ทำไงดี ฝันไม่ยอมตื่น!!!!

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นิราศสองภพ, 19 พฤศจิกายน 2014.

  1. นิราศสองภพ

    นิราศสองภพ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +78
    อยากถามอีกหน่อย มีใครเคยเป็นแบบนี้บ้างไหมคะ คืออยากรุ้ว่า เขา เปนยังไง เขาทำอย่างไร และทำไมเขาถึงเปน อยากได้คำตอบจากผู้เคยเปนอ่ะค่ะ ถ้าใครไม่เคยเปน พุดไปก็ไม่เข้าใจ

    อีกอย่างนะคะ ดิฉันเจตนา ตื่น มิใชาเจตนาทำสมาธิในฝัน นะคะ นี่ไม่ใช่การฝึก แต่นี่คือดิฉันจะตื่น สมมติ เมื่อคุณฝัน คุณรุ้ว่าฝัน เปนเปนลักษณะนี้นะคะ เมื่อแรกรุ้ว่าฝัน ก้อตื่นเอง ไม่ต้องปลุกตัวเอง นานๆไป ถึงเกิดแบบนี้ขึ้น มันดีเลค่ะ!!! และดีเลนานขึ้น!!! ถึงต้องทำให้ตื่นไงคะ ธรรมชาติของคนเรา เมื่อรุ้ฝัน จะอยากฝันต่อเหรอคะ ไม่อยากตื่นกันรึ? ฝันมันไม่จริง มันเปนภาพลวงตส มะได้เกิดจริง คุณจะอยากไปอยุ่ทำไม ถูกมั้ยคะ ก้อต้องอยากกลับมาสุ่โลกความเปนจริง หรือใครจะอยากอยุ่แบบนั้น?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2014
  2. zaff

    zaff Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2014
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +56
    ผมว่าผมตอบคำถามคุณเจ้าของกระทู้ไปแล้วนะ ไม่เป็นไร ก็ขอเป็นกำลังใจให้ ขอให้ผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปได้ด้วยดีนะครับ
     
  3. นิราศสองภพ

    นิราศสองภพ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +78
    ขอบคุณมากค่ะ ดิฉันเข้าใจคำตอบของคุณ คือ ไม่ควรทำอะไร งั้นคือ ถ้าในฝันดิฉันรุ้ว่าฝัน มันไม่ตื่น ก้อปล่อยมัน อย่าไปทำอะไร ถูกไหมคะ
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ขออนุญาตร่วมแสดงความเห็นนะครับ
    มิกล้าใช้คำว่่แนะนำหรอกครับ รู้สึกอ๊ายๆถ้าเจอกรณีแบบนี้แฮะๆ.
    .บางทีส่วนตัวพอเข้าเจตนาที่ดีของท่านที่แนะนำครับ.
    แต่ว่าถ้าลองอ่านจากที่ เจ้าของกระทู้ตั้งคำถามให้ดีๆนะครับ...
    แล้วให้พิจารณาจากลักษณะของคำถามให้ดีๆร่วมด้วยครับ..
    หากว่าเราเป็นนักปฏิบัตินะครับ..จะพบว่า..การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง.
    .ที่จะมีกำลังสติทางธรรมถึงขั้นที่จะรู้ตัวเองก่อนที่จะตื่นได้นั้น.มันผ่านการ
    ฝึกเจริญสติมาแน่นพอตัวแล้วครับ..เด่วจะเล่าขั้นตอนต่างๆให้ลองอ่านดูนะครับ
    แล้วเราจะพบได้ว่า บุคคลที่จะตั้งคำถามอย่างนี้ได้.จะไม่ใช่ลักษณะของ
    บุคคลธรรมดาทั่วๆไปครับ..เป็นลักษณะกระแสจิตของผู้ที่มีความสามารถทางจิต
    ภายในที่ค่อนข้างสูงแล้วครับ..และก็อยู่ในระดับการใช้งานได้แล้วเป็นปกติ
    มามีระยะเวลาพอสมควรแล้วครับ..ถ้าโดยส่วนตัวถ้าจับกระแสบุคคลลักษณะ
    กระแสจิตอย่างนี้ได้..การจะพูดอะไรก็ตามเกี่ยวกับเรื่องความสามารถทางจิต
    แบบภายในหรือเรื่องอะไรก็ตามเกี่ยวกับนามธรรมพิเศษต่างๆ.จะระมัดระวัง
    การใช้คำพูดเป็นพิเศษครับ..เพราะกระแสจิตอย่างนี้.ถือว่าเครื่องรู้เร็วมาก
    เนื่องจากความสามารถพิเศษที่เค้ามีตรงนี้ มันอยู่ในระดับที่มั่นคงมานามมากแล้วครับ.
    และแถมทางด้านทิพยจักขุก็ยังอยู่ในระดับที่มั่นคงแล้ว บอกได้ว่าเค้าสามารถเห็น
    ได้และรับรู้ได้ในขณะลืมตาปกติด้วยครับ.
    ..

    ดังนั้นไม่ขอพูดอะไรมาก บางทีก็คิดว่่าเค้าคงอยากจะมาถามว่าพอจะมีใครเป็นแบบเค้า
    บ้างหรือเปล่าเฉยๆนะครับ และก็เผื่อว่าอาจจะได้คำตอบว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ครับ..
    . เพราะว่าไม่ว่าเราจะเขียนอะไรลงไป เค้าจะจับกระแสความคิดและจะ
    ทราบภูมิความรู้ของเราได้เป็นอย่างดีครับ.ว่าเราเป็นนักปฏิบัติจริงๆหรือว่าเราอ่าน
    ตำรามาตอบ หรือทั้งปฏิบัติหรือทั้งอ่านมาตอบ ตลอดจนทราบวาระจิตของเรา
    เป็นอย่างไรครับ...จึงขออนุญาตแค่ร่วมแสดงความเห็น
    ธรรมดาๆทั่วไปนะครับ..เพราะนานๆจะเจอผู้มีความสามารถทางจิตภายในแบบนี้
    มาตั้งกระทู้ถามซักที..อยู่พลังจิตมาหลายปีก็เพิ่งเจอระดับใช้งานได้ปกติก็
    กรณีเจ้าของกระทู้นี่หละครับ...

