พระโพธิสัตว์ พระผู้ทรงเป็นดั่งพลังของแผ่นดิน

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย 5314786, 3 พฤษภาคม 2014.

  1. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    [​IMG][​IMG]

    "เรามีนิสัยอย่างหนึ่ง...ถ้าคนไทยด้วยกันพูดไม่ค่อยเชื่อ
    แต่ถ้าฝรั่งเขาบอกว่าอย่างนั้นๆ มาจากประเทศอื่นๆ เราเชื่อมาก
    เพราะนึกว่าเขามีความก้าวหน้า..หรืออย่างที่ว่าเป็นอารยประเทศ เขาก็คงรู้ดี
    แต่หารู้ไม่ว่ามันผิดกับที่เราควรจะคิด
    เพราะเราอยู่ในประเทศของเรา...ย่อมต้องรู้ดีว่าประเทศของเราเป็นยังไง"

    พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 653644b0e.jpg
      653644b0e.jpg
      ขนาดไฟล์:
      106.4 KB
      เปิดดู:
      5,951
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2015
  2. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    [​IMG][​IMG]

    'ทั้งหมดที่มี'

    แม้อีสานจะแห้งแล้งขาดน้ำ แต่เรื่องของ "น้ำใจ" นั้นท่วมท้นไม่มีขีดจำกัด ของถวายครั้งนั้นจึงหลากหลายเป็นที่สุด นับตั้งแต่ผ้าไหม กล้วยไม้ นกยูง กระจง นกเขาแก้ว ไก่ป่าและลิงเผือก

    นางเจียม แสงเสนาะ ชาวหนองคาย รู้ข่าวเสด็จฯ ก็เตรียม "ของดีที่หนึ่ง" ซึ่งเตรียมการล่วงหน้าไว้ถึง 3 วัน โดยนำปลาช่อนตัวใหญ่ๆ สามตัวมาทำปลาเค็ม แต่ละตัวทำได้ 6 ริ้ว ตั้งใจทำอย่างดีที่สุด แล้วนำปลาเค็มใส่ห่อถวายด้วยใจภักดิ์

    ส่วนคุณยายละมุน มาลาเพชร เจ้าของร้านธรรมขันต์โอสถ จังหวัดอุดรธานี
    นำยากำลังเลือดช้างเลือดม้า ยาบำรุง และยาถ่ายทองทิพย์ ใส่กระติ๊บถวาย
    ที่นครพนม มีผู้นำคาถาคงกระพันยิงฟันไม่เข้าใส่ซองถวาย
    คุณตาคนหนึ่งเก็บดอกบานชื่นมาถวาย
    คุณยายอีกคนหนึ่งนำกล้วยน้ำว้าครึ่งหวีราวหกผล ซึ่งงอมมากจนเป็นสีดำมาถวาย
    ไม่ว่าราษฎรที่ยากไร้จะถวายของตามมีตามเกิดอย่างใด ก็ทรงรับ "น้ำใจ" นั้นไว้ทั้งหมด

    ...ด้วยทรงรู้ว่าแม้ของนั้นจะไม่มีมูลค่า แต่คุณค่านั้นประเมินไม่ได้...เพราะมันคือทั้งหมดที่เขามี

    ขอบคุณที่มาจาก https://www.facebook.com/mineroyalty
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • K4312938-60.jpg
      K4312938-60.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59 KB
      เปิดดู:
      9,248
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2015
  3. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    [​IMG][​IMG]

    'ขอกลับบ้านก่อน'

    "ทุกคนจะเห็นท่านทรงถือแผนที่ ไปไหนมาไหนก็มีแผนที่ แผนที่รายละเอียดของ
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงตัดต่อเอง ...ท่านมานั่งตัดนั่งต่อ มานั่งปะกาวเอง

    ใครๆ คิดว่าห้องทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนี้เป็นห้องที่ต้องโก้ต้องเก๋ มีโต๊ะ มีเก้าอี้
    มีแต่ว่าท่านไม่ได้ประทับที่นั่น ท่านลงประทับกับพื้น เพราะว่าบนพื้นวางของต่างๆ ได้มากกว่าโต๊ะ...


    ...การที่ท่านทรงมีแผนที่ก็ด้วยเหตุที่ว่า ไปตรวจตราในเส้นทางที่จะเสด็จฯ เองก็ดี
    หรือว่าในการพูดคุยกับประชาชน หาข้อมูลจากประชาชน...

    ...เขามองแผนที่ไป เขาคุยไปได้อะไรมากเลย ในบางครั้งก็มีคุยกันไปตั้งนาน ชาวบ้านจึงลุกขึ้นบอกเดี๋ยวผมขออนุญาตกลับบ้านก่อน ก็รับสั่งว่า มีธุระอะไรหรือ เขาบอกว่าเดี๋ยวผมกลับไปแล้วเดี๋ยวผมมา...

    ...กลายเป็นว่าชาวบ้านคนนั้นไม่มีความสบายใจ เพราะว่าท่านทรงขับรถยนต์พระที่นั่งไปแวะประเดี๋ยวหนึ่ง เขากำลังอาบน้ำอยู่ ก็นุ่งแต่ผ้าขาวม้า เสื้อไม่ได้ใส่ ก็เลยอยากกลับไปใส่เสื้อแล้วค่อยกลับมาคุยต่อกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว..."

    (หม่อมราชวงศ์บุตรี วีระไวทยะ ในการอภิปราย "พระเจ้าอยู่หัวของเรา" จัดโดย สมาคมนักเรียนทุนรัฐบาลไทย สำนักงาน กพ. วันเสาร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๓๐)

    ขอบคุณที่มาจาก https://www.facebook.com/mineroyalty
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 16.jpg
      16.jpg
      ขนาดไฟล์:
      118.2 KB
      เปิดดู:
      1,656
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2015
  4. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    [​IMG]

    "ขอดื่มนํ้าฝนในถังสักแก้ว"

    วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๐๑ ขณะที่ในหลวงทรงเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรโบราณสถานในเมืองศรีสัชนาลัยอยู่นั้น
    ในหลวงทรงตรัสสอบถามคุณย่าทวด "เล็ก เปล่งเสียง" อายุวัย 90 ปี เป็นชาวบ้าน ต.สารจิต อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย

    ซึ่งคุณย่าทวดเล็กได้นำน้ำฝนลอยดอกมะลิ มาตั้งไว้หลายถังเผื่อหากข้าราชบริพารที่ติดตามขบวนเสด็จกระหายนํ้าจะได้ดืมนํ้ากัน
    แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่า

    พระองค์ทรงตรัสกับคุณย่าทวดเล็กว่า
    "ย่าจ๋า ฉันขอดืมน้ำในถังสักแก้วได้ไหม "
    คุณย่าทวดเล็กก็ทูลตอบว่า
    "ฉันไม่กล้าให้ในหลวงกินหรอก เพราะมันเป็นน้ำฝนและเป็นนํ้าธรรมดาด้วย"

    ในหลวงก็ทรงแย้มพระสรวล (ยิ้ม) พระองค์ก็ทรงตรัสกับคุณย่าทวดเล็กว่า
    "ปกติฉันก็กินน้ำธรรมดาอย่างนี้นี่แหละย่า"

