ช้างเผือกในป่าอีสาน หลวงตาสมหมาย วัดป่าสันติกาวาส คำสอน/ประสบการณ์/วัตถุมงคล/ (ช่างชิต)

ตรวจงานมาละ ต่อจากตอนที่แล้วกันครับ

หลังจากรับตะกรุดมา หลวงพ่อก็คุยกับช่างชิตถามว่ามาจากไหนยังไง
ช่างชิตก็ตอบว่า เป็นคนอุดร ทำงานเป็นวิศวกรโยธาที่ชลบุรี หลวงพ่อท่านก็ว่า
ภาคอิสาน พระสายปฏิบัติเก่งๆดีๆเยอะมากนะ ท่านก็ถามว่ารู้จักหลวงปู่องค์นั้นองค์นี้ไหม ช่างชิตก็ตอบว่ารู้บ้างไม่รู้บ้าง จนมาถึงตอนที่ท่านบอกว่า ไม่ค่อยอยากจะจับพลังเท่าไรเพราะมันเป็นการไม่ควร ดังบทสนทนาต่อไปนี้

ลพ "หลวงพ่อไม่อยากจะจับดูตรวจสอบพลังพระหรอกนะคุณ มันไม่ดีเป็นเหมือนการท้าทายเจ้าของเขา เดี้ยวจะเล่าให้ฟัง"

ชช "ยังไงครับ ว่ามาเลย"

ลพ "ครั้งหนึ่งหลวงพ่อเคยจับพระหลวงปู่ทวดนะ มีโยมให้มาจับดู เราก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นของที่ไหนสร้างยังไง พอเข้าสมาธิเท่านั้นละ เจ็บจิ๊ดวิ่งมาจากนิ้วเลย ต้องรีบวาง"

ชช "ขนาดนั้นเลยหรอครับ"

ลพ "ใช่ มันเหมือนเราไปตรวจสอบท่านไม่เชื่อมั่นในตัวท่าน มันไม่ดีหรอก"

ฟังจบแทนที่จะนิ่ง แต่คนหน้าด้านดื้อมึนอย่างช่างชิตมีหรอจะหยุด 555555
ถอดพระอีกเส้นในคอส่งยื่นให้ท่าน ทันที

ชช "เหรียยกับตะกรุด ครูบาอาจารย์หลวงตาผม รบกวนหลวงพ่อดูหน่อยได้ไหมครับว่าดีด้านไหนบ้าง" ช่างชิตพูดพลางส่งสร้อยให้หลวงพ่อ

ลพ "เจ้าของเหรียญองค์เดียวกันกับตะกรุดไหม เหรียญสวยดีรูปธรรมจักรนิ" หลวงพ่อสอบถามหลังจากรับสร้อยไป พร้อมมองตรวจสอบดูสร้อยในมือ

ชช "ไม่ครับตะกรุดอีกองค์ เหรียญอีกองค์"

แล้วท่านก็จับที่เหรียญก่อนหลับตาซักพักท่านก็เอ่ยมาว่า

ลพ "เหรียญนี้แคล้วคลาดดีมากนะ"

พูดจบก็จับตะกรุดแล้วหลับตาซักครู่ก็พูดว่า

ลพ "ส่วนตะกรุดเป็นเมตตาและป้องกันนำมาเลยนะ ดีๆทั้งสองอย่าง"

ท่านพูดพรางจับเหรียญและตะกรุดไปมา

ลพ "คุณรู้จักหลวงปู่ไมไหม หลวงปู่ไม ผีย้าน นี่ก็เป็นสายป่าอีกองค์ที่เก่งมากนะ"
(ชื่อเสียงหลวงปู่ไม ท่านจะดังค่อนข้างเป็นวงกว้างมากทั้งๆที่ไม่ได้เปิดตัวหรือลงสื่ออะไร เพราะท่านเด่นเรื่องฤทธิ์มาแต่ไหนแต่ไร เป็นบุญเก่าท่าน ชาติปางก่อนท่านเป็นหลานพระอุปคุต มาชาตินี้ท่านจึงมีฤทธิ์เยอะและผีกลัวมาก)

ชช "รู้ครับ ก็ตะกรุดที่หลวงพ่อจับก็เป็นของท่าน ท่านเป็นอาจารย์ผมอีกองค์ครับ"

