อยากทำสมาธิ อยากเห็นวิญญาณ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย Superwoman1, 8 ธันวาคม 2014.

  1. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    กรรมฐานมี 40 กองเลือกฝึกเอาตามที่เราถนัดจะเห็นผลไว้

    ง่ายสุดตามหลวงพ่อฤาษีลิงดำสอน มโนมยิทธิ

    รักษาศีล 5 หมั่นสวดมนต์ แรกๆหัดทำจิตนั่งๆจับอะไรก็ได้ แต่ต้องเพ่งไปจุดนั้นจุดเดียว

    อย่าเอาภาพจำยาก ก้อนหิน กรวด แล้วค่อยๆเปลี่ยนมาจนถึงภาพพระ

    ฝึกบ่อยๆพอเริ่มเก่งมันจะไปเอง ถ้าชำนาญละก็แค่ 0.1 วินาทีก็ได้ละ


    การนอนทำสมาธิก็สามารถทำได้ โดยก่อนนอนทำจิตให้สงบ ผ่อนคลาย แต่ท่านี้จะง่วงง่าย

    หากไม่ไหวก็นอนหลับไปทั้งสมาธิได้เลย ถ้าไม่ฝันนั่นคือได้ผลอยู่ในสติ



    ปล. แต่คนเขียนยังไม่ถึงไหนเลย อาศัยบารมีองค์ท่านช่วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2014
  2. Piagk3

    Piagk3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +1,222
    จขกท ต้องทราบก่อนว่า จิต, มโน, วิญญาณ นี้ พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่าเป็นสิ่งเดียวกัน และ เป็นแค่ธาตุ รู้ มีการเกิด-ดับ ดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไป อยู่ตลอดเวลา ถ้าขณะที่ จขกท นั้งสมาธิ และ ยังไม่สงบคือ คิดถึง เรื่องโน้น ,เรื่องนี้ ,เรื่องนั้น นั่นคือ วิญญาณ เกิด-ดับ ตลอด คิดร้อยเรื่องก็มีการเกิด-ดับของวิญญาณ ร้อยครั้ง แต่ในขณะที่นั่งสมาธิ พระพุทธเจ้าให้เราใคร่ครวญเห็นการ เกิด-ดับนี้ ก็เท่ากับเรา ได้ห็นวิญญาณ และนี้ จะเป็น หนทางเข้่าสู่วิมุติได้
     
  3. montmayatawan

    montmayatawan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +47
    เคยนั่งสมาธิแต่ไม่บ่อย นานๆจะทำ
    ไม่เคยเห็นอะไรเลยค่ะ
    ตอนหลับตาจะเห็นแต่สีเขียวเข้มๆๆ
    ผสมกับสีน้ำเงินปนม่วง ไหลวนไปเรื่อยๆ
     
  4. chaokhun

    chaokhun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +5,701
    เคยพบกับบุคลหลายท่านที่มีญาณมีฌาณ แสดงให้เห็นได้แบบรูปธรรม คือมีตาทิพย์หูทิพย์ สามารถได้ยินคำอธิษฐานของผู้ที่สวดมนต์ไหว้พระ และเห็นในเรื่องราวต่าง ๆ ของเราในอดีต และพูดถึงอนาคตได้ด้วย และถูกต้องแม่นยำ และสามารถนั่งสมาธิได้เป็นวัน ๆ เคยสอบถามถึงวิธีการฝึกปฏิบัติของท่าน ได้รับคำตอบมาเหมือนกันทุกคนว่า ไม่เคยฝึกมาก่อน ไม่เคยนั่งสมาธิมาก่อน แต่เป็นเองโดยธรรมชาติ เกิดขึ้นเอง
     
