นั่งสมาธิรู้สึกว่ามีแรงบีบอัดจะหมายถึงอาไรคับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย bschaisiri, 18 พฤศจิกายน 2014.

  1. bschaisiri

    bschaisiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +106
    สวัสดีคุณนิวรณ์ครับ ได้ปฎิบัติตอนเลิกงานไป ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรจะเบลอหรือเปล่าก็ไม่รู้ หลังจากถึงที่ติดเมือวานนี้ก็ได้เริ่มปฎิบัติอีกและเหมือนมันตูมอีกครั้งอาจจะว่าผมติดมโนก็ได้คือเห็นภาพหญิงแก่หน้าเหื่ยว กะต้นไม้แห้งตาย และผมว่างเปล่าจิตมันว่างเปล่า ลองมานั่งสมาธิใหม่หลังจากพิจารณาว่าไปอย่างไรจิตก็สงบเร็วมากแต่จิตก็ว่างเปล่าตั้งแต่เริ่มสมาธิ ตอนพิมนี้ก็ว่างเปล่า เหมือนกับตัวเองไม่คิดเรื่องอาไรในสมองเลย
     
  2. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ติดว่างเปล่าอีก : )
     
  3. bschaisiri

    bschaisiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +106
    ผลจากการปฎิบัติในตอนนี้ที่เห็นใน24ชั่วโมงที่ผ่านมาเปรียบเทียบจากการใช้ชีวิตในวันนี้งานที่ทำอยู่ ตอนไปทำงาน เลิกงาน กินข้าว ขับรถ ก่อนนี้แม้แต่รถติด ใจก็คิดเบื่อหน่าย คุยงานกับลูกค้าก็มีโทสะในบางครั้ง. แต่ใน24ชั่วโมงที่ผ่านมานี้รถติดก็ไม่มีความรู้สึกเบื่อหรือเซ็งออกมาให้รู้สึก ทั้งวันทำงานปรกติ คุยกับเพื่อน ลูกค้าไม่พบความรู้สึกแย่ๆออกมาเลย อยากจะบอกว่าปฎิบัติมาเกือบ4เดือนนี้ปฎิบัติถูกใหม ขอบอกไม่รู้ แต่ในปัจจุบันนี้พอใจมากเพราะไม่มีความคิดอกุศลออกมาให้พบให้ไม่สบายใจเลย ก่อนหน้านี้ความคิดไม่ดีเข้ามาเราต้องรีบเตือนตัวเองว่าอย่า ปัจจุบันเหมือนไอ้ความคิดไม่ดีนั้นมันไม่มีตัวตนในใจเรา. หรือมันหลับอยู่ก็ไม่รู้ซิ
     
  4. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เก่งนะ

    ที่ตั้งคำถามว่า " หรือมันหลับอยู่ "

    ถ้าเป็นคนอื่นนี่ แต่งตั้งตัวเองเป็น โสดา สกิทาคา อนาคาควบครึ่งลูก เพราะมันยัง ไหวๆ

    แต่ เคสของคุณนี่ ตั้งคำถามเป็น ธงชัย เป็นราวเกาะ เป็นที่พึ่ง ว่า " หรือมันหลับอยู่ "

    ถ้า ด้วนๆกล่าวว่า " หรือมันหลับอยู่ " ก็จะ มีแววเป็น " ทิฏฐิ " ที่เขามาหลอก ซึ่งๆหน้า

    แต่มีคำว่า " ไม่รู้สิ " นี่ตรงนี้ มันเป็น ภูมิธรรมของการประจักษ์ " อนิจจัง อนัตตา "

    " ภูมิปัญญาที่ปรารภเชิง อนิจจัง อนัตตา " ให้ยก ตัว ภูมิธรรมนี้เป็น ธรรม เกิด ดับ
    ขึ้นมาอีกชั้น

    ถ้ายกได้ จะค่อยๆ รู้กาละ เทศะ เวลาใดควรเงียบ เวลาใดไม่ควรเงียบ เวลาใดไม่
    ควรเดินไปทางเดียวกัน เพราะ โลกเขาต้องการ ธรรมตลอดเวลา

    ธรรมที่ทำให้ปรารภว่า " หรือมันหลับอยู่ "+ "ไม่รู้สิ" จะขอให้ชื่อว่า " ธรรมความไม่ประมาท "

    ถ้าเราภาวนานะ แล้วมีธรรม ไม่ประมาท มาช่วยอุปการะ ....เดินคนเดียว สบาย
     
  5. bschaisiri

    bschaisiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +106
    สาธุ ครับ
     
  6. joofjang

    joofjang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +421
    ผมเป็นมาประมาณ 2 ปีแล้วครับ เคยเป็นทั้งวันแม้แต่เวลาที่ไม่ได้ทำสมาธิ พยายามหาวิธีมาแก้มากมายก็แก้ไม่ได้ มาพิจารณาดูคิดว่ามันเป็นเพราะความอยากและไม่อยากของเราเอง ทุกวันนี้เป็นๆหายๆแล้วแต่วัน บางครั้งก็อึดอัดๆมาก ตอนนี้เวลาที่เป็นก็พยายามดูมันเฉยๆก็ดีขึ้นมาบ้าง ผมแนะนำได้แค่ว่าอย่าไปถอดใจยอมแพ้ครับ ถ้าเรายอมแพ้เราก็ออกจากทุกข์ไม่ได้สักที
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    คือ เวลาจิตมันเดินปัญญาได้โดยเราไม่ตีองจงใจ