    จากนั้นพระองค์ทรงตักนํ้าฝนในถังเสวย และพระองค์ยังตรัสว่า
    "นํ้าฝนเย็นสดชื่นดี และยังหอมกลิ่นดอกมะลิอีกด้วย"

    ภาพประกอบ คือภาพจริงในเหตุการณ์จริง เมื่อปี ๒๕๐๑
    "ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล"เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา
    เป็นข้าราชบริพารที่รับใช้เบื้องพระยุคลบาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    [​IMG]

    'กว่าจะเป็นมีดดาบ'

    "วันหนึ่งผมมีความทุกข์มาก เพราะทำงานชิ้นหนึ่งไม่สำเร็จ นั่งคอตกหมดพละกำลังแรงใจ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น ถ้าจะใช้คำสามัญทรงเป็นนายที่ดี ทรงเห็นผมทุกข์อยู่ ทรงพระดำเนินมาและไม่ทรงถามผมสักคำว่าผมทุกข์เรื่องอะไร รับสั่งกับผมว่า..

    ..ไปหาเหล็กมาให้ฉันก้อนหนึ่งได้หรือไม่ เหล็กธรรมดาเศษเหล็กอะไรก็ได้ ราคา ๒๐ - ๓๐ บาทก็ได้..ถ้าได้เหล็กมาฉันอยากจะตีมีดดาบ จะต้องนำเหล็กไปทำอะไร ต้องนำเหล็กไปเผาไฟ ถ้าตัวเราถูกเผาอย่างนั้นแล้วจะทรมาณหรือไม่ เมื่อเผาแล้วนำมาทุบมาตี..

    พระองค์ทรงถามว่าถ้าเราถูกทุบถูกตีอย่างนั้นจะเจ็บปวดหรือไม่..กว่าจะเป็นมีดดาบถูกเผากี่ครั้ง ถูกทุบกี่ครั้ง กว่าจะจบสิ้นยาวนานมากทรมาณอยู่อย่างนั้น แต่ผลสุดท้ายเป็นดาบใช่หรือไม่
    พอเป็นดาบแล้วสวยหรือไม่ ใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ แต่ถ้าใช้ไม่ดีก็บาดมือเราได้นะ ถ้าเราทำฝักให้สวยๆ ทำด้ามสวยๆ..ราคา ๒๐ - ๓๐ บาท เหมือนราคาเหล็กก้อนเดิมหรือไม่ กลายเป็นดาบที่มีราคาสูงขึ้นมามากมาย..

    ..จำไว้ว่าใครผู้ใดก็ตาม ในชีวิตไม่เคยถูกเผา
    ไม่เคยถูกทุบเหมือนเหล็กชิ้นนั้น ทำงานใหญ่ให้กับแผ่นดินไม่ได้"


    จาก 'ตามรอยพระยุคลบาท ครูแห่งแผ่นดิน' โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล

    ขอบคุณที่มาจาก https://www.facebook.com/mineroyalty
     
  6. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    [​IMG]

    พระราชทานสัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าว ของพระราชินี เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๓

    สถานการณ์ภาคใต้

    (ทูลถาม) สำหรับภาคใต้ ทรงมีทัศนะอย่างไรต่อสถานการณ์ และความเป็นอยู่ของราษฎรที่นั่น
    (ทรง ตอบ) ชาวบ้านภาคใต้นี่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี่ต้องทำอย่างไร เอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้ บอกว่า นั่นข้างล่างน่ะ ฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จักด้วยนะ ซ่อนไว้ ไม่เช่นนั้นฎีกานี่ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน อย่างที่ทุ่งใหญ่ นครศรีธรรมราชนี่ ถ้าตามไปดูจะเห็น เขามียามเวรกัน แล้วก็พยักหน้า หัวหน้าเขาก็เขาละ อุตส่าห์ซ่อนแทรกเข้าไปไว้ในดอกไม้ พับเสียจนนิดเดียว

    (ทูลถาม) โดยมากราษฎรร้องเรียนเรื่องอะไรบ้างเพคะ


    (ทรง ตอบ) ทุกเรื่องเลย เกี่ยวกับกฎหมายก็มี มีอันหนึ่ง ไม่ทราบว่าเก็บหรือเปล่า ท่านผู้หญิงสุประภาดา (เกษมสันต์-ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถขณะนั้น) เก็บหรือเปล่า ที่ชาวบ้านทุ่งใหญ่ฎีกาบอกว่า ลูกน้องเสือฉลอง อยู่ใช่ไหม ไม่เช่นนั้น ฉันพูดไปเหมือนกับแต่งเอา เพราะว่า เมื่อฉันได้รับฎีกาแล้ว ก็จะซีร็อกซ์ (ถ่ายสำเนา) ส่งไปให้ราชเลขาธิการพระเจ้าอยู่หัว แล้วส่งไปที่ราชการ เขาบอกว่า ลูกน้องเสือฉลองนี่ฆ่าคนของเขา ซึ่งเป็นชาวบ้าน ปิดถนน ปิดโรงเรียน ปิดตลาด ปิดสวนยาง เขาร้องไห้บอกว่า เขาไม่รู้จะเอาอะไรกิน ขอให้ท่านช่วย ขอให้ทหารของพระเจ้าแผ่นดินช่วย แล้วก็เซ็นชื่อกันยาว ฉันก็ให้คุณเปรมดู
    คุณเปรมก็บอก ปิ่น ทำไมไม่ช่วยราษฎรล่ะ ...
    คุณ ปิ่นบอก แหม ก็ไปก้าวก่าย...(ทรงหันมารับสั่งถามนักข่าวหญิง) อันนี้ก็การเมืองอีกใช่ไหม ฉันไม่ทราบจะทำอย่างไร อันนี้ ที่บอกว่า ถามฝรั่งให้เขาบอกเดฟฟินิชั่น (คำนิยาม) มาซิว่า การเมืองนี่มันเป็นอย่างไร ฉันไม่ทราบจะทำอย่างไร เพราะราษฎรเอามาให้ช่วย

    หนหนึ่ง ข๊ำขำ เสียงตุ๊บๆตั๊บๆ หันไปมองว่าอะไรกันที่แท้ เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์
    ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมากเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยากให้ยุ่งการเมือง

    คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว แม่เล็กบอก เล็กได้มาแล้ว ก็บอกเขา โธ่ คุณ ถ้าเผื่อปิดนี่ บ้านเมืองเราจะไปไม่ไหวนะ ราษฎรไม่รู้จะออกทางไหน เราก็มีหน้าที่เอามา แล้วเอาไปให้แก่รัฐบาลเท่านั้น

    อย่าไปปิดๆนี่ประชาชนไม่รู้จะไประบายทางไหน แย่เลย
    บ้านเมืองไม่ปลอดภัย ฉันเอาไปให้แม่ทัพ แม่ทัพเห็นเข้าก็อึ้ง