    ระดับสติทางธรรมทั่วๆไปนะครับสำหรับเรื่องตื่นนอนลองสังเกตุดูได้ครับ..
    ..ทั่วๆไป คือ กรณีที่๑.ตื่นนอนมาแล้วแต่ก็ไม่รู้ตัวว่าตื่น ลืมตามาปกติ.
    และตื่นมาแล้วไม่ได้ระลึกลมหายใจ ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้มาดูกาย
    และก็ทำกิริยาต่างๆโดยอัตโนมัติแบบไม่ได้คิดอะไรเช่น
    ล้างหน้า แปรงฟัง ฯลฯ นี่คือเป็นบุคคลปกติธรรมดาทั่วๆไป..
    ถ้านักปฏิบัติจะถือว่าขาดความต่อเนื่องในการเจริญสติ.
    เรียกได้ว่า ตื่นก่อนที่สติทางธรรมจะตามทันครับ...

    กรณีที่ ๒.การตื่นพร้อมกับกำลังสติทางธรรม กรณีนี้พอลืมตาปั๊บ.
    กำลังสติจะเริ่มทำงานทันทีครับ เช่น ลืมตาแล้วภาวนาทันทีอัตโนมัติ
    ลืมตาแล้วระลึกรู้กายอัตโนมัติ ลืมตาแล้วเด้งขึ้นมานั่งสมาธิทันที..
    กรณีนี้เป็นกรณีที่เริ่มฝึกสติทางธรรมมาแล้วพอสมควรครับ..
    กรณีนี้บางครั้งก็อาจจะยังไม่ลืมตาครับ..แต่หลังจากลืมตาแล้ว
    จะสังเกตุเห็นการกระเพื่อมของตัวจิตอยู่ครับ...

    กรณีที่ ๓.สติทางธรรมตื่นก่อน.แต่ยังไม่ลืมตา.และก็มีการระลึกรู้ลมหายใจ
    ระลึกรู้กาย.มีการพิจารณาเรื่องราวต่างๆ.ที่ยังวางไม่ได้..จนจบเรื่องราวนั้นๆ
    กรณีนี้ เป็นกรณีที่เจริญสติทางธรรมมาแล้วพอสมควรและอยู่ในช่วงที่
    เริ่มเข้าสู่การเดินปัญญาเพื่อลดละกิเลสได้แล้วครับ..และจะตื่นขึ้นมาได้เอง
    หรือกำหนดเพื่อให้ตื่นได้เองหลังจากที่วางเรื่องกิเลสต่างๆได้แล้วครับ.
    อาจจะระลึกถึงนิมิตรหรือเรื่องราวในฝันได้ แต่อาจจะยังไม่เข้าใจวัตถุประสงค์.
    และหลังจากตื่นขึ้นมา จิตจะสงบ แต่เรื่องที่เคยพิจารณาไปแล้วอาจจะขึ้น
    มาได้อีกในระหว่างวัน แต่ถ้าได้ทำการพิจารณาก่อนตื่นอย่างนี้หลายๆ
    ครั้งจิตจะวางกิเลสเรื่องนั้นๆได้ครับ...

    กรณีที่ ๔ สติทางธรรมตื่นก่อน ยังไม่ลืมตา และมีการย้อมพิจารณาเรื่องราวต่างๆ
    ที่ผ่านมาในอดีตได้หมด.ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม และเรื่องอะไรก็ตามที่ได้พบเจอ
    ทั้งในนิมิตรและในฝัน พิจารณากิเลสต่างๆก็ได้.มีภูมิ
    ความรู้พิเศษเกิดขึ้นจากการพิจารณาเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา
    เป็นปัญญาทางธรรมตัวหนึ่ง..กรณีแบบนี้คือ นักปฏิบัติที่เริ่มมีความสามารถ
    พิเศษทางจิต มีกำลังสติทางธรรมพอสมควร และก็มีปัญญาทางธรรมพอสมควรครับ..
    ขอจบตอนไว้เท่านี้ก่อนนะครับ
    เด่วขออนุญาตไปต่ออีก #Rep
    นะครับแล้วจะพอทราบว่าที่เค้าเป็นอยู่มันใช่ความความฝัน
    อย่าที่เจ้าของกระทู้เค้าถามหรือเปล่านะครับ..
     
  5. zaff

    zaff Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2014
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +56
    อธิบายใหม่สั้นๆ

    เกรงว่าจะไม่ตื่น เพราะมันดีเลย์ไปเรื่อย นานขึ้นๆ

    อันนี้หลุดจากสติไปแล้ว

    ทางออก หากไม่ทราบ ก็ออกตรงทางเข้านั่นล่ะ ก็คือต้องไปเจริญสติให้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาจัดว่าทำได้ดีแล้ว แต่ต้องเพิ่มอีกให้เข้มขึ้น

    แค่นี้พอครับ
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    มาต่อครับ..กรณีที่ ๕ ก็จะเป็นกรณีอย่างที่เจ้าของกระทู้ถามครับว่า ขนาดว่ากำหนด
    ลมหายใจในฝันได้แล้วทำไมมันยังไม่ตื่นซักทีครับ..แต่รบกวนอ่านรายละเอียดทั้งหมดก่อนนะครับ
    คือ กรณีอย่างนี้เมื่อก่อนเคยผ่านมาบ้างครับ..โดยส่วนตัวเรียกว่า
    การถูกควบคุมความประพฤติครับ.แต่เจ้าของกระทู้จะเข้าอย่างไรก็สุดแล้วแต่
    .มันจะเป็นช่วงอยู่ ๒ ช่วงครับ มีช่วงหนึ่งก็คือช่วงที่
    กำลังฝึกกสิณและอีกช่วงก็คือช่วงที่กำลังฝึกวิชาเดินธาตุ..เป็นการถูกควบคุมจากครูบาร์
    อาจารย์ทางภพภูมิที่ท่านมาแนะนำเทคนิคต่างๆ..ถ้าในวันใดวันหนึ่งตัวจิตจะไม่มีการฝึก
    เรื่องเทคนิคต่างๆ..ตัวเราจะถูกดึงไปยังสถานที่ๆครูบาร์อาจารย์ท่านนั่นๆท่านอยู่ครับ..
    เรียกง่ายๆว่าไปนั่งสมาธิอยู่อย่างนั้นหละครับ เพื่อความสงบของจิต ไม่งั้นถ้าไม่ถูกดึงไป
    อย่างนั้น..ตัวจิตมันจะชอบออกไปท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ..แบบบันเทิงไปทั่ว.
    ซึ่งมันจะเป็นอะไรที่ไม่ควรทำและไม่เหมาะสม..และการออกไปอย่างนี้ ส่วนมากจะมองไม่
    เห็นครูบาร์อาจารย์ทางภพภูมิที่ท่านคอยดูเราด้วยครับ.แม้ว่าก่อนหน้านี้เราจะทราบ
    ว่าท่านเป็นใครก็ตาม..ส่วนกรณีของ เจ้าของกระทู้ส่วนตัวไม่ทราบว่าออกไปอย่างนี้เพราะ
    อะไรนะครับ..แต่กรณีอย่างนี้มันมีหลักสังเกตุในการออกครับ...