    เวลาเราไปจงใจ จิตก็จะเกิดน้ำหนัก

    ปล่อยไปเลย ก็จมโลกแบบฟ้าผ่า

    จริงๆ มันแสดงธรรมบางอย่างให้ฟังตลอด

    จิตตั้งมั่นก็จะ ระลึกได้


    จิตไม่ตั้งมั่น จะส่งจิตไปฟังธรรมข้างนอก

    พระพุทธองค์ ไปฟังข้างนอก เลยเสียเวลาไปหกปี กับเรื่องเขาว่า
    ที คนนั้นว่าที


    แต่นั่นแหละ เพราะไม่ประมาท ตัวเดียว

    ประมาทเมื่อไหร่ เละร่ำไป
     
  8. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,398
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,633
    อาการที่คุณว่ามานั้นเป็นอาการของจิตที่กำลังตั้งมั่นเป็นสมาธิครับ
    ของผมก่อนที่จะได้ฌาน 4 นั้นก็เกิดอาการแบบที่ว่ามานี้แหละ


    คือมีอาการบีบอัดเหมือนกับพลังงานอะไรสักอย่างกำลังรวมตัวอัดแน่นกันอยู่บริเวณสันจมูกระหว่างคิ้ว
    เกิดจากการที่ผมฝึกเจริญอานาปานสติติดต่อกันมาประมาณ 2-4 เดือน

    เมื่อ 5-6 ปีก่อน
    ช่วงนั้นนั่งสมาธิวันละ 2 ครั้งๆละ 1ชั่วโมง 30 นาที ถึง 1 ชั่งโมง 55 นาที ไม่เกินนี้
    (ที่จริงตั้งใจไว้ที่ 2 ชั่วโมงแต่มักจะเลิกก่อนครบทุกที เช่น อีก 5 หรือ 10 นาทีก็จะครบ 2 ชั่วโมงแล้วแต่เลิกนั่งก่อน
    เป็นแบบนี้แทบจะทุกครั้งเลย ทั้งๆที่คิดว่าน่าจะครบ 2 ชั่วโมงแล้วแน่ๆ แต่ก็ไม่ครบสักทีได้แค่เกือบ)

    เมื่อเลิกนั่งสมาธิผมก็ไม่ยอมเอาจิตออกจากลมหายใจเลย
    ไม่ว่าจะทำอะไร ฟังหรือพูดคุยกับใคร จะดูทีวี หรือดูหนังสือ จิตของผมช่วงนั้นก็ไม่ยอมคลายจากลมหายใจ
    จิตตามดูลมหายใจจนกระทั่งนอนหลับไป พอตื่นขึ้นมาแรกๆก็ต้องบังคับให้จิตจับลมหายใจสักหน่อย
    แล้วค่อยๆเห็นลมหายใจแบบต่อเนื่องกันไป ทำแบบนี้ทุกวัน
    นานๆเข้าเมื่อตื่นขึ้นมาก็ไม่ต้องบังคับอะไรเลยจิตมันรู้ลมหายใจได้เองตั้งแต่ยังตื่นไม่เต็มที่
    แล้วก็รู้ลมหายใจแบบนั้นไปแทบทั้งวัน มีเผลอบ้างแต่แป็บเดียวไม่ถึง 10 วินาที ก็กลับมารู้ลมหายได้ใหม่

    ในวันที่จะได้ฌาน 4 ครั้งแรก วันนั้นปรากฏว่าจิตมันรู้ลมหายใจเองโดยอัตโนมัติทั้งวันเลย
    โดยที่ไม่มีการบังคับให้รู้ใดๆทั้งสิ้น ตั้งแต่ตื่นนอน อาบน้ำ ทานข้าว แต่งตัวไปเรียนที่มหาลัย จิตรู้ลมหายใจตลอด
    และอาการบีบนี้มีตลอดเวลาที่จิตรู้ลมหายใจ ไม่ว่าจะหายใจเข้าหรือออกจิตรู้ทันตลอดเวลาโดยไม่ได้ตั้งใจรู้เลย
    พอขับมอเตอร์ไซต์ไปเรียน ระหว่างทางก็มีอาการเหมือนจิตมันจะวูบรวมกัน ตอนแรกนึกว่ามันจะหลับ
    มันวูบเหมือนจะหลับหลายครั้งจนเกือบพารถล้ม แต่ก็ต้องสั่นตัวเพื่อไม่ให้หลับ (นึกว่าตัวเองจะหลับ)
    เป็นแบบนี้ 4 - 5 ครั้งจนกระทั่งถึงห้องเรียน

