ได้แล้ว นี่ก็ไม่เคยได้ลิ้มรส มานานมากแล้ว เกือบ ๔๐ ปีแล้ว ขี้ไก่ นี่ นานแล้ว ฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ถ้าใครอยากลอง ขอเชิญได้นะครับ ยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า ก็ใช้ได้ แต่เดี๋ยวนี้เขาหันไปใช้ยาสมัยใหม่กันหมด ยา ที่ใครๆเขารังเกียจ เลยไม่ใครรู้จัก ได้ลิ้มรส อีก ฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  17. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    แค่เรื่องตัวยารักษาโรค ผมฟังของพี่แล้วผมก็อยากตายให้มันพ้นๆไป เคยได้ยินพี่ คนบ้านนอกชนบทที่หมู่บ้านผม เวลาเจ็บไข้ได้ป่่วยเป็นโรคประจำตัว ใครว่ายาอะไรดีที่รักษาแล้วหายหรือทุเลาเบาบางเป็นต้องไปหามารักษา ก็เคยได้ยินคุณยายท่านหนึ่งแกไอของแกเป็นวรรคเป็นเวร ไม่รู้ว่านานเท่าไรทรมาณแกมากนอนก็ไม่หลับมันไออยู่อย่างนั้น แกก็ไปเอาเค๊ก อย่างพี่ว่านี่แหละ มาตากแห้งสมัยก่อนหาง่าย ตัวยาประเภทนี้ หาได้ตามข้างทางทั่วไป เพราะสมัยนั้นคำว่าส้วมซึมไม่รู้จัก อย่างพอใช้ก็ขุดหลุมเอาไม้พาดพอใช้งานได้มีฝารอบตามมีตามเกิด

    อย่างดีก็ทำห้องหับมิดชิด ปูไม้กระดานเต็มอย่างดีแล้วมีช่องเล็กๆ มีแผ่นไม้ปิดดูสะอาด แต่กลิ่นนี่ปิดไม่ได้ ส่งกลิ่นอันเย้ายวนไปไกลพอได้

    กลับมาที่ตัวยาคุณยายท่านนี้ก็เอาตัายาอย่างพี่บุณทรงว่านี่แหละเมื่อตากแห้งดีแล้ว ก็บดให้เป็นผง หาน้ำผึ้ง น้ำอ้อยมาเป็นส่วนผสมปั้นเป็นลูกกลอนกินเป็นยารักษาอาการไอ แหมไม่รู้ว่าหมอท่านใดบอกแกมา ก็ไม่รู้ว่ารักษาได้จริงหรือปล่าว

    ผมเองมีเรื่องการเจ็บหลังเท่านั้น ที่เวลาเจ็บแต่ละครั้งก็สาหัสมากกระดุกกระดิกไม่ได้นั่นแหละ ขนาดผ่าตัดใหญ่ไปห้าครั้งแล้ว เมื่อสองเดือนที่แล้วนี่เองนั่งทำงานอยู่ดีๆ เจ็บขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล ถามมันว่าเจ็บเพราะอะไรมันเสือกเงียบ ต้องให้แม่ใหญ่ไปส่งโรงพยาบาลกว่าจะกระด้องกระแด้งมาทำงานได้เอาซะเกือบสิบวัน ยังดีที่บุญเก่าซิ่งแมงกะไซมาประคองได้ทัน นั่นก็หมายความว่างานต่างๆมีผู้ช่วยเข้ามารับไปทำแทนในทุกที่ทุกเรื่อง ผมแค่เพียงวันๆขับรถ แล้วก็ซื้อโอเลี้ยงไปเผื่อคนโน้นคนนี้ แถมยังวางมาดผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญถามเขาไปมั่ว ว่าเป็นไง ใครทำถึงใหนแล้ว นั่นมันก็เลยมีเวลาเจ็บได้หน่อยไม่เสียงานเขา หากไม่มีบุญเก่าในอดีตมาประคองตรงนี้ไว้ก็เป็นอันว่าจบเห่

    ต้องถามซือเจ๊ที่เป็นแพทย์แผนไทยประจำขบวนด่วนพิเศษ ว่ามันรักษาได้จริงหรือปล่าว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 ธันวาคม 2014
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,376
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    เพื่อนที่ได้ปริญญาทางฝังเข็มจากมหาวิทยาลัยของจีนและตัวเธอเองเคยมาสอนที่เมืองไทยนะคะ เคยฝังเข็มให้พระและอีกหลายๆคน มาเมืองไทยไม่เคยมีเวลาว่างเลย นี่ไงคะ บอกอีเมลมานะคะ เป็นคนไทยแต่ที่เขียนเกล็ดเล็กๆน้อยๆเป็นภาษาอังกฤษแต่มีภาพประกอบ คนจีนเขามีของที่น่าศึกษาโดยไม่ต้องผ่าตัดมาเป็นพันปีแล้ว ท่านน่าจะไปฝังเข็มดูนะคะ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2014
  19. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,376
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    ทํางาน ICUมา 35 ปี นี่ ผ่านมาหมดเลยค่ะ มีทุกอย่าง ตั้งแต่สมอง หัวใจ ไขสันหลัง ไตระยะท้ายๆ มีเรื่องราวมากมาย แถมบางรายตามไปโรงแรมแถมเงินให้เขาก็มีเพราะเขาลี้ภัยมา เฮ้อ พูดถึงเรื่องช่วยเหลือคนนี่ บางรายเขาหนีอะไรมาจากเมืองไทยไม่ทราบ ทั้งคู่เลย ไม่มีหลักฐานอะไรทั้งนั้น เงินก็ไม่มี ช่วยทุกอย่างหาใบเขียว หางาน ทํากับข้าว เสื้อผ้าสารพัดเลย เออหนอ เขาไปบ่นให้เจ้านาย(เพื่อนที่เป็นเจ้าของร้าน)เขาฟังว่ากลับมาบ้าน(เวรบ่าย)ทําให้เขาตื่น พอเขาได้งานทั้งคู่ สองสามเดือนเขาก็ย้ายออก ปีต่อมาเขาก็เขียน จ ม มาฉบับนึง ก็โยนทิ้งตะกร้าไป แต่ก็คิดว่า วันดีคืนดีเขาคงจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เหมือนกับที่เขาได้จากเราไป ค่ะ
    **ราตรีสวัสดิ์พระรัตนตรัยทุกๆท่านค่ะ เที่ยงคืนพอดีี
     