    คือถ้าอยู่ในท่านั่งสมาธิหรือท่านอน..มันจะเหมือนว่ามีฉากต่างๆในอีกมิติหนึ่งเลื่อนเข้ามาอยู่รอบๆตัวเราครับ
    โดยที่เราไม่สามารถที่จะใช้กำลังสติในการยื้อหรือการดึงไม่ให้จิตกลับมาสภาพปกติได้เลย..
    และก็จะเหมือนว่าไปทั้งตัวครับ ไม่ใช่แค่ไปดูๆที่มีแต่ดวงจิตด้วยครับ..
    และก็เหมือนกับว่ามีตัวเราอีกตัว อยู่ในสถานที่นั้นๆ อยู่ในเหตุการณ์นั้นๆ และที่สำคัญนะครับ
    เราจะมีส่วนร่วมในเหตุการนั้นๆได้..เหมือนเราเดินอยู่แถวนั้นได้ ทำอะไรได้ปกติเหมือนสภาพ
    แวดล้อมบนโลกทั่วๆไปนี่หละครับ..ต่างกันที่ว่าจะเป็นเหมือนตอนกลางวันหรือตอนใกล้พระอาทิตย์
    กำลังจะตกแค่นั้นเองครับ..ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของสถานที่ๆเราไปปรากฏด้วยครับ..
    เช่น ถ้าไปที่วัดมีชื่อ ก็อาจจะเป็นตอนกลางวัน ก็จะเห็นบุคคลทั่วๆไปท่านอื่นๆประกอบกิริยา
    กันตามปกติ..หรือไปยังลานมีชื่อ ของหลวงพ่อ ชื่อ ย่อ ป. ก็จะพบเห็นบุคคลหลายคนกำลัง
    เดินจงกลม นั่งสมาธิกันอยู่เป็นต้น ฯลฯ เพราะฉนั้นกรณีอย่างนี้..ต่อให้เจ้าของกระทู้
    จะกระโดโลดเต้นได้ก็ตาม หรือวิ่งได้ร้อยเมตรได้ก็ตาม อย่าว่าแต่หายใจได้เลยครับ..
    ยังไงๆก็ไม่มีทางตื่นครับ...นอกจากว่าจะกลับเข้าสู่ร่างกายตัวเองก่อน.และปกติแล้วการกลับ
    เข้ามาสู่ร่างกายตัวเองก็จะเป็นลักษณะการดึงย้อนกลับ
    เหมือนๆกลับว่า ถ้ามีอีกร่างหนึ่งออกจากร่างเราไปตรงๆด้านหน้า
    มันจะมีเส้นสายใยเชื่อมอยู่ข้างหลังร่างกายที่ออกไปนั้นอยู่..

    ก็จะเหมือนดึงเส้นสายใยนั้นกลับมา..แต่ตอนที่กลับมาจะไม่รู้สึก
    ว่ามีร่างกายจริงๆด้วยครับ.จะวู๊บๆเข้ามาเชื่อมกับร่างกายปกติก่อน
    และก็รอเวลาอีกซักพักหนึ่งหลังจากที่ความรู้สึกว่า โล่งๆสบายๆมันหายไปก่อน
    เจ้าของกระทู้ถึงจะลืมตาได้ครับ..พูดง่ายๆว่ามันรวมกับระบบประสาทร่างกาย
    ก่อนนั่นหละครับ..ส่วนวัตถุประสงค์ที่ เจ้าของกระทู้มีกิริยาอย่างที่ถามเพื่ออะไร
    นั้นส่วนตัวก็คงจะไม่ได้ดีเท่าเจ้าของกระทู้ครับ...

    ปกตินะครับ ถ้าว่ากันด้วยความฝัน..ถ้าเราไม่มีกำลังสติทางธรรมนะครับ..
    ๑.เราจะฝันไปเรื่องเปื่อยครับ ไปตามเรื่องตามราว บางครั้งก็ ๓ ถึง ๔ เรื่อง
    เป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วในอดีต มารวมเป็นเรื่องกันได้ ตื่นมาบางครั้ง
    ก็ลืมบางครั้งพอจำได้ก็ตลกตัวเองก็มี ฝันอย่างนี้เรื่องว่าฝันที่เกิดจากจิต
    ปรุงร่วมกับเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมา..

    ๒.ฝันแบบเจอเหตุการณ์อะไรต่างๆก็ตามที่ทำให้เราทราบถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา
    หรือทราบเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ และมันจะเกิดขึ้นจริงๆ.อย่างนี้เรียกว่า
    ฝันแบบมีภพภูมิช่วยทำให้ทราบ..

    ๓.กรณีคล้ายแบบที่ ๒ ถ้าเป็นความสามารถเราเองหลักสังเกตุคือ ตอนนั้นเราจะยัง
    ไม่นอนไม่ว่าอยู่ในสถานะการณ์ใดๆ แต่แค่จะงีบหลับไปชั่วขณะครับ..