ท่านฟังช่างชิตตอบเสร็จก็ส่งพระคืนมาให้ พร้อมกับซัดช่างชิตนิ่มๆอีกชุด

ลพ "คุณเลิกสงสัยเถอะครูบาอาจารย์ระดับนี้แล้ว ไม่มีไม่ดีหรอก ยิ่งตัวคุณเองสงสัยมันยิ่งไม่เป็นผลดีต่อคุณ เหมือนไม่เชื่อมั่นครูบาอาจารย์นะ"

ชช "ครับ อิอิ" ช่างชิตยิ้มตอบท่านแบบเด็กน้อยกวนประสาท

คือ ก็เล่าสู่กันฟังละครับว่า จากวันนั้นเมื่อ 10 กว่าปีก่อนที่เจอหลวงตา จนมาวันนี้ช่างชิตหมดสงสัยไปนานแล้วครับ แต่ที่ถามก็เพราะอยากจะฟังคำตอบจากปากหลวงพ่อท่านดูว่า ท่านจะตอบมาแบบไหน จะเหมือนแนวที่เราได้ยินได้ฟังมาไหม และช่างชิตก็สนทนากับท่านอีกพักใหญ่ๆในหลายๆเรื่อง วัตถุมงคล คาถาอาคม การงาน และแอบถามท่านเรื่องคู่ครองนิดหน่อย อิอิ โดยรวมต้องบอกว่าไม่ผิดหวังครับ สมแล้วที่ไปกราบท่าน แม้จะไม่ใช่แนวที่เราคุ้นเคยแบบสายป่า แต่ มุมมองของท่าน เมตตาธรรมที่ท่านมี อะไรหลายๆอย่างก็ทำให้กราบได้สนิทใจเหมือนกัน ก่อนกลับท่านก็กล่าวกับช่างชิตว่า

ลพ "หน้าตาก็ดี หน้าที่การงานก็ดี คุณไม่มีคู่มีครอง คุณเลือกเยอะเองเปล่า
แต่มาแล้วไม่เสียเที่ยวจะลงน้ำมันเมตตาให้"

จัดไปอีกหนึ่งผลงานเพลงครับ อิอิ เสร็จกิจทุกอย่าง อยู่กับท่านเกือบสองชั่วโมง
ก็กราบลาท่านกลับกรุงเทพเมืองหลวงของเรา

เดี้ยวเอาภาพที่ไปกราบท่านพร้อมเฉลยหลวงพ่อนะครับ

*ปล ภาพสร้อยที่เอาให้หลวงพ่อท่านจับพลัง นั้นคือ
เหรียญพุทโธ ธัมโม สังโฆ ของหลวงตาสมหมายเราและตะกรุดทองคำหลวงปู่ไมครับ

เหรียญพุทโธ ที่ช่างชิตได้แจกจ่ายท่านไป ใครมีก็ให้รู้เลยนะครับว่า ครูบาอาจารย์สายเกจิสายคาถาอาคมก็รับรองแล้วว่า ดีเด่นด้านไหนและไม่ต้องสงสัยอะไรแล้วกับครูบาอาจารย์ระดับนี้ เก็บรักษากันไว้ให้ดีนะครับ สมกับหลวงตาที่กล่าวไว้ตอนดำริสร้างว่า
"คนส่วนมากยังหลงเปลือกอยู่ ยังเข้าไม่ถึงแก่น ถ้าจะทำเหรียญให้คนได้แขวนคุ้มครอง จะทำให้ขลังให้คนได้แขวนจริงๆ"

 

แฟนคลับช่างชิตตามมากรี๊ดดดด..................

 

เอาภาพมาให้ชมกันครับ และหลวงพ่อที่ช่างชิตไปกราบมาท่านคือ

หลวงพ่อพิเชษฐ์ วัดโคกหม้อ จังหวัด ลพบุรี ครับ ชื่อเสียงท่านหลายคนคงรู้จักกันดี
คนไม่รู้จักก็หาอ่านเอานะครับ 5555 ลูกศิษย์ท่านเยอะแยะ คนลงประวัติท่านเยอะ
มีโอกาสก็ไปกราบท่านได้เสมอ

 

ประกอบกับเรื่องที่ท่านเมตตาลูกศิษย์ลูกหาและไม่ได้ทำของมาขายเป็นกรพานิชย์เช่นที่อื่นๆ ทำเพื่อการอนุรักษ์และให้พอค่าใช้จ่ายในวัดเท่านั้น
อ่านตรงนี้แล้วในใจลพบุรี คิดว่าน่าจะใช่หลวงพ่อพิเชษฐ์
พอช่างชิตมาเฉลย55 ถึงว่าผมไม่ค่อยถูกหวย