    ปีที่เราไปทุ่งใหญ่ ไปเห็นสภาพคนแล้ว สงสารที่สุดเลย เพราะว่าที่นี่เป็นที่แห่งเดียวที่คนจนเท่ากับ...ในประเทศไทย คนที่จนที่สุดบวกจนที่สุด คือ ชาวเขา กับคนไทยอิสลาม จนอย่างชนิดที่เราไม่เคยเห็นที่ไหน อีสานก็ไม่เห็นอย่างนั้น เกือบจะไม่เป็นผู้เป็นคนเลย เสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่ง แล้วร่างกายขาดเลือดเสียจนซีดไปหมดเลย ไม่มีเลือดเลย ฉันเปิดตาดู ตาข้างในขาวเหมือนกับผ้าอย่างนี้ (ทรงจับผ้าปูโต๊ะที่ประทับ) ไม่มีเลือดในตัว ฉันให้แม่ทัพ ตอนนั้น คุณปิ่น ธรรมศรี (พลโท ปิ่น ธรรมศรี แม่ทัพภาค ๔ ในขณะที่เสด็จฯ) คุณเปรม (พลเอก เปรม ติณสูลานนท์) เป็นผู้ช่วยหรือ รอง ผบ.ทบ.คุณเสริม (พลเอก เสริม ณ นคร) เป็น ผบ.ทบ. คุณเปรมไปเฝ้าฯที่นั่น พระตำหนักทักษิณฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2014
  7. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    [​IMG]

    (ทูลถาม) ความทุกข์ของเขาที่แท้จริงมีอะไรบ้าง พระพุทธเจ้าค่ะ

    (ทรง ตอบ) เขาบอกว่า เขาไม่ได้รับความเป็นธรรม ถามว่า ไม่เป็นธรรมทางไหน โดยมากจะเป็นเรื่องที่ดิน คือหมายความว่า เขาจะบอกว่า ที่ดินที่เขามีอยู่ก่อน แต่เขาไม่มีหรือเขาไม่รู้ว่าต้องมีใบโน่นใบนี่ อยู่มาตั้งแต่ปู่ย่า ตายาย แล้วอยู่มาๆก็โดนสั่งให้ออกจากที่ดินที่เคยอยู่มานาน เพราะไม่มีเอกสารแสดง

    เรื่องนี้ น่าสงสารมากเลย เพราะว่ากฎหมายนั่นเองที่ทำลายคน คือเขาไม่รู้จักคำว่ากฎหมาย
    เขาบอกว่า นายอำเภอมาถามว่า มีใบจับจองหรือเปล่า
    แก ไม่มี แต่คนอื่นมี เขามีใบที่มาจับจองในที่ที่แกอยู่ เขาก็มาไล่ที่แก เพราะเขามีใบอะไร นส.อะไรที่ถูกต้อง ฉันไม่เคยชำนาญเรื่องนี้ เรียกไม่ถูก
    ถ้า มาว่ากันตามกฎหมายนี่ ชาวบ้านก็ต้องออก ถึงจะอยู่มาตั้งแต่ปู่ย่า ตายายก็ต้องออก เพราะในที่นี้ กฎหมายไม่ได้ช่วยชาวบ้าน คราวนี้นักกฎหมายก็บอกว่า เขาออกประกาศตั้งนานจนหมดเวลาแล้ว แต่ชาวบ้านอ่านหนังสือไม่ออก หรืออยู่ในที่ที่เดินมาไม่ถึงที่ประกาศ แกก็ไม่รู้ ไม่ทราบจะทำอย่างไร วนเวียนอยู่อย่างนี้

    แล้วที่นครศรี ธรรมราช ฐานดงเหล็ก พอจะย้ายนาวิกโยธิน (นย.) ออก ก่อนที่ลูก คุณสุวรรณ รัตนชื่น ตายนี่ รุ่นก่อนโน้น ทางกองทัพเรือจะให้ นย. ย้ายออกมา ไม่ให้รักษาพื้นที่ ชาวบ้านมาร้องขอให้อยู่

    พระเจ้าอยู่หัว ก็ขอกับ คุณสงัด ชลออยู่ (พลเรือ เอกสงัด ชลออยู่ ผบ.ทร.)ว่า อย่าให้ออกมาเลย สงสารชาวบ้าน เพราะเขากลัว เขาบอกว่า เขาได้ให้ความร่วมมือกับ นย. หมด ถ้า นย. ออกมา พวกเขาต้องตายหมด เขาร้องไห้กันใหญ่ พอรู้ว่า นย. จะออก
    พอ นย. ออก ได้ข่าวว่า ชาวบ้านถูกฆ่าจริงๆ

    เมื่อก่อนนี้ นย. สอนหนังสือลูกเขา ทำอะไรให้เขา คือทหารนี่เก่งมาก ทหารเก่งทุกเหล่า คือ ช่วยสอนหนังสือ ช่วยพัฒนา ชาวบ้านรัก เวลาเจ็บป่วยก็อุ้มคนเจ็บมาหาทหารที่ฐาน แล้วทหารเขาขอพระราชทานยาไว้ เราแจกเรื่องเกี่ยวกับหมอนี้ให้เขา เขาอ่านดูเขาก็รู้เรื่อง เขาให้ยาได้ ถ้าหนักหนา เขาบอกไปที่หน่วยข้างนอกให้เข้าไปช่วยหรือส่งชาวบ้านออกมา

    ที่พัทลุง ตรงแดนที่ว่าเป็นผู้ก่อการร้ายนี่ เสด็จฯไปลงตรงจุดก่อการร้ายเลย มีวัดซึ่งตอนนั้น ท่านอาจารย์นำของควนขนุนยังอยู่ ท่านบอกว่า มหาบพิตร ไม่ต้องกลัวหรอก มาเถอะ เราก็ลงไปตรงนั้นเลย ทุกคนดีใจหมดเลย แล้วที่นี่ ชาวบ้านมากราบบังคมทูลเรื่องต่างๆ

    เขาบอกว่า ราชินีๆ แปลงตัวมาซิ แล้วจะรู้ว่าราษฎรทุกข์ยากอย่างไร
    แต่อย่าเอาพวกนั้นมานะ พลางบุ้ยไปทางทหาร ตำรวจ บอกราชินีแปลงตัวมา รับรองปลอดภัย


    แต่มาเฉพาะลำพังผู้หญิงๆนะ แต่ฉันขี้ขลาด ไม่กล้าไป กลัวถูกจับไปเป็นตัวประกัน
    พระเจ้าอยู่หัวรับสั่งบอก “ดี จะได้เป็นราชินีบนเขาด้วย” (ทรงพระสรวล)
    ชาวบ้านรับรองความปลอดภัยทุกประการ บอกอยู่กินกับเขาได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2014
  8. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    [​IMG]

    ทาง นราธิวาส ชาวไทยอิสลามน่าสงสาร บางครั้งฉันไปโดยเขาไม่รู้ตัว เขาเล่าเรื่องต่างๆให้ฟัง เห็นได้ว่า เขารักพระเจ้าอยู่หัวจริง เพราะธรรมดาแล้ว เขาจะไม่เข้าวัดไทยเลย แต่วันนั้นที่เราไป ฝนตก พายุมา ฉันก็ไม่รู้ว่า เขาไม่เข้าวัดไทย แม้แต่จะหลบฝน เห็นเป็นทีบี (วัณโรค) เป็นอิสลาม ฉันประคองเข้ามา เขาก็เข้ามาดี ทีนี้ คนไทยพุทธเขามาบอกว่า อย่างนี้ดีมากแล้ว ยังอุตส่าห์เข้าวัด ไม่เช่นนั้นจะไม่ยอมเข้าวัดเลย ไม่เข้ามาแม้แต่จะเหยียบ