  5. Superwoman1

    Superwoman1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +244
    เราชอบอ่านประวัติบุคคลสำคัญ ประวัติพระเราก็ชอบอ่าน. ส่วนใหญ่พระที่สำเร็จญาณขั้นสูงมักจะมีความคิดสมัยเป็นฆราวาสที่ต่างไปจากเรา. ดูไกลตัวเรามากจนทำให้เรารู้สึกไร้ความหวังเพราะไม่เห็นจะมีอะไรที่รู้สึก connect ใกล้ๆกับความเป็นตัวเราบ้างเลย จะมีที่เรารู้สึกอมยิ้มคือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เคยอ่านหนังสือท่านๆเล่าว่าสมัยท่านบวชใหม่ๆ ท่านเคยบอกใครๆว่าที่ท่านบวชเพราะอยากมีเมียเป็นนางฟ้า เราอ่านแล้วยังขำเลยว่า เอ... พระรูปนี้ท่านก็เคยมีกิเลสเหมือนเราๆ ลองอ่านต่อหน่อยซิว่าท่านเปลี่ยนไปได้ไง... คือวิธีการอธิบายธรรมะของพระพุทธเจ้าของหลวงพ่อนั้นเข้าใจง่ายและถูกจริตเรา อ่านเพลิน. แต่อ่านๆไปเนื้อหาก็ชักเริ่มยากสำหรับปัญญาอย่างเรา. พอเริ่มท้อบางครั้งก็หันมามองคนใกล้ๆตัวที่เข้าสู่ทางธรรมะบ้าง นั่นคือ คุณยายเราเอง. เราเคยถามแม่ว่ายายทำสมาธิมาตั้งแต่เป็นสาวรึเปล่า แม่บอกว่าสมัยยายสาวๆก็เข้าวัด ทำบุญเรื่อยๆ ยายมาปฏิบัติตอนมีอายุแล้ว ยายเจอปาฏิหาริย์ในชีวิตเยอะ เฉียดความตายก็มี อาชีพยายคือพยาบาล แต่คนตจว.แถวบ้านยายเรียกยายว่าหมอ. ยายทำงานหนัก ทำคลอดนอกสถานที่ก็ทำ รับจ้างอยู่เวรก็เยอะ เพราะต้องหาเงินมาเลี้ยงดูลูกๆสี่คน. ส่วนคุณตา เงินเดือนได้มาจำต้องส่งเสียน้องๆสองคน ภาระเลี้ยงลูกจึงตกเป็นของยายคนเดียวก็ว่าได้
    มีอยู่คืนหนึ่ง มีกลุ่มชายฉกรรจ์ของเสือคนนึงที่เป็นจอมโจรชื่อดังของภาคกลาง มาตามยายให้ไปทำคลอดให้เมียของเสือ ยายอิดออดไม่อยากไปเพราะไม่อยากจะยุ่งกับคนพวกนี้. ใจอยากจะแนะนำให้เสือพาเมียไปโรงพยาบาล. แต่เสือที่ไหนจะพาเมียไปคลอดที่โรงพยาบาล ขืนพาไปดิจะได้โดนตำรวจจับ ในภาวะจำยอมอย่างนั้น ยายจึงต้องไปกับชายฉกรรจ์ลูกน้องเสือ ยายขี่ม้าแบบไม่มีอานเข้าป่าตามพวกนั้นไปโดยมีผ้าผูกปิดตาด้วย พอถึงบ้านของเสือ. เค้าก็พายายไปที่เตียงเมียตนเองที่ร้องโอดโอยเหตุเพราะบุตรในครรภ์ไม่ออกมาสักที หมอตำแยนั่งทำตาปริบๆแถวนั้นคงได้พยายามแล้วแต่หาสำเร็จไม่. เสือขอให้ยายตรวจท้องทันที. ยายจับท้องก่อนจะวินิจฉัยว่าลูกนอนขวาง case นี้ต้องพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลเท่านั้น !! เสือทำหน้าเครียดตอบยายว่าไม่ได้ หมอต้องทำคลอดที่บ้านนี้เท่านั้น!!! ยายสูดลมหายใจลึก กลับไปที่เมียของเสือ. พนมมืออธิษฐานถึงหลวงพ่อปาน หันหน้าไปทางทิศวัดบางนมโค นึกในใจว่าขอให้การทำคลอดครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี เมียและลูกของเสือปลอดภัย. มิเช่นนั้นหากเมียคนโปรดของเสือเกิดตาย. ยายก็คงไม่รอดชีวิตเป็นแน่ ลูกตั้งสี่คนใครจะเลี้ยงดู จากนั้นยายก็ล้วงมือเข้าไปในช่องคลอด พยายามกลับตัวเด็กจากท่านอนขวางเป็นเอาหัวออกจากท้องแม่แบบเด็กคนอื่นๆ ในที่สุดเด็กคนนั้นก็ออกมา. ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูก (ลูกของยายที่เป็นแพทย์บอกว่า. Case แบบนี้ประสบความสำเร็จแบบยายแค่ 0.1% เท่านั้น). เสือดีใจสุดๆกล่าวขอบคุณยายและเสนอถามว่ายายต้องได้รางวัลจากความช่วยเหลือในครั้งนี้. ยายส่ายหัวไม่ต้องการสถานเดียวเพราะอยากรีบกลับบ้านไม่อยากอยู่กับเสือนานๆ. ในที่สุดพอเสือเห็นยายไม่รับเงินหรือของต่างๆที่นำเสนอเลย. เขาจึงเสนอให้ยายเลือกพระที่เสือห้อยคออยู่ตั้งหลายองค์. ยายก็ยังไม่เอา. เสือแกก็คะยั้นคะยอว่าต้องเลือกหนึ่งองค์ ยายรำคาญจึงตอบว่าฉันเป็นคนตัวเล็ก. ถ้าจะให้จริงๆ ยายขอองค์ไหนก็ได้ที่องค์เล็กสุด. เสือชมว่าฉลาดมากเพราะนั่นเป็นพระชั้นยอด ไม่รู้ว่าพระอะไรเพราะแม่บอกว่ายายอาจจะไปยกพระองค์นั้นให้ใครแล้วก็ได้. ไม่มีลูกๆยายเคยเห็น. คงเพราะยายไม่ชอบของๆโจร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 ธันวาคม 2014
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,007
    ไม่ว่าจะตาทิพย์ หูทิพย์ หรือย้อนอดีตได้ รู้อนาคต คุยกับสัตว์ได้
    คุยกับวิญญานได้ อ่านใจคนได้ หรือหยั่งรู้ฟ้าดินได้ บางท่านไม่จำเป็น
    ต้องฝึกมาก็สามารถทำได้ เหตุเนื่องจากจิตดวงนั้น ได้เคยสร้างสะสม
    บารมีทางด้านนี้มา..แต่พึ่งระลึกไว้อย่างหนึ่งนะครับว่า..
    ความสามารถระดับนี้ วิญญานหรือผีมีฤิทธิ์ก็ทำได้..
    เช่นกัน ยกเว้นเรื่องของอนาคตที่มักจะบอกไม่ได้..
    ถึงบอกได้ก็มักจะคลาดคลื่น..
    หรือเจอบุคคลที่มีเครื่องป้องกันต่างๆไม่ว่าจากครูบาร์อาจารย์
    หรืออะไรก็ตามจะเข้าถึงไม่ได้ เพราะการเข้าถึงเป็นในระดับ
    การเชื่อมจากตัวจิต ไปยังอีกตัวจิตเพื่อไปอ่านสัญญาต่างๆ
    ในดวงจิตนั้นๆนั่นเอง นี่เป็นหลักการพื้นฐานทั่วไป..
    ผีก็รู้เรื่องของผี เห็นได้เฉพาะผี ไม่เห็นเทวดา ไม่เห็นเทพ ไม่เห็นพรหมหรือสูง
    กว่านั้นเหตุเพราะเรื่องที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเพราะความสามารถทางจิต
    ที่เรียกว่าภายใน ที่เกิดจากตัวจิตนั้นๆ.หรือเรียกว่าอภิญญาจิตภายในนั้นเอง.
    .พวกนี้เป็นความสามารถที่เป็นระดับนามธรรมไม่ใช่รูปธรรมครับ..
    .เฉพาะฉนั้นอย่าไปหมายหมั่นปั่นมือ
    หรือว่าให้ความสำคัญมากกว่าการที่เราได้รู้ ได้เข้าใจ
    ได้เข้าถึงจากการได้ลงมือ
    ปฏิบัติด้วยตัวเองครับ..