 

55555

 

..ผมชอบชื่อเหรียญพุทโธ ธัมโม สังโฆ มากๆครับ
สาธุ..สาธุ..สาธุ

 

ผมคนลพบุรีแท้ๆ ยังไม่เคยไปเลย ต้องวิ่งไปบ้างแล้ว อิอิ

 

วันนี้ได้รับของแล้วครับ อนุโมทนากับช่างชิตด้วยครับ..

 

ได้รับเหรียญหลวงตาแล้วครับ
ขอบคุณช่างชิตครับ
อนุโมทนาบุญครับ

 

สวัสดีครับทุกท่าน วันพระใหญ่พระจันทร์สวย ประเพณีงาม
ใครไปลอยกระทงก็ขอให้มีแต่ความสุข ใครไม่ลอยก็ขอให้สุขพอๆกันนะครับ
วันนี้ช่างชิตตั้งใจจะไม่ไปลอย แต่เอาหน่อย ไม่อยากมานั่งเน่าในออฟฟิต
ปั่นจักรยานไปเรื่อยๆได้ข่าวมีงานลอยกระทงที่วัดติดทะเล
พอไปถึงสั่งหอยทอดกิน แต่ไม่อร่อยห่อกลับมาให้หมา
จิตใจเบิกบานบรรยากาศโอเค เดินถือกระทงไปริมเลก็ งง
ว่าคนแถวนี้ลอยทะเลกันจริงๆหรอ เดินถามสองสามคน
ก็บอกว่าลอยที่ทะเลนี้ละ งั้น ครั้งแรกในชีวิต เอาก็เอาวะ!!
อธิฐานเสร็จปล่อยกระทงปั๊บ คลื่นซัด คว่ำปุ๊ป 555555
"กระทงเอ้ยกระทง สะท้อนชีวิตช่างชิตแท้ๆ" เฮ้อออออออ

*ว่างๆเดี้ยวจะเอาวัตถุมงคลของหลวงตาที่ช่างชิตมีมาให้ดูกันนะครับ เผื่อใครเจอจากไหนจะได้เก็บไว้
ไม่ชอบใจ เอามาปล่อยให้ช่างชิตก็ได้ ของหลวงตาช่างชิต เก็บหมด

 

มารอชมวัตถุมงคลของหลวงตาครับ
สิ่งที่ไม่ดีคว่ำไปกับกระทงแล้ว
ต่อไปมีแต่สิ่งดีๆเข้ามาครับช่างชิต

 

ใครยังไม่ส่งซองมาก็รีบส่งมาหน่อยนะครับ อาทิตย์นี้ไม่ว่างเข้าบ้านน้า
อาทิตย์หน้าจะเข้าทีเดียวและจัดส่งให้พร้อมกันเลย เสร็จจากกิจกรรมครั้งนี้
คงไม่มีอีกแล้วนะครับ ครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้าย

 

ได้รับสิ่งมงคลที่รอคอยเป็นที่เรียบร้อยครับ ถูกใจเป็นที่สุด
พอดียังอยู่ ตจว ที่บ้านโทรมาแจ้ง
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาบุญด้วยครับ

 

ผมได้ส่งซองไปแล้ว แต่ไม่ทราบว่าจะต้องติดแสตมป์กี่บาท ผมเลยแนบเงินไปด้วย50บาท คงไม่ผิดกติกานะครับ อิ อิ

 

เดี้ยวผมจะดูให้นะครับ เสาร์อาทิตย์นนี้จะขึ้นไปจัดการให้

 

เข้ามาติดตามเรื่องราวหลวงตาสมหมาย และเรื่องราวต่างๆ ที่พี่ช่างชิตนำมาถ่ายทอดให้อ่านให้พิจารณากันครับ ติดตามอ่านนะครับพี่ช่างชิต

 

กลับมาแล้วครับทุกท่าน หลังจากมีเรื่องกวนใจนิดหน่อยกับการเข้ามาทำอะไรตรงนี้
แต่ตอนนี้โอเคแล้วครับ นึกถึงหลายๆคนที่ยังรออยู่กับสิ่งที่ช่างชิตตั้งใจทำก็ขอมองไปข้างหน้าดีกว่า วันนี้เอาภาพหลวงตา ล่าสุด ที่ไปประเทศ อินเดีย เพื่อไปนมัสการสถานที่อันเป็นจุดเริ่มต้นของพระพุทธศาสนาของเรา