    ฉันถามว่า ทำไม เขาตอบว่า ไม่รู้ เขาว่าบาป เวลาที่เข้าวัดไทย
    หันไปถามล่ามว่า เข้าวัดไทยนี่จะบาปไหมจ้ะ
    เขา บอกว่า พระบอกว่า รายอ (พระเจ้าแผ่นดิน) อยู่ที่ไหน ก็อยู่ที่นั่นได้ ไม่เป็นไร ไม่บาป
    เขารักพระเจ้าอยู่หัวจริง ๆ เข้ามาจูบ อันนี้สะดุดใจฉัน เพราะว่าเข้ามาจูบหน้าแข้งพระเจ้าอยู่หัว
    คนแก่ตาบอด แล้วบอกว่า ดีเหลือเกิน

    เขาเป็นอิสลาม เราฟังไม่รู้ ล่ามแปลให้ฟัง ดีเหลือเกิน ทำไมดีอย่างนี้ ดีกระทั่งแม้กับคนอิสลาม

    พระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า ทำไมเขาต้องแบ่งด้วยว่า
    เรานี่ดีแม้กระทั่งกับคนอิสลาม ทุกคนเป็นคนไทยเหมือนกันหมด


    ความ สัมพันธ์ระหว่างชาวไทยพุทธกับไทยอิสลามมีความสัมพันธ์กันดี เห็นได้โดยไม่ต้องพูด เรามองการกระทำ คนไทยอิสลามแบกหามคนไทยพุทธมาหาหมอให้รักษา เห็นผู้ชายหนุ่มดำๆอุ้ม ผู้ชายผิวขาว แต่ว่ากระดูกหลังนี่ค่อมไปหมดแล้ว มันทรุดหมด นั่งหรือเดินอย่างลำบาก จำได้ว่าชื่อครูสนั่น เข้ามาบอกกับฉันว่า อยากให้ท่านช่วยเรื่องตา ทุกวันนี้ก็ไม่น้อยใจเรื่องอะไร รับจ้างสอนหนังสือ บอกว่า เวลานี้ตามัวเข้าทุกที เพราะเข้าใจว่าเป็นต้อกระจก บอกไม่อย่างนั้นก็พอรับจ้าง
    สอนหนังสือได้ เด็กอิสลามเขามาเรียนด้วย
    ถามว่า ครูเป็นอิสลามหรือ
    บอก ไม่ใช่ครับ ผมชื่อ สนั่น เป็นไทยพุทธ
    ถามว่า นั่นลูกครูหรือที่อุ้มมา
    บอก ไม่ใช่ นั่นเป็นเพื่อนครูร่วมโรงเรียน รุ่นเด็ก เป็นไทยอิสลาม เขาอุ้มพามา
    ส่วน ครูไทยอิสลามที่อุ้มมาก็บอกว่า ท่านครับๆ อยากให้ท่านช่วยครูคนนี้จัง เพราะแกไม่มีญาติเลย แล้วเป็นคนยากจนมาก พิการ อยากให้ท่านช่วยรักษาให้ สงสารเขา
    คือเห็นอย่างนี้ เมื่อเห็นความจริงก็เลยสาวเรื่องไป แล้วไปถามพระว่า ท่านอยู่ได้อย่างไร ไม่ลำบากหรือการฉัน (อาหาร)

    ท่านบอกว่า ไม่ คนอิสลามเขาเอามาช่วย ไทยพุทธมีน้อย แล้วพระท่านบอกว่า ระดับชาวบ้านต่อ
    ชาว บ้านน่ะ ไม่มีอะไรเลย รักกันดี แต่ว่าระดับอื่นๆ อาตมาภาพอยากจะให้มหาบพิตรช่วยพูดว่า อย่าไปเข้าใจผิดกันเลย ให้แผ่เมตตากันไปเถอะ ท่านก็พูดอย่างพระ

    พอค่ำเข้า ล่ามเริ่มไม่ยอมอยู่ กระสับกระส่ายกันเป็นแถว ฉันสงสัยว่า เอ๊ะ เขากลัวอะไร
    ฉันก็ไม่กลับ กว่าจะกลับนี่ก็มืดสนิทแล้ว เห็นตามถนนนี่ เห็นไฟ เขามายืนจุดไฟตะเกียงกันเป็นแถว ลงหยุดทัก พอหยุดนี่ เขากลับตาเหลือก รีบบอกให้เราขึ้นรถกลับไปเสีย กลับๆไปเสีย ถามเขาว่า เป็นอย่างไร

    เขาบอกตัดบทเฉยๆ ประไหมสุหรี (พระราชินี) กลับไปเถิด
    เลยเดาเอาเองว่า ที่พระท่านออกมายืน เพราะว่า กลัวเราจะถูกทำร้าย พอเห็นท่าน เราก็ลงมาพูดด้วย ท่านกลับบอกให้รีบกลับๆ อย่างนี้แล้วจะไม่ให้รักเขาได้อย่างไร เขาหวังดีมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2014
  9. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    [​IMG]

    แล้วที่จับใจใน ความรักของประชาชน บอกกับฝรั่งว่า จับใจในความรักของประชาชน ไม่มีวันลืมได้เลย คือเรื่องระเบิดที่ยะลา หลายปีมาแล้ว พอเสียงระเบิดดังปึง ปึงๆ นี่ ชาวบ้านวิ่งหนี หกล้มคลุกคลาน เห็นเลยว่า วิ่งหนีเป็นแถวๆ ออกไป กลับบ้าน เหลือคนอยู่น้อย ทีแรกคนแน่น พอสักประเดี๋ยวซี หอบแฮ่กๆ วิ่งกลับมาเป็นแถวอีก วิ่งกลับมากันร้องไห้กันหมด

    เขาบอก ดู๊เถอะ ดูใจตัวเองเถอะ กลับไปถึงบ้าน มันตกใจน่ะ มานึกได้ว่า โถ ทิ้งท่านอยู่ลำพังนะนี่ ฉันก็เลยวิ่งกลับมาอีก เป็นห่วง ทีแรกก็กลัวตาย คราวนี้ขอบอกว่า ตายเป็นตายด้วยกัน แล้วเด็กนักเรียนสาวๆคงเป็นไทยพุทธ เห็นพูดไทยได้ ร้องไห้ใหญ่เลย ร้องแบบไม่มีสติ บอก ท่านๆคะ ท่านไปทำอะไรชั่วร้าย ท่านไม่ได้ทำอะไรให้ใคร เขาจะฆ่าท่านทำไม แกพูดซ้ำอยู่นั้น ร้องไห้ไป ตัวสั่น