    ถ้าเป็นรูปธรรมในที่นี้ หมายความว่าทำอะไรก็ตามจะต้องให้บุคคลอื่นๆ
    สัมผัสรับรู้ได้ทางกาย เห็นได้ด้วย ทำได้ให้เราเห็นได้ด้วย ในสิ่งที่เค้าเห็น
    ในสิ่งที่เค้าเป็น..เช่น ตาบอกว่าเค้าตาทิพย์ เค้าจะต้องทำให้เราตาทิยพ์
    และเห็นในสิ่งที่เค้าเห็นได้ และทำให้เราสัมผัสรับรู้ได้ด้วยครับ..
    ไม่ใช่ในสิ่งที่เราคิดหรือสิ่งที่เราเห็น.ในสิ่งที่สมองเราเคยรู้ เคยคิด
    ไว้หรือสิ่งที่ผ่านมาแล้วจากสัญญาความจำได้ในจิตต่างๆและ
    ..ไม่ใช่ว่า รู้ได้ไง เห็นได้ไง
    จากเรื่องที่พวกนี้แล้วจะไปให้ความสำคัญมาก..
    เพราะวิญญานอื่นๆเค้าก็รู้ได้เช่นกัน. เพราะเค้าจะมอง
    เห็นในระดับดวงจิตเช่นกันครับ.เค้าถึงรู้ว่าใครมีบุญ ใครเป็นคนดีได้
    เพราะว่าดูจากตัวจิตนั้นหละครับ ไม่ได้ดูจากภายนอก.

    ส่วนใครจะเห็นหรือไม่เห็นก็เรื่องเฉพาะบุคคล
    และการรู้ได้ไง เห็นได้ไง ก็ยังเป็นนามธรรม..
    ถ้าอย่างเช่น หลวงปู่ ส. มีชื่อในอดีต คว้ามือไปในอากาศ แล้วหยิบเป็นปรอท
    ออกมาได้ให้เราแบบเห็นๆ.. ยื่นปรอทให้เรา
    สัมผัสได้ แตะต้องได้.อย่างนี้ถึงเรียกว่าเป็นนามธรรมครับ..
    หรือ ห่มเหลืองมีชื่อที่ หยิบรูปพระจากหนังสือ ออกมาวางเป็นพระเครื่อง
    องค์จริงๆได้ อย่างนี้ถึงเป็นรูปธรรมครับ..
    หรือส่งกระแสพลังงานต่างๆมาจนเรารู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลง
    ไม่ว่าจะมากหรือน้อย..อย่างนี้ถึงจะพอเป็นรูปธรรม
    และรูปธรรมตัวเราจะต้องรู้สึกได้ สัมผัสได้ หรือเห็นได้ด้วยในสิ่งนั้นๆ
    เช่น จับไม้ จับปูน จับหินฯลฯ เป็นรูปธรรมเพราะมีรูปเพื่อให้เรารู้
    ว่าเป็นไม้ ปูน หิน ฯลฯ ถ้ารู้สึกว่าเป็นไม้ เป็นปูน โดยไม่ได้สัมผัส
    อย่างนี้เป็นนามธรรมครับ..

    ปล.อะไรก็ตามที่ไม่มีรูป จับและสัมผัสไม่ได้โดยจากร่างกาย.
    ก็จะยังถือว่าเป็นนามธรรมอยู่ครับ
     
  7. Tanya R

    Tanya R เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    389
    ค่าพลัง:
    +876
    คุณพ่อบ้านของดิฉันก็ไม่เคยศึกษาศาสนาพุทธมาก่อน แต่ก็ฝึกนั่งสมาธิเอง มีสัมผัสที่ 6, เคยเห็นตัวเองมีตาที่ 3 ตอนนั่งสมาธิ, ลางสังหรณ์แม่นยำ อ่านลายมือคน หรือรู้สึกสัมผัสใจคนได้ ตอนนี้แกก็อยากจะมาศึกษาพุทธศาสนาค่ะ แต่ไปทีละนิดละหน่อย เท่าที่เวลามี

    ก็อยากให้เค้าได้มานับถือพุทธศาสนาจริงจัง แกเองก็เคยมีความคิดอยากจะบวชพระ แต่ยังมีภาระหน้าที่ทางการงานที่ยังต้องทำอยู่
     
  8. devotee57

    devotee57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    228
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +556
    เป็นเรื่องที่พยายามเข้าใจแต่ยังไม่เข้าใจค่ะ (นั่งสมาธิ);-(
     
  9. แดงหมอดู

    แดงหมอดู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +41
    อยากเห็นผี สัมผัสวิญาณ ไปป่าช้าเลย หรือที่ไหนเขาว่า ผีดุ ไปเลยไปกลางคืนนะ อย่าทำสมาธิ เพื่อเห็นผีเลย สมาธิมีดีกว่านั้นมาก ทำสมาธิ เพื่อความสงบของใจ ไม่ใช่ให้เห็นผี
     
  10. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    ถ้าทำอย่างคุณ แดงหมอดู ได้จริง คงเห็นกันทั้งโลกไปนานแล้ว
     