 

พอดีนั่งอ่านประวัติหลวงปู่เรืองวัดเขาสามยอดในเนตไปพลางๆ ไปเจอบทความหนึ่งน่าสนใจมาก ท่านผู้หนึ่งเอามาลงใน พลังจิต เขียนมาได้ 5 ปีแล้ว(เขียนปี 2009 แต่บทความต้นฉบับ ช่างชิตไม่ทราบว่าปีไหน) ในเรื่องนี้สิ่งที่หลวงปู่ท่านกล่าวไว้ อ่านไปก็นึกในใจว่า "เอ้....คุ้นว่ะกับเรื่องประมาณนี้ ช่างชิตเคยอ่านที่ไหนว่ะ" นึกไปนึกมา "อ่อ หลวงตาเคยบอกช่างชิตนิ" จึงจำได้ว่าตัวเองเขียนเองนิหว่า 5555 เลยกลับมาอ่านครับ เอามาเทียบกันดูก็ทำให้คิดไปว่า "พระที่ท่านปฏิบัติมานิท่านรู้และเห็นในสิ่งเดียวกันจริงๆ สมกับที่พระพุทธเจ้าท่านว่า ไม่ต้องเชื่อท่านปฏิบัติเองแล้วจะรู้เองเห็นเอง ครูบาอาจารย์ท่านทำมาถ้ามาถูกทางและเป็นของจริง จะรู้แบบนี้ละ รู้ใน ธรรม รู้ในสิ่งที่มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถจะรู้ รู้ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านสอน เพียงแต่รูปแบบการพูดการอธิบายจะแตกต่างกันไปเท่านั้นตามนิสัยและสถานการณ์ ณ ตอนนั้น แต่ความหมายก็แบบเดียวกันจริงๆ" ว่าซะยาวลองมาอ่านเรื่องของ หลวงปู่เรื่องดูครับว่าเป็นยังไง (ช่างชิตคัดลอกมาแบบไม่ตัดออกครับ)

คัดจากหนังสือโลกลี้ลับ ฉบับที่ 209 ประจำเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2545
คัดจากบทความเรื่อง พิสูจน์ตำนาน หลวงปู่สมเด็จลุน โดยผู้เขียน คือคุณภักดีภูริ

ขออนิสงค์อันใดที่เกิดขึ้นจากอ่านบทความนี้ ขออุทิศแด่ หลวงปู่เรือง อาภัสโร และคุณภักดีภูริ

(คุณภักดีภูริ เป็นนักเขียนบทความธรรมะท่านหนึ่งของหนังสือในเครือโลกทิพย์ เป็นผู้สร้างวัดป่าสักภักดีภูริ ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ และเป็นผู้ที่เคยจัดสร้างพระหลวงปู่เทพโลกอุดร ที่ปลุกเสกโดยหลวงปู่หมุน หลวงปู่ลมัย ฯลฯ )

ขอขอบคุณสำนักพิมพ์โลกทิพย์ โลกลี้ลับ ตลอดจนคุณภักดีภูริ มา ณ ที่นี้
คุณภักดีภูริ เล่าชีวิตตนเองในช่วงหนึ่งไว้ว่า;