    มาถึงห้องเรียนจิตก็ยังรู้ลมหายใจตลอดอาการบีบอัดนี้มีเป็นปกติ
    และดูเหมือนว่าจะอัดแน่นขึ้นกว่าที่ผ่านมาซะอีก แต่ใจมั่นคงสบายดีเลยไม่กังวลอะไร
    ฟังอาจารย์บรรยายก็ไม่รู้เรื่องหรอก ไม่ได้แลกเชอร์ด้วย นั่งดูลมหายใจอย่างเดียว
    และรู้สึกสนุกไปกับการที่มีอาการบีบอัดแบบนี้ด้วย เลยดูไปได้เรื่อยๆจนกระทั่งเลิกเรียน

    ตอนขากลับก็มีอาการเหมือนจะหลับอีกละ ขับออกมาจากอาคารเรียนได้แค่ประมาณ 400 เมตรก็จะวูบหลับ
    ต้องสั่นตัวเพื่อไม่ให้หลับ เป็นแบบนี้อีก 3 - 4 ครั้งจนมาถึงบ้าน

    พอกลับมาถึงบ้านแล้วก็เลยกะว่าจะนอนมันซะหน่อยมันอยากนอนนักก็ให้นอนไปเลย (อาการบีบอัดแน่นยังมีอยู่ตลอดเวลา)
    ตอนนี้แหละ พอนอนลงไปปุ๊บ จิตที่รู้ลมหายใจนั้นก็ยิ่งรู้ได้อย่างถนัดมากยิ่งขึ้น
    อาการบีบอัดที่ว่ามานี้ก็ยิ่งบีบอัดแน่นและรวมตัวกันมากขึ้น จนอาการบีบอัดนี้ได้ขยายตัวใหญ่ขึ้นจนเต็มใบหน้าเลยทีเดียว!!!!!
    ตอนนี้ไม่ได้บีบอัดแค่ที่หว่างคิ้วแล้ว แต่มันบีบอัดเต็มทั้งหน้าเลย แต่แม้ว่าจะเกิดอาการแบบนี้จิตก็ไม่มีความตกใจอะไรเลย
    แต่กลับยิ่งมีความมั่นคงของจิตมากยิ่งขึ้น มีความสบายมากยิ่งขึ้น ไม่อยากที่จะขยับเขยื้อนร่างกายไปไหนเลย ไม่อยากที่จะทำอะไรเลย จิตมีความสุขสบายมาก
    ทีนี้พออาการบีบอัดมันปรากฏขึ้นมาแบบเต็มหน้าแล้ว ก็ทรงตัวอยู่อย่างนั้นไม่นานแป๊บเดียวก็รวมกันเข้ามาอีกครั้ง

    คล้ายๆกับว่าอาการบีบอัดนี้ได้ขยายออกเต็มที่แล้วก็อัดรวมกันเข้ามาให้วงเล็กลงอีกครั้ง
    แต่ครั้งนี้มันอัดแน่นขึ้นไปกว่าเดิมมาก และตอนนี้แหละขณะที่อาการบีบอัดนี้แน่นเข้าๆความรู้สึกทั้งหมดทั้งหมดของร่างกายก็มารวมกันที่บริเวณใบหน้าหมดเลย
    แล้วจากนั้นจิตก็รวมกันเข้ามาเป็นหนึ่งเดียวทันที วุ๊บ!!!!!!!! มันวุ๊บจริงๆ วุ๊บเดียวทุกอย่างดับหมด เหลือแค่สติตัวรู้เท่านั้น!!!!

    ตอนนี้ผมมีสติรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา แต่ความรู้สึกในร่างกายดับหมด ความรับรู้ถึงสิ่งต่างๆภายนอกดับหมด ต่อให้มีคนมาตะโกนข้างๆหู หรือฟ้าผ่าใกล้ๆตัวก็ไม่รับรู้อะไรเลย
    มีแต่สติและจิตตัวรู้ดวงเดียวเท่านั้น นอกนั้นไม่มีอะไรเลย มันว่างไปหมด แต่ก็ไม่สนอะไรทรงอารมณ์อย่างนี้ไปสักพักเพราะมันสบายดี

    ....พอผ่านไปสักหน่อยก็เลยคิดว่าจะลองขยับแขนขาดูสิจะเป็นยังไง ก็ปรากฏว่ามันไม่มี มันหาร่างกายไม่เจอ ไม่รู้จะเอาอะไรมาขยับ เพราะมันไม่มีอะไรเลย มันว่างไปหมด
    (แต่มันสบายดีนะ แค่ตอนนั้นมันยังไม่ชิน)

    ตอนนี้แหละที่เริ่มคิดแล้วว่า เอ๊ะ หรือว่าเราตายแล้ว ก็เลยลองขยับเขยื้อนดู ก็ไม่สามารถจะหาอะไรมาขยับได้เลย เพราะมันมีจิตตัวรู้แค่ดวงเดียว
    พอไม่สามารถหาอะไรที่เป็นร่างกายตัวเองให้พอขยับได้แล้ว ก็เลยเกิดกลัวตายขึ้นมาละทีนี้ จิตเกิดกังวลขึ้นมา วิ่งวุ่นหาทางขยับตัวให้ได้
    แต่ก็ยังขยับในทันทีไม่ได้ เพราะจิตยังอยู่ในสมาธิอยู่
    สักพักพอจิตเริ่มกระสับกระส่ายมากเข้าๆ จิตก็เลยถอนตัวออกมาจากฐานของสมาธิ