    ท่านไม่เคยทำอะไรใคร ในหลวงไม่เคยทำอะไรใคร เขาจะฆ่าท่านทำไม ทำไมเขาต้องการจะฆ่าท่าน ชาวบ้านที่วิ่งกลับมา ร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทาง บอก ฉันกลับไปถึงบ้านแล้ว พูดทั้งที่หอบ แต่ว่านึกได้ว่า ตาย เจ้าแผ่นดินกับราชินีอยู่ เลยนึกว่า ตายก็มาตายด้วยกัน เลยวิ่งกลับมาเป็นเพื่อน

    แหม ความรู้สึก ตรงกับเพลงที่ว่า “หากใครแกล้งเธอ ฉันนี้จะยอมตายแทน ...”
    พุทโธ่ อุตส่าห์วิ่งกลับมากันหมดเลย

    และท่าที่ร้องไห้ วิ่งเข้ามากำบังคุ้มกันระวังพระเจ้าอยู่หัว จับใจ แล้วตำรวจ ราชสำนักบอกให้กลับพระตำหนัก อย่าเสด็จฯ โรงพยาบาล อันตราย เพราะทางที่จะกลับ ถ้าค่ำแล้วยิ่งอันตรายใหญ่ เขาอาจจะยิงด้วยจรวดก็ได้ ให้รีบกลับเสียแต่วันๆ เถอะ พระเจ้าอยู่หัวบอก ไม่ได้ เขามานี่ เจ็บเพราะเรามา เขามาหาเรา เราต้องไปเยี่ยม

    มีรายงานบอกว่า ไม่ได้เจ็บกันมากพระเจ้าข้า ข้าพเจ้ารับรอง
    ได้ข่าวว่า เลือดขีดข่วนเท่านั้น ใส่ยาแดงแล้วก็กลับบ้านได้


    ฉันคิดว่า การที่พระมหากษัตริย์ของบางประเทศล่ม เพราะเหตุอย่างนี้ คือเพราะเชื่อตามคำบอก

    พระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า ขีดข่วนก็จะไปดู เขาไม่ยอม สั่งรถพระที่นั่งให้กลับพระตำหนัก
    รถพระที่นั่งวิ่งกลับ พระเจ้าอยู่หัวสั่งให้เลี้ยวกลับเดี๋ยวนี้ “ ฉันจะไปโรงพยาบาล”


    คนขับรถกลัว เลี้ยวไปอีกทางที่ไปโรงพยาบาล พอไปถึง เราตกตะลึง เพราะเลือดสาดเต็ม แล้วมีเด็กผู้หญิงสาว อายุสัก ๑๗-๑๘ กำลังหอบ ปอดยุบไปข้าง ถ้าเราไม่ไปก็ตาย แล้วเด็กอีกคนตาก็จะบอด คือ คนนอนกันเต็มเห็นแต่เลือดๆทั้งนั้น พอเข้าไป เด็กสาวนั้นเห็นเรา เขาก็ร้องไห้ บอก ท่านคะ หนูเจ็บเหลือเกิน หนูหายใจไม่ออก หนูเจ็บ พ่อแม่ก็ไม่ได้มา ท่านช่วยหนูด้วย

    ฉันยื่นมือให้จับ หมอบอกว่า ออกซิเจนเข้าไม่ได้ ต้องเจ็บปวด เพราะลมมันดันที่หน้าอก ตับมันเสียไปข้าง ปวดมาก เขาให้ออกซิเจนอยู่แล้ว แกตกใจ ยึดมือแน่น หมอบอกฉีดยาให้หลับก็ไม่หลับ เพราะตกใจ ไม่ยอมหลับ

    ถาม หนูจะตายไหมคะท่าน หนูจะตายไหม

    ฉันบอก หนูไม่ตาย แต่ขออย่าพูดนะจ้ะ หมอเขาบอก อย่าพูด
    ต้องเก็บกำลังไว้ เขากำลังเตรียมห้องผ่าตัด บอก หนูหลับซะ

    แกก็ว่า หนูไม่กล้าหลับ เดี๋ยวตาย

    บอก หลับซะ ไม่ตาย ฉันยืนตรงนี้ จับมือไว้ ฉันยืนอยู่ด้วย จนกว่าพ่อแม่หนูจะมา ฉันยืนตรงนี้ ไม่ไปไหน รับรอง แล้วคุณหมอดนัยก็จัดการให้ออกซิเจนเข้ามาก แกถึงผล็อยหลับไปได้
    ส่วนเด็กผู้ชายอิสลาม หมอไม่รับรองความปลอดภัย สะเก็ดระเบิดเข้าตาและเลือดไหลออกมาก พ่อแม่ ยืนเฝ้าทั้งน้ำตา เราเห็นแล้ว ใจหายหมด เห็นแล้วนึกว่า ดีนะที่เราไม่เชื่อใคร พอเขาเห็นเรา เขาก็ใจชื้นใจสบาย รับสั่งให้หมอโรงพยาบาลพระมงกุฎที่อุตส่าห์อาสาตามเสด็จ ให้ไปช่วยยะลาทำการผ่าตัดตรงทรวงอก เพราะเศษระเบิดมันฝังข้างในแล้ว ปอดมันทะลุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2014
  10. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    [​IMG]

    ในขบวนตามเสด็จ มีเด็กที่เอามาเลี้ยงไว้เป็นชาวหุบกะพง แม่เป็นแคนเซอร์ (มะเร็ง) ตาย พ่อไม่มีเงินเลี้ยง ให้เด็กคนนั้นไปด้วย เพราะจะได้ดูชีวิตจริง แกเลยได้เห็นชีวิตเกินจริง ทั้งระเบิด ทั้งเลือด กลับมาแล้วเด็กนั้นเลยกินข้าวไม่ลง

    ขอถามนักข่าวที่รู้เรื่องกฎหมาย ว่า อย่างนี้เป็นการทำผิด เป็นการเมืองหรือเปล่า
    ที่ฉันเข้าไปเยี่ยมราษฎร แล้วชาวบ้านมาเล่ามาบอกให้รู้ว่า ขอให้ท่านช่วยพูดกับเจ้าหน้าที่สูงๆ หน่อยว่า ให้เห็นใจคนไทยอิสลามบ้าง ขอให้เข้าใจว่า เขานี่อยากอยู่อย่างสงบเท่านั้นเองอันนี้ การเมืองไหม


    ฉันแยกไม่ถูกว่า ฉันย่ำลงไปตรงการบ้านการเมืองหรืออะไรตรงไหน ฉันทราบ
    ฉันรู้อย่างเดียวว่า ถ้าดับร้อนของคนไม่ได้แล้ว ภาคใต้เราจะต้องเสียแก๊สธรรมชาติที่ดี


    ซึ่งเมืองเราควรจะ เพราะแก๊สธรรมชาติ เพื่อนฝรั่งเขาบอกว่าสงสัยมีน้ำมันด้วยที่อ่าวไทยทางภาคใต้ ไม่ใช่เฉพาะแก๊สแล้วถ้าเผื่อคนไทย ทั้งพุทธทั้งอิสลามตีกันนัวอย่างนี้ มันก็แย่ ทางที่จะสูญเสียมันก็เป็นไปได้