จนวันหนึ่งชีวิตเกิดพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากเศรษฐีเป็นยาจก หากจะใช้คำนี้ก็คงไม่ผิด ธุรกิจที่ทำล้มลงชนิดที่เรียกว่า “หมดตัว” ไม่มีอะไรเหลือ แม้แต่บ้านที่ซุกหัวนอนก็ถูกยึด ครอบครัวลำบากเดือดร้อนชนิดที่เรียกว่าไม่มีอะไรจะกิน ชีวิตมีแต่ความทุกข์ ที่นี้จะหันหน้าไปพึ่งใครนอกจาก พระ ที่ไม่เคยดูหมอดู ก็ตามหาหมอดูที่ว่าดูแม่นแบบสุดๆ ชนิดดูแบบตัวเลข ลายมือหรือพลังจิตไปมาหมด ด้วยเหตุผลที่ว่าความมั่นใจในตัวเองที่เคยมีหมดสิ้นไป
คำถามที่เคยคิดในใจตลอดเวลาว่า “ระหว่างเก่งกับเฮงอะไรสำคัญกว่ากัน” ในความเชื่อของผู้เขียนๆ มักมีความเชื่อมั่นตลอดมาว่า “เก่งย่อมดีกว่าเฮง” แต่เหตุการณ์วิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้ผู้เขียนเชื่อแล้วว่า ถึงจะเก่งอย่างไรก็สู้เฮงไม่ได้ เพราะกิจการที่ทำอยู่ผู้เขียนเริ่มต้นด้วยหลักวิชาการที่เรียนมา ซึ่งก็เป็นไปตามระบบและแผนงานที่วางไว้ทั้งหมด แต่แล้วทุกสิ่งที่สร้างมาตลอดชีวิตดับสิ้นสลาย ด้วยเหตุผลที่แทบจะไม่มีใครคิดว่ามันจะเป็นไปได้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว “ทรัสต์ล้ม แบงค์เจ๊ง” ซึ่งเมื่อไปหาหมอดูร้อยทั้งร้อยมักบอกให้ไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ต่ออายุหรือสืบชะตาก็ว่ากันไป เมื่อไปทำบุญตามวัดต่างๆก็เริ่มรู้จักเกจิอาจารย์รูปสำคัญหลายรูป ท่านก็ให้วัตถุมงคลมาบูชาบ้าง ช่วงนั้นยอมรับว่าจิตใจอ่อนแอมาก ใครแนะนำให้ทำอะไร ถ้าบอกว่าสามารถจะทำให้ชีวิตพลิกฟื้นได้เป็นไม่ชักช้า สะเดาะเคราะห์ ต่ออายุ สืบชะตา บังสกุลเป็น บังสกุลตาย ถวายผ้าป่า สังฆทาน บูชาราหู ทำพิธีเสริมชะตา ทรงเจ้าเข้าทรงทุกรูปแบบ ทำมาหมดไปมาหมด พอนานวันเข้า เอ๊ะ...ทำไมชีวิตมันยังไม่ดีขึ้น เริ่มศึกษาค้นคว้าถึงเหตุถึงปัจจัยว่า เพราะอะไร...ทำไม...อย่างไร

พบของจริง

วันหนึ่งมีโอกาสขึ้นไปกราบนมัสการ หลวงปู่เรือง อาภัสโร พระอภิญญาจารย์ชื่อดังแห่งเขาสามยอด จังหวัดลพบุรี ซึ่งท่านใช้ชีวิตอยู่บนเขาสามยอดรูปเดียวกว่าสี่สิบปี โดยไม่ยอมลงจากเขา ตอนนั้นหลวงปู่เรืองท่านยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักอย่างปัจจุบันนี้
พอพบหน้าคำถามแรกที่หลวงปู่เรืองท่านถาม...
“มาทำไม”
“มาขอบารมีหลวงปู่”
“บารมีอะไร”
“ก็บารมีที่หลวงปู่ปฏิบัติมาไงล่ะครับ”
“บารมีมันขอกันได้ที่ไหน มันต้องสร้างเองซิ จะมาขอกันง่ายๆ ได้อย่างไร”
“คือตอนนี้ผมลำบากมาก หนี้สินมากมายมหาศาล อยากจะขอให้หลวงปู่แผ่เมตตาช่วยเหลือ”
“โอ๊ยจะช่วยได้อย่างไร ทีตอนไปกู้เงินไม่เห็นจะมาบอก พอเป็นหนี้เสร็จค่อยมาบอก แล้วฉันจะช่วยได้อย่างไร ฉันหาเงินไม่เป็น ทำงานไม่เป็น เป็นแต่ภาวนา”
“นั่นแหละครับหลวงปู่ ผมอยากให้หลวงปู่ภาวนาแผ่เมตตา เผื่อว่าอะไรมันจะดีขึ้น อ้อหลวงปู่ครับ พอดีผมได้ กาฝากมะรุม มา เพื่อนเขาบอกว่าหายากมากครับ อยากให้หลวงปู่เสกให้หน่อย”