    พอถอนออกมาแล้ว ความรู้สึกทางกาย ความรับรู้ถึงสิ่งต่างๆภายนอกก็กลับคืนมาหมด
    ตอนนี้ผมยังคงรู้สึกงงๆอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น + ดีใจที่ยังไม่ตาย แต่หน้ามันไม่ยิ้มเหมือนคนรอดตาย ( ก็ไม่ได้ตายจริงนี้หว่า )
    ก็เลยพยายามฝืนยิ้มให้ตัวเองดีใจที่ยังไม่ตาย ( โง่แล้วยังมาทำดีใจอีก สมเพชตัวเองตอนนี้จริงๆ มันจะโง่ไปถึงไหน )
    พอผ่านไปสักพักจิตก็ทำท่าว่าจะรวมเข้าสู่ฌาน 4 อีกครั้ง แต่ก็พยายามสั่นตัวเองเพื่อไม่ให้จิตรวบ เพราะกลัวตาย!!! ( เกิดมาไม่เคยเห็นใครโง่บัดซบขนาดนี้มาก่อนเลย ให้ตายเถอะโรบิ้น T T )

    ตั้งแต่นั้นมาก็เลยพยายามไม่ฝึกสมาธิอีก เพราะกลัวว่าจะผิดทาง!!!!
    (สมัยก่อนเคยโดนพูดกรอกหูจากผู้ใหญ่อยู่บ่อยๆว่าฝึกสมาธิเองระวังเป็นบ้า
    เลยทำให้ผมกลัวทั้งตายทั้งบ้า จนไม่กล้าฝึกสมาธิต่ออีกหลังจากที่พบกับเหตุการณ์นี้ เวรกรรมจริงๆที่ไปเชื่ออะไรที่ไร้สาระแบบนั้น T T )

    ครั้นจะไปถามครูบาอาจารย์ก็กลัวจะโดนท่านต่อว่า ก็เลยไม่กล้าถามใครเลย เก็บไว้เองคนเดียว
    จนกระทั่งมารู้ทีหลังอีก 2-3 เดือนต่อมาว่าอาการนี้เป็นอาการของฌาน
    ( แต่ตอนนั้นยังสับสนอยู่ว่าเป็นอัปนาสมาธิ หรือฌาน1 หรือฌาน 4 กันแน่ เพราะหนังสือแต่ละเล่มก็บอกไม่ค่อยจะตรงกันสักเท่าไหร่ แต่สรุปก็คือสมาธิขั้นสูงแน่ๆล่ะ ตอนนั้นคิดแบบนั้นไปก่อนเพราะยังไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก)

    และหลังจากนั้นก็ผ่านไปอีกประมาณ 7 เดือนกว่าๆ ก็ได้ฌาน 4 อีกเป็นครั้งที่ 2 !!!! ( เดี๋ยวมาต่อนะครับ ขอตัวไปนอนก่อน บ่ายๆจะมาอัพอีกที ^ ^)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2014
  9. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ถ้าข้อความไม่ขัดกันเอง จะแซวประมาณว่า ติดดีอีก : )

    สมาธิกดทับไว้ อย่างที่ตั้งข้อสังเกตเองนั่นแหละ
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    คุณ จขกท สังเกต หรือ จำแนกธรรม ดูนะครับ

    สมาธิธรรม ที่เข้าไปรู้แล้ว สละออกทันที ตามมุขนัย ของพระพุทธองค์นั้น จะประเสริฐ
    มากๆ ยากมากที่จะเข้าใจ

    ว่าทำไมถึง " รู้ แล้ว ละ ทันที "

    การไปรู้ลม ที่เป็น อานาปานสติ หากเข้าไปรู้ถูกต้อง จิตจะละ ทันที ไม่มีการ
    ไปหน่วง เหนี่ยว ไหลตาม น้ำหนักใดๆ ที่เกิดจาก จิตมันส่งออก

    ทั้งนี้เพราะ การรู้แบบ พุทธ-กุศโลบาย คือ กำหนดรู้ ลักษณะของธรรม คือ
    เข้าไปกำหนดรู้ทุกขังของลม คือ กำหนดรู้การเกิด การดับ ของลม

    เมื่อ จิตใดก็ตามเข้าไปรู้ ทุกข์อันเกิดจากกองลม คือ ลมมันแปรปรวร ลมมันเกิดมันดับ
    บังคับไม่ได้ จิตชนิดนั้นจะทราบด้วยตัวจิตเขาเองว่า ไม่ควร กระโดดเข้าไปจับ ไม่ควร
    กระโดดเข้าไปสร้างอุปทาน ได้ฌาณส่งฌาณสี่ส่งเดช

    จิตที่เข้าไปกำหนดรู้ (ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา) จิตนั้น จะไม่เกาะอารมณ์แนบเป็นฌาณ