    ๔.ฝันที่เกิดจากขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรม ที่จะมาทดสอบระดับกิเลสเราเช่น ปกติ
    เราไม่เคยขโมยของใคร แต่ในฝันมันจะของที่เราอยากได้มากๆวางไว้โดยที่ไม่มีใครเห็น
    ถ้าเราขโมยก็ถือว่าสอบตก ถ้าคิดจะขโมยแล้วหยิบก็ตก ถ้าคิดจะขโมยแต่ไม่หยิบก็ยัง
    ไม่ผ่าน ถ้าจะผ่านต้องไม่คิดขโมยเลย ประมาณนี้ครับ..

    ๕.ฝันแบบมีกำลังสติทางธรรม คือคล้ายกับเราคิดได้ แยกแยะได้ครับ ว่าในฝันเรากำลัง
    ทำอะไรอยู่ หรือคิดอะไรอยู่ ไม่ว่าจะกุศลหรืออกุศลก็ตามครับ....อย่างนี้คือฝันของบุคคล
    ที่เจริญสติมาดีพอควร และยิ่งคิดได้ว่า สิ่งไหนควรไม่ควรทำ แสดงว่า ระดับกิเลสก็น้อย
    พอใช้ได้ครับ..

    และหลักสังเกตุง่ายๆของความฝันนะครับ...แค่เรามีความคิดเพียงเล็กน้อย
    หรือแค่เรารู้ตัวว่า กำลังฝันโดยปกติเราก็จะตื่นแล้วครับ..แม้ว่าบางคนตื่นขึ้นมาแล้ว
    ร่างกายจะยังขยับตัวไม่ได้ทันทีเพราะจิตยังค้างอยู่ในสภาวะเป็นความเป็นทิพย์
    แต่หากกระตุ้นร่างกายอีกเล็กน้อย..เราก็จะตื่นแล้วครับ.เช่น ตะโกนบ้าง พยายาม
    ยกแข็งยกขา ยกไม้ยกมือบ้าง หรือแม้กระทั่งมีความกลัวมากๆในฝัน หรือวิ่งหนีอะไร
    เพียงแค่รู้ตัวแบบมีความคิดผุดขึ้นมาก็จะกลับร่างกายและตื่นเป็นปกติครับ...
    เพราะฉนั้นอย่างกรณีของเจ้าของกระทู้ให้ลองอ่านแล้วพิจารณาดูนะครับ
    ว่ามันใช่เพียงความฝันหรือเปล่านะครับ สุดแล้วแต่จะพิจารณา
    และความเข้าใจของบุคคลนะครับ...

    ปล. ที่เล่ามาทั้งหมดเพื่อเป็นหลักสังเกตุแบบหยาบๆนะครับ.แต่ก็คงจะยัง
    ไม่ทราบวัตถุประสงค์จริงๆเท่าไร แต่ก็คิดว่าพอจะมีประโยชน์บ้าง ขอบคุณครับ..
     
  7. นิราศสองภพ

    นิราศสองภพ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +78
    เป็นลำดับขั้นตามที่ คุณ nopphakan กล่าวมา
     
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    55555555555+

    สงสัยปฏิบัติดีนะครับ จขกท ขนาดในฝัน ก็ยังมีสติ แม้กายหลับอยู่

    อาการแบบนี้ เป็นของผู้ปฏิบัติที่มีสติแม้หลับอยู่ครับ

    ถ้ามีสติอยู่แม้หลับ ถ้าสติน้อยๆ หน่อย ก็จะทำได้แค่เป็นผู้ดูความฝัน

    ถ้าสติมากหน่อย ก็จะเป็นผู้ กำหนดความฝันได้ ว่าต้องการอะไร อยากฝันแบบไหน เรื่องไหน

    ถ้าสติมากๆนี่ กำหนด หรือ ทำอะไรก็ได้ เวลาร่างกายหลับอยู่ เหมือนตื่นตอนปรกติ แต่จริงๆ คือ ร่างกายหลับ แบบที่ จขกท บอกมานี่ละครับ

    ดังนั้นไม่ใช่เรื่องอันตรายใดๆ ครับ คนที่เป็นผู้ปฏิบัติ อาการแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

    แต่คงจะแปลก ละไม่เข้าใจ สำหรับคนที่ไม่เคยปฏิบัติ หรือไม่เคยเป็นนั้นเองครับ


    ยกตัวอย่างเช่น พวกซามูไร หรือ นักรบโบราณ แม้ร่างกายหลับอยู่ แต่ก็มีสติ รับรู้อาการต่างๆภายนอกร่างกาย เพื่อป้องกันอันตรายได้ เหมือนในหนังในหนังสือ ที่เคยอ่านๆ ก็คล้ายๆแบบนี้ละครับ


    แต่ เจ้าของกระทู้ ต้องการ แค่วิธีที่จะตื่นหลุดจากตอนที่ร่างกายหลับอยู่ แต่ จิตตื่นอยู่นั้น จขกทต้องการแค่นี้ ผมก็แนะนำว่า

    ให้ตั้งนาฬิกาปลุก เอาครับ ^^

    เพราะ จขกท ยังไม่ชำนาญในการที่จะทำให้ตัวเองหลุดออกมาเองได้นั้นเอง

    ถ้ายังไม่ชำนาญ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน เช่นกำหนดให้ตื่น มันก็จะตื่นจริง แต่ตื่นในฝันแทน 55555+

    เหมือนว่าตื่นนอนจริงๆ แต่จริงๆคือ โดนหลอก ยังอยู่ในฝันต่อ ละตื่นในฝัน วนลูปไปเรื่อยๆ ก็ได้ ^^

    ถ้าอยากจะตื่นจริงๆ มีหลายวิธี แต่ผมแนะนำว่า ให้ทำตามนี้ครับ หัดไปเรื่อยๆคือ

    ร่างกายเรา มี ขาแขน ครบ 32 ตามปรกติ

    ช่วงที่ร่างกายหลับอยู่ แต่จิตตื่นอยู่ มันจะเห็นแค่เหมือนเราลืมตาย แต่ไม่เห็นร่างกายตัวเอง

    จิตเราแค่เป็นผู้ดู อยู่

    แล้วให้ทำความรู้สึกร่างกาย ไล่จาก ขา ขาซ้าย ขาขวา แขนซ้าย แขนขวา ไปเรื่อยๆ

    เมื่อทำความรู้สึกในร่างกายแล้ว แขนขา ก็ให้เริ่มขยับช้าๆ เพื่อทำความรู้สึกในร่างกายตัวเอง