  11. ดาวบุ๋น5

    ดาวบุ๋น5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    605
    ค่าพลัง:
    +375
    คนเห็นกับไม่อยาก ..คนไม่เห็นกับอยากเห็น
    เอาแบบซอพท์ๆ น้องอาจจะลองเลี้ยงบูชากุมารทองสายเทพก่อน ว่าประสาทสัมผัสได้ง่ายแค่ไหน ถ้ารับรู้ได้ อีกหน่อยคงได้เห็นเขยิบๆขึ้น ก็ไปสายพราย เลี้ยงด้วยเห็นด้วยจะได้ไม่กลัวมาก ดีกว่ามั้ย แต่ของทางวิญญาณถ้าจูนกับเราติดแล้ว ชีวิตเราจะไม่ปรกติเพราะหูเราจะดีกว่าปรกติ ตาดีกว่าปรกติ สัมผัสอะไรจะเร็วขึ้น ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง ความเป็นส่วนตัวหายเพราะไม่มีความส่วนตัวเพราะจะมีอะไรตามเราตลอด มีอะไรมาสื่อสารกับเรา ภาระหน้าที่เพิ่มข้น และเขาอาจจะคุมชีวิตเราแทนให้เป็นไปตามที่เขาต้องการด้วย อย่าลืมว่าสิ่งเหล่านี้พลังจิตเขาสูงกว่าเรานะ จะคุ้มมั้ยอยู่ที่ตัวน้องแล้วล่ะครับ ...:boo:
     
  12. Superwoman1

    Superwoman1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +244
    เราตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพราะเราเกิดคำถาม คิดว่าเคยมีคนตอบแล้วแต่เรายังไม่เชื่อ เราเลยลองควานหาความเห็นของคนอื่นๆที่เราไม่รู้จักดูบ้าง เราไม่ได้ตั้งกระทู้ไว้อ่านแก้เหงา หรือเพราะอยากให้เป็นกระทู้ยอดนิยม เราแค่อยากหาคนมาตอบคำถามอนุบาลๆของเราให้ได้ซึ่งเราคิดว่าเราหาคำตอบได้แล้ว! แม้คำถามของเราจะอนุบาลปัญญานิ่ม เราก็ยอมรับนะเพราะในทางธรรม เราอ่อนหัดเหลือเกิน

    หากพิเคราะห์ด้วยใจปราศจากอคติ หากคำถามของเราในกระทู้นี้เป็นคำถามที่บุตรของท่านถามท่าน แม้แต่น้องหรือแม่ของท่านถามท่านด้วยคำถามเดียวกัน ท่านจะคิดให้ดีๆก่อนจะตอบพวกเขาอย่างแน่นอน เราเชื่อว่าท่านคงจะไม่แนะนำลูกตนเองที่กำลังอยากจะได้แนวทางการปฏิบัติ (main objective) และอยากเห็นสิ่งเหนือโลก อยากสื่อสารกับสิ่งเหนือโลก(objective รอง) ให้ไปป่าช้าหรอก โปรดอย่าโกรธเรานะที่พูดอย่างนี้ เปิดใจนิดนึงนะคะ เราไม่อยากติดกรรม

    บอกตรงๆ...ในความเรียบง่ายของคำถามเรา มันตอบยากนะ :)

    คนไหนที่ผ่านมาอ่านกระทู้นี้แล้วขำ สมเพชหรือรำคาญอาจจะข้ามๆไปบ้างก็ได้ เปิดผ่านไปเลยเพราะกระทู้ใน Webpage เรานี้ใช้เนื้อที่ไม่มาก รูปประกอบให้โหลดนานๆก็ไม่มี

    ขอร้องอย่าวิจารณ์เราเลยนะเพราะเราจิตตกง่าย ตอนนี้เราก็ท้อแท้ในการปฏิบัติจะแย่แล้ว นึกว่าทำบุญ

    นอกจากนี้ เราเชื่อว่าคนที่อยากเข้าสู่วงจรธรรมะ พยายามที่จะเป็นคนดี แต่การปฏิบัติยังกรุบกริบๆแบบเรายังมีอยู่มาก เขาอาจจะได้ประโยชน์จากกระทู้เราด้วยอีกต่อนึง. ดูสิได้หลายเด้ง

    เราขอขอบคุณคำตอบและกำลังใจที่หลายท่านช่วยแนะเราก่อนหน้านี้นะคะ นึกอะไรบางอย่างออกเลยขออนุญาตถามต่อเลยนะคะ
    เราอ่านหนังสือคู่มือมนุษย์ของท่านพุทธธาสไม่เข้าใจ (ไม่ได้ต่อต้านท่านนะ) แต่เรากลับถูกจริต enjoy เนื้อหาสนุกๆของหนังสือหลวงพ่อฤาษีลิงดำเกริ่นนำก่อนเข้าสู่บทเรียนของท่าน อ่านไปอ่านมาเราก็ปิดตำราหลับตาทำสมาธิดูซิ ตั้งเป้าในใจว่าอยากเห็นวิญญาณ เทวดานางฟ้า ว่าเป็นอยู่อย่างไร อยากสื่อสารกะคุณยายตัวเองที่เสียไปนานแล้วว่าเป็นไงบ้าง เผื่อจะเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเองเป็นคนดีให้ได้ เมื่อก่อนไม่รู้ แต่ถ้าได้เห็นตอนนี้คงไม่ได้เพื่อจะขอหวยขอร่ำรวยหรอก เพราะเรารวยอยู่แล้ว รวยความเขลาและความท้อไง :)

    ในทางโลกนะ หลายคนบอกว่าเราเป็นคนที่ background การศึกษาดีมาก เราไม่ได้เป็นคน genius แต่เราแค่เป็นคนขยันและจับ trick เนื้อหาในตำราเก่ง เราอ่านหนังสือมาก จำได้ว่าอารมณ์ตอนที่ดวงตาและความคิดเรากำลัง focus ไปที่ตัวหนังสือเพื่อทำความเข้าใจและจดจำนั้นเราทำได้นานกว่า 5 นาที moment นี้แหละที่เป็นความสงสัยข้อที่ 1

    มีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่นำมาซึ่งความสงสัยข้อ 2 คือนานมาแล้วววว. ตอนก่อนไปเรียนที่ต่างประเทศ เราเคยตกหลุมรักชายคนนึง รักเค้าข้างเดียวน่ะ. ดังนั้นตอนเรียนที่นู่นระหว่างนั้นบอกได้เลยว่าเราคิดถึงเขาทุกลมหายใจเข้าออก ขนาดนั่งคุยกะเพื่อน. ปากคุยกับคนอื่น ตามองคนที่คุยด้วย แต่หน้าเค้าลอยมาเลยในใจ ไม่คิดถึงเค้าในยามหลับสนิทเท่านั้น. ภาพเค้าและความคิดถึงเค้าที่อารมณ์เราจับไว้ได้นานกว่า 5 นาทีนั้น. หากในปัจจุบันเราจะทำอารมณ์ให้เหมือนตอนนั้น แต่เปลี่ยนภาพชายคนนั้นเป็นภาพพระพุทธรูปแทน จะถือว่าอาการนี้คือการทรงในสมาธิหรือเปล่า

    ความสงสัยข้อ 1 หรือ 2 อันไหนกันที่ถือว่าเป็นวิธีการทำสมาธิกันแน่คะ เราจะได้ไม่ต้องเริ่มต้นแบบท้อแท้ อย่างน้อยยังมี template การปฏิบัติเอาไว้แอบดูนิดนึง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 ธันวาคม 2014
  13. misu

    misu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +3,172
    คือ คนอื่นแนะนำไปหมดแล้วและเจ้าของกระทู้ก็มีใจที่จะปฏิบัติ...
    ขอแชร์จากประสปการณ์เบื้องต้นนะครับ...ให้เจ้าของกระทู้ไหว้พระ อธิฐานรักษาศิล5 ก่อน..เพราะ สมาธิจะดีได้เมือมีศิลเป็นพื้นฐาน และเริ่มนั่งสมาธิภาวนาหรือกำหนดจิตที่ตามวิธีที่เราถนัด...แต่ให้ตั้งเวลาใว้ อาจเริ่มที่15นาที่ หากนาฬิกาไม่ดังจะไม่ลุก ...จะเจ็บปวดก็ต้องทน..ไม่สงบก็ต้องทน...จนนาฬิกาดังแล้วค่อยลุก และค่อยๆเพิ่มเวลาให้นานขึ้นเรื่อยๆครับ...สมมุติว่าขณะนั่ง จะภาวนา พุทโธ..แต่ใจมันคิดจะดูหนังตลอด...ไม่สงบเลย...ก็ท่องคำว่า..จะไปดูหนัง.แทนคำว่าพุทโธ..จนนาฬิกาที่เรากำหนดเวลาดัง..แล้วออกจากสมาธิครับ...คำภาวนาต่่างๆคือตัวช่วยให้จิตเราทำงานอย่างเดียวคือจดจ่อที่คำภาวนา..ครับ..ค่อยทำนะครับ..ขอให้เริญในธรรมไปเรื่อยครับ
     
  14. ปิญญ์

    ปิญญ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +385
    คือ ก็ขำนะคะ เห็นตัวเองรำไร

    การอยากเห็นเรื่องพวกนี้ เป็นเหมือนขนม ที่ล่อให้เด็กบางคน มาติดกับ

    เป็นเรื่องดีค่ะ ไม่ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ผลของสมาธิดีเสมอ

    เอาเลยค่ะ ลองเลย นั่งเล่นๆ ดิฉันตอนแรก ฝึกนั่งได้ไม่เกิน 5 นาทีเช่นกัน ก็เอาเทศน์ ไฟล์เสียง มานั่ง ฟังตามเสียงไปเพลินๆ ได้บุญด้วยฟังธรรม คิดตามธรรมบ้าง ออกนอกไปวิ่งเล่นบ้าง แรกๆ นั่งเล่นเอาเวลา หลังๆ ค่อยรวมจิตเรื่อยๆ จนนิ่ง ว่าง เบา


    ก่อนนั่ง สาธุ ขอกราบขอขมาพระรัตนตรัย สาธุ ขอถือศีล 5 เป็นที่ตั้งให้บริสุทธิ์ แล้วสมาธิ หรือ ปาฎิหารย์ มาเองตามบุญที่มี

    ฝึกให้สนุกนะคะ รับรอง ทุกวัน วันละนิดละหน่อย แป๊บเดียว ปาฏิหาริย์แน่ๆค่ะ

    เป็นกำลังใจให้ ทำทั้งชาติ ชาตินี้ได้บ้าง ชาติหน้ามาทำต่อ แต่ถ้าจะจริงจัง เอาชาติเดียวพอ ไม่เกิดอีก จะดีกว่าค่ะ

    ปล. ตัวเองก็ฝึกไปเรื่อยๆ ไม่เก่งหรอกค่ะ แต่สนุก..และสุขใจ....วันนึง อยากให้คุณสนุกแบบนี้ด้วย
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,007

    คุณเจ้าของกระทู้เด่วจะเล่าอะไรให้ฟังครับ
    กิริยาทางจิตที่ ๑ หลักการอยู่ที่จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ตาม(อย่างน้อยต้องมีความเพียรเป็นทุน)
    ..ในช่วงขณะเวลานั้นตัวจิตจะมีความสามารถสร้างองค์ความรู้ในสิ่งนั้นๆขึ้นมาได้อย่างที่ไม่รู้ตัว..
    บางคนก็อ่อๆ ขณะที่กำลังนอนๆ กำลังฝัน หรือ กำลังเข้าห้องน้ำอะไรทำนองนี้ครับ...