    สมาธิธรรมของพระพุทธองค์จึงไม่ใช่ ฌาณ แต่ ไม่ห่างจาก ฌาณ

    ทำไมไม่ห่างจาก ฌาณ ก็เพราะ การกำหนดรู้ทุกข์สัจจ ตามอริยสัจจ นั้น มันเป็นการ
    ชำระ ซักฟอกจิต ให้ขาว ให้สะอาด พรั่งพร้อมด้วยศีลที่ไม่ใช่การลูบคลำทำเป็นวัตร ไม่ได้
    หรั่งพร้อมด้วยการจาคะมือชุ่มด้วยทานเพราะ กูให้ แต่เกิดจากการ " สละออก " จากตัณหา
    ไปเรื่อยๆ จิตจะแนบแน่น มั่นคง เรื่อยๆ ด้วยเหตุด้วยผล คือ สละออกซึ่ง กิเลส อุปาธิ
    อุปาทาน

    ซึ่งจิตที่ได้รับการซักฟอก ย่อมเป็นจิตที่โน้มไปสู่ จิตที่โคจรไม่ห่างจากฌาณ หรือ บางครั้ง
    เวลามันเหมาะ กาลมันให้ มันก็แนบลงเป็น สมาบัติ จนถึงขั้น แนบลงเป็น การรวบรวม
    ความดีทุกชนิดมา " สามัคคีชุมนุม "

    แต่ การรู้ที่เข้าไปเกาะ แล้ว ไม่รู้ตัวว่า ตัวทำสมาธิแบบเข้าไปเกาะ

    พอไม่รู้ ก็เลยไปวางอารมณ์ ฝืน ไม่ให้จิตรวม อะไรแบบนี้ มันก็จะ แข็งๆ เป็นก้อนๆ
    หน่วงเหนี่ยวเป็นวิบาก จะหลับแหล ไม่หลับแหล ถ้า เกิดเป็นอะไรไปตอนจิต มีอะไร
    หน่วงๆ มันจะพลาดไปเกิดเป็น " พระพรหม " ตามน้ำหนักการกดถ่วงจิต ไม่มีเหตุไม่มี
    ผล คือ ไม่ได้ชำระกิเลส ไม่ได้มุ่งเป้าหมายที่ถูก ไปเกิดเป็น พรหม ก็พร้อม จะตกใจ

    พร้อมจะตกใจ !!!พร้อมจะตกใจ !!!พร้อมจะตกใจ !!! จิตที่ตกใจ มีการวุ๊บๆวับๆ ที่หทัย
    วัตถุ หรือ จุดที่กดถ่วง นั่นมันจิต นรกภูมิ

    ดังนั้น พอมันไม่มีเหตุไม่มีผล จิตวู๊บๆ วุ๊บๆ วั๊บๆ ไม่รู้คืออะไร กิเลสหาย หรือไม่หาย
    ไม่ได้ ยกขึ้นพิจารณา มันก็จะ เอาอะไรมาปะผุ เชน สำคัญตัวว่า สำเร็จสมาบัติ แล้วก็
    อุปทานต่อไปว่า ได้ฌาณสี่ครั้งที่1 ครั้งที่2 ครั้งที่3 ............... 10TกำลังD ตับ ตับ ตับ
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อย่างที่ได้ กระแซะ เอาไว้

    พระพุทธองค์ เผลอฟังคนนั้นที คนนี้ที บารมีอย่างพระพุทธองค์ แล่นไปใน รส ชาติ
    ของการปฏิบัติธรรมอย่างโน้นเขาว่าดี อย่านี้เขาว่าใช่ อยู่ 6 ปี

    แล้ว ถ้าอย่างเราๆ ยังเที่ยวฟังธรรมข้างนอก คนนี้ที คนนี้ที โดยมี บางคนอ้างว่า ต้อง
    ไม่ห่างอาจารย์ เพราะ " โลภะ โทษะ โมหะ " สามสิ่งนี้ ตัวเองไม่มีปัญญาพิจารณาคุณ
    และโทษ ไม่ได้ แล้วโดนเขาลากไป กราบอาจารย์ แทนที่จะ รู้ทั้งรู้ว่า " โลภะ โทษะ
    โมหะ " สามสิ่งนี้ ตัวเองเท่านั้นที่จะทราบทั่วถึงเพียงลำพัง ก็พอดี ......ตายเปล่าเพราะ
    ไม่เข้าใจ ธรรม ว่าด้วยความ " ประมาทในธรรม "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2014
  12. bschaisiri

    bschaisiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +106
    ขอบคุณมาครับคุณนิวรณ์ ผมสัมผัสได้และพิจารณาเข้าใจที่คุณบอกเมือจิตรู้ว่าทุกข์ ก็อย่าได้เข้าใกล้ การสัมผัสที่พบครั้งนี้ทำให้ผมเริ่มจะมองเห็นหน้าตาเขาแล้ว ไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่ดีที่ดันไปเริ่มจะเห็นเค้า และเข้าใจเค้า ขอบพระคุณมากครับ
     
  13. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    อาการของดิฉัน ก็เป็นเหมือนคุณ Apinya Samabut เหมือนกันทุกประการเลยคะ แต่ดิฉันกำลังอยู่ในช่วง รู้ลมหายใจตลอดเวลา ยกเว้นเวลาหลับ ทำงานอยู่ก็รู้ลมหายใจเข้าออกแบบชัดเจน มีแรงอัดตึงหน่วงบริเวณโพรงจมูก หน้าผาก และกลางหัว บางครั้งวูบหลับตาไปเฉยๆ อาการแบบนี้เราควบคุมไม่ได้คะ มันเป็นของมันเอง รู้จังหวะลมหายใจเข้าออกของเขาเองคะ
     