พูดไปหลวงปู่เรืองท่านก็หัวเราะไป
ในใจผู้เขียนเริ่มจะเคืองๆท่านหน่อยๆ ขออะไรก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ทำ ในใจคิดว่าอุตส่าห์ปีนเขากว่าชั่วโมง แบกของมาถวายก็หนัก ทำไมหลวงปู่ไม่เมตตาเลย แต่ดูเหมือน หลวงปู่เรืองท่านรู้วาระจิตผู้เขียน
ท่านพูดว่า
“ใจเย็น...อย่าเพิ่งโกรธกัน พักให้หายเหนื่อยก่อน เดี๋ยวค่อยคุยกันใหม่”
ผู้เขียนจึงออกมานั่งพักหน้าถ้ำ สักพักใหญ่พอหายเหนื่อยแล้วจึงคลานเข้าไปคุยกับท่าน คราวนี้ยังไม่ทันขออะไร ท่านก็พูดขึ้นมาก่อน
“เรื่องบางเรื่อง บางครั้งมันเป็นวิบากกรรม พระอรหันต์ยังช่วยไม่ได้ แล้วฉันจะช่วยอย่างไร เธอต้องเสวยผลกรรมก่อน แล้วกรรมจะค่อยๆบรรเทาเอง เธอเข้าใจผิดแล้วที่คิดว่าไปหาพระหาเจ้าท่านจะช่วยเธอได้ทุกรูป บางรูปท่านรู้แต่ท่านก็ไม่สามารถช่วยเธอได้เพราะอะไร....เพราะว่าหากไม่มี บุพกรรม ต่อกันมาแต่อดีตชาติ หรือกรรมที่เกี่ยวเนื่องกันมา ท่านก็จะไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเธอได้ แต่หากท่านกับเธอเคยมีบุพกรรมต่อกันมาท่านก็อาจจะสงเคราะห์บรรเทาทุกข์หรือกรรมของเธอได้ด้วยกระแสบารมีธรรมที่ท่านได้สร้างสมปฏิบัติมา โดยใช้วัตถุมงคลที่ท่านได้อธิษฐานจิตมาเป็นสื่อกลาง แต่เหนืออื่นใดเธอต้องปฏิบัติตัวเป็นคนดีเสียก่อน พระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านถึงจะช่วยได้”
นั่นคือสิ่งที่หลวงปู่เรืองท่านบอกกล่าว ซึ่งพอท่านพูดจบท่านก็ได้มอบ ผ้ายันต์ ซึ่งเป็นรอยมือรอยเท้าท่านให้ผู้เขียน
ซึ่งผู้เขียนเองหลังจากที่ได้รับผ้ายันต์ของหลวงปู่แล้ว ชีวิตก็เริ่มดีขึ้นทีละนิดทีละหน่อยแม้จะยังแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ไม่หมด แต่ก็เริ่มเห็นช่องทางในการแก้ปัญหาชีวิต
ซึ่งหากพิจารณาจากคำพูดของหลวงปู่เรืองที่ว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือ ครูบาอาจารย์ หากไม่มีบุพกรรมหรือเอื้อต่อกันก็คงจะไม่ช่วยเหลือหรือบันดาลให้เกิดโชคลาภความสำเร็จได้ ข้อนี้เห็นจะจริง ลองพิจารณาดูวัตถุมงคลรุ่นเดียวกัน บางคนนำไปบูชาเกิดโชคลาภเนืองๆ บางคนนำไปบูชาก็ไม่เห็นจะดีขึ้น มิหนำซ้ำกลับแย่ลงอีกด้วยซ้ำไปหรืออย่างภาพที่เห็นชัดเจน เช่นวัดหลวงพ่อโสธร บางคนไปบนบานศาลกล่าวไม่ช้าไม่นานก็ประสบความสำเร็จ แต่ก็มีมากรายที่ผิดหวังจึงขอให้ทุกท่านลองพิจารณาดู
...................................................
จบแล้วครับ

 

นึกว่ายาวอ่านไปเพลินๆ อ้าวจบซะแล้วเร็วจริง..55555

 

ตามคำสัญญาครับ ที่จะเอารูปวัตถมงคลหลวงตารุ่นต่างๆมาให้ชมกัน เริ่มที่
รูปหล่อรุ่นแรกเนื้อ นวะ มีแบบธรรมดากับ ก้นอุดผง เจอที่ไหนเก็บได้เลยนะครับ
(แต่คิดว่าคงไม่เจอง่ายๆเท่าไร) หรือใครมีไม่ชอบ ช่างชิตเก็บหมดครับ ลองมาคุยกัน