    นาวิกโยธินชั้นเด็กมาบอกว่า ข้าพเจ้าอยากให้ท่านรับสั่งกับนายกรัฐมนตรี ตอนนั้นสมัยนายกฯ เกรียงศักดิ์ (ชมะนันท์) ว่า อยากให้ปรับเงินเบี้ยเลี้ยงของตำรวจให้ได้เท่ากับทหาร แล้วเหตุการณ์มันจะได้ดีขึ้น เพราะว่า ตำรวจได้เงินน้อย

    ฉันบอกว่า ไม่เป็นไร ฉันจะบอกนายกฯ ให้

    นี่ การเมืองแล้ว ใช่หรือไม่ ฉันก็ไม่ทราบจะทำอย่างไร (คุณเสริมศรี เอกชัย กราบบังคมทูล) ไม่เป็นการเมือง เพราะประชาชนย่อมยึด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระองค์เป็นเหมือนพ่อ แม่เหนือหัว เมื่อมีเรื่องเดือดร้อนแล้ว ถ้าไม่บอกพ่อ แม่แล้วจะให้ไปบอกใคร บางครั้งเขาก็ไม่มีที่พึ่ง

    (ทรงตอบ) แต่อันนี้มีบางคนบอกว่า อยู่ในการเมืองโลแมคซ์ (นายปีเตอร์ โลแมคซ์ ผู้สื่อข่าวแห่งบีบีซี กรุงลอนดอน) ก็บอกว่า นี่การเมือง เรื่องอะไรของยู ยูเป็นคิงควีน (พระองค์เป็นกษัตริย์ ราชินี) เรื่องอะไรจะต้องมาเอาธุระคนไหนเจ็บ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาล

    ฉันบอก ปล่อยๆ ได้ แต่ทีนี้ โรงพยาบาลล้นมือ แล้วอีกอย่างที่ชาวบ้านเขาไม่ไปโรงพยาบาล เพราะบางครั้ง หมอและนางพยาบาลถามเพื่อเป็นแบบฟอร์มว่า มีเงินช่วยเหลือไหม เพียงถามว่า มีเงินไหม แกก็วิ่งอ้าวออกจากโรงพยาบาลแล้ว แกบอกว่า ฉันคนจนไม่มีเงินเลย บอกคอยพระเจ้าแผ่นดินดีกว่า แล้วโลแมคซ์จะมาบอกว่า เรื่องอะไรของยู ถึงต้องไปทำเรื่องเวลแฟร์ (สวัสดิการ-สงเคราะห์) อย่างนี้ มันเรื่องของรัฐ เขาบอกว่า ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาแย่งรัฐทำ

    ฉันบอกว่า เอ๊ะ ประเทศเราจนนะ มันต้องช่วยกัน ใครช่วยกันได้ก็ต้องช่วย แต่อีกคนหนึ่ง บริจิต (ผู้สื่อข่าวของบีบีซี เหมือนกัน) เขาบอกว่า เพราะทรงช่วยราษฎรอย่างนี้ เมืองไทยถึงจะอยู่ได้ต่อไป เพราะไม่อย่างนั้น เขาก็มองไม่เห็นทางรอด สำหรับจุฬาภรณ์ เด็กคนนี้เก่งภาษา เดี๋ยวนี้พูดภาษาพื้นเมืองภาคใต้ได้ ที่เรียกว่า ภาษายาวี

    จุฬาภรณ์บอกว่า พอพูดกับชาวบ้านเท่านั้น เขาก็เข้ามากระซิบว่า ใครเขาจะแยกดินแดนอะไร
    เขาไม่ทราบ แต่พวกเขารักรายอ ( พระเจ้าอยู่หัว) เพราะรายอนี่ยุติธรรม


    รายอทำนุบำรุงศาสนาอิสลาม และทำนุบำรุงศาสนาพุทธเท่ากัน แล้วเขาบอกว่า เหตุที่เขาไม่อยากพูดไทย เพราะว่าเป็นอันตราย เขาบอกว่า เรารักทหาร รักนาวิกโยธิน เพราะทหารนี่ยุติธรรม เขาชมแม่ทัพภาค ๔ มากว่าเป็นธรรม เขาบอกว่า เขาขอความเป็นธรรมอย่างเดียวเท่านั้น

    เพราะเขาเองไม่คิดว่าเขาอยากจะแยกอะไร อาจจะมีคนคิดไม่กี่คน แต่เขาอยู่อย่างนี้ เขาก็สบาย เขาชอบอยู่อย่างนี้ แล้วบอกว่า คนที่ยิงคนอิสลามและยิงทั้งไทยพุทธด้วยนั้น เป็นคนอิสลามจริงอยู่ แต่เป็นพวกที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่ เป็นพวกติดยาเสพติด เที่ยวรับจ้างเขายิงคน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2014
  11. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    [​IMG]

    ปิดทองหลังพระ

    ในคืนวันหนึ่งของปีพุทธศักราช ๒๕๑๐ (ยศขณะนั้นพันตำรวจโท) หลังจากได้รับพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำในวังไกลกังวลแล้ว ผมจำได้ว่าคืนนั้น...ผู้ที่โชคดีได้เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานพระจิตรลดา เป็นนายตำรวจ ๘ นาย และนายทหารเรือ ๑ นาย
    .
    พระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จลงมาพร้อมด้วยกล่องใส่พระเครื่องในพระหัตถ์ ทรงอยู่ในฉลองพระองค์ชุดลำลอง ขณะที่ทรงวางพระลงบนฝ่ามือที่ผมแบรับอยู่นั้น ผมมีความรู้สึกว่าองค์พระร้อนเหมือนเพิ่งออกจากเตา ภายหลังเมื่อมีโอกาสกราบบังคมทูลถาม จึงได้ทราบว่า…
    .
    พระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงสร้างพระเครื่ององค์นั้น ด้วยการนำเอาวัตถุมงคลหลายชนิดผสมกัน เช่น ดินจากปูชนียสถานต่าง ๆ ทั่วประเทศ ดอกไม้ที่ประชาชนทูลเกล้าถวายในโอกาสต่าง ๆ และเส้นพระเจ้า(เส้นผม)ของพระองค์เอง เมื่อผสมกันโดยใช้กาวลาเท็กซ์เป็นตัวยึด แล้วจึงทรงกดลงในพิมพ์ (อ.ไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ ซึ่งต่อมาเป็นศิลปินแห่งชาติ เป็นผู้แกะถวาย) โดยไม่ได้เอาเข้าเตาเผา
    .
    หลังจากที่ได้รับพระราชทานแล้ว ทรงพระกรุณาพระราชทานพระบรมราโชวาทมีความว่า
    "พระที่ให้ไปน่ะ ก่อนจะเอาไปบูชา ให้ปิดทองเสียก่อน แต่ให้ปิดเฉพาะข้างหลังพระเท่านั้น"
    พระราชทานพระบรมราชาธิบายด้วยว่า…
    .
    ที่ให้ปิดทองหลังพระ ก็เพื่อเตือนตัวเองว่า การทำความดีไม่จำเป็นต้องอวดใคร หรือประกาศให้ใครรู้
    ให้ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ และถือว่าความสำเร็จในการทำหน้าที่ เป็นบำเหน็จรางวัลที่สมบูรณ์แล้ว…