  14. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    สมาธิ ตราบใดที่ไม่ได้นิ่ง แล้วรู้สึกโล่งสบาย ก็ไม่ต้องไปสนใจครับ

    คอนเซปสมาธิคือ นิ่ง โล่งสบาย
    ปล่อยวางจากอาฆาต ปล่อยวางจากความโกรธ ปล่อยวางจากความแค้น
    ปล่อยวางจากความรัก ความโลภ ความหลง ความอยาก
    มีความสุขอยู่กับสิ่งที่มีอยู่ ณ จุดนั้น เวลานั้น
    เป็นสัมมาสมาธิ.

    เหมือนเราไปเที่ยวบนยอดดอย มองลงมาแล้วเห็นวิวสวย ๆ
    รู้สึกเบา โล่งสบาย วางจากความเครียด วางจากความกดดันทุกสิ่ง
    อารมณ์ประมาณนี้

     
  15. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    ถ้านั่ง ๆ แล้วคิดโน้น นั้น นี้ เรื่อยเปื่อย
    แสดงว่าถูกรบกวนครับ

    เหมือนคนนั่งโดนยุงกัด
     
  16. bschaisiri

    bschaisiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +106
    คุณนิวรณ์ที่เคารพครับ การทำสมาธิแบบเข้าไปเกาะ. เราต้องปฎิบัติอย่างไรหรือครับ
     
  17. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,398
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,633
    ต่อนะครับ

    และหลังจากนั้นก็ผ่านไปอีกประมาณ 7 เดือนกว่าๆ ก็ได้ฌาน 4 อีกเป็นครั้งที่ 2 !!!!

    ทีนี้พอเริ่มรู้แล้วว่าที่พบเจอมานั้นคืออะไร ทีนี้ก็อยากได้ล่ะครับ
    พยายามทำให้เหมือนครั้งก่อนมากที่สุด แต่ยังไงๆก็ยังไม่เหมือนเดิมสักที อย่างมากแค่ใกล้เคียง
    ก็เลยทำแบบไปเรื่อยๆ แต่ไม่มากเท่าแต่ก่อน ดูลมหายใจไปเรื่อยๆ แต่ไม่ค่อยได้นั่งสมาธิเท่าไหร่ (มันเหมือนไม่มีความกระตือรือล้นอยากจะนั่งแบบเก่า ไม่รู้ทำไม)
    แล้วก็ไปพูดให้พี่ที่เป็นญาติฟังว่าเจอแบบนี้มา สุดยอดเลย ถ้าได้อีกครั้งจะไม่ยอมออกมาอีก จะเข้าให้เต็มที่ ตายก็ไม่สนแล้ว

    พอผ่านไปจนถึงเดือนธันวา ปีนั้นญาติผมได้พาไปงานบุญอะไรสักอย่างนี้แหละจำไม่ได้ ที่สถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง ที่จังหวัดชัยภูมิ
    ที่นี้จะมีการทำพิธีบวงทรวงเทวดา มีเลี้ยงข้าวผู้ที่มางานแบบโรงทานด้วย แม้จะเป็นสถานปฏิบัติธรรมที่ไม่ใหญ่มากนักแต่ก็มีคนมางานนี้มากมาย
    ในตอนกลางคืนผมก็ได้มานอนที่ใกล้ถุนศาลาก็นั่งสมาธิดู เผื่อว่าอาจจะเข้าสมาธิขั้นสูงได้อีกครั้ง
    นั่งไปประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆก็ไม่สามารถเข้าได้เหมือนเดิม เพียงแค่จิตมีความสงบดีเป็นบางช่วงเท่านั้น
    ตอนเช้าตื่นมาก็ทำกิจกรรมไปตามที่เขาได้พาทำกัน เสร็จแล้วก็ทานข้าว พักผ่อน จนกระทั่งถึงตอนบ่าย..

    เข้าฌาน 4 ครั้งที่ 2

    ตอนบ่ายกว่าๆนี้เขาก็ได้พากันสวดมนต์ทำพิธี แล้วคนที่มางานก็ต้องสวดมนต์ด้วย
    ผมเองก็ต้องสวดไปกับเขาด้วย ในศาลานี้มีคนเต็มศาลาประมาณ 400 - 500 คน
    ทุกคนได้สวดมนต์ตามหนังสือหมด เรื่องเสียงไม่ต้องพูดถึง ดังเต็มบริเวณเลย
    ในช่วงที่สวดนี้รู้สึกว่าผู้นำสวดนั้นสวดเร็วมาก เร็วจนผมสวดตามแทบไม่ทัน