    แล้วก็ทำความรู้สึกที่เปลือกตา พยายามที่จะลืมตาขึ้นมาครับ

    พอลืมตาได้ขึ้นมา ก็จะตื่นตามปรกติเองครับ

    สิ่งสำคัญคือการทำความรู้สึกในร่างกาย ให้กลับมาครับ

    ถ้าเราไม่ทำ แต่ไปใช้วิธีกำหนดให้จิตตื่น อันนี้ กายมันก็จะหลับเหมือนเดิม แต่จิตจะไปตื่นในฝันแทน บลาๆๆๆ

    จบละ คร่าวๆ ก็ประมานนี้ละครับ


    แต่ผมบอกตรงๆ ไม่ต้องไปแก้อะไรหรอกครับ ปฏิบัติดีแล้ว แม้หลับอยู่ก็มีสติสูงแบบนี้

    ถ้าต้องการให้ผลปฏิบัติก้าวหน้าไวๆ ให้ ภาวนาในฝัน ต่อไปได้เลยครับ ไม่มีอันตรายใดๆ ทั้งสิ้นครับ

    อาการแบบนี้ พอถึงเวลาของมันเอง ก็จะตื่น หลุดจากฝันของมันด้วยตัวเองครับ

    หรือตั้งนาฬิกาปลุก เอาก็ได้ครับ ถึงเวลาดัง ก็ตื่นเองครับ จขกท.



    คนเราทั่วๆไป เวลานอน หลับก็ตกภวังค์

    แต่ถ้าคนที่ฝึกสติดีๆ จะเป็นร่างกายหลับ แต่ จิตตื่นอยู่แทนครับ
    ดังนั้นไม่มีอันตรายใดๆ ทั้งสิ้นครับ

    ถ้าสติต่ำๆหน่อย ก็จะฝันแล้วเราก็จะกลายเป็นผู้ดูความฝันนั้นโน้นนี่

    แต่ถ้าสติดีๆ เราก็กำหนด ตัดความฝันทิ้งไป แล้วก็ ภาวนากรรมฐานใน 40กอง เลือกมาภาวนาได้ครับ

    ละไม่ต้องกลัว พอถึงเวลา ก็จะตื่นของมันเองครับ ไม่ต้องกลัวตาย ไม่ตายหรอกครับ ถ้าเป็นใหม่ๆ อาจตกใจ ไม่เข้าใจว่าเป็นอะไร ก็เกิดให้กลัวขึ้นมานั้นเอง


    ดังนั้นแนะนำ จขกท ว่ากายหลับ จิตตื่น ก็ให้ภาวนาดีกว่าครับ จะก้าวหน้าไวมาก

    แต่ถ้า จขกท กลัว และต้องการจะตื่น ก็ให้เรียกทำความรู้สึกร่างกาย แขน ขา เปลือกตา เอา แล้วก็พยายามยกขา แขน หรือ ลืมตา ก็จะตื่นได้ครับ ^^

    .
     
  9. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

    ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๔
    ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

    ถาม : ๓๑๙. เรื่อง “ขณะฝันมีสติได้หรือเปล่า”

    ถาม : ขณะฝันอยู่ทำไมผมมีสติดีอย่างนั้น ผมรู้สึกขัดกับความเข้าใจแรกๆ ที่ว่าความฝันมันต้องไม่มีสติแน่ๆ ผมสงสัยมากเลยครับ ทั้งๆ ที่ตื่นขึ้นมายังไม่เข้าใจตนเองเลยว่าทำไมถึงคุมสติได้ดีอย่างนั้น



    หลวงพ่อ : มันคุมสติได้ดีอย่างนั้นมันเป็นวาระของมัน มันเป็นความสมดุลของจิต เห็นไหม หลวงตาใช้คำว่า “ฝันดิบ ฝันสุก” ฝันดิบๆ ก็คือเราคิดอยู่เนี่ย ความคิดนี่เราฝันกันอยู่นะ เราอยู่ในโลกของความเพ้อฝัน เราอยู่ในโลกของความคิด นี่ฝันดิบๆ แต่พอเวลาไปนอนนี่ฝันสุก คือฝันโดยจริงๆ แต่ตอนนี้เราก็ฝันอยู่ แต่เราฝันโดยมีสติ เรามีสติสตังอยู่นี่เรายังฝันอยู่.. นี้ความฝันไง
    ฉะนั้น บอกว่าทำไมเราคุมสติได้ขนาดนั้น.. เพราะขณะที่ว่าฝันดิบ ฝันสุก แต่ขณะนั้นจิตมันสมบูรณ์ของมัน คือวาระไง ! เราก็พยายามจะหาคำอธิบายตอบให้ได้ ให้เป็นวิทยาศาสตร์ เพราะเวลาอธิบายนี่นะอธิบายถึงเหตุถึงผล.. อธิบายถึงเหตุถึงผล เวลาเหตุผลมันมีที่มาที่ไปไง ที่มาหมายถึงว่าต้องการตอบปัญหานี้ แต่เวลาคนเขาเอาไปวิจัยนี่เขาจะพูดตัดตอนไปแล้วบอกว่ามันไม่ใช่ มันเป็นไปไม่ได้
    ฉะนั้น ถึงบอกว่าต้องพูดอธิบายให้เข้าใจได้ว่ามันเป็นเพราะอะไร แล้วมันก็เป็นความฝันใช่ไหม พอจบแล้วมันเป็นความฝัน เราก็ต้องมาปฏิบัติให้เป็นความจริงของเราเนาะ เอาเป็นความจริง นี้เป็นความฝัน.. ตอบปัญหานี้ก่อน อันนี้ตอบแค่นี้ก่อนนะ อันนี้มันเป็นของสดมันต้องตอบเลย มันไม่ใช่เว็บไซต์ เว็บไซต์เป็นของแห้ง ของแห้งไว้ตอบวันหลังก็ได้ ไอ้ของสดนี่ต้องตอบเลยเพราะเดี๋ยวเขากลับแล้ว