    บางคนก็ใช่ๆๆ..บางคนก็เรียกว่าอาการปิ๊งแว๊บ..โดยมากถ้ากำลังทำงานเกี่ยวกับวิชาการอยู่
    มักจะต้องรีบจดไว้.ไม่งั้นอาจจะลืมได้ครับ...และปกติแล้วผู้ที่ศึกษาก็มักจะได้องค์ความรู้
    จากความเพียรอย่างนี้ จากการจดจ่ออย่างนี้เป็นปกติครับ..ทางโลกถึงบอกว่า
    ให้ขยันๆเอาไว้ เด่วมันจะมีกิริยาทางจิตช่วงที่กำลังขยันจะคล้ายๆช่วงที่ได้องค์ความรู้
    นั้นเองหละครับ...
    ..แต่ถ้าว่ากันด้วยเรื่องของกระแสจิต..ก็คือการที่จิตเข้าสู่สภาวะความนิ่ง สงบและเป็นกลางๆ.
    และเกิดกำลังจิตอย่างหนึ่งในการสร้างกระแสเพื่อไปเชื่อมกับองค์ความรู้ภายนอกผ่านทางกระ
    โหลกศรีษะส่วนหน้าครับ..กรณีนี้ไว้พิสูจน์ด้วยตัวเองในอนาคตข้างหน้าได้ครับ....
    ซึ่งต่อไปอนาคตของคุณการรู้อะไรๆที่พิเศษก็ตามจะเป็นในลักษณะอย่างที่เล่าให้ฟังแบบนี้ครับ....

    ประเด็นที่ ๒ เนื่องจากลักษณะตัวจิตของคุณเป็นจิตที่ออกทางสัมผัสพิเศษภายในและก็มี
    กระแสเชื่อมกับครูบาร์อาจารย์ข้างบนอยู่แล้วเป็นทุนเหมือนที่เคยเล่าให้ฟังมาแล้วใน #Rep
    ก่อนหน้านั้น..ลักษณะการเห็นใบหน้าอย่างนั้น.ส่วนตัวเรียกว่าเป็นอภิญญาจิตภายในครับ..
    ซึ่งเป็นเอกลักษณะที่เด่นชัดของทางสายวิชาพิเศษครับ..และเป็นลักษณะการเห็นได้อย่างหนึ่ง
    ในหลายๆวิธีครับ..ของคุณเป็นลักษณะการเห็นที่ตัวจิตสร้างภาพขึ้นมาจากตัวจิตตรงต่ำแหน่ง
    กลางลิ้นปี่.แม้ว่าเราจะลืมตาอยู่แต่ความรู้สึกเรามันจะเหมือนว่าเป็นมิติได้ บางครั้งก็เป็นสีได้
    แม้ว่าจะไม่มีภาพปรากฏออกมาข้างหน้าให้เราเห็นก็ตาม และมันไม่ใช่ภาพจากความคิดเราด้วย
    ครับ เนื่องจากว่าตอนนั้นกระแสของจิตมันจะวิ่งไปเชื่อมกับกระโหลกส่วนหน้าและวิ่งย้อน
    ตรงกลับลงมาที่ตัวจิตในทันทีทันใด
    (วงเล็บถ้าเป็นการใช้ความคิดร่วมด้วยกระแสจะวิ่ง
    วนไปมาอยู่เฉพาะภายในกระโหลกครับ.ปกติถ้าจิตใจไม่ยึดหมั่นในพระรัตน์ตรัย
    ไม่เดินปัญญาลดละกิเลสให้ดีๆจนเห็นกิเลสละเอียดได้
    ไม่วิปัสสนาตัดร่างกายให้ดีๆ ตลอดจนอยากได้รับการยอมรับ
    เนื่องจากว่าตนมีอะไรพิเศษ.โดยมากจะหลงตนเอง คิดว่าตนเก่งกว่าใคร
    บอกอยาก ยอมรับฟังความคิดเห็นได้อยาก และคิดว่าตนเองบรรลุธรรม
    และในอนาคตก็จะเพี้ยน หรือเฝ้อทุกราย กลุ่มนี้ถ้าเปลี่ยนภพภูมิจะไปเป็น
    อสูรกายครับ) ประเด็นในวงเล็บเอาไว้สังเกตุ ส่วนประเด็นเรื่องกระแส
    เอาไว้พิสูจน์ได้ด้วยตัวเองในอนาคตครับ..
    ส่วนการพัฒนาในลำดับต่อมา
    ก็คือเห็นแบบภาพที่ลอยๆอย่างนั้น แต่ภาพจะไปปรากฏข้างหน้าเราในระยะห่าง ๑ ถึง๒ เมตร
    ในมุมที่สูงเฉียงจากศรีษะขึ้นไปครับ ส่วนกระแสต่างกันตรงที่มันจะมีกระแสผ่านตรงระหว่างคิ้ว
    ออกไปยังต่ำแหน่งในอากาศที่ได้กล่าวไป....ซึ่งไม่ว่าจะเห็นอย่างไรในการปฏิบัติระดับใช้งานได้
    ก็ถือว่าใช้ได้ทั้ง ๒ หลักการเพราะโดยปกติแล้วมันมักจะแยกกันไม่ออกครับ...
    เรียกง่ายๆว่าใช้ทั้งคู่แล้วแต่กรณีครับ..