    ทีนี้ด้วยความกลัวว่าพิธีจะไม่ศักดิ์สิทธิ์ก็เลยพยายามสวดให้ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วตามไปด้วย
    ซึ่งต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพราะบทสวดนี้ผมไม่เคยสวด เพิ่งเคยเห็นครั้งแรก
    ก็เลยต้องใช้ความตั้งใจสูงมากในการทั้งอ่านบทสวดและสวดตามให้ทันให้ได้
    ในขณะที่พยายามสวดมนต์ให้ทันอยู่นั้น ก็ปรากฏว่ามีอาการชาที่ปลายมือ ชามาเรื่อยๆ
    ก็เลยนึกถึงตอนที่อ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่บอกว่าลักษณะนี้คือ ฌานกำลังเข้าจับแล้ว
    ก็ดีใจคิดว่ามาแล้วๆ มีสิทธิ์ได้แน่ทีนี้ ^ ^

    พอสวดมนต์ไปสักพักก็ลืมเรื่องฌานไปเลย แต่มีอาการคล้ายๆเหมือนจะวูบหลับขึ้นมาแทน
    มีอาการคล้ายจะหลับแบบเดียวกับตอนที่จะได้ครั้งแรก (แต่ตอนนี้จิตไม่ได้นึกถึงเรื่องฌานเลย คิดแต่จะสวดมนต์เท่านั้น)
    มีอาการง่วงคล้ายๆกับจะหลับอยู่หลายที แต่ผมก็พยายามทรงสติไว้ไม่ให้มันหลับ พอจะหลับทีไรก็ตั้งสติไว้รอเลย แข็งสติสู้ไว้มันก็ไม่หลับ
    แต่สักพักก็จะกลับมาง่วงเหมือนจะวูบหลับอีก เป็นอยู่อย่างนี้ประมาณ 4-5ครั้ง (แต่ตาของผมก็จดจ่ออยู่ที่บทสวด และปากก็สวดมนต์ไปด้วยตลอดเวลา)
    ช่วงเหมือนจะหลับแหล่มิหลับแหล่นี้สติก็ตั้งไว้เต็มที่ไม่ให้หลับ ไอ้ความง่วงเหมือนจะหลับนี้ก็จะหลับลงให้ได้ แต่ไม่ยอมให้สติเคลื่อนไปไหน (กำลังสู้กันอยู่ระหว่างนิวรณ์กับสติ)

    ตอนนี้สติของผมได้จดจ่ออยู่ที่บทสวดอย่างเดียวจนครั้งสุดท้าย มันวุ๊บลงเร็วมาก วุ๊บเดียว ดับหมดทุกอย่าง
    เสียงสวดมนต์ที่มีอยู่เต็มศาลานั้นก็ดับหมดในทันที เหมือนไม่มีใครอยู่เลยในโลกนี้
    ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น สัมผัสทั้ง 5 ในร่างกาย หรือ ความรู้สึกถึงสิ่งต่างๆภายนอกก็ดับเงียบหายไปหมดเลย ไม่มีอะไรเลย ยกเว้นอย่างเดียวคือสติตัวรู้เท่านั้น
    ตอนนี้สบายมาก มันว่างโล่ง สบายๆ ก็เลยกะว่าจะเข้าให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ตอนนี้ไม่กลัวตายล่ะ
    ก็เลยแช่อยู่อย่างนั้นแหละ สบายดี

    แต่ด้วยเวรกรรมอะไรก็ไม่ทราบได้ พอผ่านไปสักพักอยู่ดีๆก็นึกขึ้นมาได้ว่าพอเสร็จงานนี้แล้ว คือ หลังจากสวดมนต์แล้วเราก็จะต้องไปถ่ายรูปงานรับปริญญาของลุงที่ ม.ขอนแก่น
    จิตก็คิดไปอีกว่าถ้าเรานั่งอยู่อย่างนี้ก็จะเป็นการรบกวนคนอื่น ลุงๆป้าๆอาจจะต้องยกตัวเราไปขึ้นรถทั้งๆที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ก็ได้ถ้าเรายังไม่ออกมาเอง
    พอคิดอย่างนั้นก็เลยทำให้จิตเริ่มกังวลขึ้นมาอีกล่ะ กลัวว่าจะทำให้คนอื่นเสียเวลา ( โง่ได้อีก อุตส่าห์หายกลัวตายได้ล่ะ ยังมาอีก T T )

    พอจิตเริ่มกังวลมากเข้าๆ จิตก็เลยถอนตัวออกมาจากสมาธิ แล้วเสียงต่างๆ ความรู้สึกถึงสิ่งอื่นๆก็กลับคืนมาเหมือนเดิมอีกครั้ง
    แต่ตอนนี้ไม่รู้สึกง่วงนอนแล้ว รู้สึกสดชื่น กระปรี้ประเปร่ามากขึ้นกว่าเดิมซะอีก
    ผมก็เลยลองมองไปรอบๆดู ( เสียงสวดมนต์ยังดังเต็มศาลาเหมือนเดิม แต่ก็สวดใกล้จบละ )
    มองไปทางซ้ายก็เห็นคนสวดมนต์อยู่ มองไปทางขวาก็เห็นลุงของผมกำลังสวดมนต์อยู่
    ในใจตอนนี้รู้สึกดีใจมากว่าเราพึ่งจะเข้าฌาน 4 ไปเมื่อกี้นี้เอง โดยที่คนอื่นก็ไม่ได้รู้อะไรเลย
    เราพึ่งจะเข้าฌาน 4 ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ที่คนทั่วไปในโลกนี้คิดว่าเป็นเรื่องหลอกลวงกัน เราพึ่งจะเข้าไปเมื่อกี้นี้เอง
    และลุงของเราเองก็ไม่รู้ด้วยเช่นกัน แต่เราก็เข้าฌานไปแล้ว นี้คือความจริง ตอนนี้ก็เลยรู้สึกดีใจขึ้นมาปลื้มใจที่ตัวเองทำได้ ^ ^
    จากนั้นก็สวดมนต์ตามเขาไปอีกจนเสร็จ แล้วก็ไปถ่ายรูปงานรับปริญญาของลุงที่มอขอ....