    http://www.sa-ngob.com/content_show.php?content=2786
     
  10. นิราศสองภพ

    นิราศสองภพ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +78
    อย่างที่คุณ saber กล่าวมา พอเข้าใจค่ะ และดิฉ้นว่า แนะนำดี เพียงแต่ว่า ไอการเรียกความรุ้สึกตามกายนั้น ได้ลองทำมาแล้ว เมื่อแรกก็ตื่นดี เช่นที่ดีฉันหายใจนั้น เพื่อเรียกกายที่มีลมหายใจ กรตุ้นให้กายตื่น มันตื่นค่ะ เพียงแค่นานไป มันกลายเปนลมชัด แขนขานั้นเรียกแล้วมี แต่ปรากฎชัดในฝันแทน กกรณีทางตา กลับกลายเปน หลับตาในฝันแล้วก้อมืด เหมือนหลับตาจริง หลับตาไปสักพัก ลืมตาขึ้นมาแล้ว ก็ยังไม่ตื่นค่ะ อยุ่ที่เดิมในฝัน ตอนนี้มันเหมือนว่า จะตื่นเองเมื่อมันอยากตื่น กลายเปนเหมือนมี 2 โลก คือ โลกในนิมิต และโลกความจริง ซึ่งทำได้คิดได้ ทุกสิ่ง เหมือนกันหมดทุกประการ เหมือน หลับแล้วไปตื่นในอีกโลก เสร็จแล้วพออิ่มก็มาตื่นอีกโลก แต่จะรุ้ชัดว่า นี่คือโลกในนิมิต เพราะมัน ไม่มีความรุ้สึกทางกาย เจบปวดไม่ได้ เท่านั้นเองค่ะ แต่อากัปกิริยาต่างๆ จับได้หมด ยกเว้นความเจ็บปวด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2014
  11. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    บางทีมันจะโดนความฝันหลอกเอานะครับ ว่าเราบังคับให้ลืมตาจริงแต่กลายเป็นว่า เป็นร่างกายในฝันแทน ไม่ใช่ร่างกายที่เราหลับอยู่นะคับ

    เผลอๆ บางที โดนหลอกไปโน้น นึกว่าตื่นจริงๆ อาบน้ำแต่งตัวออกไปนอกบ้าน บลาๆๆ ทั้งๆที่ร่างกายจริงหลับอยู่ แต่ จิตฝันไป แต่เราไม่รู้ตัวนึกว่า ตื่นจริงๆ จนกว่ามันหมดกำลัง ถึงจะตื่น ละพึ่งรู้ตัวว่า เวรฝันไปนิหว่า บลาๆๆ

    เพราะในฝัน มันมีแต่จิต ไม่มีความรู้สึกร่างกายของเราที่หลับอยู่ อย่างที่เข้าใจละครับ


    ดังนั้นเราต้องพยายามทำความรู้สึกร่างกาย กายจริงของเราให้ได้ครับ


    จิตเป็นทิพย์ ร่างกายเป็นของหยาบครับ

    เราฝันอยู่ อยู่ที่จิต มันตัดร่างกายออกไป


    ดังนั้น ต้องทำให้ต่ำลงมา ดึงลงมาให้เป็นสิ่งหยาบก็คือร่างกาย

    มันถึงจะหลุดออกมา ตื่นขึ้นมาครับ จขกท.

    ต้องพยายามทำความรู้สึกร่างกาย ดึงให้ต่ำลงมาถึงจะตื่นครับ

    แต่ จขกท ไม่ต้องไป สงสัยอะไรหรอก อาการพวกนี้ มันจะเป็นสักระยะครับ

    พอผ่านช่วงนี้ไป เดี่ยวก็นอน ตื่นได้ตามปรกติเอง

    เพียงแต่ว่า ช่วงนี้ จขกท อาจเจอปัญหา จิตตื่น แต่ร่างกายไม่ตื่น ก็แค่นั้นละครับ ทำให้ กังวล สงสัย กลัวนั้นนี่ขึ้นมา

    พอผ่านไปสักระยะ 3 4 เดือน หรือ นานๆหน่อย ก็เป็นปี เดี่ยวก็หายไปเองครับ

    อาจคงเพราะโดนบ่อยๆ จนชำนาญ ไม่ใช่พึ่งหัดตื่น ก็เลยหายไปเอง ^^
    .

    หรือไม่ก็ทำความรู้สึกร่างกาย กายจริง พยายามใช้ความรู้สึกร่างกาย พยายาม ยกแขนมือ มาดึงเปลือกตาให้ลืมตา เอาก็ได้ครับ ถ้าทำได้ ตื่นแน่ครับ อิอิ

    วิธีนี้ก็ได้ผลเหมือนกันครับ ถ้าลืมตาเองไม่ไหวก็ใช้วิธีนี้ได้คับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2014
  12. นิราศสองภพ

    นิราศสองภพ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +78

    คุณ saber เคยเป็นไหมคะ
     
  13. นิราศสองภพ

    นิราศสองภพ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +78
    คุณ nopphakan มีความรู้เยอะจริงๆ ค่ะ
     
  14. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    -0-

    ลองพิจารณาเองนะ ^^

    อย่าลืมนะครับว่าคนเรา เวลานอน ก็ฝันได้ พอฝันตามปรกติ ถึงเวลาตื่นนอน หรือมีสิ่งรบกวนเวลานอน ร่างกายคนเราก็จะตื่นขึ้นมาเองครับโดยที่เราไม่ต้องไปหาวิธีแก้ใดๆ ทั้งสิ้นครับ ^^


    อยากจะบอกว่า จขกท ไม่ต้องไปสนใจมากหรอกครับ อาการอยากจะตื่นนี่


    โดยทั่วๆไป ถ้าคนที่ปฏิบัติดีๆ จะรู้ตัว มีสติ อยู่ตลอดเวลา

    แม้กระทั้งหลับ ก็จะมีสติ ร่างกายเริ่มหลับ จนหลับ จะมีสติ รู้ตัวตลอด ร่างกายหลับไปแล้ว สติก็มีอยู่ไม่ขาดสติ รู้ตัวตลอด ครับ