    แต่การที่เราจะสามารถพัฒนาขึ้นมาให้ใช้งานได้ การเปลี่ยนมาเป็นภาพพระที่เราชอบดีแล้วครับ
    เพราะว่าเป็นการโน้มให้จิตเรามีความระมัดระวังในเรื่องการคิดเชิงอกุศลต่างๆ..แต่จะต้องพัฒนา
    การพัฒนากำลังจิตให้เกิดกับตัวจิตให้ได้ก่อน..ที่เราๆทำได้เป็นเพราะอารมย์การใช้งานได้ในขณะ
    นั้นมันเข้าถึงเองได้แบบไม่ได้ตั้งใจชั่วคราว มันจึงเกิดกิริยาให้จิตเห็นภาพได้อย่างนั้น..
    ..แต่จะไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ทุกครั้งที่เราต้องการ..ถ้าจะพัฒนาต่อก็ให้มาฝึกสมาธิต่อ
    ด้วยการสร้างภาพพระขึ้นมา..แล้วใจจดใจจ่ออยู่กับภาพพระให้ได้อย่างเดียว..จนกระทั่ง
    ภาพพระที่เราเห็นเกิดเป็นประกายหรือมีความสว่างขึ้นมาเองจากภาพนั้นๆในระดับกำลัง
    สมาธิระดับสูงด้วยครับ..
    ข้อควรระวังอย่าให้ความสำคัญถ้าหากเกิดแสงสว่างจร้ารอบตัวแม้เราจะอยู่ในห้องมืดๆ.
    หรือพูดง่ายๆอย่าให้ความสำคัญกับแสงๆใดๆ แม้ว่าจะมองไม่เห็นต้นกำเกิดแสงหรือมอง
    เห็นก็ตาม..และอย่าให้ความสำคัญกับสิ่งที่เห็น เสียงที่ได้ยินใดๆทั้งสิ้นครับ..
    เพราะพวกนี้เป็นเสมือนตัวหล่อหลวงให้เราเข้าถึงผลสำเร็จได้ช้า ทำให้เราติดนิมิตรได้
    และที่สำคัญจะตัดขั้นตอนการก้าวเข้าสู่การสร้างกำลังจิตเพื่อใช้งานในเวลาลืมตาปกติ
    ในขณะอยู่กับสภาพสังคมปกติครับ...

    และจำไว้ว่าถ้าเห็นเป็นภาพพระใสเฉยๆ.อย่าไปให้ความสนใจมาก เพราะเราจะถูกดูด
    เข้าไปในนั้น จะทำให้เราทำอะไรไม่ได้..และก็จะกลายเป็นโหมดท่องเที่ยวแทน
    ตรงนี้ต้องระวังให้ดีๆครับ...ย้ำว่า ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ถ้าภาพยังไม่มีความสว่างขึ้น
    มาจากตัวภาพเองห้ามสนใจอะไรใดๆเด็ดขาด และให้รักษาภาพอย่างนี้ให้ได้นานที่สุด
    การรักษาได้นานแค่เพียงไม่กี่วินาทีถ้าถึงอารมย์นี้จริงๆ จิตจะมีกำลังจิตขึ้นมาได้..
    และเราสามารถเลือกที่อฐิษฐานจิตและรักษาอารมย์ไว้ หรือเลือกที่จะเล่นกับภาพก็ได้..
    จะทำให้จิตเกิดกำลังจิตขึ้นมา..และเวลาลืมตาปกติ.เราจะสามารถระลึกให้เห็นภาพ
    แบบสมัยก่อนได้ในเวลาไม่กี่วินาที และจะทำได้ทุกๆครั้ง..เพราะตัวจิตจะมีกำลังจิต
    เพียงพอในการสร้างภาพพวกนี้ กำลังจิตถ้าจิตสร้างได้แล้วมันได้เลยครับ
    ไม่เสื่อมเหมือนร่างกาย....ไม่ได้อาศัยการเข้าถึงสภาวะแบบไม่ได้ตั้งใจเหมือนสมัย
    ก่อนซึ่งมันขึ้นๆลงๆ ต้องอาศัยว่าอารมย์ได้ ความรู้สึก ร่วมด้วย..
    ปล.ในช่วงที่กำลังฝึกนี้สภาวะปกติอาจจะเล่นกับภาพได้ในระดับกำลังสมาธิไม่มาก หรือใน
    สภาวะลืมตาปกติได้ นั่นเป็นเพียงเพื่อให้ทดลองฝึกได้ทำได้ แต่ไม่ใช้การสร้างกำลัง
    จิตไม่มีผลต่อกำลังจิต ถ้าเจอสภาวะอย่างที่กล่าวให้มองไว้ว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา
    ไม่ต้องไปให้ความสำคัญอะไรนะครับ..และจำไว้ให้หมั่นเสมอว่า.จะรู้จะทำอะไรก็ตาม
    ให้มีพระนำมาก่อน หรือต้องเห็นภาพพระก่อนทุกๆครั้ง ทุกๆการใช้งานครับ

    ปล.ค่อยๆอ่านจับประเด็นและหลักสำคัญให้ได้ จะทำให้เข้าถึงความสามารถ
    ในระดับใช้งานได้เร็วขึ้น.ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเองในการเข้าถึงการโน้มนำ
    ไปสู่การเห็นกิเลสละเอียดในจิตตนได้ดียิ่งขึ้นครับ..
    ...
     
  16. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ..... แบบนี้สมัยนี้เยอะคะ .. คนรอบตัวนี้ก็มีหลายคนแม้แต่คนใกล้ชิดตัวเอง และ ตัวเอง ก็เป็นประมาณนี้ .. ไม่ได้ฝึกมีเอง .. แต่จะชัดเจนแค่ไหนนั้นเท่าที่สังเกตมา .. มักควบคุมไม่ได้ .. ส่วนคนที่ได้ฝึกมาบ้างก็จะดีหน่อย .. คนจำพวกนี้หากได้รับการฝึกฝนก็จะไปได้ไวกว่าคนที่ไม่มีพื้นฐานเลย .. แต่มันเหมือนเป็น " ดาบสองคม " ที่น่ากลัวมากอย่างหนึ่งคะ เพราะบางคนก็หลงระเริงไปกับมันจนคิดว่าตนเองเป็น " ผู้วิเศษ " และ ลืมตัวข้ามขอบเขตแห่งศีลธรรมอันดี .. ใช้มันในทางที่ไม่ถูก ... กรรมสองเท่า .. อนาตจริง ๆ ..

    .. สำหรับ กาลีนะ คงไม่บังอาจสอนคะ เพราะตัวเองก็มีปัญหานี้เหมือนกันเรื่อง สมาธิ .. ปัญหาระดับชาติเลยก็ว่าได้ ... แต่ขอยืมคำผู้มีพระคุณหลาย ๆ ท่านมายำรวมกันแล้วกันนะคะ ..