  20. Armarmy

    Armarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +1,659
    เรื่อง กินเหล้าเมายาเป๋ไป๋ไปนี่ ผมขอเล่าให้อ่านกันได้ครับ ตัวผมนี่แหล่ะเป็นมาเองครับ

    ผมเคยกินเหล้าแทนน้ำ มา 1 ปีเศษ กินไม่ผสมกินเป็นน้ำเปล่าเลย กินเหล้าเพียวๆ หมดสตางค์ไปกับน้ำเมานี่ นับได้เป็นหลายหมื่นบาท

    ใครมาสะกิดผมก็ว่าผมรู้ตัวผมนะว่าผมทำอะไรอยู่

    ผมกินมันเพราะผม ตั้งใจให้อาศัยให้ความเมามันแก้ความฟุ้งซ่านของใจผมเองนี่แหล่ะ (กรรมฐานกองไหนของมัน น้ำเมาแก้อารมณ์ฟุ้ง)

    แล้วมันหายมั้ย ? ไม่หายขาด ระงับชั่วคราวเพราะเมาไม่ได้สติมันก็หลับไปสิ

    พอไม่เมามันก็เหมือนเดิม ตายตอนนั้นก็โน่นแหล่ะ นรก

    รู้ทั้งรู้นะว่า มันเป็นเหตุของอบายภูมิ แต่ก็ตั้งใจทำ อารมณ์มันหนักๆ เข้าก็แก้มันส่งเดชเลย

    พอไม่ได้กินเหล้า ผมก็เดินจงกรมทำกรรมฐานที่พอทำได้อีก ดูสิครับ นี่มันสวนทางกันเข้าไปได้อย่างไร

    เป็นแบบนั้นมาปีเศษ จนวันหนึ่ง ผมเดินจงกรมไปแล้ว ได้ยินเสียงเรียบๆ

    ถามมาว่า "ท่านปราถนาพระโพธิญาณไปเพื่ออะไร?"

    ผมก็ตอบไปว่า "เพื่อหาสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ที่เรารักทั้งหลาย"

    ถามมาอีกว่า "แล้วสิ่งที่ท่านทำอยู่นี่มันคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วหรือเปล่า?"

    ผมก็คิดสิตอนนี้

    "เออ สิ่งที่เราทำอยู่นี่มันเป็นอกุศลแล้วเราจะนำสิ่งเหล่านี้ไปให้กับเขาหรือยังไง

    พวกเขาก็รอเราในสิ่งที่ดีที่งามกันทั้งนั้น เรานี่มันเลวเหลือเกิน เราทำผิดทางเสียแล้ว

    เราไม่ได้รักพวกเขาจริงนี่ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเราตั้งใจใหม่ ที่ทำมาแล้วก็เลิกทำ

    ยุติ ตั้งแต่นี้สิ่งใดที่ละเมิดศีลเราไม่ทำอีกต่อไป"

    หลังจากวินาทีนั้น ผมก็หยุดทันทีเหมือนกัน แหม เตือนได้ตรงจุดเลวพอดี

    หายโง่ในบัดดล นี่แหล่ะครับ บางอย่างกฏของกรรมชั่วเดิม ก็มีส่วน

    บังคับขับเราให้ลงอบายภูมิด้วย ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะพอก็ไม่เป๋ไป๋ ไปตาม

    แต่น้อยครับ ส่วนใหญ่จะรู้ตัวก็เมื่อทำลงไปแล้ว แล้วมาคิดได้

    ช่วงไหนอกุศลกรรมเดิมสนองใจ ก็คิดไม่ออก เห็นกงจักรเป็นดอกบัวไปโน่น

    แต่พอกรรมชั่วคลายตัวลง พอมีช่องให้กุศลเข้ามาแทรกได้ ก็คิดได้เอง

    ก็เล่าไว้คร่าวๆ พอเป็นแนวกันต่อไปครับ

    กรรมใดก็ตามที่เคยล่วงเกินท่านทั้งหลายมาแล้ว ด้วย กาย วาจา และ ใจ

    ขอท่านทั้งหลายได้โปรดอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าตราบเท่าเข้าพระนิพพานด้วยเทอญ
     

แชร์หน้านี้

Loading...