    แต่ถ้าเป็นแบบทั่วๆไป ไปนอน หลับ ขาดสติ ตกภวังค์ ฝัน แล้วเราค่อยรู้ตัว ค่อยมีสติ ในฝัน นี่ ก็เป็นอีกอย่างนึง

    แต่ถ้าเป็นผู้ที่ปฏิบัติดีๆ เวลาไปนอน จิตจะไม่ตกภวังค์ จะมีสติ รู้ตลอดครับ อาการต่างๆ ที่ร่างกายหลับ จนกระทั้งกายหลับ ผู้ปฏิบัติดีๆ นี่จะรับรู้ได้ตลอดครับ


    แทนที่จะไปหาวิธีให้ตื่นจากความฝันนี่

    ผมแนะนำว่า ให้ภาวนาแทนครับ เมื่อมี สติรู้ตัวอยู่ ก็ให้ปฏิบัติกรรมฐาน ต่อไปเลยครับ

    เมื่อถึงเวลา จิตหมดกำลัง มันก็จะตื่นของมันเองครับ ^^

    ร่างกายก็ได้พักผ่อนตามปรกติ เราก็ทำงานทางจิต ภาวนาในกรรมฐาน ไปครับ
    ไม่ต้องไปหาไปแก้วิธีตื่นหรอกครับ

    เผลอๆ การที่ภาวนา แทนหาวิธีตื่นนี่ จะเป็นวิธีแก้โดยตรง ทำให้หายแทน ^^

    ปฏิบัติไม่ต้องไปกลัวตาย หรือ ติดอยู่ในความฝันหรอกครับ ถึงเวลาก็ตื่นเอง

    เอาว่าผมแนะนำ วิธีแก้อาการแบบนี้ โดยการให้ ภาวนาปฏิบัติกรรมฐาน เมื่อมีสติต่อแทนครับ



    .
    .
     
  15. นิราศสองภพ

    นิราศสองภพ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +78
    คุณ saber คงมีสติดีอยุ่ อาจจะรุ้สึกตัวก่อนตื่นหรือไม่นั้น น่าจะไม่เป็นวสี แต่คง ยังไม่เคยเปนแบบนี้
    เพราะถ้าคุณเคยเป็นแบบนี้ สิ่งแรกที่คุณจะต้องถามคือ ฉันฝันอะไร ทำไมฉันต้องอยากตื่น เกิดอะไรในนั้น ฝันเหมือนเดิมไหม ซ้ำซากไหม เพื่อดูจริตพื้นฐาน แล้วคุณจะเห็นภาพเดียวกัน
     
  16. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ถ้ากำลังสติสูง มีสติดีอยู่เรากำหนดตัดฝันนั้นทิ้งไปได้ครับ ถ้าเป็นฝันทั่วๆไป ที่เราไม่อยากดู

    แต่ถ้าเป็นแบบที่ว่า เป็นผู้ดู กำลังสติไม่มากพอ แล้วฝันแต่เรื่องร้ายๆ ที่โหดร้ายต่อตัวเอง


    แล้วก็ฝันซ้ำซาก เหตุการเดิมๆ ทุกๆวัน ติดต่อกันหลายๆวัน เรื่องเดิม เหตุการเดิมๆ หรือ เหตุการณ์อื่นๆ ที่โหดๆ ก็แล้วแต่ จนไม่อยากเจอ แบบนี้

    วิธีแก้คือ ต้องชนะในความฝันนั้นครับ

    อย่างแรก เราต้องทำให้ตัวเอง มีสติก่อนว่า นี่ร่างกายเราเอง จิตเราเอง

    เมื่อเป็นของตัวเอง เราก็จะสามารถ กำหนด สิ่งต่างๆในฝันที่ประสบได้ เพื่อแก้ไขจากเหตุการที่เราไม่เจอ เป็นเหตุการณ์อื่นแทน

    เราถึงจะสามารถ จบอาการฝันเรื่องที่เราไม่อยากเจอได้คับ


    เช่น ยกตัวอย่างว่า ฝันว่าโดนพวก อมนุษย์ทำร้ายร่างกาย ต่างๆนาๆ สยองขวัญ ติดต่อกันทุกคืน จนอยากตื่น

    เราก็ต้องทำให้ตัวเรามีสติ ละรู้ตัวว่า นี่ความฝันเราเอง ตัวเราเอง เราเป็นเจ้าของเอง แล้วก็กำหนดสิ่งของขึ้นมาเช่น ดาบหรือ พระขรรค์ ในมือขึ้นมา แล้วก็ จัดการ อมนุษย์เหล่านั้นไปให้หมด
    เราต้องให้รู้ตัวว่า เราเป็นผู้กำหนดเอง เพราะเป็นของเราเองฝันเราเอง

    ถ้าทำได้ รับรองว่าจะไม่มีมาอีกเลย ^^

    แต่ถ้าสติไม่ทันหรือมัวแต่เสวยอารมณ์ประสบกลัวในเหตุที่เจอในฝันนั้นเราก็จะโดนฝันนั้นทุกวันไม่จบได้ ดังนั้นต้องทำตัวเองทำจิตตัวเองให้มีกำลังขึ้นมา

    จิตมันมีความเป็นทิพย์ในตัวเองอยู่แล้วครับ อยู่ที่ว่าเราจะมีสติ มีกำลังที่จะจัดการไหม

    หรือถ้าเป็นแบบบางคนที่โดนคุณไส หรือ พวกจ้างหมอผี ส่งผีหรืออื่นๆ มาเล่นงาน บลาๆๆ นี่ ถ้าตัวเองกำลังไม่พอ ก็ต้องหาวัตถุมงคลอาราธนามาช่วยให้คุ้มครองตัวเองครับ

    หรือ ถ้าเป็นพวกเจ้ากรรมนายเวร พวกนี้ ก็ต้องอุทิศบุญกุศล ขออโหสิกรรมกันไป

    แต่ถ้าเป็นจำพวกที่ว่า กรรมเก่าอดีตชาติ ที่เราไปก่อไว้ หรือเราไปประสบเหตุการณ์มา เช่นโดนคนอื่นฆ่าตาย หรือประสบเหตุตาย แล้ว จิตสุดท้ายมันดันจำฝังใจ ตามมาโผล่ในชาติปัจจุบันอะไรพวกนี้