    .
    ผมเอาพระเครื่องพระราชทานไปปิดทองที่หลังพระ แล้วก็ซื้อกรอบใส่ หลังจากนั้นมา สมเด็จจิตรลดาหรือพระกำลังแผ่นดินองค์นั้น ก็เป็นพระเครื่องเพียงองค์เดียวที่ห้อยคอผม
    .
    หลังจากที่ไปเร่ร่อนปฏิบัติหน้าที่อยู่ไกลห่างพระยุคลบาท ผมได้มีโอกาสกลับไปเฝ้าฯ ที่วังไกลกังวลอีก ความรู้สึกเมื่อได้เฝ้าฯ นอกจากจะเป็นความปีติยินดีที่ได้เฝ้าใกล้เบื้องพระยุคลบาทอีกครั้งหนึ่งแล้ว ก็มีความน้อยใจที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ ลำบาก และเผชิญอันตรายนานาชนิด บางครั้งจนแทบเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ปรากฏว่ากรมตำรวจมิได้ตอบแทนด้วยบำเหน็จใด ๆ ทั้งสิ้น ก่อนเสด็จขึ้นคืนนั้น ผมจึงก้มลงกราบบนโต๊ะเสวย แล้วกราบบังคมทูลว่า...ใคร่ขอพระราชทานอะไรสักอย่างหนึ่ง

    พระเจ้าอยู่หัวฯ ตรัสถามว่า "จะเอาอะไร"

    .
    แล้วผมก็กราบบังคมทูลอย่างกล้าหาญชาญชัยว่า…จะขอพระบรมราชานุญาตปิดทองบนหน้าพระ ที่ได้รับพระราชทานไป
    .
    พระเจ้าอยู่หัวฯ ตรัสถามเหตุผลที่ผมขอปิดทองหน้าพระ ผมกราบบังคมทูลอย่างตรงไปตรงมาว่า พระสมเด็จจิตรลดาหรือพระกำลังแผ่นดินนั้น นับตั้งแต่ได้รับพระราชทานไปห้อยคอแล้ว ต้องทำงานหนักและเหนื่อยเป็นที่สุด เกือบได้รับอันตรายร้ายแรงก็หลายครั้ง มิหนำซ้ำกรมตำรวจยังไม่ให้เงินเดือนขึ้นแม้แต่บาทเดียวอีกด้วย…
    .
    พระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงแย้มพระสรวล ก่อนที่จะมีพระราชดำรัสตอบด้วยพระสุรเสียงที่ทรงพระเมตตาและพระกรุณาว่า…
    ปิดทองไปข้างหลังพระเรื่อย ๆ แล้วทองจะล้นออกมาที่หน้าพระเอง...


    จากบันทึกความทรงจำของ พล.ต.อ. วสิษฐ เดชกุญชร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2014
  12. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    [​IMG]

    บารมีพระปกเกล้า

    ท่านพระอาจารย์ผู้เมตตาอีกองค์หนึ่ง ที่เป็นศิษย์สำคัญของท่านพระอาจารย์มั่น ท่านคือท่านพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร แห่งวัดถ้ำขาม หลายท่านคงเคยได้ยินท่านเล่าถึงนิมิตสำคัญของท่านแล้ว ท่านเล่าว่าท่านนิมิตเห็นสัตว์ร้ายมากมายในป่า ทั้งเสือสิงห์กะทิงแรด กำลังบ้าคลั่งสู้กันอย่างดุเดือด ขณะนั้นสมเด็จพระบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงปรากฏพระวรกายขึ้นเพียงเท่านั้น

    ทันทีสัตว์ร้ายทั้งหมดก็สยบกายหมอบลง ทั้งแทบเบื้องพระยุคคลบาท และทั้งที่ห่างไกลออกไป ทั่วทั้งป่านั้น เป็นที่อัศจรรย์พ้นจะกล่าวในความรู้สึกของท่านพระอาจารย์องค์สำคัญ และท่านก็ได้ให้ความเข้าใจกระจ่างชัดแก่ศิษยานุศิษย์ผู้รับฟังเรื่องนี้จากท่านว่า

    บ้านเมืองของเรานี้มีบุญหนักหนา ไม่มีภยันตรายใดจะเกิดได้ภายใต้พระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น
    หลังจากนิมิตของท่านพระอาจารย์ฝั้น ก็ล้วนเป็นเครื่องรับรองนิมิตของท่าน ว่าเป็นจริงอย่างไม่มีข้อให้ต้องสงสัยแม้แต่น้อย

    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  13. น้องใหม่ 2008

    น้องใหม่ 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,906
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
     
  14. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    [​IMG]

    ห้องทรงงาน

    สามสิบปีก่อน...เคยตามเพื่อนสถาปนิก ไปพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์
    เพื่อทำการซ่อมแซมตกแต่ง...ได้เข้าไปเห็นห้องทรงงาน แล้วอายใจ...
    ผนังห้องทรงงาน มีแต่แผนที่ทหารแบบละเอียด มีลายพระหัตถ์จดไว้ตรงนั้นตรงนี้....
    ตรงไหนต้องแก้ไขอะไรบ้าง....
    หันกลับไปดูอีกทาง ก็เห็นแต่ตั่ง เหมือนเตียงเล็ก ๆ ยาวๆ มีที่นอนยางพาราปู มีหมอนเล็กๆ ใบนึง...
    ห้องทรงงาน...ห้องบรรทม อยู่ในห้องเดียวกัน...ไม่มีอะไรมากกว่านั้นเลย...
    ฝาผนัง มีแต่แผนที่ และโน้ตลายพระหัตถ์...ขอยืนยันว่า ฉันเห็นกับตาของฉันเอง ไม่ใช่เรื่องเล่า...
    คำว่า ทรงพระเจริญน่ะ....เล็กน้อยมาก สำหรับสิ่งที่พระองค์ท่านได้ทรงทำ...

    นิติพงษ์ ห่อนาค
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1n.jpg
      1n.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.2 KB
      เปิดดู:
      254
    • 1w.jpg
      1w.jpg
      ขนาดไฟล์:
      22.2 KB
      เปิดดู:
      258
    • 1ๆ.jpg
      1ๆ.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.7 KB
      เปิดดู:
      4,505
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ธันวาคม 2014
  15. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    [​IMG]

    รถพระที่นั่งของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่8 หายจากพระที่นั่งบรมพิมาน


    เรื่องหนึ่งซึ่งฟังดูแล้วแสนจะน่าประหลาดใจ คือเรื่องรถพระที่นั่งคันหนึ่งหายไปจากในบริเวณพระบรมมหาราชวังอย่างไม่มีร่องรอย เป็นเรื่องที่ดูจะเป็นไปไม่ได้สำหรับยุคปัจจุบัน แต่ได้เกิดขึ้นมาแล้วเมื่อ 60 ปีก่อน

    ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สองเพิ่งผ่านพ้นเช่นดังช่วงเวลานั้น รถพระที่นั่งที่จัดถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นรถที่ดีที่สุดเท่าที่มี คือรถ โรลสรอยส์ และรถ เดมเล่อร์สำหรับเสด็จพระราชดำเนินอย่างเป็นทางการ และมีรถแนชและเชฟโรเลทเป็นรถพระที่นั่งส่วนพระองค์ รถยนต์หลวงที่ใช้ตามเสด็จในขบวนเสด็จพระราชดำเนินก็มิได้เป็นรถที่สง่างามดังที่เห็นในปัจจุบัน แต่เป็นรถโบราณก่อนสงครามซึ่งมีสภาพไม่ใคร่น่าดู

    วันหนึ่งสมเด็จพระบรมราชชนนี(สมเด็จย่า)มีพระประสงค์จะเสด็จซื้อของเป็นการส่วนพระองค์ ปรากฎว่าทางในวังมิสามารถจัดหารถที่เหมาะสมถวายให้ทรงใช้ได้ เพราะรถเชฟโรเลทนั้น ราชเลขานุการส่งไปให้นายกรัฐมนตรีใช้ (ปรีดี พนมยงค์) ส่วนรถแนชส่งไปซ่อมให้แขกเมืองใช้

    เมื่อความทราบฝ่าละอองธุรีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่8)ทรงขุ่นพระราชหฤทัย มหาดเล็กต้องไปตามเอารถแนชคืนมา
    เมื่อมีพระราชดำรัสซักถามได้ความว่าราชเลขาจัดเอารถเชฟโรเลทไปให้นายกรัฐมนตรีใช้ จึงตรัสว่าหากทำเนียบนายกรัฐมนตรีไฟใหม้ พระองค์ท่านคงต้องยกวังให้อยู่เป็นแน่

    ต่อจากนั้นไม่กี่วัน รถแนชพระที่นั่งก็หายไปจากโรงเก็บรถในเวลากลางคืน และไม่สามารถสืบหากลับมาได้ แสดงให้เห็นว่าเวรยามที่เฝ้าพระที่นั่งบรมพิมาน มิได้รักษาหน้าที่อย่างเคร่งครัดเลย แล้วองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงปลอดภัยได้อย่างไร

    ขอบคุณที่มาจากสำนักข่าวเจ้าพระยา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 8011.jpg
      8011.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.3 KB
      เปิดดู:
      1,471
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2014
  16. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    [​IMG]

    เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2523 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพิธีตรึงหมุดธงไชยเฉลิมพล ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อพระราชทานแก่หน่วยทหารในกองทัพเรือ จำนวน 16 หน่วย ณ พระที่นั่งชุมสาย สนามหน้าศาลาสหทัยสมาคม

    25 December 1980. His Majesty seen during the dedication of Royal Colours for presentation to naval units, at the Chapel of the Grand Palace.

    ขอบคุณที่มาจาก https://www.facebook.com/welovethaiking
     
  17. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    [​IMG]

    เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2525 สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรบ้านทรายทอง ตำบลประทุมวาปี อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร

    24 December 1982. Her Majesty conversing with villagers during a visit to Sai Thong Village, Song Dao District, Sakon Nakhon Provine.

    ขอบคุณที่มาจาก https://www.facebook.com/welovethaiking
     
  18. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    [​IMG]

    เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2517 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชกระแสรับสั่ง ในอันที่จะพระราชทานหน่วยแพทย์ไปทำการตรวจรักษาผู้เจ็บป่วย ตามที่ราษฎรเผ่าแม้วบ้านบ่อแก้ว ได้กราบบังคมทูลพระกรุณาเกี่ยวกับทุกข์สุข ขณะทรงเยี่ยมราษฎรบริเวณโรงเรียนบ้านดง อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่

    27 December 1974. His Majesty advising Meo Hill-tribesmen to bring sick villagers for treatment by The Royal Medical Unit during a visit to villagers at Ban Dong School, Samoeng District, Chiang Mai Province.

    ขอบคุณที่มาจาก https://www.facebook.com/welovethaiking
     
  19. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    [​IMG]

    นักพัฒนาต้องแข็งแรง

    ในการบรรยายพิเศษหัวข้อ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับการสร้างเสริมสุขภาพ” เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๔๒ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เล่าว่า

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงให้ความสำคัญกับสุขภาพอนามัยมาก
    เพราะถ้ามีสุขภาพดีแล้วก็จะทำประโยชน์ให้ผู้อื่นได้

    ดร.สุเมธ เล่าว่า ไม่นานมานี้ได้เข้าเฝ้าฯ ทรงสังเกตเห็นว่า ตนพุงยื่นออกมา ก็ทรงชี้และตรัสว่า
    นักพัฒนาต้องแข็งแรง ต้องออกแรงในการทำงาน ต้องลงพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ทรงทักเช่นนี้
    ทุกคนก็ทราบดีว่า ทรงอยากให้ทุกคนแข็งแรง เมื่อแข็งแรงจิตใจก็จะดี คิดทำสิ่งที่ดีๆ

    และคณะแพทย์ถวายคำแนะนำให้ทรงระมัดระวังในการประกอบพระราชกรณียกิจอย่างมาก
    จนบางครั้งสังเกตว่าพระองค์ทรงเบื่อเหมือนกัน เช่น เรื่อง การเสวย คณะแพทย์จะถวายคำแนะนำเรื่องการกระยาหารมาก ทุกชนิดแทบต้องชั่งต้องตวงกัน

    ครั้งหนึ่งถึงกับตรัสว่า “เรากินอย่างนี้มาสิบปีแล้วนะ...”

    “พระองค์ทรงเอาชนะสิ่งทั้งหลายทั้งปวง แม้กระทั่งต่อสู้กับรูปรสกลิ่นสีต่างๆ
    เพื่อถนอมพระวรกายไว้ให้เป็นพระเจ้าแผ่นดินสำหรับพวกเราปวงชนชาวไทยให้นานที่สุด”


    ขอบคุณที่มาจาก /http://welovethaiking.com/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    [​IMG][​IMG]

    กระป๋องคนจน

    ข้าราชบริพารใกล้ชิดพระองค์ทุกคนเห็นพระราชจริยวัตรประหยัดจนฝังจำในใจ พระราชจริยวัตรงดงามนี้เล่ากันว่า สืบเนื่องมาจากการปลูกฝังเมื่อครั้งทรงพระเยาว์เคยรับสั่งเล่าว่าสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีจะทรงตั้งกระป๋องออมสินไว้กลางที่ประทับรับสั่งว่านี่คือ..."กระป๋องคนจน"

    หากทรงนำเงินไปทำกิจกรรมแล้วมีกำไร จะต้องถูก 'เก็บภาษี' หยอดใส่กระปุกนี้ 10% เพื่อให้พระโอรสธิดาทั้ง ๓ พระองค์ทรงฝึกประหยัดออมนำเงินที่เหลือใช้มาใส่กระป๋องใบนี้ เมื่อถึงสิ้นเดือนจะทรงเรียกประชุมทั้งสามพระองค์ว่าจะนำเงินก้อนนี้ไปทำประโยชน์อะไร
    เช่น มอบให้โรงเรียนตาบอด มอบให้เด็กกำพร้า หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2015

แชร์หน้านี้

Loading...