    ทุกวันนี้เมื่อนึกถึง 2 เหตุการ์นี้ทีไรก็อดยิ้มไม่ได้ ดีใจที่เคยทำได้แบบนี้
    แต่ในขณะเดียวกันก็เสียใจและเสียดายอย่างมากที่ไม่สามารถรักษาความดีนี้เอาไว้ได้จนแทบอยากจะร้องไห้ออกมาทุกที
    ยิ่งมารู้ว่าถ้าใช้ฌาน 4 เป็นฐานแล้วฝึกกสิณทั้ง 10 ให้เข้าถึงฌาน 4 ได้ทั้งหมดก็จะสามารถทำได้ทุกอย่าง เรื่องอิทธิฤทธิ์นี้ผมชอบมาตั้งแต่ยังเด็กละ ชอบมาก
    และฌาน 4 นี้เองที่เป็นกำลังเพื่อช่วยให้ปัญญาสามารถตัดกิเลสได้อย่างเด็ดขาดได้ ยิ่งรู้แบบนี้ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียดาย จนอยากจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้ T T คิดทีไรก็เสียดายทุกที
    แต่ก็อย่างว่า เสียใจไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ตอนนี้ก็กำลังพยายามฝึกเพื่อให้เข้าถึงได้อีกครั้งอยู่
    ทำไปเรื่อยๆ เมื่อวาระมาถึงเมื่อไหร่ก็คงจะได้อีกสักวันละน่า....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2014
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ก็เอาอย่างเพื่อนๆว่า ให้มันเบาๆ ก่อน

    ถึงจะมีหนัก มีก้อน มีแสง มีเห็น ก็ดูเบา กับ ไม่เบา

    ถ้ามันหนัก แล้ว น้อมออกไปเห็น หรือเกาะ คุณภาพ จะต่างกับ มันเบาแล้วน้อมไป

    อย่างไรก็ดี มันเปนอนัตตา เราไปกะเกณฑ์ไม่ได้

    ถ้าชำนาญหนัก เบา ก็จะอีกเรื่อง


    พระท่านจึงได้แต่เตือน อย่าชิงสุกก่อนห่าม

    จะเบา จะหนัก ให้กำหนดรู้ปัจจัย ทำไมหนัก ทำไมเบา อันนี้ พระพุทธองค์ทรงแนะไว้

    ถ้ากำหนดเห็นปัจจัยได้ พระพุทธใช้คำว่า อย่าประมาทในสมาธิ ซึ่งความหมายคือ ให้เสพคุ้นให้มากๆ

    อ่านตอนที่พระพุทธองค์ทรงแนะ พระโมมัคคัลลานะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2014
  19. bschaisiri

    bschaisiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +106
    คุณนิวรณ์ที่เคารพครับ ผมสงสัยว่าตัวผมนี้ต้องถูกบังคับให้ทำสมาธิแบบเกาะเท่านั้นหรือเปล่า ครับจึงจะทำให้เวลาภาวนาร่างกายจะไม่ทรมาน มีเหตุหรือเปล่า หรือผมยังมีบ่วงกรรมเก่าติดอยู่เพราะได้ลองทำสมาธิแบบเกาะแล้วรู้สึกพวกกิเลสที่หลับหรือไม่หลับไม่รู้ .ตัวเรามีความรู้สึกว่าบางตัวมันกำลังจะตื่นแล้ว
     
  20. bschaisiri

    bschaisiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +106
    คุณนิวรณ์ที่เคารพครับ ช่วยชี้แนะด้วยครับ ไม่รู้ว่าผมพิจารณาถูกใหม ผมพิจารณาว่ามีจิตอยู่2ดวง ดวงหนึ่งมีความละเอียดมากกว่าอีกดวง ซึ่งการจะรวมกันความละเอียดต้องไม่ต่างกันมาก และพิจารณาได้ว่าต้องทำให้ดวงที่ไม่ละเอียดมากมีความละเอียดมากกว่าเดิมจึงจะภาวนาแล้วไม่ทรมานกายและจิต แล้วถ้าผมพิจารณาถูกผมจะทำอย่างไรให้จิตอีกดวงละเอียดเท่าอีกดวงให้เร็วได้ที่สุดคับ (ผมลองฝืนดูแล้วในขณะสภาพจิตตอนนี้ผมมีหวังไปเกิดเป็นพรมแน่)
     

แชร์หน้านี้

Loading...