    พอมาชาติปัจจุบัน เราเกิด ละลึกได้ แล้วมาปรากฏให้เห็นเป็นนิมิตในชาติปัจจุบันนี้ ให้เราไม่อยากดู ติดต่อกันทุกวันทุกคืน

    ก็ต้องแนะนำว่า ให้ไปอธิฐานขอให้กรรมใดก็ตามในอดีตชาติ ที่ตัวเองเคยประสบมาก็ขอให้อโหสิกรรม หรือ งดเว้นตัดออกไปจากใจ เพราะเรามาเกิดชาติใหม่แล้ว อะไรพวกนี้แทนครับ ถ้าเรื่องพวกนี้ ต้องไปดูคลิปของแม่ชีทศพร จะมีหลายคนที่ประสบปัญหาแบบนี้ แม่ชีก็แนะนำวิธีแก้ของแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ


    จริงๆ ถ้าพูดถึงฝันที่เราไม่ต้องการเจอ หรือ ฝันร้ายเรื่องเดิมๆทุกวันนั้น ฝันว่าตัวเองโดนฆ่าตาย ต่างนาๆ นี่ ถ้าแก้ได้ แล้วจะไม่กลับมาฝันหลอกหลอนอีกตัวไปครับ

    อยู่ที่ว่าเราจะแก้ไขอย่างไร การที่เราต้องการบังคับตื่นนั้น บอกตรงๆ พอนอนครั้งต่อไป วันต่อไป ก็จะฝันเรื่องเดิมๆ เหตุการณ์เดิมๆ อีกไม่จบสิ้น เพราะมันฝังอยุ่ในจิต ครับ

    ถ้าจะแก้ มันก็ต้องไปแก้ที่จิต ต้องแก้ให้ถูกจุด มันถึงจะหายครับ

    บางเรื่องถ้าเป็น นิมิต ก็แนะนำว่า ให้ปล่อยวาง รับรู้แล้วปล่อยวาง อย่าไปสนใจ เสวยอารมณ์ นิมิตเรื่องพวกนี้เป็นจริงเป็นจังขึ้นมาให้ตัวเองทุกข์ บางเรื่องก็ต้องไปแก้ให้ถูกจุด แล้วแต่จริตแต่ละคนไม่เหมือนกัน ครับ
    บางเรื่อง ยิ่งเราสนใจมากเท่าไหร่ มันก็มาเรื่อยๆโดยที่เราไม่รู้ตัวเพราะเราไปสนใจจับเอามาฝังใจตัวเองโดยที่เราไม่รู้ตัว

    มีผลออกมาแล้ว ก็ต้องหาสาเหตุว่า เกิดจากอะไร ละก็แก้ตามให้ตรงจุดก็ช่วยได้ครับ

    กำลังบุญ กุศลกรรม ทาน ศีล ภาวนา ช่วยได้ครับ เพียงแต่ว่าเราใช้เป็นไหม


    หลวงพ่อเคยเทศน์สอนไว้ประมานว่า

    เปรียบเหมือนคนมีอาวุธ มีปืนติดตัว แต่ใช้ไม่เป็น ไม่รู้จักใช้เมื่อถึงเวลา เวลาโจรมาปล้น มันปล้นทั้งทรัพย์สิน กระทั้งอาวุธ ปืนก็โดนโจรปล้นไปด้วย


    นี่แนะนำดูอาจจะไม่ตรงตามจขกท ก็อ่านผ่านๆก็แล้วกันครับ ^^

    .
    .
    .

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2014
  17. นิราศสองภพ

    นิราศสองภพ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +78
    มีใครพอจะแนะนำอีก หรือมีใครเคยเป็นแบบนี้ มาแชร์ประสบการณ์หน่อยได้มั้ยคะ หรือมีความเห็นต่างจากนี้ ต่างจากที่ผู้ตอบกระทุ้ทุกคนกล่าวไว้ ขอคำแนะนำหน่อยค่า
     
  18. bornstut

    bornstut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +217
    ในความฝันผมถนัดเรื่องความฝัน
    เพราะผมฝันมันทุกวันเพราะฝึกจิต
    ที่มาเล่าเป็นฝันจริงไช่ว่าคิด
    ผมฝึกจิตสติรู้รู้เรื่องมัน

    ในบางครั้งฝันว่าตื่นแต่ไม่ตื่น
    ยังต้องตื่นอีกรอบสองของฝันนั่น
    มันมีซ้อนมันมีลึกฝันลวงกัน
    แต่สติรู้ทันจริงไม่หลงไม่ต้องกลัว

    ถ้ารู้ทันถ้ารู้จริงกลัวด้วยหรือ
    ที่กลัวคือรู้ไม่ทันจริงต่างหากนั่น
    ถ้ายังกลัวอย่ามาอ้างว่ารู้ทัน
    เพราะความฝันถ้ารู้ทันตื่นทันที
     
  19. นิราศสองภพ

    นิราศสองภพ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +78
    ดิฉันว่าคุณอย่ามาตอบกระทู้อีกเลยค่ะ กลอนของคุณ ตั้งแต่ ครั้งแรกทีตอบ จนถึงสุดท้ายนี้ มีแต่ความสับสน โอนเอน ไม่นิ่ง ไม่แน่ แม้แต่ใจคุณยังไม่นิ่ง ถ้าแนะนำคนอื่นแบบผิดๆไป จะเป็นผลเสียแก่ตัวคุณเอง ถ้าคุณจะมาแนะนำดิฉันได้ คุณต้อง รู้ เห็น เป็น ถ้าคุณมโนแบบนี้ มันตลกค่ะ อายเขา อายแทนเลยค่ะ

    กลับไปพิจารณาใหม่นะคะ
     
  20. bornstut

    bornstut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +217
    ก็สมควรแล้วครับที่รู้อาย
    เพราะความหมายในใจคุณไม่จริงใจนั่น
    ตั้งกระทู้เพื่ออวดตนทำไมกัน
    ถ้าจริงใจนั่นคุณไม่พูดอย่างที่เป็น

    บาย ไม่ต้องตอบโต้นะถ้าเจตนาดีจริง ผมหยุดละ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2014

แชร์หน้านี้

Loading...