    ... ผู้ที่มี อภิญญา มีอยู่ดังนี้

    1. มีโดยการฝึกฝนมาหลายชาติของตน ( อ่านของพี่นบภาการ ได้เลยคะ ) พวกนี้จะติดใจจิตเราทุกชาติคะ แต่ถ้าไม่ฝึกต่อก็อาจเสื่อมได้

    2. อาศัยอำนาจของภพภูมิช่วย ... อันนี้จะเร็วกว่าเพราะเหมือนมีสองแรงแข็งขันช่วยกันเป็นแรงบวก ... แต่ถ้าเวลาเขาเอาคืนก็ " มืดสนิทไม่มีเหลือเลย " ส่วนมากจะมีการต่อยอดด้วยการฝึกตนไปด้วยอยู่แล้ว

    ... อันนี้ก็เป็นข้อเสนอแนะนะคะ แล้วแต่จะพิจารณาเอาคะ ส่วนตัวมาทางนี้คะ

    1. เริ่มจากทาน เพื่อชำระจิตที่ยึดติด และ หยาบ

    2. ภาวนา เพื่อกำหนดจิตให้จิตไปในแนวทางเดียว

    3. สมาธิ + ปัญญา เป็นการฝึกร่างกาย และ จิต ไปพร้อม ๆ กันจนเกิดเป็นหนึ่งเดียว เกิดปัญญาในการแยกแยะสิ่งต่าง ๆ ออกจากกัน ( จุดเด่นของศาสนาพุทธ )

     
  17. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ... กาลีนะ มีคำถามที่อยากจะถามคุณเจ้าของกระทู้นะคะ ( ท่านอื่นอาจลองตอบในใจก็ได้ ) ว่า ...

    1. คุณอยากจะมองเห็นพวกเขาไปเพื่อสิ่งใดกัน ..

    2. เห็นแล้วคุณจะได้ประโยชน์อะไร ..

    3. เห็นแล้วจะคุณจะทำยังไงกับพวกเขา

    4. เมื่อเห็นแล้วคุณมีแผนการใช้ชีวิตต่อไปยังไง ..

    5. คุณพร้อมแล้ว หรือ ยัง

    ... ให้ตอบตัวเองก่อนตอบ กาลีนะ นะคะ ไม่ขอคำตอบที่ดูดีแต่ต้องใช้ใจคุณจริง ๆ ตอบ เพราะถ้าคุณได้เห็นแล้ว ... ชีวิตคุณจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป .. ไม่พิมพ์ตอบก็ได้คะ แค่คุณได้คำตอบให้ตนเองก็พอ.
     
  18. wildtrak

    wildtrak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +155
    เป็นกำลังใจให้อีกคนครับ ผมก็พวกจิตไม่นิ่งเหมือนกัน นั่งได้ไม่นาน เหน็บกินขาชา
    กล้ามเนื้อไม่ค่อยยืดหยุ่น เนื่องจากวิ่งออกกำลังกายแล้วไม่ค่อย cooldown เลยเส้น
    ยึดได้ง่าย พักหลังๆก็เลยสวดมนต์ไหว้พระอย่างเดียว ไม่ค่อยได่นั่งสมาธิ ก็อยากทำเหมือนกันครับ แต่จุดประสงค์ผมจะต่างกันครับ ผมอยากสะสมบุญกุศลเอาไว้ผ่อน
    เจ้ากรรมนายเวรต่างๆให้มาถึงตัวเราช้าหน่อย ไม่ค่อยมีโอกาศไปทำบุญที่วัดบ่อยนัก
    เลยอยากนั่งสมาธิสะสมจากตรงนี้แทน คุณ thailandk8 ยังดีมีเซ้นท์บ้าง ผมนี่ 0 สนิท นั่งก็ไม่เคยเห็นแสงเห็นอะไรกับเขาเลย มีดีอย่างเดียวจะเรียกดีหรือเปล่าก็ไม่รู้
    หลับง่ายหลับดาย ไม่ถึงนาทีไปแล้ว พลอยติดต่อไปถึงนั่งสมาธิด้วย แอร์เย็นๆเงียบๆ
    คร๊อก ให้ตายเถอะ ชาตินี้ตูจะนั่งสมาธิกับเขาได้มั่งไหมเนี่ย
     
  19. Superwoman1

    Superwoman1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +244
    -----
    ความเห็นนี้ฮาสุดค่ะ. ไอ้ sixth sense น่ะมีคนที่มีญาณเค้าบอกมา. เราไม่รู้หรอก เพียงแค่เป็นคนที่คาดเดาเรื่องได้ถูกหลายเรื่อง. สะสมบารมีเหมือนกันค่ะ เป็นคนที่มีนายเวรอดีตชาติ และปัจจุบันชาติ ตามล้างตามเช็ดไม่หยุดหย่อน. ก็ยอมๆเค้าไปค่ะ เพราะจะได้จบๆกันไปชาตินี้ วันนี้ก็เจอนายเวรเล่นเอาค่ะ หักหลังดังเปรี๊ยะเลย. ยากมากค่ะกับการไม่ทำอะไรคืนกับคนที่ทำร้ายเรา. หลุดๆบ้างก็มี อยากอุทิศบุญด้วยผลบุญการทำสมาธิดูบ้าง เคลียร์ของชาตินี้ให้เยอะๆ ชาติหน้าจะได้เคลียร์คดีกับนายเวรรายอื่นน้อยรายหน่อย.
     
  20. Superwoman1

    Superwoman1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +244
    -----
    ขอบคุณจากใจจริงที่ให้กำลังใจอย่างเต็มกำลัง เราอ่านความเห็นหลายรอบโดยมุ่งไปที่ประโยคในวงเล็บเพราะไม่อยากเป็นอสูรกายหลังเสียชีวิตในชาตินี้:boo::boo::) แล้วการเดินปัญญา วิปัสนาตัดร่างกาย เป็นยังไงคะในหนังสือเล่มไหนจะมีข้อมูลเหล่านี้คะ ขอบคุณค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...